More Related Content Similar to การทำปฏิบัติการนอกสถานที่ (Out room lab diagnosis) (20) More from Mahidol University, Thailand (11) การทำปฏิบัติการนอกสถานที่ (Out room lab diagnosis)1. 1
การทาปฏิบัติการนอกสถานที่ Out room lab diagnosis
รวบรวมโดย
ทนพ. เมธี ศรีประพันธ์
ประกอบการออกหน่วยตรวจทางเทคนิคการแพทย์ ค่ายอาสาคณะสหเวชศาสตร์ จังหวัดกาญจนบุรี ปี 2551 2. 2
ประวัติผู้เรียบเรียง
ทนพ. เมธี ศรีประพันธ์ (พี่เม) สหเวชฯ รุ่น 12
-B.Sc. (Medical Technology) เกียรตินิยม , จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย :2549
-นิสิตปริญญาเอก สหสาขาชีวเวชศาสตร์ (หน่วยโรคติดเชื้อ) บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปี 2550
-ทุนการศึกษาปริญญาเอก เฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ปีการศึกษา 2550
-สอบผ่านใบประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ ปีการศึกษา 2549
-สมาชิกสมาคมเทคนิคการแพทย์แห่งประเทศไทย
-Poster presentation งานประชุมสมาคมเทคนิคการแพทย์ จ. เชียงใหม่ 2550
-Vaccine training project จากประเทศฝรั่งเศส : 2550
-ประธานโครงการส่งเสริมความรู้ทางด้านเทคนิคการแพทย์ ประธานฝ่ายวิชาการรุ่น 12
-ผลงานเอกสารคือ : Interesting topics in Medical Technology.
E-mail : sriprapun.m@gmail.com 3. 3
พระดารัส
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ
ในพิธีเปิดการประชุมวิชาการ สมาคมเทคนิคการแพทย์แห่งประเทศไทย ประจาปี 2550
เรื่อง เทคนิคการแพทย์ตามรอยพระยุคลบาท
“เทคนิคการแพทย์ มีความสาคัญต่อการให้บริการสุขภาพอนามัย ทั้งในการตรวจรักษา
วินิจฉัย ติดตามผลการรักษา ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ และแม้กระทั่งการส่งเสริมสุขภาพ”
“ฝึกฝน อบรมตนให้มีคุณธรรม จริยธรรม
และยึดมั่นในจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ถ้าทุกคนทาได้ดังนี้
เชื่อว่าจักสามารถปฏิบัติบทบาทหน้าที่บริการสุขภาพอนามัย ให้ประสบผลสาเร็จได้โดยไม่ยาก
ทั้งจะได้ชื่อว่าเป็นบุคลากรทางเทคนิคการแพทย์ที่ดีมี คุณภาพ”
ณ โรงแรมโลตัสปางสวนแก้ว จังหวัดเชียงใหม่
วันพุธที่ 25 เมษายน 2550 4. 4
บทนา
เอกสารนี้จัดทาเพื่อเป็นแนวทางและคู่มือฉบับย่อในการออกหน่วยทางเทคนิค การแพทย์ ซึ่งอาจมีข้อมูลไม่เพียงพอมาก แต่จะเป็นแนวทางในการที่จะบริหาร จัดการได้ เนื้อหาเพิ่มเติมนั้นสามารถอ่านต่อได้ในเอกสารอ้างอิง และคู่มือต่างๆที่ เกี่ยวข้องในเนื้อหาแต่ละส่วน โดยมีการปรับปรุงเนื้อหามาจากเอกสารที่ทาในค่าย อาสาปีที่ผ่านมา
