More Related Content
Similar to องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ (1)
Similar to องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ (1) (20)
More from mayochikijo (17)
องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ (1)
- 2. องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
• คอมพิวเตอร์ทำงำนอย่ำงเป็นระบบ (System) หมำยถึงภำยในระบบงำนคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยองค์ประกอบย่อยที่
มีหน้ำที่เฉพำะ ทำงำนประสำนสัมพันธ์กัน เพื่อให้งำนบรรลุตำมเป้ ำหมำย ในระบบงำนคอมพิวเตอร์
• กำรที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์เพียงอย่ำงเดียว จะยังไม่สำมำรถทำงำนได้ด้วยตัวเอง ซึ่งหำกจะให้คอมพิวเตอร์ทำงำนได้
อย่ำงเป็นระบบและมีประสิทธิภำพแล้ว ระบบคอมพิวเตอร์ควรจะประกอบไปด้วยองค์ประกอบคือ บุคลำกร
(Peopleware) ฮำร์ดแวร์ (Hardware) ซอฟต์แวร์ (Software) ข้อมูล(Data) สำรสนเทศ(Information) และกระบวนกำร
ทำงำน ( Procedure )
- 5. • 1. ฮาร์ดแวร์ ( Hardware )
• ฮำร์ดแวร์เป็นองค์ประกอบของตัวเครื่องที่สำมำรถจับต้องได้ ได้แก่ วงจรไฟฟ้ ำ ตัวเครื่อง จอภำพ เครื่องพิมพ์ คีร์
บอร์ด เป็นต้นซึ่งสำมำรถแบ่งส่วนพื้นฐำนของฮำร์ดแวร์เป็น 4 หน่วยสำคัญ
• 1.1 หน่วยรับข้อมูลหรืออินพุต ( Input Unit) ทำหน้ำที่รับข้อมูลและโปรแกรมเข้ำ เครื่อง มีโครงสร้ำงดังรูป 1.3 ได้แก่
คีย์บอรืดหรือแป้ นพิมพ์ เมำส์ เครื่องสแกน เครื่องรูดบัตร Digitizer เป็นต้น
• 1.2 ระบบประมวลผลกลำงหรือซีพียู (CPU : Central Processing Unit) ทำหน้ำที่ในกำรทำงำนตำมคำสั่งที่ปรำกฏอยู่ใน
โปรแกรม ปัจจุบันซีพียูของเครื่องพีซี รู้จักในนำมไมโครโปรเซสเซอร์ ( Micro Processor) หรือ Chip เช่นบริษัท Intel คือ
Pentium หรือ Celelon ส่วนของบริษัท AMD คือ K6,K7(Athlon) เป็นต้น ไมโครโปรเซสเซอร์ มีหน้ำที่ในกำรประมวลผล
ข้อมูล ในลักษณะของกำรคำนวณและเปรียบเทียบ โดยจะทำงำนตำมจังหวะเวลำที่แน่นอน เรียกว่ำสัญญำณ Clock
เมื่อมีกำรเคำะจังหวะหนึ่งครั้ง ก็จะเกิดกิจกรรม 1 ครั้ง เรำเรียกหน่วย ที่ใช้ในกำรวัดควำมเร็วของซีพียูว่ำ
“เฮิร์ท”(Herzt) หมำยถึงกำรทำงำนได้กี่ครั้งในจำนวน 1 วินำที เช่น ซีพียู Pentium4 มีควำมเร็ว 2.5 GHz หมำยถึง
ทำงำนเร็ว 2,500 ล้ำนครั้ง ในหนึ่งวินำที กรณีที่สัญญำณ Clock เร็วก็จะทำให้คอมพิวเตอร์เครื่องนั้น มีควำมเร็วสูง
และ ซีพียูที่ทำงำนเร็วมำก รำคำก็จะแพงขึ้นมำกตำมไปด้วย
- 6. • 1.3 หน่วยเก็บข้อมูล ( Storage ) ซึ่งสำมำรถแยกตำมหน้ำที่ได้เป็น 2 ลักษณะ คือ
