More Related Content
Similar to งานไอเอสที่ต้องใช้ส่งภายในอาทิตย์นี้สิ่งจำเป็น
Similar to งานไอเอสที่ต้องใช้ส่งภายในอาทิตย์นี้สิ่งจำเป็น (20)
งานไอเอสที่ต้องใช้ส่งภายในอาทิตย์นี้สิ่งจำเป็น
- 6. 2. ธรณีภาค
2.1 โครงสร้างของโลก
การแบ่งชันโครงสร้างภายในโลก แบ่งได้ 2 แบบ ดังนี
1) การแบ่งตามองค์ประกอบทางเคมี
แบ่งเป็น 3 ชั้น ได้แก่
ชันเปลือกโลก (crust)
ชันเนือโลก (mantle)
ชันแก่นโลก (core)
2) การแบ่งตามคุณสมบัติเชิงกล
แบ่งเป็น 5 ชั้น ได้แก่
แผ่นธรณีภาค (หินแข็ง) และฐานธรณีภาค คือ
เนือโลกตอนบน เนือโลกตอนล่าง แก่นโลก
ชันนอก และแก่นโลกชันใน
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2
- 7. 1) ชั้นเปลือกโลก
เปลือกโลกประกอบด้วย เปลือกโลกส่วนที่เป็นภาคพืนทวีป
และเปลือกโลกที่อยู่ใต้มหาสมุทรวางตัวอยู่บนชันเนือโลก
2) ชั้นเนื้อโลก
ชันเนือโลกมีความหนาประมาณ 2,900 กิโลเมตร
ประกอบด้วย หินเหลวและหินหนืด
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2
- 10. • กระบวนการภูเขาไฟ เป็นกระบวนการแปรสัณฐานอย่างรวดเร็ว เกิดจากแรงภายในโลกปะทุเอา
แมกมาขึนมาเป็นลาวา ก่อให้เกิดลักษณะภูมิประเทศใหม่ ๆ เป็นการเพิ่มระดับบนผิวโลกจากการ
ทับถมของลาวา การตกตะกอนทับถมของเถ้าถ่านและฝุ่นภูเขาไฟ
ปะทุตามรอยแยก ภูเขาไฟรูปโล่ กรวยเถ้าธุลีภูเขาไฟ กรวยภูเขาไฟสลับชั้น แอ่งภูเขาไฟ
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
ประเภทภูเขาไฟตามลักษณะการเกิด
2
- 15. • ชั้นหินคดโค้ง คือ รอยคดโค้งที่
ป ร า ก ฏ ใ น หิ น เ ป ลื อ ก โ ล ก
เกิดจากความเค้นและความเครียด
ของเปลือกโลก
ชั้นหินคดโค้งแบบพับผ้า
ไดอะแกรมแสดงชันหินคดโค้งแบบพับผ้า
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
ไดอะแกรมแสดงชั้นหินคดโค้งรูปประทุนและรูปประทุนหงาย
2
- 21. 1. กระบวนการผุพังอยู่กับที่
• การผุพังอยู่กับที่ เป็นการผุพังของหินด้วยลมฟ้าอากาศ ปัจจัยส้าคัญ คือ อุณหภูมิ และความชืนใน
บรรยากาศ
1.1 กระบวนการผุพังอยู่กับที่ทางฟิสิกส์ การขยายตัวและหดตัวของแร่ประกอบหินที่แตกต่างกัน
จากอุณหภูมิและความชืน ท้าให้ผิวหน้าหินแตกออก
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2
- 24. กระบวนการเคลื่อนที่ของมวล
- แผ่นดินถล่ม คือ การเคลื่อนที่ของมวลแผ่นดิน
เช่น ดิน หิน และสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินนันเลื่อนลง
มาตามความลาดชันของพืนที่
- การเลื่อนไถล คือ การเคลื่อนที่ของมวลเศษหิน
เศษดิน ลงมาตามความลาดชัน
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2 2. กระบวนการเคลื่อนที่ของมวล
