SlideShare a Scribd company logo
1 of 41
บทที่ 4
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
มโนทัศน์(Concept)
คุณสมบัติ ที่ ส ำคั ญ ที่ สุ ด ข อง ห ลัก สู ต ร คื อ หลักสู ตร ค ว ำ มเ ป็ น พ ล วัต
และปรับเปลี่ยนไปตำมควำมต้องกำรและควำมเปลี่ยนแปลงของสังคม จำกคุณสมบัติดังกล่ำว
กำรพัฒนำหลักสูตรจึงเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นอย่ำงต่อเนื่อง ตลอดเวลำที่สภำพสังคมเปลี่ยนแปลงไป
ดังนั้น กำรจัดกำรศึกษำให้สนองควำมต้องกำรของสังคมที่เปลี่ยนแปลงจึงเป็นสิ่งจำเ ป็ น
และกำรเปลี่ยนแปลงหลักสูตรในลักษณะของกำรพัฒนำหลักสูตรเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ผลการเรียนรู้(Learning Outcome)
1. มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับควำมหมำยของกำรพัฒนำหลักสูตร
2. มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจ หลักกำร รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตร
สาระเนื้อหา(Content)
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
รูปแบบของกำรพัฒนำหลักสูตรส่วนมำกจะพัฒนำมำจำกแนวคิดของนักกำรศึกษำชำวต่ำงป
ร ะ เ ท ศ ซึ่ ง แ ต่ ล ะ รู ป แ บ บ จ ะ มี ร ำ ย ล ะ เ อี ย ด ที่ แ ต ก ต่ ำ ง กั น ไ ป
แต่กระบวนกำรและขั้นตอนควรประกอบด้วยกำรศึกษำวิเครำะห์ข้อมูลพื้นฐำนที่ซึ่งประกอบด้วยปรัช
ญ ำ ก ำ ร ศึ ก ษ ำ ผู้เ รี ย น สั ง ค ม ส ภ ำ พ แ ว ด ล้อ มแ ล ะ เ ท ค โ น โ ล ยี แ ล ะ อื่ น ๆ
เพื่อนำมำกำหนดจุดมุ่งหมำยเลือกเนื้อหำสำระและประสบกำรณ์กำรเรียนรู้จัดลงในหลักสูตร
แล้วนำหลักสูตรไปทดลองใช้เพื่อหำข้อบกพร่องเพื่อนำมำแก้ไขหลักสูตรที่สมบูรณ์และนำไปใช้
สุดท้ำยทำกำรประเมินผลหลักสูตรและนำผลจำกกำรประเมินไปปรับปรุงแก้ไขหลักสูตรต่อไป
กระบวนกำรพัฒนำหลักสูตรจะเป็นไปอย่ำงต่อเนื่องอย่ำงเป็น วัฏจักร
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 2
1. ความหมายของการพัฒนาหลักสูตร
กำรพัฒนำหลักสูตรเป็นภำรกิจที่สำคัญและกว้ำงขวำง จึงมีผู้ให้ควำมหมำยของคำว่ำ
กำรพัฒนำหลักสูตรเกิดขึ้นกำรพัฒนำหลักสูตรไว้หลำยกรณี เช่น
กู๊ด (Good, 1973: 157-158) ได้ให้ควำมเห็นว่ำ กำรพัฒนำหลักสูตรเกิดขึ้นได้ 2ลักษณะ คือ
กำรปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงหลักสูตร กำรปรับปรุงหลักสูตรเป็นวิธีกำรพัฒนำหลักสูตรอย่ำงหนึ่ง
เพื่อให้เหมำะกับโรงเรียนและระบบโรงเรียน จุดมุ่งหมำยของกำรสอน วัสดุอุปกรณ์
วิธี ก ำ ร ส อ น ร ว ม ทั้ ง ป ร ะ ม ว ล ผ ล ส่ว น ค ำ ว่ำ ก ำ ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ห ลัก สู ต ร
หมำยถึงกำรแก้ไขหลักสูตรให้แตกต่ำงไปจำกเดิม เป็นกำรสร้ำงโอกำสทำงกำรเรียนขึ้นใหม่
เ ช ย์ เ ล อ ร์ แ ล ะ อ เ ล็ ก ซ ำ น เ ด อ ร์ ( Saylor and Alexander, 1974: 7)
ให้คำจำกัดควำมหมำยของกำรพัฒนำหลักสูตรว่ำ หมำยถึงกำรจัดทำหลักสูตรเดิมที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น
ห รื อ เ ป็ น ก ำ ร จั ด ท ำ ห ลั ก สู ต ร ใ ห ม่โ ด ย ไ ม่มี ห ลั ก สู ต ร เ ดิ ม อ ยู่ ก่ อ น
กำรพัฒนำหลักสูตรอำจหมำยรวมถึงกำรสร้ำงเอกสำรอื่นสำหรับนักเรียนด้วย
ท ำ บ ำ ( Taba, 1962 : 454) ไ ด้ ก ล่ำ ว ไ ว้ว่ำ ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร
หมำยถึงกำรเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงสูตรเดิมให้ได้ผลดียิ่งขึ้นทั้งในด้ำนกำรวำงจุดม่งหมำย
ก ำ ร จัด เ นื้ อ ห ำ วิช ำ ก ำ ร เ รี ย น ก ำ ร ส อ น ก ำ ร วัด แ ล ะ ก ำ ร ป ร ะ เ มิน ผ ล อื่ น ๆ
เ พื่ อ ใ ห้ บ ร ร ลุ ถึ ง จุ ด ม่ ง ห ม ำ ย อั น ใ ห ม่ ที่ ว ำ ง ไ ว้
กำรเปลี่ยนแปลงหลักสูตรเป็ นกำรเปลี่ยนแปลง ทั้งระบบหรื อเปลี่ยนแปลง ทั้ง ห มด
ตั้ ง จุ ด มุ่ ง ห ม ำ ย แ ล ะ วิ ธี ก ำ ร
และกำรเปลี่ยนแปลงหลักสูตรนี้จะมีผลกระทบทำงด้ำนควำมคิดและควำมรู้สึกของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ำ
ย ส่ ว น ก ำ ร ป รั บ ป รุ ง ห ลั ก สู ต ร
หมำยถึงกำรเปลี่ยนแปลงหลักสูตรเพียงบำงส่วนโดยไม่เปลี่ยนแปลงแนวควำมคิดพื้นฐำนหรือรูปแบ
บของหลักสูตร
สงัด อุทรำนันท์ (2532: 30) กล่ำวว่ำกำรพัฒนำหลักสูตรมีควำมหมำยอยู่2ลักษณะ คือ
1. ก ำ ร ท ำ ห ลั ก สู ต ร ที่ มี อ ยู่ แ ล้ ว ใ ห้ ดี ขึ้ น ห รื อ ส ม บู ร ณ์ ขึ้ น แ ล ะ 2 .
กำรสร้ำงหลักสูตรขึ้นมำใหม่โดยไม่มีหลักสูตรเดิมเป็นพื้นฐำน
วิชัย วงษ์ใหญ่(2525: 10) กล่ำวว่ำ กำรพัฒนำหลักสูตรคือกำรพยำยำมวำงโครงกำร
ที่ จ ะ ช่ว ย ใ ห้ นั ก เ รี ย น ไ ด้ เ รี ย น รู้ ต ร ง ต ำ ม จุ ด มุ่ง ห ม ำ ย ที่ ก ำ ห น ด ไ ว้
หรือกำรพัฒนำหลักสูตรและกำรสอนระบบโครงสร้ำงของกำรจัดโปรแกรมกำรสอน
กำรกำหนดจุดมุ่งหมำย เนื้อหำสำระ กำรปรับปรุงตำรำ แบบเรียน คู่มือครู และสื่อกำรเรียนต่ำงๆ
ก ำ ร วัด แ ล ะ ก ำ ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล ก ำ ร ใ ช้ ห ลั ก สู ต ร ก ำ ร ป รั บ ป รุ ง แ ก้ ไ ข
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 3
และกำรให้กำรอบรมครูผู้ใช้หลักสูตรให้เป็นไปตำมวัตถุประสงค์ของกำรพัฒนำหลักสูตรและกำรสอ
น รวมทั้งกำรบริกำรและกำรบริหำรหลักสูตร
ในกำรพัฒนำหลักสูตร เซย์เลอร์และอเล็กซำนเดอร์ (Saylor andAlexander, 1974: 8-9)
ชี้ให้เห็นว่ำกำรจัดทำหรือพัฒนำหลักสูตรนั้นมีงำนที่ต้องทำสำคัญๆ อยู่3 ประกำร คือ
1 .
กำรพิจำรณำและกำรกำหนดเป้ำหมำยเบื้องต้นที่สำคัญของหลักสูตรที่จัดทำนั้นว่ำมีเป้ำหมำยเพื่ออะไร
ทั้งโดยส่วนรวมและส่วนย่อยของหลักสูตรนั้นๆ อย่ำงเด่นชัด
2. กำรเลือกกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนและวัสดุประกอบกำรเรียนกำรส อน
กำรเ ลือก สร รเ นื้ อ หำเ พื่ อส ำ ระ เ พื่ อ ก ำร อ่ำน กำรเ ขียน กำรทำแบ บ ฝึ ก หั ด
และหัวข้อสำหรับกำรอภิปรำยตลอดจนกิจกรรมทั้งในและนอกห้องเรียน เป็นต้น
3. กำรกำหน ดระ บบกำรจัดวัสดุอุปกรณ์และ กำรจัดกำรเ รี ยน กำรสอน
ตลอดทั้งกำรทดลองที่เป็นประโยชน์ เหมำะสมกับกำรเรียนกำรสอนแต่ละวิชำและแต่ละชั้นเรียน
บำงครั้งเรำจะพบว่ำกำรพัฒนำหลักสูตรเป็นกระบวนกำรหรือขั้นตอนของกำรตัดสินใจเลือ
กหำทำงเลือกทำงกำรเรียนกำรสอนที่เหมำะสม หรือเป็นที่รวบรวมของทำงเลือกที่เหมำะสมต่ำงๆ
เ ข้ ำ ด้ ว ย กั น จ น เ ป็ น ร ะ บ บ ที่ ส ำ ม ำ ร ถ ป ฏิ บั ติ ไ ด้
และถ้ำหำกหลักสูตรมุ่งที่จะกำหนดสำหรับผู้เรียนหลำยกลุ่มหลำยประเภทโดยใช้วิธีกำรต่ำงๆ
และโอกำสต่ำงๆ กันแล้วนักพัฒนำหลักสูตรต้องคำนึงถึงภูมิหลักขององค์ประกอบต่ำงๆ
อย่ำง ละ เ อียดและ รอบคอบก่อน จะ ตัดสิ น ใ จเ ลือ กทำง เ ลือ กใ ดทำง เ ลือ ก ห นึ่ ง
และเมื่อตัดสินใจเลือกแล้วก็ต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นซึ่งอำจมีผลกระทบต่อสิ่งอื่นๆ เป็น
วัฏจักร
2. หลักการพัฒนาหลักสูตร
จำกควำมคิดเห็นของนักกำรศึกษำในเรื่องของควำมหมำยของกำรพัฒนำหลักสูตรที่กล่ำวมำ
จ ะ เ ห็ น ไ ด้ ว่ำ ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร เ ป็ น ก ร ะ บ ว น ก ำ ร ที่ มี ขั้ น ต อ น ๆ
อย่ำงเป็นระบบระเบียบและเพื่อให้งำนกำรพัฒนำหลักสูตรดำเนินไปสู่จุดมุ่งหมำยของกำรพัฒนำอย่ำง
แท้จริงเรำจึงต้องคำนึงถึงหลักในกำรพัฒนำหลักสูตร
1.
กำรพัฒนำหลักสูตรจำเป็นต้องมีผู้นำที่เชี่ยวชำญและมีควำมสำมำรถในงำนพัฒนำหลักสูตรเป็นอย่ำงดี
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 4
2.
กำรพัฒนำหลักสูตรจำเป็นต้องได้รับควำมร่วมมือและกำรประสำนงำนอย่ำงดีจำกบุคคลที่เกี่ยวข้องทุก
ฝ่ำยทุกระดับ
3.
กำรพัฒนำหลักสูตรจำเป็นต้องมีกำรดำเนินกำรเป็นระบบระเบียบแบบแผนต่อเนื่องกัน ไป
เริ่มตั้งแต่กำรวำงจุดมุ่งหมำยในกำรพัฒนำหลักสูตรนั้นจนถึงกำรประเมินผลกำรพัฒนำหลักสูตรในกำ
รดำเนินงำนจะต้องคำนึงถึงจุดเริ่มต้นในกำรเปลี่ยนแปลงว่ำ กำรพัฒนำหลักสูตรที่จุดใด
จะเป็นกำรพัฒนำส่วนย่อยหรือกำรพัฒนำทั้งระบบ และจุดดำเนินกำรอย่ำงไรในขั้นต่อไป
สิ่งเหล่ำนั้นเป็นสิ่งที่ผู้มีหน้ำที่ในกำรพัฒนำหลักสูตรไม่ว่ำจะเป็นผู้เชี่ยวชำญทำงด้ำนกำรจัดหลักสูตร
ค รู ผู้ ส อ น ห รื อ นั ก วิ ช ำ ก ำ ร ท ำ ง ด้ ำ น ก ำ ร ศึ ก ษ ำ แ ล ะ บุ ค ค ล ต่ำ ง ๆ
ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง จ ะ ต้ อ ง ร่ ว ม มื อ กั น พิ จ ำ ร ณ ำ อ ย่ ำ ง ร อ บ ค อ บ
และดำเนินกำรอย่ำงมีระเบียบระบบแบบแผนทีละขั้นตอน
4. ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร จ ะ ต้ อ ง ร ว ม ถึ ง ผ ล ง ำ น ต่ ำ ง ๆ
ทำงด้ำนหลักสูตรที่ได้สร้ำงขึ้นมำใหม่อย่ำงมีประสิทธิภำพ ไม่ว่ำจะเป็นเอกสำรหลักสูตร เนื้อหำวิชำ
กำรทำกำรทดสอบหลักสูตรกำรนำหลักสูตรไปใช้ หรือกำรจัดกำรเรียนกำรสอน
5.
กำรพัฒนำหลักสูตรที่มีประสิทธิภำพจะต้องมีกำรฝึกฝนอบรมครูประจำกำรให้มีควำมเข้ำใจในหลักสู
ตรใหม่ควำมคิดใหม่ แนวทำงกำรจัดกำรเรียนกำรสอนตำมหลักสูตรใหม่
6. กำรพัฒนำหลักสู ตรจะ ต้อง คำนึง ถึง ประโยชน์ใน ด้ำน กำรพัฒนำ จิ ตใ จ
และทัศนคติของผู้เรียนด้วย
3. ผลที่ได้จากการพัฒนาหลักสูตร
กำรพัฒน ำห ลักสู ตรเ ป็ น ง ำน ที่ มีกระ บ วน กำร และ ขั้น ตอน ที่ ซับ ซ้ อ น
และเป็นงำนที่ต้องอำศัยผู้เชี่ยวชำญทำงด้ำนกำรจัดหลักสูตร นักวิชำกำร นักพัฒนำหลักสูตร
ให้มำทำงำนร่วมกันกับบุคคลหลำยฝ่ ำย และต้องได้รับควำมร่วมมือจำกทุกฝ่ ำยด้วยดี
กำรพัฒนำหลักสูตรจึงจะประสบควำมสำเร็จเมื่อกำรพัฒนำหลักสูตรสำเร็จลุล่วงตำมจุดหมำยแห่งกำร
พัฒนำแล้วย่อมก่อให้เกิดประโยชน์ ดังนี้
1. เป็ นกำรพัฒนำกำรศึกษำของชำติให้บรรลุตำมวัตถุประสงค์ตำมที่วำง ไว้
เพื่อให้กำรศึกษำของชำติเป็นกำรศึกษำเพื่อพัฒนำผู้เรียนให้สอดคล้องกับควำมเจริญของสังคมและขอ
งโลก
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 5
2.
เป็นกำรพัฒนำระบบกำรศึกษำให้เจริญก้ำวหน้ำทันต่อกำรเปลี่ยนแปลงของสังคมและโลก
โดยเฉพำะในยุคที่เรียกว่ำ โลกยุคโลกำภิวัตน์
3.
เพื่อให้ครูผู้สอนมีควำมรู้ควำมเข้ำใจและควำมสำมรถในกำรพัฒนำกำรเรียนกำรสอนแก่ผู้เรียนดังต่อไ
ปนี้
3.1 มีควำมสำมำรถเปลี่ยนกับทักษะในด้ำนต่ำงๆ
3.2 มีควำมรู้เพียงพอที่จะศึกษำในระดับสูงขึ้นไป
3.3 ประพฤติตนเป็นพลเมืองดีของสังคม
3.4 มีจิตใจและร่ำงกำยที่สมบูรณ์แข็งแรง
3.5 มีควำมเข้ำใจและรักษำควำมงำมตำมธรรมชำติ
3.6 มีวัฒนธรรมและศีลธรรมอันดีงำม
3.7 มีควำมสนใจและเชี่ยวชำญในด้ำนใดด้ำนหนึ่งเป็นพิเศษ
3.8 มีควำมสนใจในกำรดำรงชีวิตในสังคมได้อย่ำงเหมำะสม
3.9 มีควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำในชีวิตและในสังคมได้
4. กระบวนการในการพัฒนาหลักสูตร
ถ้ำหลักสูตรได้รับกำรพิจำรณำว่ำเป็นทุกสิ่งทุกอย่ำงซึ่งเกิดขึ้นในกำรวำงแผนกำรเรียนกำรส
อนในสถำบันกำรศึกษำแล้ว กำรพัฒนำหลักสูตรก็จะเป็นกำรพัฒนำแผนเพื่อจัดโปรแกรมกำรศึกษำ
ซึ่งหมำยถึงกำรให้นิยำมและกำรเลือกจุดประสงค์ของกำรศึกษำ เลือกประสบกำรณ์กำรเรียนรู้
และกำรประเมินโปรแกรมกำรศึกษำ กำรพัฒนำหลักสูตรเป็นงำนปฏิบัติมิใช่งำน ทฤษฎี
เป็นควำมพยำยำมที่จะออกแบบระบบ เพื่อให้ประสบควำมสำเร็จตำมจุดมุ่งหมำยของกำรศึกษำ
และระบบนี้จะต้องเป็นประโยชน์ที่แท้จริงปรำกฏต่อสังคมและต่อมนุษย์ ซึ่งมีควำมมุ่งหมำย
มี ค ว ำ ม ฝั ก ใ ฝ่ ใ น สิ่ ง ที่ ต น ช อ บ มี ก ล ไ ก ก ำ ร เ ค ลื่ อ น ไ ห ว ดั ง นั้ น
ขั้นตอนที่จำเป็นขั้นแรกในกำรพัฒนำหลักสูตร คือ กำรตรวจและวิเครำะห์สถำนกำรณ์สำคัญๆ
ซึ่ ง เ ป็ น ค ว ำ ม มุ่ง ห ม ำ ย ป ล ำ ย ท ำ ง ข อ ง ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร คื อ
กำรเปลี่ยนแปลงของนักเรียนและครู ครูที่กลำยเป็นผู้ที่มีควำมรู้มำกขึ้น มีทักษะมำกขึ้น
แ ล ะ มี ค ว ำ ม ไ ม่ ห ยุ ด นิ่ ง ม ำ ก ขึ้ น
ครูซึ่งมีคุณสมบัติดังกล่ำวนี้ จะเป็ นผู้ที่ให้บริกำรแก่นักเรียน ได้อย่ำง มีประสิทธิ ภ ำพ
รำยละเอียดต่อไปนี้จะกล่ำวถึงกำรดำเนินงำนพัฒนำหลักสูตร และแนวคิดกำรพัฒนำหลักสูตร
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 6
แดเนียล แทนเนอร์ และลอร์เรล แทนเนอร์ (D. Tanner & L. Tanner. 1995 : 385)
กล่ำวว่ำปัจจัยและอิทธิพลหลักสูตรมีปฏิสัมพันธ์จำกปรัชญำสังคม พฤติกรรมมนุษย์
และควำมรู้ที่ยิ่งใหญ่กว้ำงขวำงสิ่งเหล่ำนั้นมีอิทธิพลต่อผู้เรียนโดยแปรสภำพมำเป็นเนื้อหำวิชำสำหรับ
กำรเ รี ยน กำรสอน เ พื่อใ ห้เ กิดควำมเ หมำะ สมกับกำรพัฒน ำ คน ใ น สัง ค มใ ห ม่
ซึ่งเรียกว่ำกระบวนกำรทัศน์ด้วยหลักสูตร
มำร์ช และวิลลิส (Marsh & Willis. 1995 : 278) ได้สรุปแนวคิดในกำรพัฒนำหลักสูตร ว่ำ
กระ บวน กำรพัฒน ำหลักสู ตรและ กำรเปลี่ยน แปลงหลักสู ตรแม้มีหลำยแน วคิด
แต่เมื่อสรุปรวมควำมคิดแล้วล้วนอยู่บนพื้นฐำนควำมต่อเนื่องเป็นอนุกรมโดยเริ่มจำกแรงกดดันและผ
ลกระทบจำกปัจจัยบริบทและควำมก้ำวหน้ำทำงเทคโนโลยีสู่กำรปรับปรุงหลักสู ตร
ก ำ ร น ำ ห ลัก สู ต ร ไ ป สู่ส ถ ำ บัน เ พื่ อ ใ ช้จ ะ ไ ด้รั บ แ ร ง ก ด ดัน จ ำ ก ปั จ จัย ต่ำ ง ๆ
ทำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงปรับปรุงหลักสูตรขึ้นมำอีกในระยะต่อไปต่อเนื่องดังภำพประกอบ 2
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 7
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 8
ใ น ก ำ ร ว ำ ง แ ผ น พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร
เพื่อดำเนินงำนพัฒนำหลักสูตรมีแรงผลักดันและปัจจัยอิทธิพลหลำยระดับตั้งแต่ระดับโรงเรียน
ร ะ ดั บ ชุ ม ช น ค ร อ บ ค รั ว สั ง ค ม ป ร ะ เ ท ศ ช ำ ติ จ น ถึ ง ร ะ ดั บ น ำ น ำ ช ำ ติ
พลังผลักดันของสังคมเป็นตัวเร่งสำคัญในกำรวำงแผนหลักสูตร (ParkayW.and Glen Hass, 2000 : 275)
องค์ประกอบในกำรดำเนินงำนพัฒนำหลักสูตรประกอบด้วยคณะกรรมกำรดำเนินงำนจัดทำหลัก
สู ต ร ศึ ก ษ ำ วิ เ ค ร ำ ะ ห์ ส ภ ำ พ ข อ ง สั ง ค ม ใ น ปั จ จุ บั น
พร้อมทั้งวิเครำะห์หลักสูตรเดิมเพื่อนำข้อมูลที่ได้มำพิจำรณำร่วมกับข้อมูลพื้นฐำน ต่ำง ๆ
ใ น ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร ป รั บ ป รุ ง แ ก้ไ ข แ ล้ ว ก ำ ห น ด จุ ด ป ร ะ ส ง ค์ ใ ห ม่
อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ใ น แ ต่ ล่ ะ ส่ ว น จ ะ มี ค ว ำ ม สั ม พั น ธ์ กั น แ ล ะ เ ท่ ำ เ ที ย ม กัน
จะขำดองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งไม่ได้ ได้แก่
1. กำรกำหนดควำมมุ่งหมำยจะต้องชัดเจนว่ำต้องให้ผู้เรียนในระดับนั้นๆ มีคุณสมบัติอย่ำงไร
เมื่อกำหนดควำมมุ่งหมำยแล้วจะได้ใช้เป็นแนวทำงในกำรกำหนดเนื้อหำวิชำและประสบกำรณ์ในกำรเรียนรู้
ต่อไป
2. กำรวำง แผน กำหน ดโครง สร้ำง ของ หลักสู ตร และ กำรเ ลือกเ นื้ อหำวิชำ
ในหลักสูตรจะต้องกำหนดโครงสร้ำงอะไรบ้ำง เช่น จะต้องใช้เวลำศึกษำนำ นเ ท่ำไร
จ ะ ต้ อ ง เ รี ย น ทั้ ง ห ม ด กี่ ห น่ ว ย ก ำ ร เ รี ย น จึ ง จ ะ จ บ ห ลั ก สู ต ร ไ ด้
จะ ต้อง เ ข้ำเ รี ยน กี่คำ บ ต่อ สัป ด ำห์ ต่อ ภ ำ คเ รี ยน มีกำ ร วัด แ ละ ป ระ เ มิน ผล อ ย่ำ ง ไ ร
ระบบกำรให้คะแนนเป็ นอย่ำงไร มีวิชำใดบ้ำงที่จะต้องเรียนบังคับเท่ำไร และเลือกเท่ำไร
และวิชำเหล่ำนั้นประกอบไปด้วยเนื้อหำอะไรมีประสบกำรณ์อะไรบ้ำง
3. กำรทดล อง ใ ช้ห ลักสู ต รห รื อ กระ บ วน ก ำรเ รี ยน กำ ร สอน ห รื อ วิ ธี ก ำ ร
และกำรจัดกำรเกี่ยวกับหลักสูตรเพื่อให้กำรเรียนกำรสอนเป็นไปตำมควำมมุ่งหมำยของหลักสูตรอย่ำงมีประ
สิ ทธิ ภ ำพ จำเ ป็ น ต้อง จัด ห ำ แ ละ ป รั บ ป รุ ง ก ระ บ วน ก ำ รส อ น กำรจัดชั้น เ รี ย น
กำรใ ช้อุปกรณ์กำ รวัดผลและ ประ เ มิน ผล และ กำรจัดกิจกรรมเ สริ มทำง วิช ำ ก ำ ร
ตลอดจนกำรสอนซ่อมเสริมให้กำรนำหลักสูตรไปใช้เกิดประโยชน์สูงสุด
4. กำรประเมินผลหลักสูตร เป็นกำรประเมินคุณค่ำของหลักสูตรว่ำมีคุณภำพเป็นอย่ำงไร
เป็นกระบวนกำรที่ใช้พิจำรณำว่ำควำมมุ่งหมำยเป็นอย่ำงไร เนื้อหำวิชำและประสบกำรณ์ตรงกับควำม
มุ่งหมำยหรือไม่ กำรเรียนกำรสอนมีปัญหำและอุปสรรคอะไรบ้ำงและกำรประเมินผลอย่ำง ไร
ดังภำพประกอบ 3
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 9
ภำพประกอบ 3 แสดงกระบวนกำรพัฒนำหลักสูตร
ที่มำ : สงัด อุทรำนันท์ (2532 :24)
5. รูปแบบในการพัฒนาหลักสูตร
ปรับปรุง
แก้ไข
ศึกษำและวิเคร
ำะห์สหภำพสัง
คมและหลักสู
ตรเดิม
ประเมิน
ผล
คณะกรรมกำร
กำรดำเนินงำน
พัฒนำหลักสูต
ร
กำหนดควำ
มมุ่งหมำย
นำไปทด
ลองใช้
กำหนดโครงส
ร้ำงและเนื้อหำ
วิชำ
ศึกษำและวิเครำะ
ห์สภำพสังคมแล
ะหลักสูตรเดิม
แนวคิด (ปรัชญำ)
และผลกำรศึกษำค้นคว้ำทำงจิตวิทยำข้อมูลเกี่ยวกับนักเรี
ยนและกำรประกอบอำชีพข้อมูลควำมก้ำวหน้ำทำงวิชำก
ำร วิทยำศำสตร์ เทคโนโลยี
บทบำทของสถำบันกำรศึกษำ
และสื่อสำรมวลชนข้อมูลสภำพเศรษฐกิจ สังคม
กำรเมือง ค่ำนิยม และวัฒนธรรม
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 10
รู ป แ บ บ ใ น ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร เ ป็ น สิ่ ง ส ำ คั ญ แ ล ะ จ ำ เ ป็ น
เ นื่ อ ง จ ำ ก รู ป แ บ บ ห ลั ก สู ต ร เ ป รี ย บ เ ส มื อ น พิ ม พ์ เ ขี ย ว ( Blue Print)
