SlideShare a Scribd company logo
1 of 44
บทที่ 4
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
มโนทัศน์(Concept)
คุณ ส มบั ติ ที่ ส ำคั ญ ที่ สุ ด ข อ ง ห ลัก สู ต ร คือ ห ลัก สู ต ร ค วำมเป็ น พ ล วัต
และปรับเปลี่ยนไปตำมควำมต้องกำรและควำมเปลี่ยนแปลงของสังคม จำกคุณสมบัติดังกล่ำว
กำรพัฒนำหลักสูตรจึงเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นอย่ำงต่อเนื่อง ตลอดเวลำที่สภำพสังคมเปลี่ยนแปลงไป
ดังนั้น กำรจัดกำรศึกษำให้สนองควำมต้องกำรของสังคมที่เปลี่ยนแปลงจึงเป็ นสิ่งจำเป็ น
และกำรเปลี่ยนแปลงหลักสูตรในลักษณะของกำรพัฒนำหลักสูตรเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ผลการเรียนรู้(Learning Outcome)
1. มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับควำมหมำยของกำรพัฒนำหลักสูตร
2. มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจ หลักกำร รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตร
สาระเนื้อหา(Content)
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
รูปแบบของกำรพัฒนำหลักสูตรส่วนมำกจะพัฒนำมำจำกแนวคิดของนักกำรศึกษำชำวต่ำงป
ร ะ เ ท ศ ซึ่ ง แ ต่ ล ะ รู ป แ บ บ จ ะ มี ร ำ ย ล ะ เ อี ย ด ที่ แ ต ก ต่ ำ ง กั น ไ ป
แต่กระบวนกำรและขั้นตอนควรประกอบด้วยกำรศึกษำวิเครำะห์ข้อมูลพื้นฐำนที่ซึ่งประกอบด้วยปรัช
ญ ำก ำ ร ศึ ก ษ ำ ผู้ เรี ย น สั ง ค ม ส ภ ำพ แ ว ด ล้ อ มแ ล ะ เ ท ค โ น โ ล ยี แ ล ะ อื่ น ๆ
เพื่อนำมำกำหนดจุดมุ่งหมำยเลือกเนื้อหำสำระและประสบกำรณ์กำรเรียนรู้จัดลงในหลักสูตร
แล้วนำหลักสูตรไปทดลองใช้เพื่อหำข้อบกพร่องเพื่อนำมำแก้ไขหลักสูตรที่สมบูรณ์และนำไปใช้
สุดท้ำยทำกำรประเมินผลหลักสูตรและนำผลจำกกำรประเมินไปปรับปรุงแก้ไขหลักสูตรต่อไป
กระบวนกำรพัฒนำหลักสูตรจะเป็นไปอย่ำงต่อเนื่องอย่ำงเป็น วัฏจักร
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 2
1. ความหมายของการพัฒนาหลักสูตร
กำรพัฒนำหลักสูตรเป็ นภำรกิจที่สำคัญและกว้ำงขวำง จึงมีผู้ให้ควำมหมำยของคำว่ำ
กำรพัฒนำหลักสูตรเกิดขึ้นกำรพัฒนำหลักสูตรไว้หลำยกรณี เช่น
กู๊ด (Good,1973:157-158) ได้ให้ควำมเห็นว่ำ กำรพัฒนำหลักสูตรเกิดขึ้นได้ 2ลักษณะ คือ
กำรปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงหลักสูตรกำรปรับปรุงหลักสูตรเป็นวิธีกำรพัฒนำหลักสูตรอย่ำงหนึ่ง
เพื่อให้เหมำะกับโรงเรียนและ ระบบโรงเรียน จุดมุ่งหมำยของกำรสอน วัสดุอุปกรณ์
วิธี ก ำร ส อ น ร ว ม ทั้ ง ป ร ะ ม ว ล ผ ล ส่ ว น ค ำว่ำ ก ำร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ห ลัก สู ต ร
หมำยถึงกำรแก้ไขหลักสูตรให้แตกต่ำงไปจำกเดิม เป็นกำรสร้ำงโอกำสทำงกำรเรียนขึ้นใหม่
เ ช ย์ เ ล อ ร์ แ ล ะ อ เ ล็ ก ซ ำ น เ ด อ ร์ ( Saylor and Alexander, 1974: 7)
ให้คำจำกัดควำมหมำยของกำรพัฒนำหลักสูตรว่ำหมำยถึงกำรจัดทำหลักสูตรเดิมที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น
ห รื อ เ ป็ น ก ำ ร จั ด ท ำ ห ลั ก สู ต ร ใ ห ม่โ ด ย ไ ม่มี ห ลั ก สู ต ร เ ดิ ม อ ยู่ ก่อ น
กำรพัฒนำหลักสูตรอำจหมำยรวมถึงกำรสร้ำงเอกสำรอื่นสำหรับนักเรียนด้วย
ท ำ บ ำ ( Taba, 1962 : 454) ไ ด้ ก ล่ ำ ว ไ ว้ ว่ำ ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร
หมำยถึงกำรเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงสูตรเดิมให้ได้ผลดียิ่งขึ้นทั้งในด้ำนกำรวำงจุดม่งหมำย
ก ำร จัด เนื้ อ ห ำวิช ำ ก ำร เ รี ย น ก ำร ส อ น ก ำ ร วัด แ ล ะ ก ำ รป ระ เมิ น ผ ล อื่ น ๆ
เ พื่ อ ใ ห้ บ ร ร ลุ ถึ ง จุ ด ม่ ง ห ม ำ ย อั น ใ ห ม่ ที่ ว ำ ง ไ ว้
กำรเปลี่ยน แปลงห ลักสูตรเป็ น กำรเปลี่ยน แปลงทั้งระ บบห รือเปลี่ยน แปลงทั้งห มด
ตั้ ง จุ ด มุ่ ง ห ม ำ ย แ ล ะ วิ ธี ก ำ ร
และกำรเปลี่ยนแปลงหลักสูตรนี้จะมีผลกระทบทำงด้ำนควำมคิดและควำมรู้สึกของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ำ
ย ส่ ว น ก ำ ร ป รั บ ป รุ ง ห ลั ก สู ต ร
หมำยถึงกำรเปลี่ยนแปลงหลักสูตรเพียงบำงส่วนโดยไม่เปลี่ยนแปลงแนวควำมคิดพื้นฐำนหรือรูปแบ
บของหลักสูตร
สงัด อุทรำนันท์ (2532:30) กล่ำวว่ำกำรพัฒนำหลักสูตรมีควำมหมำยอยู่2ลักษณะ คือ
1. ก ำ ร ท ำ ห ลั ก สู ต ร ที่ มี อ ยู่แ ล้ ว ใ ห้ ดี ขึ้ น ห รื อ ส ม บู ร ณ์ ขึ้ น แ ล ะ 2 .
กำรสร้ำงหลักสูตรขึ้นมำใหม่โดยไม่มีหลักสูตรเดิมเป็นพื้นฐำน
วิชัย วงษ์ใหญ่(2525: 10) กล่ำวว่ำ กำรพัฒนำหลักสูตรคือกำรพยำยำมวำงโครงกำร
ที่ จ ะ ช่ ว ย ใ ห้ นั ก เ รี ย น ไ ด้ เ รี ย น รู้ ต ร ง ต ำ ม จุ ด มุ่ง ห ม ำ ย ที่ ก ำ ห น ด ไ ว้
หรือกำรพัฒนำหลักสู ตรและกำรสอน ระบบโครงสร้ำงของกำรจัดโปรแกรมก ำรสอน
กำรกำหนดจุดมุ่งหมำย เนื้อหำสำระ กำรปรับปรุงตำรำ แบบเรียน คู่มือครู และสื่อกำรเรียนต่ำงๆ
ก ำ ร วัด แ ล ะ ก ำ ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล ก ำ ร ใ ช้ ห ลั ก สู ต ร ก ำ ร ป รั บ ป รุ ง แ ก้ ไ ข
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 3
และกำรให้กำรอบรมครูผู้ใช้หลักสูตรให้เป็นไปตำมวัตถุประสงค์ของกำรพัฒนำหลักสูตรและกำรสอ
น รวมทั้งกำรบริกำรและกำรบริหำรหลักสูตร
ในกำรพัฒนำหลักสูตร เซย์เลอร์และอเล็กซำนเดอร์ (Saylor and Alexander,1974: 8-9)
ชี้ให้เห็นว่ำกำรจัดทำหรือพัฒนำหลักสูตรนั้นมีงำนที่ต้องทำสำคัญๆ อยู่3 ประกำร คือ
1 .
กำรพิจำรณำและกำรกำหนดเป้ำหมำยเบื้องต้นที่สำคัญของหลักสูตรที่จัดทำนั้นว่ำมีเป้ำหมำยเพื่ออะไร
ทั้งโดยส่วนรวมและส่วนย่อยของหลักสูตรนั้นๆ อย่ำงเด่นชัด
2. กำรเลือกกิจกรรมกำรเรียน กำรสอนและวัสดุประกอบกำรเรียน กำรสอน
กำร เลื อ ก ส ร รเนื้ อ ห ำเพื่ อ ส ำระ เพื่ อ ก ำร อ่ำน ก ำร เขี ยน ก ำรท ำแ บ บ ฝึ ก หั ด
และหัวข้อสำหรับกำรอภิปรำยตลอดจนกิจกรรมทั้งในและนอกห้องเรียน เป็นต้น
3. กำรกำห น ดระ บ บกำรจัดวัส ดุอุป กรณ์ และ กำรจัดกำรเรี ยน กำรสอ น
ตลอดทั้งกำรทดลองที่เป็นประโยชน์ เหมำะสมกับกำรเรียนกำรสอนแต่ละวิชำและแต่ละชั้นเรียน
บำงครั้งเรำจะพบว่ำกำรพัฒนำหลักสูตรเป็นกระบวนกำรหรือขั้นตอนของกำรตัดสินใจเลือ
กหำทำงเลือกทำงกำรเรียนกำรสอนที่เหมำะสมหรือเป็นที่รวบรวมของทำงเลือกที่เหมำะสมต่ำงๆ
เ ข้ ำ ด้ ว ย กั น จ น เ ป็ น ร ะ บ บ ที่ ส ำ ม ำ ร ถ ป ฏิ บั ติ ไ ด้
และถ้ำหำกหลักสูตรมุ่งที่จะกำหนดสำหรับผู้เรียนหลำยกลุ่มหลำยประเภทโดยใช้วิธีกำรต่ำงๆ
และโอกำสต่ำงๆ กันแล้วนักพัฒนำหลักสูตรต้องคำนึงถึงภูมิหลักขององค์ประกอบต่ำงๆ
อย่ำง ละ เอียด และ รอ บค อบ ก่อน จะ ตัดสิ น ใ จเลื อกท ำง เลือก ใด ทำง เลื อกห นึ่ ง
และเมื่อตัดสินใจเลือกแล้วก็ต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นซึ่งอำจมีผลกระทบต่อสิ่งอื่นๆ เป็ น
วัฏจักร
2. หลักการพัฒนาหลักสูตร
จำกควำมคิดเห็นของนักกำรศึกษำในเรื่องของควำมหมำยของกำรพัฒนำหลักสูตรที่กล่ำวมำ
จ ะ เ ห็ น ไ ด้ ว่ำ ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร เ ป็ น ก ร ะ บ ว น ก ำ ร ที่ มี ขั้ น ต อ น ๆ
อย่ำงเป็นระบบระเบียบและเพื่อให้งำนกำรพัฒนำหลักสูตรดำเนินไปสู่จุดมุ่งหมำยของกำรพัฒนำอย่ำง
แท้จริงเรำจึงต้องคำนึงถึงหลักในกำรพัฒนำหลักสูตร
1.
กำรพัฒนำหลักสูตรจำเป็นต้องมีผู้นำที่เชี่ยวชำญและมีควำมสำมำรถในงำนพัฒนำหลักสูตรเป็นอย่ำงดี
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 4
2.
กำรพัฒนำหลักสูตรจำเป็นต้องได้รับควำมร่วมมือและกำรประสำนงำนอย่ำงดีจำกบุคคลที่เกี่ยวข้องทุก
ฝ่ำยทุกระดับ
3.
กำรพัฒนำหลักสูตรจำเป็นต้องมีกำรดำเนินกำรเป็ นระบบระเบียบแบบแผนต่อเนื่องกันไป
เริ่มตั้งแต่กำรวำงจุดมุ่งหมำยในกำรพัฒนำหลักสูตรนั้นจนถึงกำรประเมินผลกำรพัฒนำหลักสูตรในกำ
รดำเนินงำนจะต้องคำนึงถึงจุดเริ่มต้นในกำรเปลี่ยนแปลงว่ำ กำรพัฒนำหลักสูตรที่จุดใด
จะเป็นกำรพัฒนำส่วนย่อยหรือกำรพัฒนำทั้งระบบ และจุดดำเนินกำรอย่ำงไรในขั้นต่อไป
สิ่งเหล่ำนั้นเป็นสิ่งที่ผู้มีหน้ำที่ในกำรพัฒนำหลักสูตรไม่ว่ำจะเป็นผู้เชี่ยวชำญทำงด้ำนกำรจัดหลักสูตร
ค รู ผู้ ส อ น ห รื อ นั ก วิ ช ำ ก ำ ร ท ำ ง ด้ ำ น ก ำ ร ศึ ก ษ ำ แ ล ะ บุ ค ค ล ต่ ำ ง ๆ
ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง จ ะ ต้ อ ง ร่ ว ม มื อ กั น พิ จ ำ ร ณ ำ อ ย่ ำ ง ร อ บ ค อ บ
และดำเนินกำรอย่ำงมีระเบียบระบบแบบแผนทีละขั้นตอน
4. ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร จ ะ ต้ อ ง ร ว ม ถึ ง ผ ล ง ำ น ต่ ำ ง ๆ
ทำงด้ำนหลักสูตรที่ได้สร้ำงขึ้นมำใหม่อย่ำงมีประสิทธิภำพ ไม่ว่ำจะเป็นเอกสำรหลักสูตร เนื้อหำวิชำ
กำรทำกำรทดสอบหลักสูตรกำรนำหลักสูตรไปใช้ หรือกำรจัดกำรเรียนกำรสอน
5.
กำรพัฒนำหลักสูตรที่มีประสิทธิภำพจะต้องมีกำรฝึกฝนอบรมครูประจำกำรให้มีควำมเข้ำใจในหลักสู
ตรใหม่ควำมคิดใหม่ แนวทำงกำรจัดกำรเรียนกำรสอนตำมหลักสูตรใหม่
6.กำรพัฒ น ำหลักสู ตรจะ ต้องคำนึ งถึงประ โยช น์ ใน ด้ำน กำรพัฒน ำจิตใ จ
และทัศนคติของผู้เรียนด้วย
3. ผลที่ได้จากการพัฒนาหลักสูตร
กำรพัฒ น ำห ลักสู ต รเป็ น ง ำน ที่มีกระ บ วน กำรแล ะ ขั้น ต อน ที่ ซับซ้อ น
และเป็นงำนที่ต้องอำศัยผู้เชี่ยวชำญทำงด้ำนกำรจัดหลักสูตร นักวิชำกำร นักพัฒนำหลักสูตร
ให้มำทำงำน ร่วมกัน กับบุคคลหลำยฝ่ ำย และต้องได้รับควำมร่วมมือจำกทุกฝ่ ำยด้วยดี
กำรพัฒนำหลักสูตรจึงจะประสบควำมสำเร็จเมื่อกำรพัฒนำหลักสูตรสำเร็จลุล่วงตำมจุดหมำยแห่งกำร
พัฒนำแล้วย่อมก่อให้เกิดประโยชน์ ดังนี้
1.เป็ น กำรพัฒน ำกำรศึกษำของช ำติให้บรรลุตำมวัตถุประสงค์ตำมที่วำงไว้
เพื่อให้กำรศึกษำของชำติเป็นกำรศึกษำเพื่อพัฒนำผู้เรียนให้สอดคล้องกับควำมเจริญของสังคมและขอ
งโลก
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 5
2.
เป็ นกำรพัฒนำระบบกำรศึกษำให้เจริญก้ำวหน้ำทันต่อกำรเปลี่ยนแปลงของสังคมและโลก
โดยเฉพำะในยุคที่เรียกว่ำ โลกยุคโลกำภิวัตน์
3.
เพื่อให้ครูผู้สอนมีควำมรู้ควำมเข้ำใจและควำมสำมรถในกำรพัฒนำกำรเรียนกำรสอนแก่ผู้เรียนดังต่อไ
ปนี้
3.1 มีควำมสำมำรถเปลี่ยนกับทักษะในด้ำนต่ำงๆ
3.2 มีควำมรู้เพียงพอที่จะศึกษำในระดับสูงขึ้นไป
3.3 ประพฤติตนเป็นพลเมืองดีของสังคม
3.4 มีจิตใจและร่ำงกำยที่สมบูรณ์แข็งแรง
3.5 มีควำมเข้ำใจและรักษำควำมงำมตำมธรรมชำติ
3.6 มีวัฒนธรรมและศีลธรรมอันดีงำม
3.7 มีควำมสนใจและเชี่ยวชำญในด้ำนใดด้ำนหนึ่งเป็นพิเศษ
3.8 มีควำมสนใจในกำรดำรงชีวิตในสังคมได้อย่ำงเหมำะสม
3.9 มีควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำในชีวิตและในสังคมได้
4. กระบวนการในการพัฒนาหลักสูตร
ถ้ำหลักสูตรได้รับกำรพิจำรณำว่ำเป็นทุกสิ่งทุกอย่ำงซึ่งเกิดขึ้นในกำรวำงแผนกำรเรียนกำรส
อนในสถำบันกำรศึกษำแล้ว กำรพัฒนำหลักสูตรก็จะเป็นกำรพัฒนำแผนเพื่อจัดโปรแกรมกำรศึกษำ
ซึ่งหมำยถึงกำรให้นิยำมและกำรเลือกจุดประสงค์ของกำรศึกษำ เลือกประสบกำรณ์กำรเรียนรู้
และกำรประเมินโปรแกรมกำรศึกษำ กำรพัฒนำหลักสูตรเป็ นงำนปฏิบัติมิใช่งำนทฤษฎี
เป็นควำมพยำยำมที่จะออกแบบระบบ เพื่อให้ประสบควำมสำเร็จตำมจุดมุ่งหมำยของกำรศึกษำ
และระบบนี้จะต้องเป็นประโยชน์ที่แท้จริงปรำกฏต่อสังคมและต่อมนุษย์ ซึ่งมีควำมมุ่งหมำย
มี ค ว ำ ม ฝั ก ใ ฝ่ ใ น สิ่ ง ที่ ต น ช อ บ มี ก ล ไ ก ก ำ ร เ ค ลื่ อ น ไ ห ว ดั ง นั้ น
ขั้นตอนที่จำเป็นขั้นแรกในกำรพัฒนำหลักสูตร คือ กำรตรวจและวิเครำะห์สถำนกำรณ์สำคัญๆ
ซึ่ ง เ ป็ น ค ว ำ ม มุ่ ง ห ม ำ ย ป ล ำ ย ท ำ ง ข อ ง ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร คื อ
กำรเปลี่ยนแปลงของนักเรียนและครู ครูที่กลำยเป็ น ผู้ที่มีควำมรู้มำกขึ้น มีทักษะมำกขึ้น
แ ล ะ มี ค ว ำ ม ไ ม่ ห ยุ ด นิ่ ง ม ำ ก ขึ้ น
ครูซึ่งมีคุณสมบัติดังกล่ำวนี้ จะ เป็ น ผู้ที่ให้บริกำรแก่นักเรียน ได้อย่ำงมีประ สิทธิภ ำพ
รำยละเอียดต่อไปนี้จะกล่ำวถึงกำรดำเนินงำนพัฒนำหลักสูตร และแนวคิดกำรพัฒนำหลักสูตร
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 6
แดเนี ยล แทน เน อร์ และลอร์เรล แทน เน อร์ (D. Tanner & L. Tanner. 1995 : 385)
กล่ำวว่ำปัจจัยและอิทธิพ ลหลักสูตรมีปฏิสัมพัน ธ์จำกปรัชญำสังคม พ ฤติกรรมมนุ ษย์
และควำมรู้ที่ยิ่งใหญ่กว้ำงขวำงสิ่งเหล่ำนั้นมีอิทธิพลต่อผู้เรียนโดยแปรสภำพมำเป็นเนื้อหำวิชำสำหรับ
กำรเรี ยน ก ำรส อน เพื่ อใ ห้ เกิดควำมเห มำะ สมกับ กำรพัฒ น ำคน ใน สัง คมให ม่
ซึ่งเรียกว่ำกระบวนกำรทัศน์ด้วยหลักสูตร
มำร์ช และวิลลิส (Marsh& Willis.1995: 278) ได้สรุปแนวคิดในกำรพัฒนำหลักสูตร ว่ำ
กระ บวน กำรพัฒ น ำห ลักสู ตรและ กำรเป ลี่ยน แปลงห ลักสู ตรแม้มีห ลำยแน วคิด
แต่เมื่อสรุปรวมควำมคิดแล้วล้วนอยู่บนพื้นฐำนควำมต่อเนื่องเป็นอนุกรมโดยเริ่มจำกแรงกดดันและผ
ลกระทบจำกปั จจัยบริบทและควำมก้ำวหน้ำทำงเทคโน โลยีสู่กำรปรับปรุงหลักสูตร
ก ำร น ำห ลัก สู ต ร ไ ป สู่ส ถ ำบั น เพื่ อ ใ ช้จ ะ ไ ด้รั บ แ รง ก ด ดัน จำ ก ปั จ จัยต่ำง ๆ
ทำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงปรับปรุงหลักสูตรขึ้นมำอีกในระยะต่อไปต่อเนื่องดังภำพประกอบ 2
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 7
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 8
ใ น ก ำ ร ว ำ ง แ ผ น พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร
เพื่อดำเนิน งำน พัฒนำหลักสูตรมีแรงผลักดันและปัจจัยอิทธิพลห ลำยระดับตั้งแต่ระดับโรงเรียน
ร ะ ดั บ ชุ ม ช น ค ร อ บ ค รั ว สั ง ค ม ป ร ะ เ ท ศ ช ำ ติ จ น ถึ ง ร ะ ดั บ น ำ น ำ ช ำ ติ
พลังผลักดันของสังคมเป็นตัวเร่งสำคัญในกำรวำงแผนหลักสูตร (ParkayW.and Glen Hass, 2000 : 275)
องค์ประกอบในกำรดำเนินงำนพัฒนำหลักสูตรประกอบด้วยคณะกรรมกำรดำเนินงำนจัดทำหลักสูตร
ศึ ก ษ ำ วิ เ ค ร ำ ะ ห์ ส ภ ำ พ ข อ ง สั ง ค ม ใ น ปั จ จุ บั น
พร้อมทั้งวิเครำะห์หลักสูตรเดิมเพื่อนำข้อมูลที่ได้มำพิจำรณำร่วมกับข้อมูลพื้นฐำนต่ำงๆในกำรพัฒนำหลักสูตร
ปรับปรุงแก้ไข แล้วกำหนดจุดประสงค์ใหม่ องค์ประกอบในแต่ล่ะส่วนจะมีควำมสัมพันธ์กันและเท่ำเทียมกัน
จะขำดองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งไม่ได้ ได้แก่
1. กำรกำหนดควำมมุ่งหมำยจะต้องชัดเจนว่ำต้องให้ผู้เรียนในระดับนั้นๆ มีคุณสมบัติอย่ำงไร
เมื่อกำหนดควำมมุ่งหมำยแล้วจะได้ใช้เป็นแนวทำงในกำรกำหนดเนื้อหำวิชำและประสบกำรณ์ในกำรเรี ยนรู้ต่อไ
ป
2. ก ำรวำง แ ผน กำห น ด โค รง ส ร้ำง ข อง ห ลักสู ต ร แ ละ กำรเลื อก เนื้ อ ห ำวิช ำ
ใน หลักสู ตรจะ ต้องกำห น ดโครง สร้ำงอะ ไรบ้ำง เช่น จะ ต้อง ใช้เวลำศึกษ ำน ำน เท่ำไร
จ ะ ต้ อ ง เ รี ย น ทั้ ง ห ม ด กี่ ห น่ ว ย ก ำ ร เ รี ย น จึ ง จ ะ จ บ ห ลั ก สู ต ร ไ ด้
จะต้องเข้ำเรียนกี่คำบต่อสัปดำห์ต่อภำคเรียนมีกำรวัดและประเมินผลอย่ำงไร ระบบกำรให้คะแนนเป็นอย่ำงไร
มี วิ ช ำ ใ ด บ้ ำ ง ที่ จ ะ ต้ อ ง เ รี ย น บั ง คั บ เ ท่ ำ ไ ร แ ล ะ เ ลื อ ก เ ท่ ำ ไ ร
และวิชำเหล่ำนั้นประกอบไปด้วยเนื้อหำอะไรมีประสบกำรณ์อะไรบ้ำง
3. ก ำร ท ด ล อ ง ใ ช้ ห ลัก สู ต รห รื อ ก ร ะ บ วน ก ำร เรี ย น ก ำร ส อ น ห รื อ วิธี ก ำ ร
และกำรจัดกำรเกี่ยวกับหลักสูตรเพื่อให้กำรเรียนกำรสอนเป็นไปตำมควำมมุ่งหมำยของหลักสูตรอย่ำงมีประสิท
ธิ ภ ำ พ จ ำ เ ป็ น ต้ อ ง จั ด ห ำ แ ล ะ ป รั บ ป รุ ง ก ร ะ บ ว น ก ำร ส อ น ก ำร จัด ชั้ น เ รี ย น
กำร ใ ช้ อุป ก รณ์ ก ำร วัด ผ ล แ ล ะ ป ระ เมิน ผ ล แล ะ ก ำรจัด กิจก รร มเส ริ มท ำง วิช ำก ำร
ตลอดจนกำรสอนซ่อมเสริมให้กำรนำหลักสูตรไปใช้เกิดประโยชน์สูงสุด
4. กำรประเมินผลหลักสูตร เป็นกำรประเมินคุณค่ำของหลักสูตรว่ำมีคุณภำพเป็ นอย่ำงไร
เป็นกระบวนกำรที่ใช้พิจำรณำว่ำควำมมุ่งหมำยเป็ นอย่ำงไร เนื้อหำวิชำและประสบกำรณ์ตรงกับควำม
มุ่งหมำยหรือไม่ กำรเรียนกำรสอนมีปัญหำและอุปสรรคอะไรบ้ำงและกำรประเมินผลอย่ำงไร ดังภำพประกอบ
3
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 9
ภำพประกอบ 3 แสดงกระบวนกำรพัฒนำหลักสูตร
ที่มำ : สงัด อุทรำนันท์ (2532 :24)
ปรับปรุง
แก้ไข
ศึกษำและวิเคร
ำะห์สหภำพสัง
คมและหลักสู
ตรเดิม
ประเมิน
ผล
คณะกรรมกำร
กำรดำเนินงำน
พัฒนำหลักสูต
ร
กำหนดควำ
มมุ่งหมำย
นำไปทด
ลองใช้
กำหนดโครงส
ร้ำงและเนื้อหำ
วิชำ
ศึกษำและวิเครำะ
ห์สภำพสังคมแล
ะหลักสูตรเดิม
แนวคิด (ปรัชญำ)
และผลกำรศึกษำค้นคว้ำทำงจิตวิทยำข้อมูลเกี่ยวกับนักเรี
ยนและกำรประกอบอำชีพข้อมูลควำมก้ำวหน้ำทำงวิชำก
ำร วิทยำศำสตร์ เทคโนโลยี
บทบำทของสถำบันกำรศึกษำ
และสื่อสำรมวลชนข้อมูลสภำพเศรษฐกิจ สังคม
กำรเมือง ค่ำนิยม และวัฒนธรรม
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 10
5. รูปแบบในการพัฒนาหลักสูตร
รู ป แ บ บ ใ น ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร เ ป็ น สิ่ ง ส ำ คั ญ แ ล ะ จ ำ เ ป็ น
เ นื่ อ ง จ ำ ก รู ป แ บ บ ห ลั ก สู ต ร เ ป รี ย บ เ ส มื อ น พิ ม พ์ เ ขี ย ว ( Blue Print)
ที่ ใ ช้ เป็ น แ น ว ท ำ ง ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร จ ำ ก ผู้ เ ชี่ ย ว ช ำ ญ ท ำง ด้ ำ น ห ลั ก สู ต ร