• 1.3.1 หน่วยเก็บข้อมูลหลักหรือควำมจำหลัก ( Primary Storage หรือ Main Memory ) ทำหน้ำที่เก็บโปรแกรม
หรือข้อมูลที่รับมำจำกหน่วยรับข้อมูลเพื่อเตรียมส่งให้หน่วยประมวลผลกลำงทำกำรประมวลผล และรับผลลัพธ์ที่ได้
จำกกำรประมวลผลเพื่อส่งออกหน่วยแสดงข้อมูลต่อไปซึ่งอำจแยกได้เป็น 2 ประเภท คือ RAM ( Random Access
Memory ) ที่สำมำรถอ่ำนและเขียนข้อมูลได้ในขณะที่เปิดเครื่องอยู่ แต่เมื่อปิดเครื่องข้อมูลใน RAM จะหำยไป และ ROM
( Read Only Memory ) จะอ่ำนได้อย่ำงเดียว เช่น BIOS (Basic Input Output system) โปรแกรมฝังไว้ใช้ตอนสตำร์ต
เครื่อง เพื่อเครื่องคอมพิวเตอร์เริ่มต้นทำงำน เป็นต้น
• 1.3.2 หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง ( Secondary Storage ) เป็นหน่วยที่ทำหน้ำที่เก็บข้อมูล หรือโปรแกรมที่จะ
ป้ อนเข้ำสู่หน่วยควำมจำหลักภำยในเครื่องก่อนทำกำรประมวลผลโดยซีพียู รวมทั้งเป็นที่เก็บผลลัพธ์จำกกำร
ประมวลผลด้วย ปัจจุบันรู้จักในนำมฮำร์ดดิสก์ (Hard disk) หรือแผ่นฟร็อปปีดิสก์ (Floppy Disk) ซึ่งเมื่อปิดเครื่อง
ข้อมูลจะยังคงเก็บอยู่
• 1.4 หน่วยแสดงข้อมูลหรือเอำต์พุต ( Output Unit ) ทำหน้ำที่ในกำรแสดงผลลัพธ์ที่ได้จำกกำรประมวลผล ได้แก่
จอภำพ และเครื่องพิมพ์ เป็นต้น ทั้ง 4 ส่วนจะเชื่อมต่อกันด้วยบัส ( Bus )
- 8. •2 ซอฟต์แวร์ ( Software )
• ซอฟต์แวร์ คือโปรแกรมหรือชุดคำสั่ง ที่สั่งให้ฮำร์ดแวร์ทำงำน รวมไปถึงกำรควบคุมกำรทำงำน ของอุปกรณ์
แวดล้อมต่ำงๆ เช่น ฮำร์ดดิสก์ ดิสก์ไดร์ฟ ซีดีรอม กำร์ดอินเตอร์เฟสต่ำง ๆ เป็นต้น ซอฟต์แวร์ เป็ นสิ่งที่มองไม่เห็น
จับต้องไม่ได้ แต่รับรู้กำรทำงำนของมันได้ ซึ่งต่ำงกับ ฮำร์ดแวร์ (Hardware) ที่สำมำรถจับต้องได้ ซึ่งแบ่งเป็น 2
ประเภทคือ
• 2.1 ซอฟต์แวร์ระบบ ( System Software ) คือโปรแกรม ที่ใช้ในกำรควบคุมระบบกำร ทำงำนของเครื่องคอมพิวเตอร์
ทั้งหมด เช่น กำรบูตเครื่อง กำรสำเนำข้อมูล กำรจัดกำรระบบของดิสก์ ชุดคำสั่งที่เขียนเป็นคำสั่งสำเร็จรูป โดยผู้ผลิต
เครื่องคอมพิวเตอร์ และมีมำพร้อมแล้วจำกโรงงำนผลิต กำรทำงำนหรือกำรประมวลผล ของซอฟต์แวร์เหล่ำนี้ ขึ้นกับ
เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ระบบของซอฟต์แวร์เหล่ำนี้ ออกแบบมำเพื่อกำรปฏิบัติควบคุม และมีควำมสำมำรถใน
กำรยืดหยุ่น กำรประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ แบ่งออกเป็น 4 ประเภทคือ
- 9. • 2.1.1 โปรแกรมระบบปฏิบัติกำร (Operating System) เป็นโปรแกรมที่ใช้ควบคุม และติดต่อกับอุปกรณ์ต่ำง ๆ ของ
เครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเฉพำะกำรจัดกำรระบบของดิสก์ กำรบริหำรหน่วยควำมจำของระบบ กล่ำวโดยสรุปคือ หำก
