SlideShare a Scribd company logo
1 of 6
Download to read offline
ธรรมชาติยาตรา เพือลานาชี
                 ่   ้

คณะธรรมชาติยาตราแม่ นาชี เดินทางไกลจากจังหวัดชัยภูมิถึงชุมชนสองฝั่งน้ าทั้งเมืองและชนบท
                           ้
ระยะทางทั้งหมด 765 กิโลเมตร ในสายตาของพวกเขาได้เห็นความเป็ นธรรมชาติและชะตากรรม
ร่ วมกันของชุมชนทั้งลุ่มน้ า พบว่า สายนาชีี เป็ นที่หล่อเลี้ยงชีวตและฝากผีฝากไข้ให้กบชุมชน
                                        ้                        ิ                     ั
อีสาน กาลังเข้าสู่ ภาวะวิกฤตเพราะน้ าถูกเปลี่ยนทางเดิน ตลิ่งพัง ต้นน้ าถูกทาลายและเปื้ อนสารเคมี
ในภาคเกษตรกรรม ชุมชนประสบกับภาวะน้ าท่วมซ้ าซาก ผลร้ายที่เกิดกับแม่น้ าชีเกิดจากการ
กระทาที่ละโมบและรู ้เท่าไม่ถึงการณ์ของมนุษย์ ในที่สุดผลกระทบเหล่านั้นก็กลับมาสู่ มนุษย์ จึงถือ
ได้วาธรรมชาติยาตราได้ให้แง่คิดที่ยงใหญ่ต่อชุมชนในการดารงอยู่ มีดิน น้ า แร่ ธาตุ อากาศอันมี
     ่                              ิ่
                       ่
ครรลองที่เหมาะสมอยูในตัวเอง มนุษย์จึงต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับครรลองของธรรมชาติน้ น          ั
ด้วย




หลังการปักใบเสมาของคณะธรรมชาติยาตราเริ่มขึน ณ จุดแรกที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว บ้าน
                                                     ้
โหล่น ต.นางแดด อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ ปริ ศนาของแม่น้ าชีก็ถูกเปิ ดเผยขึ้น แม่น้ าชี กาลังป่ วยไข้
หลังจากให้ชาวบ้านมาหลายศตวรรษแล้ว แต่จะมีใครสักกี่คนที่อยากช่วยแม่น้ าบ้าง เรื่ องเล่าตานาน
ของแม่น้ าชี น้ นยาวนานมาก เชื่ อกันว่ าหากใครได้ ฟังคนเฒ่ าคนแก่ เล่ าจะนามาสู่ ความสดชื่ น มี
                ั
ความหวัง ความเป็ นมิตรและจิตวิญญาณจัดเป็ นแม่น้ าที่มีอานุภาพมาแต่บรรพบุรุษ เคยเป็ นสถานที่
ล่องเรื อเพื่อค้าขายและเป็ นแม่น้ าในยุทธศาสตร์ สงครามระหว่างเวียงจันทร์ โคราชและชัยภูมิ คาว่า
แม่ ชีเป็ นภาษาของคนโคราช ส่ วนคนชัยภูมิหรื อทัวไปอาจเรี ยกว่า “ซี” เป็ นลักษณะของลาน้ าที่เกิด
                                                   ่
จากการผุดลงมาจากภูเขา จุดกาเนิดเป็ นวังน้ าวนที่เกิดจากป่ าต้นน้ าภูเขียวมารวมเป็ นวังเวิงซึ่ งถือ
                                                                                         ้
เป็ นสิ่ งมหัศจรรย์ของโลกอีกแห่งหนึ่ง เพราะท่อนไม้ที่หกโค่นลงไปในน้ าวนจะไม่ไหลลงในช่อง
                                                         ั
น้ าแต่จะวนจนน้ าแห้ง คนบ้านโหล่น จ.ชัยภูมิจะรู ้จกป่ าต้นน้ าของพวกเขาดีและนันกลายเป็ นที่มา
                                                       ั                           ่
ของคาว่า “ซี ด้ นซี ผด”
                  ั ุ
อีกตานานหนึ่งจากพืนบ้ านเล่ าว่า มีจระเข้ตวหนึ่งไปกินลูกสาวเจ้าเมืองเวียงจันทร์ เจ้าเมืองจึงสั่งให้
                      ้                   ั
                                                  ั ่
หมอจระเข้ 3 คนออกตามล่า แต่ตราบใดที่จระเข้ยงอยูในลาน้ าโขงจะหนังเหนียว ฟันแทงไม่เข้า
จระเข้ตวนั้นเห็นว่าแม่น้ าโขงมีความวกวนมากจึงเปลี่ยนมาล่องที่ลาน้ าชี บังเอิญแม่น้ าชี มีความเชื่อ
         ั
กันว่าเป็ นน้ าที่ไหลมาจากโยคะของแม่ชีที่สามารถล้างอาถรรพได้ เมื่อหมอทั้ง 3 ไล่มาถึงช่องสาม
หมอก็ยงฆ่าจระเข้ไม่ได้เพราะน้ ามีปริ มาณมาก แต่มีหมาตัวหนึ่งชื่อ “ไอ้ทอก”มาคุยหิ นในช่องเขา
           ั                                                            ็       ้
ให้น้ าไหลออกมาจนเห็นจระเข้และมันถูกฆ่าตายที่ช่องสามหมอนี่ เอง ปั จจุบนมีรูปปั้ นของจระเข้
                                                                          ั
                          ่
ไอ้ทอกและหมอทั้ง 3 อยูที่แคร่ งค้อ จังหวัดชัยภูมิ
     ็