ขอบคุณอาจารย์ และ ที่มาที่ผู้เรียบเรียงอ้างอิงทุกๆ ท่าน และทุกๆ ที่ ที่ให้ผู้เรียบ เรียงใช้ข้อมูลในการศึกษานี้ อยากให้เอกสารนี้เป็นประโยชน์ในการออกหน่วยและ เป็นคู่มือย่อๆ สาหรับน้องๆ ทุกๆ คน ถ้ามีข้อผิดพลาดอะไรในเอกสารนี้ก็ขออภัย ไว้ ณ ที่นี้ด้วย
จากใจผู้เรียบเรียง
ทนพ. เมธี ศรีประพันธ์ 5. 5
การทาปฏิบัติการนอกสถานที่
เป็นการทาการทดสอบทางห้องปฏิบัติการทางเทคนิคการแพทย์ที่มิได้ทา ในห้องปฏิบัติการทั่วไป ซึ่งโดยทั่วไปมักมีจุดประสงค์ในการไปที่เป็น การออกชนบท ออกตามหมู่บ้าน หรือทาในค่ายอาสาต่างๆ
จุดสาคัญของการทาปฏิบัติการนอกสถานที่หรือการออกหน่วยนั้นมักเป็น การตรวจคัดกรองเบื้องต้น หรือให้คาแนะนาปัญหาสุขภาพเบื้องต้นแก่ คนไข้ เพื่อที่จะให้คนไข้ไปพบแพทย์ในโรงพยาบาลต่อไป โดยการ ตรวจนั้นจะใช้การทดสอบที่สามารถทาได้ง่าย รวดเร็ว เชื้อถือได้ และไม่ ซับซ้อนมากจนเกินไป 6. 6
การออกหน่วยทางสาธารณสุข
•เป้าหมายคือ เป็นการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค มากกว่าการรักษา โรค โดยจะเป็นการทาในเชิง Health promotion •โดยทั่วไปในชุมชนจะมี อสม., ผสส., สาธารณสุขประจาท้องถิ่นนั้น รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ ทางานร่วมกัน
•ซึ่งการออกหน่วยนั้นในบางท้องถิ่นที่ห่างไกลจากสถานพยาบาลหลัก เช่น อนามัย โรงพยาบาลชุมชน จะมีความจาเป็นมาก 7. 7
การออกหน่วยของค่ายอาสาใน คณะทางวิทยาศาสตร์การแพทย์
•รูปแบบการออกหน่วยขึ้นอยู่ว่าคณะที่ไปนั้นเป็นคณะใด เช่นถ้าเป็นคณะ แพทยศาสตร์ จะเน้นการตรวจคนไข้
•ในส่วนของคณะสหเวชศาสตร์ เทคนิคการแพทย์ จะเน้นการตรวจทาง ห้องปฏิบัติการเบื้องต้นในการคัดกรองและประเมินสภาวะสุขภาพ เบื้องต้น •ผลการตรวจนั้นจะเป็นการตรวจที่ให้ผล “น่าจะ หรือคาดว่า” มิใช่การ บอกว่าเป็นโรคนั้นโรคนี้
•เครื่องมือและการทดสอบที่ใช้นั้นสามารถทาได้ง่าย รวดเร็ว และสะดวก 8. 8
ความรู้ที่จาเป็นต้องใช้
•ความรู้ทางด้านวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น ความรู้ ทางด้านเคมีคลินิก โลหิตวิทยา ภูมิคุ้มกันวิทยา ปราสิตวิทยา จุลทรร ศาสตร์คลินิก
•ความรู้เรื่องการแปลผลทางห้องปฏิบัติการเบื้องต้น
•ความรู้เบื้องต้นในโรคที่เกี่ยวข้องกับการตรวจ
•ความรู้ในการใช้ภาษา คาพูดในการอธิบายคนไข้