ที่ ใ ช้ เ ป็ น แ น ว ท ำ ง ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร จ ำ ก ผู้เ ชี่ ย ว ช ำ ญ ท ำ ง ด้ ำ น ห ลั ก สู ต ร
นักวิชำกำรจึงมีควำมสำคัญเพื่อเป็นพื้นฐำนสำหรับกำรวิจัยครั้งนี้ รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรที่สำคัญมีดังนี้
5.1 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรจากแนวคิดต่างประเทศ
5.1.1 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของไทเลอร์ (Ralph W. Tyler)
ไทเลอร์ได้นำเสนอแนวคิดพื้นฐำนเกี่ยวกับกำรพัฒนำหลักสูตรและกำรสอนซึ่งก็คือหลักกำรและเ
หตุผลใ น กำรพัฒนำหลักสู ตร(Tyler Rationale) ว่ำใ น กำรพัฒนำหลักสู ตรและ กำรสอน
ต้องตอบคำถำมพื้นฐำนที่สำคัญ 4 ประกำร คือ (Tyler, 1949: 3)
1. จุ ด มุ่ ง ห ม ำ ย ท ำ ง ก ำ ร ศึ ก ษ ำ ( Educational Purposes)
อะไรบ้ำงที่โรงเรียนต้องกำรให้ผู้เรียนได้เรียนรู้
2. ป ร ะ ส บ ก ำ ร ณ์ ท ำ ง ก ำ ร ศึ ก ษ ำ ( Educational Experiences)
อะไรบ้ำงที่โรงเรียนจะต้องจัดให้ เพื่อช่วยให้บรรลุจุดมุ่งหมำย
3. จะจัดประสบกำรณ์ทำงกำรศึกษำอย่ำงไรจึงจะทำให้สอนมีประสิทธิภำพ
4.
ประเมินประสิทธิภำพของกำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนอย่ำงไรจึงจะทรำบได้ว่ำผู้เรียนได้บรรลุเป้ำหมำยทำ
งกำรศึกษำ
ไทเลอร์ได้วำงรูปแบบโครงสร้ำงของหลักสูตรโดยใช้วิธีกำรและเป้ำหมำยปลำยทำง (Means
and ends approsch) ดังนี้ (วิชัย วงษ์ใหญ่, 2537: 10-11)
ในกำรกำหนดจุดมุ่งหมำยนั้น ในขั้นแรกต้องกำหนดเป็ นจุดมุ่งหมำยชั่วครำวก่อน
โ ด ย ต้ อ ง น ำ บ ริ บ ท ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง เ ช่ น บ ริ บ ท ท ำ ง ด้ ำ น สั ง ค ม
ด้วยกำรนำสิ่งที่สังคมคำดหวังว่ำต้องกำรให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะอย่ำงไร และมีกำรศึกษำตัวผู้เรียน เช่น
ค ว ำ มต้อ ง ก ำ ร ค ว ำ มส น ใ จ ฐ ำ น ะ ท ำ ง เ ศ ร ษ ฐ กิจ ข อ ง ค ร อ บ ค รั ว เ ป็ น ต้น
น อ ก จ ำ ก นั้ น ยัง ต้อ ง ศึ ก ษ ำ แ น ว คิ ด ข อ ง นั ก วิช ำ ก ำ ร ( วิชัย ว ง ษ์ ใ ห ญ่, 2537 : 12)
ค ว ำ ม เ ชื่ อ ค่ำ นิ ย ม ข อ ง สั ง ค ม เ ป็ น สิ่ ง จ ำ เ ป็ น ที่ ต้ อ ง วิ เ ค ร ำ ะ ห์ ใ ห้ ชั ด เ จ น
เพรำะกำรศึกษำสังคมค่ำนิยมขนบประเพณี วัฒนธรรมจะให้คำตอบว่ำสังคมต้องกำรจัดกำรศึกษำเพื่ออะไร
แ ล ะ จ ะ จั ด ก ำ ร ศึ ก ษ ำ ส ำ ห รั บ ใ ค ร
สิ่งเหล่ำนี้ ช่วยให้แสวงหำคำตอบที่ชัดเจนในกำรกำหนดเป้ำหมำยหรือทิศทำงของกำรศึกษำ
(ดังภำพประกอบ 4)
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 11
แหล่งข้อมูลเพื่อ
นำมำกำหนด
จุดมุ่งหมำยชั่วครำว
ภำพประกอบ 4 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรของไทเลอร์
(วิชัย วงษ์ใหญ่, 2537 : 11)
กำรพัฒนำหลักสูตรและกำรเสนอของไทเลอร์ มีลักษณะสำคัญคือ (วิชัย วงษ์ใหญ่, 2537 : 12-
14)
1. จุดมุ่งหมำยเป็นตัวกำหนดควบคุมกำรเลือกและจัดประสบกำรณ์กำรเรียนดังนั้น
ก ำ ร ก ำ ห น ด จุ ด มุ่ ง ห ม ำ ย จึ ง มี 2 ขั้ น ต อ น คื อ
ตอนแรกเป็นกำรกำหนดจุดมุ่งหมำยชั่วครำวแล้วจึงหำวิธีกำรและเกณฑ์จำกทฤษฎีกำรเรียนรู้ปรัชญำกำรศึก
กำรศึกษำสังคม
กำรศึกษำผู้เรียน
กำรศึกษำแนวคิดขอ
งนักวิชำกำร
ปรัชญำสังคม
กำหนด
จุดมุ่งหมำยชั่วครำว
ทฤษฎีกำรเรียนรู้
ปรัชญำกำรศึกษำ
ปรัชญำสังคม
จุดมุ่งหมำย
กำรเลือกและกำรจัดประสบกำรณ์กำ
รเรียน
กำรประเมินผล
ข้อมูลในกำรกำหนด
เกณฑ์ที่ตรวจสอบพิ
จำรณำกลั่นกรองเป็
นจุดมุ่งหมำยจริง
องค์ประกอบ
ของหลักสูตร
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 12
ษำและปรัชญำสังคมมำกลั่นกรองจุดมุ่งหมำยชั่วครำว เพื่อให้ได้มำเป็นจุดมุ่งหมำยที่แท้จริงของหลักสูตร
พื้นฐำนทำงจิตวิทยำและปรัชญำในกำรพัฒนำหลักสูตรจะเข้ำมำมีบทบำทและช่วยในกำรตรวจสอบเพื่อหำค
วำมชัดเจนของกำรกำหนดจุดมุ่งหมำยขั้นนี้เพื่อตอบคำถำมและหำควำมชัดเจนว่ำกำรจัดหลักสูตรเพื่อตอบส
นองใคร ตอบสนองผู้เรียนหรือสังคม
2 .
กำรเลือกและจัดประสบกำรณ์กำรเรียนที่คำดหวังว่ำจะให้ผู้เรียนมีประสบกำรณ์กำรจัดกิจกรรมในกำรเรียน
ก ำ ร ส อ น แ ล ะ ส่ ว น เ ส ริ ม ห ลั ก สู ต ร นั้ น มี อ ะ ไ ร
ทั้งนี้ เพื่อให้กระบวนกำรเรียนกำรสอนดำเนินไปเพื่อตอบสนองจุดมุ่งหมำยที่กำห น ดไ ว้
ไทเลอร์ได้เสนอเกณฑ์ในกำรพิจำรณำเลือกประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ไว้ดังนี้
2.1 ผู้เรียนควรมีโอกำสฝึกพฤติกรรมและกำรเรียนรู้เนื้อหำตำมที่ระบุไว้ในจุดมุ่งหมำย
2 . 2
กิจกรรมและประสบกำรณ์นั้นทำให้ผู้เรียนพอใจปฏิบัติกำรเรียนรู้อำจนำไปสู่จุดมุ่งหมำยที่กำหนดไว้เพียงข้
อเดียวก็ได้
2.3 กิจกรรมและประสบกำรณ์นั้นอยู่ในข่ำยควำมพอใจที่พึงปฏิบัติได้
2 . 4 กิ จ ก ร ร ม แ ล ะ ป ร ะ ส บ ก ำ ร ณ์ ห ล ำ ย ๆ
ด้ำนของกำรเรียนรู้อำจนำไปสู่จุดมุ่งหมำยที่กำหนดไว้เพียงข้อเดียวก็ได้
2.5 กิจกรรมและประสบกำรณ์เรียนรู้เพียงหนึ่งอย่ำงอำจตรวจสอบจุดมุ่งหมำยหลำยๆ
ข้อได้
3. กำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ว่ำต้องคำนึงถึงควำมสัมพันธ์ในด้ำนเวลำต่อเ วลำ
และเนื้อหำต่อเนื้อหำ เรี ยกว่ำควำมสัมพันธ์แบบแนวตั้ง (Vertical) กับแนวนอน (Horizontal)
ซึ่งมีเกณฑ์ในกำรจัดดังนี้
3 . 1 ค ว ำ ม ต่ อ เ นื่ อ ง ( Continuity)
หมำยถึงควำมสัมพันธ์ในแนวตั้งของส่วนองค์ประกอบหลักของตัวหลักสูตรจำกระดับหนึ่งไปยังอีกระดับห
นึ่งที่สูงขึ้นไป เช่น ในวิชำทักษะ ต้องเปิดโอกำสให้มีกำรฝึกทักษะในกิจกรรมและประสบกำรณ์บ่อยๆ
และต่อเนื่องกัน
3 . 2 ก ำ ร จั ด ช่ ว ง ล ำ ดั บ ( Sequence)
หมำยถึงควำมสัมพันธ์แนวตั้งของส่วนองค์ประกอบหลักของตัวหลักสูตรจำกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนไปสู่สิ่งที่เกิด
ขึ้ น ภ ำ ย ห ลั ง ห รื อ จ ำ ก สิ่ ง ที่ มี ค ว ำ ม ง่ ำ ย ไ ป สู่ ที่ มี ค ว ำ ม ย ำ ก ดั ง นั้ น
กำรจัดกิจกรรมและประสบกำรณ์ให้มีกำรเรียงลำดับก่อนหลังเพื่อให้ได้เรียนเนื้อหำที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
3 . 3 บู ร ณ ำ ก ำ ร ( Integration) ห ม ำ ย ถึ ง
ค ว ำ ม สั ม พั น ธ์ กัน ใ น แ น ว น อ น ข อ ง อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ห ลั ก ข อ ง ตั ว ห ลั ก สู ต ร
จำกหัวข้อเนื้อหำหนึ่งไปยังอีกหัวข้อหนึ่งของรำยวิชำ หรือจำกรำยวิชำหนึ่งไปยังรำยวิชำอื่นๆ
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 13
ที่ มี ค ว ำ ม เ กี่ ย ว ข้ อ ง กั น
กำรจัดประสบกำรณ์จึงควรเป็นในลักษณะที่ช่วยให้ผู้เรียนได้เพิ่มพูนควำมคิดเห็นและได้แสดงพฤติกรรมที่
ส อ ด ค ล้ อ ง กั น
เนื้อหำที่เรียนเป็นกำรเพิ่มควำมสำมำรถทั้งหมดของผู้เรียนที่ได้ประสบกำรณ์ในสถำนกำรณ์ต่ำงๆ กัน
ป ร ะ ส บ ก ำ ร ณ์ ก ำ ร เ รี ย น รู้ จึ ง เ ป็ น แ บ บ แ ผ น ข อ ง ป ฏิ สั ม พั น ธ์ ( Interaction)
ระหว่ำงผู้เรียนกับสถำนกำรณ์สิ่งแวดล้อม
4 .
กำรประเมินผลเพื่อตรวจสอบดูว่ำกำรจัดกำรเรียนกำรสอนได้บรรลุตำมจุดมุ่งหมำยตำมที่กำหนดไว้หรือไม่
สมควรมีกำรปรับแก้ในส่วนใดบ้ำง พิจำรณำจำกสิ่งต่อไปนี้
4.1 กำหนดจุดมุ่งหมำยที่จะวัดและพฤติกรรมที่คำดหวัง
4.2 วัดและวิเครำะห์สถำนกำรณ์ที่ทำให้เกิดพฤติกรรมเหล่ำนั้น
4.3 ศึกษำสำรวจข้อมูลเพื่อสร้ำงเครื่องมือวัดพฤติกรรมเหล่ำนั้นได้อย่ำงเหมำะสม
4.4 ตรวจสอบคุณภำพของเครื่องมือ โดยใช้เกณฑ์ในกำรพิจำรณำดังนี้
1. ควำมเป็นปรนัย (Objectivity)
2. ควำมเชื่อมั่นได้ (Reliability)
3. ควำมเที่ยงตรง (Validity)
4. ควำมถูกต้อง (Accuracy)
4 . 5
กำรพิจำรณำผลประเมินให้เป็นประโยชน์เพื่ออธิบำยผลกำรเรียนรู้เป็นรำยบุคคลหรือเป็ นกลุ่ม
กำรอธิบำยถึงส่วนดีของหลักสูตรหรือสิ่งที่ต้องปรับแก้เพื่อเป็นแนวทำงในกำรปรับปรุงหลักสูตรให้มีคุณภำ
พยิ่งขึ้น
5.1.2 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวความคิดของทาบา (Taba)
แนวคิดของทำบำในกำรพัฒนำหลักสูตรใช้วีแบบรำกหญ้ำ (Grass-roots approach)
มีควำมเชื่อว่ำหลักสูตรควรได้รับกำรออกแบบโดยครูผู้สอนมำกกว่ำพัฒนำจำกองค์กรที่อยู่ในระดับสูงขึ้น
ประกอบด้วยขั้นตอนต่ำงๆ ดังนี้ (Taba, 1962 : 456-459)
1. วิเครำะห์ควำมต้องกำร (Diagnosis of needs) ใช้วิธีสำรวจสภำพปัญหำ ควำมต้องกำร
และควำมจำเป็นของผู้เรียนและของสังคม
2 . ก ำ ห น ด จุ ด มุ่ ง ห ม ำ ย ( Formulation of objectives)
ด้วยข้อมูลที่ได้จำกำรวิเครำะห์ควำมต้องกำร
3 . คั ด เ ลื อ ก เ นื้ อ ห ำ ส ำ ร ะ ( Selection of content)
เ มื่อกำหน ดจุดมุ่ง หมำยแล้วก็ต้อง เ ลือกเ นื้ อหำสำระ ซึ่ ง สอดคล้อง กับจุดมุ่ง ห มำ ย
และต้องคำนึงถึงพัฒนำกำรของผู้เรียนด้วย
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 14
4 . ก ำ ร จั ด ร ว บ ร ว ม เ นื้ อ ห ำ ส ำ ร ะ ( Organization of content)
เ นื้ อ ห ำ ส ำ ร ะ ที่ ร ว บ ร ว ม ต้ อ ง ค ำ นึ ง ถึ ง ค ว ำ ม ย ำ ก ง่ ำ ย แ ล ะ ค ว ำ ม ต่ อ เ นื่ อ ง
รวมทั้งจัดให้เหมำะสมกับพัฒนำกำรและควำมสนใจของผู้เรียน
5. คัดเ ลือกประ สบกำร ณ์กำ รเ รี ยน รู้ ( Selection of learning experiences)
กำรคัดเลือกประสบกำรณ์เรียนรู้ให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมำยและเนื้อหำวิชำ
6. กำรจัดรวบรวมประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ (Organization of leaning experiences)
กำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ควรคำนึงถึงควำมต่อเนื่องของเนื้อหำสำระ
7. กำหนดวิธีวัดและประเมินผล (Determination of what to evaluate and the ways and
means of doing it)
มีกำรประเมินเพื่อตรวจสอบว่ำประสบกำรณ์กำรเรียนที่จัดให้บรรลุจุดมุ่งหมำยที่กำหนดไว้หรือไม่
และกำหนดวิธีกำรประเมินรวมทั้งเครื่องมือที่ใช้ในกำรประเมินด้วยดังภำพประกอบ 5
ภำพประกอบ 5 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรตำมแนวคิดของทำบำ
1. วิเครำะห์ควำมต้องกำร (Diagnosis of needs)
2. กำหนดจุดมุ่งหมำย (Formulation of objectives)
3. คัดเลือกเนื้อหำสำระ (Selection of content)
4. กำรจัดรวบรวมเนื้อหำสำระ - ควำมคิดรวบยอด (Key concepts)
(Organization of content) - ควำมคิดหลัก (Main ideas)
- ข้อเท็จจริง (Facts)
5. กำรคัดเลือกประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ (Selection of leaning experiences)
6. กำรจัดรวบรวมประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ (Organization of leaning experiences)
(กลวิธีกำรสอนเพื่อพัฒนำพุทธิพิสัย และเจตพิสัย)
7. กำหนดวิธีวัดและประเมินผล (Determination of what toevaluate)
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 15
(Taba, 1962 : 456-459)
จำกกำรพัฒนำหลักสูตรแนวคิดของทำบำจะเริ่มที่จุดใดจุดหนึ่งก่อนก็ได้ แต่เมื่อเริ่มที่
จุ ด ใ ด แ ล้ ว จ ะ ต้ อ ง ท ำ ก ำ ร ศึ ก ษ ำ ใ ห้ ค ร บ ก ร ะ บ ว น ก ำ ร ทั้ ง 7 ขั้ น ต อ น
จุ ด เ ด่น ใ น แ น ว คิ ด ข อ ง ท ำ บ ำ คื อ เ รื่ อ ง ยุ ท ธ วิ ธี ก ำ ร ส อ น ( Teaching Strategies)
และประสบกำรณ์กำรเรียนรู้เป็นกระบวนกำรที่ต้องคำนึงถึง มีอยู่ 2ประกำร คือ (วิชัย วงษ์ใหญ่, 2537 :15-
16)
1 . ยุ ท ธ วิ ธี ก ำ ร ส อ น แ ล ะ ป ร ะ ส บ ก ำ ร ณ์ เ รี ย น รู้
เ ป็ น เ ค รื่ อ ง ก ำ ห น ด ส ถ ำ น ก ำ ร ณ์ เ งื่ อ น ไ ข ก ำ ร เ รี ย น รู้
กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนแต่ละครั้งมีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับกำรเรียนรู้ที่เกิดขึ้นเป็นผลผลิต ดังนั้น
กำรจัดรูปแบบของกำรเรียนกำรสอนต้องแสดงลำดับขั้นตอนของกำรเรียนรู้ด้วย
2 .
ยุทธวิธีกำรสอนเป็นสิ่งที่หลอมรวมหลำยสิ่งหลำยอย่ำงเข้ำมำไว้ด้วยกันกำรพิจำรณำตัดสินใจเกี่ยวกับยุทธวิ
ธีกำรสอนควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้ คือ
2.1 กำรจัดเนื้อหำ ต้องกำหนดให้ชัดเจนว่ำรำยวิชำนั้นๆ มุ่งให้ผู้เรียนเรียนรู้แบบใด
ก ว้ำ ง ห รื อ ลึ ก ม ำ ก น้ อ ย เ พี ย ง ใ ด แ ล ะ ไ ด้เ รี ย ง ล ำ ดั บ เ นื้ อ ห ำ วิช ำ ไ ว้อ ย่ ำ ง ไ ร
ก ำ ร ก ำ ห น ด โ ค ร ง ส ร้ ำ ง ไ ด้ก ร ะ ท ำ ชัด เ จ น ส อ ด ค ล้อ ง กับ โ ค ร ง ก ำ ร ใ น ร ะ ดับ ใ ด
เพรำะแต่ละระดับมีจุดประสงค์เนื้อหำสำระที่มีควำมเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน
2.2 หน่วยกำรเรียน สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่บ่งชี้ถึงกำรวัดและประเมินได้ชัดเจน
มีรำยละเอียดและมีควำมยืดหยุ่นเพื่อเปิดโอกำสให้ครูและนักเรียนมีส่วนร่วมในกำรวำงแผนกำรเรียนและทำ
กิ จ ก ร ร ม ต ำ ม ค ว ำ ม ต้ อ ง ก ำ ร แ ล ะ ค ว ำ ม ส น ใ จ
กำรตรวจสอบควำมรู้พื้นฐำนของผู้เรียนจะช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในกำรพัฒนำกระบวนกำรเรียนได้เป็นลำ
ดั บ ขั้ น ต อ น เ พื่ อ น ำ ไ ป สู่ ข้ อ ค้ น พ บ
ข้อสรุปที่เป็ นห ลักกำรที่มุ่งเน้นควำมคำดห วังเกี่ยวกับกำรเรียน รู้ที่จะเกิดขึ้น กับผู้เ รี ยน
และกำรกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดกำรเรียนรู้ด้วยตนเองดังภำพประกอบ 6
กาหนดโดยการวิเคราะห์ กาหนดวัตถุประสงค์ การกาหนดจุดประสงค์
วิเคราะห์และการจาแนก แต่ละระดับ
1. วัฒนธรรมและควำมต้องกำรของ 1. ชนิดของพฤติกรรม 1. จุดมุ่งหมำยทั่วไปของกำรศึกษำ
สังคมและผู้เรียน 2. เนื้อหำวิชำ 2. จุดมุ่งหมำยระดับโรงเรียน
2. กระบวนกำรเรียนรู้และหลักกำร 3. ควำมต้องกำรด้ำนต่ำงๆ 3. จุดมุ่งหมำยระดับชั้นเรียน
เรียนรู้ของผู้เรียน
3. ธรรมชำติควำมรู้ในศำสตร์ต่ำงๆ
และวิธีกำรแสวงหำควำมรู้
4. อุดมกำรณ์ของประชำธิปไตย
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 16
ภำพ 7.5 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรและกำรสอนของทำบำ (วิชัยวงษ์ใหญ่, 2537:17)
ภำพประกอบ 6 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรและกำรสอนของทำบำ (วิชัย วงษ์ใหญ่, 2537:17)
กาหนดความรู้ การเลือกเนื้อหาและ สถาบันองค์กรที่เกี่ยวข้อง
ประสบการณ์การเรียนและ
ลักษณะการจัด
1. ลักษณะ, ธรรมชำติของควำมรู้ เนื้อหำสำระ 1. โรงเรียน, กำรบริหำร
ของศำสตร์ต่ำงๆ กิจกรรมและ ใช้ทรัพยำกร
2. ควำมรู้เกี่ยวกับกำรพัฒนำผู้เรียน ประสบกำรณ์ 2. องค์กรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
3. กำรเรียน กับกำรศึกษำบทบำทและ
4. พัฒนำผู้เรียน หน้ำที่ของแต่ละหน่วยงำน
สิ่งที่ต้องคานึง การจัดหลักสูตรรูปแบบ ผู้รับผิดชอบของบุคคล/
ของหลักสูตร หน่วยงาน
1. ควำมต่อเนื่องของควำมรู้ รำยงำน หมวดวิชำ มุ่งเน้นด้ำน 1.โรงเรียน
2. บูรณำกำรทำงควำมรู้ ชีวิตและสังคม กิจกรรมและ 2.คณะครูและเจ้ำหน้ำที่
ประสบกำรณ์ กิจกรรมของผู้เรียน 3.วิธีกำรที่จะใช้บุคลำกร
จุดรวม แนวคิดต่ำงๆ ให้เกิดประโยชน์จำก
กำรเรียนรู้
การกาหนดโดย ขอบข่ายของการเรียง ผู้ดาเนินการต้องคานึงถึง
ลาดับหลักสูตร
ลักษณะการจัด
1. ขอบข่ำยของกระบวนกำร 1. กำรเรียนรู้ลำดับขั้นตอน รูปแบบของกำรจัดหลักสูตร
เรียนรู้ กำรเรียนรู้ ประเภทต่ำงๆ
2. ขอบเขตควำมต่อเนื่องของ 2. ขอบข่ำยและขั้นตอนของกำรจัด หลักสำคัญในกำรกำรจัดหลักสูตร
กระบวนกำรเรียนรู้ กระบวนกำรเรียนรู้
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 17
5.1.3 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของเซย์เลอร์ อเล็กซานเดอร์ และเลวิส (J.
Galen Saylor, William M. Alexander and Arthur J. Lewis)
แ น ว คิ ด ข อ ง เ ซ ย์ เ ล อ ร์ อ เ ล็ ก ซ ำ น เ ด อ ร์ แ ล ะ เ ล วิส ป ร ะ ก อ บ ด้ว ย
กระบวนกำรพัฒนำหลักสูตรที่สำคัญ 4 ขั้นตอน คือ (Saylor and Alexander,1974 : 265; Saylor,Alexander
and Lewis, 1981: 181)
1. เป้ำหมำย วัตถุประสงค์ และควำมครอบคลุม ( Goals, Objective and domains)
ห ลั ก สู ต ร ต้ อ ง ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย เ ป้ ำ ห ม ำ ย วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์
และในแต่ละเป้ำหมำยควรบ่งบอกถึงควำมครอบคลุมของหลักสูตร (Curriculum Domain) วัตถุประสงค์
พัฒนำกำรส่วนบุคคล มนุษยสัมพันธ์ ทักษะกำรเรียนรู้ที่ต่อเนื่อง และควำมชำนำญเฉพำะ ด้ำน
ซึ่งกำหนดจำกควำมเป็นโลกำภิวัฒน์ ควำมต้องกำรของสังคมที่อยู่อำศัยกฎหมำย ข้อบังคับ เป็นต้น
2 . ก ำ ร อ อ ก แ บ ห ลั ก สู ต ร ( Curriculum Design)
คือกำรวำงแผนเพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับกำรเลือกและจัดเนื้อหำสำระและจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ที่สอดคล้อ
งกับเป้ำหมำย วัตถุประสงค์ โดยคำนึงถึงปรัชญำ ควำมต้องกำรของสังคมและผู้เรียนมำพิจำรณำด้วย
3 . ก ำ ร น ำ ห ลั ก สู ต ร ไ ป ใ ช้ ( Curriculum implementation)
ครูต้องเป็นผู้วำงแผนและวำงแผนกำรจัดกำรเรียนกำรสอนในรูปแบบต่ำงๆ ( Instructional Plans)
รวมทั้ง กำรจัดทำ สื่ อ กำรเ รี ยน กำร สอน เ ช่น ตำรำ แบบเ รี ยน วัสดุอุปกรณ์ ต่ำ ง ๆ
เพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในสิ่งที่ครูตั้งเป้ำหมำยไว้
