Thailand Reference Material (TRM) คือชื่อทางการค้าของวัสดุ
อ้างอิงรับรองที่ผลิตโดยสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ หรือหน่วยงานอื่นภายในประเทศที่สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติมอบหมาย โดยกระบวนการผลิต TRM เป็นไปตามข้อกำหนด ISO 17034: General requirements for the competence of reference material producers และ ISO GUIDE 35:Reference materials-Guidance for characterization and assessment of homogeneity and stability TRM สามารถสอบกลับได้ทางมาตรวิทยา (Traceable) ไปยัง SI Units ซึ่งในทางเคมีคือ หน่วย Mole (mol) โดยผ่านการให้ค่าจากห้องปฏิบัติการสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ ซึ่งได้ผ่านการเปรียบเทียบความสามารถในการวัดกับห้องปฏิบัติการสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติของประเทศที่ ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติเช่น สหรัฐอเมริกา เยอรมันนี และญี่ปุ่น เป็นต้น วัสดุอ้างอิงรับรองเป็นวัสดุหรือสารมาตรฐานที่มีความเป็นเนื้อเดียว มีความเสถียรและมีใบรับรองค่าของคุณสมบัติที่เราสนใจ พร้อมแสดงค่าความไม่แน่นอนของผลการวัดและระบุการสอบกลับได้ของผลการวัดวัสดุอ้างอิง/วัสดุอ้างอิงรับรองเป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญต่อห้องปฏิบัติการวิเคราะห์และทดสอบ ใช้สำหรับ 1) สอบเทียบเครื่องมือ 2) ตรวจสอบความใช้ได้/ยืนยันความถูกต้องของวิธีทดสอบ และ 3) ควบคุมคุณภาพของวิธีการทดสอบ ทำให้ห้องปฏิบัติการของประเทศไทยสามารถวิเคราะห์ทดสอบได้อย่างถูกต้องและมีคุณภาพตามมาตรฐานตามระบบสากล
19. 12
ชื่อหลักสูตร (English): The Calibration of Digital Multimeters
ชื่อหลักสูตร (ภาษาไทย): การสอบเทียบดิจิทัลมัลติมิเตอร์
ระยะเวลาฝึกอบรม 3 วัน
หลักสูตรนี้เหมาะสาหรับหน่วยงานที่มี
DC Voltage Standard, Resistance Standard, AC-DC transfer Standard, Capacitance
Standard, Frequency Standard และหรือ Multi–function Calibrator
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
1. สามารถสอบเทียบ 4-1/2 digit ถึง 6-1/2 digit Digital Multimeters โดยวิธีการเปรียบเทียบโดยตรง
กับ Multi-function Calibrator ทุกฟังก์ชันได้
2. สามารถสอบเทียบ 8-1/2 digit Digital Multimeters โดยวิธีการเปรียบเทียบโดยตรงกับมาตรฐานที่มี
ค่าความถูกต้องที่สูงกว่าในแต่ละฟังก์ชันได้
3. รู้เทคนิคการวัดและผลกระทบต่อการวัดได้ สามารถประเมินค่าความไม่แน่นอนของการวัดได้
4. สามารถเขียนขั้นตอนการสอบเทียบ (Calibration Procedure) ได้อย่างถูกต้อง
5. สามารถอ่านใบรายงานผลการสอบเทียบได้
*ความรู้พื้นฐานที่ควรมี* การประเมินความไม่แน่นอนของการวัด
สื่อ/อุปกรณ์ฝึกอบรมที่ใช้
1. เอกสารบรรยาย ขั้นตอนการฝึกปฏิบัติ
