Rubber
- 8. วิธีการติดตาเขียว 1. ต้นกล้ายาง ต้องสมบูรณ์แข็งแรง อายุประมาณ 4 1/2 - 8 เดือน 2. กิ่งตาเขียว สมบูรณ์มีอายุ 42-49 วัน 3. วิธีการติดตาเขียวฝึกได้ง่าย ผู้ที่มีความชำนาญจะ สามารถติดได้ประมาณ 300 ต้นต่อวัน 4. ฤดูกาล ควรเป็นต้นฤดูฝนไปจนถึงกลางฤดูฝน
- 9. 5. วัสดุอุปกรณ์ - กรรไกรตัดกิ่งตา - ถุงพลาสติกใส่กิ่งตา - แถบพลาสติกใสขนาดกว้าง 5/8 นิ้ว หนา 0.05 มิลลิเมตร - หินลับมีด - เศษผ้าสำหรับเช็ดต้นยาง วิธีการติดตาเขียว ( ต่อ )
- 10. วิธีปฏิบัติ 1. เลือกต้นกล้าที่สมบูรณ์ ทำความสะอาดโคนต้นกล้า ด้วยเศษผ้าเช็ดสิ่งสกปรกและทรายออก 2. เปิดรอยกรีดโดยใช้ปลายมีดกรีดตามความยาว ลำต้น 2 รอย ขนาดยาว 7-8 เซ็นติเมตร ห่างกัน ประมาณ 1 เซ็นติเมตร ใช้มีดตัด ขวางรอยกรีดด้านบนให้เชื่อมกัน
- 11. 3. เตรียมแผ่นตาจากกิ่งตาเขียว 4. แต่งแผ่นตาทั้ง 2 ข้าง 5. ลอกแผ่นตาออกจากเนื้อไม้ 6. รีบสอดแผ่นตาที่ลอกเนื้อไม้ออกแล้วนี้ใส่ลงในลิ้น เปลือกต้นตอเบา ๆ วิธีปฏิบัติ ( ต่อ )
- 12. 7. พันด้วยแผ่นพลาสติกใส 8. ตรวจสอบความสำเร็จเรียบร้อย พร้อมทั้งปักป้าย แสดงวันที่ติด ชื่อพันธุ์ยางและจำนวนต้นไว้ หลัง จากนั้นอีก 21 วัน ให้ตรวจดูหากแผ่นตายังเขียว อยู่ แสดงว่าการติดตาประสบผลสำเร็จ วิธีปฏิบัติ ( ต่อ )
- 14. วิธีการปลูกด้วยเมล็ดแล้วติดตาในแปลง มีวิธีการคือ 1. การเตรียมพื้นที่ โดยการไถพลิกดิน ไถพรวนซ้ำเพื่อให้ ดินร่วนและทำการปักไม้ชะมบตามระยะปลูกที่กำหนด 2. เตรียมหลุมปลูก ขนาดเท่ากับ 50x50x50 เซ็นติเมตร
- 15. 3. นำเมล็ดลงปลูก หลุมละ 3 เมล็ด ระยะห่างระหว่าง เมล็ด 25 เซ็นติเมตร วางให้ด้านแบนของเมล็ดคว่ำ ลง หรือให้ด้านรากของเมล็ดคว่ำลง ลึกจากผิวดิน ประมาณ 3 เซ็นติเมตร 4. ทำการติดตา เมื่อกล้ายางมีอายุได้ 7-8 เดือน 5. กำจัดวัชพืชพร้อมกับการใส่ปุ๋ยก่อนทุกครั้ง สูตร 1 หรือ 3 ในอัตรา 15 กรัมต่อต้น หลังจากปลูกเดือน ที่ 1,2,3 และก่อนติดตา 1 เดือน วิธีการปลูกด้วยเมล็ดแล้วติดตาในแปลง ( ต่อ )
- 16. การปลูกด้วยต้นตอตา ต้นตอตา ก็คือต้นกล้ายางที่ติดตาด้วยยางพันธุ์ดีไว้ เรียบร้อยแล้วแต่ตายังไม่แตกออกมา ต้นตอยางที่ดีต้องมี ส่วนของรากแก้วที่สมบูรณ์ไม่คดงอ ลำต้นตรง ในการปลูกด้วยต้นตอตา ขณะปลูกควรให้แผ่นตาอยู่ในแนวทิศเหนือใต้ เพื่อไม่ให้แผ่นตาถูกแสงแดดมากเกินไป
- 17. การปลูกด้วยต้นยางชำถุง ต้นยางชำถุงมีอยู่ 2 วิธีคือ 1. การใช้วิธีติดตาในถุง 2. การใช้ต้นตอตาเขียวมาปลูกในถุง