•ความรู้ในเรื่องมิตรภาพ ความเห็นอกเห็นใจ และมนุษยสัมพันธ์ 9. 9
การวางแผนการออกหน่วยทางเทคนิคการแพทย์
•ปัญหาที่พบส่วนใหญ่ในการออกหน่วยที่สาคัญ เช่น การจัดลาดับคิว คนไข้ การเขียน-การรับสิ่งส่งตรวจ การส่งสิ่งส่งตรวจ การเก็บสิ่งส่ง ตรวจ การตรวจ การรายงานผล และการอธิบายผลรวมถึงให้คาแนะนา ซึ่งอาจมีปัญหาในเรื่องการกาจัดของเสียที่ติดเชื้อ
•ผู้ที่ทางานจะต้องมีการวางแผนงานที่ดี มีการจัดการที่เป็นระบบ จึงจะ แก้ปัญหาต่างๆ ได้
•จานวนคนที่ใช้ในการทางาน ทุกคนต้องเข้าใจระบบงาน และสามารถ ทางานแทนกันได้ในกรณีที่บุคคลากรในจุดตรวจต่างๆ ไม่ครบ 11. 11
•วางแผนการใช้เลือดที่เจาะออกมาให้ดี
•ใช้วาจาสุภาพ และใจเย็นกับคนไข้
•ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นอย่าตื่นตระหนก ให้ตั้งสติแล้วเรียกผู้มีประสบการณ์ มากกว่ามาช่วยเหลือ
•ให้ยึดหลักที่ว่าคนที่มารับบริการตรวจจากเราคือญาติพี่น้องของเราเอง
ข้อควรคานึงในการทาปฏิบัติการนอกสถานที่(ต่อ) 13. 13
Blood group test
•หมู่เลือดที่นิยมทาการตรวจคือ ABO และ Rh ในที่นี้จะเน้น ABO มากกว่าเพราะการอ่านผล Rh จะใช้เวลานาน
•ความรู้ทั่วไปเรื่องหมู่เลือด ABO
- คนที่มีแอนติเจน A เรียกหมู่เลือด A
- คนมีแอนติเจน B เรียกหมู่เลือด B
- คนมีแอนติเจน A และ B เรียกหมู่เลือด AB
- คนไม่มีแอนติเจน A และ B เรียกหมู่ O 14. 14
•แอนติบอดี ของหมู่เลือด ABO มี 2 ชนิดคือ anti-A และ anti- B
- คนหมู่ A มี anti-B
- คนหมู่ B มี anti-A
- คนหมู่ AB ไม่มี anti-A และ anti-B
- คนหมู่ O มี anti-A และ anti-B
•ปกติการตรวจทางห้องปฏิบัติการจริงๆ จะทาทั้ง cell grouping และ serum grouping โดยการปั่นอ่านแล้วให้เกรด ซึ่งจะ ให้ผลที่แน่นอนกว่า
•การออกหน่วยจะเป็นการบอกเบื้องต้นเท่านั้นโดยใช้ slide test
Blood group test(ต่อ) 15. 15
Slide test for blood group
•เลือดที่ใช้ : เป็นเลือดจากปลายนิ้ว
•น้ายาที่ใช้ คือ anti-A, anti-B และ anti-AB •อุปกรณ์ที่สาคัญ : แผ่นสไลด์ ไม้เล็กๆ เข็มเจาะเลือดปลายนิ้ว ถังขยะที่ มีถุงแดง ขวดทิ้งเข็มที่มีน้ายาฆ่าเชื้อ ที่ทิ้ง slide •อุปกรณ์เจาะเลือด : 70% alcohol สาลีสะอาด ถุงมือ เข็มเจาะ เลือด 16. 16
วิธีการทาการตรวจ
•นิ้วที่เจ่ะควรเป็นนิ้วนางข้างที่ไม่ได้ใช้งานบ่อย ก่อนเจาะให้เช็ดด้วย 70% alcohol รอให้แห้ง จึงทาการเจาะเลือด
•เช็ดเลือดครั้งแรกทิ้งไปก่อน จากนั้นปล่อยให้เลือดไหลแบบ free- flow เพื่อป้องกัน fluid จาก tissue มา neutralizing น้ายาตรวจของเรา พยายามอย่าบีบเค้นเลือดมาก