2. ชุดสาธิตและฝึกปฏิบัติในห้องอบรมประกอบด้วย
2.1 Multi-function Calibrator จานวน 3 เครื่อง
2.2 Digital Multimeters จานวน 3 เครื่อง
2.3 Resistance Standard จานวน 3 ตัว (100 ohm, 1 kOhm, 10 kOhm)
2.4 ชุดสายวัดที่เหมาะสม
เนื้อหาหลักสูตร
ภาคทฤษฎี
1. Digital Multimeters และ ความสามารถสอบกลับได้
2. ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการสอบเทียบ
3. การใช้คู่มือของ Digital Multimeters และมาตรฐานที่ใช้สอบเทียบ
4. วิธีการสอบเทียบโดย
4.1 การเปรียบเทียบโดยตรงกับ Multi-function Calibrator ทุกฟังก์ชัน
4.2 การเปรียบเทียบโดยตรงกับมาตรฐานที่มีค่าความถูกต้องที่สูงกว่าในแต่ละฟังก์ชัน
5. การคานวณค่าที่ได้จากการสอบเทียบ
6. การคานวณหาค่าความไม่แน่นอน
7. แนวทางการเขียนขั้นตอนการสอบเทียบ (Calibration Procedure)
8. การอ่านใบรายงานผลการสอบเทียบ
ภาคปฏิบัติ
1. การสอบเทียบ Hand Held Digital Multimeters
2. การสอบเทียบ Bench Digital Multimeters
2. การสอบเทียบ Laboratory Digital Multimeters
หมายเหตุ สิ่งที่ผู้เข้ารับการอบรมควรนามาด้วยในวันอบรม ได้แก่ คอมพิวเตอร์ Notebook
20. 13
ชื่อหลักสูตร (English): The Calibration of Calibrator
ชื่อหลักสูตร (ภาษาไทย): การสอบเทียบเครื่องสอบเทียบทางไฟฟ้า
ระยะเวลาฝึกอบรม 3 วัน
หลักสูตรนี้เหมาะสาหรับหน่วยงานที่มี
AC-DC Voltage Standard, Resistance Standard, AC-DC Current Standard, Capacitance
Standard, Frequency Standard และหรือ 8-1/2 digit Digital Multimeter
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
1. สามารถสอบเทียบ Calibrator โดยวิธีการเปรียบเทียบโดยตรงกับ 8-1/2digit Digital Multimeterทุกฟังก์ชันได้
2. สามารถสอบเทียบ Calibrator โดยวิธีการเปรียบเทียบโดยตรงกับมาตรฐานที่มีค่าความถูกต้องที่สูงกว่า
ในแต่ละฟังก์ชันได้
3. รู้เทคนิคการวัด และผลกระทบต่อการวัดได้
4. สามารถประเมินค่าความไม่แน่นอนของการวัดได้
5. สามารถเขียนขั้นตอนการสอบเทียบ (Calibration Procedure) ได้อย่างถูกต้อง
6. สามารถอ่านใบรายงานผลการสอบเทียบได้
*ความรู้พื้นฐานที่ควรมี* การประเมินความไม่แน่นอนของการวัด
สื่อ/อุปกรณ์ฝึกอบรมที่ใช้
1. เอกสารบรรยาย ขั้นตอนการฝึกปฏิบัติ
2. ชุดสาธิตและฝึกปฏิบัติในห้องอบรมประกอบด้วย
2.1 8-1/2 digit Digital Multimeter จานวน 3 เครื่อง 2.2 AC Measurement Standard จานวน 2 เครื่อง
2.3 DC Voltage Source จานวน 1 เครื่อง 2.4 Resistance Standard จานวน 3 เครื่อง
2.5 Process Calibrator จานวน 1 เครื่อง 2.6 Multi-Product Calibrator จานวน 2 เครื่อง
2.7 ชุดสายวัดที่เหมาะสม
เนื้อหาหลักสูตร
ภาคทฤษฎี
1. Calibrator และความสามารถสอบกลับได้
2. ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการสอบเทียบ
3. การใช้คู่มือของ Calibrator และตัวมาตรฐานที่ใช้สอบเทียบ
4. วิธีการสอบเทียบโดย
4.3 การเปรียบเทียบโดยตรงกับ 8-1/2 digit Digital Multimeter ทุกฟังก์ชัน
4.2 การเปรียบเทียบโดยตรงกับมาตรฐานที่มีค่าความถูกต้องที่สูงกว่าในแต่ละฟังก์ชัน
5. การคานวณค่าที่ได้จากการสอบเทียบ
6. การคานวณหาค่าความไม่แน่นอน
7. แนวทางการเขียนขั้นตอนการสอบเทียบ (Calibration Procedure)
8. การอ่านใบรายงานผลการสอบเทียบ
ภาคปฏิบัติ
1. การสอบเทียบ Process Calibrator
2. การสอบเทียบ Multi-product Calibrator
หมายเหตุ สิ่งที่ผู้เข้ารับการอบรมควรนามาด้วยในวันอบรม ได้แก่ คอมพิวเตอร์ Notebook
21. 14
ชื่อหลักสูตร (English): The Calibration of AC Power and Harmonics
ชื่อหลักสูตร (ภาษาไทย): การสอบเทียบกาลังไฟฟ้าและฮาร์มอนิกส์
ระยะเวลาฝึกอบรม 3 วัน
หลักสูตรนี้เหมาะสาหรับหน่วยงานที่มี
แหล่งจ่ายกาลังไฟฟ้ามาตรฐาน ได้แก่ V-A-W Source, Energy Source, Electrical Power Standard,
Wattmeter, Energy Meter และ Power Analyzer
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
1.สามารถสอบเทียบกาลังไฟฟ้าและฮาร์มอนิกส์ได้
2.สามารถประเมินความไม่แน่นอนของการวัดกาลังไฟฟ้าและฮาร์มอนิกส์ได้
*ความรู้พื้นฐานที่ควรมี*
1. การใช้เครื่องมือวัดกาลังไฟฟ้า
2. การใช้เครื่องมือวัดคุณภาพไฟฟ้า
3. การประเมินความไม่แน่นอนของการวัด
สื่อ/อุปกรณ์ฝึกอบรมที่ใช้
1. เอกสารบรรยาย ขั้นตอนการฝึกปฏิบัติ
2. ชุดสาธิตและฝึกปฏิบัติในห้องอบรม ประกอบด้วย
2.1 Electrical Power Standard จานวน 2 ชุด (Voltage : 1000 V, Current : 80 A, Power : 80 kW,
Frequency : 20 Hz up to 6 kHz Harmonics : 100 th)
2.2 Calibrator จานวน 1 เครื่อง (Voltage : 1000 V, Current : 20, Power : 20 kW)
2.3 Precision Power Analyzer จานวน 1 เครื่อง และ Digital Power Meter จานวน 2 เครื่อง
(1000V, 30 A, Harmonic : 40th)
เนื้อหาหลักสูตร
1. พื้นฐานกาลังไฟฟ้า ฮาร์มอนิกส์ และความสามารถสอบกลับได้
2. วิธีการวัดกาลังไฟฟ้า และฮาร์มอนิกส์
3. ทฤษฎีและปฏิบัติ
3.1 การสอบเทียบและการประเมินความไม่แน่นอนของการวัดกาลังไฟฟ้า แบบวัดตรง
(Direct Measurement Method)
3.2 การสอบเทียบและการประเมินความไม่แน่นอนของการวัดกาลังไฟฟ้า โดยวิธีเปรียบเทียบ
(Comparison Measurement Method)
3.3 การสอบเทียบและการประเมินความไม่แน่นอนของการวัดฮาร์มอนิกส์
หมายเหตุ
สิ่งที่ผู้เข้ารับการอบรมควรนามาด้วยในวันอบรม ได้แก่ คอมพิวเตอร์ Notebook
22. 15
ชื่อหลักสูตร (English): The Calibration of Capacitance and Inductance by Using LCR Meter
ชื่อหลักสูตร (ภาษาไทย): การสอบเทียบและการใช้งานเครื่องมือวัด LCR Meter
ระยะเวลาฝึกอบรม 2 วัน
หลักสูตรนี้เหมาะสาหรับหน่วยงานที่มี LCR Meter
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
