More Related Content
Similar to ภูมิปัญญาบางกอก
Similar to ภูมิปัญญาบางกอก (20)
ภูมิปัญญาบางกอก
- 3. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า วัดพระแก้ว นั้น
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นพร้อม
กับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๕ แล้วเสร็จในปี พ.ศ.
๒๓๒๗
เป็นวัดที่สร้างขึนในเขตพระบรมมหาราชวัง ตามแบบวัดพระศรี
้
สรรเพชญ สมัยอยุธยา วัดนี้อยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอก ทางทิศตะวัน
ออก มีพระระเบียงล้อมรอบเป็นบริเวณ เป็นวัดคู่กรุงที่ไม่มีพระสงฆ์จำา
พรรษา ใช้เป็นที่บวชนาคหลวง และประชุมข้าทูลละอองพระบาทถือนำ้า
พระพิพัฒน์สัตยา
- 4. รัชกาลที่ ๑ โปรดเกล้าให้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตน
ปฏิมากรหรือพระแก้วมรกต พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทย มา
ประดิษฐาน ณ ที่นี้ วัดพระศรีรัตนศาสดารามนี้ ภายหลังจากการ
สถาปนาแล้ว ก็ได้รับการปฏิสังขรณ์สืบต่อมาทุกรัชกาล เพราะเป็นวัด
สำาคัญ จึงมีการปฏิสังขรณ์ใหญ่ทุก ๕๐ ปี คือในสมัยพระบาทสมเด็จ
พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมัยพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลปัจจุบัน
- 5. เนื่องในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบ ๒๐๐ ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ที่
ผ่านมา การบูรณปฏิสังขรณ์ที่ผ่านมา มุ่งอนุรักษ์สถาปัตยกรรมและ
ศิลปกรรมอันเป็นมรดกชิ้นเอกของชาติ ให้คงความงามและรักษาคุณค่า
ของช่างศิลปไทยไว้อย่างดีที่สุด เพื่อให้วัดพระศรีรัตนศาสดารามนี้อยู่คู่
กับกรุงรัตนโกสินทร์ตลอดไป
- 6. พระอุโ บสถ
สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๑ เป็นพระอุโบสถขนาดใหญ่ หลังคาลด ๔
ระดับ ๓ ซ้อน มีช่อฟ้า ๓ ชั้น ปิดทองประดับกระจก ตัวพระอุโบสถ
มีระเบียงเดินได้โดยรอบ มีหลังคาเป็นพาไลคลุม รับด้วยเสานาง
รายปิดทองประดับกระจกทั้งต้น พนักระเบียงรับเสานางราย ทำา
เป็นลูกฟักประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีอย่างจีน ตัวพระอุโบสถมี
ฐานปัทม์รับอีกชั้นหนึ่ง ประดับครุฑยุดนาคหล่อด้วยโลหะปิดทอง
มีเสารายเทียนหล่อด้วยทองแดงล้อมรอบทั้งสี่ด้าน
- 7. ผนังพระอุโบสถ ในรัชกาลที่ ๑ เขียนลายรดนำ้าบนพืนชาดแดง
้
รัชกาลที่ ๓ โปรดเล้าฯ ให้ปั้นลายพุ่มข้าวบิณฑ์ ปิดทองประดับ
กระจก เพื่อให้เข้ากับผนังมณฑป ปิดทองประดับกระจก บานพระ
ทวารและพระบัญชรประดับมุกทั้งหมด ฝีมือช่างสมัยรัชกาลที่ ๑ ที่
เชิงบันไดมีสิงห์หล่อด้วยสำาริดบันไดละคู่ รวม ๑๒ ตัว โดยได้แบบมา
จากเขมรคู่หนึ่ง แล้วหล่อเพิ่มอีก ๑๐ ตัว
- 9. วัดสำาคัญแห่งหนึงของเขตดุสิต เดิมเป็นวัดโบราณ มีชื่อว่า
่
"วัดแหลม" หรือ "วัดไทรทอง" ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างใน
สมัยใด จนถึงปี พ.ศ.2369 สาเหตุที่ได้ชื่อว่า “ วัด
เบญจมบพิตร” นันเนื่องจากการปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์ในรัช
้
สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้า อยู่หัว รัชกาลที่ 3 นั้นมี
การตั้งกองบัญชาการอยู่ในบริเวณ "วัดแหลม" นี้ หลังจาก
ปราบกบฏเสร็จสิ้น
- 13. วัดอรุณราชวราราม เป็นวัดโบราณสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ตั้ง
อยู่ทางทิศตะวันตกของฝั่งแม่นำ้าเจ้าพระยา เดิมเรียกว่า "วัด
มะกอก" ตามชื่อตำาบลบางมะกอกซึ่งเป็นตำาบลที่ตั้งวัด ภายหลัง
เปลี่ยนเป็น "วัดมะกอกนอก" เพราะมีวัดสร้างขึ้นใหม่ในตำาบล
