More Related Content
Similar to ใบงานคอม 2 8 (20)
ใบงานคอม 2 8
- 1. ใบงานคอมพิวเตอร์ 2-8
จัดทาโดย
นายภาคภูมิ ถวิลประวัติ เลขที่ 10
นายธีรเจต กันยารอง เลขที่ 26
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/11
เสนอ
คุณครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
- 2. โครงงานคอมพิวเตอร์เป็นกิจกรรมการเรียนที่นักเรียนมีอิสระในการเลือก ศึกษาปัญหาที่ตนสนใจ โดยนักเรียนจะต้องวางแผนการดาเนินงาน ศึกษา พัฒนา โปรแกรม หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ความรู้ กระบวนการทางวิศวกรรม ซอฟต์แวร์ เครื่องคอมพิวเตอร์และวัสดุอุปกรณ์ตลอดจนทักษะพื้นฐานในการพัฒนา โครงงาน เรื่องที่นักเรียนสนใจและคิดจะทาโครงงาน ซึ่งอาจมีผู้ศึกษามาก่อน หรือเป็น เรื่องที่นักพัฒนาโปรแกรมได้เคยค้นคว้าและพัฒนาแล้ว นักเรียนสามารถทาโครงงาน เรื่องดังกล่าวได้ แต่ต้องคิดดัดแปลงแนวทางในการศึกษา การวิเคราะห์ข้อมูล การ พัฒนาโปรแกรม หรือศึกษาเพิ่มเติมจากผลงานเดิมที่มีผู้รายงานไว้ จุดมุ่งหมายสาคัญ ของการทาโครงงานเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ตรงในการใช้ ระบบคอมพิวเตอร์แก้ปัญหา ประดิษฐ์คิดค้นหรือค้นคว้าหาความรู้ต่างๆ ใช้ คอมพิวเตอร์ในการพัฒนาสื่อการเรียนรู้เพื่อการศึกษา ประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ พัฒนาโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ ตลอดจนการพัฒนาเกม คอมพิวเตอร์ เพื่อฝึกให้นักเรียนเป็นบุคคลที่ใฝ่เรียนใฝ่รู้ การพัฒนาความคิดใหม่ๆ ความมีคุณธรรมจริยธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ให้กับเพื่อนมนุษย์ และอยู่ในสังคมอย่างมี ความสุข
ความหมายและความสาคัญ ของโครงงานคอมพิวเตอร์
- 3. ขอบข่ายของโครงงาน
ขอบข่ายของโครงงาน การดาเนินงานโดยมีนักเรียนเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ และครูอาจารย์เป็นผู้ให้ คาแนะนาปรึกษา สรุปได้ดังนี้คือ
1. เป็นกิจกรรมการศึกษาที่ให้นักเรียนศึกษา ค้นคว้า ปฏิบัติด้วยตนเอง โดยอาศัยหลักวิชาการทาง ทฤษฎีตามเนื้อหาโครงงานนั้นๆ หรือจากประสบการณ์ และกิจกรรมต่างๆ ที่ได้พบเห็นมาแล้ว
2. นักเรียนทุกคนเป็นผู้พิจารณาจัดทาโครงงานด้วยตนเอง หรือกลุ่ม จานวน 2-8 คน ต่อกลุ่ม โดยใช้ ระยะเวลาสั้นๆ เป็นภาคเรียน หรือมากกว่าก็ได้
3. นักเรียนเป็นผู้พิจารณาริเริ่มสร้างสรรค์ คัดเลือกโครงงานที่จะศึกษาค้นคว้า ปฏิบัติด้วยตนเอง ตามความถนัด สนใจและความพร้อม
4. นักเรียนเป็นผู้เสนอโครงงาน รายละเอียดของโครงงานแผนปฏิบัติงาน และแปรผลรายงานต่อครู อาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อดาเนินงานร่วมกันให้บรรลุตามจุดหมายที่กาหนด
5. เป็นโครงงานที่เหมาะสมกับความรู้ ความสามารถของนักเรียนตามวัยและสติปัญญา รวมทั้งการ ใช้จ่ายเงินดาเนินงานด้วย
- 4. ประเภทของโครงงาน
โครงงานโดยทั่วไปแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ 5 ประเภท ได้แก่
1. โครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยการสร้างโปรแกรมบทเรียนหรือหน่วย การเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และคาถามคาตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียนแบบ รายบุคคลหรือรายกลุ่มการสอน โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้ ถือว่าคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน ซึ่งอาจ เป็นการพัฒนาบทเรียนแบบออนไลน์ ให้ผู้เรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้ โครงงานประเภทนี้สามารถ พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชาต่างๆ โดยผู้เรียนอาจคัดเลือกเนื้อหาที่เข้าใจยาก มาเป็นหัวข้อในการ พัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ตัวอย่างโครงงาน เช่น การเคลื่อนที่แบบ โปรเจ็กไตล์ ระบบสุริยจักรวาล ตัวแปรต่างๆ ที่มีผลต่อการชากิ่งกุหลาบ หลักภาษาไทย และสถานที่สาคัญของประเทศไทย เป็นต้น