1. รู้และเข้าใจพื้นฐานการวัด LCR Meter และสามารถนาไปปฏิบัติและประยุกต์ใช้งานได้
2. สามารถคานวณหาค่าความถูกต้องและความไม่แน่นอนของการวัดได้
3. สามารถออกใบรับรองผลการสอบเทียบตามมาตรฐาน
4. สามารถบอกค่าผลการวัดจากใบรับรองการสอบเทียบ
*ความรู้พื้นฐานที่ควรมี*
1. มาตรวิทยาเบื้องต้น
2. การประเมินความไม่แน่นอนของการวัด
3. เป็นผู้ใช้งาน LCR Meter
สื่อ/อุปกรณ์ฝึกอบรมที่ใช้
1. เอกสารบรรยาย ขั้นตอนการฝึกปฏิบัติ
2. ชุดสาธิตและฝึกปฏิบัติในห้องปฏิบัติการความจุและความเหนี่ยวนาไฟฟ้า ได้แก่
2.1 LCR Meter จานวน 3 เครื่อง
2.2 Standard Inductor จานวน 3 ตัว
2.3 Standard Capacitor จานวน 3 ตัว
เนื้อหาหลักสูตร
1. มาตรฐานและการสอบกลับได้
2. หลักการและทฤษฎี
3. การวิเคราะห์ข้อกาหนด (specification) ของเครื่องมือ
4. วิธีการสอบเทียบตัวเก็บประจุ ตัวเหนี่ยวนา โดยใช้เครื่องมือ LCR Meter (ทฤษฎีและปฏิบัติ)
4.1 Direct Measurement
4.2 Measurement Circuit Mode
4.3 Terminal Configuration
4.4 Measurement error and compensation
5. การประเมินค่าความไม่แน่นอนของการสอบเทียบเครื่องมือ LCR Meter
6. การรายงานผลและความไม่แน่นอนของการวัด
7. การประเมินและวิเคราะห์ผลการวัด
8. การบารุงและรักษาเครื่องมือ
หมายเหตุ
สิ่งที่ผู้เข้ารับการอบรมควรนามาด้วยในวันอบรม ได้แก่ คอมพิวเตอร์ Notebook
23. 16
ชื่อหลักสูตร (English): The Calibration of AC–DC Transfer Standard
ชื่อหลักสูตร (ภาษาไทย): การสอบเทียบมาตรฐานสาหรับวัดค่าความแตกต่างถ่ายเทระหว่างไฟฟ้ากระแสสลับ
และไฟฟ้ากระแสตรง
ระยะเวลาฝึกอบรม 3 วัน
หลักสูตรนี้เหมาะสาหรับหน่วยงานที่มี
Thermal Converter, AC/DC Transfer Standard, AC Current Shunt หรือ AC–DC Transfer Standard
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
1. สามารถสอบเทียบ AC–DC transfer standard
2. สามารถประเมินค่าความไม่แน่นอนของการวัด
3. สามารถออกใบรับรองผลการสอบเทียบตามมาตรฐาน
4. สามารถบอกค่าผลการวัดจากใบรับรองการสอบเทียบ
*ความรู้พื้นฐานที่ควรมี*
1. มาตรวิทยาเบื้องต้นการวัดแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับและกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ
2. การประเมินความไม่แน่นอนของการวัด
สื่อ/อุปกรณ์ฝึกอบรมที่ใช้
1. เอกสารบรรยาย ขั้นตอนการฝึกปฏิบัติ
2. ชุดสาธิตและฝึกปฏิบัติในห้องอบรม ประกอบด้วย
2.1 AC-DC Transfer Standard เช่น Thermal Converter, AC/DC Transfer Standard,
AC Current Shunt จานวน 5 เครื่อง
2.2 AC Source / DC Source จานวน 5 เครื่อง
2.3 Digital Multimeter จานวน 5 เครื่อง
เนื้อหาหลักสูตร
1. หลักการเบื้องต้น
1.1 ประวัติความเป็นมาของหน่วยวัดโวลต์ (Volt) และแอมแปร์ (Ampere)
1.2 การวัด AC-DC Transfer Difference