4 . ก ำ ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล ห ลั ก สู ต ร ( Curriculum Evaluation)
ครูและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันตัดสินใจเพื่อเลือกวิธีกำรประเมินผลที่สำมำรถประเมินได้ว่ำ
หลักสูตรที่พัฒนำขึ้นได้ผลตำมควำมมุ่งหมำยกำรประเมินหลักสูตรจะเป็นข้อมูลสำคัญที่บอกผู้ที่มีส่วนเกี่ยว
ข้ อ ง ไ ด้ ว่ ำ ค ว ร จ ะ ป รั บ ป รุ ง ห ลั ก สู ต ร ใ น จุ ด ใ ด
เพื่อประกอบกำรตัดสินใจในกำรวำงแผนกำรใช้หลักสูตรในอนำคต
รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรตำมแนวคิดของเซย์เลอร์ อเล็กซำนเดอร์ และเลวิส
แสดงดังภำพประกอบ 7
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 18
(1) ให้ข้อมูลย้อนกลับและปรับปรุง
(2) (3) (4)
ภำพประกอบ 7 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรตำมแนวคิดของเซย์เลอร์ อเล็กซำนเดอร์ และเลวิส
(Saylor and Alexander, 1974 : 275; Saylor. Alexander and Lawis.1981 : 181)
5.1.4 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของโอลิวา (Oliva) (Oliva.1982 : 172)
1 . จุ ด มุ่ ง ห ม ำ ย ข อ ง ก ำ ร ศึ ก ษ ำ ( Aims of Education)
และหลักกำรปรัชญำและจิตวิทยำจำกกำรวิเครำะห์ควำมต้องกำรจำเป็นของสังคมและผู้เรียน
2. วิเ ครำะ ห์ ควำมต้อง กำรจำเ ป็ น ของ ชุมช น ที่สถำน ศึกษำนั้ นๆ ตั้ง อยู่
ควำมต้องกำรจำเป็นของผู้เรียนในชุมชน และเนื้อหำวิชำที่จำเป็นเพื่อใช้ในกำรจัดกำรเรียนกำรสอน
3. เป้ำหมำยของหลักสูตร (Curriculum Goals) โดยอำศัยข้อมูลจำกขั้น 1และ 2
4. จุดประสงค์ของหลักสูตร (Curriculum Objectives) โดยอำศัยข้อมูลจำกขั้นที่ 1, 2 และ 3
แตกต่ำง จำกขั้น ที่ 3 คือมีลักษณะ เ ฉพ ำะเจำะ จงเพื่อน ำไปสู่กำรประยุกต์ใช้หลักสูตร
และกำรกำหนดโครงสร้ำงหลักสูตร
5. รวบรวมและ น ำไปใ ช้ ( Organization and Implementation of the Curriculum)
เป็นขั้นของกำรกำหนดโครงสร้ำงหลักสูตร
6. กำหนดเป้ำหมำยของกำรสอน (Instructional Goals) ของแต่ละระดับ
7. กำหนดจุดประสงค์ของกำรจัดกำรเรียนกำรสอน (Instructional Objective) ใน แต่ละวิชำ
8 . เ ลื อ ก ยุ ท ธ วิ ธี ใ น ก ำ ร ส อ น ( Selection of Strategies)
เป็นขั้นที่ผู้เรียนเลือกยุทธวิธีที่เหมำะสมกับผู้เรียน
เป้าหมายจุดประสงค์และ
ความครอบคลุม
กำรออกแบบหลักสู
ตร
กำรนำหลักสูตรไปใช้ กำรประเมินผลหลักสู
ตร
-
ออกแบบโดยนักพัฒนำห
ลักสูตร
-
เลือกเนื้อหำสำระและประ
สบกำรณ์กำรเรียนรู้ที่เหม
ำะสมกับผู้เรียน
-
ครูเป็นผู้วำงแผนจัดทำแผน
กำรสอน
-จัดทำสื่อกำรเรียนกำรสอน
-
ครูเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเลือกวิธีป
ระเมินที่มีประสิทธิภำพ
-
นำข้อมูลที่ใช้จำกกำรประเมินมำป
รับปรุงแก้ไขหลักสูตร
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 19
9. เลือกเทคนิควิธีกำรประเมินผลก่อนที่นำไปสอนจริงคือ 9A(Preliminaryselective of
evaluation techniques) และกำหนดวิธีประเมินผลหลังจำกกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนสิ้นสุดคือ 9B (Find
selection of evaluation techniques)
1 0 . น ำ ยุ ท ธ วิ ธี ไ ป ใ ช้ ป ฏิ บั ติ จ ริ ง ( Implementation of Strategies)
เป็นขั้นของกำรใช้วิธีกำรที่กำหนดในขั้นที่ 8
1 1 . ป ร ะ เ มิ น ผ ล จ ำ ก ก ำ ร เ รี ย น ก ำ ร ส อ น ( Evaluation of Instruction)
เ ป็ น ขั้ น ที่ เ มื่ อ ก ำ ร ด ำ เ นิ น ก ำ ร จั ด ก ำ ร เ รี ย น ก ำ ร ส อ น เ ส ร็ จ สิ้ น
ก็มีกำรประเมินผลตำมที่ได้เลือกหรือกำหนดวิธีกำรประเมิน ขั้นที่ 9
12. ประเมินหลักสูตร (Evaluation of curriculum) เป็นขั้นตอนสุดท้ำยที่ทำให้วงจรครบถ้วน
กำรประเมินผลที่มิใช่ประเมินผู้เรียนและผู้สอน แต่เป็นกำรประเมินหลักสูตรที่จัดทำขึ้น
5.1.5 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของมัลคอล์ม สกิลเบ็ก
ส กิล เ บ็ ก ( Sklibeck,1984 : 230- 239; สิ ท ธิ ชัย เ ท ว ธี ร ะ รั ต น์ , 2543 : 43)
ได้เ สน อแน วคิดเ กี่ยวกับรู ปแ บบ ของ หลักสู ตรใ น ลักษณะ ที่เ ป็ น พ ล วัต จุดเ ด่น คื อ
กำรวิเครำะห์สถำนกำรณ์ซึ่งเป็นยุทธศำสตร์ที่สำคัญในกำรพัฒนำหลักสูตร ทั้งนี้ สกิลเบ็กเชื่อว่ำ
สถำน กำรณ์เ ป็ น อง ค์ ประ กอ บ สำ คัญใ น กำ รก ำหน ดค วำ มแ ตก ต่ำง ข อง ห ลัก สู ต ร
เ พ ร ำ ะ ไ ม่ ส ำ ม ำ ร ถ ค ำ ด เ ห ตุ ก ำ ร ณ์ สิ่ ง ที่ เ กิ ด ขึ้ น ภ ำ ย ห น้ ำ ไ ด้
กำรกำหนดวัตถุประสงค์ของกำรเรียนรู้ไว้ก่อนมีกำรสำรวจสถำนกำรณ์จริงจึงขำดควำมน่ำเชื่อถือ ดังนั้น
กำรพัฒนำหลักสูตรโดยโรงเรียนเป็นผู้พัฒนำหลักสูตรเอง (School-basedcurriculum development หรือ
SBCD) เป็นวิธีที่สำมำรถนำไปปฏิบัติให้สอดคล้องกับควำมเป็นจริงได้ กำรวิเครำะห์องค์ประกอบต่ำงๆ
ที่ เ ป็ น ป ร ำ ก ฏ ก ำ ร ณ์ ข อ ง สั ง ค ม แ ต่ ล ะ แ ห่ ง มี ค ว ำ ม แ ต ก ต่ ำ ง กั น
ทำให้ไม่สำมำรถเจำะจงใช้รูปแบบหลักสูตรที่เป็นแบบเดียวกันได้ ดังนั้น รูปแบบหลักสูตรจึงเป็นพลวัต
แนวคิดกำรพัฒนำหลักสูตรของสกิลเบ็ก ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้
ขั้ น ต อ น ที่ 1 ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ ส ถ า น ก า ร ณ์ ( Analyze the situation)
วิ เ ค ร ำ ะ ห์ ปั จ จั ย ที่ ท ำ ใ ห้ เ กิ ด ก ำ ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง เ กี่ ย ว กั บ ห ลั ก สู ต ร
ซึ่งส่งผลถึงโรงเรียนให้มีกำรพัฒนำหลักสูตรให้นำไปปฏิบัติได้จริงและบังเกิดผลให้นักเรียนได้เรียนรู้
ซึ่งปัจจัยที่ก่อให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงประกอบด้วย ปัจจัยภำยนอกและปัจจัยภำยใน
ก. ปัจจัยภายนอก ได้แก่
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 20
1 . ก ำ ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ท ำ ง สั ง ค ม แ ล ะ วั ฒ น ธ ร ร ม
ควำมคำดหวัง ของ ผู้ปกครอง ควำ มต้อง กำ รของ น ำยจ้ำง ควำมต้อง กำรของ สั ง ค ม
ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงผู้ใหญ่กับเด็ก และอุดมคติของสังคม
2. กำรเปลี่ยนแปลงระบบกำรศึกษำและหลักสูตร ซึ่งประกอบด้วย นโยบำยกำรศึกษำ
ระบบกำรสอน อำนำจในกำรตัดสินใจของท้องถิ่น ผู้จบกำรศึกษำที่สอดคล้องกับควำมต้องกำรของสังคม
เป็นต้น
3. กำรเปลี่ยนแปลงเนื้อหำวิชำ กำรจัดกำรเรียนกำรสอนให้สอดคล้องกับยุคสมัย
4. กำรเพิ่มศักยภำพของครูอำจำรย์ ในกำรเรียนกำรสอนให้เหมำะสมกับยุคสมัย
5. กำรนำทรัพยำกรใช้ในโรงเรียน เพื่อพัฒนำกำรจัดกำรเรียนกำรสอน
ข. ปัจจัยภายใน ได้แก่
1. เจตคติ ควำมสำมำรถและควำมต้องกำรทำงกำรศึกษำของนักเรียน
2 . ค่ ำ นิ ย ม เ จ ต ค ติ ทั ก ษ ะ ป ร ะ ส บ ก ำ ร ณ์ ข อ ง ค รู
ที่เป็นจุดเด่นและจุดด้อยของกำรจัดกำรเรียนกำรสอน
3 . ค ว ำ ม ค ำ ด ห วัง ข อ ง โ ร ง เ รี ย น โ ค ร ง ส ร้ ำ ง ก ำ ร บ ริ ห ำ ร ง ำ น
ก ำ ร ก ร ะ จ ำ ย อ ำ น ำ จ ก ำ ร บ ริ ห ำ ร ก ำ ร ศึ ก ษ ำ วิธี จัด ป ร ะ ส บ ก ำ ร ณ์ ใ ห้ นั ก เ รี ย น
แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของนักเรียนบรรทัดฐำนทำงสังคม กำรจัดกำรกับกำรเปลี่ยนแปลงที่ไม่พึงประสงค์
4 . วั ส ดุ อุ ป ก ร ณ์ ท รั พ ย ำ ก ร ง บ ป ร ะ ม ำ ณ แ ผ น ง ำ น
และศักยภำพในกำรจัดกำรเรียนกำรสอนของโรงเรียน
5. กำรยอมรับและกำรรับรู้ปัญหำที่เกิดขึ้นจำกกำรนำหลักสูตรมำใช้
ขั้ น ต อ น ที่ 2 ก า ร ก า ห น ด วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ( Define Objectives)
ก ำ ร วิ เ ค ร ำ ะ ห์ ส ถ ำ น ก ำ ร ณ์ ใ น ขั้ น ต อ น ที่ 1
เพื่อนำไปกำหนดวัตถุประสงค์ซึ่งกำรกำหนดวัตถุประสงค์แปลงเปลี่ยนไปตำมปัจจัยภำยนอกและภำยใน
สะท้อนควำมเป็ น จริง ของ สถำนกำรณ์ที่เ ป็ นอยู่ สอดคล้องกับค่ำนิ ยม ทิศทำงที่กำหน ด
ร ว ม ทั้ ง ผ ล ลั พ ธ์ ที่ ค ำ ด ห วั ง จ ำ ก ก ำ ร จั ด ก ำ ร ศึ ก ษ ำ
กำรกำหนดวัตถุประสงค์ควรเขียนในลักษณะกำรเรียนรู้ที่คำดหวังจำกนักเรียนและกระบวนกำรจัดกำรเรียน
ก ำ ร ส อ น ข อ ง ค รู ที่ ใ ห้ บ ร ร ลุ วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์
ซึ่งกำรกำหน ดวัตถุประ สง ค์ประ กอบด้วยวัตถุประ สง ค์ทั่วไปกับวัตถุประ สง ค์เ ฉพ ำะ
ในกำรกำหนดวัตถุประสงค์ต้องเกิดจำกกำรมีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้องเช่น นักเรียน ครู ผู้ปกครอง ชุมชน
และนักวิชำกำร เป็นต้น
ขั้นตอนที่ 3การออกแบบการจัดการเรียนการสอน (Designtheteachinglearning
programme) เป็นกำรออกแบบกำรเรียนกำรสอนต้องให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกำรจัดกำรศึกษำ
โ ร ง เ รี ย น ต้ อ ง ต อ บ ค ำ ถ ำ ม พื้ น ฐ ำ น เ ช่ น จ ะ ส อ น อ ะ ไ ร
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 21
และนักเรียนจะเรียนรู้อะไรซึ่งต้องศึกษำเอกสำรที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับรำยวิชำที่นำมำจัดกำรเรียนกำรสอน
กำรกำหนดแบบแผนกำรสอนและกำรเรียนรู้เกี่ยวข้องกับกำรตัดสินใจในเรื่องต่ำงๆ ดังนี้
3.1 ข้อมูลพื้นฐำนหรือทิศทำงของหลักสูตรที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลำง
เป็นวิชำบังคับหรือวิชำเลือกตำมควำมสนใจ
3.2 กำรจัดกลุ่มและกำรบูรณำกำรของสำระวิชำต่ำงๆ
3.3 กำรจัดกลุ่มนั กเ รี ยน ซึ่ ง อำจจัดตำ มค ว ำ มสน ใ จ ข อง นั ก เ รี ย น
จัดให้เด็กเรียนเก่งเรียนด้วยกันและไม่เก่งเรียนด้วยกัน หรือจัดให้เด็กที่มีควำมสนใจต่ำงกันเรียนด้วยกัน
3.4 ควำมสัมพันธ์ของวิชำต่ำงๆ กับเป้ำหมำยของหลักสูตร
3.5 กำรเรียงลำดับของเนื้อหำกำรสอน
3.6 สถำนที่ ทรัพยำกร อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้ำ
3.7 ออกแบบวิธีกำรจัดกำรเรียนกำรสอน
3.8 แต่งตั้งคณะทำงำน
3.9 จัดทำตำรำงและกิจกรรมในกำรปฏิบัติงำน
ขั้ น ต อน ที่ 4 การน าห ลั กสู ต รไปใช้ ( Interpret and implement the programme)
กำรวำงแผนและกำรออกแบบหลักสูตรก็เพื่อให้หลักสูตรนั้นนำไปสู่กำรปฏิบัติให้บังเกิดผลตำมวัตถุประสง
ค์ที่วำงไว้ ซึ่งดูจำกผลกำรประเมินผลลัพธ์สุดท้ำยว่ำกำรเรียนกำรสอนเป็ นไปตำมควำมต้องกำรหรือไม่
มี แ ผ น ง ำ น ใ ด ที่ มี ค ว ำ ม พ ร้ อ ม ม ำ ก ที่ สุ ด แ ล ะ รั บ ร อ ง คุ ณ ภ ำ พ ไ ด้ ดั ง นั้ น
ครูต้องมีจิตสำนึกในควำมเป็นมืออำชีพที่ต้องติดตำมควบคุม ดูแล และประเมินผลอย่ำงสม่ำเสมอ
เ พื่ อ พิ จ ำ ร ณ ำ ว่ำ สิ่ ง ที่ อ อ ก แ บ บ แ ล ะ ด ำ เ นิ น ก ำ ร อ ยู่ มี ป ร ะ โ ย ช น์ คุ้ ม ค่ ำ
กำรพัฒนำหลักสูตรโรงเรียนจำกบุคคลใดบุคคลหนึ่ ง เช่นผู้บริหำรโรงเรียน หัวหน้ำภำค
อำจไม่ประสบควำมสำเร็จเนื่องจำกปัญหำกำรขำดกำรเอำใจใส่จำกครู ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ดัง นั้ น ก ำ ร บ ริ ห ำ ร ห ลั ก สู ต ร ที่ ท ำ ใ ห้ เ กิ ด ก ำ ร ย อ มรั บ แ ล ะ น ำ ไ ป ใ ช้ไ ด้จ ริ ง ๆ
ต้องดำเนินกำรโดยผู้ที่อยู่ในโรงเรียนซึ่งก็คือครูนั่นเองครูเป็นผู้ที่ใกล้ชิดและทรำบข้อมูลเกี่ยวกับควำมสนใจ
ค ว ำ ม ต้ อ ง ก ำ ร ข อ ง นั ก เ รี ย น เ ป็ น อ ย่ ำ ง ดี ดั ง นั้ น
กำรปฏิบัติเพื่อพัฒนำหลักสูตรต้องเหมำะสมและต้องสอดคล้องกับศักยภำพของครู กำรนำไปใช้ขึ้นอยู่กับครู
ครูต้องเป็นบุคลำกรหลักในกำรออกแบบและกำรนำไปใช้ นั่นคือ ครูต้องเป็นผู้พัฒนำหลักสูตรดัวยตนเอง
ดีกว่ำรูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรที่บุคคลอื่นเป็นผู้จัดทำให้
ขั้นตอนที่ 5การประเมินการเรียนรู้และการประเมินผลหลักสูตร (Assessandevaluate)
กำรประเมินกำรเรียนรู้ (Assessment) เป็นกำรตัดสินคุณค่ำในศักยภำพกำรเรียนรู้และกำรปฏิบัติของผู้เรียนรู้
ส่วนกำรประเมินผล (Evaluation) หมำยถึงกำรรวบรวมหลักฐำนเพื่อนำมำตัดสินคุณค่ำเกี่ยวกับหลักสูตร
ซึ่งประกอบด้วย กำรวำงแผน กำรออกแบบ กำรนำไปใช้ รวมทั้งผลกำรปฏิบัติหรือผลกำรเรียนรู้ของผู้เรียน
ซึ่งกำรประเมินกำรปฏิบัติของผู้เรียนเป็นกำรกำหนดเกณฑ์ที่ผู้เรียนต้องบรรลุ เช่น กำรกำหนดชิ้นงำน
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 22
ก ำ ร สั ง เ ก ต ก ำ ร บั น ทึ ก ก ำ ร ท ำ ง ำ น ก ำ ร ส อ น ก ำ ร ร ำ ย ง ำ น ผ ล
กำรประ เ มิน กำรเ รี ยน รู้ของ ผู้เ รี ยน ต้อง มีแน ว ทำง ที่หลำ กหลำยเ พื่อใ ห้คร อ บ ค ลุ ม
รวมทั้งเป็นกระบวนกำรที่ต่อเนื่องทุกครั้ง ดังนั้น กำรประเมินจึงไม่ใช่กิจกรรมที่กระทำรวบยอดครั้งเดียว
แ ต่ เ ป็ น ก ำ ร ป ร ะ เ มิ น เ พื่ อ พั ฒ น ำ ผู้ เ รี ย น
รวมทั้ง ผู้ออกแบบ ห ลัก สู ต รด้วย กำร กระ ท ำเ ช่น นี้ เ ป็ น วง จร ต่อเ นื่ อง กัน ไปเ รื่ อ ย ๆ
เพื่อนำไปสู่กำรปรับปรุงผู้เรียนและหลักสูตรให้ดียิ่งขึ้น
รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรตำมแนวคิดของสกิลเบ็กแสดงดังภำพประกอบ 8ดังนี้
ภำพประกอบ 8 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรตำมแนวคิดของสกิลเบ็ก ( Skilbeck , 1984 :230-239 )
5.1.6 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของวอล์คเกอร์ (Decker Walker)
เ ด ค เ ก อ ร์ ว อ ล์ ค เ ก อ ร์ ( Decker Walker)
ป ฏิ เ ส ธ แ น ว คิ ด ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร ด้ ว ย ก ำ ร ก ำ ห น ด สิ่ ง ต่ ำ ง ๆ
ที่เกี่ยวกับหลักสูตรด้วยกำรอธิบำยเชิงเหตุผลโดยปรำศจำกกำรค้นคว้ำหำข้อเท็จจริงมำก่อน
วิธีกำรของวอล์คเกอร์เป็นวิธีกำรศึกษำแบบประจักษ์นิยม (Epiricalism) หรือเป็นวิธีกำรศึกษำแบบธรรมชำติ
(Naturalistic model) ซึ่งเป็ นวิธีกำรที่เป็ นกำรแสวงหำข้อเท็จจริงจำกปรำกฏกำรณ์ทำงสังคม
1.กำ 1. วิเครำะห์สถำนกำรณ์
( Analyse the situation)
2.กำรกำหนดวัตถุประสงค์
( Define Objectives)
3.กำรออกแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอน
( Design theteaching –learning programme )
4.กำรนำหลักสูตรไปใช้
( Interpretand implement the programme )
5.กำรประเมินกำรเรียนรู้และกำรประเมินหลักสูตร
( Assess and evaluate )
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 23
และผ่ำนกระบวนกำรพิจำรณำไตร่ตรองอย่ำงเหมำะสมก่อนกำรตัดสินใจออกแบบหลักสู ตร
ส่วนผลกำรพิจำรณำจะออกมำเช่นไรก็ยอมรับตำมสภำพกำรณ์ซึ่งเป็นวิธีคล้ำยกับเติบโตของสิ่งต่ำงๆ
ในธรรมชำติ (Marsh , 1986 , curricula ; An Analytical Introduction :53-57)
รู ป แ บ บ ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร ต ำ ม แ น ว คิ ด ข อ ง ว อ ล์ ค เ ก อ ร์
แบ่งเป็นกระบวนกำรพัฒนำหลักสูตรออกเป็น 3ขั้นตอน คือ (Walker , 1971 , curriculum Theory Network :
58-59)
ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ซึ่งได้มำจำกกำรศึกษำเชิงประจักษ์ที่ได้จำกมุมมองต่ำงๆ
ค ว ำ ม เ ชื่ อ ค่ ำ นิ ย ม ท ฤ ษ ฎี แ น ว คิ ด เ ป้ ำ ห ม ำ ย
เ พื่ อ เ ป็ น ข้อ มูล พื้ น ฐ ำ น ใ น ก ำ ร พิ จ ำ ร ณ ำ ส ร้ ำ ง ห ลัก สู ต ร ต่อ ไ ป ใ น อ น ำ ค ต ทั้ ง นี้
มีควำมจำเป็นที่ต้องวิเครำะห์ปัญหำต่ำงๆ ไว้ล่วงหน้ำซึ่งเป็นประโยชน์ในกำรดำเนินกำรขั้นต่อไป
ขั้ น ต อ น ที่ 2 ก า ร พิ จ า ร ณ า ไ ต ร่ ต ร อ ง ( Deliberates)
ซึ่งเป็นกำรนำข้อมูลพื้นฐำนทั่วไปที่ได้จำกกำรวิเครำะห์ปัญหำต่ำงเข้ำมำสู่กระบวนกำรปรึกษำหรือกำรอภิป
รำย กำรวิพ ำกษ์วิจำรณ์เ พื่อพิจำรณำทำง เ ลือ กต่ำง ๆ ก่อน ที่จะ ออกแบบหลัก สู ต ร
โดยกำรถ่วงน้ำหนักทำงเลือกต่ำงๆ (eight alternatives) ในทุกๆ ด้ำนอย่ำงเป็นรูปธรรม ทั้งในเชิงต้นทุน
ค่ ำ ใ ช้ จ่ ำ ย แ ล ะ ป ร ะ โ ย ช น์ ที่ ไ ด้ รั บ ม ำ
กำรพิจำรณำทำง เ ลือกนี้ จะ ก่อให้เ กิดควำมไม่แน่ใจว่ำเ ป็ นทำง เลือกที่ดีที่สุ ด ดัง นั้ น
จึงสำมำรถที่จะยอมรับหรือปฏิเสธได้อย่ำงเต็มที่ก่อนกำรกำหนดทิศทำงที่ถูกต้องในกำรออกแบบหลักสู ตรต่
อไป
ขั้ น ต อ น ที่ 3 ก า ร อ อ ก แ บ บ ห ลั ก สู ต ร ( Curriculum design)
เ ป็ น ก ำ ร วิ นิ จ ฉั ย เ กี่ ย ว กั บ ส ำ ร ะ ส ำ คั ญ ข อ ง ห ลั ก สู ต ร ก่ อ น
โ ด ย ค ำ นึ ง ถึ ง อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ อ ย่ำ ง ร อ บ ด้ำ น ข อ ง ก ร ะ บ ว น ก ำ ร พัฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร
ซึ่ ง ไ ม่ ก ำ ห น ด รู ป แ บ บ ห ลั ก สู ต ร ไ ว้ ล่ ว ง ห น้ ำ
แต่ใ ช้ใ น กำรแสวงหำควำมเ หมำะ สมที่สอดคล้อง กับควำมเ ป็ น จริ งของ สถำนกำรณ์
เ ป็ น กำรเ ลือกที่ผ่ำน กำรกลั่นกรอง มำแล้ว และ มีควำมชัดเ จน ใน องค์ประกอบต่ำงๆ
โดยสำมำรถชี้ เ ฉพำะเจำะจง ควำมต้อง กำรห ลักสู ตรของชุมช นได้ชัดเจน มำกยิ่งกว่ำ
รูปแบบของหลักสูตรเชิงวัตถุประสงค์กำรออกแบบหลักสูตรเชิงพลวัตเป็นพรรณนำควำมเชื่อมโยงจำกข้อมู
ลพื้นฐำน โดยนำตัวแปรต่ำงๆ ที่เกี่ยวข้องมำสู่กระบวนกำรพิจำรณำไตร่ตรองอย่ำงรอบคอบ (Deliberations)
ซึ่ ง เ ป็ น ก ำ ร เ ลื อ ก วิ ธี ที่ ดี ที่ สุ ด จ ำ ก นั้ น เ ริ่ ม ก้ ำ ว ไ ป สู่ จุ ด สุ ด ท้ ำ ย คื อ
กำรออกแบบหลักสูตรที่มีลักษณะเฉพำะเจำะจง
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4