กระบวนการที่เศษดิน เศษหินบนพืนที่ลาดเขาเคลื่อนที่ตามอิทธิพลแรงโน้มถ่วง
ลงสู่พืนที่ด้านล่างโดยมีน้าหรือแรงสั่นสะเทือนกระตุ้น
- 29. 3.2 กระบวนการพัดพา ที่สาคัญมีดังนี้
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
• การพัดพาท้องธาร เป็นการพัดพาโดยน้าหรือธารน้าแข็งที่พัดพาตะกอนหิน กรวด
ทรายขนาดต่าง ๆ ที่มีขนาดหยาบ น้าหนักมาก เคลื่อนไปตามพืน
• การแขวนลอย เป็นการเคลื่อนที่ของตะกอนละเอียดที่แขวนลอยไปกับน้าได้ในระยะ
ทางไกล ๆ เช่น ตะกอนทรายแป้ง ตะกอนดินเหนียว
2
- 30. • การกลิ้ง เป็นการเคลื่อนที่ด้วยแรงน้า ลม คลื่น ธารน้าแข็ง
• การเลื่อน เป็นการเคลื่อนแบบเลื่อนไปของตะกอนด้วยตัวการใด ๆ
• การกระดอน เป็นกระบวนการที่เกิดในทะเลทรายโดยลม
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2
- 32. 3. บรรยากาศภาค บรรยากาศ คือ ชันอากาศที่ห่อหุ้มโลก มีอุณหภูมิ ความหนาแน่น
ความกดอากาศแตกต่างกันตามระดับความสูง
3.1 ส่วนประกอบของบรรยากาศ
ส่วนประกอบของบรรยากาศ
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2
- 35. 2) สแตรโทสเฟียร์ บรรยากาศในชันนีสงบ เนื่องจากไม่มี
เมฆหรือพายุจึงใช้เพื่อการบิน ในชันนีมีแก๊สโอโซน
อยู่หนาแน่น ช่วยดูดกลืนรังสีอัลตราไวโอเลตจาก
ดวงอาทิตย์ไม่ให้มายังพืนโลกมากเกินไป
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2
- 43. 3) ระบบลมประจา
ลม คือ อากาศที่เคลื่อนที่ไปบนผิวโลก ลมพืนผิวโลกแบ่ง
ออกได้ ดังนี
1. เขตลมค้า
2. เขตลมตะวันตก
3. เขตลมตะวันออก
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2
- 44. 4) มวลอากาศของโลก
มวลอากาศ คือ กลุ่มอากาศขนาดใหญ่ที่มีคุณสมบัติทางอุตุนิยมวิทยาเหมือนหรือใกล้เคียงกัน ได้แก่
อุณหภูมิ ความชืน ความกดอากาศ และลักษณะการเคลื่อนตัว มวลอากาศมักมีคุณสมบัติทางอากาศเหมือนกับ
พืนผิวที่อากาศนันสัมผัสอยู่
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2
- 45. • แนวปะทะอากาศ (front) คือ แนวแบ่งเขตระหว่างมวลอากาศ 2 ชนิด มีสมบัติแตกต่างกันอย่างชัดเจน สมบัติมวลอากาศ
ที่แตกต่างกัน คือ ความหนาแน่น อุณหภูมิ ความชืน ทิศทางลม แนวปะทะอากาศ ได้แก่
• แนวปะทะอากาศเย็น
• แนวปะทะอากาศร้อน
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2
- 55. สารละลายในน้า ร้อยละ
คลอไรด์ (Cl-) 54.3%
โซเดียม (Na+) 30.2%
ซัลเฟต (So++) 7.6%
แมกนีเซียม (Mg++) 3.7%
แคลเซียม (Ca++) 1.2%
โปแตสเซียม (K+) 1.1%
ประจุอื่น ๆ 1.9%
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
• น้าเค็มเกิดจากการละลายของแร่