แม่ นาชี มพนทีช่ ุ มนาทั้งหมด 49,476 ตารางกิโลเมตร ไหลจากต้นน้ าถึงปลายน้ าและบรรจบกับแม่
       ้ ี ื้ ่ ้
มูนที่บานวังยาง ต.บุ่งหวาย อ.วาริ นชาราบ จ.อุบลราชธานี ไหลผ่านพื้นที่ 6 จังหวัดได้แก่ ชัยภูมิ
         ้
ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธรและอุบลราชธานี โดยพื้นที่ชุ่มน้ าของแม่น้ าชีถือเป็ นจุดเด่น
ของลาน้ า เช่น บึง หนอง กุด ชีหลง ซี เฒ่าหรื อพื้นที่ป่าทามอันเป็ นแหล่งเกื้อกูลต่อวิถีชีวตชุมชนคน
                                                                                          ิ
ลุ่มน้ าที่ได้พ่ ึงพาอาศัยมาตลอด ลาน้ าสาขาหลักของแม่น้ าชีมี 5 ลาน้ าทั้ง ลาน้ าพอง ลาน้ าปาว ลาน้ า
เซิน ลาน้ าพรมและลาน้ ายัง การเปิ ดจดหมายจากธรรมชาติในครั้งนี้ลวนมีประเด็นเกี่ยวกับความอยู่
                                                                      ้
รอดของชุมชน วัฒนธรรมตามลุ่มน้ าและเหนือสิ่ งอื่นใดเมื่อคณะธรรมชาติยาตราพบว่า “ต้องสร้าง
จิตสานึกคนลุ่มน้ าชี อย่างเร่ งด่วน เพราะคุณภาพน้ ากาลังเน่าเสี ยเหมือนแม่น้ าเจ้าพระยาเสี ยแล้ว”

พ่ อสุ ดใจ มีหมื่นไว แกนนากลุ่มอนุรักษ์ ลานาชี จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า “อยากเห็นทรัพยากรป่ าไม้ แม่น้ า
                                            ้
กลับมาเหมือนเดิม ทุกวันนี้ทางบ้านหาปลาในระบบธรรมชาติได้ลาบากมาก อาศัยแต่เพียงปลาใน
กระชัง ระบบนิเวศป่ ามันเปลี่ยนไป ผมจากบ้านที่โคราชมาแต่งงานที่ชยภูมิเพราะชาวบ้านจะบอก
                                                                       ั
กันว่า ถ้าจะให้อยูดีกินดีตองไปหาเมียที่ลาน้ าชี หลังจากที่ผมมาเป็ นเขยที่ชยภูมิใหม่ๆเคยเอาปลาร้า
                   ่      ้                                               ั
ปลาแดกไปแลกกับข้าวที่บานเกิดโคราชได้ขาว 1 เกวียน เนื่องจากทางบ้านขาดแคลนปลาร้าอันเป็ น
                            ้                  ้
ปั จจัยที่คนอีสานต้องกิน เมื่อก่อนลุ่มน้ าชีอุดมสมบูรณ์มาก ข้าวในนาไม่เคยแล้งตาย ท่วมบ้าง
                                                                              ่
เล็กน้อยแต่แห้งเร็ ว เกิดปูปลาอาหารทางประมงน้ าจืดอย่างมาก ปลาทางฝั่งโขงก็วายขึ้นไปได้ เดิม
คนบ้านโหล่นทานาข้าวแต่มาเจอภาวะความแห้งแล้งในภายหลังเพราะแม่น้ าชีมีน้ าน้อย




                                                                                   ่
ตั้งแต่ เริ่มเดินจากจุดแรกบ้ านโหล่ น ชั ยภูมิ ทาให้เรานาความรู้ความเข้าใจที่มีอยูไปเผยแพร่ เห็นภาพ
ปั ญหาของลาน้ าชีมากขึ้น บางช่วงที่ได้ไปเห็นทาให้ผมนอนไม่หลับ สื บเนื่องจากแม่น้ าชีกาลังขาด
การเอาใจใส่ มีการดูดทราย ริ มฝั่งมีการพังทลายเพราะมีแต่กองหิ นนามาวางไว้แทนการหยังลึกของ    ่
รากไม้ มีการเอาเขื่อนมากั้นทาให้ดิน น้ าที่เคยไหลไปสู่ แม่โขงถูกกั้นและตันอยูตามลาน้ าจนตื้นเขิน
                                                                                 ่
            ่
ห้าปี ที่ผานมาเกิดความเปลี่ยนแปลงมาก ปลามีขนาดตัวเล็กลง บางครั้งปลาที่เคยเห็นก็กลับหายไป
แสดงให้เห็นว่าปลาจากข้างล่างไม่สามารถขึ้นไปวางไข่ทางตอนบนได้ เพราะมีเขื่อนและฝายกั้นลา
                                                          ่
น้ าเอาไว้เป็ นช่วงๆ อยากให้ภาครัฐที่มีศกยภาพได้รับรู ้วา ธรรมชาติยาตราของปลาในลาน้ าโขงไม่
                                          ั
สามารถยาตราไปหาชาวบ้านได้ ปลาในแม่น้ าเดี๋ยวนี้เป็ นปลาในกระชังและเป็ นพันธุ์ปลาที่กรม
ประมงนามาปล่อย มีสารเคมีปนเปื้ อน โดยเฉพาะอย่างยิงการเดินทางจากชัยภูมิถึงขอนแก่นกาลัง
                                                            ่
ประสบปัญหาภัยแล้ง โอกาสที่แม่น้ าชีต้ืนเขินหรื อสู ญหายเป็ นตานานเริ่ มชัดเจนมาก และจะ
กลายเป็ นคลองส่ งน้ าหรื อกักเก็บน้ าแทนในอนาคตอันใกล้”