จะทำงำนใดงำนหนึ่ง โดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ ในกำรทำงำน แล้วจะต้องติดต่อกับซอฟต์แวร์ระบบก่อน ถ้ำ
ขำดซอฟต์แวร์ชนิดนี้ จะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่สำมำรถทำงำนได้ ตัวอย่ำงของซอฟต์แวร์ประเภทนี้ได้แก่
โปรแกรมระบบปฏิบัติกำร Unix Linux DOS และWindows (เวอร์ชั่นต่ำง ๆ เช่น 95 98 me 2000 NT XP Vista ) เป็น
ต้น
• 2.1.2 ตัวแปลภำษำ (Translator) จำก Source Code ให้เป็น Object Code (แปลจำกภำษำที่มนุษย์เข้ำใจ ให้
เป็นภำษำที่เครื่องเข้ำใจ เปรียบเสมือนล่ำมแปลภำษำ) เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในกำรแปลภำษำระดับสูง ซึ่ง เป็นภำษำ
ใกล้เคียงภำษำมนุษย์ ให้เป็นภำษำเครื่องก่อนที่จะนำไปประมวลผล ตัวแปลภำษำแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ
คอมไพเลอร์ (Compiler) และอินเตอร์พีทเตอร์ (Interpeter) คอมไพเลอร์จะแปลคำสั่งในโปรแกรมทั้งหมดก่อน แล้วทำ
กำรลิ้ง (Link) เพื่อให้ได้คำสั่งที่เครื่องคอมพิวเตอร์เข้ำใจ ส่วนอินเตอร์พีทเตอร์จะแปลทีละประโยคคำสั่ง แล้วทำงำน
ตำมประโยคคำสั่งนั้น กำรจะเลือกใช้ตัวแปลภำษำแบบใดนั้น จะขึ้นอยู่กับภำษำที่ใช้ในกำรเขียนโปรแกรม ซึ่งมี 2 แบบ
ได้แก่ ภำษำแบบโครงสร้ำง เช่น ภำษำเบสิก (Basic) ภำษำปำสคำล (Pascal) ภำษำซี (C) ภำษำจำวำ(Java)ภำษำโค
บอล (Cobol) ภำษำ SQL ภำษำ HTML เป็นต้น ภำษำแบบเชิงวัตถุ ( Visual หรือ Object Oriented Programming ) เช่น
Visual Basic,Visual C หรือ Delphi เป็นต้น
- 10. • 2.1.3 ยูติลิตี้ โปรแกรม (Utility Program) คือซอฟต์แวร์เสริมช่วยให้เครื่องทำงำนมีประสิทธิภำพ มำกขึ้น เช่น ช่วยใน
กำรตรวจสอบดิสก์ ช่วยในกำรจัดเก็บข้อมูลในดิสก์ ช่วยสำเนำข้อมูล ช่วยซ่อมอำกำรชำรุดของดิสก์ ช่วยค้นหำและ
กำจัดไวรัส ฯลฯ เป็นต้นโปรแกรมในกลุ่มนี้ได้แก่ โปรแกรม Norton Winzip Scan virus Sidekick Scandisk Screen Saver
ฯลฯ เป็นต้น
• 2.1.4 ติดตั้งและปรับปรุงระบบ (Diagonostic Program) เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในกำรติดตั้งระบบ เพื่อให้คอมพิวเตอร์
สำมำรถติดต่อและใช้งำนอุปกรณ์ต่ำง ๆ ที่นำมำติดตั้งระบบ ได้แก่ โปรแกรม Setupและ Driver ต่ำง ๆ เช่น โปรแกรม
Setup Microsoft Office โปรแกรม Driver Sound , Driver Printer , Driver Scanner ฯลฯ เป็นต้น
- 11. • 2.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)
• คือ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงำนต่ำงๆ ตำมที่ผู้ใช้ต้องกำร ไม่ว่ำจะด้ำนเอกสำร บัญชี กำร
จัดเก็บข้อมูล เป็นต้น ซอฟต์แวร์ประยุกต์สำมำรถจำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ
