More Related Content
Similar to Mind map (1) (20)
Mind map (1)
- 1. 1
การพัฒนาการคิดโดยใช้ Mind mapping
แผนทีความคิด (Mind Map) เป็นการนําเอาทฤษฎีทีเกียวกับสมองไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด
การเขียนแผนทีความคิด (MIND MAP) นั7น เกิดจากการใช้ทักษะทั7งหมดของสมองหรือเป็นการทํางานร่วมกันของ
สมองทั7ง 2 ซีก คือสองซีกซ้ายและซีกขวา ซึงสมองซีกซ้ายจะทําหน้าทีในการวิเคราะห์ คํา ภาษา สัญลักษณ์ ระบบ
ลําดับ ความเป็นเหตุผล ตรรกวิทยา ส่วนสมองซีกขวาจะทําหน้าทีสังเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ จินตนาการ ความงาม
ศิลปะ จังหวะโดยมีแถบเส้นประสาทคอร์ปัสคอโลซัมเป็นเสมือนสะพานเชือม
แผนทีความคิด (Mind Mapping) ใช้แสดงการเชือมโยงข้อมูลเกียวกับเรืองใดเรืองหนึงระหว่างความคิด
หลัก ความคิดรองและความคิดย่อยทีเกียวข้องสัมพันธ์กัน
Mind Map เป็นการถ่ายทอดความคิด หรือข้อมูลต่าง ๆ ทีมีอยู่ในสมองลงกระดาษ โดยการใช้ภาพ สี เส้น
และการโยงใย แทนการจดย่อแบบเดิมทีเป็นบรรทัด ๆ เรียงจากบนลงล่าง ขณะเดียวกันมันก็ช่วยเป็นสือนําข้อมูล
จากภายนอก เช่น หนังสือ คําบรรยาย การประชุม ส่งเข้าสมองให้เก็บรักษาไว้ได้ดีกว่าเดิม ซํ7ายังช่วยให้เกิดความคิด
สร้างสรรค์ได้ง่ายเข้า เนืองจะเห็นเป็นภาพรวม และเปิดโอกาสให้สมองให้เชือมโยงต่อข้อมูลหรือ ความคิดต่าง ๆ
เข้าหากันได้ง่ายกว่า
แผนทีความคิด เป็นวิธีการบันทึกความคิดเพือให้เห็นภาพของความคิดทีหลากหลายมุมมอง ทีกว้าง และที
ชัดเจน โดยยังไม่จัดระบบระเบียบความคิดใดๆทั7งสิ7น เป็นการเขียนตามความคิด ทีเกิดขึ7นขณะนั7น การเขียนมี
ลักษณะเหมือนต้นไม้แตกกิงก้าน สาขาออกไปเรือยๆ ทําให้สมองได้คิดได้ทํางานตามธรรมชาติอย่างและมีการ
จินตนาการกว้างไกล
ตัวอย่างแผนที"ความคิด
- 2. 2
ความสําคัญของแผนที"ความคิด (Mind Mapping)
ความสําคัญของการทํา Mind Mapping : ควรให้ความสําคัญ ดังนี7
1) ประเด็น /ความคิดสําคัญทีอยู่กลางภาพ ควรใช้ภาพทีสือความหมาย และชัดเจนสวยงาม เพือเป็นการดึงดูด
ความสนใจ และสามารถค้นหาได้ง่ายกว่าการใช้ตัวอักษร เมือเก็บรวบรวมไว้ด้วยกัน
2) การแตกแขนง ควรจัดลําดับความสําคัญของข้อความในแต่ละกิงทีแตกออกจากจุดกึงกลาง จากมากไปหาน้อย
และถ้ามีความสําคัญในระดับใกล้เคียงกัน จะแตกออกจากจุดเดียวกัน
3) การใช้ถ้อยคํา ใช้ถ้อยคําทีกระชับ ง่าย และสือความหมายชัดเจน
4) การผสมผสานเชือมโยง ระหว่างข้อความในแต่ละกิงย่อย และกิงใหญ่เพือให้เกิดความคิดรวบยอดทีสอดคล้อง
กับภาพตรงกลาง
5) เป็นเทคนิคทีเหมาะสําหรับคนขี7เกียจเขียน และเป็นการบริหารสมองทั7ง 2 ซีก