นักวิชำกำรจึงมีควำมสำคัญเพื่อเป็นพื้นฐำนสำหรับกำรวิจัยครั้งนี้ รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรที่สำคัญมีดังนี้
5.1 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรจากแนวคิดต่างประเทศ
5.1.1 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของไทเลอร์ (Ralph W. Tyler)
ไทเลอร์ได้นำเสนอแนวคิดพื้นฐำนเกี่ยวกับกำรพัฒนำหลักสูตรและกำรสอนซึ่งก็คือหลักกำรและเหตุ
ผล ใ น ก ำรพั ฒ น ำห ลัก สู ต ร( Tyler Rationale) ว่ำใ น ก ำร พั ฒ น ำห ลัก สู ต ร แ ล ะ ก ำรส อ น
ต้องตอบคำถำมพื้นฐำนที่สำคัญ 4 ประกำร คือ (Tyler, 1949: 3)
1. จุ ด มุ่ ง ห ม ำ ย ท ำ ง ก ำ ร ศึ ก ษ ำ ( Educational Purposes)
อะไรบ้ำงที่โรงเรียนต้องกำรให้ผู้เรียนได้เรียนรู้
2.ประสบกำรณ์ทำงกำรศึกษำ (EducationalExperiences) อะไรบ้ำงที่โรงเรียนจะต้องจัดให้
เพื่อช่วยให้บรรลุจุดมุ่งหมำย
3. จะจัดประสบกำรณ์ทำงกำรศึกษำอย่ำงไรจึงจะทำให้สอนมีประสิทธิภำพ
4.
ประเมินประสิทธิภำพของกำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนอย่ำงไรจึงจะทรำบได้ว่ำผู้เรียนได้บรรลุเป้ำหมำยทำงกำ
รศึกษำ
ไทเลอร์ได้วำงรูปแบบโครงสร้ำงของหลักสูตรโดยใช้วิธีกำรและเป้ำหมำยปลำยทำง (Means and
ends approsch) ดังนี้ (วิชัย วงษ์ใหญ่, 2537: 10-11)
ใน กำรกำห นดจุดมุ่งหมำยนั้น ในขั้น แรกต้องกำหน ดเป็ นจุดมุ่งหมำยชั่วครำวก่อน
โ ด ย ต้ อ ง น ำ บ ริ บ ท ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง เ ช่ น บ ริ บ ท ท ำ ง ด้ ำ น สั ง ค ม
ด้วยกำรนำสิ่งที่สังคมคำดหวังว่ำต้องกำรให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะอย่ำงไร และมีกำรศึกษำตัวผู้เรียน เช่น
ค ว ำ ม ต้ อ ง ก ำ ร ค ว ำ ม ส น ใ จ ฐ ำ น ะ ท ำ ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ ข อ ง ค ร อ บ ค รั ว เ ป็ น ต้ น
น อ ก จ ำก นั้ น ยั ง ต้ อ ง ศึ ก ษ ำ แ น ว คิ ด ข อ ง นั ก วิช ำก ำ ร ( วิชั ย ว ง ษ์ ใ ห ญ่ , 2537 : 12)
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 11
ควำมเชื่อค่ำนิยมของสังคมเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องวิเครำะห์ให้ชัดเจน เพรำะกำรศึกษำสังคมค่ำนิยมขนบประเพณี
วัฒนธรรมจะให้คำตอบว่ำสังคมต้องกำรจัดกำรศึกษำเพื่ออะไร แล ะจะจัดกำรศึกษำสำหรับใคร
สิ่งเหล่ำนี้ช่วยให้แสวงหำคำตอบที่ชัดเจนในกำรกำหนดเป้ำหมำยหรือทิศทำงของกำรศึกษำ (ดังภำพประกอบ 4)
แหล่งข้อมูลเพื่อ
นำมำกำหนด
จุดมุ่งหมำยชั่วครำว
กำรศึกษำสังคม
กำรศึกษำผู้เรียน
กำรศึกษำแนวคิดขอ
งนักวิชำกำร
ปรัชญำสังคม
กำหนด
จุดมุ่งหมำยชั่วครำว
ทฤษฎีกำรเรียนรู้
ปรัชญำกำรศึกษำ
ปรัชญำสังคม
จุดมุ่งหมำย
กำรเลือกและกำรจัดประสบกำรณ์กำ
รเรียน
กำรประเมินผล
ข้อมูลในกำรกำหนด
เกณฑ์ที่ตรวจสอบพิ
จำรณำกลั่นกรองเป็
นจุดมุ่งหมำยจริง
องค์ประกอบ
ของหลักสูตร
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 12
ภำพประกอบ 4 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรของไทเลอร์
(วิชัย วงษ์ใหญ่, 2537: 11)
กำรพัฒนำหลักสูตรและกำรเสนอของไทเลอร์ มีลักษณะสำคัญคือ (วิชัย วงษ์ใหญ่, 2537 :12-14)
1. จุดมุ่งหมำยเป็ น ตัวกำหนดควบคุมกำรเลือกและจัดประสบกำรณ์กำรเรียนดังนั้ น
ก ำ ร ก ำ ห น ด จุ ด มุ่ ง ห ม ำ ย จึ ง มี 2 ขั้ น ต อ น คื อ
ตอนแรกเป็นกำรกำหนดจุดมุ่งหมำยชั่วครำวแล้วจึงหำวิธีกำรและเกณฑ์จำกทฤษฎีกำรเรียนรู้ปรัชญำกำรศึกษำแ
ละปรัชญำสังคมมำกลั่นกรองจุดมุ่งหมำยชั่วครำว เพื่อให้ได้มำเป็ นจุดมุ่งหมำยที่แท้จริงของหลักสูตร
พื้นฐำนทำงจิตวิทยำและปรัชญำในกำรพัฒนำหลักสูตรจะเข้ำมำมีบทบำทและช่วยในกำรตรวจสอบเพื่อหำควำม
ชัดเจนของกำรกำหนดจุดมุ่งหมำยขั้นนี้เพื่อตอบคำถำมและหำควำมชัดเจนว่ำกำรจัดหลักสูตรเพื่อตอบสนองใคร
ตอบสนองผู้เรียนหรือสังคม
2 .
กำรเลือกและจัดประสบกำรณ์กำรเรียนที่คำดหวังว่ำจะให้ผู้เรียนมีประสบกำรณ์กำรจัดกิจกรรมในกำรเรียนกำร
ส อ น แ ล ะ ส่ ว น เ ส ริ ม ห ลั ก สู ต ร นั้ น มี อ ะ ไ ร
ทั้ง นี้ เพื่ อให้ กระบวน กำรเรียน กำรสอน ดำเนิ น ไปเพื่ อตอบสน อง จุดมุ่งห มำยที่กำห น ดไว้
ไทเลอร์ได้เสนอเกณฑ์ในกำรพิจำรณำเลือกประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ไว้ดังนี้
2.1 ผู้เรียนควรมีโอกำสฝึกพฤติกรรมและกำรเรียนรู้เนื้อหำตำมที่ระบุไว้ในจุดมุ่งหมำย
2 . 2
กิจกรรมและประสบกำรณ์นั้นทำให้ผู้เรียนพอใจปฏิบัติกำรเรียนรู้อำจนำไปสู่จุดมุ่งหมำยที่กำหนดไว้เพียงข้อเดีย
วก็ได้
2.3 กิจกรรมและประสบกำรณ์นั้นอยู่ในข่ำยควำมพอใจที่พึงปฏิบัติได้
2 . 4 กิ จ ก ร ร ม แ ล ะ ป ร ะ ส บ ก ำ ร ณ์ ห ล ำ ย ๆ
ด้ำนของกำรเรียนรู้อำจนำไปสู่จุดมุ่งหมำยที่กำหนดไว้เพียงข้อเดียวก็ได้
2.5 กิจกรรมและประสบกำรณ์เรียนรู้เพียงหนึ่งอย่ำงอำจตรวจสอบจุดมุ่งหมำยหลำยๆ ข้อได้
3. กำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ว่ำต้องคำนึ งถึงควำมสัมพันธ์ในด้ำน เวลำต่อเวลำ
และ เนื้ อห ำต่อเนื้ อห ำ เรียกว่ำควำมสัมพัน ธ์ แบบแน วตั้ง (Vertical) กับแน วน อน (Horizontal)
ซึ่งมีเกณฑ์ในกำรจัดดังนี้
3 . 1 ค ว ำ ม ต่ อ เ นื่ อ ง ( Continuity)
หมำยถึงควำมสัมพันธ์ในแนวตั้งของส่วนองค์ประกอบหลักของตัวหลักสูตรจำกระดับหนึ่งไปยังอีกระดับหนึ่งที่
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 13
สูงขึ้นไป เช่น ในวิชำทักษะ ต้องเปิ ดโอกำสให้มีกำรฝึ กทักษะในกิจกรรมและประสบกำรณ์บ่อยๆ
และต่อเนื่องกัน
3 . 2 ก ำ ร จั ด ช่ ว ง ล ำ ดั บ ( Sequence)
หมำยถึงควำมสัมพันธ์แนวตั้งของส่วนองค์ประกอบหลักของตัวหลักสูตรจำกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนไปสู่สิ่งที่เกิดขึ้นภ
ำ ย ห ลั ง ห รื อ จ ำ ก สิ่ ง ที่ มี ค ว ำ ม ง่ ำ ย ไ ป สู่ ที่ มี ค ว ำ ม ย ำ ก ดั ง นั้ น
กำรจัดกิจกรรมและประสบกำรณ์ให้มีกำรเรียงลำดับก่อนหลังเพื่อให้ได้เรียนเนื้อหำที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
3 . 3 บู ร ณ ำ ก ำ ร ( Integration) ห ม ำ ย ถึ ง
ค ว ำ ม สั ม พั น ธ์ กัน ใ น แ น ว น อ น ข อ ง อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ห ลั ก ข อ ง ตั ว ห ลั ก สู ต ร
จำกหัวข้อเนื้อหำหนึ่ งไปยังอีกหัวข้อหนึ่ งของรำยวิชำ หรือจำกรำยวิช ำหนึ่ งไปยังรำยวิชำอื่น ๆ
ที่ มี ค ว ำ ม เ กี่ ย ว ข้ อ ง กั น
กำรจัดประสบกำรณ์จึงควรเป็นในลักษณะที่ช่วยให้ผู้เรียนได้เพิ่มพูนควำมคิดเห็นและได้แสดงพฤติกรรมที่สอด
คล้องกัน เนื้อหำที่เรียนเป็นกำรเพิ่มควำมสำมำรถทั้งหมดของผู้เรียนที่ได้ประสบกำรณ์ในสถำนกำรณ์ต่ำงๆ กัน
ประสบกำรณ์กำรเรียนรู้จึงเป็นแบบแผนของปฏิสัมพันธ์ (Interaction) ระหว่ำงผู้เรียนกับสถำนกำรณ์สิ่งแวดล้อม
4 .
กำรประเมินผลเพื่อตรวจสอบดูว่ำกำรจัดกำรเรียนกำรสอนได้บรรลุตำมจุดมุ่งหมำยตำมที่กำหนดไว้หรือไม่
สมควรมีกำรปรับแก้ในส่วนใดบ้ำง พิจำรณำจำกสิ่งต่อไปนี้
4.1 กำหนดจุดมุ่งหมำยที่จะวัดและพฤติกรรมที่คำดหวัง
4.2 วัดและวิเครำะห์สถำนกำรณ์ที่ทำให้เกิดพฤติกรรมเหล่ำนั้น
4.3 ศึกษำสำรวจข้อมูลเพื่อสร้ำงเครื่องมือวัดพฤติกรรมเหล่ำนั้นได้อย่ำงเหมำะสม
4.4 ตรวจสอบคุณภำพของเครื่องมือ โดยใช้เกณฑ์ในกำรพิจำรณำดังนี้
1. ควำมเป็นปรนัย (Objectivity)
2. ควำมเชื่อมั่นได้ (Reliability)
3. ควำมเที่ยงตรง (Validity)
4. ควำมถูกต้อง (Accuracy)
4 . 5
กำรพิจำรณำผลประเมินให้เป็ นประโยชน์ เพื่ออธิบำยผลกำรเรียนรู้เป็ นรำยบุคคลหรือเป็ น กลุ่ม
กำรอธิบำยถึงส่วนดีของหลักสูตรหรือสิ่งที่ต้องปรับแก้เพื่อเป็นแนวทำงในกำรปรับปรุงหลักสูตรให้มีคุณภำพยิ่ง
ขึ้น
5.1.2 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวความคิดของทาบา (Taba)
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 14
แนวคิดของทำบำในกำรพัฒนำหลักสู ตรใช้วีแบบรำกหญ้ำ ( Grass-roots approach)
มีควำมเชื่อว่ำหลักสูตรควรได้รับกำรออกแบบโดยครูผู้สอนมำกกว่ำพัฒนำจำกองค์กรที่อยู่ในระดับสูงขึ้น
ประกอบด้วยขั้นตอนต่ำงๆ ดังนี้ (Taba, 1962 :456-459)
1. วิเครำะห์ควำมต้องกำร (Diagnosisof needs) ใช้วิธีสำรวจสภำพปัญหำ ควำมต้องกำร
และควำมจำเป็นของผู้เรียนและของสังคม
2 . ก ำ ห น ด จุ ด มุ่ ง ห ม ำ ย ( Formulation of objectives)
ด้วยข้อมูลที่ได้จำกำรวิเครำะห์ควำมต้องกำร
3 . คั ด เ ลื อ ก เ นื้ อ ห ำ ส ำ ร ะ ( Selection of content)
เมื่อ ก ำห น ด จุด มุ่ง ห มำย แล้วก็ต้อ ง เลื อ กเนื้ อ ห ำส ำร ะ ซึ่ ง ส อ ดค ล้อ ง กับ จุด มุ่ง ห มำย
และต้องคำนึงถึงพัฒนำกำรของผู้เรียนด้วย
4 . ก ำ ร จั ด ร ว บ ร ว ม เ นื้ อ ห ำ ส ำ ร ะ ( Organization of content)
เ นื้ อ ห ำ ส ำ ร ะ ที่ ร ว บ ร ว ม ต้ อ ง ค ำ นึ ง ถึ ง ค ว ำ ม ย ำ ก ง่ ำ ย แ ล ะ ค ว ำ ม ต่ อ เ นื่ อ ง
รวมทั้งจัดให้เหมำะสมกับพัฒนำกำรและควำมสนใจของผู้เรียน
5 . คั ด เ ลื อ ก ป ร ะ ส บ ก ำ ร ณ์ ก ำ ร เรี ย น รู้ ( Selection of learning experiences)
กำรคัดเลือกประสบกำรณ์เรียนรู้ให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมำยและเนื้อหำวิชำ
6. กำรจัดรวบรวมประสบกำรณ์ กำรเรียน รู้ ( Organization of leaning experiences)
กำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ควรคำนึงถึงควำมต่อเนื่องของเนื้อหำสำระ
7. กำหนดวิธีวัดและประเมินผล (Determination of what to evaluateand the ways and
means of doing it)
มีกำรประเมินเพื่อตรวจสอบว่ำประสบกำรณ์กำรเรียนที่จัดให้บรรลุจุดมุ่งหมำยที่กำหนดไว้หรือไม่
และกำหนดวิธีกำรประเมินรวมทั้งเครื่องมือที่ใช้ในกำรประเมินด้วยดังภำพประกอบ 5
1. วิเครำะห์ควำมต้องกำร (Diagnosis of needs)
2. กำหนดจุดมุ่งหมำย (Formulation of objectives)
3. คัดเลือกเนื้อหำสำระ (Selection of content)
4. กำรจัดรวบรวมเนื้อหำสำระ - ควำมคิดรวบยอด (Key concepts)
(Organization of content) - ควำมคิดหลัก (Main ideas)
- ข้อเท็จจริง (Facts)
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 15
ภำพประกอบ 5 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรตำมแนวคิดของทำบำ
(Taba, 1962 :456-459)
จำกกำรพัฒนำหลักสูตรแนวคิดของทำบำจะเริ่มที่จุดใดจุดหนึ่งก่อนก็ได้ แต่เมื่อเริ่มที่
จุ ด ใ ด แ ล้ ว จ ะ ต้ อ ง ท ำ ก ำ ร ศึ ก ษ ำ ใ ห้ ค ร บ ก ร ะ บ ว น ก ำ ร ทั้ ง 7 ขั้ น ต อ น
จุ ด เ ด่ น ใ น แ น ว คิ ด ข อ ง ท ำ บ ำ คื อ เ รื่ อ ง ยุ ท ธ วิ ธี ก ำ ร ส อ น ( Teaching Strategies)
และประสบกำรณ์กำรเรียนรู้เป็นกระบวนกำรที่ต้องคำนึงถึง มีอยู่ 2ประกำร คือ (วิชัย วงษ์ใหญ่, 2537 : 15-16)
1.ยุทธวิธีกำรสอนและประสบกำรณ์เรียนรู้ เป็นเครื่องกำหนดสถำนกำรณ์เงื่อนไขกำรเรียนรู้
กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนแต่ละครั้งมีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับกำรเรียนรู้ที่เกิดขึ้นเป็นผลผลิต ดังนั้น
กำรจัดรูปแบบของกำรเรียนกำรสอนต้องแสดงลำดับขั้นตอนของกำรเรียนรู้ด้วย
2 .
ยุทธวิธีกำรสอนเป็นสิ่งที่หลอมรวมหลำยสิ่งหลำยอย่ำงเข้ำมำไว้ด้วยกันกำรพิจำรณำตัดสินใจเกี่ยวกับยุทธวิธีกำ
รสอนควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้ คือ
2.1 กำรจัดเนื้อหำ ต้องกำหนดให้ชัดเจนว่ำรำยวิชำนั้นๆ มุ่งให้ผู้เรียนเรียนรู้แบบใด
ก ว้ำ ง ห รื อ ลึ ก ม ำ ก น้ อ ย เ พี ย ง ใ ด แ ล ะ ไ ด้ เ รี ย ง ล ำ ดั บ เนื้ อ ห ำ วิ ช ำ ไ ว้อ ย่ำ ง ไ ร
ก ำ ร ก ำ ห น ด โ ค ร ง ส ร้ ำง ไ ด้ ก ร ะ ท ำ ชั ด เ จ น ส อ ด ค ล้ อ ง กับ โ ค ร ง ก ำร ใ น ร ะ ดับ ใ ด
เพรำะแต่ละระดับมีจุดประสงค์เนื้อหำสำระที่มีควำมเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน
2.2 หน่วยกำรเรียน สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่บ่งชี้ถึงกำรวัดและประเมินได้ชัดเจน
มีรำยละเอียดและมีควำมยืดหยุ่นเพื่อเปิดโอกำสให้ครูและนักเรียนมีส่วนร่วมในกำรวำงแผนกำรเรียนและทำกิจ
5. กำรคัดเลือกประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ (Selection of leaning experiences)
6. กำรจัดรวบรวมประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ (Organization of leaning experiences)
(กลวิธีกำรสอนเพื่อพัฒนำพุทธิพิสัย และเจตพิสัย)
7. กำหนดวิธีวัดและประเมินผล (Determination of what toevaluate)
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 16
ก ร ร ม ต ำ ม ค ว ำ ม ต้ อ ง ก ำ ร แ ล ะ ค ว ำ ม ส น ใ จ
กำรตรวจสอบควำมรู้พื้นฐำนของผู้เรียนจะช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในกำรพัฒนำกระบวนกำรเรียนได้เป็นลำดับขั้
น ต อ น เ พื่ อ น ำ ไ ป สู่ ข้ อ ค้ น พ บ
ข้อส รุป ที่เป็ น ห ลักกำรที่ มุ่งเน้ น ควำมคำดห วังเกี่ยวกับกำรเรียน รู้ที่ จะ เกิดขึ้ น กับ ผู้เรี ยน
และกำรกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดกำรเรียนรู้ด้วยตนเองดังภำพประกอบ 6
กาหนดโดยการวิเคราะห์ กาหนดวัตถุประสงค์ การกาหนดจุดประสงค์
วิเคราะห์และการจาแนก แต่ละระดับ
1. วัฒนธรรมและควำมต้องกำรของ 1. ชนิดของพฤติกรรม 1. จุดมุ่งหมำยทั่วไปของกำรศึกษำ
สังคมและผู้เรียน 2. เนื้อหำวิชำ 2. จุดมุ่งหมำยระดับโรงเรียน
2. กระบวนกำรเรียนรู้และหลักกำร 3. ควำมต้องกำรด้ำนต่ำงๆ 3. จุดมุ่งหมำยระดับชั้นเรียน
เรียนรู้ของผู้เรียน
3. ธรรมชำติควำมรู้ในศำสตร์ต่ำงๆ
และวิธีกำรแสวงหำควำมรู้
4. อุดมกำรณ์ของประชำธิปไตย
กาหนดความรู้ การเลือกเนื้อหาและ สถาบันองค์กรที่เกี่ยวข้อง
ประสบการณ์การเรียนและ
ลักษณะการจัด
1.ลักษณะ, ธรรมชำติของควำมรู้ เนื้อหำสำระ 1. โรงเรียน, กำรบริหำร
ของศำสตร์ต่ำงๆ กิจกรรมและ ใช้ทรัพยำกร
2.ควำมรู้เกี่ยวกับกำรพัฒนำผู้เรียน ประสบกำรณ์ 2. องค์กรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
3.กำรเรียน กับกำรศึกษำบทบำทและ
4. พัฒนำผู้เรียน หน้ำที่ของแต่ละหน่วยงำน
สิ่งที่ต้องคานึง การจัดหลักสูตรรูปแบบ ผู้รับผิดชอบของบุคคล/
ของหลักสูตร หน่วยงาน
1. ควำมต่อเนื่องของควำมรู้ รำยงำน หมวดวิชำ มุ่งเน้นด้ำน 1.โรงเรียน
2.บูรณำกำรทำงควำมรู้ ชีวิตและสังคม กิจกรรมและ 2.คณะครูและเจ้ำหน้ำที่
ประสบกำรณ์ กิจกรรมของผู้เรียน 3.วิธีกำรที่จะใช้บุคลำกร
จุดรวม แนวคิดต่ำงๆ ให้เกิดประโยชน์จำก
กำรเรียนรู้
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 17
ภำพ 7.5 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรและกำรสอนของทำบำ (วิชัยวงษ์ใหญ่, 2537:17)
ภำพประกอบ 6 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรและกำรสอนของทำบำ (วิชัย วงษ์ใหญ่, 2537:17)
5.1.3รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของเซย์เลอร์ อเล็กซานเดอร์ และเลวิส (J.
Galen Saylor, William M. Alexander and Arthur J. Lewis)
แ น ว คิ ด ข อ ง เ ซ ย์ เ ล อ ร์ อ เ ล็ ก ซ ำ น เ ด อ ร์ แ ล ะ เล วิ ส ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย
กระบวนกำรพัฒนำหลักสูตรที่สำคัญ 4 ขั้นตอน คือ (Saylor andAlexander,1974: 265; Saylor,Alexander and
Lewis, 1981: 181)
1. เป้ำห มำย วัตถุประ สง ค์ และ ค วำมครอบ คลุม ( Goals, Objective and domains)
ห ลั ก สู ต ร ต้ อ ง ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย เ ป้ ำ ห ม ำ ย วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์
และในแต่ละเป้ำหมำยควรบ่งบอกถึงควำมครอบคลุมของหลักสูตร (Curriculum Domain) วัตถุประสงค์
พัฒนำกำรส่วน บุคคล มนุ ษยสัมพันธ์ ทักษะกำรเรียนรู้ที่ต่อเนื่อง และควำมชำนำญเฉพ ำะด้ ำน
ซึ่งกำหนดจำกควำมเป็นโลกำภิวัฒน์ ควำมต้องกำรของสังคมที่อยู่อำศัยกฎหมำย ข้อบังคับ เป็นต้น
2 . ก ำ ร อ อ ก แ บ ห ลั ก สู ต ร ( Curriculum Design)
คือกำรวำงแผนเพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับกำรเลือกและจัดเนื้อหำสำระและจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ที่สอดคล้องกับ
เป้ำหมำย วัตถุประสงค์ โดยคำนึงถึงปรัชญำ ควำมต้องกำรของสังคมและผู้เรียนมำพิจำรณำด้วย
3 . ก ำ ร น ำ ห ลั ก สู ต ร ไ ป ใ ช้ ( Curriculum implementation)
ครูต้องเป็ น ผู้วำงแผน และวำงแผนกำรจัดกำรเรียนกำรสอน ในรูปแบบต่ำงๆ ( InstructionalPlans)
รว ม ทั้ ง ก ำร จัด ท ำสื่ อ ก ำรเรี ย น ก ำรส อ น เช่น ต ำร ำ แ บ บ เรี ย น วัส ดุ อุ ป ก รณ์ ต่ำง ๆ
เพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในสิ่งที่ครูตั้งเป้ำหมำยไว้
4 . ก ำ ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล ห ลั ก สู ต ร ( Curriculum Evaluation)
ครูและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันตัดสิน ใจเพื่อเลือกวิธีกำรประเมินผลที่สำมำรถประเมินได้ว่ำ