1.3 ความสามารถสอบกลับได้ของการวัด
1.4 มาตรฐานการวัด AC-DC Transfer Standard
1.5 เครื่องมือสาหรับวัดแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับและกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ
1.6 ปริมาณที่จะทาการวัด AC-DC Transfer Difference
1.7 การวัดแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับและกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ
2. ทฤษฎีและปฏิบัติ
2.1 การสอบเทียบ AC-DC Voltage Transfer Difference
2.2 การสอบเทียบ AC-DC Current Transfer Difference
3. การอ่านผลจากใบรับรองการสอบเทียบ
หมายเหตุ
สิ่งที่ผู้เข้ารับการอบรมควรนามาด้วยในวันอบรม ได้แก่ คอมพิวเตอร์ Notebook
24. 17
ชื่อหลักสูตร (English): The Calibration of Frequency Measurement
ชื่อหลักสูตร (ภาษาไทย): การสอบเทียบด้านความถี่
ระยะเวลาฝึกอบรม 2 วัน
หลักสูตรนี้เหมาะสาหรับหน่วยงานที่มี
Frequency Source และ Frequency Meter ได้แก่ Oscilloscope, Frequency Counter, Quartz
Oscillator, Rubidium Frequency Standard, Caesium Frequency Standard และ Stop-Watch
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
1. เข้าใจหลักการและพื้นฐานการสอบเทียบความถี่
2. สามารถบ่งชี้ถึงค่าความคลาดเคลื่อนของการวัดสาหรับความถี่
3. สามารถสอบเทียบมาตรฐานด้านความถี่ได้
4. สามารถประเมินค่าความไม่แน่นอนของการวัดและวิเคราะห์ผลการสอบเทียบได้
5. สามารถออกใบรับรองผลการสอบเทียบความถี่ได้
*ความรู้พื้นฐานที่ต้องมี*
การประเมินความไม่แน่นอนของการวัด
สื่อ/อุปกรณ์ฝึกอบรมที่ใช้
1. เอกสารบรรยาย ขั้นตอนการคานวณ
2. ชุดสาธิตและฝึกปฏิบัติในห้องปฏิบัติการ รายการใดรายการหนึ่ง ได้แก่ Frequency Counter,
Quartz Oscillator, Rubidium Frequency Standard, Caesium Frequency Standard,
Oscilloscope หรือ Signal Generator
เนื้อหาหลักสูตร
1. ความรู้พื้นฐานทางด้านการวัดความถี่
2. ความรู้พื้นฐานสาหรับการสอบเทียบความถี่
3. การประเมินค่าความไม่แน่นอนจากการสอบเทียบและการรายงานผลการสอบเทียบมาตรฐานความถี่
หมายเหตุ
สิ่งที่ผู้เข้ารับการอบรมควรนามาด้วยในวันอบรม ได้แก่ คอมพิวเตอร์ Notebook
25. 18
ชื่อหลักสูตร (English): The Calibration of Frequency Source Measurement
ชื่อหลักสูตร (ภาษาไทย): การสอบเทียบ Frequency Source Measurement
ระยะเวลาฝึกอบรม 2 วัน
หลักสูตรนี้เหมาะสาหรับหน่วยงานที่มี
Frequency Source ได้แก่ Oscilloscope, Frequency Counter, Quartz Oscillator, Rubidium
Frequency Standard และ Caesium Frequency Standard
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
1. เข้าใจหลักการและทฤษฎีการสอบเทียบ Frequency Source
2. สามารถบ่งชี้ถึงค่าความคลาดเคลื่อนของการวัดสาหรับ Frequency Source
