More Related Content
Similar to Research4 (20)
More from Sani Satjachaliao
More from Sani Satjachaliao (20)
Research4
- 2. ปัญหาการวิจัย (Research Problem) หมายถึง สิ่งที่ก่อให้เกิดความสงสัย ใคร่รู้คำตอบ ดังนั้น การกำหนดปัญหาการวิจัย จึงหมายถึง การระบุประเด็นที่นักวิจัยสงสัย และประสงค์ที่จะหาคำตอบ ปัญหาการวิจัย (Research Problem)
- 3. การเลือกหัวข้อและการสร้างปัญหาในการวิจัย การเลือกหัวข้อและการกำหนดปัญหาในการวิจัย (selection topic and formulation of a research problem) เป็นงานขั้นตอนแรกสุดของกระบวนการวิจัย ซึ่งมีอยู่ 5 ขั้นตอนใหญ่ ๆ คือ การกำหนดปัญหาในการวิจัย การสร้างรูปแบบการวิจัย การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และการตีความและ สรุปผล (Selltiz et.al., 1976 : 12)
- 4. การเลือกหัวข้อและการสร้างปัญหาในการวิจัย ปัญหาการวิจัย เป็นองค์ประกอบพื้นฐาน (basic elements) 1 ใน 4 อย่างของการวิจัย คือ 1. ปัญหาการวิจัย (research problem) , 2. ตัวแปร (variable) , 3. ความสัมพันธ์ (relation) และ 4. สมมติฐาน (hypothesis) (Nachmias and Nachmias , 1987 : 55)
- 6. ความหมายของปัญหาการวิจัย ปัญหาการวิจัย (statement of problem) หมายถึง สิ่งที่ก่อให้เกิดความสงสัย ใคร่รู้คำตอบ และการหาคำตอบนั้นจะต้องกระทำอย่างมีระบบที่เชื่อถือได้ เช่น ทำไมชาวชนบทจึงนิยมอพยพย้ายถิ่นเข้ามาหากินในเมืองหลวง , ปัญหาเรื่องการสร้างบ้านพักให้ข้าราชการในชนบทจะแก้ปัญหาเรื่องการขาดขวัญ กำลังใจ ของข้าราชการในชนบทหรือไม่ , เหตุใดนิสิตนักศึกษาไม่ต้องการทำงานในราชการ แต่ต้องการทำงานในเอกชน เหล่านี้ล้วนแต่เป็นปัญหา ก่อให้เกิดความสงสัยอยากรู้ ที่มีระบบระเบียบที่เชื่อถือได้
- 8. องค์ประกอบของการเลือกและกำหนดปัญหาในการวิจัย 1. ชื่อเรื่องในการวิจัย (research title) 2. หัวเรื่องหรือหัวข้อในการวิจัย (research topic) 3. ประเด็นของการวิจัย (research issue) 4. ปัญหาในการวิจัย (research problem) 5. สมมติฐานในการวิจัย (research hypothesis)
- 10. การเลือกปัญหาการวิจัย 1. ตัวแปรที่เกี่ยวกับเวลา สถานที่ ชุมชน บุคคล องค์การ วิธีการบริหาร อาชีพ สถานการณ์ ฯลฯ มีความผันแปรตลอดเวลา ยากต่อการสรุปมากกว่าเรื่องของฟิสิกส์ เคมี หรือคณิตศาสตร์
- 11. การเลือกปัญหาการวิจัย 2. ปัญหาทางสังคมศาสตร์นั้น ไม่ได้คงที่แน่นอนตลอดเวลา 3. ปัญหา หรือ ข้อสรุปต่างๆทางสังคมศาสตร์ที่เคยศึกษามาแล้ว ต้องการ การตรวจสอบ เพื่อให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ
- 12. การเลือกปัญหาการวิจัย 4. การศึกษาที่ผ่านมาต้องมีการปรับปรุงแก้ไขเสมอ เพราะในช่วงเวลาที่แปรเปลี่ยนไป สถานการณ์เปลี่ยนไป ปัญหานั้นควรจะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาใหม่ เนื่องจากตัวแปรใหม่มัก เกิดขึ้นอยู่เสมอ
- 14. แหล่งของปัญหาการวิจัย นักวิจัยอาจหาข้อปัญหาการวิจัยได้ จาก แหล่งต่อไปนี้ 1. วิเคราะห์ผลงานวิจัยที่คนอื่นเคยทำมาก่อนในเรื่องที่ตนเองสนใจ และกำลังศึกษาอยู่ พร้อมทั้ง วิพากษ์วิจารณ์และคิดอย่างพินิจพิเคราะห์ พยายามหาช่องว่าง หรือ ช่วงที่ขาดตอนสำหรับเรื่องนั้นๆ ที่เรายังไม่เข้าใจ หรือหาคำอธิบายเรื่องนั้นไม่ได้ ก็จะได้ปัญหาสำหรับการวิจัย
- 15. แหล่งของปัญหาการวิจัย 2. นำคำพูด ข้อเสนอแนะของผู้รู้ต่างๆ ตลอดจนเรื่องราวที่ถกเถียงหรือเป็น ข้อขัดแย้งที่ยังไม่ได้ ทำการทดลองด้วยวิธีการวิจัยมาเป็นปัญหาสำหรับการวิจัย 3. วิเคราะห์แนวโน้มของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น โดยพิจารณาว่าสังคมมีการ เปลี่ยนแปลงตามสภาพ เวลา และเทคนิควิทยาการต่างๆอาจทำให้เกิดปัญหาได้
- 16. แหล่งของปัญหาการวิจัย 4. วิเคราะห์ปัญหาจากการสนทนา หรือปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชานั้นๆ ในกรณีที่เป็น นักศึกษา อาจใช้วิธีปรึกษา ( เท่านั้น ... อย่าไปถามว่าจะทำเรื่องอะไรดี ! ) กับอาจารย์ที่ปรึกษาหรือ อาจารย์ผู้สอนในสาขาวิชานั้นๆ 5. ศึกษาปัญหาจากสถาบันต่างๆ หรือสถานที่ที่มีการวิจัย หรือบุคคลที่ทำการวิจัย โดยเข้าร่วม โครงการวิจัยนั้น ซึ่งจะช่วยให้เห็นแนวทางในการเลือกปัญหาได้
- 17. ข้อผิดพลาดในการเลือกหัวข้อปัญหาการวิจัย 1. รวบรวมข้อมูลก่อน ที่จะให้คำจำกัดความของหัวข้อปัญหาอย่างชัดเจน เพราะข้อมูลนั้นอาจ ไม่ครอบคลุมปัญหานั้นๆอย่างสมบูรณ์ 2. หาข้อมูลที่มีอยู่แล้ว และพยายามคิดปัญหาให้เหมาะสมกับข้อมูล เพราะข้อมูลที่เก็บมาจาก แหล่งใดแหล่งหนึ่งอาจไม่มีความสมบูรณ์
- 18. ข้อผิดพลาดในการเลือกหัวข้อปัญหาการวิจัย 3. ข้อ ปัญหาและความมุ่งหมาย ของการวิจัย ไม่ชัดเจน ทำให้ไม่ทราบแหล่งของการเก็บรวบรวม ข้อมูล เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ตลอดจนการสรุปผลหรือข้อยุติต่างๆ 4. ทำวิจัยโดย ไม่อ่านผลงานวิจัย ของบุคคลอื่น ที่คล้ายๆกัน ทำให้ผู้วิจัยมีความรู้แคบและอาจเกิด ความยุ่งยากในการแปลความหมายผลการวิเคราะห์ข้อมูลได้
- 19. ข้อผิดพลาดในการเลือกหัวข้อปัญหาการวิจัย 5. ทำวิจัยโดย ไม่มีความรู้พื้นฐาน ทางทฤษฎี หรือ ไม่มีทฤษฎีที่เป็นพื้นฐานทางการวิจัย จะก่อให้ เกิดปัญหาในการวางแผนงานวิจัย หรือ การตั้งสมมติฐาน และอื่นๆ 6. ข้อตกลงเบื้องต้นไม่ชัดเจน ทำให้การวิจัยนั้นไม่กระจ่างชัด และผู้ทำการวิจัยไม่เห็น แนวทาง ในการทำวิจัยนั้นอย่างทะลุปรุโปร่ง อาจเป็นผลให้การแปลผลการวิจัยผิดพลาดไปจากข้อเท็จจริงได้