หลักสูตรที่พัฒนำขึ้นได้ผลตำมควำมมุ่งหมำยกำรประเมินหลักสูตรจะเป็นข้อมูลสำคัญที่บอกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ได้ว่ำควรจะปรับปรุงหลักสูตรในจุดใด เพื่อประกอบกำรตัดสินใจในกำรวำงแผนกำรใช้หลักสูตรในอนำคต
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 18
รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรตำมแนวคิดของเซย์เลอร์ อเล็กซำนเดอร์ แล ะ เลวิส
แสดงดังภำพประกอบ 7
(1) ให้ข้อมูลย้อนกลับและปรับปรุง
(2) (3) (4)
ภำพประกอบ 7 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรตำมแนวคิดของเซย์เลอร์ อเล็กซำนเดอร์ และเลวิส
(Saylor and Alexander, 1974: 275 ; Saylor. Alexander and Lawis.1981 : 181)
5.1.4 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของโอลิวา (Oliva) (Oliva.1982 : 172)
1 . จุ ด มุ่ ง ห ม ำ ย ข อ ง ก ำ ร ศึ ก ษ ำ ( Aims of Education)
และหลักกำรปรัชญำและจิตวิทยำจำกกำรวิเครำะห์ควำมต้องกำรจำเป็นของสังคมและผู้เรียน
เป้าหมายจุดประสงค์และ
ความครอบคลุม
กำรออกแบบหลักสู
ตร
กำรนำหลักสูตรไปใช้ กำรประเมินผลหลักสู
ตร
-
ออกแบบโดยนักพัฒนำห
ลักสูตร
-
เลือกเนื้อหำสำระและประ
สบกำรณ์กำรเรียนรู้ที่เหม
ำะสมกับผู้เรียน
-
ครูเป็นผู้วำงแผนจัดทำแผน
กำรสอน
-จัดทำสื่อกำรเรียนกำรสอน
-
ครูเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเลือกวิธีป
ระเมินที่มีประสิทธิภำพ
-
นำข้อมูลที่ใช้จำกกำรประเมินมำป
รับปรุงแก้ไขหลักสูตร
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 19
2. วิเค รำะ ห์ ค วำม ต้อง กำรจ ำเป็ น ข อ ง ชุม ช น ที่ ส ถ ำน ศึ ก ษ ำนั้ น ๆ ตั้ง อ ยู่
ควำมต้องกำรจำเป็นของผู้เรียนในชุมชน และเนื้อหำวิชำที่จำเป็นเพื่อใช้ในกำรจัดกำรเรียนกำรสอน
3. เป้ำหมำยของหลักสูตร (Curriculum Goals) โดยอำศัยข้อมูลจำกขั้น 1และ 2
4.จุดประสงค์ของหลักสูตร (Curriculum Objectives) โดยอำศัยข้อมูลจำกขั้นที่ 1,2และ 3
แตกต่ำง จำกขั้ น ที่ 3 คือ มีลักษ ณ ะ เฉ พ ำะ เจำะ จง เพื่ อน ำไป สู่กำรป ระ ยุกต์ใ ช้ห ลัก สู ต ร
และกำรกำหนดโครงสร้ำงหลักสูตร
5 . ร ว บ ร ว ม แ ล ะ น ำ ไ ป ใ ช้ ( Organization and Implementation of the Curriculum)
เป็นขั้นของกำรกำหนดโครงสร้ำงหลักสูตร
6. กำหนดเป้ำหมำยของกำรสอน (Instructional Goals) ของแต่ละระดับ
7. กำหนดจุดประสงค์ของกำรจัดกำรเรียนกำรสอน (Instructional Objective) ใน แต่ละวิชำ
8 . เ ลื อ ก ยุ ท ธ วิ ธี ใ น ก ำ ร ส อ น ( Selection of Strategies)
เป็นขั้นที่ผู้เรียนเลือกยุทธวิธีที่เหมำะสมกับผู้เรียน
9. เลือกเทคนิควิธีกำรประเมินผลก่อนที่นำไปสอนจริงคือ 9A(Preliminary selective of
evaluationtechniques) และกำหนดวิธีประเมินผลหลังจำกกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนสิ้นสุดคือ 9B (Find
selection of evaluation techniques)
1 0 . น ำ ยุ ท ธ วิ ธี ไ ป ใ ช้ ป ฏิ บั ติ จ ริ ง ( Implementation of Strategies)
เป็นขั้นของกำรใช้วิธีกำรที่กำหนดในขั้นที่ 8
1 1 . ป ร ะ เ มิ น ผ ล จ ำ ก ก ำ ร เ รี ย น ก ำ ร ส อ น ( Evaluation of Instruction)
เ ป็ น ขั้ น ที่ เ มื่ อ ก ำ ร ด ำ เ นิ น ก ำ ร จั ด ก ำ ร เ รี ย น ก ำ ร ส อ น เ ส ร็ จ สิ้ น
ก็มีกำรประเมินผลตำมที่ได้เลือกหรือกำหนดวิธีกำรประเมิน ขั้นที่ 9
12. ประเมินหลักสูตร (Evaluationof curriculum) เป็นขั้นตอนสุดท้ำยที่ทำให้วงจรครบถ้วน
กำรประเมินผลที่มิใช่ประเมินผู้เรียนและผู้สอน แต่เป็นกำรประเมินหลักสูตรที่จัดทำขึ้น
5.1.5 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของมัลคอล์ม สกิลเบ็ก
ส กิ ล เ บ็ ก ( Sklibeck,1984 : 230-239; สิ ท ธิ ชั ย เ ท ว ธี ร ะ รั ต น์ , 2543 : 43)
ได้เส น อ แ น วคิ ดเกี่ยว กับ รู ป แ บ บ ข อ ง ห ลักสู ตร ใ น ลัก ษ ณ ะ ที่ เป็ น พ ล วัต จุ ดเด่น คื อ
กำรวิเครำะห์สถำนกำรณ์ซึ่งเป็ นยุทธศำสตร์ที่สำคัญในกำรพัฒน ำหลักสูตร ทั้งนี้ สกิลเบ็กเชื่อว่ำ
ส ถ ำน ก ำรณ์ เป็ น อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ส ำคัญ ใ น ก ำรก ำห น ด ค วำมแ ต ก ต่ำง ข อ ง ห ลัก สู ต ร
เ พ ร ำ ะ ไ ม่ ส ำ ม ำ ร ถ ค ำ ด เ ห ตุ ก ำ ร ณ์ สิ่ ง ที่ เ กิ ด ขึ้ น ภ ำ ย ห น้ ำ ไ ด้
กำรกำหนดวัตถุประสงค์ของกำรเรียนรู้ไว้ก่อนมีกำรสำรวจสถำนกำรณ์จริงจึงขำดควำมน่ำเชื่อถือ ดังนั้น
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 20
กำรพัฒนำหลักสูตรโดยโรงเรียนเป็นผู้พัฒนำหลักสูตรเอง (School-basedcurriculum development หรือ SBCD)
เป็ น วิธีที่สำมำรถนำไปปฏิบัติให้สอดคล้องกับควำมเป็ นจริงได้ กำรวิเครำะห์องค์ประกอบต่ำงๆ
ที่ เ ป็ น ป ร ำ ก ฏ ก ำ ร ณ์ ข อ ง สั ง ค ม แ ต่ ล ะ แ ห่ ง มี ค ว ำ ม แ ต ก ต่ ำ ง กั น
ทำให้ไม่สำมำรถเจำะจงใช้รูปแบบหลักสูตรที่เป็นแบบเดียวกันได้ดังนั้น รูปแบบหลักสูตรจึงเป็นพลวัต
แนวคิดกำรพัฒนำหลักสูตรของสกิลเบ็ก ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้
ขั้ น ต อ น ที่ 1 ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ ส ถ า น ก า ร ณ์ (Analyze the situation)
วิ เ ค ร ำ ะ ห์ ปั จ จั ย ที่ ท ำ ใ ห้ เ กิ ด ก ำ ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง เ กี่ ย ว กั บ ห ลั ก สู ต ร
ซึ่งส่งผลถึงโรงเรียนให้มีกำรพัฒนำหลักสูตรให้นำไปปฏิบัติได้จริงและบังเกิดผลให้นักเรียนได้เรียนรู้
ซึ่งปัจจัยที่ก่อให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงประกอบด้วย ปัจจัยภำยนอกและปัจจัยภำยใน
ก. ปัจจัยภายนอก ได้แก่
1 . ก ำ ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ท ำ ง สั ง ค ม แ ล ะ วั ฒ น ธ ร ร ม
คว ำมคำด ห วัง ข อ ง ผู้ป ก ค รอ ง คว ำมต้อง ก ำรข อ ง น ำยจ้ำง ค ว ำมต้อ ง กำร ข อง สั ง ค ม
ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงผู้ใหญ่กับเด็ก และอุดมคติของสังคม
2.กำรเปลี่ยนแปลงระบบกำรศึกษำและหลักสูตร ซึ่งประกอบด้วย นโยบำยกำรศึกษำ
ระบบกำรสอน อำนำจในกำรตัดสินใจของท้องถิ่น ผู้จบกำรศึกษำที่สอดคล้องกับควำมต้องกำรของสังคม
เป็นต้น
3. กำรเปลี่ยนแปลงเนื้อหำวิชำ กำรจัดกำรเรียนกำรสอนให้สอดคล้องกับยุคสมัย
4. กำรเพิ่มศักยภำพของครูอำจำรย์ ในกำรเรียนกำรสอนให้เหมำะสมกับยุคสมัย
5. กำรนำทรัพยำกรใช้ในโรงเรียน เพื่อพัฒนำกำรจัดกำรเรียนกำรสอน
ข. ปัจจัยภายใน ได้แก่
1. เจตคติ ควำมสำมำรถและควำมต้องกำรทำงกำรศึกษำของนักเรียน
2 . ค่ ำ นิ ย ม เ จ ต ค ติ ทั ก ษ ะ ป ร ะ ส บ ก ำ ร ณ์ ข อ ง ค รู
ที่เป็นจุดเด่นและจุดด้อยของกำรจัดกำรเรียนกำรสอน
3 . ค ว ำ ม ค ำ ด ห วัง ข อ ง โ ร ง เ รี ย น โ ค ร ง ส ร้ ำ ง ก ำ ร บ ริ ห ำ ร ง ำ น
ก ำ ร ก ร ะ จ ำ ย อ ำ น ำ จ ก ำ ร บ ริ ห ำ ร ก ำ ร ศึ ก ษ ำ วิ ธี จัด ป ร ะ ส บ ก ำ ร ณ์ ใ ห้ นั ก เรี ย น
แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของนักเรียนบรรทัดฐำนทำงสังคม กำรจัดกำรกับกำรเปลี่ยนแปลงที่ไม่พึงประสงค์
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 21
4 . วั ส ดุ อุ ป ก ร ณ์ ท รั พ ย ำ ก ร ง บ ป ร ะ ม ำ ณ แ ผ น ง ำ น
และศักยภำพในกำรจัดกำรเรียนกำรสอนของโรงเรียน
5. กำรยอมรับและกำรรับรู้ปัญหำที่เกิดขึ้นจำกกำรนำหลักสูตรมำใช้
ขั้ น ต อ น ที่ 2 ก า ร ก า ห น ด วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ( Define Objectives)
ก ำ ร วิ เ ค ร ำ ะ ห์ ส ถ ำ น ก ำ ร ณ์ ใ น ขั้ น ต อ น ที่ 1
เพื่อนำไปกำหนดวัตถุประสงค์ซึ่งกำรกำหนดวัตถุประสงค์แปลงเปลี่ยนไปตำมปัจจัยภำยนอกและภำยใน
สะ ท้อน ควำมเป็ น จริง ของส ถำน กำรณ์ ที่เป็ น อยู่ สอดคล้องกับ ค่ำนิ ยม ทิศทำง ที่กำห น ด
ร ว ม ทั้ ง ผ ล ลั พ ธ์ ที่ ค ำ ด ห วั ง จ ำ ก ก ำ ร จั ด ก ำ ร ศึ ก ษ ำ
กำรกำหนดวัตถุประสงค์ควรเขียนในลักษณะกำรเรียนรู้ที่คำดหวังจำกนักเรียนและกระบวนกำรจัดกำรเรียนกำร
ส อ น ข อ ง ค รู ที่ ใ ห้ บ ร ร ลุ วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์
ซึ่ ง กำรกำห น ดวัตถุป ระ สง ค์ป ระ กอบด้วยวัตถุป ระ สง ค์ทั่วไปกับ วัตถุป ระ ส ง ค์เฉพ ำะ
ในกำรกำหนดวัตถุประสงค์ต้องเกิดจำกกำรมีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้องเช่น นักเรียน ครู ผู้ปกครอง ชุมชน
และนักวิชำกำร เป็นต้น
ขั้นตอนที่ 3การออกแบบการจัดการเรียนการสอน (Designtheteachinglearning programme)
เป็ น กำรออกแบบกำรเรียน กำรสอนต้องให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกำรจัดกำรศึกษำ
โ ร ง เ รี ย น ต้ อ ง ต อ บ ค ำ ถ ำ ม พื้ น ฐ ำ น เ ช่ น จ ะ ส อ น อ ะ ไ ร
และนักเรียนจะเรียนรู้อะไรซึ่งต้องศึกษำเอกสำรที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับรำยวิชำที่นำมำจัดกำรเรียนกำรสอน
กำรกำหนดแบบแผนกำรสอนและกำรเรียนรู้เกี่ยวข้องกับกำรตัดสินใจในเรื่องต่ำงๆ ดังนี้
3.1ข้อมูลพื้นฐำน หรือทิศทำงของหลักสูตรที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลำง
เป็นวิชำบังคับหรือวิชำเลือกตำมควำมสนใจ
3.2 กำรจัดกลุ่มและกำรบูรณำกำรของสำระวิชำต่ำงๆ
3.3 ก ำร จัด ก ลุ่ม นั ก เ รี ย น ซึ่ ง อ ำจ จัด ต ำม ค ว ำ มส น ใ จ ข อ ง นั ก เรี ย น
จัดให้เด็กเรียนเก่งเรียนด้วยกันและไม่เก่งเรียนด้วยกัน หรือจัดให้เด็กที่มีควำมสนใจต่ำงกันเรียนด้วยกัน
3.4 ควำมสัมพันธ์ของวิชำต่ำงๆ กับเป้ำหมำยของหลักสูตร
3.5 กำรเรียงลำดับของเนื้อหำกำรสอน
3.6 สถำนที่ ทรัพยำกร อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้ำ
3.7 ออกแบบวิธีกำรจัดกำรเรียนกำรสอน
3.8 แต่งตั้งคณะทำงำน
3.9 จัดทำตำรำงและกิจกรรมในกำรปฏิบัติงำน
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 22
ขั้ น ต อ น ที่ 4 ก าร น าห ลั ก สู ต ร ไป ใช้ ( Interpret and implement the programme)
กำรวำงแผนและกำรออกแบบหลักสูตรก็เพื่อให้หลักสูตรนั้นนำไปสู่กำรปฏิบัติให้บังเกิดผลตำมวัตถุประสงค์ที่ว
ำงไว้ซึ่งดูจำกผลกำรประเมินผลลัพธ์สุดท้ำยว่ำกำรเรียนกำรสอนเป็ นไปตำมควำมต้องกำรหรือไม่
มี แ ผ น ง ำ น ใ ด ที่ มี ค ว ำ ม พ ร้ อ ม ม ำ ก ที่ สุ ด แ ล ะ รั บ ร อ ง คุ ณ ภ ำ พ ไ ด้ ดั ง นั้ น
ครูต้องมีจิตสำนึกใน ควำมเป็ นมืออำชีพ ที่ต้องติดตำมควบคุม ดูแล และประเมินผลอย่ำงสม่ำเสมอ
เ พื่ อ พิ จ ำ ร ณ ำ ว่ำ สิ่ ง ที่ อ อ ก แ บ บ แ ล ะ ด ำ เ นิ น ก ำ ร อ ยู่ มี ป ร ะ โ ย ช น์ คุ้ ม ค่ ำ
กำรพัฒ น ำหลักสู ตรโรงเรียน จำกบุคคลใดบุคคลหนึ่ ง เช่น ผู้บริหำรโรง เรียน หัวหน้ำภ ำค
อำจไม่ประสบควำมสำเร็จเนื่ องจำกปั ญหำกำรขำดกำรเอำใจใส่จำกครู ผู้ที่มีส่วน เกี่ยวข้อง
ดั ง นั้ น ก ำร บ ริ ห ำ ร ห ลั ก สู ต ร ที่ ท ำ ใ ห้ เกิ ด ก ำร ย อ ม รั บ แ ล ะ น ำ ไ ป ใ ช้ ไ ด้ จ ริ ง ๆ
ต้องดำเนินกำรโดยผู้ที่อยู่ในโรงเรียนซึ่งก็คือครูนั่นเองครูเป็นผู้ที่ใกล้ชิดและทรำบข้อมูลเกี่ยวกับควำมสนใจ
ค ว ำ ม ต้ อ ง ก ำ ร ข อ ง นั ก เ รี ย น เ ป็ น อ ย่ ำ ง ดี ดั ง นั้ น
กำรปฏิบัติเพื่อพัฒนำหลักสูตรต้องเหมำะสมและต้องสอดคล้องกับศักยภำพของครู กำรนำไปใช้ขึ้นอยู่กับครู
ครูต้องเป็นบุคลำกรหลักในกำรออกแบบและกำรนำไปใช้นั่นคือ ครูต้องเป็นผู้พัฒนำหลักสูตรดัวยตนเอง
ดีกว่ำรูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรที่บุคคลอื่นเป็นผู้จัดทำให้
ขั้นตอนที่ 5การประเมินการเรียนรู้และการประเมินผลหลักสูตร (Assessand evaluate)
กำรประเมินกำรเรียนรู้ (Assessment) เป็นกำรตัดสินคุณค่ำในศักยภำพกำรเรียนรู้และกำรปฏิบัติของผู้เรียนรู้
ส่วนกำรประเมินผล (Evaluation) หมำยถึงกำรรวบรวมหลักฐำนเพื่อนำมำตัดสินคุณค่ำเกี่ยวกับหลักสูตร
ซึ่งประกอบด้วย กำรวำงแผน กำรออกแบบ กำรนำไปใช้รวมทั้งผลกำรปฏิบัติหรือผลกำรเรียนรู้ของผู้เรียน
ซึ่งกำรประเมินกำรปฏิบัติของผู้เรียนเป็นกำรกำหนดเกณฑ์ที่ผู้เรียนต้องบรรลุ เช่น กำรกำหนดชิ้นงำน
ก ำ ร สั ง เ ก ต ก ำ ร บั น ทึ ก ก ำ ร ท ำ ง ำ น ก ำ ร ส อ น ก ำ ร ร ำ ย ง ำ น ผ ล
กำรป ระ เมิน ก ำรเรี ยน รู้ข อ ง ผู้เรี ยน ต้อ ง มีแน วท ำง ที่ ห ลำก ห ลำย เพื่ อ ใ ห้ ค รอ บ ค ลุ ม
รวมทั้งเป็นกระบวนกำรที่ต่อเนื่องทุกครั้ง ดังนั้น กำรประเมินจึงไม่ใช่กิจกรรมที่กระทำรวบยอดครั้งเดียว
แ ต่ เ ป็ น ก ำ ร ป ร ะ เ มิ น เ พื่ อ พั ฒ น ำ ผู้ เ รี ย น
รวม ทั้ ง ผู้ออ ก แ บ บ ห ลัก สู ต รด้ว ยก ำรก ระ ท ำเช่น นี้ เป็ น วง จรต่อ เนื่ อง กัน ไ ป เรื่ อ ย ๆ
เพื่อนำไปสู่กำรปรับปรุงผู้เรียนและหลักสูตรให้ดียิ่งขึ้น
รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรตำมแนวคิดของสกิลเบ็กแสดงดังภำพประกอบ 8ดังนี้
1.กำ 1. วิเครำะห์สถำนกำรณ์
( Analyse the situation)
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 23
ภำพประกอบ 8 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรตำมแนวคิดของสกิลเบ็ก ( Skilbeck , 1984 :230-239 )
5.1.6 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของวอล์คเกอร์ (Decker Walker)
เ ด ค เ ก อ ร์ ว อ ล์ ค เ ก อ ร์ ( Decker Walker)
ป ฏิ เ ส ธ แ น ว คิ ด ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร ด้ ว ย ก ำ ร ก ำ ห น ด สิ่ ง ต่ ำ ง ๆ
ที่เกี่ยวกับหลักสูตรด้วยกำรอธิ บำยเชิงเหตุผลโดยปรำศจำกกำรค้น คว้ำหำข้อเท็จจริงมำก่อน
วิธีกำรของวอล์คเกอร์เป็นวิธีกำรศึกษำแบบประจักษ์นิยม(Epiricalism) หรือเป็นวิธีกำรศึกษำแบบธรรมชำติ
(Naturalistic model) ซึ่ ง เป็ น วิธี กำรที่เป็ น กำรแสวงห ำข้อเท็จจริง จำกปรำกฏกำรณ์ ทำงสัง คม
และผ่ำนกระบวนกำรพิจำรณำไตร่ตรองอย่ำงเหมำะ สมก่อน กำรตัดสิน ใจออกแบบหลักสูตร
ส่วนผลกำรพิจำรณำจะออกมำเช่นไรก็ยอมรับตำมสภำพกำรณ์ซึ่งเป็นวิธีคล้ำยกับเติบโตของสิ่งต่ำงๆ
ในธรรมชำติ (Marsh , 1986 , curricula ; An Analytical Introduction :53-57)
รู ป แ บ บ ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร ต ำ ม แ น ว คิ ด ข อ ง ว อ ล์ ค เ ก อ ร์
แบ่งเป็นกระบวนกำรพัฒนำหลักสูตรออกเป็น 3ขั้นตอน คือ (Walker , 1971,curriculum TheoryNetwork: 58-
59)
2.กำรกำหนดวัตถุประสงค์
( Define Objectives)
3.กำรออกแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอน
( Design theteaching –learning programme)
4.กำรนำหลักสูตรไปใช้
( Interpretand implement the programme )
5.กำรประเมินกำรเรียนรู้และกำรประเมินหลักสูตร
( Assess and evaluate )
กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 24
ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ซึ่งได้มำจำกกำรศึกษำเชิงประจักษ์ที่ได้จำกมุมมองต่ำงๆ
ควำมเชื่อค่ำนิยมทฤษฎีแนวคิดเป้ำหมำยเพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐำนในกำรพิจำรณำสร้ำงหลักสูตรต่อไปในอนำคต
ทั้งนี้ มีควำมจำเป็นที่ต้องวิเครำะห์ปัญหำต่ำงๆ ไว้ล่วงหน้ำซึ่งเป็นประโยชน์ในกำรดำเนินกำรขั้นต่อไป
ขั้ น ต อ น ที่ 2 ก า ร พิ จ า ร ณ า ไ ต ร่ ต ร อ ง ( Deliberates)
ซึ่งเป็นกำรนำข้อมูลพื้นฐำนทั่วไปที่ได้จำกกำรวิเครำะห์ปัญหำต่ำงเข้ำมำสู่กระบวนกำรปรึกษำหรือกำรอภิปรำย
กำรวิพำกษ์วิจำรณ์เพื่อพิจำรณำทำงเลือกต่ำงๆ ก่อนที่จะออกแบบหลักสูตร โดยกำรถ่วงน้ำหนักทำงเลือกต่ำงๆ
(eight alternatives) ในทุกๆ ด้ำนอย่ำงเป็นรูปธรรม ทั้งในเชิงต้นทุน ค่ำใช้จ่ำยและประโยชน์ที่ได้รับมำ
กำรพิ จำรณ ำท ำง เลือ กนี้ จะ ก่อใ ห้ เกิดควำม ไม่แน่ ใ จว่ำเป็ น ท ำง เลือก ที่ ดีที่ สุ ด ดัง นั้ น
จึงสำมำรถที่จะยอมรับหรือปฏิเสธได้อย่ำงเต็มที่ก่อนกำรกำหนดทิศทำงที่ถูกต้องในกำรออกแบบหลักสู ตรต่อไ
ป
ขั้ น ต อ น ที่ 3 ก า ร อ อ ก แ บ บ ห ลั ก สู ต ร ( Curriculum design)
เ ป็ น ก ำ ร วิ นิ จ ฉั ย เ กี่ ย ว กั บ ส ำ ร ะ ส ำ คั ญ ข อ ง ห ลั ก สู ต ร ก่ อ น
โ ด ย ค ำ นึ ง ถึ ง อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ อ ย่ำ ง ร อ บ ด้ ำน ข อ ง ก ร ะ บ ว น ก ำ ร พั ฒ น ำห ลั ก สู ต ร
ซึ่ ง ไ ม่ ก ำ ห น ด รู ป แ บ บ ห ลั ก สู ต ร ไ ว้ ล่ ว ง ห น้ ำ
แต่ใ ช้ใ น ก ำรแส วง ห ำควำมเห มำะ ส มที่ส อ ดคล้อง กับ ค วำมเ ป็ น จริ ง ขอ ง สถ ำน กำรณ์
เป็ น ก ำรเลือ กที่ ผ่ำน ก ำรก ลั่น ก รอง ม ำแ ล้ว แ ละ มีควำมชัด เจน ใ น อง ค์ ประ กอ บ ต่ำง ๆ
โด ยสำมำรถชี้ เฉ พ ำะ เจำะ จง ควำมต้อ ง กำรห ลักสู ตรขอ ง ชุม ช น ได้ชัด เจน ม ำกยิ่ง ก ว่ำ
รูปแบบของหลักสูตรเชิงวัตถุประสงค์กำรออกแบบหลักสูตรเชิงพลวัตเป็นพรรณนำควำมเชื่อมโยงจำกข้อมูลพื้
นฐำน โดยนำตัวแปรต่ำงๆ ที่เกี่ยวข้องมำสู่กระบวนกำรพิจำรณำไตร่ตรองอย่ำงรอบคอบ (Deliberations)
ซึ่งเป็นกำรเลือกวิธีที่ดีที่สุดจำกนั้นเริ่มก้ำวไปสู่จุดสุดท้ำย คือ กำรออกแบบหลักสูตรที่มีลักษณะเฉพำะเจำะจง
รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรตำมแนวคิดของวอล์คเกอร์ แสดงดังภำพประกอบ 9
ควำมเชื่อค่ำนิยม
ทฤษฎี
แนวคิด เป้ำหมำย
ข้อมูลพื้นฐำนทั่วไป
(Platform )
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4
บทที่ 4

