More Related Content
Similar to ใบความรู้ที่ 5
Similar to ใบความรู้ที่ 5 (20)
ใบความรู้ที่ 5
- 1. ใบความรู้ ที่ 5
เรื่อง รู ปแบบของการส่ งสั ญญาณข้ อมูล และสื่ อกลางในการสื่ อสารข้ อมูล
วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสาร รหัส ง22204 ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2556
รู ปแบบของการส่ งสั ญญาณข้ อมูล
การสื่ อสารข้อมูลจะต้องมีการส่ งข้อมูลหรื อสัญญาณผ่านสื่ อกลางไปยังผูรับ โดยการกําหนดขั้นตอนและ
้
วิธีการควบคุมทิศทางการส่ งที่แน่นอน แบ่งออกเป็ น 3 รู ปแบบ ได้แก่
1.
แบบทิศทางเดียวหรือซิมเพล็กซ์ ( One-Way หรือ Simplex )ในการส่ งสัญญาณข้อมูล
แบบ simplex ข้อมูลจะถูกส่ งไปในทางเดียวเท่านั้น และตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น การกระจาย
เสี ยงของ สถานีวทยุหรื อการแพร่ ภาพทางโทรทัศน์เป็ นต้น
ิ
รู ปแบบSimplex
2. แบบกลึงทางกึงทางคู่หรือครึ่งดูเพล็กซ์ ( Half Duplex ) สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลของผูรับและ
่
่
้
ผูส่งแต่ตองสลับกันส่ ง จะทําใน เวลาเดียว กันไม่ได้ เช่นการสื่ อสารโดยใช้วทยุสื่อสาร
้
้
ิ
รู ปแบบ ( Half Duplex )
- 2. 3. แบบทางคู่ (Full-Duplex) ในแบบนี้เราสามารถส่ งข้อมูล ได้พร้อมๆ กันทั้งสองทาง ตัวอย่างเช่น การพูดคุย
่
โทรศัพท์ โดยสามารถ สื่ อสารพร้อมกันได้ท้ งสองฝ้่ าย บางครั้ง เรี ยกการสื่ อสาร แบบทางคูวา Four-Wire Line
ั
รู ปแบบ Full-Duplex
สื่ อกลางในการสื่ อสารข้ อมูล ( Communication Media )
ตัวกลางหรื อสายเชื่อมโยง เป็ นส่ วนที่ทาให้เกิดการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน และอุปกรณ์
ํ
่
นี้ยอมให้ข่าวสารข้อมูลเดินทางผ่าน จากผูส่งไปสู่ ผรับ สื่ อกลางที่ใช้ในการสื่ อสารข้อมูลมีอยูหลายประเภท แต่ละ
้
ู้
ประเภทมความแตกต่างกันในด้านของปริ มาณข้อมูลที่สื่อกลางนั้น ๆ สามารถนําผ่านไปได้ในเวลาขณะใด
ขณะหนึ่ง การวัดปริ มาณหรื อความจุในการนําข้อมูลหรื อ ที่เรี ยกกันว่าแบบด์วดท์ ( bandwidth) มีหน่วยเป็ นจํานวน
ิ
บิตข้อมูลต่อวินาที ( bit per second : bps ) ลักษณะของตัวกลางต่างๆ มีดงต่อไปนี้
ั
สื่ อกลางประเภทสายสั ญญาณ ( Wired Media )
สื่ อกลางประเภทมีสาย หมายถึง สื่ อกลางที่เป็ นสายซึ่ งใช้ในการเชื่อมโยงโดยอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อใช้ในการ
