More Related Content
Similar to ธรรมชาติยาตรา เพื่อลำน้ำชี
Similar to ธรรมชาติยาตรา เพื่อลำน้ำชี (20)
ธรรมชาติยาตรา เพื่อลำน้ำชี
- 1. ธรรมชาติยาตรา เพือลานาชี
่ ้
คณะธรรมชาติยาตราแม่ นาชี เดินทางไกลจากจังหวัดชัยภูมิถึงชุมชนสองฝั่งน้ าทั้งเมืองและชนบท
้
ระยะทางทั้งหมด 765 กิโลเมตร ในสายตาของพวกเขาได้เห็นความเป็ นธรรมชาติและชะตากรรม
ร่ วมกันของชุมชนทั้งลุ่มน้ า พบว่า สายนาชีี เป็ นที่หล่อเลี้ยงชีวตและฝากผีฝากไข้ให้กบชุมชน
้ ิ ั
อีสาน กาลังเข้าสู่ ภาวะวิกฤตเพราะน้ าถูกเปลี่ยนทางเดิน ตลิ่งพัง ต้นน้ าถูกทาลายและเปื้ อนสารเคมี
ในภาคเกษตรกรรม ชุมชนประสบกับภาวะน้ าท่วมซ้ าซาก ผลร้ายที่เกิดกับแม่น้ าชีเกิดจากการ
กระทาที่ละโมบและรู ้เท่าไม่ถึงการณ์ของมนุษย์ ในที่สุดผลกระทบเหล่านั้นก็กลับมาสู่ มนุษย์ จึงถือ
ได้วาธรรมชาติยาตราได้ให้แง่คิดที่ยงใหญ่ต่อชุมชนในการดารงอยู่ มีดิน น้ า แร่ ธาตุ อากาศอันมี
่ ิ่
่
ครรลองที่เหมาะสมอยูในตัวเอง มนุษย์จึงต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับครรลองของธรรมชาติน้ น ั
ด้วย
หลังการปักใบเสมาของคณะธรรมชาติยาตราเริ่มขึน ณ จุดแรกที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว บ้าน
้
โหล่น ต.นางแดด อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ ปริ ศนาของแม่น้ าชีก็ถูกเปิ ดเผยขึ้น แม่น้ าชี กาลังป่ วยไข้
หลังจากให้ชาวบ้านมาหลายศตวรรษแล้ว แต่จะมีใครสักกี่คนที่อยากช่วยแม่น้ าบ้าง เรื่ องเล่าตานาน
ของแม่น้ าชี น้ นยาวนานมาก เชื่ อกันว่ าหากใครได้ ฟังคนเฒ่ าคนแก่ เล่ าจะนามาสู่ ความสดชื่ น มี
ั
ความหวัง ความเป็ นมิตรและจิตวิญญาณจัดเป็ นแม่น้ าที่มีอานุภาพมาแต่บรรพบุรุษ เคยเป็ นสถานที่
ล่องเรื อเพื่อค้าขายและเป็ นแม่น้ าในยุทธศาสตร์ สงครามระหว่างเวียงจันทร์ โคราชและชัยภูมิ คาว่า
แม่ ชีเป็ นภาษาของคนโคราช ส่ วนคนชัยภูมิหรื อทัวไปอาจเรี ยกว่า “ซี” เป็ นลักษณะของลาน้ าที่เกิด
่
จากการผุดลงมาจากภูเขา จุดกาเนิดเป็ นวังน้ าวนที่เกิดจากป่ าต้นน้ าภูเขียวมารวมเป็ นวังเวิงซึ่ งถือ