2. โครงงานสารวจหรือรวบรวมข้อมูล ผู้เรียนที่จัดทาโครงงานประเภทนี้ มีจุดประสงค์เพื่อสารวจและ เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่กาลังศึกษา หรืองานที่กาลังทา โดยมีระบบในการจาแนกและนาเสนอเพื่อ ความชัดเจน วิธีการใช้อาจเป็นการสัมภาษณ์ การใช้แบบสอบถาม การสารวจจากสภาพจริง เพื่อนามาพัฒนา ปรับปรุงหรือส่งเสริมเพื่อให้ได้ผลดียิ่งขึ้นเช่น ศึกษาเรื่องเล่าในท้องถิ่น
3. โครงงานประเภทศึกษาค้นคว้า ผู้เรียนที่จัดทาโครงงานประเภทนี้ มีจุดประสงค์เพื่อแสวงหาความรู้ ตรวจสอบข้อเท็จจริง พิสูจน์ทฤษฎีหรือเรื่องเล่าต่างๆ จากการศึกษาค้นคว้าทั้งจากแหล่งวิทยาการต่างๆ เช่น ห้อง สุด สถาบันการศึกษา แหล่งเรียนรู้ประเภทเอกสาร เช่น ตารา รายงานการค้นคว้าทาง
วิชาการหรือเอกสารทางวิชาการและตัวบุคคล ได้แก่ผู้ที่มีความรู้ในเรื่องนั้นโดยตรง ซึ่งเป็นแหล่งที่มี อ้างอิงข้อมูลชัดเจนและเชื่อถือได้ ผลที่ได้จากการค้นคว้าอาจไม่สมบูรณ์ครบถ้วน แต่เมื่อปรับปรุงแก้ไขวิธีการที่ ถูกต้องจากผู้สอนแล้ว ก็สามารถเป็นแม่แบบแม่บทในการเรียนหรือการศึกษาค้นคว้าเพื่อแสวงหาความรู้ด้วย ตนเองในระดับชั้นที่สูงขึ้นหรือนาใช้ในชีวิตจริงได้ เช่น ศึกษาประวัติบุคคลสาคัญ
4. โครงงานทดลอง ผู้เรียนที่จัดทาโครงงานประเภทนี้ มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ซึ่งการ ทดลองอาจมีหลายขั้นตอนเพื่อให้ได้ข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจในเบ้องต้นแล้วจึงมีการศึกษาค้นคว้าต่อไป เช่น แต่งคาประพันธ์ร้อยกรอง โดยคิดกาหนดฉันท์
5. โครงงานสิ่งประดิษฐ์ ผู้เรียนที่จัดทาโครงงานประเภทนี้ จะไดัรับการส่งเสริมให้สร้างสรรค์ สิ่งประดิษฐ์หรือพัฒนาชิ้นงานโดยสิ่งที่ผู้จัดทาโครงงาจะได้รับคือส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์โดยการสังเกต วิเคราะห์กลวิธีในการจัดการต่างๆ แล้วพัฒนาหรือสร้างชิ้นงานขึ้นใหม่เพื่อสนองความต้องการของสังคมตาม ความรู้ความสามารถที่มีอยู่หรือที่ได้รับจากบทเรียน เช่น การเขียน หลักภาษา
การนาโครงงานไปประยุกต์ใช้ เช่น การทาวารสาร สื่อโฆษณา วิถีการดาเนินชีวิตด้วยหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง คิดเป็น คิดดี คิดสร้างสรรค์ คิดอย่างเศรษฐกิจพอเพียง ประหยัดและอดออมฯลฯ
- 5. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
เป็นโครงงานทีใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยการสร้างโปรแกรมบทเรียน หรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวนและคาถามคาตอบไว้พร้อม ผู้เรียน สามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่ม การสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยนี้ ถือว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นอุปกรณ์การสอน ไม่ใช่เป็นครูผู้สอน ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบ Online ให้นักเรียนเข้ามา ศึกษาด้วยตนเองก็ได้ โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสาขา คอมพิวเตอร์ วิชาคณิตศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ วิชาสังคม วิชาชีพอื่น ๆ ฯลฯ โดยนักเรียนอาจคัดเลือก หัวข้อที่นักเรียนทั่วไปที่ทาความเข้าใจยาก มาเป็นหัวข้อในการพัฒนาโปรแกรมบทเรียน ตัวอย่าง เช่น โปรแกรมสอนวิธีการใช้งาน ระบบสุริยะจักรวาล โปรแกรมแบบทดสอบวิชาต่าง ๆ