•แตะเลือดลงบน slide 3 จุดจุดละ 1 หยดให้เท่าๆ กัน
•ใช้สาลีสะอาดปิดรอยเจาะที่นิ้วคนไข้ ให้คนไข้กดสาลีไว้เบาๆ •ทาการทดสอบหมู่เลือดโดยหยดน้ายา anti-A, anti-B และ anti-AB 19. 19
ข้อควรระวัง
•ระวังอย่าให้เลือดแห้งก่อนทาการหยดน้ายาตรวจ
•ถ้าต้องการใช้เลือดนั้นตรวจระดับน้าตาลในเลือดให้เอาเลือดเข้ายังแถบ ตรวจน้าตาลก่อนจึงทาการตรวจหมู่เลือด
•ถ้าผลไม่ชัดเจนควรทาการขอตรวจใหม่ หรือดูเทียบกับข้อมูลเดิมในบัตร ประชาชนคนไข้ว่าตรงหรือไม่ ถ้าไม่ตรงให้ขอตรวจใหม่ หรือแนะนา คนไข้ให้ไปตรวจอีกครั้งที่โรงพยาบาล ห้ามบอกว่าการทดสอบของเรา ถูกต้องที่สุดกับคนไข้ กรณีผลการตรวจไม่ตรงกัน เพราะการตรวจนี้เป็น การตรวจที่ไม่ใช่วิธีมาตรฐาน เป็นเพียง screening เท่านั้น 24. 24
ข้อควรระวังและคานึง
•การที่ผู้ป่วยมีระดับน้าตาลเกิน ไม่ได้บอกว่าผู้ป่วยเป็นเบาหวาน เพราะ ต้องอาศัยการตรวจอีกครั้งหนึ่ง และการตรวจยืนยันอื่นๆ นอกเหนือจาก นี้ ในที่นี้คือการประเมินความเสี่ยงเท่านั้น
•อย่าให้เลือดแข็งตัวก่อนจะหยดลงบนแถบตรวจเพราะจะทาให้อ่านผล ไม่ได้
•ค่าระดับน้าตาลนั้นจะแสดงที่เครื่องตรวจเลย
•ควรใช้แถบตรวจที่มีรหัสตรงกับเครื่องตรวจ เพื่อให้ได้ผลการตรวจที่น่า เชื้อถือมากขึ้น 25. 25
Hematocrit screening
•การวัดค่าของ hematocrit นั้นเป็นการดูระดับของเม็ดเลือดแดง อัดแน่นต่อปริมาตรเลือดทั้งหมดใน tube ที่ตรวจนั้น โดยคิดเป็น%
•อีกนัยคือ เป็นการหาความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดงอัดแน่นในปริมาตร ของเลือดทั้งหมด การรายงานผลจะบอกเป็น % •ประโยชน์ จะช่วยในการวินิจฉัยภาวะโรคโลหิตจาง(anemia) โดย บอกถึงปริมาณของเม็ดเลือดแดงที่อยู่ในร่างกายเราว่ามีปริมาณมากน้อย เพียงใด 26. 26
Hematocrit
•โดยทั่วไปจะมีวิธีการตรวจ 2 แบบคือ
1. Macrohematocrit จะใช้หลอดที่เรียกว่า wintrobe tube
2. Microhematocrit จะใช้หลอดแก้ว capillary ซึ่งจะมี 2 แบบ โดยต่างกันที่แถบสีข้างหลอด ถ้ามีแถบสีแดงแสดงว่ามีสารกัน เลือดแข็งประเภท heparin แต่ถ้าแถบน้าเงินแสดงว่าไม่มีสารกัน เลือดแข็ง
* ในที่นี้จะกล่าวถึง microhematocrit โดยต้องใช้หลอดที่มีแถบสี แดง เพราะเลือดนั้นเจาะมาจากปลายนิ้ว 27. 27
อุปกรณ์ในการปั่น hematocrit
•Capillary ที่มีแถบสีแดง •เครื่องปั่น hematocrit จะทาการปั่นที่ 12,000-15,000g เป็นเวลา 5 นาที