้
เป็ นสิ่ งมหัศจรรย์ของโลกอีกแห่งหนึ่ง เพราะท่อนไม้ที่หกโค่นลงไปในน้ าวนจะไม่ไหลลงในช่อง
ั
น้ าแต่จะวนจนน้ าแห้ง คนบ้านโหล่น จ.ชัยภูมิจะรู ้จกป่ าต้นน้ าของพวกเขาดีและนันกลายเป็ นที่มา
ั ่
ของคาว่า “ซี ด้ นซี ผด”
ั ุ
- 2. อีกตานานหนึ่งจากพืนบ้ านเล่ าว่า มีจระเข้ตวหนึ่งไปกินลูกสาวเจ้าเมืองเวียงจันทร์ เจ้าเมืองจึงสั่งให้
้ ั
ั ่
หมอจระเข้ 3 คนออกตามล่า แต่ตราบใดที่จระเข้ยงอยูในลาน้ าโขงจะหนังเหนียว ฟันแทงไม่เข้า
จระเข้ตวนั้นเห็นว่าแม่น้ าโขงมีความวกวนมากจึงเปลี่ยนมาล่องที่ลาน้ าชี บังเอิญแม่น้ าชี มีความเชื่อ
ั
กันว่าเป็ นน้ าที่ไหลมาจากโยคะของแม่ชีที่สามารถล้างอาถรรพได้ เมื่อหมอทั้ง 3 ไล่มาถึงช่องสาม
หมอก็ยงฆ่าจระเข้ไม่ได้เพราะน้ ามีปริ มาณมาก แต่มีหมาตัวหนึ่งชื่อ “ไอ้ทอก”มาคุยหิ นในช่องเขา
ั ็ ้
ให้น้ าไหลออกมาจนเห็นจระเข้และมันถูกฆ่าตายที่ช่องสามหมอนี่ เอง ปั จจุบนมีรูปปั้ นของจระเข้
ั
่
ไอ้ทอกและหมอทั้ง 3 อยูที่แคร่ งค้อ จังหวัดชัยภูมิ
็
แม่ นาชี มพนทีช่ ุ มนาทั้งหมด 49,476 ตารางกิโลเมตร ไหลจากต้นน้ าถึงปลายน้ าและบรรจบกับแม่
้ ี ื้ ่ ้
มูนที่บานวังยาง ต.บุ่งหวาย อ.วาริ นชาราบ จ.อุบลราชธานี ไหลผ่านพื้นที่ 6 จังหวัดได้แก่ ชัยภูมิ
้
ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธรและอุบลราชธานี โดยพื้นที่ชุ่มน้ าของแม่น้ าชีถือเป็ นจุดเด่น
ของลาน้ า เช่น บึง หนอง กุด ชีหลง ซี เฒ่าหรื อพื้นที่ป่าทามอันเป็ นแหล่งเกื้อกูลต่อวิถีชีวตชุมชนคน
ิ
ลุ่มน้ าที่ได้พ่ ึงพาอาศัยมาตลอด ลาน้ าสาขาหลักของแม่น้ าชีมี 5 ลาน้ าทั้ง ลาน้ าพอง ลาน้ าปาว ลาน้ า
เซิน ลาน้ าพรมและลาน้ ายัง การเปิ ดจดหมายจากธรรมชาติในครั้งนี้ลวนมีประเด็นเกี่ยวกับความอยู่
้
รอดของชุมชน วัฒนธรรมตามลุ่มน้ าและเหนือสิ่ งอื่นใดเมื่อคณะธรรมชาติยาตราพบว่า “ต้องสร้าง
จิตสานึกคนลุ่มน้ าชี อย่างเร่ งด่วน เพราะคุณภาพน้ ากาลังเน่าเสี ยเหมือนแม่น้ าเจ้าพระยาเสี ยแล้ว”
พ่ อสุ ดใจ มีหมื่นไว แกนนากลุ่มอนุรักษ์ ลานาชี จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า “อยากเห็นทรัพยากรป่ าไม้ แม่น้ า