ตัวอย่างแผนที"ความคิด
แนวคิดเกี"ยวกับแผนที"ความคิด (Mind Mapping)
แผนทีความคิด (Mind Mapping) เป็นเครืองมือสําคัญทีครูผู้สอนนิยมใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ส่วนใหญ่ใช้
ในการระดมสมองขณะทํากิจกรรมกลุ่มของผู้เรียน และในการสรุปบทเรียนทั7งรายกลุ่มและรายบุคคล เนืองจากเกิด
ความสนุกสนานแก่ผู้เรียนในการเขียนสิงทีตนเรียนรู้อย่างอิสระ มีการจัดกลุ่มและเรียงลําดับความสําคัญผ่านเส้น
แขนงต่าง ๆ จากจุดกึงกลางเพือให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างความคิดรวบยอดย่อยๆ และความคิดรวมทั7งหมดใน
กระดาษเพียงแผ่นเดียวนอกจากนี7 Mind Mapping ยังสามารถนํามาใช้ในการวางแผนงาน ทั7งของครู และการทํา
โครงงานของนักเรียน หรือการเตรียมงาน เช่น การเตรียมการสอนของครู การวางแผนเพือเขียนเรียงความของ
นักเรียน เอกสารฉบับนี7จึงขอนําเสนอเทคนิคการทํา Mind Mapping ในการจับประเด็น / หัวข้อย่อยต่างๆ โดยการ
- 3. 3
ทดลองทําในแผ่นแรกให้ครอบคลุมทั7งหมดก่อน แล้วจึงนํามาจัดระเบียบความคิดใหม่ในแผ่นที 2 ซึงจะทําให้ Mind
Mapping ทีได้มีความกระชับ น่าสนใจ และครอบคลุมตรงตามหัวข้อหลักทีนําเสนอ
หลักการเขียน Mind Map
การเขียน Mind Map ใช้กระดาษแผ่นเดียว การเขียนใช้สีสันหลากหลาย ใช้โครงสร้างตามธรรมชาติทีแผ่กระจาย
ออกมาจุดศูนย์กลาง ใช้เส้นโยง มีเครืองหมาย สัญลักษณ์ และรูปภาพทีผสมผสานร่วมกันอย่างเรียบง่าย สอดคล้อง
กับการทํางานตามธรรมชาติของสมอง
วิธีการเขียน Mind Map
1. เตรียมกระดาษเปล่าทีไม่มีเส้นบรรทัดและวางกระดาษภาพแนวนอน
2. วาดภาพสีหรือเขียนคําหรือข้อความทีสือหรือแสดงถึงเรืองจะทํา Mind Map กลางหน้ากระดาษ โดยใช้สี
อย่างน้อย 3 สี และต้องไม่ตีกรอบด้วยรูปทรงเรขาคณิต
3. คิดถึงหัวเรืองสําคัญทีเป็นส่วนประกอบของเรืองทีทํา Mind Map โดยให้เขียนเป็นคํา ทีมีลักษณะเป็น
หน่วย หรือเป็นคําสําคัญ (Key Word) สั7น ๆ ทีมีความหมาย บนเส้น ซึงเส้นแต่ละเส้นจะต้องแตกออกมาจาก
ศูนย์กลางไม่ควรเกิน 8 กิง
4. แตกความคิดของหัวเรืองสําคัญแต่ละเรืองในข้อ 3 ออกเป็นกิง ๆ หลายกิง โดยเขียนคําหรือวลีบนเส้นที
แตกออกไป ลักษณะของกิงควรเอนไม่เกิน 60 องศา
5. แตกความคิดรองลงไปทีเป็นส่วนประกอบของแต่ละกิง ในข้อ 4 โดยเขียนคําหรือวลีเส้นทีแตกออกไป
ซึงสามารถแตกความคิดออกไปเรือยๆ
- 4. 4
6. การเขียนคํา ควรเขียนด้วยคําทีเป็นคําสําคัญ (Key Word) หรือคําหลัก หรือเป็นวลีทีมีความหมายชัดเจน
7. คํา วลี สัญลักษณ์ หรือรูปภาพใดทีต้องการเน้น อาจใช้วิธีการทําให้เด่น เช่น การล้อมกรอบหรือใส่กล่อง