- 21. การตัดแต่งกิ่งบริเวณทรงพุ่ม 1. เมื่อต้นยางอายุ 2-3 ปี คอยตัดกิ่งแขนงที่แตกออกมามากออก 2. กิ่งที่แตกออกเป็นคาคบมีขนาดไม่เท่ากันทำให้น้ำหนักของกิ่งไม่สมดุลให้ตัดกิ่งเล็กออก 3. เมื่อยางอายุ 3-5 ปี ยังต้องเลือกตัดกิ่งออกอีกเมื่อมีทรงพุ่มใบหนาเกินไป
- 24. การกรีดยาง แยกออกได้เป็น 4 ลักษณะคือ 1. การกรีดยางในระยะ 3 ปีแรก 2. การกรีดยางหลังจาก 3 ปีไปแล้ว 3. การกรีดเปลือกงอกใหม่ 4. การใช้สารเคมีเร่งน้ำยางกับเปลือกเดิม ของยางบางพันธุ์
- 25. การกรีดยางในระยะ 3 ปีแรก ควรพิจารณาใช้ระบบกรีดที่เหมาะสมดังนี้ (1/2 S.d/3) (1/2 S.d/2) (1/2 S.d/3 + E.T.2.5%)
- 26. การกรีดยางหลังจาก 3 ปีไปแล้ว ระบบกรีดที่ใช้ควรเป็นดังนี้ (1/2 S.d 3) (1/2S.d/2) (1/2 S.d/3 +E.T.2.5%)
- 27. การกรีดเปลือกงอกใหม่ กระทำได้ 2 ลักษณะคือ ใช้สารเคมีเร่งและไม่ใช้สารเคมี การใช้สารเคมีเร่ง (1/2S.d/4) หรือ (1/2S.d/3) ไม่ใช้สารเคมีเร่ง ทำได้ 2 ระบบคือ (1/2S.d/2) (1/2S.d/3)
- 31. - เครื่องกรองน้ำยางเบอร์ 40 และ 60 - ใบพายกวานน้ำยาง - ที่ตวงน้ำยางขนาด 3 ลิตร - โต๊ะสำหรับนวดแผ่นยาง - อ่างเคลือบสำหรับผสมน้ำกรด อุปกรณ์ที่จำเป็น ( ต่อ )
- 33. - ให้ช้อนฟองอากาศออกให้หมด - ปิดฝาตะกงเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกลงไป นำไปตั้งทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที ยางในตะกงก็จะแข็งตัว - เมื่อยางแข็งตัวดีแล้ว รินน้ำหล่อไว้ทุกตะกงเพื่อความสะดวกในการเลาะยางออกจากข้างตะกง - คว่ำตะกงลงบนแท่นนวด ยางจะหลุดออกจากตะกง จากนั้นทำการนวดด้วยมือหรือไม้นวดก็ได้ตามถนัด
- 34. - นำยางที่นวดจนบางแล้วนี้ เข้าเครื่องรีดเรียบ 3 ครั้ง ให้แผ่นยางหนาประมาณ 3-4 มิลลิเมตร แล้วจึงนำเข้าเครื่องรีดดอก 1 ครั้ง - นำยางที่ผ่านเครื่องรีดดอกแล้วไปล้างน้ำให้สะอาด เพื่อล้างกรดออก แล้วจึงนำไปผึ่งลมในที่ร่ม ไม่มี ฝุ่นอากาศถ่ายเทได้สะดวก เมื่อยางแห้งก็สามารถเก็บไว้ขายได้ หรือถ้าหากมีโรงรมควัน เมื่อน้ำหยุดไหลหลังจากผึ่งไว้สักครู่ก็สามารถนำเข้าโรงรมได้เลย
- 35. ลักษณะของยางแผ่นชั้นดี 1. เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ไม่คอดกิ่ว ยาวประมาณ 70-80 เซนติเมตร หนาประมาณ 3-4 มิลลิเมตร หนักประมาณ 0.8-1 กิโลกรัม 2. สะอาดปราศจากฟองอากาศ 3. มีสีใสสม่ำเสมอทั้งแผ่นไม่มีขาว 4. มีความยืดหยุ่นดี ไม่ฉีกขาดง่าย และมีรอยดอกยาง เห็นเด่นชัด
- 36. โรค - ศัตรูยางพารา - โรคใบจุดตานก - โรคเกิดจากเชื้อคอลเลโทตริกัน - โรคเกิดจากเชื้อออยเดียม - โรคใบไหม้ - โรคใบร่วงและผลเน่าจากเชื้อไฟท๊อปโทรา - โรคตายจากยอด