• 2.2.1 ซอฟต์แวร์สำหรับงำนเฉพำะด้ำน (Special Purpose Software) คือ โปรแกรมซึ่งเขียนขึ้นเพื่อกำรทำงำน
เฉพำะอย่ำงที่เรำต้องกำร บำงที่เรียกว่ำ User’s Program เช่น โปรแกรมกำรทำบัญชีจ่ำยเงินเดือน โปรแกรมระบบเช่ำ
ซื้อ โปรแกรมกำรทำสินค้ำคงคลัง เป็นต้น ซึ่งแต่ละโปรแกรมก็มักจะมีเงื่อนไข หรือแบบฟอร์มแตกต่ำงกันออกไปตำม
ควำมต้องกำร หรือกฏเกณฑ์ของแต่ละหน่วยงำนที่ใช้ ซึ่งสำมำรถดัดแปลงแก้ไขเพิ่มเติม (Modifications) ในบำงส่วน
ของโปรแกรมได้ เพื่อให้ตรงกับควำมต้องกำรของผู้ใช้ และซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่เขียนขึ้นนี้โดยส่วนใหญ่มักใช้
ภำษำระดับสูงเป็นตัวพัฒนำ
• 2.2.2 ซอฟต์แวร์สำหรับงำนทั่วไป (General Purpose Software) เป็นโปรแกรมประยุกต์ที่มีผู้จัดทำไว้ เพื่อใช้ใน
กำรทำงำนประเภทต่ำงๆ ทั่วไป โดยผู้ใช้คนอื่นๆ สำมำรถนำโปรแกรมนี้ไปประยุกต์ใช้กับข้อมูลของตนได้ แต่จะไม่
สำมำรถทำกำรดัดแปลง หรือแก้ไขโปรแกรมได้ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเขียนโปรแกรมเอง ซึ่งเป็นกำรประหยัดเวลำ แรงงำน
และค่ำใช้จ่ำยในกำรเขียนโปรแกรม นอกจำกนี้ ยังไม่ต้องเวลำมำกในกำรฝึกและปฏิบัติ ซึ่งโปรแกรมสำเร็จรูปนี้ มักจะมี
กำรใช้งำนในหน่วยงำน ซึ่งขำดบุคลำกรที่มีควำมชำนำญเป็นพิเศษในกำรเขียนโปรแกรม ดังนั้น กำรใช้โปรแกรม
สำเร็จรูปจึงเป็นสิ่งที่อำนวยควำมสะดวกและเป็นประโยชน์อย่ำงยิ่ง ตัวอย่ำงโปรแกรมสำเร็จรูปที่นิยมใช้ได้แก่ MS-
Office, Lotus, Adobe Photoshop, SPSS, Internet Explorer และ เกมส์ต่ำงๆ เป็นต้น
- 13. •3. บุคลากร ( Peopleware )
• บุคลำกรจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะเป็นตัวกำหนดถึงประสิทธิภำพถึงควำมสำเร็จและควำมคุ้มค่ำในกำรใช้งำนคอมพิวเตอร์
ซึ่งสำมำรถแบ่งบุคลำกรตำมหน้ำที่เกี่ยวข้องตำมลักษณะงำนได้ 6 ด้ำน ดังนี้
• 3.1 นักวิเครำะห์และออกแบบระบบ (Systems Analyst and Designer : SA ) ทำหน้ำที่ศึกษำและรวบรวมควำม
ต้องกำรของผู้ใช้ระบบ และทำหน้ำที่เป็นสื่อกลำงระหว่ำงผู้ใช้ระบบและนักเขียนโปรแกรม (Programmer) หรือปรับปรุง
คุณภำพงำนเดิม นักวิเครำะห์ระบบต้องมีควำมรู้เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ พื้นฐำนกำรเขียนโปรแกรม และควรจะ
เป็นผู้มีควำมคิดริเริ่มสร้ำงสรรค์มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี
• 3.2 โปรแกรมเมอร์ ( Programmer ) คือบุคคลที่ทำหน้ำที่เขียนซอฟต์แวร์ต่ำงๆ(Software )หรือเขียนโปรแกรมเพื่อ
สั่งงำนให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงำนตำมควำมต้องกำรของผู้ใช้ โดยเขียนตำมแผนผังที่นักวิเครำะห์ระบบได้เขียนไว้