ลักษณะเด่นของโครงงานประเภทนี้ คือ เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อ การศึกษา โดยการสร้างโปรแกรมบทเรียนหรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บท ทบทวน และคาถามคาตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่มการสอน โดยใช้ คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้ ถือว่าคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบ ออนไลน์ ให้ผู้เรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้ โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ ประกอบการสอนในวิชาต่างๆ โดยผู้เรียนอาจคัดเลือกเนื้อหาที่เข้าใจยาก มาเป็นหัวข้อในการพัฒนาสื่อ เพื่อการศึกษา ตัวอย่างโครงงาน เช่น การเคลื่อนที่แบบโปรเจ็กไตล์ ระบบสุริยจักรวาล ตัวแปรต่างๆ ที่มี ผลต่อการชากิ่งกุหลาบ หลักภาษาไทย และสถานที่สาคัญของประเทศไทย เป็นต้น
- 6. โครงงานประเภท “การพัฒนาเครื่องมือ”
เป็นโครงงานเพื่อพัฒนาเรื่องมือมาใช้ช่วยสร้างงานประยุกต์ต่าๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นในรูปซอฟต์แวร์ ตัวอย่างของเครื่องมือช่วยงาน เช่น ซอฟต์แวร์วาดรูป ซอฟต์แวร์พิมพ์งาน ซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุ ในมุมต่าง ๆ เป็นต้น สาหรับซอฟต์แวร์เพื่อการพิมพ์งานนั้นสร้างขึ้น เป็นโปรแกรมประมวลผลภาษา ซึ่งจะเป็นเครื่องมือให้เราใช้งานในงาน พิมพ์ต่าง ๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นไปได้โดยง่าย ซึ่งรูปที่ได้สามารถ นาไปใช้งานต่าง ๆ ได้มากมาย สาหรับซอฟต์แวร์ช่วยในการมองวัตถุ ในมุมต่าง ๆ ใช้สาหรับช่วยในการออกแบบสิ่งของต่าง ๆ เช่น โปรแกรม ประเภท 3D
- 7. “ การทดลองทฤษฎี ”
เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการจาลองการทดลองของสาขาต่างๆ ซึ่งเป็นงานที่ไม่สามารถ ทดลองด้วยสถานการณ์จริงได้ เช่น การจุดระเบิด เป็นต้น และเป็นโครงงานที่ผู้ทาต้องศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริง และแนวคิดต่างๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องการศึกษาแล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจาลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสูตร สมการ หรือคาอธิบาย พร้อมทั้งารจาลองทฤษฏีด้วยคอมพิวเตอร์ให้ออกมา เป็นภาพ ภาพที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปตามสูตรหรือสมการนั้น ซึ่งจะทาให้ผู้เรียนมีความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น การทา โครงงานประเภทนี้มีจุดสาคัญอยู่ที่ผู้ทาต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่างโครงงานจาลองทฤษฎี เช่น การทดลองเรื่องการไหลของของเหลว การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาปิรันย่า และการทดลองเรื่องการ มองเห็นวัตถุแบบสามมิติ เป็นต้น
ตัวอย่างชื่อโครงงาน
-การทดลองปัจจัยต่างๆ ในการเลี้ยงปลานิลด้วยคอมพิวเตอร์
-การทดลองปัจจัยต่างๆ ในการเพาะปลูกแก้วมังกรด้วยคอมพิวเตอร์
-การทานายอุณหภูมิจากข้อมูลที่ผ่านมา
-การทดลองผสมสารเคมีต่างๆ ด้วยคอมพิวเตอร์
-ปัจจัยต่างๆ กับการเคลื่อนที่ของเครื่องบิน
-ผลการปลูกข้าวในสภาวะแวดล้อมที่ต่างกัน
