More Related Content
Similar to Is2ขั้นตอนการเขียรายงาน
Similar to Is2ขั้นตอนการเขียรายงาน (20)
Is2ขั้นตอนการเขียรายงาน
- 1. ขั้นตอนการเขียนรายงานทางวิชาการ
ขั้นตอนที่ 1 การเลือกหัวข้ อเรื่อง
หมายถึง การเลือกเรื่ องที่จะเขียนรายงานครู อาจกาหนดให้หรื อผูเ้ รี ยนเป็ น
ผูเ้ ลือกด้วยตนเอง ควรคานึงถึงหลัก ดังนี้
1.1 เรื่ องที่น่าสนใจ มีประโยชน์ต่อตนเอง สังคม มีส่วนส่ งเสริ มพัฒนา
ความรู้ทางวิชาการ
1.2 เรื่ องที่ตวเองถนัด และมีความรู้ในเรื่ องนั้นๆ เป็ นอย่างดี
ั
1.3 เรื่ องที่มนใจว่าจะทาได้ดีที่สุดภายในระยะเวลาที่กาหนด
ั่
1.4 เรื่ องที่สามารถหาหนังสื อ และแหล่งข้อมูลได้สะดวก
1.5 ชื่อเรื่ อง ควรมีลกษณะดึงดูดความสนใจ คาหรื อวลีที่ส้ น กะทัดรัด สื่ อ
ั
ั
ความหมายได้ชดเจน ครอบคลุมเนื้อเรื่ องและตรงกับเนื้อหาให้มากที่สุด
ั
ขั้นตอนที่ 2.การกาหนดขอบเขตกับการตั้งชื่อเรื่อง
วิธีการกาหนดหัวข้อเรื่ องให้แคบลงหรื อให้กว้างขึ้นเพื่อความเหมาะสม
ทาได้หลายวิธี ดังตัวอย่างต่อไปนี้
2.1. วิธีการจากัดขอบเขตของเรื่ องให้แคบลงทาได้หลายวิธี คือ
2.1.1 โดยสถานที่และสภาพภูมิศาสตร์ เป็ นหลัก ตัวอย่าง เช่น จาก
หัวข้อ “ประเพณีไทย” จากัดให้แคบลง ได้ชื่อเรื่ องที่เหมาะสม คือ
- “ประเพณีไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”
-“ประเพณีจังหวัดอุบลราชธานี”
- 2. 2.1.2 โดยหัวข้อย่อย หรื อประเด็นสาคัญ
ตัวอย่าง เช่น จากหัวข้อ “สิ นค้าส่ งออก” จากัดให้แคบลง ได้ชื่อเรื่ องที่
เหมาะสม คือ
-“สิ นค้ าส่ งออกประเภทอาหาร”
-“อาหารแช่ แข็ง”
2.1.3 โดยใช้เวลาหรื อยุคสมัยเป็ นหลัก
ตัวอย่าง เช่น จากหัวข้อ “ภาวะเศรษฐกิจไทย” จากัดให้แคบลง ได้ชื่อเรื่ อง
ที่เหมาะสม คือ
-“ภาวะเศรษฐกิจไทยสมัยรัฐบาล นายกปู”
-“ภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2556”
2.1.4 โดยกาหนดกลุ่มของบุคคล
ตัวอย่าง เช่น จากหัวข้อ “ปั ญหาเศรษฐกิจ” จากัดให้แคบลง ได้ชื่อเรื่ องที่
เหมาะสม คือ “ปัญหาหนีสินของเกษตรกรไทย”
้
2.2. วิธีการขยายขอบเขตให้กว้างขึ้นทาได้หลายวิธี คือ
2.2.1 โดยใช้สถานที่และสภาพภูมิศาสตร์ เป็ นหลัก
ตัวอย่าง เช่น จากหัวข้อ “น้ าตกทีลอซู” ขยายขอบเขต ได้ชื่อเรื่ องที่
เหมาะสม คือ “นาตกในอุทยานแห่ งชาติทางภาคเหนือ”
้
2.2.2 โดยหัวข้อย่อย หรื อประเด็นสาคัญ
ตัวอย่าง เช่น จากหัวข้อ “การพิมพ์ธนบัตรไทย” ขยายได้ชื่อเรื่ อง ที่
เหมาะสม คือ “วงจรของธนบัตรไทย”
- 3. 2.2.3 โดยการใช้เวลาหรื อยุคสมัยหลัก
ตัวอย่าง เช่น จากหัวข้อ “การประกวดเพลงกล่อมลูก” ขยายได้ชื่อเรื่ อง ที่
เหมาะสม คือ “วิวฒนาการของเพลงกล่ อมลูก”
ั
2.2.4 โดยกาหนดกลุ่มของบุคคล
ตัวอย่าง เช่น จากหัวข้อ “ปั ญหาเด็กเขมรเข้ามาขอทาน” ขยายได้ชื่อเรื่ อง ที่
เหมาะสม คือ “ปัญหาผู้หลบหนีเข้ าเมืองโดยผิดกฎหมาย”
ขั้นตอนที่ 3 สารวจแหล่ งข้ อมูล
ผูทารายงานได้ดีตองมีคุณสมบัติที่สาคัญคือ การศึกษาค้นคว้า สื บเสาะ
้
้
แสวงหาข้อมูลซึ่งอาจทาได้หลายวิธี เช่น
-เอกสารต่างๆ ในห้องสมุด
-สัมภาษณ์ผรู้ผเู้ กี่ยวข้อง
ู้
-ศึกษาจากสถานที่จริ ง
แหล่งข้อมูลที่สาคัญมี ดังนี้
3.1. สารวจบัตรรายการ
-บัตรหัวเรื่ อง
-บัตรผูแต่ง
้
-เลขเรี ยกหนังสื อ
-บัตรชื่อเรื่ อง
-ฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์
3.2. สารวจหนังสื ออ้ างอิงประเภทต่ างๆ