More Related Content

What's hot

ปรัชญาและการพัฒนาหลักสูตร
ปรัชญาและการพัฒนาหลักสูตรปรัชญาและการพัฒนาหลักสูตร
ปรัชญาและการพัฒนาหลักสูตรPateemoh254
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9kanwan0429
 
การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาอิงมาตรฐาน
การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาอิงมาตรฐานการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาอิงมาตรฐาน
การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาอิงมาตรฐานkruthai40
 
สรุปเนื้อหาวิชาการพัฒนาหลักสูตรก่อนสอบระหว่างภาค
สรุปเนื้อหาวิชาการพัฒนาหลักสูตรก่อนสอบระหว่างภาคสรุปเนื้อหาวิชาการพัฒนาหลักสูตรก่อนสอบระหว่างภาค
สรุปเนื้อหาวิชาการพัฒนาหลักสูตรก่อนสอบระหว่างภาคkruskru
 
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์
 
ทฤ.หลักสูตร
ทฤ.หลักสูตรทฤ.หลักสูตร
ทฤ.หลักสูตรTawatchai Bunchuay
 
ความหมาย ความสำคัญของหลักสูตร
ความหมาย ความสำคัญของหลักสูตรความหมาย ความสำคัญของหลักสูตร
ความหมาย ความสำคัญของหลักสูตรmaturos1984
 
พัฒนาหลักสูตร
พัฒนาหลักสูตรพัฒนาหลักสูตร
พัฒนาหลักสูตรthana1989
 

What's hot (9)

ปรัชญาและการพัฒนาหลักสูตร
ปรัชญาและการพัฒนาหลักสูตรปรัชญาและการพัฒนาหลักสูตร
ปรัชญาและการพัฒนาหลักสูตร
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 
การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาอิงมาตรฐาน
การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาอิงมาตรฐานการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาอิงมาตรฐาน
การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาอิงมาตรฐาน
 
สรุปเนื้อหาวิชาการพัฒนาหลักสูตรก่อนสอบระหว่างภาค
สรุปเนื้อหาวิชาการพัฒนาหลักสูตรก่อนสอบระหว่างภาคสรุปเนื้อหาวิชาการพัฒนาหลักสูตรก่อนสอบระหว่างภาค
สรุปเนื้อหาวิชาการพัฒนาหลักสูตรก่อนสอบระหว่างภาค
 
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
 
ทฤ.หลักสูตร
ทฤ.หลักสูตรทฤ.หลักสูตร
ทฤ.หลักสูตร
 
ความหมาย ความสำคัญของหลักสูตร
ความหมาย ความสำคัญของหลักสูตรความหมาย ความสำคัญของหลักสูตร
ความหมาย ความสำคัญของหลักสูตร
 
พัฒนาหลักสูตร
พัฒนาหลักสูตรพัฒนาหลักสูตร
พัฒนาหลักสูตร
 
แผนพัฒนาบุคลากร ปี 54
แผนพัฒนาบุคลากร ปี 54แผนพัฒนาบุคลากร ปี 54
แผนพัฒนาบุคลากร ปี 54
 

Similar to บทที่ 4

บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4nattawad147
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4benty2443
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4wanneemayss
 