การเดินทางของคณะธรรมชาติยาตรา ผ่านไปยังจุดที่ 2 บ้านค่าย จ.ชัยภูมิ จุดที่3 บึงละหานนา อ.
แวงน้อย จ.ขอนแก่น ซึ่ งจุดนี้ในอดีตบึงละหานนาเป็ นเพียงลาห้วยเล็กๆชื่อว่า “ลาห้วยแคน” และ
เป็ นที่พกของพ่อค้าที่ตอนวัวควายจากอีสานไปขายภาคกลาง รวมถึงเป็ นเส้นทางยุทธศาสตร์ในสมัย
           ั             ้
สงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมาชาวบ้านเข้ามาบุกเบิกทามาหากิน เมื่อชุมชนเกิดขึ้นจึงต้องกั้นลาห้วยเพื่อ
กักเก็บน้ าไว้ใช้ในการเกษตร กลายเป็ นบึงละหานนาที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก มีลกษณะคล้ายแก้ม
                                                                                 ั
ลิงของแม่น้ าชี รอบบึงละหานนามีป่าดอนและป่ าชุ่มน้ า ต่อมาชาวบ้านได้ทาคันดินกั้นบึงละหานนา
โดยทาประตูน้ าธรรมชาติที่ไหลลงแม่น้ าชีทางด้านทิศเหนื อ มีการขยายพื้นที่จาก 4พันไร่ เป็ น 5 พัน
ไร่ และทาง ร.พ.ช.ได้ทาเพิ่มจากที่ชาวบ้านเคยทาเอาไว้เป็ น 8พันไร่ ปั จจุบนมีพ้นที่ลดลงเหลือ 5 พัน
                                                                        ั ื
ไร่ เนื่ องจากการบุกรุ กป่ ารอบๆริ มบึงของชาวบ้านบึงละหานนาเอง

เหตุการณ์ หลายอย่ างที่เกิดขึนกับบึงละหานนา ได้ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านรอบๆบึง ในปี 2540-41
                              ้
บึงละหานนาประสบปั ญหาน้ าแห้ง แผ่นดินแตกระแหงเนื่องจากฝนทิ้งช่วงประกอบกับมีการใช้น้ า
เพื่อการเกษตรอย่างรุ นแรง ชาวบ้านที่หาปลาในบึงต้องเปลี่ยนมาขุดหัวบัวขายยังชีพ ในปี 2542 มี
โครงการขุดลอกบึงละหานนาทาเป็ นคันดินล้อมรอบปิ ดทางน้ าธรรมชาติ ทาให้บึงละหานนามี
อาณาเขตที่แน่นอนแต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือน้ าได้เข้าท่วมพื้นที่ไร่ นาเสี ยหายประมาณ 4 พันไร่ น้ าเริ่ ม
เน่าเสี ยเพราะวัชพืชและพืชชุ่มน้ าอื่นๆเกิดเน่าตาย สิ่ งที่ชาวบ้านเรี ยกร้องในเวลานี้คือการเปิ ดประตู
ระบายน้ าธรรมชาติที่มีอยูเ่ ดิม เพื่อให้แม่น้ าชี




ไหลมาหล่อเลี้ยงและฟื้ นฟูสภาพลาน้ าอีกครั้ง การเดินทางสู่ จุดนี้มีเยาวชนที่มาออกค่ายเป็ นแกนนา
ในการทากิจกรรม ต่อมาเป็ นจุดที่ 4 อาเภอเมือง จ.ขอนแก่น จุดที่ 5 มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จุดที่
6 บ้านคุยค้อ จ.ร้อยเอ็ด จุดที่ 7 อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด จุดที่ 8 อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด จุดที่ 9 บ้านท่าเยียม ต.
        ้                                                                                            ่
ค้อเหนือ อ.เมือง จ.ยโสธร และจุดสุ ดท้ายที่บานวังยาง จ.อุบลราชธานี อันเป็ นจุดสาคัญเพราะความ
                                                ้
หลากหลายของพันธุ์ปลาและเป็ นจุดที่แม่น้ ามูนกับชีมาบรรจบก่อนไหลลงสู่ แม่น้ าโขง

รศ.ศรีศักร วัลลิโภดม หัวหน้ าโครงการวิจัยการศึกษาประวัติศาสตร์ กล่าวว่า“การมาของชุมชนใน
                               ู้       ่ ่
วันนี้ถือเป็ นความเสมอภาค มีผอาวุโสมานังอยูรวมกันนันคือความสัมพันธ์แบบโบราณ ถือเป็ นการ
                                                   ่
เริ่ มต้นพัฒนาที่ถูกต้อง การพัฒนาจากภาคประชาชนควรเป็ นหนอนที่มองจากข้างใน พวกเขาจะรู้
ด้วยตัวเองว่าอะไรดีหรื อไม่ดี ไม่ใช่แบบนกที่มองลงมาจากส่ วนกลาง และต้องเป็ นการพัฒนาแบบ
จิตนิยมคนต่อคน คนกับธรรมชาติ คนกับสิ่ งที่อยูเ่ หนือธรรมชาติดงเช่นการปั กใบเสมาของคณะ
                                                                 ั
ธรรมชาติยาตราและมีการร่ วมพิธีสงฆ์โดยคนทั้งชุมชน อย่างไรก็ตามความสาคัญของภูมิภาคนี้คือ
น้ า การรักษาป่ าโคกจึงเป็ นการรักษาต้นน้ าของอีสานเอาไว้ แม่น้ ามูนกับแม่น้ าชีจึงถือเป็ นน้ าสาคัญ
             ่
ในภูมิภาคที่ผานพื้นที่ความหลากทางชีวภาพและวัฒนธรรมมากมาย