ที่เป็นเกลือจากเปลือกโลก
บนทวีป แล้วไหลมาสะสม
ใ น ท ะ เ ล แ ล ะ ม ห า ส มุ ท ร
สารละลายในน้าทะเล
2
- 57. 5. ชีวภาค (biosphere)
พืนที่บริเวณต่าง ๆ ในโลกที่มีสภาพแวดล้อมทางภูมิประเทศ ภูมิอากาศคล้ายคลึงกัน มักมีลักษณะ
ทางชีวนิเวศเหมือนกัน ความสัมพันธ์ การพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันของสิ่งมีชีวิตทังพืชและสัตว์ เป็น
ระบบการอยู่ร่วมกันอย่างสลับซับซ้อนของสิ่งมีชีวิต เรียกว่า ระบบชีวนิเวศ (biome)
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2
- 59. การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
เขตชีวนิเวศ ลักษณะ บริเวณที่พบ
1. ป่าฝนเขตร้อน หรือ
ป่าดิบชืน
(tropical rainforest)
มีความหลากหลายของพืชพรรณ
ทังชนิด ปริมาณ ขนาด และ
ระดับสูง พันธุ์ไม้ที่พบส่วนใหญ่
เป็นไม้วงศ์ยางตะเคียน มีจุลินทรีย์
ในดินสูง สัตว์ป่า เช่น เสือ ช้าง ลิง
อยู่ในเขตภูมิอากาศแบบ
ร้อนชืนแถบศูนย์สูตรแบบ
Af, Am
2. ป่าดิบแล้งเขตร้อน
(tropical dryforest)
มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง
บางครังในเขตป่าดิบชืนด้าน อับลม
จะมีป่าดิบแล้งแทรกอยู่บนไหล่เขา
พันธุ์ไม้ที่พบ เช่น ยางแดง
มะค่าโมง สัตว์ป่าเป็นสัตว์
ชนิดเดียวกับป่าฝนเขตร้อน
อยู่ในเขตภูมิอากาศร้อน
แห้งแบบ Aw ที่มีฤดูแล้ง
ชัดเจน กระจายอยู่ในเขต
ร้อนและค่อนไปทางกึ่งเขต
ร้อนของทุกทวีป
2
- 60. การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
เขตชีวนิเวศ ลักษณะ บริเวณที่พบ
3. ป่าผลัดใบ
เขตอบอุ่น
(temperate
deciduous forest)
มีพืชพรรณหลากหลายชนิดมี
พันธุ์ไม้ทุกระดับชันตังแต่ ไม้เตีย
ไม้พุ่ม ไม้ระดับกลาง และไม้ใหญ่
ระดับสูง เช่น สน เมเปิล สัตว์ป่า
เช่น กวาง สุนัขจิงจอก กระต่าย
แถบยุโรปตะวันตก
ยุโรปกลาง ตะวันออกของ
อเมริกาเหนือ ตะวันออก
ของจีน
4. ป่าฝนเขตอบอุ่น
(temperate
rainforest)
ลักษณะพืชพรรณเป็นแบบผสม
ระหว่างป่าผลัดใบเขตอบอุ่น
กับป่าฝน พันธุ์ไม้ที่พบ เช่น ยูคา
ลิปตัส วอลนัท เมเปิล สัตว์ป่า เช่น
กระรอก กระต่าย กวาง
อยู่ในเขตภูมิอากาศแบบ
อบอุ่น แต่ปริมาณ ฝน
สูงกว่า เช่น ทางตะวันออก
ของทวีปออสเตรเลีย
ทางใต้ของญี่ปุ่น
แหลมฟลอริดา
และทางตะวันออก
ของอเมริกาใต้
2
- 61. การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
เขตชีวนิเวศ ลักษณะ บริเวณที่พบ
5.ทุ่งหญ้าสะวันนา
(savanna tropical
grassland)
พืชพรรณเป็นทุ่งหญ้าสลับป่าโปร่ง
มีไม้พุ่มและไม้ยืนต้นระดับสูง
แทรกสลับ สัตว์ป่า เช่น สิงโต เสือ
ดาว ฮิปโปโปเตมัส แรด ช้าง
กระจายอยู่ในเขต