4 170819173249
4 1708191732494 170819173249
4 170819173249gam030
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4Dook dik
 
การพัฒนาหลักสูตร
การพัฒนาหลักสูตรการพัฒนาหลักสูตร
การพัฒนาหลักสูตรJiraprapa Suwannajak
 
การนิเทศแบบสอนแนะิ Coaching
การนิเทศแบบสอนแนะิ Coachingการนิเทศแบบสอนแนะิ Coaching
การนิเทศแบบสอนแนะิ CoachingProud N. Boonrak
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4parkpoom11z
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9benty2443
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9nattawad147
 

Similar to บทที่ 4 (20)

บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4
 
4 170819173249
4 1708191732494 170819173249
4 170819173249
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4
 
4 170819173249
4 1708191732494 170819173249
4 170819173249
 
4 170819173249
4 1708191732494 170819173249
4 170819173249
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4
 
4 170819173249
4 1708191732494 170819173249
4 170819173249
 
4 170819173249
4 1708191732494 170819173249
4 170819173249
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4
 
4 170819173249
4 1708191732494 170819173249
4 170819173249
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4
 
การพัฒนาหลักสูตร
การพัฒนาหลักสูตรการพัฒนาหลักสูตร
การพัฒนาหลักสูตร
 
การนิเทศแบบสอนแนะิ Coaching
การนิเทศแบบสอนแนะิ Coachingการนิเทศแบบสอนแนะิ Coaching
การนิเทศแบบสอนแนะิ Coaching
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4
 
9 170819173701
9 1708191737019 170819173701
9 170819173701
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 
9 170819173701
9 1708191737019 170819173701
9 170819173701
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 

More from kanwan0429

บทที่ 11
บทที่ 11บทที่ 11
บทที่ 11kanwan0429
 
บทที่ 10
บทที่ 10บทที่ 10
บทที่ 10kanwan0429
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9kanwan0429
 
บทที่ 8
บทที่ 8บทที่ 8
บทที่ 8kanwan0429
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7kanwan0429
 
บทที่ 6
บทที่ 6บทที่ 6
บทที่ 6kanwan0429
 
บทที่ 5
บทที่ 5บทที่ 5
บทที่ 5kanwan0429
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4kanwan0429
 
บทที่ 3
บทที่ 3บทที่ 3
บทที่ 3kanwan0429
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2kanwan0429
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1kanwan0429
 
บทที่ 11
บทที่ 11บทที่ 11
บทที่ 11kanwan0429
 
บทที่ 10
บทที่ 10บทที่ 10
บทที่ 10kanwan0429
 
บทที่ 8
บทที่ 8บทที่ 8
บทที่ 8kanwan0429
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7kanwan0429
 
บทที่ 6
บทที่ 6บทที่ 6
บทที่ 6kanwan0429
 
บทที่ 5
บทที่ 5บทที่ 5
บทที่ 5kanwan0429
 
บทที่ 3
บทที่ 3บทที่ 3
บทที่ 3kanwan0429
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2kanwan0429
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1kanwan0429
 

More from kanwan0429 (20)

บทที่ 11
บทที่ 11บทที่ 11
บทที่ 11
 
บทที่ 10
บทที่ 10บทที่ 10
บทที่ 10
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 
บทที่ 8
บทที่ 8บทที่ 8
บทที่ 8
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7
 
บทที่ 6
บทที่ 6บทที่ 6
บทที่ 6
 
บทที่ 5
บทที่ 5บทที่ 5
บทที่ 5
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4
 
บทที่ 3
บทที่ 3บทที่ 3
บทที่ 3
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 11
บทที่ 11บทที่ 11
บทที่ 11
 
บทที่ 10
บทที่ 10บทที่ 10
บทที่ 10
 
บทที่ 8
บทที่ 8บทที่ 8
บทที่ 8
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7
 
บทที่ 6
บทที่ 6บทที่ 6
บทที่ 6
 
บทที่ 5
บทที่ 5บทที่ 5
บทที่ 5
 
บทที่ 3
บทที่ 3บทที่ 3
บทที่ 3
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 