้
กลับมาเหมือนเดิม ทุกวันนี้ทางบ้านหาปลาในระบบธรรมชาติได้ลาบากมาก อาศัยแต่เพียงปลาใน
กระชัง ระบบนิเวศป่ ามันเปลี่ยนไป ผมจากบ้านที่โคราชมาแต่งงานที่ชยภูมิเพราะชาวบ้านจะบอก
ั
กันว่า ถ้าจะให้อยูดีกินดีตองไปหาเมียที่ลาน้ าชี หลังจากที่ผมมาเป็ นเขยที่ชยภูมิใหม่ๆเคยเอาปลาร้า
่ ้ ั
- 3. ปลาแดกไปแลกกับข้าวที่บานเกิดโคราชได้ขาว 1 เกวียน เนื่องจากทางบ้านขาดแคลนปลาร้าอันเป็ น
้ ้
ปั จจัยที่คนอีสานต้องกิน เมื่อก่อนลุ่มน้ าชีอุดมสมบูรณ์มาก ข้าวในนาไม่เคยแล้งตาย ท่วมบ้าง
่
เล็กน้อยแต่แห้งเร็ ว เกิดปูปลาอาหารทางประมงน้ าจืดอย่างมาก ปลาทางฝั่งโขงก็วายขึ้นไปได้ เดิม
คนบ้านโหล่นทานาข้าวแต่มาเจอภาวะความแห้งแล้งในภายหลังเพราะแม่น้ าชีมีน้ าน้อย
่
ตั้งแต่ เริ่มเดินจากจุดแรกบ้ านโหล่ น ชั ยภูมิ ทาให้เรานาความรู้ความเข้าใจที่มีอยูไปเผยแพร่ เห็นภาพ
ปั ญหาของลาน้ าชีมากขึ้น บางช่วงที่ได้ไปเห็นทาให้ผมนอนไม่หลับ สื บเนื่องจากแม่น้ าชีกาลังขาด
การเอาใจใส่ มีการดูดทราย ริ มฝั่งมีการพังทลายเพราะมีแต่กองหิ นนามาวางไว้แทนการหยังลึกของ ่
รากไม้ มีการเอาเขื่อนมากั้นทาให้ดิน น้ าที่เคยไหลไปสู่ แม่โขงถูกกั้นและตันอยูตามลาน้ าจนตื้นเขิน
่
่
ห้าปี ที่ผานมาเกิดความเปลี่ยนแปลงมาก ปลามีขนาดตัวเล็กลง บางครั้งปลาที่เคยเห็นก็กลับหายไป
แสดงให้เห็นว่าปลาจากข้างล่างไม่สามารถขึ้นไปวางไข่ทางตอนบนได้ เพราะมีเขื่อนและฝายกั้นลา
่
น้ าเอาไว้เป็ นช่วงๆ อยากให้ภาครัฐที่มีศกยภาพได้รับรู ้วา ธรรมชาติยาตราของปลาในลาน้ าโขงไม่
ั
สามารถยาตราไปหาชาวบ้านได้ ปลาในแม่น้ าเดี๋ยวนี้เป็ นปลาในกระชังและเป็ นพันธุ์ปลาที่กรม
ประมงนามาปล่อย มีสารเคมีปนเปื้ อน โดยเฉพาะอย่างยิงการเดินทางจากชัยภูมิถึงขอนแก่นกาลัง
่
ประสบปัญหาภัยแล้ง โอกาสที่แม่น้ าชีต้ืนเขินหรื อสู ญหายเป็ นตานานเริ่ มชัดเจนมาก และจะ
กลายเป็ นคลองส่ งน้ าหรื อกักเก็บน้ าแทนในอนาคตอันใกล้”
การเดินทางของคณะธรรมชาติยาตรา ผ่านไปยังจุดที่ 2 บ้านค่าย จ.ชัยภูมิ จุดที่3 บึงละหานนา อ.