นาของคนอีสานได้ จากป่ าโคก ความชุ่มชื้นทาให้น้ าไหลออกจากป่ าโคก ชาวบ้านก็ใช้น้ าตรงนี้ใน
   ้
การดารงชีวต ดังนั้นคนโบราณจะมีทานบเล็กๆบีบเส้นทางสู่ บ่อชุมชน ลาน้ าใหญ่มีความหมายมาก
              ิ
                     ่ ้
เพราะคนอีสานอยูได้ดวยข้าวกับปลาแดกอันมีน้ าเป็ นปั จจัยในการผลิต ลาน้ าในภาคอีสานแท้จริ ง
แล้วจะเชื่อมกันตลอดก่อนไหลลงสู่ น้ าชี พันธุ์ปลาจานวนมากจึงมาพักรวมกันทีอุบลราชธานี ถือได้
ว่าเป็ นเมืองที่มีพนธุ์ปลามากที่สุดของลุ่มน้ าโขง ปั จจุบนนี้การพัฒนาแบบวัตถุนิยมได้ทาลายบุ่งทาม
                   ั                                     ั
ทาลายแม่น้ า ทาลายป่ าโคกเพื่อเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ซึ่งข้อจากัดทางภูมิภาคตะวันออกเฉี ยงเหนื ออยู่
ที่การจัดการน้ าที่ดี ฉะนั้นธรรมชาติยาตราที่มาถึงในวันนี้ เป็ นการเริ่ มต้นที่ทาให้ฉุกคิดว่า แม่น้ า
เล็กๆจะมีวธีจดการอย่างไรเพราะชุมชนที่แท้ตองเกิดและใช้ชีวตตามลุ่มน้ า หากแต่ชลประทาน
             ิ ั                                ้               ิ
หลวงสร้างความแตกแยกของคนในชุมชนไทยมาก การจัดการน้ าจึงต้องให้ชุมชนเป็ นคนจัดการ”




ธรรมชาติยาตราได้ ตอกยาให้ คณะเดินทางมั่นใจแล้วว่า ภูมิปัญญาในการจัดสรรทรัพยากรยังคงมีอยู่
                            ้
และผูที่รักษาไว้ได้ดีที่สุดคือชุมชนท้องถิ่นที่มีวถีชีวตเรี ยบง่ายและเศรษฐกิจที่พอเพียง แต่การ
        ้                                           ิ ิ
พัฒนาที่วางแผนจากศูนย์กลางซึ่งถูกชี้นาด้วยความโลภและระบบสมัยใหม่ ทาให้เกิดการใช้
ทรัพยากร อย่างล้างผลาญทั้งนาองค์ความรู ้ใหม่ที่ทาลายธรรมชาติและองค์ความรู ้เดิมของคนใน
ท้องถิ่น ธรรมชาติยาตราได้ทาให้หลายคนเกิดการครุ่ นคิดว่า พลังแห่งความยิงใหญ่แท้จริ งคือชุมชน
                                                                             ่
ท้องถิ่น ค้นเล็กค้นน้อยสร้างสิ่ งดีๆตลอดเวลา วันนี้ธรรมชาติยาตรากาลังตื่นขึ้นจากการหลับไหล
เพื่อให้ชุมชนได้ทบทวนตัวเอง ทั้งหมดนี้เป็ นการจุดประกายและบอกกับสาธารณชนแล้วว่า ชุมชน
ลุ่มน้ าชีจะไม่นิ่งเงียบกับปั ญหาที่กาลังเกิดบ่งชี้ความอยูรอดของผูคนอีสาน
                                                          ่        ้
ทีมงาน ThaiNGO
  มูลนิธิกองทุนไทย
webmaster@thaingo.org

    2 มีนาคม 2548

More Related Content

Similar to ธรรมชาติยาตรา เพื่อลำน้ำชี

ชาวกูย,กวย,ส่วย
ชาวกูย,กวย,ส่วยชาวกูย,กวย,ส่วย
ชาวกูย,กวย,ส่วย0857226950bb
 
“5 เสือ...ฐานรากการผสานพลังชุมชน”
“5 เสือ...ฐานรากการผสานพลังชุมชน”“5 เสือ...ฐานรากการผสานพลังชุมชน”
“5 เสือ...ฐานรากการผสานพลังชุมชน”Tum Meng
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1pondnii
 
โครงการปลูกป่าชายเลน1
โครงการปลูกป่าชายเลน1โครงการปลูกป่าชายเลน1
โครงการปลูกป่าชายเลน1nananattie
 
ผักพื้นบ้านเขลางค์นคร
ผักพื้นบ้านเขลางค์นครผักพื้นบ้านเขลางค์นคร
ผักพื้นบ้านเขลางค์นครIntrapan Suwan
 
งานคนไทยภาคกลาง
งานคนไทยภาคกลางงานคนไทยภาคกลาง
งานคนไทยภาคกลางorawan155
 
โครงงานการงานอาชีพ บทที่1.docx
โครงงานการงานอาชีพ บทที่1.docxโครงงานการงานอาชีพ บทที่1.docx
โครงงานการงานอาชีพ บทที่1.docxKamontip Jiruksa
 
9789740333319
97897403333199789740333319
9789740333319CUPress
 
ประกาศคุณูปการ
ประกาศคุณูปการประกาศคุณูปการ
ประกาศคุณูปการfufee
 
รู้จักคนในชุมชนเมืองน่าน
รู้จักคนในชุมชนเมืองน่านรู้จักคนในชุมชนเมืองน่าน
รู้จักคนในชุมชนเมืองน่านkrunoony
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1Atima Teraksee
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1Atima Teraksee
 

Similar to ธรรมชาติยาตรา เพื่อลำน้ำชี (20)

ชาวกูย,กวย,ส่วย
ชาวกูย,กวย,ส่วยชาวกูย,กวย,ส่วย
ชาวกูย,กวย,ส่วย
 
“5 เสือ...ฐานรากการผสานพลังชุมชน”
“5 เสือ...ฐานรากการผสานพลังชุมชน”“5 เสือ...ฐานรากการผสานพลังชุมชน”
“5 เสือ...ฐานรากการผสานพลังชุมชน”
 
เล่าขานบ้านคำชะอี
เล่าขานบ้านคำชะอีเล่าขานบ้านคำชะอี
เล่าขานบ้านคำชะอี
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 
4
44
4
 
โครงการปลูกป่าชายเลน1
โครงการปลูกป่าชายเลน1โครงการปลูกป่าชายเลน1
โครงการปลูกป่าชายเลน1
 