บทที่ 4

  • 1. บทที่ 4 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร มโนทัศน์(Concept) คุณสมบัติ ที่ ส ำคั ญ ที่ สุ ด ข อง ห ลัก สู ต ร คื อ หลักสู ตร ค ว ำ มเ ป็ น พ ล วัต และปรับเปลี่ยนไปตำมควำมต้องกำรและควำมเปลี่ยนแปลงของสังคม จำกคุณสมบัติดังกล่ำว กำรพัฒนำหลักสูตรจึงเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นอย่ำงต่อเนื่อง ตลอดเวลำที่สภำพสังคมเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น กำรจัดกำรศึกษำให้สนองควำมต้องกำรของสังคมที่เปลี่ยนแปลงจึงเป็นสิ่งจำเ ป็ น และกำรเปลี่ยนแปลงหลักสูตรในลักษณะของกำรพัฒนำหลักสูตรเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผลการเรียนรู้(Learning Outcome) 1. มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับควำมหมำยของกำรพัฒนำหลักสูตร 2. มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจ หลักกำร รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตร สาระเนื้อหา(Content) รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร รูปแบบของกำรพัฒนำหลักสูตรส่วนมำกจะพัฒนำมำจำกแนวคิดของนักกำรศึกษำชำวต่ำงป ร ะ เ ท ศ ซึ่ ง แ ต่ ล ะ รู ป แ บ บ จ ะ มี ร ำ ย ล ะ เ อี ย ด ที่ แ ต ก ต่ ำ ง กั น ไ ป แต่กระบวนกำรและขั้นตอนควรประกอบด้วยกำรศึกษำวิเครำะห์ข้อมูลพื้นฐำนที่ซึ่งประกอบด้วยปรัช ญ ำ ก ำ ร ศึ ก ษ ำ ผู้เ รี ย น สั ง ค ม ส ภ ำ พ แ ว ด ล้อ มแ ล ะ เ ท ค โ น โ ล ยี แ ล ะ อื่ น ๆ เพื่อนำมำกำหนดจุดมุ่งหมำยเลือกเนื้อหำสำระและประสบกำรณ์กำรเรียนรู้จัดลงในหลักสูตร แล้วนำหลักสูตรไปทดลองใช้เพื่อหำข้อบกพร่องเพื่อนำมำแก้ไขหลักสูตรที่สมบูรณ์และนำไปใช้ สุดท้ำยทำกำรประเมินผลหลักสูตรและนำผลจำกกำรประเมินไปปรับปรุงแก้ไขหลักสูตรต่อไป กระบวนกำรพัฒนำหลักสูตรจะเป็นไปอย่ำงต่อเนื่องอย่ำงเป็น วัฏจักร
  • 2. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 2 1. ความหมายของการพัฒนาหลักสูตร กำรพัฒนำหลักสูตรเป็นภำรกิจที่สำคัญและกว้ำงขวำง จึงมีผู้ให้ควำมหมำยของคำว่ำ กำรพัฒนำหลักสูตรเกิดขึ้นกำรพัฒนำหลักสูตรไว้หลำยกรณี เช่น กู๊ด (Good, 1973: 157-158) ได้ให้ควำมเห็นว่ำ กำรพัฒนำหลักสูตรเกิดขึ้นได้ 2ลักษณะ คือ กำรปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงหลักสูตร กำรปรับปรุงหลักสูตรเป็นวิธีกำรพัฒนำหลักสูตรอย่ำงหนึ่ง เพื่อให้เหมำะกับโรงเรียนและระบบโรงเรียน จุดมุ่งหมำยของกำรสอน วัสดุอุปกรณ์ วิธี ก ำ ร ส อ น ร ว ม ทั้ ง ป ร ะ ม ว ล ผ ล ส่ว น ค ำ ว่ำ ก ำ ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ห ลัก สู ต ร หมำยถึงกำรแก้ไขหลักสูตรให้แตกต่ำงไปจำกเดิม เป็นกำรสร้ำงโอกำสทำงกำรเรียนขึ้นใหม่ เ ช ย์ เ ล อ ร์ แ ล ะ อ เ ล็ ก ซ ำ น เ ด อ ร์ ( Saylor and Alexander, 1974: 7) ให้คำจำกัดควำมหมำยของกำรพัฒนำหลักสูตรว่ำ หมำยถึงกำรจัดทำหลักสูตรเดิมที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น ห รื อ เ ป็ น ก ำ ร จั ด ท ำ ห ลั ก สู ต ร ใ ห ม่โ ด ย ไ ม่มี ห ลั ก สู ต ร เ ดิ ม อ ยู่ ก่ อ น กำรพัฒนำหลักสูตรอำจหมำยรวมถึงกำรสร้ำงเอกสำรอื่นสำหรับนักเรียนด้วย ท ำ บ ำ ( Taba, 1962 : 454) ไ ด้ ก ล่ำ ว ไ ว้ว่ำ ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร หมำยถึงกำรเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงสูตรเดิมให้ได้ผลดียิ่งขึ้นทั้งในด้ำนกำรวำงจุดม่งหมำย ก ำ ร จัด เ นื้ อ ห ำ วิช ำ ก ำ ร เ รี ย น ก ำ ร ส อ น ก ำ ร วัด แ ล ะ ก ำ ร ป ร ะ เ มิน ผ ล อื่ น ๆ เ พื่ อ ใ ห้ บ ร ร ลุ ถึ ง จุ ด ม่ ง ห ม ำ ย อั น ใ ห ม่ ที่ ว ำ ง ไ ว้ กำรเปลี่ยนแปลงหลักสูตรเป็ นกำรเปลี่ยนแปลง ทั้งระบบหรื อเปลี่ยนแปลง ทั้ง ห มด ตั้ ง จุ ด มุ่ ง ห ม ำ ย แ ล ะ วิ ธี ก ำ ร และกำรเปลี่ยนแปลงหลักสูตรนี้จะมีผลกระทบทำงด้ำนควำมคิดและควำมรู้สึกของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ำ ย ส่ ว น ก ำ ร ป รั บ ป รุ ง ห ลั ก สู ต ร หมำยถึงกำรเปลี่ยนแปลงหลักสูตรเพียงบำงส่วนโดยไม่เปลี่ยนแปลงแนวควำมคิดพื้นฐำนหรือรูปแบ บของหลักสูตร สงัด อุทรำนันท์ (2532: 30) กล่ำวว่ำกำรพัฒนำหลักสูตรมีควำมหมำยอยู่2ลักษณะ คือ 1. ก ำ ร ท ำ ห ลั ก สู ต ร ที่ มี อ ยู่ แ ล้ ว ใ ห้ ดี ขึ้ น ห รื อ ส ม บู ร ณ์ ขึ้ น แ ล ะ 2 . กำรสร้ำงหลักสูตรขึ้นมำใหม่โดยไม่มีหลักสูตรเดิมเป็นพื้นฐำน วิชัย วงษ์ใหญ่(2525: 10) กล่ำวว่ำ กำรพัฒนำหลักสูตรคือกำรพยำยำมวำงโครงกำร ที่ จ ะ ช่ว ย ใ ห้ นั ก เ รี ย น ไ ด้ เ รี ย น รู้ ต ร ง ต ำ ม จุ ด มุ่ง ห ม ำ ย ที่ ก ำ ห น ด ไ ว้ หรือกำรพัฒนำหลักสูตรและกำรสอนระบบโครงสร้ำงของกำรจัดโปรแกรมกำรสอน กำรกำหนดจุดมุ่งหมำย เนื้อหำสำระ กำรปรับปรุงตำรำ แบบเรียน คู่มือครู และสื่อกำรเรียนต่ำงๆ ก ำ ร วัด แ ล ะ ก ำ ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล ก ำ ร ใ ช้ ห ลั ก สู ต ร ก ำ ร ป รั บ ป รุ ง แ ก้ ไ ข
  • 3. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 3 และกำรให้กำรอบรมครูผู้ใช้หลักสูตรให้เป็นไปตำมวัตถุประสงค์ของกำรพัฒนำหลักสูตรและกำรสอ น รวมทั้งกำรบริกำรและกำรบริหำรหลักสูตร ในกำรพัฒนำหลักสูตร เซย์เลอร์และอเล็กซำนเดอร์ (Saylor andAlexander, 1974: 8-9) ชี้ให้เห็นว่ำกำรจัดทำหรือพัฒนำหลักสูตรนั้นมีงำนที่ต้องทำสำคัญๆ อยู่3 ประกำร คือ 1 . กำรพิจำรณำและกำรกำหนดเป้ำหมำยเบื้องต้นที่สำคัญของหลักสูตรที่จัดทำนั้นว่ำมีเป้ำหมำยเพื่ออะไร ทั้งโดยส่วนรวมและส่วนย่อยของหลักสูตรนั้นๆ อย่ำงเด่นชัด 2. กำรเลือกกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนและวัสดุประกอบกำรเรียนกำรส อน กำรเ ลือก สร รเ นื้ อ หำเ พื่ อส ำ ระ เ พื่ อ ก ำร อ่ำน กำรเ ขียน กำรทำแบ บ ฝึ ก หั ด และหัวข้อสำหรับกำรอภิปรำยตลอดจนกิจกรรมทั้งในและนอกห้องเรียน เป็นต้น 3. กำรกำหน ดระ บบกำรจัดวัสดุอุปกรณ์และ กำรจัดกำรเ รี ยน กำรสอน ตลอดทั้งกำรทดลองที่เป็นประโยชน์ เหมำะสมกับกำรเรียนกำรสอนแต่ละวิชำและแต่ละชั้นเรียน บำงครั้งเรำจะพบว่ำกำรพัฒนำหลักสูตรเป็นกระบวนกำรหรือขั้นตอนของกำรตัดสินใจเลือ กหำทำงเลือกทำงกำรเรียนกำรสอนที่เหมำะสม หรือเป็นที่รวบรวมของทำงเลือกที่เหมำะสมต่ำงๆ เ ข้ ำ ด้ ว ย กั น จ น เ ป็ น ร ะ บ บ ที่ ส ำ ม ำ ร ถ ป ฏิ บั ติ ไ ด้ และถ้ำหำกหลักสูตรมุ่งที่จะกำหนดสำหรับผู้เรียนหลำยกลุ่มหลำยประเภทโดยใช้วิธีกำรต่ำงๆ และโอกำสต่ำงๆ กันแล้วนักพัฒนำหลักสูตรต้องคำนึงถึงภูมิหลักขององค์ประกอบต่ำงๆ อย่ำง ละ เ อียดและ รอบคอบก่อน จะ ตัดสิ น ใ จเ ลือ กทำง เ ลือ กใ ดทำง เ ลือ ก ห นึ่ ง และเมื่อตัดสินใจเลือกแล้วก็ต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นซึ่งอำจมีผลกระทบต่อสิ่งอื่นๆ เป็น วัฏจักร 2. หลักการพัฒนาหลักสูตร จำกควำมคิดเห็นของนักกำรศึกษำในเรื่องของควำมหมำยของกำรพัฒนำหลักสูตรที่กล่ำวมำ จ ะ เ ห็ น ไ ด้ ว่ำ ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร เ ป็ น ก ร ะ บ ว น ก ำ ร ที่ มี ขั้ น ต อ น ๆ อย่ำงเป็นระบบระเบียบและเพื่อให้งำนกำรพัฒนำหลักสูตรดำเนินไปสู่จุดมุ่งหมำยของกำรพัฒนำอย่ำง แท้จริงเรำจึงต้องคำนึงถึงหลักในกำรพัฒนำหลักสูตร 1. กำรพัฒนำหลักสูตรจำเป็นต้องมีผู้นำที่เชี่ยวชำญและมีควำมสำมำรถในงำนพัฒนำหลักสูตรเป็นอย่ำงดี
  • 4. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 4 2. กำรพัฒนำหลักสูตรจำเป็นต้องได้รับควำมร่วมมือและกำรประสำนงำนอย่ำงดีจำกบุคคลที่เกี่ยวข้องทุก ฝ่ำยทุกระดับ 3. กำรพัฒนำหลักสูตรจำเป็นต้องมีกำรดำเนินกำรเป็นระบบระเบียบแบบแผนต่อเนื่องกัน ไป เริ่มตั้งแต่กำรวำงจุดมุ่งหมำยในกำรพัฒนำหลักสูตรนั้นจนถึงกำรประเมินผลกำรพัฒนำหลักสูตรในกำ รดำเนินงำนจะต้องคำนึงถึงจุดเริ่มต้นในกำรเปลี่ยนแปลงว่ำ กำรพัฒนำหลักสูตรที่จุดใด จะเป็นกำรพัฒนำส่วนย่อยหรือกำรพัฒนำทั้งระบบ และจุดดำเนินกำรอย่ำงไรในขั้นต่อไป สิ่งเหล่ำนั้นเป็นสิ่งที่ผู้มีหน้ำที่ในกำรพัฒนำหลักสูตรไม่ว่ำจะเป็นผู้เชี่ยวชำญทำงด้ำนกำรจัดหลักสูตร ค รู ผู้ ส อ น ห รื อ นั ก วิ ช ำ ก ำ ร ท ำ ง ด้ ำ น ก ำ ร ศึ ก ษ ำ แ ล ะ บุ ค ค ล ต่ำ ง ๆ ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง จ ะ ต้ อ ง ร่ ว ม มื อ กั น พิ จ ำ ร ณ ำ อ ย่ ำ ง ร อ บ ค อ บ และดำเนินกำรอย่ำงมีระเบียบระบบแบบแผนทีละขั้นตอน 4. ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร จ ะ ต้ อ ง ร ว ม ถึ ง ผ ล ง ำ น ต่ ำ ง ๆ ทำงด้ำนหลักสูตรที่ได้สร้ำงขึ้นมำใหม่อย่ำงมีประสิทธิภำพ ไม่ว่ำจะเป็นเอกสำรหลักสูตร เนื้อหำวิชำ กำรทำกำรทดสอบหลักสูตรกำรนำหลักสูตรไปใช้ หรือกำรจัดกำรเรียนกำรสอน 5. กำรพัฒนำหลักสูตรที่มีประสิทธิภำพจะต้องมีกำรฝึกฝนอบรมครูประจำกำรให้มีควำมเข้ำใจในหลักสู ตรใหม่ควำมคิดใหม่ แนวทำงกำรจัดกำรเรียนกำรสอนตำมหลักสูตรใหม่ 6. กำรพัฒนำหลักสู ตรจะ ต้อง คำนึง ถึง ประโยชน์ใน ด้ำน กำรพัฒนำ จิ ตใ จ และทัศนคติของผู้เรียนด้วย 3. ผลที่ได้จากการพัฒนาหลักสูตร กำรพัฒน ำห ลักสู ตรเ ป็ น ง ำน ที่ มีกระ บ วน กำร และ ขั้น ตอน ที่ ซับ ซ้ อ น และเป็นงำนที่ต้องอำศัยผู้เชี่ยวชำญทำงด้ำนกำรจัดหลักสูตร นักวิชำกำร นักพัฒนำหลักสูตร ให้มำทำงำนร่วมกันกับบุคคลหลำยฝ่ ำย และต้องได้รับควำมร่วมมือจำกทุกฝ่ ำยด้วยดี กำรพัฒนำหลักสูตรจึงจะประสบควำมสำเร็จเมื่อกำรพัฒนำหลักสูตรสำเร็จลุล่วงตำมจุดหมำยแห่งกำร พัฒนำแล้วย่อมก่อให้เกิดประโยชน์ ดังนี้ 1. เป็ นกำรพัฒนำกำรศึกษำของชำติให้บรรลุตำมวัตถุประสงค์ตำมที่วำง ไว้ เพื่อให้กำรศึกษำของชำติเป็นกำรศึกษำเพื่อพัฒนำผู้เรียนให้สอดคล้องกับควำมเจริญของสังคมและขอ งโลก
  • 5. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 5 2. เป็นกำรพัฒนำระบบกำรศึกษำให้เจริญก้ำวหน้ำทันต่อกำรเปลี่ยนแปลงของสังคมและโลก โดยเฉพำะในยุคที่เรียกว่ำ โลกยุคโลกำภิวัตน์ 3. เพื่อให้ครูผู้สอนมีควำมรู้ควำมเข้ำใจและควำมสำมรถในกำรพัฒนำกำรเรียนกำรสอนแก่ผู้เรียนดังต่อไ ปนี้ 3.1 มีควำมสำมำรถเปลี่ยนกับทักษะในด้ำนต่ำงๆ 3.2 มีควำมรู้เพียงพอที่จะศึกษำในระดับสูงขึ้นไป 3.3 ประพฤติตนเป็นพลเมืองดีของสังคม 3.4 มีจิตใจและร่ำงกำยที่สมบูรณ์แข็งแรง 3.5 มีควำมเข้ำใจและรักษำควำมงำมตำมธรรมชำติ 3.6 มีวัฒนธรรมและศีลธรรมอันดีงำม 3.7 มีควำมสนใจและเชี่ยวชำญในด้ำนใดด้ำนหนึ่งเป็นพิเศษ 3.8 มีควำมสนใจในกำรดำรงชีวิตในสังคมได้อย่ำงเหมำะสม 3.9 มีควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำในชีวิตและในสังคมได้ 4. กระบวนการในการพัฒนาหลักสูตร ถ้ำหลักสูตรได้รับกำรพิจำรณำว่ำเป็นทุกสิ่งทุกอย่ำงซึ่งเกิดขึ้นในกำรวำงแผนกำรเรียนกำรส อนในสถำบันกำรศึกษำแล้ว กำรพัฒนำหลักสูตรก็จะเป็นกำรพัฒนำแผนเพื่อจัดโปรแกรมกำรศึกษำ ซึ่งหมำยถึงกำรให้นิยำมและกำรเลือกจุดประสงค์ของกำรศึกษำ เลือกประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ และกำรประเมินโปรแกรมกำรศึกษำ กำรพัฒนำหลักสูตรเป็นงำนปฏิบัติมิใช่งำน ทฤษฎี เป็นควำมพยำยำมที่จะออกแบบระบบ เพื่อให้ประสบควำมสำเร็จตำมจุดมุ่งหมำยของกำรศึกษำ และระบบนี้จะต้องเป็นประโยชน์ที่แท้จริงปรำกฏต่อสังคมและต่อมนุษย์ ซึ่งมีควำมมุ่งหมำย มี ค ว ำ ม ฝั ก ใ ฝ่ ใ น สิ่ ง ที่ ต น ช อ บ มี ก ล ไ ก ก ำ ร เ ค ลื่ อ น ไ ห ว ดั ง นั้ น ขั้นตอนที่จำเป็นขั้นแรกในกำรพัฒนำหลักสูตร คือ กำรตรวจและวิเครำะห์สถำนกำรณ์สำคัญๆ ซึ่ ง เ ป็ น ค ว ำ ม มุ่ง ห ม ำ ย ป ล ำ ย ท ำ ง ข อ ง ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร คื อ กำรเปลี่ยนแปลงของนักเรียนและครู ครูที่กลำยเป็นผู้ที่มีควำมรู้มำกขึ้น มีทักษะมำกขึ้น แ ล ะ มี ค ว ำ ม ไ ม่ ห ยุ ด นิ่ ง ม ำ ก ขึ้ น ครูซึ่งมีคุณสมบัติดังกล่ำวนี้ จะเป็ นผู้ที่ให้บริกำรแก่นักเรียน ได้อย่ำง มีประสิทธิ ภ ำพ รำยละเอียดต่อไปนี้จะกล่ำวถึงกำรดำเนินงำนพัฒนำหลักสูตร และแนวคิดกำรพัฒนำหลักสูตร
  • 6. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 6 แดเนียล แทนเนอร์ และลอร์เรล แทนเนอร์ (D. Tanner & L. Tanner. 1995 : 385) กล่ำวว่ำปัจจัยและอิทธิพลหลักสูตรมีปฏิสัมพันธ์จำกปรัชญำสังคม พฤติกรรมมนุษย์ และควำมรู้ที่ยิ่งใหญ่กว้ำงขวำงสิ่งเหล่ำนั้นมีอิทธิพลต่อผู้เรียนโดยแปรสภำพมำเป็นเนื้อหำวิชำสำหรับ กำรเ รี ยน กำรสอน เ พื่อใ ห้เ กิดควำมเ หมำะ สมกับกำรพัฒน ำ คน ใ น สัง ค มใ ห ม่ ซึ่งเรียกว่ำกระบวนกำรทัศน์ด้วยหลักสูตร มำร์ช และวิลลิส (Marsh & Willis. 1995 : 278) ได้สรุปแนวคิดในกำรพัฒนำหลักสูตร ว่ำ กระ บวน กำรพัฒน ำหลักสู ตรและ กำรเปลี่ยน แปลงหลักสู ตรแม้มีหลำยแน วคิด แต่เมื่อสรุปรวมควำมคิดแล้วล้วนอยู่บนพื้นฐำนควำมต่อเนื่องเป็นอนุกรมโดยเริ่มจำกแรงกดดันและผ ลกระทบจำกปัจจัยบริบทและควำมก้ำวหน้ำทำงเทคโนโลยีสู่กำรปรับปรุงหลักสู ตร ก ำ ร น ำ ห ลัก สู ต ร ไ ป สู่ส ถ ำ บัน เ พื่ อ ใ ช้จ ะ ไ ด้รั บ แ ร ง ก ด ดัน จ ำ ก ปั จ จัย ต่ำ ง ๆ ทำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงปรับปรุงหลักสูตรขึ้นมำอีกในระยะต่อไปต่อเนื่องดังภำพประกอบ 2
  • 8. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 8 ใ น ก ำ ร ว ำ ง แ ผ น พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร เพื่อดำเนินงำนพัฒนำหลักสูตรมีแรงผลักดันและปัจจัยอิทธิพลหลำยระดับตั้งแต่ระดับโรงเรียน ร ะ ดั บ ชุ ม ช น ค ร อ บ ค รั ว สั ง ค ม ป ร ะ เ ท ศ ช ำ ติ จ น ถึ ง ร ะ ดั บ น ำ น ำ ช ำ ติ พลังผลักดันของสังคมเป็นตัวเร่งสำคัญในกำรวำงแผนหลักสูตร (ParkayW.and Glen Hass, 2000 : 275) องค์ประกอบในกำรดำเนินงำนพัฒนำหลักสูตรประกอบด้วยคณะกรรมกำรดำเนินงำนจัดทำหลัก สู ต ร ศึ ก ษ ำ วิ เ ค ร ำ ะ ห์ ส ภ ำ พ ข อ ง สั ง ค ม ใ น ปั จ จุ บั น พร้อมทั้งวิเครำะห์หลักสูตรเดิมเพื่อนำข้อมูลที่ได้มำพิจำรณำร่วมกับข้อมูลพื้นฐำน ต่ำง ๆ ใ น ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร ป รั บ ป รุ ง แ ก้ไ ข แ ล้ ว ก ำ ห น ด จุ ด ป ร ะ ส ง ค์ ใ ห ม่ อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ใ น แ ต่ ล่ ะ ส่ ว น จ ะ มี ค ว ำ ม สั ม พั น ธ์ กั น แ ล ะ เ ท่ ำ เ ที ย ม กัน จะขำดองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งไม่ได้ ได้แก่ 1. กำรกำหนดควำมมุ่งหมำยจะต้องชัดเจนว่ำต้องให้ผู้เรียนในระดับนั้นๆ มีคุณสมบัติอย่ำงไร เมื่อกำหนดควำมมุ่งหมำยแล้วจะได้ใช้เป็นแนวทำงในกำรกำหนดเนื้อหำวิชำและประสบกำรณ์ในกำรเรียนรู้ ต่อไป 2. กำรวำง แผน กำหน ดโครง สร้ำง ของ หลักสู ตร และ กำรเ ลือกเ นื้ อหำวิชำ ในหลักสูตรจะต้องกำหนดโครงสร้ำงอะไรบ้ำง เช่น จะต้องใช้เวลำศึกษำนำ นเ ท่ำไร จ ะ ต้ อ ง เ รี ย น ทั้ ง ห ม ด กี่ ห น่ ว ย ก ำ ร เ รี ย น จึ ง จ ะ จ บ ห ลั ก สู ต ร ไ ด้ จะ ต้อง เ ข้ำเ รี ยน กี่คำ บ ต่อ สัป ด ำห์ ต่อ ภ ำ คเ รี ยน มีกำ ร วัด แ ละ ป ระ เ มิน ผล อ ย่ำ ง ไ ร ระบบกำรให้คะแนนเป็ นอย่ำงไร มีวิชำใดบ้ำงที่จะต้องเรียนบังคับเท่ำไร และเลือกเท่ำไร และวิชำเหล่ำนั้นประกอบไปด้วยเนื้อหำอะไรมีประสบกำรณ์อะไรบ้ำง 3. กำรทดล อง ใ ช้ห ลักสู ต รห รื อ กระ บ วน ก ำรเ รี ยน กำ ร สอน ห รื อ วิ ธี ก ำ ร และกำรจัดกำรเกี่ยวกับหลักสูตรเพื่อให้กำรเรียนกำรสอนเป็นไปตำมควำมมุ่งหมำยของหลักสูตรอย่ำงมีประ สิ ทธิ ภ ำพ จำเ ป็ น ต้อง จัด ห ำ แ ละ ป รั บ ป รุ ง ก ระ บ วน ก ำ รส อ น กำรจัดชั้น เ รี ย น กำรใ ช้อุปกรณ์กำ รวัดผลและ ประ เ มิน ผล และ กำรจัดกิจกรรมเ สริ มทำง วิช ำ ก ำ ร ตลอดจนกำรสอนซ่อมเสริมให้กำรนำหลักสูตรไปใช้เกิดประโยชน์สูงสุด 4. กำรประเมินผลหลักสูตร เป็นกำรประเมินคุณค่ำของหลักสูตรว่ำมีคุณภำพเป็นอย่ำงไร เป็นกระบวนกำรที่ใช้พิจำรณำว่ำควำมมุ่งหมำยเป็นอย่ำงไร เนื้อหำวิชำและประสบกำรณ์ตรงกับควำม มุ่งหมำยหรือไม่ กำรเรียนกำรสอนมีปัญหำและอุปสรรคอะไรบ้ำงและกำรประเมินผลอย่ำง ไร ดังภำพประกอบ 3
  • 9. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 9 ภำพประกอบ 3 แสดงกระบวนกำรพัฒนำหลักสูตร ที่มำ : สงัด อุทรำนันท์ (2532 :24) 5. รูปแบบในการพัฒนาหลักสูตร ปรับปรุง แก้ไข ศึกษำและวิเคร ำะห์สหภำพสัง คมและหลักสู ตรเดิม ประเมิน ผล คณะกรรมกำร กำรดำเนินงำน พัฒนำหลักสูต ร กำหนดควำ มมุ่งหมำย นำไปทด ลองใช้ กำหนดโครงส ร้ำงและเนื้อหำ วิชำ ศึกษำและวิเครำะ ห์สภำพสังคมแล ะหลักสูตรเดิม แนวคิด (ปรัชญำ) และผลกำรศึกษำค้นคว้ำทำงจิตวิทยำข้อมูลเกี่ยวกับนักเรี ยนและกำรประกอบอำชีพข้อมูลควำมก้ำวหน้ำทำงวิชำก ำร วิทยำศำสตร์ เทคโนโลยี บทบำทของสถำบันกำรศึกษำ และสื่อสำรมวลชนข้อมูลสภำพเศรษฐกิจ สังคม กำรเมือง ค่ำนิยม และวัฒนธรรม