เดียวกันแต่ อยู่ลึกเข้าไปในคลองบางกอกใหญ่ชื่อ "วัดมะกอกใน"
ต่อมาใน พ.ศ. ๒๓๑๐ เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมีพระราช
ประสงค์จะย้ายราชธานีมาตั้ง ณ กรุงธนบุรีจงเสด็จกรีฑาทัพล่อง
ึ
ลงมาทางชลมารคถึงหน้าวัดมะกอกนอกนี้เมื่อเวลารุ่งอรุณพอดี จึง
ทรงเปลี่ยนชื่อวัดมะกอกนอกเป็น "วัดแจ้ง" เพือเป็นอนุสรณ์แห่ง
่
นิมิตที่ได้เสด็จมาถึงวัด นีเมื่อเวลาอรุณรุ่ง
้
- 14. เมื่อพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดให้ย้ายราชธานีจากกรุงศรีอยุธยามา
ตั้ง ณ กรุงธนบุรีและได้ทรงสร้างพระราชวังใหม่ มีการขยายเขตพระ
ราชฐาน เป็นเหตุให้วดแจ้งตั้งอยู่กลาง พระราชวังจึงไม่โปรดให้มีพระ
ั
สงฆ์จำาพรรษา นอกจากนั้นในช่วงเวลาที่กรุงธนบุรีเป็น ราชธานี ถือกัน
ว่าวัดแจ้งเป็นวัดคู่บ้าน คู่เมือง เนื่องจากเป็นวัดทีประดิษฐาน พระแก้ว
่
มรกตและพระบาง ซึ่งสมเด็จ พระยามหากษัตริย์ศึก (พระบาทสมเด็จ
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) ได้ อัญเชิญพระพุทธรูปสำาคัญ ๒
องค์นี้มาจากลาวในคราวที่เสด็จตีเมืองเวียงจันทร์ ได้ในปี พ.ศ.
๒๓๒๒โดยโปรดให้อญเชิญ พระแก้วมรกตและพระบางขึ้นประดิษฐาน
ั
- 15. เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราช รัชกาลที่ ๑
เสด็จเถลิงถวัลราชสมบัติ ได้โปรดให้สร้างพระนครใหม่ฝั่งตะวันออก
ของแม่นำ้าเจ้าพระยา และรื้อกำาแพงพระราชวังกรุงธนบุรีออก วัดแจ้ง
จึงไม่ได้อยู่ในเขตพระราชวังอีกต่อไป พระองค์จึงโปรดให้วัดแจ้ง
เป็นวัดที่มี พระสงฆ์จำาพรรษาอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนั้นพระองค์ทรง
มอบหมายให้สมเด็จ พระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร (ร.
๒) เป็นผู้ดำาเนินการปฏิสังขรณ์วัดแจ้ง ไว้ในมณฑป และมีการ
สมโภชใหญ่ ๗ คืน ๗ วัน(ในปี พ.ศ. ๒๓๒๗ พระแก้วมรกตได้ย้าย
มาประดิษฐาน ณ วัด พระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมหาราชวัง
- 17. เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ เสด็จเถลิง
ถวัลราชสมบัติ พระองค์ได้โปรดให้สร้างและปฏิสังขรณ์ สิ่งต่าง ๆ
ในวัดอรุณฯ เพิ่มเติมอีกหลายอย่าง ทั้งยังได้อัญเชิญพระบรมอัฐิ
ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มาบรรจุไว้ที่พระพุทธ
อาสน์ของ พระประธานในพระอุโบสถที่พระองค์ ทรงพระราชทาน
นามว่า "พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก" และเมื่อได้ทรง
ปฏิสังขรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้พระราชทานนาม วัดเสียใหม่ว่า
- 19. วัด นวลนรดิศ วรวิห าร เป็นวัดไทย ประเภทพระอารามหลวง ชั้นตรี
อยู่ที่คลองบางกอกใหญ่ด้านตะวันตก ตรงกันข้ามวัดประดู่ฉิมพลี แต่มี
คลองกั้นกัน ในแขวงปากคลอง เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร[1]วัด
นวลนรดิศวรวิหาร เดิมเป็นวัดโบราณ และร้างมานานมาก เชื่อว่าสร้าง
ในสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ปราศจากพยานหลักฐานในเรื่องนี้ มีชื่อ
ดั้งเดิมว่า "วัดมะกอกใน" คู่กับ "วัดมะกอกนอก" ที่ปัจจุบันคือ
วัดอรุณราชวราราม สาเหตุที่ได้ชื่อนี้เพราะตั้งอยู่ริมฝั่ง
คลองบางกอกใหญ่
- 21. เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) เข้าบูรณะวัดมะกอกใน หลัง
เขาได้บูรณะวัดประยูรวงศาวาสเสร็จใน พ.ศ. 2379 ต่อมา
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฏพระราชทานนาม
"นวลนรดิศวรวิหาร" ให้แก่วัดมะกอกใน เพื่อระลึกถึงเจ้าคุณ
พระราชพันธุ์ (นวล