More Related Content

What's hot

สรุปเนื้อหาวิชาการพัฒนาหลักสูตรก่อนสอบระหว่างภาค
สรุปเนื้อหาวิชาการพัฒนาหลักสูตรก่อนสอบระหว่างภาคสรุปเนื้อหาวิชาการพัฒนาหลักสูตรก่อนสอบระหว่างภาค
สรุปเนื้อหาวิชาการพัฒนาหลักสูตรก่อนสอบระหว่างภาคkruskru
 
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับหลักสูตร
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับหลักสูตรความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับหลักสูตร
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับหลักสูตรtanongsak
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9Pateemoh254
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9kanwan0429
 
ปรัชญาและการพัฒนาหลักสูตร
ปรัชญาและการพัฒนาหลักสูตรปรัชญาและการพัฒนาหลักสูตร
ปรัชญาและการพัฒนาหลักสูตรPateemoh254
 
ความหมาย ความสำคัญของหลักสูตร
ความหมาย ความสำคัญของหลักสูตรความหมาย ความสำคัญของหลักสูตร
ความหมาย ความสำคัญของหลักสูตรmaturos1984
 
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์
 
ทฤ.หลักสูตร
ทฤ.หลักสูตรทฤ.หลักสูตร
ทฤ.หลักสูตรTawatchai Bunchuay
 
การพัฒนาหลักสูตร
การพัฒนาหลักสูตรการพัฒนาหลักสูตร
การพัฒนาหลักสูตรJiraprapa Suwannajak
 

What's hot (9)

สรุปเนื้อหาวิชาการพัฒนาหลักสูตรก่อนสอบระหว่างภาค
สรุปเนื้อหาวิชาการพัฒนาหลักสูตรก่อนสอบระหว่างภาคสรุปเนื้อหาวิชาการพัฒนาหลักสูตรก่อนสอบระหว่างภาค
สรุปเนื้อหาวิชาการพัฒนาหลักสูตรก่อนสอบระหว่างภาค
 