กึ่งแห้งแล้งของแอฟริกา
คาบสมุทรเดกกัน
คาบสมุทรอินโดจีน
ประเทศบราซิลและ
เวเนซุเอลา
6. ทุ่งหญ้าเขต
อบอุ่น
(temperate
grassland)
พืชพรรณส่วนใหญ่เป็นทุ่งหญ้า
ไม่มีต้นไม้เหมือนทุ่งหญ้าเขตร้อน
พืนที่ทุ่งหญ้ามักมีดินอุดมสมบูรณ์
สัตว์ป่า เช่น กวาง นก แมลง
ตอนกลางของทวีป
อเมริกาเหนือ ตอนกลาง
ของทวีปเอเชียและ
ออสเตรเลีย
2
- 62. การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
เขตชีวนิเวศ ลักษณะ บริเวณที่พบ
7. พืชพรรณแบบ
เมดิเตอร์เรเนียน
หรือป่าแคระ
(chaparral หรือ
scrub)
พืชพรรณส่วนใหญ่เป็นป่าไม้
พุ่มเตียและมีไม้ยืนต้นแทรกสลับ
เช่น ไม้โอ๊ก ไม้มะฮอกกะนี
ไม้มะกอก สัตว์ป่า เช่น กวาง
กระต่าย นก
พบบริเวณทะเล
เมดิเตอร์เรเนียนและ
ตอนเหนือของแอฟริกา
เขตนีมีฝนตกในฤดูหนาว
และอยู่ไม่ไกลจากทะเล
8. พืชพรรณ
ทะเลทราย
(tropical and
temperate desert)
พืชพรรณที่พบเป็นพืชทนแล้ง เช่น
ตะบองเพชร ไม้หนาม ต้นปาล์ม
ไม้พุ่ม ทุ่งหญ้า สัตว์ป่า เช่น งู
แมงป่อง อูฐ แมลงต่าง ๆ
พบบริเวณทะเลทรายที่มี
น้าซึมออกมา เช่น บริเวณ
โอเอซิส หรือบริเวณที่มี
ทางน้าใต้ดิน
2
- 63. การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
เขตชีวนิเวศ ลักษณะ บริเวณที่พบ
9. พืชพรรณ
เขตหนาวหรือป่าไทกา
(boreal rainforest)
พืชพรรณส่วนใหญ่เป็นไม้สน
จึงเรียกป่าสนเขตไทกา สัตว์ป่า
เช่น หมี กวาง สุนัขจิงจอก
ยุโรปเหนือผ่านรัสเซียจนถึง
ไซบีเรียและคาบสมุทรคัมชัตคา
ในทวีปอเมริกาเหนือพบใน
แคนาดา และบางส่วนใน
อะแลสกา เกาะใต้ของประเทศ
นิวซีแลนด์และบริเวณ ปลาย
แหลมของทวีปอเมริกาใต้
10. พืชพรรณ
แบบทุนดรา
(tundra)
ส่วนใหญ่เป็นพืชขนาดเล็ก เช่น
มอสส์ ไลเคน หญ้า ไม้พุ่ม
ขนาดเล็ก สัตว์ป่าที่พบในเขต
ขัวโลก เช่น กวางเรนเดียร์
แมวน้า เพนกวิน
อยู่ในเขตภูมิอากาศแบบ ET ที่มี
อากาศหนาวเย็นแบบกึ่งขัวโลก
และขัวโลก ในดินมีชันเยือกแข็ง
ของน้าในดิน
2
- 65. 1) ภูมิประเทศที่เกิดจากการกร่อนโดยน้าที่สาคัญ มีดังนี้
ลาธาร (stream)
ภูมิประเทศที่เป็นเส้นทางน้าไหล เป็นช่วงหนึ่งของล้าน้าที่ต่อมาจาก
ล้าห้วย
แก่ง (rapids)
ภูมิประเทศที่อยู่ในร่องน้าระดับต่างๆ ส่วนใหญ่เป็น
โขดหินที่แข็งไม่ถูกเซาะได้ง่าย เช่น หินทราย หินอัคนีบางชนิด
น้าตก (waterfall)
ภูมิประเทศที่เกิดจากความต่างระดับในเส้นทางน้าหรือ
ร่องน้า ท้าให้สายน้าไหลตกในแนวตังฉากหรือลาดเอียงตามลักษณะ
ทางน้าที่ต่างระดับกัน
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2
- 70. 1) ภูมิประเทศที่เกิดจากการกร่อนโดยน้าใต้ดินที่สาคัญ มีดังนี้
ถ้า (cave)