•Hematocrit reader
•ดินน้ามันอุดหลอด capillary 28. 28
วิธีการเก็บเลือด
•เช็ดบริเวณเจาะเลือดด้วย 70% alcohol จากนั้นเจาะเลือดโดยเช็ด เลือดหยดแรกทิ้งไป •ค่อยๆ ให้เลือดไหลเข้าในหลอดแก้ว capillary ให้ได้ปริมาตร ประมาณ 2/3 ถึง ¾ ของหลอด จากนั้นอุดปลายข้างหนึ่งด้วยดินน้ามัน เฉพาะ •นาไปปั่นที่เครื่องปั่น hematocrit ต้องปิดฝาทุกครั้งและ balance หลอดให้ดี ระวังอย่าสับหลอดหรือตาแหน่งปั่นของ คนไข้
•นามาอ่านผลโดยใช้ hematocrit reader 29. 29
การอ่านผล
ลักษณะของหลอดที่ปั่นแล้ว จะมีส่วนต่างๆ ดังในภาพ การอ่านนั่นจะให้แถบอ่านหรือ เส้นที่ตัดผ่านหลอดแก้วนั้นอยู่ในระดับ ลูกศร อย่าอ่านชั้น buffy coat ไปด้วย เพราะทาให้ค่าผิดพลาดได้
•การวาง tube ในแท่นอ่านให้ขีดดาที่บริเวณ ที่วาง tube ตรงกับขอบของดินน้ามันที่อุด ที่แสดงในลูกศร 2 เส้น 30. 30
การอ่านและแปรผล
•ถ้าไม่มีเครื่องอ่าน อาจใช้ไม้บรรทัดวัดแล้วคานวณตามสูตร
ค่า hematocrit(%) = ความสูงของ Pack red cells
ความสูงของ whole blood
X 100
ค่าปกติ
ผู้ชาย 40-54 %
ผู้หญิง 37-47 %
เด็ก 31-43 %
ทารก 30-40 %
แรกเกิด 44-64 %
ตั้งครรภ์ 30-44 % 31. 31
การตรวจปัสสาวะเบื้องต้น (Urine examination)
•เป็นการตรวจดูส่วนประกอบต่างๆ ในปัสสาวะ ซึ่งมีประโยชน์ในการ ช่วยวินิจฉัยโรค บอกความรุนแรงของโรค ช่วยในการรักษาและติดตาม การดาเนินของโรคโดยเฉพาะโรคในระบบทางเดินปัสสาวะ และโรค อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นโรคตับ โรคเบาหวาน •การตรวจนั้นจะมีทั้ง macroscopic และ microscopic examination ซึ่งในการออกหน่วยนั้นมักทาแบบ macroscopic examination จะสะดวกกว่า และจากนั้น จึงใช้แถบตรวจปัสสาวะในการตรวจคัดกรองเบื้องต้นเช่นกัน 32. 32
การเก็บปัสสาวะ
•ควรเก็บใส่กระบอกหรือภาชนะที่สะอาดมีฝาปิดมิดชิด และเขียนชื่อ ผู้ป่วยชัดเจน •การเก็บควรเก็บปัสสาวะช่วงกลางในการตรวจ(mid stream) โดยให้ถ่ายปัสสาวะช่วงแรกทิ้งไปก่อน จากนั้นจึงนาภาชนะมารองรับ ปัสสาวะช่วงกลาง โดยเก็บประมาณ 10-15 ml •ควรนาส่งตรวจทันที ไม่ควรเกิน 1 ชั่วโมง อาจให้คนไข้เก็บปัสสาวะที่ หน่วยตรวจได้เลย ถ้าเก็บมาจากบ้าน ควรเก็บไว้ที่ 2-8 องศาเซลเซียส แต่ ไม่ควรเกิน 24 ชั่วโมง 33. 33
Urine examination
•การดูสีปัสสาวะ ควรรายงานด้วยว่าปัสสาวะมีสีอะไร และมีสิ่งเจือปน อะไรบ้างออกมาในปัสสาวะจากการมองด้วยตาเปล่า
•ดูความขุ่น (turbidity)
•กลิ่น( odor)