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับหลักสูตร
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับหลักสูตรความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับหลักสูตร
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับหลักสูตร
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 
ปรัชญาและการพัฒนาหลักสูตร
ปรัชญาและการพัฒนาหลักสูตรปรัชญาและการพัฒนาหลักสูตร
ปรัชญาและการพัฒนาหลักสูตร
 
ความหมาย ความสำคัญของหลักสูตร
ความหมาย ความสำคัญของหลักสูตรความหมาย ความสำคัญของหลักสูตร
ความหมาย ความสำคัญของหลักสูตร
 
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
 
ทฤ.หลักสูตร
ทฤ.หลักสูตรทฤ.หลักสูตร
ทฤ.หลักสูตร
 
การพัฒนาหลักสูตร
การพัฒนาหลักสูตรการพัฒนาหลักสูตร
การพัฒนาหลักสูตร
 

Similar to บทที่ 4

Similar to บทที่ 4 (20)

บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4
 
การนิเทศแบบสอนแนะิ Coaching
การนิเทศแบบสอนแนะิ Coachingการนิเทศแบบสอนแนะิ Coaching
การนิเทศแบบสอนแนะิ Coaching
 
9 170819173701
9 1708191737019 170819173701
9 170819173701
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 
9 170819173701
9 1708191737019 170819173701
9 170819173701
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 
9 170819173701
9 1708191737019 170819173701
9 170819173701
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 
9 170819173701
9 1708191737019 170819173701
9 170819173701
 
9 170819173701
9 1708191737019 170819173701
9 170819173701
 
9 170819173701
9 1708191737019 170819173701
9 170819173701
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4
 

More from Theerayut Ponman (20)

บทที่ 11
บทที่ 11บทที่ 11
บทที่ 11
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 
บทที่ 8
บทที่ 8บทที่ 8
บทที่ 8
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7
 
บทที่ 6
บทที่ 6บทที่ 6
บทที่ 6
 
บทที่ 5
บทที่ 5บทที่ 5
บทที่ 5
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4
 
บทที่ 3
บทที่ 3บทที่ 3
บทที่ 3
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บรรณานุกรม
บรรณานุกรมบรรณานุกรม
บรรณานุกรม
 
บทที่ 11
บทที่ 11บทที่ 11
บทที่ 11
 
บทที่ 10
บทที่ 10บทที่ 10
บทที่ 10
 
บทที่ 8
บทที่ 8บทที่ 8
บทที่ 8
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7
 
บทที่ 6
บทที่ 6บทที่ 6
บทที่ 6
 
บทที่ 5
บทที่ 5บทที่ 5
บทที่ 5
 
บทที่ 3
บทที่ 3บทที่ 3
บทที่ 3
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 