ภูมิประเทศที่เป็นโพรงขนาดใหญ่ ลึกเข้าไปในพืนดินหรือภูเขา ส่วนใหญ่เกิดในหินปูน
หลุมยุบ (sinkhole)
ส่วนใหญ่เกิดจากการละลายของหินที่อยู่ด้านล่าง แล้วถูกน้าใต้ดินพาตะกอนออกไป พืนดินด้านบน
จึงยุบลงเป็นหลุมใหญ่
คาสต์ (karst topography)
ลักษณะภูมิประเทศในพืนที่ที่มีหินปูน ที่ถูกชะล้างสลายเนือหินออกไปจนเหลือแต่ซาก
หินปูนรูปแบบต่าง ๆ มากมาย
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2
- 74. 2) ภูมิประเทศที่เกิดจากการทับถมโดยคลื่นที่สาคัญ มีดังนี้
สันดอน (bar)
เนินที่เกิดจากกระแสน้าชายฝั่งหรือคลื่นพัดพาตะกอนมาทับถม
หาด (beach)
เกิดจากการที่คลื่นพัดพาตะกอนไปทับถม หาดที่เป็น
ตะกอนทรายเรียกว่า หาดทราย หาดที่มีก้อนกรวดเรียกว่า
หาดหิน หาดที่มีดินโคลนเรียกว่า หาดเลน
ลากูน (lagoon)
แอ่งน้าเค็มที่มีลักษณะแคบตืน
ชะวากทะเล (estuary)
ภูมิประเทศชายฝั่งทะเลที่เว้าเป็นช่องเข้าไปยังปากแม่น้า
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2
- 75. 1.4 กระบวนการของลมกับลักษณะภูมิประเทศ
ในเขตทะเลทรายของโลกมีตัวการส้าคัญที่ปรับระดับเปลือกโลก คือ ลม ความรุนแรงของลมใน
ทะเลทรายสามารถสร้างและเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศได้หลายรูปแบบ การปรับระดับเปลือกโลกในทะเลทราย
มีทังการกร่อนและการทับถม
ภูมิประเทศที่เกิดจากการกร่อนโดยลมอาจไม่ได้เกิดขึนจากลมโดยตรง แต่ลมสามารถพัดพา
เม็ดทราย กรวดหินก้อนเล็ก ๆ ให้กลิง ขีดข่วน ขัดสี ขัดเกลาสิ่งขวางกันหรือพืนลานหินให้เป็นร่องรอยและ
เปลี่ยนรูปร่างได้
ในเขตทะเลทรายจะมีลมพัดแรง บางครังเกิดเป็นพายุทราย (sand storm) โดยพายุทรายสามารถ
หอบทรายและฝุ่นละอองไปได้ไกล และทับถมเกิดเป็นภูมิประเทศแบบต่าง ๆ
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2
- 76. 1) ภูมิประเทศที่เกิดจากการกร่อนโดยลมที่สาคัญ มีดังนี้
เสาหิน (pedestal rock)
เกิดจากกระบวนการพัดกราดของลมในทะเลทราย
ดาดกรวดทะเลทราย (desert pavement)
เกิดจากลมพัดพาเอาเม็ดทรายออกไป
แอ่งลมหอบ (blowout)
ภูมิประเทศถูกลมพัดพาท้าให้มีลักษณะพืนผิวเป็นหลุมเป็นบ่อ
ลาดเชิงเขาสึกกร่อน (pediment)
เกิดการเซาะกร่อนโดยลมหรือน้าในบางเวลา
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2
- 77. 2) ภูมิประเทศที่เกิดจากการทับถมโดยลม
เนินทราย (sand dune)
ภูมิประเทศในทะเลทรายที่เกิดจากการทับถม
ของตะกอนทรายที่ลมพัดพามา
ดินลมหอบ (loess)
ภูมิประเทศที่เกิดจากการทับถมของตะกอน
ทรายแป้งที่ลมพัดพามาไม่มีลักษณะเป็น
ชันไม่จับตัวแข็ง ส่วนใหญ่ถูกพัดพามา
จากทะเลทราย
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2