3. สามารถสอบเทียบ Frequency Source ได้
4. สามารถประเมินค่าความไม่แน่นอนของการวัดและการสอบเทียบได้
5. สามารถออกใบรับรองผลการสอบเทียบได้
*ความรู้พื้นฐานที่ต้องมี*
การประเมินความไม่แน่นอนของการวัด
สื่อ/อุปกรณ์ฝึกอบรมที่ใช้
1. เอกสารบรรยาย ขั้นตอนการคานวณ
2. ชุดสาธิตและฝึกปฏิบัติในห้องปฏิบัติการ รายการใดรายการหนึ่ง ได้แก่ Frequency Counter,
Quartz Oscillator, Rubidium Frequency Standard, Caesium Frequency Standard,
Oscilloscope หรือ Signal Generator
เนื้อหาหลักสูตร
1. ความรู้พื้นฐานทางด้านการวัด Frequency Source
2. การสอบเทียบ Frequency Source
3. การประเมินค่าความไม่แน่นอนจากการสอบเทียบและการรายงานผลการสอบเทียบ
หมายเหตุ
สิ่งที่ผู้เข้ารับการอบรมควรนามาด้วยในวันอบรม ได้แก่ คอมพิวเตอร์ Notebook
26. 19
ชื่อหลักสูตร (English): The Calibration of Time Interval
ชื่อหลักสูตร (ภาษาไทย): การสอบเทียบ Time Interval
ระยะเวลาฝึกอบรม 2 วัน
หลักสูตรนี้เหมาะสาหรับหน่วยงานที่มี
Frequency Source และ Frequency Meter ได้แก่ Oscilloscope, Frequency Counter, Quartz
Oscillator, Rubidium Frequency Standard, Caesium Frequency Standard และ
Stop-Watch
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
1. เข้าใจหลักการและทฤษฎีการสอบเทียบเวลาและความถี่
2. สามารถบ่งชี้ถึงค่าความคลาดเคลื่อนของการวัดด้านเวลาและความถี่
3. สามารถสอบเทียบแบบคาบเวลา (Time Interval) ได้
4. สามารถประเมินค่าความไม่แน่นอนของการวัดแบบคาบเวลาได้
5. สามารถออกใบรับรองผลการสอบเทียบแบบคาบเวลาได้
*ความรู้พื้นฐานที่ต้องมี*
การประเมินความไม่แน่นอนของการวัด
สื่อ/อุปกรณ์ฝึกอบรมที่ใช้
1. เอกสารบรรยาย ขั้นตอนการคานวณ
2. ชุดสาธิตและฝึกปฏิบัติในห้องปฏิบัติการ รายการใดรายการหนึ่ง ได้แก่ Frequency Counter,
Quartz Oscillator, Rubidium Frequency Standard, Caesium Frequency Standard,
Oscilloscope หรือ Signal Generator,
เนื้อหาหลักสูตร
1. ความรู้ทางด้านการวัดความถี่
2. หลักการของ Rise time, Fall Time, Period Measurement, Phase Measurement
3. การสอบเทียบ Stopwatch, Tachometer และ Timer
4. การประเมินค่าความไม่แน่นอนจากการสอบเทียบและการรายงานผลการสอบเทียบ
หมายเหตุ
สิ่งที่ผู้เข้ารับการอบรมควรนามาด้วยในวันอบรม ได้แก่ คอมพิวเตอร์ Notebook
28. 21
ชื่อหลักสูตร (English): The Calibration of Standard Signal Generator
ชื่อหลักสูตร (ภาษาไทย): การสอบเทียบ Standard Signal Generator
ระยะเวลาฝึกอบรม 2 วัน
หลักสูตรนี้เหมาะสาหรับหน่วยงานที่มี
1. Time Secondary standards : Caesium Frequency Standard, Rubidium Frequency
Standard, Quartz Oscillators, GPS Disciplined Oscillator
2. RF Power standards : RF Power Sensors + RF Power meter