บทที่ 4

  • 1. บทที่ 4 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร มโนทัศน์(Concept) คุณ ส มบั ติ ที่ ส ำคั ญ ที่ สุ ด ข อ ง ห ลัก สู ต ร คือ ห ลัก สู ต ร ค วำมเป็ น พ ล วัต และปรับเปลี่ยนไปตำมควำมต้องกำรและควำมเปลี่ยนแปลงของสังคม จำกคุณสมบัติดังกล่ำว กำรพัฒนำหลักสูตรจึงเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นอย่ำงต่อเนื่อง ตลอดเวลำที่สภำพสังคมเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น กำรจัดกำรศึกษำให้สนองควำมต้องกำรของสังคมที่เปลี่ยนแปลงจึงเป็ นสิ่งจำเป็ น และกำรเปลี่ยนแปลงหลักสูตรในลักษณะของกำรพัฒนำหลักสูตรเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผลการเรียนรู้(Learning Outcome) 1. มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับควำมหมำยของกำรพัฒนำหลักสูตร 2. มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจ หลักกำร รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตร สาระเนื้อหา(Content) รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร รูปแบบของกำรพัฒนำหลักสูตรส่วนมำกจะพัฒนำมำจำกแนวคิดของนักกำรศึกษำชำวต่ำงป ร ะ เ ท ศ ซึ่ ง แ ต่ ล ะ รู ป แ บ บ จ ะ มี ร ำ ย ล ะ เ อี ย ด ที่ แ ต ก ต่ ำ ง กั น ไ ป แต่กระบวนกำรและขั้นตอนควรประกอบด้วยกำรศึกษำวิเครำะห์ข้อมูลพื้นฐำนที่ซึ่งประกอบด้วยปรัช ญ ำก ำ ร ศึ ก ษ ำ ผู้ เรี ย น สั ง ค ม ส ภ ำพ แ ว ด ล้ อ มแ ล ะ เ ท ค โ น โ ล ยี แ ล ะ อื่ น ๆ เพื่อนำมำกำหนดจุดมุ่งหมำยเลือกเนื้อหำสำระและประสบกำรณ์กำรเรียนรู้จัดลงในหลักสูตร แล้วนำหลักสูตรไปทดลองใช้เพื่อหำข้อบกพร่องเพื่อนำมำแก้ไขหลักสูตรที่สมบูรณ์และนำไปใช้ สุดท้ำยทำกำรประเมินผลหลักสูตรและนำผลจำกกำรประเมินไปปรับปรุงแก้ไขหลักสูตรต่อไป กระบวนกำรพัฒนำหลักสูตรจะเป็นไปอย่ำงต่อเนื่องอย่ำงเป็น วัฏจักร
  • 2. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 2 1. ความหมายของการพัฒนาหลักสูตร กำรพัฒนำหลักสูตรเป็ นภำรกิจที่สำคัญและกว้ำงขวำง จึงมีผู้ให้ควำมหมำยของคำว่ำ กำรพัฒนำหลักสูตรเกิดขึ้นกำรพัฒนำหลักสูตรไว้หลำยกรณี เช่น กู๊ด (Good,1973:157-158) ได้ให้ควำมเห็นว่ำ กำรพัฒนำหลักสูตรเกิดขึ้นได้ 2ลักษณะ คือ กำรปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงหลักสูตรกำรปรับปรุงหลักสูตรเป็นวิธีกำรพัฒนำหลักสูตรอย่ำงหนึ่ง เพื่อให้เหมำะกับโรงเรียนและ ระบบโรงเรียน จุดมุ่งหมำยของกำรสอน วัสดุอุปกรณ์ วิธี ก ำร ส อ น ร ว ม ทั้ ง ป ร ะ ม ว ล ผ ล ส่ ว น ค ำว่ำ ก ำร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ห ลัก สู ต ร หมำยถึงกำรแก้ไขหลักสูตรให้แตกต่ำงไปจำกเดิม เป็นกำรสร้ำงโอกำสทำงกำรเรียนขึ้นใหม่ เ ช ย์ เ ล อ ร์ แ ล ะ อ เ ล็ ก ซ ำ น เ ด อ ร์ ( Saylor and Alexander, 1974: 7) ให้คำจำกัดควำมหมำยของกำรพัฒนำหลักสูตรว่ำหมำยถึงกำรจัดทำหลักสูตรเดิมที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น ห รื อ เ ป็ น ก ำ ร จั ด ท ำ ห ลั ก สู ต ร ใ ห ม่โ ด ย ไ ม่มี ห ลั ก สู ต ร เ ดิ ม อ ยู่ ก่อ น กำรพัฒนำหลักสูตรอำจหมำยรวมถึงกำรสร้ำงเอกสำรอื่นสำหรับนักเรียนด้วย ท ำ บ ำ ( Taba, 1962 : 454) ไ ด้ ก ล่ ำ ว ไ ว้ ว่ำ ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร หมำยถึงกำรเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงสูตรเดิมให้ได้ผลดียิ่งขึ้นทั้งในด้ำนกำรวำงจุดม่งหมำย ก ำร จัด เนื้ อ ห ำวิช ำ ก ำร เ รี ย น ก ำร ส อ น ก ำ ร วัด แ ล ะ ก ำ รป ระ เมิ น ผ ล อื่ น ๆ เ พื่ อ ใ ห้ บ ร ร ลุ ถึ ง จุ ด ม่ ง ห ม ำ ย อั น ใ ห ม่ ที่ ว ำ ง ไ ว้ กำรเปลี่ยน แปลงห ลักสูตรเป็ น กำรเปลี่ยน แปลงทั้งระ บบห รือเปลี่ยน แปลงทั้งห มด ตั้ ง จุ ด มุ่ ง ห ม ำ ย แ ล ะ วิ ธี ก ำ ร และกำรเปลี่ยนแปลงหลักสูตรนี้จะมีผลกระทบทำงด้ำนควำมคิดและควำมรู้สึกของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ำ ย ส่ ว น ก ำ ร ป รั บ ป รุ ง ห ลั ก สู ต ร หมำยถึงกำรเปลี่ยนแปลงหลักสูตรเพียงบำงส่วนโดยไม่เปลี่ยนแปลงแนวควำมคิดพื้นฐำนหรือรูปแบ บของหลักสูตร สงัด อุทรำนันท์ (2532:30) กล่ำวว่ำกำรพัฒนำหลักสูตรมีควำมหมำยอยู่2ลักษณะ คือ 1. ก ำ ร ท ำ ห ลั ก สู ต ร ที่ มี อ ยู่แ ล้ ว ใ ห้ ดี ขึ้ น ห รื อ ส ม บู ร ณ์ ขึ้ น แ ล ะ 2 . กำรสร้ำงหลักสูตรขึ้นมำใหม่โดยไม่มีหลักสูตรเดิมเป็นพื้นฐำน วิชัย วงษ์ใหญ่(2525: 10) กล่ำวว่ำ กำรพัฒนำหลักสูตรคือกำรพยำยำมวำงโครงกำร ที่ จ ะ ช่ ว ย ใ ห้ นั ก เ รี ย น ไ ด้ เ รี ย น รู้ ต ร ง ต ำ ม จุ ด มุ่ง ห ม ำ ย ที่ ก ำ ห น ด ไ ว้ หรือกำรพัฒนำหลักสู ตรและกำรสอน ระบบโครงสร้ำงของกำรจัดโปรแกรมก ำรสอน กำรกำหนดจุดมุ่งหมำย เนื้อหำสำระ กำรปรับปรุงตำรำ แบบเรียน คู่มือครู และสื่อกำรเรียนต่ำงๆ ก ำ ร วัด แ ล ะ ก ำ ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล ก ำ ร ใ ช้ ห ลั ก สู ต ร ก ำ ร ป รั บ ป รุ ง แ ก้ ไ ข
  • 3. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 3 และกำรให้กำรอบรมครูผู้ใช้หลักสูตรให้เป็นไปตำมวัตถุประสงค์ของกำรพัฒนำหลักสูตรและกำรสอ น รวมทั้งกำรบริกำรและกำรบริหำรหลักสูตร ในกำรพัฒนำหลักสูตร เซย์เลอร์และอเล็กซำนเดอร์ (Saylor and Alexander,1974: 8-9) ชี้ให้เห็นว่ำกำรจัดทำหรือพัฒนำหลักสูตรนั้นมีงำนที่ต้องทำสำคัญๆ อยู่3 ประกำร คือ 1 . กำรพิจำรณำและกำรกำหนดเป้ำหมำยเบื้องต้นที่สำคัญของหลักสูตรที่จัดทำนั้นว่ำมีเป้ำหมำยเพื่ออะไร ทั้งโดยส่วนรวมและส่วนย่อยของหลักสูตรนั้นๆ อย่ำงเด่นชัด 2. กำรเลือกกิจกรรมกำรเรียน กำรสอนและวัสดุประกอบกำรเรียน กำรสอน กำร เลื อ ก ส ร รเนื้ อ ห ำเพื่ อ ส ำระ เพื่ อ ก ำร อ่ำน ก ำร เขี ยน ก ำรท ำแ บ บ ฝึ ก หั ด และหัวข้อสำหรับกำรอภิปรำยตลอดจนกิจกรรมทั้งในและนอกห้องเรียน เป็นต้น 3. กำรกำห น ดระ บ บกำรจัดวัส ดุอุป กรณ์ และ กำรจัดกำรเรี ยน กำรสอ น ตลอดทั้งกำรทดลองที่เป็นประโยชน์ เหมำะสมกับกำรเรียนกำรสอนแต่ละวิชำและแต่ละชั้นเรียน บำงครั้งเรำจะพบว่ำกำรพัฒนำหลักสูตรเป็นกระบวนกำรหรือขั้นตอนของกำรตัดสินใจเลือ กหำทำงเลือกทำงกำรเรียนกำรสอนที่เหมำะสมหรือเป็นที่รวบรวมของทำงเลือกที่เหมำะสมต่ำงๆ เ ข้ ำ ด้ ว ย กั น จ น เ ป็ น ร ะ บ บ ที่ ส ำ ม ำ ร ถ ป ฏิ บั ติ ไ ด้ และถ้ำหำกหลักสูตรมุ่งที่จะกำหนดสำหรับผู้เรียนหลำยกลุ่มหลำยประเภทโดยใช้วิธีกำรต่ำงๆ และโอกำสต่ำงๆ กันแล้วนักพัฒนำหลักสูตรต้องคำนึงถึงภูมิหลักขององค์ประกอบต่ำงๆ อย่ำง ละ เอียด และ รอ บค อบ ก่อน จะ ตัดสิ น ใ จเลื อกท ำง เลือก ใด ทำง เลื อกห นึ่ ง และเมื่อตัดสินใจเลือกแล้วก็ต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นซึ่งอำจมีผลกระทบต่อสิ่งอื่นๆ เป็ น วัฏจักร 2. หลักการพัฒนาหลักสูตร จำกควำมคิดเห็นของนักกำรศึกษำในเรื่องของควำมหมำยของกำรพัฒนำหลักสูตรที่กล่ำวมำ จ ะ เ ห็ น ไ ด้ ว่ำ ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร เ ป็ น ก ร ะ บ ว น ก ำ ร ที่ มี ขั้ น ต อ น ๆ อย่ำงเป็นระบบระเบียบและเพื่อให้งำนกำรพัฒนำหลักสูตรดำเนินไปสู่จุดมุ่งหมำยของกำรพัฒนำอย่ำง แท้จริงเรำจึงต้องคำนึงถึงหลักในกำรพัฒนำหลักสูตร 1. กำรพัฒนำหลักสูตรจำเป็นต้องมีผู้นำที่เชี่ยวชำญและมีควำมสำมำรถในงำนพัฒนำหลักสูตรเป็นอย่ำงดี
  • 4. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 4 2. กำรพัฒนำหลักสูตรจำเป็นต้องได้รับควำมร่วมมือและกำรประสำนงำนอย่ำงดีจำกบุคคลที่เกี่ยวข้องทุก ฝ่ำยทุกระดับ 3. กำรพัฒนำหลักสูตรจำเป็นต้องมีกำรดำเนินกำรเป็ นระบบระเบียบแบบแผนต่อเนื่องกันไป เริ่มตั้งแต่กำรวำงจุดมุ่งหมำยในกำรพัฒนำหลักสูตรนั้นจนถึงกำรประเมินผลกำรพัฒนำหลักสูตรในกำ รดำเนินงำนจะต้องคำนึงถึงจุดเริ่มต้นในกำรเปลี่ยนแปลงว่ำ กำรพัฒนำหลักสูตรที่จุดใด จะเป็นกำรพัฒนำส่วนย่อยหรือกำรพัฒนำทั้งระบบ และจุดดำเนินกำรอย่ำงไรในขั้นต่อไป สิ่งเหล่ำนั้นเป็นสิ่งที่ผู้มีหน้ำที่ในกำรพัฒนำหลักสูตรไม่ว่ำจะเป็นผู้เชี่ยวชำญทำงด้ำนกำรจัดหลักสูตร ค รู ผู้ ส อ น ห รื อ นั ก วิ ช ำ ก ำ ร ท ำ ง ด้ ำ น ก ำ ร ศึ ก ษ ำ แ ล ะ บุ ค ค ล ต่ ำ ง ๆ ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง จ ะ ต้ อ ง ร่ ว ม มื อ กั น พิ จ ำ ร ณ ำ อ ย่ ำ ง ร อ บ ค อ บ และดำเนินกำรอย่ำงมีระเบียบระบบแบบแผนทีละขั้นตอน 4. ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร จ ะ ต้ อ ง ร ว ม ถึ ง ผ ล ง ำ น ต่ ำ ง ๆ ทำงด้ำนหลักสูตรที่ได้สร้ำงขึ้นมำใหม่อย่ำงมีประสิทธิภำพ ไม่ว่ำจะเป็นเอกสำรหลักสูตร เนื้อหำวิชำ กำรทำกำรทดสอบหลักสูตรกำรนำหลักสูตรไปใช้ หรือกำรจัดกำรเรียนกำรสอน 5. กำรพัฒนำหลักสูตรที่มีประสิทธิภำพจะต้องมีกำรฝึกฝนอบรมครูประจำกำรให้มีควำมเข้ำใจในหลักสู ตรใหม่ควำมคิดใหม่ แนวทำงกำรจัดกำรเรียนกำรสอนตำมหลักสูตรใหม่ 6.กำรพัฒ น ำหลักสู ตรจะ ต้องคำนึ งถึงประ โยช น์ ใน ด้ำน กำรพัฒน ำจิตใ จ และทัศนคติของผู้เรียนด้วย 3. ผลที่ได้จากการพัฒนาหลักสูตร กำรพัฒ น ำห ลักสู ต รเป็ น ง ำน ที่มีกระ บ วน กำรแล ะ ขั้น ต อน ที่ ซับซ้อ น และเป็นงำนที่ต้องอำศัยผู้เชี่ยวชำญทำงด้ำนกำรจัดหลักสูตร นักวิชำกำร นักพัฒนำหลักสูตร ให้มำทำงำน ร่วมกัน กับบุคคลหลำยฝ่ ำย และต้องได้รับควำมร่วมมือจำกทุกฝ่ ำยด้วยดี กำรพัฒนำหลักสูตรจึงจะประสบควำมสำเร็จเมื่อกำรพัฒนำหลักสูตรสำเร็จลุล่วงตำมจุดหมำยแห่งกำร พัฒนำแล้วย่อมก่อให้เกิดประโยชน์ ดังนี้ 1.เป็ น กำรพัฒน ำกำรศึกษำของช ำติให้บรรลุตำมวัตถุประสงค์ตำมที่วำงไว้ เพื่อให้กำรศึกษำของชำติเป็นกำรศึกษำเพื่อพัฒนำผู้เรียนให้สอดคล้องกับควำมเจริญของสังคมและขอ งโลก
  • 5. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 5 2. เป็ นกำรพัฒนำระบบกำรศึกษำให้เจริญก้ำวหน้ำทันต่อกำรเปลี่ยนแปลงของสังคมและโลก โดยเฉพำะในยุคที่เรียกว่ำ โลกยุคโลกำภิวัตน์ 3. เพื่อให้ครูผู้สอนมีควำมรู้ควำมเข้ำใจและควำมสำมรถในกำรพัฒนำกำรเรียนกำรสอนแก่ผู้เรียนดังต่อไ ปนี้ 3.1 มีควำมสำมำรถเปลี่ยนกับทักษะในด้ำนต่ำงๆ 3.2 มีควำมรู้เพียงพอที่จะศึกษำในระดับสูงขึ้นไป 3.3 ประพฤติตนเป็นพลเมืองดีของสังคม 3.4 มีจิตใจและร่ำงกำยที่สมบูรณ์แข็งแรง 3.5 มีควำมเข้ำใจและรักษำควำมงำมตำมธรรมชำติ 3.6 มีวัฒนธรรมและศีลธรรมอันดีงำม 3.7 มีควำมสนใจและเชี่ยวชำญในด้ำนใดด้ำนหนึ่งเป็นพิเศษ 3.8 มีควำมสนใจในกำรดำรงชีวิตในสังคมได้อย่ำงเหมำะสม 3.9 มีควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำในชีวิตและในสังคมได้ 4. กระบวนการในการพัฒนาหลักสูตร ถ้ำหลักสูตรได้รับกำรพิจำรณำว่ำเป็นทุกสิ่งทุกอย่ำงซึ่งเกิดขึ้นในกำรวำงแผนกำรเรียนกำรส อนในสถำบันกำรศึกษำแล้ว กำรพัฒนำหลักสูตรก็จะเป็นกำรพัฒนำแผนเพื่อจัดโปรแกรมกำรศึกษำ ซึ่งหมำยถึงกำรให้นิยำมและกำรเลือกจุดประสงค์ของกำรศึกษำ เลือกประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ และกำรประเมินโปรแกรมกำรศึกษำ กำรพัฒนำหลักสูตรเป็ นงำนปฏิบัติมิใช่งำนทฤษฎี เป็นควำมพยำยำมที่จะออกแบบระบบ เพื่อให้ประสบควำมสำเร็จตำมจุดมุ่งหมำยของกำรศึกษำ และระบบนี้จะต้องเป็นประโยชน์ที่แท้จริงปรำกฏต่อสังคมและต่อมนุษย์ ซึ่งมีควำมมุ่งหมำย มี ค ว ำ ม ฝั ก ใ ฝ่ ใ น สิ่ ง ที่ ต น ช อ บ มี ก ล ไ ก ก ำ ร เ ค ลื่ อ น ไ ห ว ดั ง นั้ น ขั้นตอนที่จำเป็นขั้นแรกในกำรพัฒนำหลักสูตร คือ กำรตรวจและวิเครำะห์สถำนกำรณ์สำคัญๆ ซึ่ ง เ ป็ น ค ว ำ ม มุ่ ง ห ม ำ ย ป ล ำ ย ท ำ ง ข อ ง ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร คื อ กำรเปลี่ยนแปลงของนักเรียนและครู ครูที่กลำยเป็ น ผู้ที่มีควำมรู้มำกขึ้น มีทักษะมำกขึ้น แ ล ะ มี ค ว ำ ม ไ ม่ ห ยุ ด นิ่ ง ม ำ ก ขึ้ น ครูซึ่งมีคุณสมบัติดังกล่ำวนี้ จะ เป็ น ผู้ที่ให้บริกำรแก่นักเรียน ได้อย่ำงมีประ สิทธิภ ำพ รำยละเอียดต่อไปนี้จะกล่ำวถึงกำรดำเนินงำนพัฒนำหลักสูตร และแนวคิดกำรพัฒนำหลักสูตร
  • 6. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 6 แดเนี ยล แทน เน อร์ และลอร์เรล แทน เน อร์ (D. Tanner & L. Tanner. 1995 : 385) กล่ำวว่ำปัจจัยและอิทธิพ ลหลักสูตรมีปฏิสัมพัน ธ์จำกปรัชญำสังคม พ ฤติกรรมมนุ ษย์ และควำมรู้ที่ยิ่งใหญ่กว้ำงขวำงสิ่งเหล่ำนั้นมีอิทธิพลต่อผู้เรียนโดยแปรสภำพมำเป็นเนื้อหำวิชำสำหรับ กำรเรี ยน ก ำรส อน เพื่ อใ ห้ เกิดควำมเห มำะ สมกับ กำรพัฒ น ำคน ใน สัง คมให ม่ ซึ่งเรียกว่ำกระบวนกำรทัศน์ด้วยหลักสูตร มำร์ช และวิลลิส (Marsh& Willis.1995: 278) ได้สรุปแนวคิดในกำรพัฒนำหลักสูตร ว่ำ กระ บวน กำรพัฒ น ำห ลักสู ตรและ กำรเป ลี่ยน แปลงห ลักสู ตรแม้มีห ลำยแน วคิด แต่เมื่อสรุปรวมควำมคิดแล้วล้วนอยู่บนพื้นฐำนควำมต่อเนื่องเป็นอนุกรมโดยเริ่มจำกแรงกดดันและผ ลกระทบจำกปั จจัยบริบทและควำมก้ำวหน้ำทำงเทคโน โลยีสู่กำรปรับปรุงหลักสูตร ก ำร น ำห ลัก สู ต ร ไ ป สู่ส ถ ำบั น เพื่ อ ใ ช้จ ะ ไ ด้รั บ แ รง ก ด ดัน จำ ก ปั จ จัยต่ำง ๆ ทำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงปรับปรุงหลักสูตรขึ้นมำอีกในระยะต่อไปต่อเนื่องดังภำพประกอบ 2
  • 8. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 8 ใ น ก ำ ร ว ำ ง แ ผ น พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร เพื่อดำเนิน งำน พัฒนำหลักสูตรมีแรงผลักดันและปัจจัยอิทธิพลห ลำยระดับตั้งแต่ระดับโรงเรียน ร ะ ดั บ ชุ ม ช น ค ร อ บ ค รั ว สั ง ค ม ป ร ะ เ ท ศ ช ำ ติ จ น ถึ ง ร ะ ดั บ น ำ น ำ ช ำ ติ พลังผลักดันของสังคมเป็นตัวเร่งสำคัญในกำรวำงแผนหลักสูตร (ParkayW.and Glen Hass, 2000 : 275) องค์ประกอบในกำรดำเนินงำนพัฒนำหลักสูตรประกอบด้วยคณะกรรมกำรดำเนินงำนจัดทำหลักสูตร ศึ ก ษ ำ วิ เ ค ร ำ ะ ห์ ส ภ ำ พ ข อ ง สั ง ค ม ใ น ปั จ จุ บั น พร้อมทั้งวิเครำะห์หลักสูตรเดิมเพื่อนำข้อมูลที่ได้มำพิจำรณำร่วมกับข้อมูลพื้นฐำนต่ำงๆในกำรพัฒนำหลักสูตร ปรับปรุงแก้ไข แล้วกำหนดจุดประสงค์ใหม่ องค์ประกอบในแต่ล่ะส่วนจะมีควำมสัมพันธ์กันและเท่ำเทียมกัน จะขำดองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งไม่ได้ ได้แก่ 1. กำรกำหนดควำมมุ่งหมำยจะต้องชัดเจนว่ำต้องให้ผู้เรียนในระดับนั้นๆ มีคุณสมบัติอย่ำงไร เมื่อกำหนดควำมมุ่งหมำยแล้วจะได้ใช้เป็นแนวทำงในกำรกำหนดเนื้อหำวิชำและประสบกำรณ์ในกำรเรี ยนรู้ต่อไ ป 2. ก ำรวำง แ ผน กำห น ด โค รง ส ร้ำง ข อง ห ลักสู ต ร แ ละ กำรเลื อก เนื้ อ ห ำวิช ำ ใน หลักสู ตรจะ ต้องกำห น ดโครง สร้ำงอะ ไรบ้ำง เช่น จะ ต้อง ใช้เวลำศึกษ ำน ำน เท่ำไร จ ะ ต้ อ ง เ รี ย น ทั้ ง ห ม ด กี่ ห น่ ว ย ก ำ ร เ รี ย น จึ ง จ ะ จ บ ห ลั ก สู ต ร ไ ด้ จะต้องเข้ำเรียนกี่คำบต่อสัปดำห์ต่อภำคเรียนมีกำรวัดและประเมินผลอย่ำงไร ระบบกำรให้คะแนนเป็นอย่ำงไร มี วิ ช ำ ใ ด บ้ ำ ง ที่ จ ะ ต้ อ ง เ รี ย น บั ง คั บ เ ท่ ำ ไ ร แ ล ะ เ ลื อ ก เ ท่ ำ ไ ร และวิชำเหล่ำนั้นประกอบไปด้วยเนื้อหำอะไรมีประสบกำรณ์อะไรบ้ำง 3. ก ำร ท ด ล อ ง ใ ช้ ห ลัก สู ต รห รื อ ก ร ะ บ วน ก ำร เรี ย น ก ำร ส อ น ห รื อ วิธี ก ำ ร และกำรจัดกำรเกี่ยวกับหลักสูตรเพื่อให้กำรเรียนกำรสอนเป็นไปตำมควำมมุ่งหมำยของหลักสูตรอย่ำงมีประสิท ธิ ภ ำ พ จ ำ เ ป็ น ต้ อ ง จั ด ห ำ แ ล ะ ป รั บ ป รุ ง ก ร ะ บ ว น ก ำร ส อ น ก ำร จัด ชั้ น เ รี ย น กำร ใ ช้ อุป ก รณ์ ก ำร วัด ผ ล แ ล ะ ป ระ เมิน ผ ล แล ะ ก ำรจัด กิจก รร มเส ริ มท ำง วิช ำก ำร ตลอดจนกำรสอนซ่อมเสริมให้กำรนำหลักสูตรไปใช้เกิดประโยชน์สูงสุด 4. กำรประเมินผลหลักสูตร เป็นกำรประเมินคุณค่ำของหลักสูตรว่ำมีคุณภำพเป็ นอย่ำงไร เป็นกระบวนกำรที่ใช้พิจำรณำว่ำควำมมุ่งหมำยเป็ นอย่ำงไร เนื้อหำวิชำและประสบกำรณ์ตรงกับควำม มุ่งหมำยหรือไม่ กำรเรียนกำรสอนมีปัญหำและอุปสรรคอะไรบ้ำงและกำรประเมินผลอย่ำงไร ดังภำพประกอบ 3
  • 9. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 9 ภำพประกอบ 3 แสดงกระบวนกำรพัฒนำหลักสูตร ที่มำ : สงัด อุทรำนันท์ (2532 :24) ปรับปรุง แก้ไข ศึกษำและวิเคร ำะห์สหภำพสัง คมและหลักสู ตรเดิม ประเมิน ผล คณะกรรมกำร กำรดำเนินงำน พัฒนำหลักสูต ร กำหนดควำ มมุ่งหมำย นำไปทด ลองใช้ กำหนดโครงส ร้ำงและเนื้อหำ วิชำ ศึกษำและวิเครำะ ห์สภำพสังคมแล ะหลักสูตรเดิม แนวคิด (ปรัชญำ) และผลกำรศึกษำค้นคว้ำทำงจิตวิทยำข้อมูลเกี่ยวกับนักเรี ยนและกำรประกอบอำชีพข้อมูลควำมก้ำวหน้ำทำงวิชำก ำร วิทยำศำสตร์ เทคโนโลยี บทบำทของสถำบันกำรศึกษำ และสื่อสำรมวลชนข้อมูลสภำพเศรษฐกิจ สังคม กำรเมือง ค่ำนิยม และวัฒนธรรม