ส่ งผ่านข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ และอุปกรณ์ในระยะทางที่ห่างกันไม่มากนัก สายสัญญาณที่นิยมใช้ในปัจจุบน คือ
ั
สายคู่บิดเกลียว ( twisted pair ) สายโคแอกเชียล ( coaxial ) และสายใยนําแสง (fiber optic)
1) สายคู่บิดเกลียว (twisted pair)
ประกอบด้วยเส้นลวดทองแดงที่หุมด้วยฉนวนพลาสติก 2 เส้น พันบิดเป็ นเกลียว ทั้งนี้เพื่อลดการรบกวน
้
จากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ าจากคู่สายข้างเคียงภายในเคเบิล เดียวกันหรื อจากภายนอก เนื่องจากสายคู่บิดเกลียวนี้ยอมให้
่ ั
สัญญาณไฟฟ้ าความถี่สูงผ่านได้ สําหรับอัตราการส่ งข้อมูลผ่านสายคู่บิดเกลียวจะขึ้นอยูกบความหนาของสายด้วย
กล่าวคือ สายทองแดงที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว้าง จะสามารถส่ งสัญญาณไฟฟ้ ากําลังแรงได้ ทําให้สามารถส่ งข้อมูล
ด้วยอัตราส่ งสู ง โดยทัวไปแล้วสําหรับการส่ งข้อมูลแบบดิจิทล สัญญาณที่ส่งเป็ นลักษณะคลื่นสี่ เหลี่ยม สายคู่บิด
ั
่
- 3. เกลียวสามารถใช้ส่งข้อมูลได้ถึงร้อยเมกะบิตต่อวินาที ในระยะทางไม่เกินร้อยเมตร เนื่องจากสายคู่บิดเกลียว มีราคา
ไม่แพงมาก ใช้ส่งข้อมูลได้ดี จึงมีการใช้งานอย่างกว้างขวาง
1.1 สายคู่บิดเกลียวชนิดหุ้มฉนวน (Shielded Twisted Pair : STP)
เป็ นสายคู่บิดเกลียวที่หุมด้วยลวดถักชั้นนอกที่
้
หนาอีกชั้นเพื่อป้ องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ า มี
ลักษณะเป็ นสองเส้น มีแนวแล้วบิดเป็ นเกลียวเข้าด้วยกันเพื่อ
ลดเสี ยงรบกวน มีฉนวนหุ มรอบนอก มีราคาถูก ติดตั้งง่าย
้
นํ้าหนักเบาและ การรบกวนทางไฟฟ้ าตํ่า สายโทรศัพท์จดเป็ น
ั
สายคู่บิดเกลียวแบบหุ มฉนวน
้
1.2 สายคู่บิดเกลียวชนิดไม่ ห้ ุมฉนวน (Unshielded Twisted Pair : UTP)
เป็ น สายคู่บิดเกลียวมีฉนวนชั้นนอกที่บางอีกชั้นทําให้สะดวกในการโค้งงอแต่สามารถ
ป้ องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ าได้นอย
้
็
กว่า ชนิดแรก แต่กมีราคาตํ่ากว่า จึงนิยมใช้ในการ
เชื่อมต่ออุปกรณ์ในเครื อข่าย ตัวอย่าง ของสายสายคู่
บิดเกลียวชนิดไม่หุมฉนวน ที่เห็นในชีวตประจําวัน
้
ิ
่
คือ สายโทรศัพท์ที่ใช้อยูในบ้าน มีราคาถูกและนิยม
ั
ั
ใช้กนมากที่สุด ส่ วนใหญ่มกใช้กบระบบโทรศัพท์
ั
แต่สายแบบนี้มกจะถูกรบกวนได้ง่าย และไม่ค่อย
ั
ทนทาน
2) สายโคแอกเชียล (coaxial)
เป็ นตัวกลางเชื่อมโยงที่มีลกษณะเช่นเดียวกับสายที่ต่อจากเสาอากาศ สายโคแอกเชียลที่ใช้
ั