- 21. วิธีวิเคราะห์และเลือกหัวข้อปัญหาการวิจัย 1. ให้เลือกปัญหาที่ตนเอง มีความสนใจจริงๆ 2. สะสมความรู้ความจริงและทฤษฎีเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆให้มากที่สุด 3. เลือกสรรความรู้ความจริงที่สะสมไว้ โดยพิจารณาที่เกี่ยวข้องจริงๆ
- 22. วิธีวิเคราะห์และเลือกหัวข้อปัญหาการวิจัย 4. เขียนสมมติฐานการวิจัยให้ชัดเจน 5. เลือกสรรสมมติฐานที่จะมีข้อมูลมาทดสอบได้ 6. เลือกปัญหาที่ตนเอง มีความรู้พอจะทำได้ 7. เลือกปัญหาที่ตนเอง มีเครื่องมือที่จะทำวิจัยได้
- 23. วิธีวิเคราะห์และเลือกหัวข้อปัญหาการวิจัย 8. เลือกปัญหาการวิจัยโดยคำนึงถึง เงิน และ เวลา พอจะทำได้ 9. เลือกปัญหาที่มีความสำคัญพอเพียงที่จะได้รับอนุมัติให้ทำได้ 10. เลือกปัญหาที่ให้ความรู้ใหม่ ไม่ซ้ำซ้อนกับที่เคยทำโดยไม่จำเป็น
- 26. กรอบแนวคิดในการทำวิจัย กรอบแนวคิด เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อปัญหาการวิจัย การมีกรอบแนวคิดจะทำให้นักวิจัยสามารถจัดระเบียบข้อมูลได้ และทำให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพราะกรอบแนวคิดเป็นการรวบรวมเหตุการณ์ต่างๆ เข้าไว้ภายใต้หัวข้อเดียวกัน
- 27. กรอบแนวคิด เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อปัญหาการวิจัย การให้แนวความคิดจึงต้องชัดเจน และสามารถพิสูจน์ได้ การมีกรอบแนวคิดจะทำให้นักวิจัยสามารถจัดระเบียบข้อมูลได้ และทำให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพราะกรอบแนวคิดเป็นการรวบรวมเหตุการณ์ต่างๆ เข้าไว้ภายใต้หัวข้อเดียวกัน
- 29. สมมติว่า นักวิจัยตัดสินใจว่าจะศึกษาวิจัย เรื่อง " ปัจจัยทางสังคมบางประการที่มีอิทธิพลต่อการมี ส่วนร่วมของผู้นำชุมชนในกิจกรรมพัฒนาท้องถิ่น " สิ่งแรกที่ต้องปฏิบัติก็คือ ต้องไปค้นคว้าจากแนวคิด ทฤษฎี และตำราต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสรุปองค์ความรู้เหล่านั้นให้มีขอบเขตแน่นอน ว่า " ปัจจัยทางสังคม " " การมีส่วนร่วม " และ " กิจกรรมพัฒนาท้องถิ่น ณ พื้นที่ที่จะเข้าไปศึกษา " นั้น มีคำอธิบายว่าอย่างไร และในการศึกษาวิจัยนี้กำหนดขอบเขตการอธิบายไว้แค่ไหน ขั้นตอนนี้เอง ที่เรียกว่า การกำหนดกรอบแนวคิดสำหรับการศึกษาวิจัย
