More Related Content Similar to การสร้างเครือข่ายและการประสานงาน Similar to การสร้างเครือข่ายและการประสานงาน (20) More from Taraya Srivilas More from Taraya Srivilas (20) การสร้างเครือข่ายและการประสานงาน2. ปัญหาในปัจจุบัน
องค์กรต่างๆ ในสังคมล้วนเป็นองค์กรอานาจ การเมือง ราชการ การศึกษา
ธุรกิจและศาสนา
คนถูกทาให้รู้สึกว่าไร้ศักยภาพ และไร้ศักดิ์ศรี ด้วยโครงสร้างอานาจและ
โครงสร้างเงิน ที่กดทับคนทั้งหมด
โครงสร้างอานาจก่อให้เกิด การบีบคั้น ความไร้ศักยภาพ ความหงุดหงิด
ราคาญใจ และความรู้สึกสิ้นหวัง
ทาลายสุขภาพจิต ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และศักยภาพแห่งความ
สร้างสรรค์
เครือข่ายเป็นโครงสร้างที่ทาให้หลุดจากความบีบคั้นดังกล่าว ไปสู่ความสุข
และความสร้างสรรค์
6. เครือข่าย (Network) ในความหมายที่ 1
คือขบวนการทางสังคมอันเกิดจากการสร้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล กลุ่ม องค์กร
สถาบัน โดยมีเป้าหมาย วัตถุประสงค์และ
ความต้องการบางอย่างร่วมกัน ร่วมกัน
ดาเนินกิจกรรมบางอย่างโดยที่สมาชิกยังคง
ความเป็นเอกเทศไม่ขึ้นต่อกัน
(เสรี พงศ์พิศ, 2548)
12. ช่วยให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ทักษะ
ความรู้ ประสบการณ์ เครื่องมือ และสื่อ
ช่วยลดการทางานและการใช้ทรัพยากรซ้อน
เกิดความเข้าใจกันมากขึ้น นาไปสู่การทางาน
ร่วมกัน เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย
ให้ความต้องการของประชาชนได้รับการสนอง
จากรัฐ
ช่วยชี้ให้เห็นปัญหาและประเด็นการพัฒนา
ที่ซับซ้อนและท่วมท้นในหมู่บ้าน
ช่วยเชื่อมหน่วยงานวิชาการและแหล่งทุน
กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ
ทาให้คนและองค์กรได้รับความช่วยเหลือจาก
เพื่อนได้รับกาลังใจ การจูงใจ และการยอมรับ
15. ลักษณะของเครือข่าย
มีโครงสร้างทางความคิด ใกล้เคียงกัน
ไม่มีลาดับชั้น เป็นอิสระต่อกัน แบ่งงานกันทา
ความเข้มแข็งของแต่ละองค์กรที่รวมกันเป็นเครือข่าย จะทาให้
เครือข่ายเข้มแข็ง
กาหนดการให้มีการจัดการกันเอง
ความสาเร็จของเครือข่าย ต้องอาศัยระยะเวลาในการบ่มเพาะ
ความสัมพันธ์ ศรัทธา เชื่อใจ ร่วมกันแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
18. ประเภทของเครือข่าย
เครือข่ายธรรมชาติ กับ เครือข่ายจัดตั้ง
เครือข่ายพื้นที่ กับ เครือข่ายกิจกรรม
เครือข่ายทางการ กับ เครือข่ายไม่เป็นทางการ
เครือข่ายภาครัฐ กับ เครือข่ายภาคเอกชน
เครือข่ายการเรียนรู้ เครือข่ายกิจกรรม เครือข่ายทรัพยากร
เครือข่ายอาชีพ เครือข่ายสตรี เครือข่ายสุขภาพ
19. ประเภทของเครือข่าย
1. เครือข่ายเชิงพื้นที่ การรวมตัวของกลุ่ม องค์กร เครือข่าย ที่อาศัยพื้นที่
ดาเนินการเป็นปัจจัยหลักในการทางานร่วมกัน
1.1 การแบ่งเครือข่ายตามระบบการปกครองของภาครัฐ
1.2 การแบ่งพื้นที่ตามความสาคัญของทรัพยากรธรรมชาติ
- ลักษณะกระบวนการทางานทั้งในแนวดิ่งและแนวราบ โดยมีการ
รวมศูนย์กิจกรรมเข้าสู่ส่วนกลาง และมีศูนย์ประสานงานย่อยในพื้นที่
ขนาดเล็ก
25. บันใด 5 ขั้น คว้าดาว
4. สนับสนุนและพัฒนาเครือข่าย
2. ส้ารวจสถานการณ์ของสมาชิกเครือข่าย
1. ส้ารวจสถานการณ์
3. สร้างเครือข่ายด้วยบทบาทหน้าที่
5. เครือข่ายเริ่มท้างาน
25Dr.Aran Sotthibandhu2008
26. แผนภูมิ 7 เส้นของผู้มีอิทธิพลในการขับเคลื่อน
คปต.