ทัวไปมี 2 ชนิด คือ 50 โอห์มซึ่งใช้ส่งข้อมูลแบบดิจิทล และชนิด 75 โอห์มซึ่งใช้ส่งข้อมูล
ั
่
สัญญาณแอนะล็อก สายประกอบด้วยลวดทองแดงที่เป็ นแกนหลักหนึ่งเส้นที่หุมด้วยฉนวน
้
ชั้นหนึ่ง เพื่อป้ องกันกระแสไฟรั่ว จากนั้นจะหุมด้วยตัวนําซึ่งทําจากลวดทองแดงถักเป็ นเปี ย เพื่อ
้
ป้ องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ าและสัญญาณรบกวนอื่นๆ ก่อนจะหุมชั้นนอกสุ ดด้วย
้
- 4. ฉนวนพลาสติก ลวดทองแดงที่ถกเป็ นเปี ยนี้เองเป็ นส่ วนหนึ่งที่ทาให้สายแบบนี้มีช่วงความถี่
ั
ํ
สัญญาณไฟฟ้ าสามารถผ่านได้สูงมาก และนิยมใช้เป็ นช่องสื่ อสารสัญญาณแอนะล็อกเชื่องโยง
ผ่านใต้ทะเลและใต้ดิน
3. เส้ นใยนําแสง (fiber optic)
ใย
ทําจากแก้วหรื อพลาสติกมีลกษณะเป็ นเส้นบางๆ คล้าย เส้นใยแก้วจะทําตัวเป็ นสื่ อในการส่ งแสง
ั
เลเซอร์ ที่มีความเร็ วในการส่ งสัญญาณเท่ากับ ความเร็ วของแสง สามารถส่ งสัญญาณที่มีความถี่สูงได้ และ
สัญญาณรบกวนภายนอกมีอย่างเดียวคือ แสงจากภายนอก มีราคาค่อนข้างสู งและดูแลรักษายาก
- 5. สื่ อกลางประเภทไร้ สาย (Wireless Media)
การสื่ อสารข้อมูลแบบไร้สายนี้สามารถส่ งข้อมูลได้ทุกทิศทางโดยมีอากาศเป็ นตัวกลางในการ
สื่ อสาร
1. สั ญญาณไมโครเวฟ (Microwave)
เป็ นสื่ อกลางในการสื่ อสารที่มีความเร็วสู ง ส่ งข้อมูลโดยอาศัยสัญญาณไมโครเวฟ ซึ่งเป็ น
สัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ าไปในอากาศพร้อมกับข้อมูลที่ตองการส่ ง และจะต้องมีสถานีที่ทา
้
ํ
หน้าที่ส่งและรับข้อมูล และเนื่องจากสัญญาณไมโครเวฟจะเดินทางเป็ นเส้นตรง ไม่สามารถเลี้ยว
หรื อโค้งตามขอบโลกที่มีความโค้งได้ จึงต้องมีการตั้งสถานีรับ - ส่ งข้อมูลเป็ นระยะๆ และส่ งข้อมูล
่
ต่อกันเป็ นทอดๆ ระหว่างสถานีต่อสถานีจนกว่าจะถึงสถานีปลายทาง และแต่ละสถานีจะตั้งอยูในที่
่
สู ง ซึ่งจะอยูในช่วงความถี่ 108 - 1012 เฮิรตซ์
2) ดาวเทียม ( satellite System )
ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจํากัดของสถานีรับ - ส่ งไมโครเวฟบนผิวโลก
วัตถุประสงค์ในการสร้างดาวเทียมเพื่อเป็ นสถานีรับ - ส่ งสัญญาณไมโครเวฟบนอวกาศ และทวน
สัญญาณในแนวโคจรของโลกในการส่ งสัญญาณดาวเทียมจะต้องมีสถานีภาคพื้นดินคอยทําหน้าที่
่
รับ และส่ งสัญญาณขึ้นไปบนดาวเทียมที่โคจรอยูสูงจากพื้นโลก 22,300 ไมล์ โดยดาวเทียมเหล่านั้น
่
่ ั
จะเคลื่อนที่ดวยความเร็วที่เท่ากับการหมุนของโลก จึงเสมือนกับดาวเทียมนั้นอยูนิ่งอยูกบที่ขณะที่
้