แวงน้อย จ.ขอนแก่น ซึ่ งจุดนี้ในอดีตบึงละหานนาเป็ นเพียงลาห้วยเล็กๆชื่อว่า “ลาห้วยแคน” และ
- 4. เป็ นที่พกของพ่อค้าที่ตอนวัวควายจากอีสานไปขายภาคกลาง รวมถึงเป็ นเส้นทางยุทธศาสตร์ในสมัย
ั ้
สงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมาชาวบ้านเข้ามาบุกเบิกทามาหากิน เมื่อชุมชนเกิดขึ้นจึงต้องกั้นลาห้วยเพื่อ
กักเก็บน้ าไว้ใช้ในการเกษตร กลายเป็ นบึงละหานนาที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก มีลกษณะคล้ายแก้ม
ั
ลิงของแม่น้ าชี รอบบึงละหานนามีป่าดอนและป่ าชุ่มน้ า ต่อมาชาวบ้านได้ทาคันดินกั้นบึงละหานนา
โดยทาประตูน้ าธรรมชาติที่ไหลลงแม่น้ าชีทางด้านทิศเหนื อ มีการขยายพื้นที่จาก 4พันไร่ เป็ น 5 พัน
ไร่ และทาง ร.พ.ช.ได้ทาเพิ่มจากที่ชาวบ้านเคยทาเอาไว้เป็ น 8พันไร่ ปั จจุบนมีพ้นที่ลดลงเหลือ 5 พัน
ั ื
ไร่ เนื่ องจากการบุกรุ กป่ ารอบๆริ มบึงของชาวบ้านบึงละหานนาเอง
เหตุการณ์ หลายอย่ างที่เกิดขึนกับบึงละหานนา ได้ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านรอบๆบึง ในปี 2540-41
้
บึงละหานนาประสบปั ญหาน้ าแห้ง แผ่นดินแตกระแหงเนื่องจากฝนทิ้งช่วงประกอบกับมีการใช้น้ า
เพื่อการเกษตรอย่างรุ นแรง ชาวบ้านที่หาปลาในบึงต้องเปลี่ยนมาขุดหัวบัวขายยังชีพ ในปี 2542 มี
โครงการขุดลอกบึงละหานนาทาเป็ นคันดินล้อมรอบปิ ดทางน้ าธรรมชาติ ทาให้บึงละหานนามี
อาณาเขตที่แน่นอนแต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือน้ าได้เข้าท่วมพื้นที่ไร่ นาเสี ยหายประมาณ 4 พันไร่ น้ าเริ่ ม
เน่าเสี ยเพราะวัชพืชและพืชชุ่มน้ าอื่นๆเกิดเน่าตาย สิ่ งที่ชาวบ้านเรี ยกร้องในเวลานี้คือการเปิ ดประตู
ระบายน้ าธรรมชาติที่มีอยูเ่ ดิม เพื่อให้แม่น้ าชี
ไหลมาหล่อเลี้ยงและฟื้ นฟูสภาพลาน้ าอีกครั้ง การเดินทางสู่ จุดนี้มีเยาวชนที่มาออกค่ายเป็ นแกนนา
ในการทากิจกรรม ต่อมาเป็ นจุดที่ 4 อาเภอเมือง จ.ขอนแก่น จุดที่ 5 มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จุดที่
6 บ้านคุยค้อ จ.ร้อยเอ็ด จุดที่ 7 อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด จุดที่ 8 อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด จุดที่ 9 บ้านท่าเยียม ต.
้ ่
ค้อเหนือ อ.เมือง จ.ยโสธร และจุดสุ ดท้ายที่บานวังยาง จ.อุบลราชธานี อันเป็ นจุดสาคัญเพราะความ
้
หลากหลายของพันธุ์ปลาและเป็ นจุดที่แม่น้ ามูนกับชีมาบรรจบก่อนไหลลงสู่ แม่น้ าโขง
รศ.ศรีศักร วัลลิโภดม หัวหน้ าโครงการวิจัยการศึกษาประวัติศาสตร์ กล่าวว่า“การมาของชุมชนใน
ู้ ่ ่
วันนี้ถือเป็ นความเสมอภาค มีผอาวุโสมานังอยูรวมกันนันคือความสัมพันธ์แบบโบราณ ถือเป็ นการ