ผักพื้นบ้านเขลางค์นคร
ผักพื้นบ้านเขลางค์นครผักพื้นบ้านเขลางค์นคร
ผักพื้นบ้านเขลางค์นคร
 
งานคนไทยภาคกลาง
งานคนไทยภาคกลางงานคนไทยภาคกลาง
งานคนไทยภาคกลาง
 
7
77
7
 
presentation
presentationpresentation
presentation
 
โครงงาน อนุรักษ์หนองน้ำสร้าง (จริง)
โครงงาน อนุรักษ์หนองน้ำสร้าง  (จริง)โครงงาน อนุรักษ์หนองน้ำสร้าง  (จริง)
โครงงาน อนุรักษ์หนองน้ำสร้าง (จริง)
 
โครงงานการงานอาชีพ บทที่1.docx
โครงงานการงานอาชีพ บทที่1.docxโครงงานการงานอาชีพ บทที่1.docx
โครงงานการงานอาชีพ บทที่1.docx
 
9789740333319
97897403333199789740333319
9789740333319
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอม
 
ประกาศคุณูปการ
ประกาศคุณูปการประกาศคุณูปการ
ประกาศคุณูปการ
 
5
55
5
 
รู้จักคนในชุมชนเมืองน่าน
รู้จักคนในชุมชนเมืองน่านรู้จักคนในชุมชนเมืองน่าน
รู้จักคนในชุมชนเมืองน่าน
 
53010812271
5301081227153010812271
53010812271
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 

More from bawtho

ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ดนตรี
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ดนตรีผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ดนตรี
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ดนตรีbawtho
 
หมู่ 6ส
หมู่ 6สหมู่ 6ส
หมู่ 6สbawtho
 
แบบฝึกการเป่าโหวด
แบบฝึกการเป่าโหวดแบบฝึกการเป่าโหวด
แบบฝึกการเป่าโหวดbawtho
 
แบบฝึกการตีโปงลาง
แบบฝึกการตีโปงลางแบบฝึกการตีโปงลาง
แบบฝึกการตีโปงลางbawtho
 
พิณ
พิณพิณ
พิณbawtho
 
แบบฝึกการเป่าแคน
แบบฝึกการเป่าแคนแบบฝึกการเป่าแคน
แบบฝึกการเป่าแคนbawtho
 
โน้ตพื้นบ้าน2 แก้ไข
โน้ตพื้นบ้าน2 แก้ไขโน้ตพื้นบ้าน2 แก้ไข
โน้ตพื้นบ้าน2 แก้ไขbawtho
 

More from bawtho (7)

ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ดนตรี
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ดนตรีผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ดนตรี
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ดนตรี
 