•จากนั้นจึงนาแถบตรวจปัสาสวะมาจุ่มลงในปัสสาวะ จากนั้นซับให้ หมาด อ่านผลโดยเทียบกับข้างขวดที่เก็บแถวตรวจ จากนั้นรายงานผล การตรวจตามแถบตรวจนั้นๆ •การอ่านไม่ควรทิ้งไว้เกิน 1 นาที เพราะอาจเกิดสีผิดพลาดบนแถบตรวจ จนแปลผลผิดได้
35. 35
การแปลผลการตรวจปัสสาวะเบื้องต้น
•Color ค่าปกติคือ yellow or Straw yellow
•ค่าผิดปกติ
แดง/แดงปนน้าตาล อาจมีเม็ดเลือดแดงปนออกมา (hematuria) อาจต้องถามคนไข้
ว่ามีประจาเดือนหรือไม่
เหลืองปนน้าตาล/ปนเขียว อาจมีน้าดีปนออกมาจากโรคตับหรือโรค ทางเดินน้าดี
ส้ม/ชาแก่ เกิดจากมี urobilin จานวนมาก
ดา/น้าตาลดา มี hemogenesic หรือ melanin ปนออกมา
ขาวขุ่นคล้ายน้านม เกิดจากไขมัน ,chyle(Lymph),bacteria หรือมี เม็ดเลือดขาวปนออกมา
36. 36
•ปกติ : clear
•ผิดปกติ ความขุ่นอาจเกิดจาก
1. pyuria มีเม็ดเลือดขาวปน
2. Bacterinuria มีเชื้อแบคทีเรียปน
3. Lipiduria มีไขมันปน
4. Chyluria มี chyle ปน
5. Hematuria มีเม็ดเลือดแดงปน
Turbidity(ความขุ่น) 37. 37
Odor (บอกกลิ่นที่พบ)
•ปกติ : กลิ่นแอมโมเนียอ่อนๆ กลิ่น Aromatic อ่อนๆ
•ผิดปกติ
-กลิ่นเหม็น เกิดจากการมี fermentation ของ bacteria
-fruity odor พบในโรคเบาหวาน
-Maple syrup เกิดจาการขับกรดอะมิโนออกมามากผิดปกติ
-Fecal order อาจมีทางทะลุ(fistula) ระหว่างลาไส้ใหญ่กับ กระเพาะปัสสาวะ 38. 38
ข้อควรพิจารณา
•เมื่อพบปัสสาวะมีสี หรือ กลิ่นผิดปกติ ควรสอบถามคนไข้ก่อนว่าได้ ทานยา หรืออาหารอะไรมา ทานเป็นประจาหรือไม่ ก่อนการแปรผล เพราะอาหารหรือยาบางชนิดที่ผู้ป่วยทานอาจมีผลต่อสี กลิ่น และ ลักษณะของปัสสาวะที่ส่งตรวจได้
•เมื่อรับสิ่งส่งตรวจจากคนไข้ ถ้าเป็นสิ่งที่คนไข้นามาจากบ้านเอง ควร ถามว่าเก็บปัสสาวะไว้ที่ไหน เพราะถ้าเก็บในภาวะหรืออุณหภูมิที่ไม่ เหมาะสมอาจมีผลต่อค่าการตรวจได้ 40. 40
Stool examination
•เป็นการตรวจอุจจาระเพื่อดูความผิดปกติ ของอุจจาระว่ามีสิ่งเจือปน อะไรออกมา ดูการติดเชื้อปาราสิต รวมถึงใช้ในการช่วยวินิจฉัย ติดตาม การรักษา รวมถึงประเมินสภาวะของระบบขับถ่าย ระบบทางเดินอาหาร ในร่างกายผู้ป่วยได้
•ในการออกหน่วยนั้นจุดประสงค์หลักคือ การตรวจหาไข่พยาธิ และตัว อ่อนของพยาธิ •การตรวจนั้นต้องอาศัยทั้ง macroscopic และ microscopic examination 42. 42
คาแนะนาในการเก็บอุจจาระส่งตรวจ
•เก็บในภาชนะที่จัดให้ เก็บขนาดเท่าประมาณนิ้วหัวแม่มือ
•ระวังอย่าให้ปัสสาวะหรือน้าปะปนมา