  • 10. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 10 5. รูปแบบในการพัฒนาหลักสูตร รู ป แ บ บ ใ น ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร เ ป็ น สิ่ ง ส ำ คั ญ แ ล ะ จ ำ เ ป็ น เ นื่ อ ง จ ำ ก รู ป แ บ บ ห ลั ก สู ต ร เ ป รี ย บ เ ส มื อ น พิ ม พ์ เ ขี ย ว ( Blue Print) ที่ ใ ช้ เป็ น แ น ว ท ำ ง ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร จ ำ ก ผู้ เ ชี่ ย ว ช ำ ญ ท ำง ด้ ำ น ห ลั ก สู ต ร นักวิชำกำรจึงมีควำมสำคัญเพื่อเป็นพื้นฐำนสำหรับกำรวิจัยครั้งนี้ รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรที่สำคัญมีดังนี้ 5.1 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรจากแนวคิดต่างประเทศ 5.1.1 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของไทเลอร์ (Ralph W. Tyler) ไทเลอร์ได้นำเสนอแนวคิดพื้นฐำนเกี่ยวกับกำรพัฒนำหลักสูตรและกำรสอนซึ่งก็คือหลักกำรและเหตุ ผล ใ น ก ำรพั ฒ น ำห ลัก สู ต ร( Tyler Rationale) ว่ำใ น ก ำร พั ฒ น ำห ลัก สู ต ร แ ล ะ ก ำรส อ น ต้องตอบคำถำมพื้นฐำนที่สำคัญ 4 ประกำร คือ (Tyler, 1949: 3) 1. จุ ด มุ่ ง ห ม ำ ย ท ำ ง ก ำ ร ศึ ก ษ ำ ( Educational Purposes) อะไรบ้ำงที่โรงเรียนต้องกำรให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ 2.ประสบกำรณ์ทำงกำรศึกษำ (EducationalExperiences) อะไรบ้ำงที่โรงเรียนจะต้องจัดให้ เพื่อช่วยให้บรรลุจุดมุ่งหมำย 3. จะจัดประสบกำรณ์ทำงกำรศึกษำอย่ำงไรจึงจะทำให้สอนมีประสิทธิภำพ 4. ประเมินประสิทธิภำพของกำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนอย่ำงไรจึงจะทรำบได้ว่ำผู้เรียนได้บรรลุเป้ำหมำยทำงกำ รศึกษำ ไทเลอร์ได้วำงรูปแบบโครงสร้ำงของหลักสูตรโดยใช้วิธีกำรและเป้ำหมำยปลำยทำง (Means and ends approsch) ดังนี้ (วิชัย วงษ์ใหญ่, 2537: 10-11) ใน กำรกำห นดจุดมุ่งหมำยนั้น ในขั้น แรกต้องกำหน ดเป็ นจุดมุ่งหมำยชั่วครำวก่อน โ ด ย ต้ อ ง น ำ บ ริ บ ท ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง เ ช่ น บ ริ บ ท ท ำ ง ด้ ำ น สั ง ค ม ด้วยกำรนำสิ่งที่สังคมคำดหวังว่ำต้องกำรให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะอย่ำงไร และมีกำรศึกษำตัวผู้เรียน เช่น ค ว ำ ม ต้ อ ง ก ำ ร ค ว ำ ม ส น ใ จ ฐ ำ น ะ ท ำ ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ ข อ ง ค ร อ บ ค รั ว เ ป็ น ต้ น น อ ก จ ำก นั้ น ยั ง ต้ อ ง ศึ ก ษ ำ แ น ว คิ ด ข อ ง นั ก วิช ำก ำ ร ( วิชั ย ว ง ษ์ ใ ห ญ่ , 2537 : 12)
  • 11. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 11 ควำมเชื่อค่ำนิยมของสังคมเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องวิเครำะห์ให้ชัดเจน เพรำะกำรศึกษำสังคมค่ำนิยมขนบประเพณี วัฒนธรรมจะให้คำตอบว่ำสังคมต้องกำรจัดกำรศึกษำเพื่ออะไร แล ะจะจัดกำรศึกษำสำหรับใคร สิ่งเหล่ำนี้ช่วยให้แสวงหำคำตอบที่ชัดเจนในกำรกำหนดเป้ำหมำยหรือทิศทำงของกำรศึกษำ (ดังภำพประกอบ 4) แหล่งข้อมูลเพื่อ นำมำกำหนด จุดมุ่งหมำยชั่วครำว กำรศึกษำสังคม กำรศึกษำผู้เรียน กำรศึกษำแนวคิดขอ งนักวิชำกำร ปรัชญำสังคม กำหนด จุดมุ่งหมำยชั่วครำว ทฤษฎีกำรเรียนรู้ ปรัชญำกำรศึกษำ ปรัชญำสังคม จุดมุ่งหมำย กำรเลือกและกำรจัดประสบกำรณ์กำ รเรียน กำรประเมินผล ข้อมูลในกำรกำหนด เกณฑ์ที่ตรวจสอบพิ จำรณำกลั่นกรองเป็ นจุดมุ่งหมำยจริง องค์ประกอบ ของหลักสูตร
  • 12. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 12 ภำพประกอบ 4 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรของไทเลอร์ (วิชัย วงษ์ใหญ่, 2537: 11) กำรพัฒนำหลักสูตรและกำรเสนอของไทเลอร์ มีลักษณะสำคัญคือ (วิชัย วงษ์ใหญ่, 2537 :12-14) 1. จุดมุ่งหมำยเป็ น ตัวกำหนดควบคุมกำรเลือกและจัดประสบกำรณ์กำรเรียนดังนั้ น ก ำ ร ก ำ ห น ด จุ ด มุ่ ง ห ม ำ ย จึ ง มี 2 ขั้ น ต อ น คื อ ตอนแรกเป็นกำรกำหนดจุดมุ่งหมำยชั่วครำวแล้วจึงหำวิธีกำรและเกณฑ์จำกทฤษฎีกำรเรียนรู้ปรัชญำกำรศึกษำแ ละปรัชญำสังคมมำกลั่นกรองจุดมุ่งหมำยชั่วครำว เพื่อให้ได้มำเป็ นจุดมุ่งหมำยที่แท้จริงของหลักสูตร พื้นฐำนทำงจิตวิทยำและปรัชญำในกำรพัฒนำหลักสูตรจะเข้ำมำมีบทบำทและช่วยในกำรตรวจสอบเพื่อหำควำม ชัดเจนของกำรกำหนดจุดมุ่งหมำยขั้นนี้เพื่อตอบคำถำมและหำควำมชัดเจนว่ำกำรจัดหลักสูตรเพื่อตอบสนองใคร ตอบสนองผู้เรียนหรือสังคม 2 . กำรเลือกและจัดประสบกำรณ์กำรเรียนที่คำดหวังว่ำจะให้ผู้เรียนมีประสบกำรณ์กำรจัดกิจกรรมในกำรเรียนกำร ส อ น แ ล ะ ส่ ว น เ ส ริ ม ห ลั ก สู ต ร นั้ น มี อ ะ ไ ร ทั้ง นี้ เพื่ อให้ กระบวน กำรเรียน กำรสอน ดำเนิ น ไปเพื่ อตอบสน อง จุดมุ่งห มำยที่กำห น ดไว้ ไทเลอร์ได้เสนอเกณฑ์ในกำรพิจำรณำเลือกประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ไว้ดังนี้ 2.1 ผู้เรียนควรมีโอกำสฝึกพฤติกรรมและกำรเรียนรู้เนื้อหำตำมที่ระบุไว้ในจุดมุ่งหมำย 2 . 2 กิจกรรมและประสบกำรณ์นั้นทำให้ผู้เรียนพอใจปฏิบัติกำรเรียนรู้อำจนำไปสู่จุดมุ่งหมำยที่กำหนดไว้เพียงข้อเดีย วก็ได้ 2.3 กิจกรรมและประสบกำรณ์นั้นอยู่ในข่ำยควำมพอใจที่พึงปฏิบัติได้ 2 . 4 กิ จ ก ร ร ม แ ล ะ ป ร ะ ส บ ก ำ ร ณ์ ห ล ำ ย ๆ ด้ำนของกำรเรียนรู้อำจนำไปสู่จุดมุ่งหมำยที่กำหนดไว้เพียงข้อเดียวก็ได้ 2.5 กิจกรรมและประสบกำรณ์เรียนรู้เพียงหนึ่งอย่ำงอำจตรวจสอบจุดมุ่งหมำยหลำยๆ ข้อได้ 3. กำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ว่ำต้องคำนึ งถึงควำมสัมพันธ์ในด้ำน เวลำต่อเวลำ และ เนื้ อห ำต่อเนื้ อห ำ เรียกว่ำควำมสัมพัน ธ์ แบบแน วตั้ง (Vertical) กับแน วน อน (Horizontal) ซึ่งมีเกณฑ์ในกำรจัดดังนี้ 3 . 1 ค ว ำ ม ต่ อ เ นื่ อ ง ( Continuity) หมำยถึงควำมสัมพันธ์ในแนวตั้งของส่วนองค์ประกอบหลักของตัวหลักสูตรจำกระดับหนึ่งไปยังอีกระดับหนึ่งที่
  • 13. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 13 สูงขึ้นไป เช่น ในวิชำทักษะ ต้องเปิ ดโอกำสให้มีกำรฝึ กทักษะในกิจกรรมและประสบกำรณ์บ่อยๆ และต่อเนื่องกัน 3 . 2 ก ำ ร จั ด ช่ ว ง ล ำ ดั บ ( Sequence) หมำยถึงควำมสัมพันธ์แนวตั้งของส่วนองค์ประกอบหลักของตัวหลักสูตรจำกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนไปสู่สิ่งที่เกิดขึ้นภ ำ ย ห ลั ง ห รื อ จ ำ ก สิ่ ง ที่ มี ค ว ำ ม ง่ ำ ย ไ ป สู่ ที่ มี ค ว ำ ม ย ำ ก ดั ง นั้ น กำรจัดกิจกรรมและประสบกำรณ์ให้มีกำรเรียงลำดับก่อนหลังเพื่อให้ได้เรียนเนื้อหำที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น 3 . 3 บู ร ณ ำ ก ำ ร ( Integration) ห ม ำ ย ถึ ง ค ว ำ ม สั ม พั น ธ์ กัน ใ น แ น ว น อ น ข อ ง อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ห ลั ก ข อ ง ตั ว ห ลั ก สู ต ร จำกหัวข้อเนื้อหำหนึ่ งไปยังอีกหัวข้อหนึ่ งของรำยวิชำ หรือจำกรำยวิช ำหนึ่ งไปยังรำยวิชำอื่น ๆ ที่ มี ค ว ำ ม เ กี่ ย ว ข้ อ ง กั น กำรจัดประสบกำรณ์จึงควรเป็นในลักษณะที่ช่วยให้ผู้เรียนได้เพิ่มพูนควำมคิดเห็นและได้แสดงพฤติกรรมที่สอด คล้องกัน เนื้อหำที่เรียนเป็นกำรเพิ่มควำมสำมำรถทั้งหมดของผู้เรียนที่ได้ประสบกำรณ์ในสถำนกำรณ์ต่ำงๆ กัน ประสบกำรณ์กำรเรียนรู้จึงเป็นแบบแผนของปฏิสัมพันธ์ (Interaction) ระหว่ำงผู้เรียนกับสถำนกำรณ์สิ่งแวดล้อม 4 . กำรประเมินผลเพื่อตรวจสอบดูว่ำกำรจัดกำรเรียนกำรสอนได้บรรลุตำมจุดมุ่งหมำยตำมที่กำหนดไว้หรือไม่ สมควรมีกำรปรับแก้ในส่วนใดบ้ำง พิจำรณำจำกสิ่งต่อไปนี้ 4.1 กำหนดจุดมุ่งหมำยที่จะวัดและพฤติกรรมที่คำดหวัง 4.2 วัดและวิเครำะห์สถำนกำรณ์ที่ทำให้เกิดพฤติกรรมเหล่ำนั้น 4.3 ศึกษำสำรวจข้อมูลเพื่อสร้ำงเครื่องมือวัดพฤติกรรมเหล่ำนั้นได้อย่ำงเหมำะสม 4.4 ตรวจสอบคุณภำพของเครื่องมือ โดยใช้เกณฑ์ในกำรพิจำรณำดังนี้ 1. ควำมเป็นปรนัย (Objectivity) 2. ควำมเชื่อมั่นได้ (Reliability) 3. ควำมเที่ยงตรง (Validity) 4. ควำมถูกต้อง (Accuracy) 4 . 5 กำรพิจำรณำผลประเมินให้เป็ นประโยชน์ เพื่ออธิบำยผลกำรเรียนรู้เป็ นรำยบุคคลหรือเป็ น กลุ่ม กำรอธิบำยถึงส่วนดีของหลักสูตรหรือสิ่งที่ต้องปรับแก้เพื่อเป็นแนวทำงในกำรปรับปรุงหลักสูตรให้มีคุณภำพยิ่ง ขึ้น 5.1.2 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวความคิดของทาบา (Taba)
  • 14. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 14 แนวคิดของทำบำในกำรพัฒนำหลักสู ตรใช้วีแบบรำกหญ้ำ ( Grass-roots approach) มีควำมเชื่อว่ำหลักสูตรควรได้รับกำรออกแบบโดยครูผู้สอนมำกกว่ำพัฒนำจำกองค์กรที่อยู่ในระดับสูงขึ้น ประกอบด้วยขั้นตอนต่ำงๆ ดังนี้ (Taba, 1962 :456-459) 1. วิเครำะห์ควำมต้องกำร (Diagnosisof needs) ใช้วิธีสำรวจสภำพปัญหำ ควำมต้องกำร และควำมจำเป็นของผู้เรียนและของสังคม 2 . ก ำ ห น ด จุ ด มุ่ ง ห ม ำ ย ( Formulation of objectives) ด้วยข้อมูลที่ได้จำกำรวิเครำะห์ควำมต้องกำร 3 . คั ด เ ลื อ ก เ นื้ อ ห ำ ส ำ ร ะ ( Selection of content) เมื่อ ก ำห น ด จุด มุ่ง ห มำย แล้วก็ต้อ ง เลื อ กเนื้ อ ห ำส ำร ะ ซึ่ ง ส อ ดค ล้อ ง กับ จุด มุ่ง ห มำย และต้องคำนึงถึงพัฒนำกำรของผู้เรียนด้วย 4 . ก ำ ร จั ด ร ว บ ร ว ม เ นื้ อ ห ำ ส ำ ร ะ ( Organization of content) เ นื้ อ ห ำ ส ำ ร ะ ที่ ร ว บ ร ว ม ต้ อ ง ค ำ นึ ง ถึ ง ค ว ำ ม ย ำ ก ง่ ำ ย แ ล ะ ค ว ำ ม ต่ อ เ นื่ อ ง รวมทั้งจัดให้เหมำะสมกับพัฒนำกำรและควำมสนใจของผู้เรียน 5 . คั ด เ ลื อ ก ป ร ะ ส บ ก ำ ร ณ์ ก ำ ร เรี ย น รู้ ( Selection of learning experiences) กำรคัดเลือกประสบกำรณ์เรียนรู้ให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมำยและเนื้อหำวิชำ 6. กำรจัดรวบรวมประสบกำรณ์ กำรเรียน รู้ ( Organization of leaning experiences) กำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ควรคำนึงถึงควำมต่อเนื่องของเนื้อหำสำระ 7. กำหนดวิธีวัดและประเมินผล (Determination of what to evaluateand the ways and means of doing it) มีกำรประเมินเพื่อตรวจสอบว่ำประสบกำรณ์กำรเรียนที่จัดให้บรรลุจุดมุ่งหมำยที่กำหนดไว้หรือไม่ และกำหนดวิธีกำรประเมินรวมทั้งเครื่องมือที่ใช้ในกำรประเมินด้วยดังภำพประกอบ 5 1. วิเครำะห์ควำมต้องกำร (Diagnosis of needs) 2. กำหนดจุดมุ่งหมำย (Formulation of objectives) 3. คัดเลือกเนื้อหำสำระ (Selection of content) 4. กำรจัดรวบรวมเนื้อหำสำระ - ควำมคิดรวบยอด (Key concepts) (Organization of content) - ควำมคิดหลัก (Main ideas) - ข้อเท็จจริง (Facts)
  • 15. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 15 ภำพประกอบ 5 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรตำมแนวคิดของทำบำ (Taba, 1962 :456-459) จำกกำรพัฒนำหลักสูตรแนวคิดของทำบำจะเริ่มที่จุดใดจุดหนึ่งก่อนก็ได้ แต่เมื่อเริ่มที่ จุ ด ใ ด แ ล้ ว จ ะ ต้ อ ง ท ำ ก ำ ร ศึ ก ษ ำ ใ ห้ ค ร บ ก ร ะ บ ว น ก ำ ร ทั้ ง 7 ขั้ น ต อ น จุ ด เ ด่ น ใ น แ น ว คิ ด ข อ ง ท ำ บ ำ คื อ เ รื่ อ ง ยุ ท ธ วิ ธี ก ำ ร ส อ น ( Teaching Strategies) และประสบกำรณ์กำรเรียนรู้เป็นกระบวนกำรที่ต้องคำนึงถึง มีอยู่ 2ประกำร คือ (วิชัย วงษ์ใหญ่, 2537 : 15-16) 1.ยุทธวิธีกำรสอนและประสบกำรณ์เรียนรู้ เป็นเครื่องกำหนดสถำนกำรณ์เงื่อนไขกำรเรียนรู้ กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนแต่ละครั้งมีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับกำรเรียนรู้ที่เกิดขึ้นเป็นผลผลิต ดังนั้น กำรจัดรูปแบบของกำรเรียนกำรสอนต้องแสดงลำดับขั้นตอนของกำรเรียนรู้ด้วย 2 . ยุทธวิธีกำรสอนเป็นสิ่งที่หลอมรวมหลำยสิ่งหลำยอย่ำงเข้ำมำไว้ด้วยกันกำรพิจำรณำตัดสินใจเกี่ยวกับยุทธวิธีกำ รสอนควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้ คือ 2.1 กำรจัดเนื้อหำ ต้องกำหนดให้ชัดเจนว่ำรำยวิชำนั้นๆ มุ่งให้ผู้เรียนเรียนรู้แบบใด ก ว้ำ ง ห รื อ ลึ ก ม ำ ก น้ อ ย เ พี ย ง ใ ด แ ล ะ ไ ด้ เ รี ย ง ล ำ ดั บ เนื้ อ ห ำ วิ ช ำ ไ ว้อ ย่ำ ง ไ ร ก ำ ร ก ำ ห น ด โ ค ร ง ส ร้ ำง ไ ด้ ก ร ะ ท ำ ชั ด เ จ น ส อ ด ค ล้ อ ง กับ โ ค ร ง ก ำร ใ น ร ะ ดับ ใ ด เพรำะแต่ละระดับมีจุดประสงค์เนื้อหำสำระที่มีควำมเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน 2.2 หน่วยกำรเรียน สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่บ่งชี้ถึงกำรวัดและประเมินได้ชัดเจน มีรำยละเอียดและมีควำมยืดหยุ่นเพื่อเปิดโอกำสให้ครูและนักเรียนมีส่วนร่วมในกำรวำงแผนกำรเรียนและทำกิจ 5. กำรคัดเลือกประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ (Selection of leaning experiences) 6. กำรจัดรวบรวมประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ (Organization of leaning experiences) (กลวิธีกำรสอนเพื่อพัฒนำพุทธิพิสัย และเจตพิสัย) 7. กำหนดวิธีวัดและประเมินผล (Determination of what toevaluate)
  • 16. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 16 ก ร ร ม ต ำ ม ค ว ำ ม ต้ อ ง ก ำ ร แ ล ะ ค ว ำ ม ส น ใ จ กำรตรวจสอบควำมรู้พื้นฐำนของผู้เรียนจะช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในกำรพัฒนำกระบวนกำรเรียนได้เป็นลำดับขั้ น ต อ น เ พื่ อ น ำ ไ ป สู่ ข้ อ ค้ น พ บ ข้อส รุป ที่เป็ น ห ลักกำรที่ มุ่งเน้ น ควำมคำดห วังเกี่ยวกับกำรเรียน รู้ที่ จะ เกิดขึ้ น กับ ผู้เรี ยน และกำรกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดกำรเรียนรู้ด้วยตนเองดังภำพประกอบ 6 กาหนดโดยการวิเคราะห์ กาหนดวัตถุประสงค์ การกาหนดจุดประสงค์ วิเคราะห์และการจาแนก แต่ละระดับ 1. วัฒนธรรมและควำมต้องกำรของ 1. ชนิดของพฤติกรรม 1. จุดมุ่งหมำยทั่วไปของกำรศึกษำ สังคมและผู้เรียน 2. เนื้อหำวิชำ 2. จุดมุ่งหมำยระดับโรงเรียน 2. กระบวนกำรเรียนรู้และหลักกำร 3. ควำมต้องกำรด้ำนต่ำงๆ 3. จุดมุ่งหมำยระดับชั้นเรียน เรียนรู้ของผู้เรียน 3. ธรรมชำติควำมรู้ในศำสตร์ต่ำงๆ และวิธีกำรแสวงหำควำมรู้ 4. อุดมกำรณ์ของประชำธิปไตย กาหนดความรู้ การเลือกเนื้อหาและ สถาบันองค์กรที่เกี่ยวข้อง ประสบการณ์การเรียนและ ลักษณะการจัด 1.ลักษณะ, ธรรมชำติของควำมรู้ เนื้อหำสำระ 1. โรงเรียน, กำรบริหำร ของศำสตร์ต่ำงๆ กิจกรรมและ ใช้ทรัพยำกร 2.ควำมรู้เกี่ยวกับกำรพัฒนำผู้เรียน ประสบกำรณ์ 2. องค์กรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 3.กำรเรียน กับกำรศึกษำบทบำทและ 4. พัฒนำผู้เรียน หน้ำที่ของแต่ละหน่วยงำน สิ่งที่ต้องคานึง การจัดหลักสูตรรูปแบบ ผู้รับผิดชอบของบุคคล/ ของหลักสูตร หน่วยงาน 1. ควำมต่อเนื่องของควำมรู้ รำยงำน หมวดวิชำ มุ่งเน้นด้ำน 1.โรงเรียน 2.บูรณำกำรทำงควำมรู้ ชีวิตและสังคม กิจกรรมและ 2.คณะครูและเจ้ำหน้ำที่ ประสบกำรณ์ กิจกรรมของผู้เรียน 3.วิธีกำรที่จะใช้บุคลำกร จุดรวม แนวคิดต่ำงๆ ให้เกิดประโยชน์จำก กำรเรียนรู้
  • 17. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 17 ภำพ 7.5 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรและกำรสอนของทำบำ (วิชัยวงษ์ใหญ่, 2537:17) ภำพประกอบ 6 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรและกำรสอนของทำบำ (วิชัย วงษ์ใหญ่, 2537:17) 5.1.3รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของเซย์เลอร์ อเล็กซานเดอร์ และเลวิส (J. Galen Saylor, William M. Alexander and Arthur J. Lewis) แ น ว คิ ด ข อ ง เ ซ ย์ เ ล อ ร์ อ เ ล็ ก ซ ำ น เ ด อ ร์ แ ล ะ เล วิ ส ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย กระบวนกำรพัฒนำหลักสูตรที่สำคัญ 4 ขั้นตอน คือ (Saylor andAlexander,1974: 265; Saylor,Alexander and Lewis, 1981: 181) 1. เป้ำห มำย วัตถุประ สง ค์ และ ค วำมครอบ คลุม ( Goals, Objective and domains) ห ลั ก สู ต ร ต้ อ ง ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย เ ป้ ำ ห ม ำ ย วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ และในแต่ละเป้ำหมำยควรบ่งบอกถึงควำมครอบคลุมของหลักสูตร (Curriculum Domain) วัตถุประสงค์ พัฒนำกำรส่วน บุคคล มนุ ษยสัมพันธ์ ทักษะกำรเรียนรู้ที่ต่อเนื่อง และควำมชำนำญเฉพ ำะด้ ำน ซึ่งกำหนดจำกควำมเป็นโลกำภิวัฒน์ ควำมต้องกำรของสังคมที่อยู่อำศัยกฎหมำย ข้อบังคับ เป็นต้น 2 . ก ำ ร อ อ ก แ บ ห ลั ก สู ต ร ( Curriculum Design) คือกำรวำงแผนเพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับกำรเลือกและจัดเนื้อหำสำระและจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ที่สอดคล้องกับ เป้ำหมำย วัตถุประสงค์ โดยคำนึงถึงปรัชญำ ควำมต้องกำรของสังคมและผู้เรียนมำพิจำรณำด้วย 3 . ก ำ ร น ำ ห ลั ก สู ต ร ไ ป ใ ช้ ( Curriculum implementation) ครูต้องเป็ น ผู้วำงแผน และวำงแผนกำรจัดกำรเรียนกำรสอน ในรูปแบบต่ำงๆ ( InstructionalPlans) รว ม ทั้ ง ก ำร จัด ท ำสื่ อ ก ำรเรี ย น ก ำรส อ น เช่น ต ำร ำ แ บ บ เรี ย น วัส ดุ อุ ป ก รณ์ ต่ำง ๆ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในสิ่งที่ครูตั้งเป้ำหมำยไว้ 4 . ก ำ ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล ห ลั ก สู ต ร ( Curriculum Evaluation) ครูและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันตัดสิน ใจเพื่อเลือกวิธีกำรประเมินผลที่สำมำรถประเมินได้ว่ำ หลักสูตรที่พัฒนำขึ้นได้ผลตำมควำมมุ่งหมำยกำรประเมินหลักสูตรจะเป็นข้อมูลสำคัญที่บอกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้ว่ำควรจะปรับปรุงหลักสูตรในจุดใด เพื่อประกอบกำรตัดสินใจในกำรวำงแผนกำรใช้หลักสูตรในอนำคต