  • 10. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 10 รู ป แ บ บ ใ น ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร เ ป็ น สิ่ ง ส ำ คั ญ แ ล ะ จ ำ เ ป็ น เ นื่ อ ง จ ำ ก รู ป แ บ บ ห ลั ก สู ต ร เ ป รี ย บ เ ส มื อ น พิ ม พ์ เ ขี ย ว ( Blue Print) ที่ ใ ช้ เ ป็ น แ น ว ท ำ ง ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร จ ำ ก ผู้เ ชี่ ย ว ช ำ ญ ท ำ ง ด้ ำ น ห ลั ก สู ต ร นักวิชำกำรจึงมีควำมสำคัญเพื่อเป็นพื้นฐำนสำหรับกำรวิจัยครั้งนี้ รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรที่สำคัญมีดังนี้ 5.1 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรจากแนวคิดต่างประเทศ 5.1.1 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของไทเลอร์ (Ralph W. Tyler) ไทเลอร์ได้นำเสนอแนวคิดพื้นฐำนเกี่ยวกับกำรพัฒนำหลักสูตรและกำรสอนซึ่งก็คือหลักกำรและเ หตุผลใ น กำรพัฒนำหลักสู ตร(Tyler Rationale) ว่ำใ น กำรพัฒนำหลักสู ตรและ กำรสอน ต้องตอบคำถำมพื้นฐำนที่สำคัญ 4 ประกำร คือ (Tyler, 1949: 3) 1. จุ ด มุ่ ง ห ม ำ ย ท ำ ง ก ำ ร ศึ ก ษ ำ ( Educational Purposes) อะไรบ้ำงที่โรงเรียนต้องกำรให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ 2. ป ร ะ ส บ ก ำ ร ณ์ ท ำ ง ก ำ ร ศึ ก ษ ำ ( Educational Experiences) อะไรบ้ำงที่โรงเรียนจะต้องจัดให้ เพื่อช่วยให้บรรลุจุดมุ่งหมำย 3. จะจัดประสบกำรณ์ทำงกำรศึกษำอย่ำงไรจึงจะทำให้สอนมีประสิทธิภำพ 4. ประเมินประสิทธิภำพของกำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนอย่ำงไรจึงจะทรำบได้ว่ำผู้เรียนได้บรรลุเป้ำหมำยทำ งกำรศึกษำ ไทเลอร์ได้วำงรูปแบบโครงสร้ำงของหลักสูตรโดยใช้วิธีกำรและเป้ำหมำยปลำยทำง (Means and ends approsch) ดังนี้ (วิชัย วงษ์ใหญ่, 2537: 10-11) ในกำรกำหนดจุดมุ่งหมำยนั้น ในขั้นแรกต้องกำหนดเป็ นจุดมุ่งหมำยชั่วครำวก่อน โ ด ย ต้ อ ง น ำ บ ริ บ ท ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง เ ช่ น บ ริ บ ท ท ำ ง ด้ ำ น สั ง ค ม ด้วยกำรนำสิ่งที่สังคมคำดหวังว่ำต้องกำรให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะอย่ำงไร และมีกำรศึกษำตัวผู้เรียน เช่น ค ว ำ มต้อ ง ก ำ ร ค ว ำ มส น ใ จ ฐ ำ น ะ ท ำ ง เ ศ ร ษ ฐ กิจ ข อ ง ค ร อ บ ค รั ว เ ป็ น ต้น น อ ก จ ำ ก นั้ น ยัง ต้อ ง ศึ ก ษ ำ แ น ว คิ ด ข อ ง นั ก วิช ำ ก ำ ร ( วิชัย ว ง ษ์ ใ ห ญ่, 2537 : 12) ค ว ำ ม เ ชื่ อ ค่ำ นิ ย ม ข อ ง สั ง ค ม เ ป็ น สิ่ ง จ ำ เ ป็ น ที่ ต้ อ ง วิ เ ค ร ำ ะ ห์ ใ ห้ ชั ด เ จ น เพรำะกำรศึกษำสังคมค่ำนิยมขนบประเพณี วัฒนธรรมจะให้คำตอบว่ำสังคมต้องกำรจัดกำรศึกษำเพื่ออะไร แ ล ะ จ ะ จั ด ก ำ ร ศึ ก ษ ำ ส ำ ห รั บ ใ ค ร สิ่งเหล่ำนี้ ช่วยให้แสวงหำคำตอบที่ชัดเจนในกำรกำหนดเป้ำหมำยหรือทิศทำงของกำรศึกษำ (ดังภำพประกอบ 4)
  • 11. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 11 แหล่งข้อมูลเพื่อ นำมำกำหนด จุดมุ่งหมำยชั่วครำว ภำพประกอบ 4 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรของไทเลอร์ (วิชัย วงษ์ใหญ่, 2537 : 11) กำรพัฒนำหลักสูตรและกำรเสนอของไทเลอร์ มีลักษณะสำคัญคือ (วิชัย วงษ์ใหญ่, 2537 : 12- 14) 1. จุดมุ่งหมำยเป็นตัวกำหนดควบคุมกำรเลือกและจัดประสบกำรณ์กำรเรียนดังนั้น ก ำ ร ก ำ ห น ด จุ ด มุ่ ง ห ม ำ ย จึ ง มี 2 ขั้ น ต อ น คื อ ตอนแรกเป็นกำรกำหนดจุดมุ่งหมำยชั่วครำวแล้วจึงหำวิธีกำรและเกณฑ์จำกทฤษฎีกำรเรียนรู้ปรัชญำกำรศึก กำรศึกษำสังคม กำรศึกษำผู้เรียน กำรศึกษำแนวคิดขอ งนักวิชำกำร ปรัชญำสังคม กำหนด จุดมุ่งหมำยชั่วครำว ทฤษฎีกำรเรียนรู้ ปรัชญำกำรศึกษำ ปรัชญำสังคม จุดมุ่งหมำย กำรเลือกและกำรจัดประสบกำรณ์กำ รเรียน กำรประเมินผล ข้อมูลในกำรกำหนด เกณฑ์ที่ตรวจสอบพิ จำรณำกลั่นกรองเป็ นจุดมุ่งหมำยจริง องค์ประกอบ ของหลักสูตร
  • 12. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 12 ษำและปรัชญำสังคมมำกลั่นกรองจุดมุ่งหมำยชั่วครำว เพื่อให้ได้มำเป็นจุดมุ่งหมำยที่แท้จริงของหลักสูตร พื้นฐำนทำงจิตวิทยำและปรัชญำในกำรพัฒนำหลักสูตรจะเข้ำมำมีบทบำทและช่วยในกำรตรวจสอบเพื่อหำค วำมชัดเจนของกำรกำหนดจุดมุ่งหมำยขั้นนี้เพื่อตอบคำถำมและหำควำมชัดเจนว่ำกำรจัดหลักสูตรเพื่อตอบส นองใคร ตอบสนองผู้เรียนหรือสังคม 2 . กำรเลือกและจัดประสบกำรณ์กำรเรียนที่คำดหวังว่ำจะให้ผู้เรียนมีประสบกำรณ์กำรจัดกิจกรรมในกำรเรียน ก ำ ร ส อ น แ ล ะ ส่ ว น เ ส ริ ม ห ลั ก สู ต ร นั้ น มี อ ะ ไ ร ทั้งนี้ เพื่อให้กระบวนกำรเรียนกำรสอนดำเนินไปเพื่อตอบสนองจุดมุ่งหมำยที่กำห น ดไ ว้ ไทเลอร์ได้เสนอเกณฑ์ในกำรพิจำรณำเลือกประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ไว้ดังนี้ 2.1 ผู้เรียนควรมีโอกำสฝึกพฤติกรรมและกำรเรียนรู้เนื้อหำตำมที่ระบุไว้ในจุดมุ่งหมำย 2 . 2 กิจกรรมและประสบกำรณ์นั้นทำให้ผู้เรียนพอใจปฏิบัติกำรเรียนรู้อำจนำไปสู่จุดมุ่งหมำยที่กำหนดไว้เพียงข้ อเดียวก็ได้ 2.3 กิจกรรมและประสบกำรณ์นั้นอยู่ในข่ำยควำมพอใจที่พึงปฏิบัติได้ 2 . 4 กิ จ ก ร ร ม แ ล ะ ป ร ะ ส บ ก ำ ร ณ์ ห ล ำ ย ๆ ด้ำนของกำรเรียนรู้อำจนำไปสู่จุดมุ่งหมำยที่กำหนดไว้เพียงข้อเดียวก็ได้ 2.5 กิจกรรมและประสบกำรณ์เรียนรู้เพียงหนึ่งอย่ำงอำจตรวจสอบจุดมุ่งหมำยหลำยๆ ข้อได้ 3. กำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ว่ำต้องคำนึงถึงควำมสัมพันธ์ในด้ำนเวลำต่อเ วลำ และเนื้อหำต่อเนื้อหำ เรี ยกว่ำควำมสัมพันธ์แบบแนวตั้ง (Vertical) กับแนวนอน (Horizontal) ซึ่งมีเกณฑ์ในกำรจัดดังนี้ 3 . 1 ค ว ำ ม ต่ อ เ นื่ อ ง ( Continuity) หมำยถึงควำมสัมพันธ์ในแนวตั้งของส่วนองค์ประกอบหลักของตัวหลักสูตรจำกระดับหนึ่งไปยังอีกระดับห นึ่งที่สูงขึ้นไป เช่น ในวิชำทักษะ ต้องเปิดโอกำสให้มีกำรฝึกทักษะในกิจกรรมและประสบกำรณ์บ่อยๆ และต่อเนื่องกัน 3 . 2 ก ำ ร จั ด ช่ ว ง ล ำ ดั บ ( Sequence) หมำยถึงควำมสัมพันธ์แนวตั้งของส่วนองค์ประกอบหลักของตัวหลักสูตรจำกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนไปสู่สิ่งที่เกิด ขึ้ น ภ ำ ย ห ลั ง ห รื อ จ ำ ก สิ่ ง ที่ มี ค ว ำ ม ง่ ำ ย ไ ป สู่ ที่ มี ค ว ำ ม ย ำ ก ดั ง นั้ น กำรจัดกิจกรรมและประสบกำรณ์ให้มีกำรเรียงลำดับก่อนหลังเพื่อให้ได้เรียนเนื้อหำที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น 3 . 3 บู ร ณ ำ ก ำ ร ( Integration) ห ม ำ ย ถึ ง ค ว ำ ม สั ม พั น ธ์ กัน ใ น แ น ว น อ น ข อ ง อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ห ลั ก ข อ ง ตั ว ห ลั ก สู ต ร จำกหัวข้อเนื้อหำหนึ่งไปยังอีกหัวข้อหนึ่งของรำยวิชำ หรือจำกรำยวิชำหนึ่งไปยังรำยวิชำอื่นๆ
  • 13. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 13 ที่ มี ค ว ำ ม เ กี่ ย ว ข้ อ ง กั น กำรจัดประสบกำรณ์จึงควรเป็นในลักษณะที่ช่วยให้ผู้เรียนได้เพิ่มพูนควำมคิดเห็นและได้แสดงพฤติกรรมที่ ส อ ด ค ล้ อ ง กั น เนื้อหำที่เรียนเป็นกำรเพิ่มควำมสำมำรถทั้งหมดของผู้เรียนที่ได้ประสบกำรณ์ในสถำนกำรณ์ต่ำงๆ กัน ป ร ะ ส บ ก ำ ร ณ์ ก ำ ร เ รี ย น รู้ จึ ง เ ป็ น แ บ บ แ ผ น ข อ ง ป ฏิ สั ม พั น ธ์ ( Interaction) ระหว่ำงผู้เรียนกับสถำนกำรณ์สิ่งแวดล้อม 4 . กำรประเมินผลเพื่อตรวจสอบดูว่ำกำรจัดกำรเรียนกำรสอนได้บรรลุตำมจุดมุ่งหมำยตำมที่กำหนดไว้หรือไม่ สมควรมีกำรปรับแก้ในส่วนใดบ้ำง พิจำรณำจำกสิ่งต่อไปนี้ 4.1 กำหนดจุดมุ่งหมำยที่จะวัดและพฤติกรรมที่คำดหวัง 4.2 วัดและวิเครำะห์สถำนกำรณ์ที่ทำให้เกิดพฤติกรรมเหล่ำนั้น 4.3 ศึกษำสำรวจข้อมูลเพื่อสร้ำงเครื่องมือวัดพฤติกรรมเหล่ำนั้นได้อย่ำงเหมำะสม 4.4 ตรวจสอบคุณภำพของเครื่องมือ โดยใช้เกณฑ์ในกำรพิจำรณำดังนี้ 1. ควำมเป็นปรนัย (Objectivity) 2. ควำมเชื่อมั่นได้ (Reliability) 3. ควำมเที่ยงตรง (Validity) 4. ควำมถูกต้อง (Accuracy) 4 . 5 กำรพิจำรณำผลประเมินให้เป็นประโยชน์เพื่ออธิบำยผลกำรเรียนรู้เป็นรำยบุคคลหรือเป็ นกลุ่ม กำรอธิบำยถึงส่วนดีของหลักสูตรหรือสิ่งที่ต้องปรับแก้เพื่อเป็นแนวทำงในกำรปรับปรุงหลักสูตรให้มีคุณภำ พยิ่งขึ้น 5.1.2 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวความคิดของทาบา (Taba) แนวคิดของทำบำในกำรพัฒนำหลักสูตรใช้วีแบบรำกหญ้ำ (Grass-roots approach) มีควำมเชื่อว่ำหลักสูตรควรได้รับกำรออกแบบโดยครูผู้สอนมำกกว่ำพัฒนำจำกองค์กรที่อยู่ในระดับสูงขึ้น ประกอบด้วยขั้นตอนต่ำงๆ ดังนี้ (Taba, 1962 : 456-459) 1. วิเครำะห์ควำมต้องกำร (Diagnosis of needs) ใช้วิธีสำรวจสภำพปัญหำ ควำมต้องกำร และควำมจำเป็นของผู้เรียนและของสังคม 2 . ก ำ ห น ด จุ ด มุ่ ง ห ม ำ ย ( Formulation of objectives) ด้วยข้อมูลที่ได้จำกำรวิเครำะห์ควำมต้องกำร 3 . คั ด เ ลื อ ก เ นื้ อ ห ำ ส ำ ร ะ ( Selection of content) เ มื่อกำหน ดจุดมุ่ง หมำยแล้วก็ต้อง เ ลือกเ นื้ อหำสำระ ซึ่ ง สอดคล้อง กับจุดมุ่ง ห มำ ย และต้องคำนึงถึงพัฒนำกำรของผู้เรียนด้วย
  • 14. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 14 4 . ก ำ ร จั ด ร ว บ ร ว ม เ นื้ อ ห ำ ส ำ ร ะ ( Organization of content) เ นื้ อ ห ำ ส ำ ร ะ ที่ ร ว บ ร ว ม ต้ อ ง ค ำ นึ ง ถึ ง ค ว ำ ม ย ำ ก ง่ ำ ย แ ล ะ ค ว ำ ม ต่ อ เ นื่ อ ง รวมทั้งจัดให้เหมำะสมกับพัฒนำกำรและควำมสนใจของผู้เรียน 5. คัดเ ลือกประ สบกำร ณ์กำ รเ รี ยน รู้ ( Selection of learning experiences) กำรคัดเลือกประสบกำรณ์เรียนรู้ให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมำยและเนื้อหำวิชำ 6. กำรจัดรวบรวมประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ (Organization of leaning experiences) กำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ควรคำนึงถึงควำมต่อเนื่องของเนื้อหำสำระ 7. กำหนดวิธีวัดและประเมินผล (Determination of what to evaluate and the ways and means of doing it) มีกำรประเมินเพื่อตรวจสอบว่ำประสบกำรณ์กำรเรียนที่จัดให้บรรลุจุดมุ่งหมำยที่กำหนดไว้หรือไม่ และกำหนดวิธีกำรประเมินรวมทั้งเครื่องมือที่ใช้ในกำรประเมินด้วยดังภำพประกอบ 5 ภำพประกอบ 5 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรตำมแนวคิดของทำบำ 1. วิเครำะห์ควำมต้องกำร (Diagnosis of needs) 2. กำหนดจุดมุ่งหมำย (Formulation of objectives) 3. คัดเลือกเนื้อหำสำระ (Selection of content) 4. กำรจัดรวบรวมเนื้อหำสำระ - ควำมคิดรวบยอด (Key concepts) (Organization of content) - ควำมคิดหลัก (Main ideas) - ข้อเท็จจริง (Facts) 5. กำรคัดเลือกประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ (Selection of leaning experiences) 6. กำรจัดรวบรวมประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ (Organization of leaning experiences) (กลวิธีกำรสอนเพื่อพัฒนำพุทธิพิสัย และเจตพิสัย) 7. กำหนดวิธีวัดและประเมินผล (Determination of what toevaluate)
  • 15. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 15 (Taba, 1962 : 456-459) จำกกำรพัฒนำหลักสูตรแนวคิดของทำบำจะเริ่มที่จุดใดจุดหนึ่งก่อนก็ได้ แต่เมื่อเริ่มที่ จุ ด ใ ด แ ล้ ว จ ะ ต้ อ ง ท ำ ก ำ ร ศึ ก ษ ำ ใ ห้ ค ร บ ก ร ะ บ ว น ก ำ ร ทั้ ง 7 ขั้ น ต อ น จุ ด เ ด่น ใ น แ น ว คิ ด ข อ ง ท ำ บ ำ คื อ เ รื่ อ ง ยุ ท ธ วิ ธี ก ำ ร ส อ น ( Teaching Strategies) และประสบกำรณ์กำรเรียนรู้เป็นกระบวนกำรที่ต้องคำนึงถึง มีอยู่ 2ประกำร คือ (วิชัย วงษ์ใหญ่, 2537 :15- 16) 1 . ยุ ท ธ วิ ธี ก ำ ร ส อ น แ ล ะ ป ร ะ ส บ ก ำ ร ณ์ เ รี ย น รู้ เ ป็ น เ ค รื่ อ ง ก ำ ห น ด ส ถ ำ น ก ำ ร ณ์ เ งื่ อ น ไ ข ก ำ ร เ รี ย น รู้ กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนแต่ละครั้งมีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับกำรเรียนรู้ที่เกิดขึ้นเป็นผลผลิต ดังนั้น กำรจัดรูปแบบของกำรเรียนกำรสอนต้องแสดงลำดับขั้นตอนของกำรเรียนรู้ด้วย 2 . ยุทธวิธีกำรสอนเป็นสิ่งที่หลอมรวมหลำยสิ่งหลำยอย่ำงเข้ำมำไว้ด้วยกันกำรพิจำรณำตัดสินใจเกี่ยวกับยุทธวิ ธีกำรสอนควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้ คือ 2.1 กำรจัดเนื้อหำ ต้องกำหนดให้ชัดเจนว่ำรำยวิชำนั้นๆ มุ่งให้ผู้เรียนเรียนรู้แบบใด ก ว้ำ ง ห รื อ ลึ ก ม ำ ก น้ อ ย เ พี ย ง ใ ด แ ล ะ ไ ด้เ รี ย ง ล ำ ดั บ เ นื้ อ ห ำ วิช ำ ไ ว้อ ย่ ำ ง ไ ร ก ำ ร ก ำ ห น ด โ ค ร ง ส ร้ ำ ง ไ ด้ก ร ะ ท ำ ชัด เ จ น ส อ ด ค ล้อ ง กับ โ ค ร ง ก ำ ร ใ น ร ะ ดับ ใ ด เพรำะแต่ละระดับมีจุดประสงค์เนื้อหำสำระที่มีควำมเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน 2.2 หน่วยกำรเรียน สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่บ่งชี้ถึงกำรวัดและประเมินได้ชัดเจน มีรำยละเอียดและมีควำมยืดหยุ่นเพื่อเปิดโอกำสให้ครูและนักเรียนมีส่วนร่วมในกำรวำงแผนกำรเรียนและทำ กิ จ ก ร ร ม ต ำ ม ค ว ำ ม ต้ อ ง ก ำ ร แ ล ะ ค ว ำ ม ส น ใ จ กำรตรวจสอบควำมรู้พื้นฐำนของผู้เรียนจะช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในกำรพัฒนำกระบวนกำรเรียนได้เป็นลำ ดั บ ขั้ น ต อ น เ พื่ อ น ำ ไ ป สู่ ข้ อ ค้ น พ บ ข้อสรุปที่เป็ นห ลักกำรที่มุ่งเน้นควำมคำดห วังเกี่ยวกับกำรเรียน รู้ที่จะเกิดขึ้น กับผู้เ รี ยน และกำรกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดกำรเรียนรู้ด้วยตนเองดังภำพประกอบ 6 กาหนดโดยการวิเคราะห์ กาหนดวัตถุประสงค์ การกาหนดจุดประสงค์ วิเคราะห์และการจาแนก แต่ละระดับ 1. วัฒนธรรมและควำมต้องกำรของ 1. ชนิดของพฤติกรรม 1. จุดมุ่งหมำยทั่วไปของกำรศึกษำ สังคมและผู้เรียน 2. เนื้อหำวิชำ 2. จุดมุ่งหมำยระดับโรงเรียน 2. กระบวนกำรเรียนรู้และหลักกำร 3. ควำมต้องกำรด้ำนต่ำงๆ 3. จุดมุ่งหมำยระดับชั้นเรียน เรียนรู้ของผู้เรียน 3. ธรรมชำติควำมรู้ในศำสตร์ต่ำงๆ และวิธีกำรแสวงหำควำมรู้ 4. อุดมกำรณ์ของประชำธิปไตย
  • 16. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 16 ภำพ 7.5 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรและกำรสอนของทำบำ (วิชัยวงษ์ใหญ่, 2537:17) ภำพประกอบ 6 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรและกำรสอนของทำบำ (วิชัย วงษ์ใหญ่, 2537:17) กาหนดความรู้ การเลือกเนื้อหาและ สถาบันองค์กรที่เกี่ยวข้อง ประสบการณ์การเรียนและ ลักษณะการจัด 1. ลักษณะ, ธรรมชำติของควำมรู้ เนื้อหำสำระ 1. โรงเรียน, กำรบริหำร ของศำสตร์ต่ำงๆ กิจกรรมและ ใช้ทรัพยำกร 2. ควำมรู้เกี่ยวกับกำรพัฒนำผู้เรียน ประสบกำรณ์ 2. องค์กรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 3. กำรเรียน กับกำรศึกษำบทบำทและ 4. พัฒนำผู้เรียน หน้ำที่ของแต่ละหน่วยงำน สิ่งที่ต้องคานึง การจัดหลักสูตรรูปแบบ ผู้รับผิดชอบของบุคคล/ ของหลักสูตร หน่วยงาน 1. ควำมต่อเนื่องของควำมรู้ รำยงำน หมวดวิชำ มุ่งเน้นด้ำน 1.โรงเรียน 2. บูรณำกำรทำงควำมรู้ ชีวิตและสังคม กิจกรรมและ 2.คณะครูและเจ้ำหน้ำที่ ประสบกำรณ์ กิจกรรมของผู้เรียน 3.วิธีกำรที่จะใช้บุคลำกร จุดรวม แนวคิดต่ำงๆ ให้เกิดประโยชน์จำก กำรเรียนรู้ การกาหนดโดย ขอบข่ายของการเรียง ผู้ดาเนินการต้องคานึงถึง ลาดับหลักสูตร ลักษณะการจัด 1. ขอบข่ำยของกระบวนกำร 1. กำรเรียนรู้ลำดับขั้นตอน รูปแบบของกำรจัดหลักสูตร เรียนรู้ กำรเรียนรู้ ประเภทต่ำงๆ 2. ขอบเขตควำมต่อเนื่องของ 2. ขอบข่ำยและขั้นตอนของกำรจัด หลักสำคัญในกำรกำรจัดหลักสูตร กระบวนกำรเรียนรู้ กระบวนกำรเรียนรู้
  • 17. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 17 5.1.3 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของเซย์เลอร์ อเล็กซานเดอร์ และเลวิส (J. Galen Saylor, William M. Alexander and Arthur J. Lewis) แ น ว คิ ด ข อ ง เ ซ ย์ เ ล อ ร์ อ เ ล็ ก ซ ำ น เ ด อ ร์ แ ล ะ เ ล วิส ป ร ะ ก อ บ ด้ว ย กระบวนกำรพัฒนำหลักสูตรที่สำคัญ 4 ขั้นตอน คือ (Saylor and Alexander,1974 : 265; Saylor,Alexander and Lewis, 1981: 181) 1. เป้ำหมำย วัตถุประสงค์ และควำมครอบคลุม ( Goals, Objective and domains) ห ลั ก สู ต ร ต้ อ ง ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย เ ป้ ำ ห ม ำ ย วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ และในแต่ละเป้ำหมำยควรบ่งบอกถึงควำมครอบคลุมของหลักสูตร (Curriculum Domain) วัตถุประสงค์ พัฒนำกำรส่วนบุคคล มนุษยสัมพันธ์ ทักษะกำรเรียนรู้ที่ต่อเนื่อง และควำมชำนำญเฉพำะ ด้ำน ซึ่งกำหนดจำกควำมเป็นโลกำภิวัฒน์ ควำมต้องกำรของสังคมที่อยู่อำศัยกฎหมำย ข้อบังคับ เป็นต้น 2 . ก ำ ร อ อ ก แ บ ห ลั ก สู ต ร ( Curriculum Design) คือกำรวำงแผนเพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับกำรเลือกและจัดเนื้อหำสำระและจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ที่สอดคล้อ งกับเป้ำหมำย วัตถุประสงค์ โดยคำนึงถึงปรัชญำ ควำมต้องกำรของสังคมและผู้เรียนมำพิจำรณำด้วย 3 . ก ำ ร น ำ ห ลั ก สู ต ร ไ ป ใ ช้ ( Curriculum implementation) ครูต้องเป็นผู้วำงแผนและวำงแผนกำรจัดกำรเรียนกำรสอนในรูปแบบต่ำงๆ ( Instructional Plans) รวมทั้ง กำรจัดทำ สื่ อ กำรเ รี ยน กำร สอน เ ช่น ตำรำ แบบเ รี ยน วัสดุอุปกรณ์ ต่ำ ง ๆ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในสิ่งที่ครูตั้งเป้ำหมำยไว้ 4 . ก ำ ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล ห ลั ก สู ต ร ( Curriculum Evaluation) ครูและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันตัดสินใจเพื่อเลือกวิธีกำรประเมินผลที่สำมำรถประเมินได้ว่ำ หลักสูตรที่พัฒนำขึ้นได้ผลตำมควำมมุ่งหมำยกำรประเมินหลักสูตรจะเป็นข้อมูลสำคัญที่บอกผู้ที่มีส่วนเกี่ยว ข้ อ ง ไ ด้ ว่ ำ ค ว ร จ ะ ป รั บ ป รุ ง ห ลั ก สู ต ร ใ น จุ ด ใ ด เพื่อประกอบกำรตัดสินใจในกำรวำงแผนกำรใช้หลักสูตรในอนำคต รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรตำมแนวคิดของเซย์เลอร์ อเล็กซำนเดอร์ และเลวิส แสดงดังภำพประกอบ 7