•ถ้าพบว่ามีสิ่งแปลกปลอมออกมา เช่นมูกเลือด ตัวพยาธิ ให้เก็บมาส่งด้วย
•เขียนชื่อติดภาชนะให้ชัดเจน •ถ้านาส่งไม่ได้ให้เก็บที่ 2-8 องศาเซลเซียส แล้วรีบนาส่งห้องปฏิบัติการ 44. 44
Color
•Black tarry stool : upper GI bleeding •Bright red bleeding : ริดสีดวงทวารแตก เลือดออกใน ทางเดินอาหาร
•Clay color : มีการอุดตันในท่อทางเดินน้าดี
•Yellow or brown : ปกติ 45. 45
Consistency
•Soft : อุจจาระอ่อนนุ่ม
•Hard : เป็นก้อนแข็ง
•Watery : มีการถ่ายเป็นน้า •Mucous mixed with stool: มีมูกปน บ่งบอกถึงลาไส้ อักเสบ •Mucous on exterior of stool มูกแยกออกมาจาก อุจจาระ การอักเสบของลาไส้ใหญ่
•Pus 46. 46
Microscopic examination
•หยด NSS ลงบนแผ่นสไลด์ 1 หยด •ใช้ไม้ป้ายอุจจาระมา smear ใน NSSระวังอย้าให้หนามากเกินไป และควรเลือกบริเวณที่มีมูกเลือดหรือพบความผิดปกติมาตรวจ •ถ้าต้องการดู protozoa ให้หยด iodine ที่เตรียมไว้มาช่วยดูได้
•ปิด cover slip ระวังอย่าให้มีฟองอากาศ •นาไปดูใต้กล้องจุลทรรศน์หัว 10x ถ้าสงสัยว่าพบสิ่งแปลกปลอมให้ดูที่ หัว 40x
•รายงานผลที่พบในการตรวจ 47. 47
•ควรรายงาน WBC และ RBC ถ้าตรวจพบโดยรายงานต่อ HPF หรือหัว 40x •เมื่อดูเสร็จให้ทิ้ง slide ในน้ายาฆ่าเชื้อและในที่มิดชิด รวมถึงอุจจาระ ที่ตรวจแล้วควรทาลายอย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค
•ล้างมือทุกครั้งหลังตรวจเสร็จ 49. 49
พยาธิตัว แบน (Trematode)
พยาธิใบไม้ตับ (Liver fluke) พยาธิใบไม้ลาไส้ขนาดกลาง (Echinostoma spp.)
พยาธิใบไม้ลาไส้ขนาดเล็ก (Small intestinal fluke)
พยาธิใบไม้ปอด (Lung fluke)
พยาธิใบไม้เลือด (Blood fluke)
พยาธิใบไม้ (Fluke)
หนอนพยาธิที่พบบ่อยในประเทศไท 50. 50
พยาธิตืด
พยาธิตืดหมู (Taenia solium)
พยาธิตืดวัว (Taenia saginata) พยาธิตืดหนู (Hymenolepis diminuta)
พยาธิตืดแคระ (Hymenolepis nana)
หนอนพยาธิที่พบบ่อยในประเทศไทพยาธิตัว แบน (Cestode) 51. 51
Common egg parasites และพยาธิที่พบได้บ่อย
•Ascaris lumbricoides พยาธิไส้เดือน
•Necator americanus หรือ Hook worm พยาธิปากขอ
•Enterobius vermicularis หรือ pin worm
•Trichuris trichiura พยาธิแส้ม้า
•Capillaria philippinensis
•Opisthorchis viverrini
•Taenia spp.
•Hymenolepis nana (ตืดแคระ) 52. 52
•Hymenolepis diminuta (ตืดหนู)
•Strongyloides stercolaris
•Angiostrongylus cantonensis
•Intestinal fluke
•Echinostome spp.