- 91. 3. การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่ส่งผลต่อ
ทรัพยากรธรรมชาติ
3.1 การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่ส่งผลต่อทรัพยากรดิน
ดิน เป็นมวลรวมของวัตถุขนาดเล็กที่ย่อยสลายจากวัตถุประกอบโลก ดินประกอบด้วย มวลวัตถุที่
เป็นอนินทรียสาร อินทรียสาร น้าและอากาศ ดังนัน ส่วนผสมในดินเป็นส่วนผสมที่แปรเปลี่ยนไปตามสภาพ
ปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบของดิน เมื่อสภาพปัจจัยในการก่อเกิดดินเปลี่ยนจะท้าให้กระบวนการเกิดและสร้างดิน
ปรับเปลี่ยนไปด้วย ปัจจัยส้าคัญที่ควบคุมการก้าเนิดดิน คือ วัตถุต้นก้าเนิดดิน ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ
อินทรียวัตถุ และเวลา
1) วัตถุต้นกาเนิดดินที่ส่งผลต่อทรัพยากรดิน
วัตถุต้นก้าเนิดดิน คือ หินดินดาน หินทราย หินปูน หินแกรนิต หินบะซอลต์ เมื่อสลายตัวจึงเกิดเป็นดิน
ที่มีลักษณะแตกต่างกัน
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2
- 93. 2) ภูมิประเทศที่ส่งผลต่อทรัพยากรดิน
• ที่ราบ มักเป็นที่สะสมของตะกอนอินทรียวัตถุและความชืน จึงพัฒนาชันดินบน คือ ชัน O และ A
ได้หนา
• ที่เนิน โคก โนน เป็นภูมิประเทศที่สูง การซึมซาบและการชะล้างของน้าผิวดินเกิดขึนได้ง่าย จึงมีการ
สะสมอนุภาคละเอียดในชันดินล่าง
• ที่ลาดเชิงเขา มักเป็นดินตืน มีชันดินไม่ครบ หรือมีการสูญเสียหน้าดินได้ง่าย จึงมักจะมีชัน A และ C
• ที่สูงภูเขา ดินไม่มีโอกาสพัฒนาชันดินมากนัก
• ที่ราบสูง ถึงแม้จะมีระดับสูง แต่เป็นที่ราบ การพัฒนาของดินจึงเกิดขึนได้ ดินมีทุกระดับชัน
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2
- 94. 3) ภูมิอากาศที่ส่งผลต่อทรัพยากรดิน
• เขตฝนชุกและอุณหภูมิสูง เช่น เขตร้อน การผุสลายของหินและแร่มีมาก ท้าให้มีชันวัตถุต้น
ก้าเนิดดินหนาสามารถพัฒนาดินได้มาก
• ในเขตฝนแล้ง อุณหภูมิสูง คือ เขตแห้งแล้ง การระเหยมีมาก จึงมักมีชันเกลือเข้ามาแทรกชันอยู่
เป็นผลท้าให้ดินเค็มได้
• ในเขตหนาว ความชื้นสูง มักมีชันน้าแข็งอยู่ใต้ดิน เมื่อหน้าร้อนน้าแข็งละลาย หน้าดินจะถูกพา
เคลื่อนที่ไปกับน้า ท้าให้เกิดการสูญเสียหน้าดิน
• ในเขตที่มีฤดูแล้งสลับฤดูฝน จะมีการพัฒนาชันดานในชันดินล่าง โดยเฉพาะบริเวณที่ดอน เช่น
มีชันดานเหล็ก
ดานดินเหนียว ดานปูน เกิดขึนแทรกอยู่ในชันดินล่าง
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2
- 95. 4) อินทรียวัตถุที่ส่งผลต่อทรัพยากรดิน
• อินทรียวัตถุเป็นส่วนประกอบของดิน แต่ละภูมิอากาศจะมีอินทรียวัตถุแตกต่างกัน พืนที่ที่มี