หมู่ 6ส
หมู่ 6สหมู่ 6ส
หมู่ 6ส
 
แบบฝึกการเป่าโหวด
แบบฝึกการเป่าโหวดแบบฝึกการเป่าโหวด
แบบฝึกการเป่าโหวด
 
แบบฝึกการตีโปงลาง
แบบฝึกการตีโปงลางแบบฝึกการตีโปงลาง
แบบฝึกการตีโปงลาง
 
พิณ
พิณพิณ
พิณ
 
แบบฝึกการเป่าแคน
แบบฝึกการเป่าแคนแบบฝึกการเป่าแคน
แบบฝึกการเป่าแคน
 
โน้ตพื้นบ้าน2 แก้ไข
โน้ตพื้นบ้าน2 แก้ไขโน้ตพื้นบ้าน2 แก้ไข
โน้ตพื้นบ้าน2 แก้ไข
 

ธรรมชาติยาตรา เพื่อลำน้ำชี

  • 1. ธรรมชาติยาตรา เพือลานาชี ่ ้ คณะธรรมชาติยาตราแม่ นาชี เดินทางไกลจากจังหวัดชัยภูมิถึงชุมชนสองฝั่งน้ าทั้งเมืองและชนบท ้ ระยะทางทั้งหมด 765 กิโลเมตร ในสายตาของพวกเขาได้เห็นความเป็ นธรรมชาติและชะตากรรม ร่ วมกันของชุมชนทั้งลุ่มน้ า พบว่า สายนาชีี เป็ นที่หล่อเลี้ยงชีวตและฝากผีฝากไข้ให้กบชุมชน ้ ิ ั อีสาน กาลังเข้าสู่ ภาวะวิกฤตเพราะน้ าถูกเปลี่ยนทางเดิน ตลิ่งพัง ต้นน้ าถูกทาลายและเปื้ อนสารเคมี ในภาคเกษตรกรรม ชุมชนประสบกับภาวะน้ าท่วมซ้ าซาก ผลร้ายที่เกิดกับแม่น้ าชีเกิดจากการ กระทาที่ละโมบและรู ้เท่าไม่ถึงการณ์ของมนุษย์ ในที่สุดผลกระทบเหล่านั้นก็กลับมาสู่ มนุษย์ จึงถือ ได้วาธรรมชาติยาตราได้ให้แง่คิดที่ยงใหญ่ต่อชุมชนในการดารงอยู่ มีดิน น้ า แร่ ธาตุ อากาศอันมี ่ ิ่ ่ ครรลองที่เหมาะสมอยูในตัวเอง มนุษย์จึงต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับครรลองของธรรมชาติน้ น ั ด้วย หลังการปักใบเสมาของคณะธรรมชาติยาตราเริ่มขึน ณ จุดแรกที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว บ้าน ้ โหล่น ต.นางแดด อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ ปริ ศนาของแม่น้ าชีก็ถูกเปิ ดเผยขึ้น แม่น้ าชี กาลังป่ วยไข้ หลังจากให้ชาวบ้านมาหลายศตวรรษแล้ว แต่จะมีใครสักกี่คนที่อยากช่วยแม่น้ าบ้าง เรื่ องเล่าตานาน ของแม่น้ าชี น้ นยาวนานมาก เชื่ อกันว่ าหากใครได้ ฟังคนเฒ่ าคนแก่ เล่ าจะนามาสู่ ความสดชื่ น มี ั ความหวัง ความเป็ นมิตรและจิตวิญญาณจัดเป็ นแม่น้ าที่มีอานุภาพมาแต่บรรพบุรุษ เคยเป็ นสถานที่ ล่องเรื อเพื่อค้าขายและเป็ นแม่น้ าในยุทธศาสตร์ สงครามระหว่างเวียงจันทร์ โคราชและชัยภูมิ คาว่า แม่ ชีเป็ นภาษาของคนโคราช ส่ วนคนชัยภูมิหรื อทัวไปอาจเรี ยกว่า “ซี” เป็ นลักษณะของลาน้ าที่เกิด ่ จากการผุดลงมาจากภูเขา จุดกาเนิดเป็ นวังน้ าวนที่เกิดจากป่ าต้นน้ าภูเขียวมารวมเป็ นวังเวิงซึ่ งถือ ้ เป็ นสิ่ งมหัศจรรย์ของโลกอีกแห่งหนึ่ง เพราะท่อนไม้ที่หกโค่นลงไปในน้ าวนจะไม่ไหลลงในช่อง ั น้ าแต่จะวนจนน้ าแห้ง คนบ้านโหล่น จ.ชัยภูมิจะรู ้จกป่ าต้นน้ าของพวกเขาดีและนันกลายเป็ นที่มา ั ่ ของคาว่า “ซี ด้ นซี ผด” ั ุ
  • 2. อีกตานานหนึ่งจากพืนบ้ านเล่ าว่า มีจระเข้ตวหนึ่งไปกินลูกสาวเจ้าเมืองเวียงจันทร์ เจ้าเมืองจึงสั่งให้ ้ ั ั ่ หมอจระเข้ 3 คนออกตามล่า แต่ตราบใดที่จระเข้ยงอยูในลาน้ าโขงจะหนังเหนียว ฟันแทงไม่เข้า จระเข้ตวนั้นเห็นว่าแม่น้ าโขงมีความวกวนมากจึงเปลี่ยนมาล่องที่ลาน้ าชี บังเอิญแม่น้ าชี มีความเชื่อ ั กันว่าเป็ นน้ าที่ไหลมาจากโยคะของแม่ชีที่สามารถล้างอาถรรพได้ เมื่อหมอทั้ง 3 ไล่มาถึงช่องสาม หมอก็ยงฆ่าจระเข้ไม่ได้เพราะน้ ามีปริ มาณมาก แต่มีหมาตัวหนึ่งชื่อ “ไอ้ทอก”มาคุยหิ นในช่องเขา ั ็ ้ ให้น้ าไหลออกมาจนเห็นจระเข้และมันถูกฆ่าตายที่ช่องสามหมอนี่ เอง ปั จจุบนมีรูปปั้ นของจระเข้ ั ่ ไอ้ทอกและหมอทั้ง 3 อยูที่แคร่ งค้อ จังหวัดชัยภูมิ ็ แม่ นาชี มพนทีช่ ุ มนาทั้งหมด 49,476 ตารางกิโลเมตร ไหลจากต้นน้ าถึงปลายน้ าและบรรจบกับแม่ ้ ี ื้ ่ ้ มูนที่บานวังยาง ต.บุ่งหวาย อ.วาริ นชาราบ จ.