เป็นต้น
8. ตกแต่ง Mind Map ทีเขียนด้วยความสนุกสนานทั7งภาพและแนวคิดทีเชือมโยงต่อกัน
กระบวนการของแผนที"ความคิด (Mind Mapping)
ใช้แสดงการเชือมโยงข้อมูลเกียวกับเรืองใดเรืองหนึงระหว่างความคิดหลัก ความคิดรอง และความคิดย่อย
ทีเกียวข้องสัมพันธ์กัน” ผังความคิด (Mind Map) ใช้แสดงการเชือมโยงข้อมูลเกียวกับเรืองใดเรืองหนึงระหว่าง
ความคิดหลัก ความคิดรอง และความคิดย่อยทีเกียวข้องสัมพันธ์กัน ลักษณะการเขียนผังความคิด เทคนิคการคิดคือ
นําประเด็นใหญ่ ๆ มาเป็นหลัก แล้วต่อด้วยประเด็นรองในชั7นถัดไป
Mind Map® จะช่วยให้การจัดหมวดหมู่ความคิด รวมทั7งการเชือมโยงประเด็นสําคัญๆ ซึงจะช่วยให้การจัด
กระบวนการเรียนรู้ แบบมีส่วนร่วมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุเป้ าหมายทีตั7งไว้ได้
ขั0นตอนการจัดกระบวนการเรียนรู้
ขั0นตอนที" 1 ประเมินปัญหาความต้องการของผู้เข้าร่วม (Need Assesment)
ขั0นตอนที" 2 กําหนดวัตถุประสงค์ (Objectives define)
ขั0นตอนที" 3 เลือกกําหนดเนื7อหาและจัดลําดับเนื7อหา (Content and Priority setting)
- 5. 5
ขั0นตอนที" 4 เลือกวิธีการในการจัดการเรียนรู้ (Technique selection)
ขั0นตอนที" 5 จัดทําโครงการจัดการเรียนรู้ (Project setting)
ขั0นตอนที" 6 การออกแบบจัดทําหลักสูตรกระบวนการจัดการเรียนรู้ (course outline for PLP)
ขั0นตอนที" 7 จัดกระบวนการเรียนรู้ (PLP-conduct)
ขั0นตอนที" 8-9 ประเมินผลและติดตามสนับสนุน (Evaluation and Monitoring)
จากขั7นตอนทั7ง 9 ขั7นตอน เพือให้เป็นภาพรวมทีเข้าใจกันง่ายขึ7นเราสามารถสรุปเป็นแผนทีความคิด
(Mind Map ) ทีสวยงาม ได้ดังภาพ ซึงเป็นการแตกแขนง และแยกรายละเอียดให้ลึกมากขึ7น
รายละเอียดเกี"ยวกับแผนที"ความคิด (Mind Mapping)
รายละเอียดเกียวกับแผนทีความคิด (Mind Map® ) โดยลักษณะสําคัญด้วยกัน มี 4 ประการ ดังนี7
1.หัวเรืองทีเป็นข้อใหญ่ใจความได้รับการกลันกรองจนตกผลึกเป็นภาพ “ แก่นแกน ” ตรงกลาง
2.ประเด็นสําคัญกระจายเป็นรัศมีออกมาเป็น “ ก้าน” หรือ กิงแก้ว แตกแขนงออกจาก “ แก่นแกน ”
3. กิงทีแตกแขนงออกมาแต่ละกิงรองรับ คําไข/ภาพ โดยมีเส้นเชือมเป็นรายละเอียดออกมารอบๆ
4. กิงก้านต่างๆต้องเชือมต่อยึดโยงกันดุจกิงไม้หรือรากไม้
Mind Map® เป็นเพียงส่วนหนึงของเครืองมือในการบันทึกข้อมูลและความคิดเป็นภาพ ซึงเครืองมือ
นําเสนอด้วยภาพ แบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่
- ดาว / ใยแมงมุม / เครือข่าย = เหมาะสําหรับการอธิบาย คําจํากัดความ คุณสมบัติ คุณลักษณะ
- แผนภูมิ / ตาราง / แถวอันดับ = เหมาะสําหรับแสดงคุณสมบัติ คุณลักษณะเปรียบเทียบ