่
เริ่ มต้นพัฒนาที่ถูกต้อง การพัฒนาจากภาคประชาชนควรเป็ นหนอนที่มองจากข้างใน พวกเขาจะรู้
- 5. ด้วยตัวเองว่าอะไรดีหรื อไม่ดี ไม่ใช่แบบนกที่มองลงมาจากส่ วนกลาง และต้องเป็ นการพัฒนาแบบ
จิตนิยมคนต่อคน คนกับธรรมชาติ คนกับสิ่ งที่อยูเ่ หนือธรรมชาติดงเช่นการปั กใบเสมาของคณะ
ั
ธรรมชาติยาตราและมีการร่ วมพิธีสงฆ์โดยคนทั้งชุมชน อย่างไรก็ตามความสาคัญของภูมิภาคนี้คือ
น้ า การรักษาป่ าโคกจึงเป็ นการรักษาต้นน้ าของอีสานเอาไว้ แม่น้ ามูนกับแม่น้ าชีจึงถือเป็ นน้ าสาคัญ
่
ในภูมิภาคที่ผานพื้นที่ความหลากทางชีวภาพและวัฒนธรรมมากมาย
นาของคนอีสานได้ จากป่ าโคก ความชุ่มชื้นทาให้น้ าไหลออกจากป่ าโคก ชาวบ้านก็ใช้น้ าตรงนี้ใน
้
การดารงชีวต ดังนั้นคนโบราณจะมีทานบเล็กๆบีบเส้นทางสู่ บ่อชุมชน ลาน้ าใหญ่มีความหมายมาก
ิ
่ ้
เพราะคนอีสานอยูได้ดวยข้าวกับปลาแดกอันมีน้ าเป็ นปั จจัยในการผลิต ลาน้ าในภาคอีสานแท้จริ ง
แล้วจะเชื่อมกันตลอดก่อนไหลลงสู่ น้ าชี พันธุ์ปลาจานวนมากจึงมาพักรวมกันทีอุบลราชธานี ถือได้
ว่าเป็ นเมืองที่มีพนธุ์ปลามากที่สุดของลุ่มน้ าโขง ปั จจุบนนี้การพัฒนาแบบวัตถุนิยมได้ทาลายบุ่งทาม
ั ั
ทาลายแม่น้ า ทาลายป่ าโคกเพื่อเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ซึ่งข้อจากัดทางภูมิภาคตะวันออกเฉี ยงเหนื ออยู่
ที่การจัดการน้ าที่ดี ฉะนั้นธรรมชาติยาตราที่มาถึงในวันนี้ เป็ นการเริ่ มต้นที่ทาให้ฉุกคิดว่า แม่น้ า
เล็กๆจะมีวธีจดการอย่างไรเพราะชุมชนที่แท้ตองเกิดและใช้ชีวตตามลุ่มน้ า หากแต่ชลประทาน
ิ ั ้ ิ
หลวงสร้างความแตกแยกของคนในชุมชนไทยมาก การจัดการน้ าจึงต้องให้ชุมชนเป็ นคนจัดการ”
ธรรมชาติยาตราได้ ตอกยาให้ คณะเดินทางมั่นใจแล้วว่า ภูมิปัญญาในการจัดสรรทรัพยากรยังคงมีอยู่
้
และผูที่รักษาไว้ได้ดีที่สุดคือชุมชนท้องถิ่นที่มีวถีชีวตเรี ยบง่ายและเศรษฐกิจที่พอเพียง แต่การ
้ ิ ิ
พัฒนาที่วางแผนจากศูนย์กลางซึ่งถูกชี้นาด้วยความโลภและระบบสมัยใหม่ ทาให้เกิดการใช้
ทรัพยากร อย่างล้างผลาญทั้งนาองค์ความรู ้ใหม่ที่ทาลายธรรมชาติและองค์ความรู ้เดิมของคนใน
ท้องถิ่น ธรรมชาติยาตราได้ทาให้หลายคนเกิดการครุ่ นคิดว่า พลังแห่งความยิงใหญ่แท้จริ งคือชุมชน
่
ท้องถิ่น ค้นเล็กค้นน้อยสร้างสิ่ งดีๆตลอดเวลา วันนี้ธรรมชาติยาตรากาลังตื่นขึ้นจากการหลับไหล
เพื่อให้ชุมชนได้ทบทวนตัวเอง ทั้งหมดนี้เป็ นการจุดประกายและบอกกับสาธารณชนแล้วว่า ชุมชน
ลุ่มน้ าชีจะไม่นิ่งเงียบกับปั ญหาที่กาลังเกิดบ่งชี้ความอยูรอดของผูคนอีสาน
่ ้
- 6. ทีมงาน ThaiNGO
มูลนิธิกองทุนไทย
webmaster@thaingo.org
2 มีนาคม 2548