อินทรียวัตถุสูงแต่สูญสลายช้า เช่น ในเขตอบอุ่นจะท้าให้ดินอุดมสมบูรณ์ ส่วนสัตว์นันจะ
เป็นตัวการช่วยสร้างดิน โดยพวกจุลชีพทังหลายและสัตว์เลือยคลานบางชนิด เช่น ไส้เดือน มอด
ปลวก มด แมลงบางชนิดจะช่วยผสมคลุกเคล้าดิน ดังนันดินที่มีซากอินทรียวัตถุมากน้อยต่างกัน
จะท้าให้ดินต่างกัน
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2
- 96. 5) เวลาที่ส่งผลต่อทรัพยากรดิน
• ระยะที่ 1 เป็นระยะที่มีวัตถุต้นก้าเนิดดิน ซึ่งอาจเป็นวัสดุที่ผุพังอยู่กับที่ หรือเป็นวัสดุที่ถูกพัดพามา คือ ชัน C
• ระยะที่ 2 เป็นการพัฒนาชันดินบน โดยมีการย่อยสลายของซากพืช ซากสัตว์ ท้าให้มีฮิวมัสอยู่มาก ประกอบด้วย
อินทรียวัตถุเป็นส่วนใหญ่ และคลุกเคล้าชันดินบนเป็นชัน O
• ระยะที่ 3 เป็นระยะที่กระบวนการทางดินด้าเนินการสร้างชันดินล่างด้วยกระบวนการ ชะซึมอนุภาคเข้ามาสะสม
หรือชะล้างออกไป ท้าให้ชัน C บางส่วนเปลี่ยนไปเป็นชัน B และชันดินบนคลุกเคล้าอินทรียวัตถุเป็นชัน A
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2
- 98. 3.2 การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่ส่งผลต่อทรัพยากรน้า
1) เกิดน้าแข็งละลายที่ขั้วโลกและยอดเขา
• แหล่งน้าบนผิวโลกที่อยู่ในรูปของธารน้าแข็งที่ขัวโลกและยอดเขาสูง เมื่ออุณหภูมิของบรรยากาศสูงขึนเป็นผลท้าให้
ธารน้าแข็งละลาย การที่ธารน้าแข็งละลายเป็นการเปลี่ยนสถานะของน้า จากของแข็งเป็นของเหลว และส่วนหนึ่งเมื่อ
ละลายจะไหลเป็นทางน้าสู่ล้าห้วย ล้าคลอง และแม่น้า แล้วระเหยสู่อากาศไปอยู่ในรูปของไอน้าและก้อนเมฆ
อีกส่วนหนึ่งไหลลงสู่ทะเล ท้าให้ระดับน้าทะเลเพิ่มขึน
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2
- 99. 2) เกิดสภาวะฝนตกหนักในบางพื้นที่
• ผลจากอุณหภูมิของบรรยากาศสูง การระเหยคายน้าจากพืนผิวโลกเป็นไปในอัตราที่สูง ท้าให้การสะสมไอน้าใน
บรรยากาศมีมาก เมื่อไอน้าสะสมในบรรยากาศมากขึน ท้าให้เกิดสภาวะฝนตกมากในบางพืนที่ และเกิดสภาวะ
แห้งแล้งในบางพืนที่ เช่น การเกิดสภาวะปรากฏการณ์เอลนิโญ (El Niño) การเกิดปรากฏการณ์ลานีญา
(La Niña)
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2
- 103. การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
2. กระบวนการแปรสัณฐานอย่างช้า ๆ ของโลกมีลักษณะตรงกับข้อใด
1. การตกตะกอนทับถมของเถ้าถ่านและฝุ่นภูเขาไฟ
2. การกระท้าจากภายนอกโลกต่อเปลือกโลก
3. การที่แรงภายในโลกปะทุเอาแมกมาขึนมาเป็นลาวา
4. การเกิดปฏิกิริยาทางเคมีจากแก๊สที่อยู่ในชันบรรยากาศ
5. การที่เปลือกโลกมีการเคลื่อนที่ชนกันเนื่องจากการเคลื่อนตัวของหินหนืด
2