อุบลราชธานี ไหลผ่านพื้นที่ 6 จังหวัดได้แก่ ชัยภูมิ ้ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธรและอุบลราชธานี โดยพื้นที่ชุ่มน้ าของแม่น้ าชีถือเป็ นจุดเด่น ของลาน้ า เช่น บึง หนอง กุด ชีหลง ซี เฒ่าหรื อพื้นที่ป่าทามอันเป็ นแหล่งเกื้อกูลต่อวิถีชีวตชุมชนคน ิ ลุ่มน้ าที่ได้พ่ ึงพาอาศัยมาตลอด ลาน้ าสาขาหลักของแม่น้ าชีมี 5 ลาน้ าทั้ง ลาน้ าพอง ลาน้ าปาว ลาน้ า เซิน ลาน้ าพรมและลาน้ ายัง การเปิ ดจดหมายจากธรรมชาติในครั้งนี้ลวนมีประเด็นเกี่ยวกับความอยู่ ้ รอดของชุมชน วัฒนธรรมตามลุ่มน้ าและเหนือสิ่ งอื่นใดเมื่อคณะธรรมชาติยาตราพบว่า “ต้องสร้าง จิตสานึกคนลุ่มน้ าชี อย่างเร่ งด่วน เพราะคุณภาพน้ ากาลังเน่าเสี ยเหมือนแม่น้ าเจ้าพระยาเสี ยแล้ว” พ่ อสุ ดใจ มีหมื่นไว แกนนากลุ่มอนุรักษ์ ลานาชี จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า “อยากเห็นทรัพยากรป่ าไม้ แม่น้ า ้ กลับมาเหมือนเดิม ทุกวันนี้ทางบ้านหาปลาในระบบธรรมชาติได้ลาบากมาก อาศัยแต่เพียงปลาใน กระชัง ระบบนิเวศป่ ามันเปลี่ยนไป ผมจากบ้านที่โคราชมาแต่งงานที่ชยภูมิเพราะชาวบ้านจะบอก ั กันว่า ถ้าจะให้อยูดีกินดีตองไปหาเมียที่ลาน้ าชี หลังจากที่ผมมาเป็ นเขยที่ชยภูมิใหม่ๆเคยเอาปลาร้า ่ ้ ั
  • 3. ปลาแดกไปแลกกับข้าวที่บานเกิดโคราชได้ขาว 1 เกวียน เนื่องจากทางบ้านขาดแคลนปลาร้าอันเป็ น ้ ้ ปั จจัยที่คนอีสานต้องกิน เมื่อก่อนลุ่มน้ าชีอุดมสมบูรณ์มาก ข้าวในนาไม่เคยแล้งตาย ท่วมบ้าง ่ เล็กน้อยแต่แห้งเร็ ว เกิดปูปลาอาหารทางประมงน้ าจืดอย่างมาก ปลาทางฝั่งโขงก็วายขึ้นไปได้ เดิม คนบ้านโหล่นทานาข้าวแต่มาเจอภาวะความแห้งแล้งในภายหลังเพราะแม่น้ าชีมีน้ าน้อย ่ ตั้งแต่ เริ่มเดินจากจุดแรกบ้ านโหล่ น ชั ยภูมิ ทาให้เรานาความรู้ความเข้าใจที่มีอยูไปเผยแพร่ เห็นภาพ ปั ญหาของลาน้ าชีมากขึ้น บางช่วงที่ได้ไปเห็นทาให้ผมนอนไม่หลับ สื บเนื่องจากแม่น้ าชีกาลังขาด การเอาใจใส่ มีการดูดทราย ริ มฝั่งมีการพังทลายเพราะมีแต่กองหิ นนามาวางไว้แทนการหยังลึกของ ่ รากไม้ มีการเอาเขื่อนมากั้นทาให้ดิน น้ าที่เคยไหลไปสู่ แม่โขงถูกกั้นและตันอยูตามลาน้ าจนตื้นเขิน ่ ่ ห้าปี ที่ผานมาเกิดความเปลี่ยนแปลงมาก ปลามีขนาดตัวเล็กลง บางครั้งปลาที่เคยเห็นก็กลับหายไป แสดงให้เห็นว่าปลาจากข้างล่างไม่สามารถขึ้นไปวางไข่ทางตอนบนได้ เพราะมีเขื่อนและฝายกั้นลา ่ น้ าเอาไว้เป็ นช่วงๆ อยากให้ภาครัฐที่มีศกยภาพได้รับรู ้วา ธรรมชาติยาตราของปลาในลาน้ าโขงไม่ ั สามารถยาตราไปหาชาวบ้านได้ ปลาในแม่น้ าเดี๋ยวนี้เป็ นปลาในกระชังและเป็ นพันธุ์ปลาที่กรม ประมงนามาปล่อย มีสารเคมีปนเปื้ อน โดยเฉพาะอย่างยิงการเดินทางจากชัยภูมิถึงขอนแก่นกาลัง ่ ประสบปัญหาภัยแล้ง โอกาสที่แม่น้ าชีต้ืนเขินหรื อสู ญหายเป็ นตานานเริ่ มชัดเจนมาก และจะ กลายเป็ นคลองส่ งน้ าหรื อกักเก็บน้ าแทนในอนาคตอันใกล้” การเดินทางของคณะธรรมชาติยาตรา ผ่านไปยังจุดที่ 2 บ้านค่าย จ.ชัยภูมิ จุดที่3 บึงละหานนา อ. แวงน้อย จ.ขอนแก่น ซึ่ งจุดนี้ในอดีตบึงละหานนาเป็ นเพียงลาห้วยเล็กๆชื่อว่า “ลาห้วยแคน” และ
  • 4. เป็ นที่พกของพ่อค้าที่ตอนวัวควายจากอีสานไปขายภาคกลาง รวมถึงเป็ นเส้นทางยุทธศาสตร์ในสมัย ั ้ สงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมาชาวบ้านเข้ามาบุกเบิกทามาหากิน เมื่อชุมชนเกิดขึ้นจึงต้องกั้นลาห้วยเพื่อ กักเก็บน้ าไว้ใช้ในการเกษตร กลายเป็ นบึงละหานนาที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก มีลกษณะคล้ายแก้ม ั ลิงของแม่น้ าชี รอบบึงละหานนามีป่าดอนและป่ าชุ่มน้ า ต่อมาชาวบ้านได้ทาคันดินกั้นบึงละหานนา โดยทาประตูน้ าธรรมชาติที่ไหลลงแม่น้ าชีทางด้านทิศเหนื อ มีการขยายพื้นที่จาก 4พันไร่ เป็ น 5 พัน ไร่ และทาง ร.พ.ช.