  • 18. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 18 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรตำมแนวคิดของเซย์เลอร์ อเล็กซำนเดอร์ แล ะ เลวิส แสดงดังภำพประกอบ 7 (1) ให้ข้อมูลย้อนกลับและปรับปรุง (2) (3) (4) ภำพประกอบ 7 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรตำมแนวคิดของเซย์เลอร์ อเล็กซำนเดอร์ และเลวิส (Saylor and Alexander, 1974: 275 ; Saylor. Alexander and Lawis.1981 : 181) 5.1.4 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของโอลิวา (Oliva) (Oliva.1982 : 172) 1 . จุ ด มุ่ ง ห ม ำ ย ข อ ง ก ำ ร ศึ ก ษ ำ ( Aims of Education) และหลักกำรปรัชญำและจิตวิทยำจำกกำรวิเครำะห์ควำมต้องกำรจำเป็นของสังคมและผู้เรียน เป้าหมายจุดประสงค์และ ความครอบคลุม กำรออกแบบหลักสู ตร กำรนำหลักสูตรไปใช้ กำรประเมินผลหลักสู ตร - ออกแบบโดยนักพัฒนำห ลักสูตร - เลือกเนื้อหำสำระและประ สบกำรณ์กำรเรียนรู้ที่เหม ำะสมกับผู้เรียน - ครูเป็นผู้วำงแผนจัดทำแผน กำรสอน -จัดทำสื่อกำรเรียนกำรสอน - ครูเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเลือกวิธีป ระเมินที่มีประสิทธิภำพ - นำข้อมูลที่ใช้จำกกำรประเมินมำป รับปรุงแก้ไขหลักสูตร
  • 19. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 19 2. วิเค รำะ ห์ ค วำม ต้อง กำรจ ำเป็ น ข อ ง ชุม ช น ที่ ส ถ ำน ศึ ก ษ ำนั้ น ๆ ตั้ง อ ยู่ ควำมต้องกำรจำเป็นของผู้เรียนในชุมชน และเนื้อหำวิชำที่จำเป็นเพื่อใช้ในกำรจัดกำรเรียนกำรสอน 3. เป้ำหมำยของหลักสูตร (Curriculum Goals) โดยอำศัยข้อมูลจำกขั้น 1และ 2 4.จุดประสงค์ของหลักสูตร (Curriculum Objectives) โดยอำศัยข้อมูลจำกขั้นที่ 1,2และ 3 แตกต่ำง จำกขั้ น ที่ 3 คือ มีลักษ ณ ะ เฉ พ ำะ เจำะ จง เพื่ อน ำไป สู่กำรป ระ ยุกต์ใ ช้ห ลัก สู ต ร และกำรกำหนดโครงสร้ำงหลักสูตร 5 . ร ว บ ร ว ม แ ล ะ น ำ ไ ป ใ ช้ ( Organization and Implementation of the Curriculum) เป็นขั้นของกำรกำหนดโครงสร้ำงหลักสูตร 6. กำหนดเป้ำหมำยของกำรสอน (Instructional Goals) ของแต่ละระดับ 7. กำหนดจุดประสงค์ของกำรจัดกำรเรียนกำรสอน (Instructional Objective) ใน แต่ละวิชำ 8 . เ ลื อ ก ยุ ท ธ วิ ธี ใ น ก ำ ร ส อ น ( Selection of Strategies) เป็นขั้นที่ผู้เรียนเลือกยุทธวิธีที่เหมำะสมกับผู้เรียน 9. เลือกเทคนิควิธีกำรประเมินผลก่อนที่นำไปสอนจริงคือ 9A(Preliminary selective of evaluationtechniques) และกำหนดวิธีประเมินผลหลังจำกกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนสิ้นสุดคือ 9B (Find selection of evaluation techniques) 1 0 . น ำ ยุ ท ธ วิ ธี ไ ป ใ ช้ ป ฏิ บั ติ จ ริ ง ( Implementation of Strategies) เป็นขั้นของกำรใช้วิธีกำรที่กำหนดในขั้นที่ 8 1 1 . ป ร ะ เ มิ น ผ ล จ ำ ก ก ำ ร เ รี ย น ก ำ ร ส อ น ( Evaluation of Instruction) เ ป็ น ขั้ น ที่ เ มื่ อ ก ำ ร ด ำ เ นิ น ก ำ ร จั ด ก ำ ร เ รี ย น ก ำ ร ส อ น เ ส ร็ จ สิ้ น ก็มีกำรประเมินผลตำมที่ได้เลือกหรือกำหนดวิธีกำรประเมิน ขั้นที่ 9 12. ประเมินหลักสูตร (Evaluationof curriculum) เป็นขั้นตอนสุดท้ำยที่ทำให้วงจรครบถ้วน กำรประเมินผลที่มิใช่ประเมินผู้เรียนและผู้สอน แต่เป็นกำรประเมินหลักสูตรที่จัดทำขึ้น 5.1.5 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของมัลคอล์ม สกิลเบ็ก ส กิ ล เ บ็ ก ( Sklibeck,1984 : 230-239; สิ ท ธิ ชั ย เ ท ว ธี ร ะ รั ต น์ , 2543 : 43) ได้เส น อ แ น วคิ ดเกี่ยว กับ รู ป แ บ บ ข อ ง ห ลักสู ตร ใ น ลัก ษ ณ ะ ที่ เป็ น พ ล วัต จุ ดเด่น คื อ กำรวิเครำะห์สถำนกำรณ์ซึ่งเป็ นยุทธศำสตร์ที่สำคัญในกำรพัฒน ำหลักสูตร ทั้งนี้ สกิลเบ็กเชื่อว่ำ ส ถ ำน ก ำรณ์ เป็ น อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ส ำคัญ ใ น ก ำรก ำห น ด ค วำมแ ต ก ต่ำง ข อ ง ห ลัก สู ต ร เ พ ร ำ ะ ไ ม่ ส ำ ม ำ ร ถ ค ำ ด เ ห ตุ ก ำ ร ณ์ สิ่ ง ที่ เ กิ ด ขึ้ น ภ ำ ย ห น้ ำ ไ ด้ กำรกำหนดวัตถุประสงค์ของกำรเรียนรู้ไว้ก่อนมีกำรสำรวจสถำนกำรณ์จริงจึงขำดควำมน่ำเชื่อถือ ดังนั้น
  • 20. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 20 กำรพัฒนำหลักสูตรโดยโรงเรียนเป็นผู้พัฒนำหลักสูตรเอง (School-basedcurriculum development หรือ SBCD) เป็ น วิธีที่สำมำรถนำไปปฏิบัติให้สอดคล้องกับควำมเป็ นจริงได้ กำรวิเครำะห์องค์ประกอบต่ำงๆ ที่ เ ป็ น ป ร ำ ก ฏ ก ำ ร ณ์ ข อ ง สั ง ค ม แ ต่ ล ะ แ ห่ ง มี ค ว ำ ม แ ต ก ต่ ำ ง กั น ทำให้ไม่สำมำรถเจำะจงใช้รูปแบบหลักสูตรที่เป็นแบบเดียวกันได้ดังนั้น รูปแบบหลักสูตรจึงเป็นพลวัต แนวคิดกำรพัฒนำหลักสูตรของสกิลเบ็ก ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้ ขั้ น ต อ น ที่ 1 ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ ส ถ า น ก า ร ณ์ (Analyze the situation) วิ เ ค ร ำ ะ ห์ ปั จ จั ย ที่ ท ำ ใ ห้ เ กิ ด ก ำ ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง เ กี่ ย ว กั บ ห ลั ก สู ต ร ซึ่งส่งผลถึงโรงเรียนให้มีกำรพัฒนำหลักสูตรให้นำไปปฏิบัติได้จริงและบังเกิดผลให้นักเรียนได้เรียนรู้ ซึ่งปัจจัยที่ก่อให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงประกอบด้วย ปัจจัยภำยนอกและปัจจัยภำยใน ก. ปัจจัยภายนอก ได้แก่ 1 . ก ำ ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ท ำ ง สั ง ค ม แ ล ะ วั ฒ น ธ ร ร ม คว ำมคำด ห วัง ข อ ง ผู้ป ก ค รอ ง คว ำมต้อง ก ำรข อ ง น ำยจ้ำง ค ว ำมต้อ ง กำร ข อง สั ง ค ม ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงผู้ใหญ่กับเด็ก และอุดมคติของสังคม 2.กำรเปลี่ยนแปลงระบบกำรศึกษำและหลักสูตร ซึ่งประกอบด้วย นโยบำยกำรศึกษำ ระบบกำรสอน อำนำจในกำรตัดสินใจของท้องถิ่น ผู้จบกำรศึกษำที่สอดคล้องกับควำมต้องกำรของสังคม เป็นต้น 3. กำรเปลี่ยนแปลงเนื้อหำวิชำ กำรจัดกำรเรียนกำรสอนให้สอดคล้องกับยุคสมัย 4. กำรเพิ่มศักยภำพของครูอำจำรย์ ในกำรเรียนกำรสอนให้เหมำะสมกับยุคสมัย 5. กำรนำทรัพยำกรใช้ในโรงเรียน เพื่อพัฒนำกำรจัดกำรเรียนกำรสอน ข. ปัจจัยภายใน ได้แก่ 1. เจตคติ ควำมสำมำรถและควำมต้องกำรทำงกำรศึกษำของนักเรียน 2 . ค่ ำ นิ ย ม เ จ ต ค ติ ทั ก ษ ะ ป ร ะ ส บ ก ำ ร ณ์ ข อ ง ค รู ที่เป็นจุดเด่นและจุดด้อยของกำรจัดกำรเรียนกำรสอน 3 . ค ว ำ ม ค ำ ด ห วัง ข อ ง โ ร ง เ รี ย น โ ค ร ง ส ร้ ำ ง ก ำ ร บ ริ ห ำ ร ง ำ น ก ำ ร ก ร ะ จ ำ ย อ ำ น ำ จ ก ำ ร บ ริ ห ำ ร ก ำ ร ศึ ก ษ ำ วิ ธี จัด ป ร ะ ส บ ก ำ ร ณ์ ใ ห้ นั ก เรี ย น แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของนักเรียนบรรทัดฐำนทำงสังคม กำรจัดกำรกับกำรเปลี่ยนแปลงที่ไม่พึงประสงค์
  • 21. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 21 4 . วั ส ดุ อุ ป ก ร ณ์ ท รั พ ย ำ ก ร ง บ ป ร ะ ม ำ ณ แ ผ น ง ำ น และศักยภำพในกำรจัดกำรเรียนกำรสอนของโรงเรียน 5. กำรยอมรับและกำรรับรู้ปัญหำที่เกิดขึ้นจำกกำรนำหลักสูตรมำใช้ ขั้ น ต อ น ที่ 2 ก า ร ก า ห น ด วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ( Define Objectives) ก ำ ร วิ เ ค ร ำ ะ ห์ ส ถ ำ น ก ำ ร ณ์ ใ น ขั้ น ต อ น ที่ 1 เพื่อนำไปกำหนดวัตถุประสงค์ซึ่งกำรกำหนดวัตถุประสงค์แปลงเปลี่ยนไปตำมปัจจัยภำยนอกและภำยใน สะ ท้อน ควำมเป็ น จริง ของส ถำน กำรณ์ ที่เป็ น อยู่ สอดคล้องกับ ค่ำนิ ยม ทิศทำง ที่กำห น ด ร ว ม ทั้ ง ผ ล ลั พ ธ์ ที่ ค ำ ด ห วั ง จ ำ ก ก ำ ร จั ด ก ำ ร ศึ ก ษ ำ กำรกำหนดวัตถุประสงค์ควรเขียนในลักษณะกำรเรียนรู้ที่คำดหวังจำกนักเรียนและกระบวนกำรจัดกำรเรียนกำร ส อ น ข อ ง ค รู ที่ ใ ห้ บ ร ร ลุ วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ซึ่ ง กำรกำห น ดวัตถุป ระ สง ค์ป ระ กอบด้วยวัตถุป ระ สง ค์ทั่วไปกับ วัตถุป ระ ส ง ค์เฉพ ำะ ในกำรกำหนดวัตถุประสงค์ต้องเกิดจำกกำรมีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้องเช่น นักเรียน ครู ผู้ปกครอง ชุมชน และนักวิชำกำร เป็นต้น ขั้นตอนที่ 3การออกแบบการจัดการเรียนการสอน (Designtheteachinglearning programme) เป็ น กำรออกแบบกำรเรียน กำรสอนต้องให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกำรจัดกำรศึกษำ โ ร ง เ รี ย น ต้ อ ง ต อ บ ค ำ ถ ำ ม พื้ น ฐ ำ น เ ช่ น จ ะ ส อ น อ ะ ไ ร และนักเรียนจะเรียนรู้อะไรซึ่งต้องศึกษำเอกสำรที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับรำยวิชำที่นำมำจัดกำรเรียนกำรสอน กำรกำหนดแบบแผนกำรสอนและกำรเรียนรู้เกี่ยวข้องกับกำรตัดสินใจในเรื่องต่ำงๆ ดังนี้ 3.1ข้อมูลพื้นฐำน หรือทิศทำงของหลักสูตรที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลำง เป็นวิชำบังคับหรือวิชำเลือกตำมควำมสนใจ 3.2 กำรจัดกลุ่มและกำรบูรณำกำรของสำระวิชำต่ำงๆ 3.3 ก ำร จัด ก ลุ่ม นั ก เ รี ย น ซึ่ ง อ ำจ จัด ต ำม ค ว ำ มส น ใ จ ข อ ง นั ก เรี ย น จัดให้เด็กเรียนเก่งเรียนด้วยกันและไม่เก่งเรียนด้วยกัน หรือจัดให้เด็กที่มีควำมสนใจต่ำงกันเรียนด้วยกัน 3.4 ควำมสัมพันธ์ของวิชำต่ำงๆ กับเป้ำหมำยของหลักสูตร 3.5 กำรเรียงลำดับของเนื้อหำกำรสอน 3.6 สถำนที่ ทรัพยำกร อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้ำ 3.7 ออกแบบวิธีกำรจัดกำรเรียนกำรสอน 3.8 แต่งตั้งคณะทำงำน 3.9 จัดทำตำรำงและกิจกรรมในกำรปฏิบัติงำน
  • 22. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 22 ขั้ น ต อ น ที่ 4 ก าร น าห ลั ก สู ต ร ไป ใช้ ( Interpret and implement the programme) กำรวำงแผนและกำรออกแบบหลักสูตรก็เพื่อให้หลักสูตรนั้นนำไปสู่กำรปฏิบัติให้บังเกิดผลตำมวัตถุประสงค์ที่ว ำงไว้ซึ่งดูจำกผลกำรประเมินผลลัพธ์สุดท้ำยว่ำกำรเรียนกำรสอนเป็ นไปตำมควำมต้องกำรหรือไม่ มี แ ผ น ง ำ น ใ ด ที่ มี ค ว ำ ม พ ร้ อ ม ม ำ ก ที่ สุ ด แ ล ะ รั บ ร อ ง คุ ณ ภ ำ พ ไ ด้ ดั ง นั้ น ครูต้องมีจิตสำนึกใน ควำมเป็ นมืออำชีพ ที่ต้องติดตำมควบคุม ดูแล และประเมินผลอย่ำงสม่ำเสมอ เ พื่ อ พิ จ ำ ร ณ ำ ว่ำ สิ่ ง ที่ อ อ ก แ บ บ แ ล ะ ด ำ เ นิ น ก ำ ร อ ยู่ มี ป ร ะ โ ย ช น์ คุ้ ม ค่ ำ กำรพัฒ น ำหลักสู ตรโรงเรียน จำกบุคคลใดบุคคลหนึ่ ง เช่น ผู้บริหำรโรง เรียน หัวหน้ำภ ำค อำจไม่ประสบควำมสำเร็จเนื่ องจำกปั ญหำกำรขำดกำรเอำใจใส่จำกครู ผู้ที่มีส่วน เกี่ยวข้อง ดั ง นั้ น ก ำร บ ริ ห ำ ร ห ลั ก สู ต ร ที่ ท ำ ใ ห้ เกิ ด ก ำร ย อ ม รั บ แ ล ะ น ำ ไ ป ใ ช้ ไ ด้ จ ริ ง ๆ ต้องดำเนินกำรโดยผู้ที่อยู่ในโรงเรียนซึ่งก็คือครูนั่นเองครูเป็นผู้ที่ใกล้ชิดและทรำบข้อมูลเกี่ยวกับควำมสนใจ ค ว ำ ม ต้ อ ง ก ำ ร ข อ ง นั ก เ รี ย น เ ป็ น อ ย่ ำ ง ดี ดั ง นั้ น กำรปฏิบัติเพื่อพัฒนำหลักสูตรต้องเหมำะสมและต้องสอดคล้องกับศักยภำพของครู กำรนำไปใช้ขึ้นอยู่กับครู ครูต้องเป็นบุคลำกรหลักในกำรออกแบบและกำรนำไปใช้นั่นคือ ครูต้องเป็นผู้พัฒนำหลักสูตรดัวยตนเอง ดีกว่ำรูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรที่บุคคลอื่นเป็นผู้จัดทำให้ ขั้นตอนที่ 5การประเมินการเรียนรู้และการประเมินผลหลักสูตร (Assessand evaluate) กำรประเมินกำรเรียนรู้ (Assessment) เป็นกำรตัดสินคุณค่ำในศักยภำพกำรเรียนรู้และกำรปฏิบัติของผู้เรียนรู้ ส่วนกำรประเมินผล (Evaluation) หมำยถึงกำรรวบรวมหลักฐำนเพื่อนำมำตัดสินคุณค่ำเกี่ยวกับหลักสูตร ซึ่งประกอบด้วย กำรวำงแผน กำรออกแบบ กำรนำไปใช้รวมทั้งผลกำรปฏิบัติหรือผลกำรเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งกำรประเมินกำรปฏิบัติของผู้เรียนเป็นกำรกำหนดเกณฑ์ที่ผู้เรียนต้องบรรลุ เช่น กำรกำหนดชิ้นงำน ก ำ ร สั ง เ ก ต ก ำ ร บั น ทึ ก ก ำ ร ท ำ ง ำ น ก ำ ร ส อ น ก ำ ร ร ำ ย ง ำ น ผ ล กำรป ระ เมิน ก ำรเรี ยน รู้ข อ ง ผู้เรี ยน ต้อ ง มีแน วท ำง ที่ ห ลำก ห ลำย เพื่ อ ใ ห้ ค รอ บ ค ลุ ม รวมทั้งเป็นกระบวนกำรที่ต่อเนื่องทุกครั้ง ดังนั้น กำรประเมินจึงไม่ใช่กิจกรรมที่กระทำรวบยอดครั้งเดียว แ ต่ เ ป็ น ก ำ ร ป ร ะ เ มิ น เ พื่ อ พั ฒ น ำ ผู้ เ รี ย น รวม ทั้ ง ผู้ออ ก แ บ บ ห ลัก สู ต รด้ว ยก ำรก ระ ท ำเช่น นี้ เป็ น วง จรต่อ เนื่ อง กัน ไ ป เรื่ อ ย ๆ เพื่อนำไปสู่กำรปรับปรุงผู้เรียนและหลักสูตรให้ดียิ่งขึ้น รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรตำมแนวคิดของสกิลเบ็กแสดงดังภำพประกอบ 8ดังนี้ 1.กำ 1. วิเครำะห์สถำนกำรณ์ ( Analyse the situation)
  • 23. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 23 ภำพประกอบ 8 รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรตำมแนวคิดของสกิลเบ็ก ( Skilbeck , 1984 :230-239 ) 5.1.6 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของวอล์คเกอร์ (Decker Walker) เ ด ค เ ก อ ร์ ว อ ล์ ค เ ก อ ร์ ( Decker Walker) ป ฏิ เ ส ธ แ น ว คิ ด ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร ด้ ว ย ก ำ ร ก ำ ห น ด สิ่ ง ต่ ำ ง ๆ ที่เกี่ยวกับหลักสูตรด้วยกำรอธิ บำยเชิงเหตุผลโดยปรำศจำกกำรค้น คว้ำหำข้อเท็จจริงมำก่อน วิธีกำรของวอล์คเกอร์เป็นวิธีกำรศึกษำแบบประจักษ์นิยม(Epiricalism) หรือเป็นวิธีกำรศึกษำแบบธรรมชำติ (Naturalistic model) ซึ่ ง เป็ น วิธี กำรที่เป็ น กำรแสวงห ำข้อเท็จจริง จำกปรำกฏกำรณ์ ทำงสัง คม และผ่ำนกระบวนกำรพิจำรณำไตร่ตรองอย่ำงเหมำะ สมก่อน กำรตัดสิน ใจออกแบบหลักสูตร ส่วนผลกำรพิจำรณำจะออกมำเช่นไรก็ยอมรับตำมสภำพกำรณ์ซึ่งเป็นวิธีคล้ำยกับเติบโตของสิ่งต่ำงๆ ในธรรมชำติ (Marsh , 1986 , curricula ; An Analytical Introduction :53-57) รู ป แ บ บ ก ำ ร พั ฒ น ำ ห ลั ก สู ต ร ต ำ ม แ น ว คิ ด ข อ ง ว อ ล์ ค เ ก อ ร์ แบ่งเป็นกระบวนกำรพัฒนำหลักสูตรออกเป็น 3ขั้นตอน คือ (Walker , 1971,curriculum TheoryNetwork: 58- 59) 2.กำรกำหนดวัตถุประสงค์ ( Define Objectives) 3.กำรออกแบบกำรจัดกำรเรียนกำรสอน ( Design theteaching –learning programme) 4.กำรนำหลักสูตรไปใช้ ( Interpretand implement the programme ) 5.กำรประเมินกำรเรียนรู้และกำรประเมินหลักสูตร ( Assess and evaluate )
  • 24. กำรพัฒนำหลักสูตร หน้ำ 24 ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ซึ่งได้มำจำกกำรศึกษำเชิงประจักษ์ที่ได้จำกมุมมองต่ำงๆ ควำมเชื่อค่ำนิยมทฤษฎีแนวคิดเป้ำหมำยเพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐำนในกำรพิจำรณำสร้ำงหลักสูตรต่อไปในอนำคต ทั้งนี้ มีควำมจำเป็นที่ต้องวิเครำะห์ปัญหำต่ำงๆ ไว้ล่วงหน้ำซึ่งเป็นประโยชน์ในกำรดำเนินกำรขั้นต่อไป ขั้ น ต อ น ที่ 2 ก า ร พิ จ า ร ณ า ไ ต ร่ ต ร อ ง ( Deliberates) ซึ่งเป็นกำรนำข้อมูลพื้นฐำนทั่วไปที่ได้จำกกำรวิเครำะห์ปัญหำต่ำงเข้ำมำสู่กระบวนกำรปรึกษำหรือกำรอภิปรำย กำรวิพำกษ์วิจำรณ์เพื่อพิจำรณำทำงเลือกต่ำงๆ ก่อนที่จะออกแบบหลักสูตร โดยกำรถ่วงน้ำหนักทำงเลือกต่ำงๆ (eight alternatives) ในทุกๆ ด้ำนอย่ำงเป็นรูปธรรม ทั้งในเชิงต้นทุน ค่ำใช้จ่ำยและประโยชน์ที่ได้รับมำ กำรพิ จำรณ ำท ำง เลือ กนี้ จะ ก่อใ ห้ เกิดควำม ไม่แน่ ใ จว่ำเป็ น ท ำง เลือก ที่ ดีที่ สุ ด ดัง นั้ น จึงสำมำรถที่จะยอมรับหรือปฏิเสธได้อย่ำงเต็มที่ก่อนกำรกำหนดทิศทำงที่ถูกต้องในกำรออกแบบหลักสู ตรต่อไ ป ขั้ น ต อ น ที่ 3 ก า ร อ อ ก แ บ บ ห ลั ก สู ต ร ( Curriculum design) เ ป็ น ก ำ ร วิ นิ จ ฉั ย เ กี่ ย ว กั บ ส ำ ร ะ ส ำ คั ญ ข อ ง ห ลั ก สู ต ร ก่ อ น โ ด ย ค ำ นึ ง ถึ ง อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ อ ย่ำ ง ร อ บ ด้ ำน ข อ ง ก ร ะ บ ว น ก ำ ร พั ฒ น ำห ลั ก สู ต ร ซึ่ ง ไ ม่ ก ำ ห น ด รู ป แ บ บ ห ลั ก สู ต ร ไ ว้ ล่ ว ง ห น้ ำ แต่ใ ช้ใ น ก ำรแส วง ห ำควำมเห มำะ ส มที่ส อ ดคล้อง กับ ค วำมเ ป็ น จริ ง ขอ ง สถ ำน กำรณ์ เป็ น ก ำรเลือ กที่ ผ่ำน ก ำรก ลั่น ก รอง ม ำแ ล้ว แ ละ มีควำมชัด เจน ใ น อง ค์ ประ กอ บ ต่ำง ๆ โด ยสำมำรถชี้ เฉ พ ำะ เจำะ จง ควำมต้อ ง กำรห ลักสู ตรขอ ง ชุม ช น ได้ชัด เจน ม ำกยิ่ง ก ว่ำ รูปแบบของหลักสูตรเชิงวัตถุประสงค์กำรออกแบบหลักสูตรเชิงพลวัตเป็นพรรณนำควำมเชื่อมโยงจำกข้อมูลพื้ นฐำน โดยนำตัวแปรต่ำงๆ ที่เกี่ยวข้องมำสู่กระบวนกำรพิจำรณำไตร่ตรองอย่ำงรอบคอบ (Deliberations) ซึ่งเป็นกำรเลือกวิธีที่ดีที่สุดจำกนั้นเริ่มก้ำวไปสู่จุดสุดท้ำย คือ กำรออกแบบหลักสูตรที่มีลักษณะเฉพำะเจำะจง รูปแบบกำรพัฒนำหลักสูตรตำมแนวคิดของวอล์คเกอร์ แสดงดังภำพประกอบ 9 ควำมเชื่อค่ำนิยม ทฤษฎี แนวคิด เป้ำหมำย ข้อมูลพื้นฐำนทั่วไป (Platform )