•Paragonimus westermani 53. 53
Common protozoas
•Entamoeba histolytica
•Entanmoeba coli
•Giardia lamblia
•Endolimax nana
•Iodamoeba butschlii
•Balantidium coli •ถ้าต้องการศึกาษต่อทั้งพยาธิและ protozoa อาจนา atlas parasitology ของ ศ.ประยงค์ ระดมยศ และคณะไปดูประกอบได้ 54. 54
Decorticated Egg
Adult
Ascaris lumbricoides (พยาธิไส้เดือน)
Fertilize Egg
Infertilize Egg 55. 55
Egg
Adult
Hook worm(พยาธิปากขอ) : Necator americanus, Ancylostoma duodenale 56. 56
Egg : “D shape”
Adult
Enterobius vermicularis(พยาธิเข็มหมุด) 61. 61
Taenia solium (Pork tapeworm:ตืดหมู)
Cysticercosis
Egg
ปล้องสุก (Gravid progotid) 71. 71
Entamoeba coli
ไม่ก่อโรคในคน รูปร่าง กลม เคลื่อนไหวโดย ใช้ขาเทียม การติดต่อ กินระยะ cyst 8 N การวินิจฉัย ตรวจอุจาระ พบ cyst หรือ trophozoite 77. 77
การกาจัดขยะติดเชื้อ และของเสีย
•ควรมีถุงแดงใส่ขยะติดเชื้อ และมีภาชนะที่มีฝาปิด และทนต่อของมีคม ในการใส่หัวเข็ม แผ่นสไลด์ที่ใช้แล้ว และ ไม้จิ้มลูกชิ้น รวมถึงวัสดุมีคม ต่างๆ •ในการฆ่าเชื้อใช้ 5% clorox เช็ดโต๊ะ หรือบริเวณที่สิ่งส่งตรวจหก ระวังอย่าให้ฟุ้ง
•ควรมีถุงแดงตามจุดต่างๆ ให้คนไข้ทิ้งสาลีอุดเลือด รวมถึงทิ้งถุงมือใน การทาปฏิบัติการ
•ล้างมือทุกครั้งหลังทาปฏิบัติการ
•ส่งขยะให้มีการกาจัดที่ถูกต้อง และควรมัดปากถุงให้มิดชิด 78. 78
เอกสารอ้างอิง
1.อ้อยทิพย์ ณ ถลาง.คู่มือปฏิบัติการธนาคารเลือด.ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฏเกล้า.2543.
2.http://www.ams.cmu.ac.th/depts/amscenter/amscenter/article_bloodgroup.html 3.เมธี ศรีประพันธ์.Interesting topics in medical technology.2550. 4.ภาควิชาเคมีคลินิก คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.คู่มือปฏิบัติการเคมีคลินิก 1.ปี การศึกษา 2548.
5.www.chasesci.com .
6.http://biology.clc.uc.edu/fankhauser/Labs/Anatomy_&_Physiology/A&P202/Blood/hematocrit_use/Hematocrit.htm
79. 79
เอกสารอ้างอิง(ต่อ)
7. http://www.tamug.edu/labb/images/PCV.gif
8. ภาควิชาจุลทรรศน์ศาสตร์คลินิก คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.หลักปฏิบัติ เบื้องต้นทางโลหิตวิทยา.2547.
9. ชวนพิศ วงศ์สามัญ, กล้าเผชิญ โชคบารุง.การตรวจทางห้องปฏิบัติการและการพยาบาล. มหาวิทยาลัยขอนแก่น.2547.
10. http://www.sugarpet.net/urine.html
11.http://www.mdsdx.com/MDS_Metro_Laboratories/Patients/MedicalConditions/Urinalysis.asp
12. เอกสาร powerpoints เรื่อง Urine examination และ Stool examination จาก www.amtt.org
13. อ้อยทิพย์ ณ ถลาง.การตรวจทางพยาธิวิทยาคลินิก.ภาควิชาพยาธิวิทยา วิทยาลัยแพทยศาสตร์ พระมงกุฏเกล้า.2546
80. 80
เอกสารอ้างอิง(ต่อ)
14. แพทย์หญิงประภาศรี จงสุขสันติกุล.powerpoint ประกอบการบรรยายเรื่อง สถานการณ์โรคหนอนพยาธิในเประเทศไทย.
15. ไชยา ก่องดวง. ปรสิตวิทยาทางการแพทย์และการตรวจทางห้องปฏิบัติการ (powerpoint).2004.
16.http://th.kapook.com/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C
17. http://mylesson.swu.ac.th/mb322/angiostrongylus.htm
18. http://www.gsbs.utmb.edu/microbook/ch079.htm
19. http://www.msu.edu/course/zol/316/ameba.htm
20. http://home.austarnet.com.au/wormman/paraimg/enanact.jpg
21. http://content.answers.com/main/content/wp/en/thumb/5/51/300px- Balantidium_coli_wet_mount.jpg
22. http://aapredbook.aappublications.org/week/015_01.jpg