ได้ทาเพิ่มจากที่ชาวบ้านเคยทาเอาไว้เป็ น 8พันไร่ ปั จจุบนมีพ้นที่ลดลงเหลือ 5 พัน ั ื ไร่ เนื่ องจากการบุกรุ กป่ ารอบๆริ มบึงของชาวบ้านบึงละหานนาเอง เหตุการณ์ หลายอย่ างที่เกิดขึนกับบึงละหานนา ได้ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านรอบๆบึง ในปี 2540-41 ้ บึงละหานนาประสบปั ญหาน้ าแห้ง แผ่นดินแตกระแหงเนื่องจากฝนทิ้งช่วงประกอบกับมีการใช้น้ า เพื่อการเกษตรอย่างรุ นแรง ชาวบ้านที่หาปลาในบึงต้องเปลี่ยนมาขุดหัวบัวขายยังชีพ ในปี 2542 มี โครงการขุดลอกบึงละหานนาทาเป็ นคันดินล้อมรอบปิ ดทางน้ าธรรมชาติ ทาให้บึงละหานนามี อาณาเขตที่แน่นอนแต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือน้ าได้เข้าท่วมพื้นที่ไร่ นาเสี ยหายประมาณ 4 พันไร่ น้ าเริ่ ม เน่าเสี ยเพราะวัชพืชและพืชชุ่มน้ าอื่นๆเกิดเน่าตาย สิ่ งที่ชาวบ้านเรี ยกร้องในเวลานี้คือการเปิ ดประตู ระบายน้ าธรรมชาติที่มีอยูเ่ ดิม เพื่อให้แม่น้ าชี ไหลมาหล่อเลี้ยงและฟื้ นฟูสภาพลาน้ าอีกครั้ง การเดินทางสู่ จุดนี้มีเยาวชนที่มาออกค่ายเป็ นแกนนา ในการทากิจกรรม ต่อมาเป็ นจุดที่ 4 อาเภอเมือง จ.ขอนแก่น จุดที่ 5 มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จุดที่ 6 บ้านคุยค้อ จ.ร้อยเอ็ด จุดที่ 7 อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด จุดที่ 8 อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด จุดที่ 9 บ้านท่าเยียม ต. ้ ่ ค้อเหนือ อ.เมือง จ.ยโสธร และจุดสุ ดท้ายที่บานวังยาง จ.อุบลราชธานี อันเป็ นจุดสาคัญเพราะความ ้ หลากหลายของพันธุ์ปลาและเป็ นจุดที่แม่น้ ามูนกับชีมาบรรจบก่อนไหลลงสู่ แม่น้ าโขง รศ.ศรีศักร วัลลิโภดม หัวหน้ าโครงการวิจัยการศึกษาประวัติศาสตร์ กล่าวว่า“การมาของชุมชนใน ู้ ่ ่ วันนี้ถือเป็ นความเสมอภาค มีผอาวุโสมานังอยูรวมกันนันคือความสัมพันธ์แบบโบราณ ถือเป็ นการ ่ เริ่ มต้นพัฒนาที่ถูกต้อง การพัฒนาจากภาคประชาชนควรเป็ นหนอนที่มองจากข้างใน พวกเขาจะรู้
  • 5. ด้วยตัวเองว่าอะไรดีหรื อไม่ดี ไม่ใช่แบบนกที่มองลงมาจากส่ วนกลาง และต้องเป็ นการพัฒนาแบบ จิตนิยมคนต่อคน คนกับธรรมชาติ คนกับสิ่ งที่อยูเ่ หนือธรรมชาติดงเช่นการปั กใบเสมาของคณะ ั ธรรมชาติยาตราและมีการร่ วมพิธีสงฆ์โดยคนทั้งชุมชน อย่างไรก็ตามความสาคัญของภูมิภาคนี้คือ น้ า การรักษาป่ าโคกจึงเป็ นการรักษาต้นน้ าของอีสานเอาไว้ แม่น้ ามูนกับแม่น้ าชีจึงถือเป็ นน้ าสาคัญ ่ ในภูมิภาคที่ผานพื้นที่ความหลากทางชีวภาพและวัฒนธรรมมากมาย นาของคนอีสานได้ จากป่ าโคก ความชุ่มชื้นทาให้น้ าไหลออกจากป่ าโคก ชาวบ้านก็ใช้น้ าตรงนี้ใน ้ การดารงชีวต ดังนั้นคนโบราณจะมีทานบเล็กๆบีบเส้นทางสู่ บ่อชุมชน ลาน้ าใหญ่มีความหมายมาก ิ ่ ้ เพราะคนอีสานอยูได้ดวยข้าวกับปลาแดกอันมีน้ าเป็ นปั จจัยในการผลิต ลาน้ าในภาคอีสานแท้จริ ง แล้วจะเชื่อมกันตลอดก่อนไหลลงสู่ น้ าชี พันธุ์ปลาจานวนมากจึงมาพักรวมกันทีอุบลราชธานี ถือได้ ว่าเป็ นเมืองที่มีพนธุ์ปลามากที่สุดของลุ่มน้ าโขง ปั จจุบนนี้การพัฒนาแบบวัตถุนิยมได้ทาลายบุ่งทาม ั ั ทาลายแม่น้ า ทาลายป่ าโคกเพื่อเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ซึ่งข้อจากัดทางภูมิภาคตะวันออกเฉี ยงเหนื ออยู่ ที่การจัดการน้ าที่ดี ฉะนั้นธรรมชาติยาตราที่มาถึงในวันนี้ เป็ นการเริ่ มต้นที่ทาให้ฉุกคิดว่า แม่น้ า เล็กๆจะมีวธีจดการอย่างไรเพราะชุมชนที่แท้ตองเกิดและใช้ชีวตตามลุ่มน้ า หากแต่ชลประทาน ิ ั ้ ิ หลวงสร้างความแตกแยกของคนในชุมชนไทยมาก การจัดการน้ าจึงต้องให้ชุมชนเป็ นคนจัดการ” ธรรมชาติยาตราได้ ตอกยาให้ คณะเดินทางมั่นใจแล้วว่า ภูมิปัญญาในการจัดสรรทรัพยากรยังคงมีอยู่ ้ และผูที่รักษาไว้ได้ดีที่สุดคือชุมชนท้องถิ่นที่มีวถีชีวตเรี ยบง่ายและเศรษฐกิจที่พอเพียง แต่การ ้ ิ ิ พัฒนาที่วางแผนจากศูนย์กลางซึ่งถูกชี้นาด้วยความโลภและระบบสมัยใหม่ ทาให้เกิดการใช้ ทรัพยากร อย่างล้างผลาญทั้งนาองค์ความรู ้ใหม่ที่ทาลายธรรมชาติและองค์ความรู ้เดิมของคนใน ท้องถิ่น ธรรมชาติยาตราได้ทาให้หลายคนเกิดการครุ่ นคิดว่า พลังแห่งความยิงใหญ่แท้จริ งคือชุมชน ่ ท้องถิ่น ค้นเล็กค้นน้อยสร้างสิ่ งดีๆตลอดเวลา วันนี้ธรรมชาติยาตรากาลังตื่นขึ้นจากการหลับไหล เพื่อให้ชุมชนได้ทบทวนตัวเอง ทั้งหมดนี้เป็ นการจุดประกายและบอกกับสาธารณชนแล้วว่า ชุมชน ลุ่มน้ าชีจะไม่นิ่งเงียบกับปั ญหาที่กาลังเกิดบ่งชี้ความอยูรอดของผูคนอีสาน ่ ้
  • 6. ทีมงาน ThaiNGO มูลนิธิกองทุนไทย webmaster@thaingo.org 2 มีนาคม 2548