3.2.1 พจนานุกรม ซึ่งจะใช้คนคาศัพท์และความหมาย
้
- 4. 3.2.2 สารานุกรม เพื่อค้นหาเรื่ อง หัวข้อที่จะศึกษาซึ่งจะช่วยให้
เข้าใจ ความหมาย ขอบข่าย โครงเรื่ อง หัวข้อย่อยของเรื่ อง ความรู้พ้ืนฐาน
เรื่ องนั้นๆ และตอนท้ายของบทความอาจมีรายชื่อหนังสื อหรื อเอกสาร
ประกอบการค้นคว้าไว้ให้ผอ่านสามารถค้นหาอ่านเพิ่มเติม จากเอกสาร
ู้
ต้นฉบับได้ดวย
้
3.2.3 หนังสื อรายปี ใช้คนคว้าเรื่ องราว เหตุการณ์ และสถิติต่างๆ
้
ในช่วงปี นั้นๆ เช่น หนังสื อรายปี ของหน่วยงานราชการต่างๆ
3.2.4 หนังสื ออ้ างอิงทางภูมิศาสตร์ ใช้คนหาข้อมูลทางภูมิศาสตร์
้
ความรู้เกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ หนังสื อนาเที่ยวสถานที่ต่างๆ ซึ่งจะแนะนา
ให้รู้จก ประเทศ เขต เมือง รัฐ จังหวัด และสถานที่สาคัญๆ สถานที่
ั
น่าสนใจต่างๆ ศึกษาแผนที่เกี่ยวกับสภาพภูมิศาสตร์ เช่น แม่น้ า ภูเขา
ทะเล อาณาเขต ฯลฯ
3.2.5 อักขรานุกรมชีวประวัติ ใช้คนหาชีวประวัติบุคคล สาคัญ
้
3.2.6 นามานุกรม หรือ ทาเนียบนาม ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับชื่อเฉพาะ
ต่างๆ เช่น ชื่อบุคคล องค์การ ห้างร้าน บริ ษท ฯลฯ
ั
3.2.7 บรรณานุกรม ใช้คนหารายชื่อหนังสื อ สิ่ งพิมพ์ต่างๆ
้
อาจจะเป็ นรายชื่อสิ่ งพิมพ์เฉพาะสาขาวิชา หรื อรายชื่อของสิ่ งพิมพ์สถาบันใด
สถาบันหนึ่ง
3.2.8 หนังสื อดัชนี ใช้คนหารายชื่อบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารต่างๆ
้
หรื อดัชนี หนังสื อพิมพ์ใช้สาหรับค้นหาบทความที่ตีพิมพ์ในหนังสื อพิมพ์
ชื่อต่างๆ
- 5. ขั้นตอนที่ 4. สารวจหนังสื อ เอกสารสิ่ งพิมพ์ต่างๆ
4.1 หนังสื อ เปิ ดดูสารบัญ เปิ ดดูเนื้อหาในหัวข้อที่เกี่ยวข้องและที่ทายเล่ม
้
หนังสื อ แต่ละเล่มจะมีบรรณานุกรมใช้คนคว้าเพิ่มเติมได้อีก
้
4.2 วารสาร และนิตยสาร เป็ นสิ่ งพิมพ์ที่มีบทความกาหนดออกไว้แน่นอน
ภายใต้ชื่อเดียวกัน
4.3 หนังสื อพิมพ์ เป็ นสิ่ งพิมพ์ที่มุ่งเสนอข่าว ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น
ใหม่สดในแต่ละวัน
4.4 จุลสาร เป็ นสิ่ งพิมพ์เฉพาะเรื่ อง ขนาดเล็กส่ วนมากมีความหนาไม่เกิน
่
60 หน้าเสนอเรื่ องราวใหม่ ทันสมัย อยูในความสนใจของคนขณะนั้น จบใน
เล่ม
4.5 วิทยานิพนธ์ เป็ นรายงานผลการวิจยในเรื่ องต่างๆ ที่นกศึกษาระดับ
ั
ั
ปริ ญญาโท และปริ ญญาเอกจัดทาขึ้นซึ่งถือเป็ นส่ วนสาคัญของการศึกษา
4.6 เอกสารของหน่ วยงานราชการต่ างๆ จัดทาข้อมูลขึ้นเพื่อประโยชน์ใน
การ ปฏิบติงานของตนหรื อเพือเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ ความเจริ ญก้าวหน้า
ั
่
ผลการดาเนินงาน
4.7 เอกสารหรือหลักฐานปฐมภูมิอนๆ เช่น บันทึกความทรงจา
ื่
อัตชีวประวัติ จดหมาย ส่ วนตัว ฯลฯ
ขั้นตอนที่ 5. สารวจแหล่ งข้ อมูล แหล่ งความรู้ อนๆ เช่น
ื่
5.1 โสตทัศนวัสดุ ประเภทต่างๆ เช่น วีดีทศน์ ภาพยนตร์
ั
5.2 สื่ ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น ซีดี-รอม
5.3 บุคคล ครู อาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญ บรรณารักษ์ คาแนะนา สัมภาษณ์
- 6. แบบสอบถาม หรื อวิธีการสังเกต
5.4 โบราณสถาน โบราณวัตถุ สถานที่สาคัญๆ
ขั้นตอนที่ 6. สารวจจากฐานข้ อมูลบนอินเทอร์ เน็ต
-สื บค้ นจาก www.google.co.th
-สื บค้ นจาก ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์