  • 18. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 18 (1) ให้ข้อมูลย้อนกลับและปรับปรุง (2) (3) (4) ภำพประกอบ 7 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรตำมแนวคิดของเซย์เลอร์ อเล็กซำนเดอร์ และเลวิส (Saylor and Alexander, 1974 : 275; Saylor. Alexander and Lawis.1981 : 181) 5.1.4 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของโอลิวา (Oliva) (Oliva.1982 : 172) 1 . จุ ด มุ่ ง ห ม ำ ย ข อ ง ก ำ ร ศึ ก ษ ำ ( Aims of Education) และหลักกำรปรัชญำและจิตวิทยำจำกกำรวิเครำะห์ควำมต้องกำรจำเป็นของสังคมและผู้เรียน 2. วิเ ครำะ ห์ ควำมต้อง กำรจำเ ป็ น ของ ชุมช น ที่สถำน ศึกษำนั้ นๆ ตั้ง อยู่ ควำมต้องกำรจำเป็นของผู้เรียนในชุมชน และเนื้อหำวิชำที่จำเป็นเพื่อใช้ในกำรจัดกำรเรียนกำรสอน 3. เป้ำหมำยของหลักสูตร (Curriculum Goals) โดยอำศัยข้อมูลจำกขั้น 1และ 2 4. จุดประสงค์ของหลักสูตร (Curriculum Objectives) โดยอำศัยข้อมูลจำกขั้นที่ 1, 2 และ 3 แตกต่ำง จำกขั้น ที่ 3 คือมีลักษณะ เ ฉพ ำะเจำะ จงเพื่อน ำไปสู่กำรประยุกต์ใช้หลักสูตร และกำรกำหนดโครงสร้ำงหลักสูตร 5. รวบรวมและ น ำไปใ ช้ ( Organization and Implementation of the Curriculum) เป็นขั้นของกำรกำหนดโครงสร้ำงหลักสูตร 6. กำหนดเป้ำหมำยของกำรสอน (Instructional Goals) ของแต่ละระดับ 7. กำหนดจุดประสงค์ของกำรจัดกำรเรียนกำรสอน (Instructional Objective) ใน แต่ละวิชำ 8 . เ ลื อ ก ยุ ท ธ วิ ธี ใ น ก ำ ร ส อ น ( Selection of Strategies) เป็นขั้นที่ผู้เรียนเลือกยุทธวิธีที่เหมำะสมกับผู้เรียน เป้าหมายจุดประสงค์และ ความครอบคลุม กำรออกแบบหลักสู ตร กำรนำหลักสูตรไปใช้ กำรประเมินผลหลักสู ตร - ออกแบบโดยนักพัฒนำห ลักสูตร - เลือกเนื้อหำสำระและประ สบกำรณ์กำรเรียนรู้ที่เหม ำะสมกับผู้เรียน - ครูเป็นผู้วำงแผนจัดทำแผน กำรสอน -จัดทำสื่อกำรเรียนกำรสอน - ครูเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเลือกวิธีป ระเมินที่มีประสิทธิภำพ - นำข้อมูลที่ใช้จำกกำรประเมินมำป รับปรุงแก้ไขหลักสูตร
  • 19. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 19 9. เลือกเทคนิควิธีกำรประเมินผลก่อนที่นำไปสอนจริงคือ 9A(Preliminaryselective of evaluation techniques) และกำหนดวิธีประเมินผลหลังจำกกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนสิ้นสุดคือ 9B (Find selection of evaluation techniques) 1 0 . น ำ ยุ ท ธ วิ ธี ไ ป ใ ช้ ป ฏิ บั ติ จ ริ ง ( Implementation of Strategies) เป็นขั้นของกำรใช้วิธีกำรที่กำหนดในขั้นที่ 8 1 1 . ป ร ะ เ มิ น ผ ล จ ำ ก ก ำ ร เ รี ย น ก ำ ร ส อ น ( Evaluation of Instruction) เ ป็ น ขั้ น ที่ เ มื่ อ ก ำ ร ด ำ เ นิ น ก ำ ร จั ด ก ำ ร เ รี ย น ก ำ ร ส อ น เ ส ร็ จ สิ้ น ก็มีกำรประเมินผลตำมที่ได้เลือกหรือกำหนดวิธีกำรประเมิน ขั้นที่ 9 12. ประเมินหลักสูตร (Evaluation of curriculum) เป็นขั้นตอนสุดท้ำยที่ทำให้วงจรครบถ้วน กำรประเมินผลที่มิใช่ประเมินผู้เรียนและผู้สอน แต่เป็นกำรประเมินหลักสูตรที่จัดทำขึ้น 5.1.5 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของมัลคอล์ม สกิลเบ็ก ส กิล เ บ็ ก ( Sklibeck,1984 : 230- 239; สิ ท ธิ ชัย เ ท ว ธี ร ะ รั ต น์ , 2543 : 43) ได้เ สน อแน วคิดเ กี่ยวกับรู ปแ บบ ของ หลักสู ตรใ น ลักษณะ ที่เ ป็ น พ ล วัต จุดเ ด่น คื อ กำรวิเครำะห์สถำนกำรณ์ซึ่งเป็นยุทธศำสตร์ที่สำคัญในกำรพัฒนำหลักสูตร ทั้งนี้ สกิลเบ็กเชื่อว่ำ สถำน กำรณ์เ ป็ น อง ค์ ประ กอ บ สำ คัญใ น กำ รก ำหน ดค วำ มแ ตก ต่ำง ข อง ห ลัก สู ต ร เ พ ร ำ ะ ไ ม่ ส ำ ม ำ ร ถ ค ำ ด เ ห ตุ ก ำ ร ณ์ สิ่ ง ที่ เ กิ ด ขึ้ น ภ ำ ย ห น้ ำ ไ ด้ กำรกำหนดวัตถุประสงค์ของกำรเรียนรู้ไว้ก่อนมีกำรสำรวจสถำนกำรณ์จริงจึงขำดควำมน่ำเชื่อถือ ดังนั้น กำรพัฒนำหลักสูตรโดยโรงเรียนเป็นผู้พัฒนำหลักสูตรเอง (School-basedcurriculum development หรือ SBCD) เป็นวิธีที่สำมำรถนำไปปฏิบัติให้สอดคล้องกับควำมเป็นจริงได้ กำรวิเครำะห์องค์ประกอบต่ำงๆ ที่ เ ป็ น ป ร ำ ก ฏ ก ำ ร ณ์ ข อ ง สั ง ค ม แ ต่ ล ะ แ ห่ ง มี ค ว ำ ม แ ต ก ต่ ำ ง กั น ทำให้ไม่สำมำรถเจำะจงใช้รูปแบบหลักสูตรที่เป็นแบบเดียวกันได้ ดังนั้น รูปแบบหลักสูตรจึงเป็นพลวัต แนวคิดกำรพัฒนำหลักสูตรของสกิลเบ็ก ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้ ขั้ น ต อ น ที่ 1 ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ ส ถ า น ก า ร ณ์ ( Analyze the situation) วิ เ ค ร ำ ะ ห์ ปั จ จั ย ที่ ท ำ ใ ห้ เ กิ ด ก ำ ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง เ กี่ ย ว กั บ ห ลั ก สู ต ร ซึ่งส่งผลถึงโรงเรียนให้มีกำรพัฒนำหลักสูตรให้นำไปปฏิบัติได้จริงและบังเกิดผลให้นักเรียนได้เรียนรู้ ซึ่งปัจจัยที่ก่อให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงประกอบด้วย ปัจจัยภำยนอกและปัจจัยภำยใน ก. ปัจจัยภายนอก ได้แก่
  • 20. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 20 1 . ก ำ ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ท ำ ง สั ง ค ม แ ล ะ วั ฒ น ธ ร ร ม ควำมคำดหวัง ของ ผู้ปกครอง ควำ มต้อง กำ รของ น ำยจ้ำง ควำมต้อง กำรของ สั ง ค ม ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงผู้ใหญ่กับเด็ก และอุดมคติของสังคม 2. กำรเปลี่ยนแปลงระบบกำรศึกษำและหลักสูตร ซึ่งประกอบด้วย นโยบำยกำรศึกษำ ระบบกำรสอน อำนำจในกำรตัดสินใจของท้องถิ่น ผู้จบกำรศึกษำที่สอดคล้องกับควำมต้องกำรของสังคม เป็นต้น 3. กำรเปลี่ยนแปลงเนื้อหำวิชำ กำรจัดกำรเรียนกำรสอนให้สอดคล้องกับยุคสมัย 4. กำรเพิ่มศักยภำพของครูอำจำรย์ ในกำรเรียนกำรสอนให้เหมำะสมกับยุคสมัย 5. กำรนำทรัพยำกรใช้ในโรงเรียน เพื่อพัฒนำกำรจัดกำรเรียนกำรสอน ข. ปัจจัยภายใน ได้แก่ 1. เจตคติ ควำมสำมำรถและควำมต้องกำรทำงกำรศึกษำของนักเรียน 2 . ค่ ำ นิ ย ม เ จ ต ค ติ ทั ก ษ ะ ป ร ะ ส บ ก ำ ร ณ์ ข อ ง ค รู ที่เป็นจุดเด่นและจุดด้อยของกำรจัดกำรเรียนกำรสอน 3 . ค ว ำ ม ค ำ ด ห วัง ข อ ง โ ร ง เ รี ย น โ ค ร ง ส ร้ ำ ง ก ำ ร บ ริ ห ำ ร ง ำ น ก ำ ร ก ร ะ จ ำ ย อ ำ น ำ จ ก ำ ร บ ริ ห ำ ร ก ำ ร ศึ ก ษ ำ วิธี จัด ป ร ะ ส บ ก ำ ร ณ์ ใ ห้ นั ก เ รี ย น แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของนักเรียนบรรทัดฐำนทำงสังคม กำรจัดกำรกับกำรเปลี่ยนแปลงที่ไม่พึงประสงค์ 4 . วั ส ดุ อุ ป ก ร ณ์ ท รั พ ย ำ ก ร ง บ ป ร ะ ม ำ ณ แ ผ น ง ำ น และศักยภำพในกำรจัดกำรเรียนกำรสอนของโรงเรียน 5. กำรยอมรับและกำรรับรู้ปัญหำที่เกิดขึ้นจำกกำรนำหลักสูตรมำใช้ ขั้ น ต อ น ที่ 2 ก า ร ก า ห น ด วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ( Define Objectives) ก ำ ร วิ เ ค ร ำ ะ ห์ ส ถ ำ น ก ำ ร ณ์ ใ น ขั้ น ต อ น ที่ 1 เพื่อนำไปกำหนดวัตถุประสงค์ซึ่งกำรกำหนดวัตถุประสงค์แปลงเปลี่ยนไปตำมปัจจัยภำยนอกและภำยใน สะท้อนควำมเป็ น จริง ของ สถำนกำรณ์ที่เ ป็ นอยู่ สอดคล้องกับค่ำนิ ยม ทิศทำงที่กำหน ด ร ว ม ทั้ ง ผ ล ลั พ ธ์ ที่ ค ำ ด ห วั ง จ ำ ก ก ำ ร จั ด ก ำ ร ศึ ก ษ ำ กำรกำหนดวัตถุประสงค์ควรเขียนในลักษณะกำรเรียนรู้ที่คำดหวังจำกนักเรียนและกระบวนกำรจัดกำรเรียน ก ำ ร ส อ น ข อ ง ค รู ที่ ใ ห้ บ ร ร ลุ วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ซึ่งกำรกำหน ดวัตถุประ สง ค์ประ กอบด้วยวัตถุประ สง ค์ทั่วไปกับวัตถุประ สง ค์เ ฉพ ำะ ในกำรกำหนดวัตถุประสงค์ต้องเกิดจำกกำรมีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้องเช่น นักเรียน ครู ผู้ปกครอง ชุมชน และนักวิชำกำร เป็นต้น ขั้นตอนที่ 3การออกแบบการจัดการเรียนการสอน (Designtheteachinglearning programme) เป็นกำรออกแบบกำรเรียนกำรสอนต้องให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกำรจัดกำรศึกษำ โ ร ง เ รี ย น ต้ อ ง ต อ บ ค ำ ถ ำ ม พื้ น ฐ ำ น เ ช่ น จ ะ ส อ น อ ะ ไ ร
  • 21. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 21 และนักเรียนจะเรียนรู้อะไรซึ่งต้องศึกษำเอกสำรที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับรำยวิชำที่นำมำจัดกำรเรียนกำรสอน กำรกำหนดแบบแผนกำรสอนและกำรเรียนรู้เกี่ยวข้องกับกำรตัดสินใจในเรื่องต่ำงๆ ดังนี้ 3.1 ข้อมูลพื้นฐำนหรือทิศทำงของหลักสูตรที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลำง เป็นวิชำบังคับหรือวิชำเลือกตำมควำมสนใจ 3.2 กำรจัดกลุ่มและกำรบูรณำกำรของสำระวิชำต่ำงๆ 3.3 กำรจัดกลุ่มนั กเ รี ยน ซึ่ ง อำจจัดตำ มค ว ำ มสน ใ จ ข อง นั ก เ รี ย น จัดให้เด็กเรียนเก่งเรียนด้วยกันและไม่เก่งเรียนด้วยกัน หรือจัดให้เด็กที่มีควำมสนใจต่ำงกันเรียนด้วยกัน 3.4 ควำมสัมพันธ์ของวิชำต่ำงๆ กับเป้ำหมำยของหลักสูตร 3.5 กำรเรียงลำดับของเนื้อหำกำรสอน 3.6 สถำนที่ ทรัพยำกร อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้ำ 3.7 ออกแบบวิธีกำรจัดกำรเรียนกำรสอน 3.8 แต่งตั้งคณะทำงำน 3.9 จัดทำตำรำงและกิจกรรมในกำรปฏิบัติงำน ขั้ น ต อน ที่ 4 การน าห ลั กสู ต รไปใช้ ( Interpret and implement the programme) กำรวำงแผนและกำรออกแบบหลักสูตรก็เพื่อให้หลักสูตรนั้นนำไปสู่กำรปฏิบัติให้บังเกิดผลตำมวัตถุประสง ค์ที่วำงไว้ ซึ่งดูจำกผลกำรประเมินผลลัพธ์สุดท้ำยว่ำกำรเรียนกำรสอนเป็ นไปตำมควำมต้องกำรหรือไม่ มี แ ผ น ง ำ น ใ ด ที่ มี ค ว ำ ม พ ร้ อ ม ม ำ ก ที่ สุ ด แ ล ะ รั บ ร อ ง คุ ณ ภ ำ พ ไ ด้ ดั ง นั้ น ครูต้องมีจิตสำนึกในควำมเป็นมืออำชีพที่ต้องติดตำมควบคุม ดูแล และประเมินผลอย่ำงสม่ำเสมอ เ พื่ อ พิ จ ำ ร ณ ำ ว่ำ สิ่ ง ที่ อ อ ก แ บ บ แ ล ะ ด ำ เ นิ น ก ำ ร อ ยู่ มี ป ร ะ โ ย ช น์ คุ้ ม ค่ ำ กำรพัฒนำหลักสูตรโรงเรียนจำกบุคคลใดบุคคลหนึ่ ง เช่นผู้บริหำรโรงเรียน หัวหน้ำภำค อำจไม่ประสบควำมสำเร็จเนื่องจำกปัญหำกำรขำดกำรเอำใจใส่จำกครู ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ดัง นั้ น ก ำ ร บ ริ ห ำ ร ห ลั ก สู ต ร ที่ ท ำ ใ ห้ เ กิ ด ก ำ ร ย อ มรั บ แ ล ะ น ำ ไ ป ใ ช้ไ ด้จ ริ ง ๆ ต้องดำเนินกำรโดยผู้ที่อยู่ในโรงเรียนซึ่งก็คือครูนั่นเองครูเป็นผู้ที่ใกล้ชิดและทรำบข้อมูลเกี่ยวกับควำมสนใจ ค ว ำ ม ต้ อ ง ก ำ ร ข อ ง นั ก เ รี ย น เ ป็ น อ ย่ ำ ง ดี ดั ง นั้ น กำรปฏิบัติเพื่อพัฒนำหลักสูตรต้องเหมำะสมและต้องสอดคล้องกับศักยภำพของครู กำรนำไปใช้ขึ้นอยู่กับครู ครูต้องเป็นบุคลำกรหลักในกำรออกแบบและกำรนำไปใช้ นั่นคือ ครูต้องเป็นผู้พัฒนำหลักสูตรดัวยตนเอง ดีกว่ำรูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรที่บุคคลอื่นเป็นผู้จัดทำให้ ขั้นตอนที่ 5การประเมินการเรียนรู้และการประเมินผลหลักสูตร (Assessandevaluate) กำรประเมินกำรเรียนรู้ (Assessment) เป็นกำรตัดสินคุณค่ำในศักยภำพกำรเรียนรู้และกำรปฏิบัติของผู้เรียนรู้ ส่วนกำรประเมินผล (Evaluation) หมำยถึงกำรรวบรวมหลักฐำนเพื่อนำมำตัดสินคุณค่ำเกี่ยวกับหลักสูตร ซึ่งประกอบด้วย กำรวำงแผน กำรออกแบบ กำรนำไปใช้ รวมทั้งผลกำรปฏิบัติหรือผลกำรเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งกำรประเมินกำรปฏิบัติของผู้เรียนเป็นกำรกำหนดเกณฑ์ที่ผู้เรียนต้องบรรลุ เช่น กำรกำหนดชิ้นงำน
  • 22. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 22 ก ำ ร สั ง เ ก ต ก ำ ร บั น ทึ ก ก ำ ร ท ำ ง ำ น ก ำ ร ส อ น ก ำ ร ร ำ ย ง ำ น ผ ล กำรประ เ มิน กำรเ รี ยน รู้ของ ผู้เ รี ยน ต้อง มีแน ว ทำง ที่หลำ กหลำยเ พื่อใ ห้คร อ บ ค ลุ ม รวมทั้งเป็นกระบวนกำรที่ต่อเนื่องทุกครั้ง ดังนั้น กำรประเมินจึงไม่ใช่กิจกรรมที่กระทำรวบยอดครั้งเดียว แ ต่ เ ป็ น ก ำ ร ป ร ะ เ มิ น เ พื่ อ พั ฒ น ำ ผู้ เ รี ย น รวมทั้ง ผู้ออกแบบ ห ลัก สู ต รด้วย กำร กระ ท ำเ ช่น นี้ เ ป็ น วง จร ต่อเ นื่ อง กัน ไปเ รื่ อ ย ๆ เพื่อนำไปสู่กำรปรับปรุงผู้เรียนและหลักสูตรให้ดียิ่งขึ้น รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรตำมแนวคิดของสกิลเบ็กแสดงดังภำพประกอบ 8ดังนี้ ภำพประกอบ 8 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรตำมแนวคิดของสกิลเบ็ก ( Skilbeck , 1984 :230-239 ) 5.1.6 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของวอล์คเกอร์ (Decker Walker) เ ด ค เ ก อ ร์ ว อ ล์ ค เ ก อ ร์ ( Decker Walker) ป ฏิ เ ส ธ แ น ว คิ ด ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร ด้ ว ย ก ำ ร ก ำ ห น ด สิ่ ง ต่ ำ ง ๆ ที่เกี่ยวกับหลักสูตรด้วยกำรอธิบำยเชิงเหตุผลโดยปรำศจำกกำรค้นคว้ำหำข้อเท็จจริงมำก่อน วิธีกำรของวอล์คเกอร์เป็นวิธีกำรศึกษำแบบประจักษ์นิยม (Epiricalism) หรือเป็นวิธีกำรศึกษำแบบธรรมชำติ (Naturalistic model) ซึ่งเป็ นวิธีกำรที่เป็ นกำรแสวงหำข้อเท็จจริงจำกปรำกฏกำรณ์ทำงสังคม 1.กำ 1. วิเครำะห์สถำนกำรณ์ ( Analyse the situation) 2.กำรกำหนดวัตถุประสงค์ ( Define Objectives) 3.กำรออกแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอน ( Design theteaching –learning programme ) 4.กำรนำหลักสูตรไปใช้ ( Interpretand implement the programme ) 5.กำรประเมินกำรเรียนรู้และกำรประเมินหลักสูตร ( Assess and evaluate )
  • 23. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 23 และผ่ำนกระบวนกำรพิจำรณำไตร่ตรองอย่ำงเหมำะสมก่อนกำรตัดสินใจออกแบบหลักสู ตร ส่วนผลกำรพิจำรณำจะออกมำเช่นไรก็ยอมรับตำมสภำพกำรณ์ซึ่งเป็นวิธีคล้ำยกับเติบโตของสิ่งต่ำงๆ ในธรรมชำติ (Marsh , 1986 , curricula ; An Analytical Introduction :53-57) รู ป แ บ บ ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร ต ำ ม แ น ว คิ ด ข อ ง ว อ ล์ ค เ ก อ ร์ แบ่งเป็นกระบวนกำรพัฒนำหลักสูตรออกเป็น 3ขั้นตอน คือ (Walker , 1971 , curriculum Theory Network : 58-59) ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ซึ่งได้มำจำกกำรศึกษำเชิงประจักษ์ที่ได้จำกมุมมองต่ำงๆ ค ว ำ ม เ ชื่ อ ค่ ำ นิ ย ม ท ฤ ษ ฎี แ น ว คิ ด เ ป้ ำ ห ม ำ ย เ พื่ อ เ ป็ น ข้อ มูล พื้ น ฐ ำ น ใ น ก ำ ร พิ จ ำ ร ณ ำ ส ร้ ำ ง ห ลัก สู ต ร ต่อ ไ ป ใ น อ น ำ ค ต ทั้ ง นี้ มีควำมจำเป็นที่ต้องวิเครำะห์ปัญหำต่ำงๆ ไว้ล่วงหน้ำซึ่งเป็นประโยชน์ในกำรดำเนินกำรขั้นต่อไป ขั้ น ต อ น ที่ 2 ก า ร พิ จ า ร ณ า ไ ต ร่ ต ร อ ง ( Deliberates) ซึ่งเป็นกำรนำข้อมูลพื้นฐำนทั่วไปที่ได้จำกกำรวิเครำะห์ปัญหำต่ำงเข้ำมำสู่กระบวนกำรปรึกษำหรือกำรอภิป รำย กำรวิพ ำกษ์วิจำรณ์เ พื่อพิจำรณำทำง เ ลือ กต่ำง ๆ ก่อน ที่จะ ออกแบบหลัก สู ต ร โดยกำรถ่วงน้ำหนักทำงเลือกต่ำงๆ (eight alternatives) ในทุกๆ ด้ำนอย่ำงเป็นรูปธรรม ทั้งในเชิงต้นทุน ค่ ำ ใ ช้ จ่ ำ ย แ ล ะ ป ร ะ โ ย ช น์ ที่ ไ ด้ รั บ ม ำ กำรพิจำรณำทำง เ ลือกนี้ จะ ก่อให้เ กิดควำมไม่แน่ใจว่ำเ ป็ นทำง เลือกที่ดีที่สุ ด ดัง นั้ น จึงสำมำรถที่จะยอมรับหรือปฏิเสธได้อย่ำงเต็มที่ก่อนกำรกำหนดทิศทำงที่ถูกต้องในกำรออกแบบหลักสู ตรต่ อไป ขั้ น ต อ น ที่ 3 ก า ร อ อ ก แ บ บ ห ลั ก สู ต ร ( Curriculum design) เ ป็ น ก ำ ร วิ นิ จ ฉั ย เ กี่ ย ว กั บ ส ำ ร ะ ส ำ คั ญ ข อ ง ห ลั ก สู ต ร ก่ อ น โ ด ย ค ำ นึ ง ถึ ง อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ อ ย่ำ ง ร อ บ ด้ำ น ข อ ง ก ร ะ บ ว น ก ำ ร พัฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร ซึ่ ง ไ ม่ ก ำ ห น ด รู ป แ บ บ ห ลั ก สู ต ร ไ ว้ ล่ ว ง ห น้ ำ แต่ใ ช้ใ น กำรแสวงหำควำมเ หมำะ สมที่สอดคล้อง กับควำมเ ป็ น จริ งของ สถำนกำรณ์ เ ป็ น กำรเ ลือกที่ผ่ำน กำรกลั่นกรอง มำแล้ว และ มีควำมชัดเ จน ใน องค์ประกอบต่ำงๆ โดยสำมำรถชี้ เ ฉพำะเจำะจง ควำมต้อง กำรห ลักสู ตรของชุมช นได้ชัดเจน มำกยิ่งกว่ำ รูปแบบของหลักสูตรเชิงวัตถุประสงค์กำรออกแบบหลักสูตรเชิงพลวัตเป็นพรรณนำควำมเชื่อมโยงจำกข้อมู ลพื้นฐำน โดยนำตัวแปรต่ำงๆ ที่เกี่ยวข้องมำสู่กระบวนกำรพิจำรณำไตร่ตรองอย่ำงรอบคอบ (Deliberations) ซึ่ ง เ ป็ น ก ำ ร เ ลื อ ก วิ ธี ที่ ดี ที่ สุ ด จ ำ ก นั้ น เ ริ่ ม ก้ ำ ว ไ ป สู่ จุ ด สุ ด ท้ ำ ย คื อ กำรออกแบบหลักสูตรที่มีลักษณะเฉพำะเจำะจง