- 30. สมมติว่า นักวิจัยตัดสินใจว่าจะศึกษาวิจัย เรื่อง " การศึกษา กระบวนการตัดสินใจของพนักงานเทศบาลระดับบริหาร เพื่อนำนโยบายทาง การเมืองไปปฏิบัติ " สิ่งแรกที่ต้องปฏิบัติก็คือ ต้องไปค้นคว้าจากแนวคิด ทฤษฎี ตำราต่างๆ รวมทั้งงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อสรุปในองค์ความรู้เหล่านั้นให้มีขอบเขตแน่นอน ให้กับสิ่งที่เรียกว่า " กระบวนการตัดสินใจ " ว่าอะไรบ้างที่อยู่ในกระบวนการตัดสินใจ และการตัดสินใจนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร บุคคลจะต้องอาศัยอะไรบ้างในการตัดสินใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ฯลฯ เพื่อกำหนดขอบเขตการอธิบายให้แน่นอน ขั้นตอนนี้เอง ที่เรียกว่า การกำหนดกรอบแนวคิดสำหรับการศึกษาวิจัย
- 31. สมมติว่า นักวิจัยตัดสินใจว่าจะศึกษาวิจัย เรื่อง " ความพึงพอ ใจในการปฏิบัติงานของนักประชาสงเคราะห์ในส่วน ภูมิภาค " สิ่งแรกที่ ต้องปฏิบัติก็คือ ต้องไปค้นคว้าจากแนว คิด ทฤษฎี ตำราต่างๆ รวมทั้งงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อสรุปในองค์ความรู้เหล่านั้นให้มีขอบเขตแน่นอน กับสิ่งที่เรียกว่า " ความพึงพอใจ " นั่นคือ นักวิจัยจะต้องค้นคว้าให้กระจ่างว่า พฤติกรรมที่เรียกว่าความพึงพอใจ นั้น มีลักษณะอย่างไร และสิ่งที่เรียกว่า " ความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการทั่วไป " ควรมีองค์ประกอบอะไรบ้าง แล้วไปค้นคว้าเพิ่มเติมว่า " คนที่รับราชการในตำแหน่งนักประชาสงเคราะห์ " มีภารกิจอะไรบ้าง ความยากง่ายของงาน ความพร้อมของหน่วยงาน ความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ ฯลฯ ซึ่งการกำหนดขอบเขตขององค์ความรู้ที่กล่าวมา ก็คือ การกำหนดกรอบแนวคิดสำหรับการศึกษาวิจัย ฯลฯ
- 32. นิยามเชิงปฏิบัติการ (Operational Definition) หลังจากที่นักวิจัยกำหนดกรอบแนวคิด ในการวิจัยได้ เรียบร้อยแล้ว ในขั้นตอนต่อไป นักวิจัยจะต้องให้ความหมายของแนวคิด โดย จะต้องค้นหาสิ่งบ่งชี้ (Indicators) ว่าสิ่งที่ต้องการวัดนั้น จะใช้อะไรมาวัด
- 36. ก่อนจะตัดสินใจว่าจะวัดอย่างไร เราจึงต้องกำหนดความหมายหรือคำจำกัดความของตัวแปรต่างๆ เสียก่อน คำจำกัดความของตัวแปร จะต้องชี้วัดลงไปว่า สิ่งที่เราพูดถึงนั้นมีลักษณะอย่างไร อะไรเป็นเครื่องวัด
- 40. สิ่งที่ควรพิจารณาในการกำหนดกรอบแนวคิด 1. ท่านได้กำหนดความหมายของแนวคิด (Concept) ต่างๆ ไว้แน่นอนชัดเจนแล้วหรือไม่ 2. คำศัพท์ที่ต้องใช้ ได้มีการนิยามไว้แน่นอนชัดเจนเพียงใด 3. มีการกำหนดแนวคิด (Concept) ต่างๆ อย่างพอเพียงและถูกต้องหรือยัง
- 41. สิ่งที่ควรพิจารณาในการกำหนดกรอบแนวคิด 4. แนวคิด (Concept) บางประการ จำเป็นต้องกำหนดข้อจำกัดเพิ่มอีกหรือไม่ 5. เมื่อกลุ่มที่ศึกษาเปลี่ยนไป ความหมายเปลี่ยนตามไปหรือไม่ เช่น อายุ เพศ ฯลฯ 6. ท่านกำหนดความหมายต่างๆ โดยมีอะไรเป็นพื้นฐาน