-การเปรียบเทียบเทคนิคของการย่อขนาดแฟ้มข้อมูล
-โปรแกรมสังเคราะห์เสียงพูดเบื้องต้น
-โปรแกรมจาลองการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
- 8. “การประยุกต์ใช้งาน”
เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างผลงานเพื่อประยุกต์ใช้งานจริงในชีวิต ประจาวัน เช่น ซอฟต์แวร์สาหรับการออกแบบและตกแต่งอาคารซอฟต์แวร์สาหรับการผสมสีซอฟต์แวร์สาหรับการระบุ คนร้ายเป็นต้น
โครงงานงานประเภทนี้จะมีการประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่าง ๆ ซึ่งอาจจะ สร้างใหม่หรือปรับปรุงดัดแปลงของเดิมที่มีอยู่แล้วให้มี ประสิทธิภาพสูงขึ้นก็ได้ โครงงานลักษณะนี้ จะต้องศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ก่อนแล้วนา ข้อมูลที่ได้มาใช้ในการออกแบบ และพัฒนา สิ่งของนั้น ๆ ต่อจากนั้นต้องมีการทดสอบการทางานหรือทดสอบคุณภาพของสิ่งประดิษฐ์แล้วปรับ ปรุง แก้ไขให้มีความสมบูรณ์ โครงงานประเภทนี้นักเรียนต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ภาษา โปรแกรม และเครื่องมือต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งอาจใช้วิธีทางวิศวกรรมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ในการ พัฒนาด้วย
ตัวอย่างโครงงานประยุกต์ใช้งาน
-โปรแกรม สารบรรณสาเร็จรูป : Readymade Archivist
-โปรแกรมระบบฐานข้อมูลทางการแพทย์เบื้องต้น
-โปรแกรมระบบแฟ้มฐานข้อมูลผู้เรียน 2001
-เครื่องรดน้าต้นไม้และให้อาหารปลาผ่านโทรศัพท์มือถือ
- 9. “การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์”
ในปัจจุบันเกมคอมพิวเตอร์ ได้เข้ามามีบทบาทต่อเยาวชนเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นโครงงานพัฒนาเกม จึงเป็นอีก โครงงานที่จะส่งเสริมการสร้างเกมจากจินตนาการของนักเรียน ซึ่งจะทาให้ได้เกมสีขาวที่ไม่มีพิษภัยต่อผู้เล่น หรือเป็น การสร้างเกมในเชิงสร้างสรรค์ โดยใช้ตัวละครตามวรรณคดีเป็นผู้เล่น เช่น เกมผจญภัยทะลุมิติ แต่ตัวละครในเกมจะ ใช้เป็นหนุมาน พระลักษมณ์ พระราม นางสีดา และทศกัณฐ์ ซึ่งเป็นตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์ เป็นการผสมผสาน ความรู้ด้านวรรณคดีได้เป็นอย่างดี และทาให้ผู้เล่นเกมมีความเข้าใจ สามารถจาลักษณะของตัวละครเหล่านั้นได้ กฎ กติการการเล่นเกมผู้พัฒนาโครงงานสามารถกาหนดขั้นมาได้เองตามความเหมาะสมหรือพัฒนาเกมประเภทฝึก สมอง ประลองปัญญา เช่น เกมจับคู่ เกมทายคาศัพท์ภาษาอังกฤษ เป็นต้น จึงเป็นอีกรูปแบบของโครงงานประเภท นี้ หรือนาบทเรียนที่ยากต่อการท่องจามาสร้างในลักษณะของเกมจะช่วยให้ผู้เล่นนอกจากได้รับความบันเทิงแล้ว ยัง เป็นการท่องจาบทเรียนไปพร้อมกันด้วย
ดังนั้นการสร้างสรรค์เกมและสอดแทรกความรู้เข้าไปก็จะมีประโยชน์มากสาหรับผู้เล่นและผู้ประดิษฐ์ คิดค้น ซึ่งการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์นั้น และนักเรียนจะต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ
1. หลักการทางานของคอมพิวเตอร์
2. กระบวนการและหลักการในการแก้ปัญหา
3. หลักการเขียนโปรแกรม
4. การแทนข้อมูลในคอมพิวเตอร์
จากโครงงานทั้ง 5 ประเภทนี้ นักเรียนสามารถคิดสร้างสรรค์จากความสนใจ และตามจินตนาการของ ตนเองได้อย่างอิสระ เป็นการเปิดโลกกว้างทางความคิด แต่จะอยู่ภายใต้การให้คาปรึกษาที่ดีของครู
ตัวอย่างหัวข้อโครงงานประเภทการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์
- โปรแกรม ต่อให้เพิ่ม เติมให้เต็ม
- โปรแกรม เกมผู้รอดชีวิต
- เกมอักษรเขาวงกต
- เกมหมากฮอส