• 3.3 ผู้ใช้ ( User ) เป็นผู้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะเป็นผู้ปฏิบัติหรือกำหนดควำมต้องกำรในกำรใช้ระบบคอมพิวเตอร์
ว่ำทำงำนอะไรได้บ้ำง ผู้ใช้งำนคอมพิวเตอร์ทั่วไป จะต้องเรียนรู้วิธีกำรใช้เครื่อง และวิธีกำรใช้งำนโปรแกรม เพื่อให้
โปรแกรมที่มีอยู่สำมำรถทำงำนได้ตำมที่ต้องกำร
- 14. • 3.4 ผู้ปฏิบัติกำร (Operator ) สำหรับระบบขนำดใหญ่ เช่น เมนเฟรม จะต้องมีเจ้ำหน้ำที่คอมพิวเตอร์ที่คอยปิดและ
เปิดเครื่อง และเฝ้ ำดูจอภำพเมื่อมีปัญหำซึ่งอำจเกิดขัดข้อง จะต้องแจ้ง System Programmer ซึ่งเป็นผู้ดูแลตรวจสอบ
แก้ไขโปรแกรมระบบควบคุมเครื่อง (System Software) อีกทีหนึ่ง
• 3.5 ผู้บริหำรฐำนข้อมูล ( Database Administrator : DBA ) กลุ่มบุคคลที่ทำหน้ำที่ดูแลข้อมูลผ่ำนระบบจัดกำร
ฐำนข้อมูล ซึ่งจะควบคุมให้กำรทำงำนเป็นไปอย่ำงรำบรื่น นอกจำกนี้ยังทำหน้ำที่กำหนดสิทธิกำรใช้งำนข้อมูล กำหนด
ในเรื่องควำมปลอดภัยของกำรใช้งำน พร้อมทั้งดูแลดำต้ำเบสเซิร์ฟเวอร์ (Database Server) ให้ทำงำนอย่ำงปกติด้วย
• 3.6 ผู้จัดกำรระบบ (System Manager) คือ ผู้วำงนโยบำยกำรใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็นไปตำมเป้ ำหมำยของหน่วยงำน
เป็นผู้ที่มีควำมหมำยต่อควำมสำเร็จหรือล้มเหลวของกำรนำระบบคอมพิวเตอร์เข้ำมำใช้งำนเป็นอย่ำงมำก
- 16. 4.ข้อมูลและสารสนเทศ
• 4.1 ข้อมูล (Data) หมำยถึง ข้อเท็จจริงหรือเหตุกำรณ์ที่เกิดขึ้น แล้วใช้ตัวเลขตัวอักษร หรือสัญลักษณ์
ต่ำงๆ ทำควำมหมำยแทนสิ่งเหล่ำนั้น เช่น
• คะแนนสอบวิชำภำษำไทยของนักเรียน
• อำยุของพนักงำนในบริษัทชินวัตรจำกัด
• รำคำขำยของหนังสือในร้ำนหนังสือดอกหญ้ำ
- 17. • 4.2 สำรสนเทศ (Information) หมำยถึง ข้อสรุปต่ำงๆ ที่ได้จำกกำรนำข้อมูลมำทำกำรวิเครำะห์ หรือ
ผ่ำนวิธีกำรที่ ได้กำหนดขึ้น ทั้งนี้เพื่อนำข้อสรุปไปใช้งำนหรืออ้ำงอิง เช่น
• เกรดเฉลี่ยของวิชำภำษำไทยของนักเรียน
• อำยุเฉลี่ยของพนักงำนในบริษัทชินวัตรจำกัด
• รำคำขำยสูงสุดของหนังสือในร้ำนหนังสือดอกหญ้ำ
• ข้อสรุปจำกกำรสำรวจคำตอบในแบบสอบถำม
- 19. 5. กระบวนกำรทำงำน ( Procedure )
• องค์ประกอบด้ำนนี้หมำยถึงกระบวนกำรทำงำนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตำมต้องกำร ในกำรทำงำนกับ
คอมพิวเตอร์ผู้ใช้จำเป็นต้องทรำบขั้นตอนกำรทำงำนเพื่อให้ได้งำนที่ถูกต้องและมีประสิทธิภำพ ซึ่ง
อำจจะมีขั้นตอนสลับซับซ้อนหลำยขั้นตอน ดังนั้นจึงมีควำมจำเป็นต้องมีคู่มือปฏิบัติงำน เช่น คู่มือผู้ใช้
( user manual ) หรือคู่มือผู้ดูแลระบบ ( operation manual ) เป็นต้น