การประเมิน
- ต้นไม้/ แผนที = เหมาะสําหรับการ จําแนก ตารางชาติตระกูล สายพันธ์
- ลูกโซ่ = เหมาะสําหรับกระบวนการเหตุและผล ทีมาทีไป ลําดับเหตุการณ์ในอดีต
- ภาพร่าง = เหมาะสําหรับโครงสร้างทางกายภาพ ทําเลทีตั7ง สถานที รูปลักษณ์
วิธีการนําเข้าสู่การเรียนรู้ทักษะการเรียน Mind Map®
คือพยายามเชือมโยงความคิดรวบยอดหรือกระบวนทัศน์ของการเรียน Mind Map® กับ
ประสบการณ์ ตรงในเรืองแผนทีของผู้เรียนเอง จากนั7นเริมนําเข้าสู่ประเด็นต่างๆดังต่อไปนี7
- การคัดเลือกข้อมูล
- คํากุญแจ/ประเด็นหลัก/สัญลักษณ์
- 6. 6
- การจัดระบบเชิงภาพ
- ประโยชน์ใช้สอยของแผนที
- ลงมือเขียนแผนที
ขั0นตอนในการเขียน Mind Map® 7 ขั0นตอน
1.วางกระดาษเปล่าตามแนวนอน เริมจากกลางหน้ากระดาษ เพราะมันจะช่วยให้มีอิสระในการคิดแผ่ขยาย
ได้ตามธรรมชาติ
2.ใช้รูปภาพ หรือสัญลักษณ์แทนประเด็นหลัก ทีศูนย์กลางซึงเรียกว่า “แก่นแกน”
3.ใช้สีสันให้ทัวทั7งแผ่น
4.เชืองโยง “กิงแก้ว” เข้ากับ “แก่นแกน” ทีอยู่ตรงกลาง และเชือม “กิงแก้ว” ออกไปเป็นขั7นที 2 และ 3
5.วาดกิงทีมีสัญลักษณ์เป็นเส้นโค้ง
6.ใช้คํามูล เพียงคําเดียวบนแต่ละกิง
7.ใช้รูปภาพ ประกอบให้ทัวทั7งแผ่น Mind Map® เพราะภาพแทนคําได้เท่ากับคําพันคํา
ข้อแนะนําในการทํา Mind Map®
1. แก่นแกน ควรมีขนาดพอเหมาะไม่ใหญ่ หรือ เล็กเกินไป
2. ห้ามล้อมแก่นแกน
3. เส้นของกิงแก้วต้องโยงเชือมต่อกับแก่นแกนเสมอ
4. คํายิงสั7นยิงดี ควรเป็นคํามูล
5. เส้นต้องมีความยาวสัมพันธ์กับคําหรือภาพ
6. กิงก้อยทีแตกแขนงออกมากิงแก้วควรมีสีเดียวกันทั7งแขนง
7. ต้องแตกกิง ณ จุดสุดท้ายของเส้นเสมอ
8. อย่าเขียนกลับหัวตัวอักษร/อย่าหมุนกระดาษ
9. ไม่ควรใช้วลีหรือประโยค
10. เส้นต้องเชืองโยงกัน อย่าเขียนเส้นให้ขาดหรือแหว่ง
11. ห้ามล้อมวงกลมทีคําหรือภาพ
12. ห้ามเขียนคํา/ภาพปิดท้ายเส้น
13. ห้ามเขียนคํา/ภาพทั7งบนและใต้กิงเดียวกัน
- 7. 7
การนํา Mind Map® มาใช้ในการเรียนการสอน
Mind Map® ช่วยให้การเรียนการสอนง่ายและสนุกสนานได้หลายวิธี เช่น
1.ใช้เตรียมการสอน เพราะจะทําให้สามารถสอนแบบธรรมชาติและเป็นระบบ
2.วางแผนรายปี ช่วยให้ครูเห็นแผนการสอนตอลดทั7งปีการศึกษา
3.วางแผนรายภาคเรียน ช่วยให้ครูรู้ว่าภาคนี7จะสอนอะไรบ้าง
4.วางแผนรายวัน ลงรายละเอียดทบทวนบทเรียนเดิมทีจะสอนนักเรียน
5.การสอน เป็นการใช้ขณะสอนนักเรียนในชั7นเรียน
6.การสอบของนักเรียน เป็นการวัดความรู้ ความสามารถ ความเข้าใจของนักเรียนได้ดี
7.โครงการ/โครงงาน ใช้ทํากิจกรรม หรือ นิทรรศการ หรือ วางแผนงาน
ตัวอย่างแผนที"ความคิด