ผู้ใหญ่ บ้าน
ปลัด อบต. พัฒนาการอาเภอ
ปลัดจังหวัด
ผู้ว่าราชการ
จั งหวั ด
นายอาเภอ
• มีใครบ้างเป็นคนส้าคัญในการ
เสริม/สร้าง/พัฒนาเครือข่าย
• คนใดที่เป็นผู้ออกแรงผลักดันให้มี
การเสริม/สร้าง/พัฒนาเครือข่ายได้
• คนที่ออกแรงผลักดันเครือข่ายมี
ภาวะผู้น้าและอิทธิพลต่อการท้า
ได้จริงแค่ไหน
• สถานการณ์นั้นมีปัญหาอย่างไร
ใครจะเปลี่ยนสถานการณ์ได้
26Dr.Aran Sotthibandhu2008
30. I = Individual หรือ ปัจเจกบุคคล
แต่ละคนมีคุณค่า มีศักด์ศรี และมีศักยภาพ
ต้องตั้งใจของเราไว้ให้ดี มีความเพียรอันบริสุทธ์
มีความสุขจากการแสวงหา
ความรู้และการทาความดี
อย่าติดอยู่ในยศศักดิ์ อัครฐานหรือตาแหน่งอันเป็น “รูปแบบ” (form)
ต้องไปสู่แก่นแท้ สัจจะ ความเป็นมนุษย์ของแต่ละคน ที่มีศักดิ์ศรี ทาดีจะมี
ผลมาก เกิดอิสรภาพ ความสุข และความสร้างสรรค์
เชื่อมโยงระหว่างบุคคล
31. N = Nodes หรือ กลุ่ม
คน ๔–๕ คน หรือ ๗–๘ คน ที่ถูกจริตกัน มารวมกลุ่มด้วยความสมัครใจ ข้ามสาขา
และข้ามองค์กร
พบปะกันบ่อยๆ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ชวนกันทาอะไรที่สร้างสรรค์
รวมใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ จะมีความสุขและความสร้างสรรค์เหลือหลาย
ความเป็นกลุ่ม และความหลุดพ้นจากการบีบคั้นที่ดารงอยู่ในองค์อานาจทางดิ่ง
ควรมีกลุ่มอันหลากหลายให้เต็มสังคม คนคนหนึ่งอาจเป็นสมาชิกได้หลายกลุ่ม
ตามความสมัครใจ
เชื่อมโยงบุคคลกับกลุ่ม
32. N = Network หรือ เครือข่าย
ปัจเจกบุคคล (I) ก็ตาม กลุ่ม (N) ก็ตาม ควรเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายกับบุคคล
หรือกลุ่มอื่นๆ
แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน แต่ละคนแต่ละกลุ่ม
อาจเป็นสมาชิกของหลายเครือข่ายตามความสมัครใจ
เชื่อมโยงกลุ่มต่อกลุ่ม
33. INN
บุคคล – กลุ่ม – เครือข่าย จะเป็นโครงสร้างที่ไม่มีใครมีอานาจ
เหนือใคร
ทุกคนและทุกกลุ่มเข้ามาเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย
มีการเรียนรู้ร่วมกัน
โครงสร้างอย่างนี้จะมีความสุขความสร้างสรรค์
เป็นโครงสร้างที่มีจิตวิญญาณ และมีพลังที่จะเยียวยาโลกที่
เจ็บป่วย
48. การตกลงอย่างเป็นทางการ (Formal Binding Agreement)
การสร้างกระบวนความสัมพันธ์ให้สมบรูณ์
เป็นการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
เป็นการยกระดับความสัมพันธ์กับสถาบันเครือข่าย
พัฒนาสถาบันเครือข่ายให้เป็นทางการ
มีโครงสร้างองค์กรที่ชัดเจน
57. ภารกิจในการประสานงานมีขอบข่ายดังต่อไปนี้
1. นโยบาย ที่ให้แต่ละหน่วยขององค์การต้องประสานนโยบายเพื่อ
บรรลุผลขององค์การ
2. ให้ใจในการทางาน สมาชิกในองค์การล้วนมีชีวิตจิตใจในการ
ปฏิบัติงานร่วมกันย่อมต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจ ตลอดจนความ
จริงใจที่มีต่อกัน การประสานใจ จึงเป็นภารกิจที่สาคัญยิ่ง
3. แผนงาน องค์การจะกาหนดแผนงานและโครงการไว้ ผู้ปฏิบัติต้อง
ประสานแผนประสานโครงการที่เกี่ยวข้องกันด้วย
4. งานที่รับผิดชอบ งานย่อย ๆ ในโครงการและนอกโครงการ ผู้
ประสานงานต้องเตรียมประสานที่เกี่ยวข้องให้ลุล่วงไปด้วยดี
5. คน ในการปฏิบัติงาน ผู้ปฏิบัติต่อเกี่ยวข้องกับคน จึงต้องประสานคน
ทั้งในองค์การและนอกองค์การ
6. ทรัพยากร อาคาร สถานที่ วัสดุอุปกรณ์ อาจต้องขอยืมขอเบิก
63. การประสานงานที่มีประสิทธิภาพ
จัดโครงสร้างการบริหาร ให้เป็นระเบียบชัดเจนและรัดกุม
มีแผนภูมิแสดงสายบังคับบัญชา และการติดต่อสื่อสารชัดเจนเข้าใจง่าย
มีการเขียนนโยบาย กฎเกณฑ์และระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ เป็นลาย
ลักษณ์อักษร อ้างอิงได้ ทุกคนทราบ
มีระบบการเสนอรายงานตามสายบังคับบัญชา เป็นหลักปฏิบัติ
มีเครื่องมือและระบบสื่อสารเพียงพอใช้การได้ดีและรวดเร็ว
มีบุคคลที่ท้าหน้าที่ประสานงานที่มีความรู้สูงท้าหน้าที่โดยเฉาพะ มีน้าใจ
ให้บริการ Sense of Service อดทน มนุษยสัมพันธ์ดี
64. การใช้ภาวะผู้นาเพื่อการประสาน
งานที่มีคนทาตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เป็นธรรมดาที่จะมีความ
ขัดแย้งในด้านความคิด
เราควรเข้าใจธรรมชาติของคน มนุษย์มีความแตกต่างกัน
ทั้งสติปัญญา ประสบการณ์ รสนิยม ความรู้สึกนึกคิด
ความสนใจ ตลอดจนค่านิยม
เข้าใจลักษณะของการขัดแย้ง ด้วยเหตุผล ด้วยอารมณ์
ด้วยผลประโยชน์