3. เครื่องส่งสัญญาณคลื่นความถี่วิทยุ ไมโครเวฟ
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
1. เข้าใจหลักการและทฤษฎีการสอบเทียบ Standard Signal Generator
2. สามารถบ่งชี้ถึงค่าความคลาดเคลื่อนของการวัดสาหรับ Standard Signal Generator
*ความรู้พื้นฐานที่ต้องมี*
การประเมินความไม่แน่นอนของการวัด
สื่อ/อุปกรณ์ฝึกอบรมที่ใช้
1. เอกสารบรรยาย ขั้นตอนการคานวณ
2. ชุดสาธิตและฝึกปฏิบัติในห้องปฏิบัติการ
เนื้อหาหลักสูตร
1. ความรู้ทางด้านการวัด Standard Signal Generator
2. การสอบเทียบ Standard Signal Generator : ทฤษฎีและปฏิบัติ
3. การประเมินค่าความไม่แน่นอนจากการสอบเทียบและการรายงานผลการสอบเทียบ
หมายเหตุ
สิ่งที่ผู้เข้ารับการอบรมควรนามาด้วยในวันอบรม ได้แก่ คอมพิวเตอร์ Notebook
29. 22
ชื่อหลักสูตร (English): The Calibration of RF Power Sensor & Power Meter
ชื่อหลักสูตร (ภาษาไทย): การใช้งานและการสอบเทียบ RF Power Sensor & Power Meter
ระยะเวลาฝึกอบรม 2 วัน
หลักสูตรนี้เหมาะสาหรับหน่วยงานที่มี
1. Thermistor Mount หรือ
2. RF Power Sensor & Power Meter
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
1. เข้าใจหลักการและการใช้งาน รวมถึงทฤษฎีการสอบเทียบ RF Power Sensor & Power Meter
2. สามารถบ่งชี้ถึงค่าความคลาดเคลื่อนของการวัดสาหรับ RF Power Sensor & Power Meter
*ความรู้พื้นฐานที่ต้องมี*
การประเมินความไม่แน่นอนของการวัด
สื่อ/อุปกรณ์ฝึกอบรมที่ใช้
1. เอกสารบรรยาย ขั้นตอนการคานวณ
2. ชุดสาธิตและฝึกปฏิบัติในห้องปฏิบัติการ
เนื้อหาหลักสูตร
1. ความรู้ทางด้านการวัด RF Power Sensor & Power Meter
2. การสอบเทียบ RF Power Sensor & Power Meter
3. การประเมินค่าความไม่แน่นอนจากการสอบเทียบและการรายงานผลการสอบเทียบ
หมายเหตุ
สิ่งที่ผู้เข้ารับการอบรมควรนามาด้วยในวันอบรม ได้แก่ คอมพิวเตอร์ Notebook
30. 23
ชื่อหลักสูตร (English): The Calibration of Energy Meter
ชื่อหลักสูตร (ภาษาไทย): การสอบเทียบเครื่องวัดพลังงานไฟฟ้า
ระยะเวลาฝึกอบรม 3 วัน
หลักสูตรนี้เหมาะสาหรับหน่วยงานที่
ต้องการสอบเทียบเครื่องวัดพลังงานไฟฟ้า (Energy Meter) โดยใช้แหล่งจ่ายกาลังไฟฟ้าและพลังงาน
ไฟฟ้ามาตรฐาน เช่น Electrical Power Standard
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
1. สามารถสอบเทียบเครื่องวัดพลังงานไฟฟ้าชนิดที่มี pulse outputได้
2. สามารถสอบเทียบเครื่องวัดพลังงานไฟฟ้าชนิดที่ไม่มี pulse outputได้
3. สามารถประเมินความไม่แน่นอนของการวัดพลังงานไฟฟ้าได้
*ความรู้พื้นฐานที่ควรมี*
1. การสอบเทียบเครื่องมือวัดกาลังไฟฟ้า
2. การประเมินความไม่แน่นอนของการวัด
สื่อ/อุปกรณ์ฝึกอบรมที่ใช้
1. เอกสารบรรยาย ขั้นตอนการฝึกปฏิบัติ
2. ชุดสาธิตและฝึกปฏิบัติในห้องอบรม ประกอบด้วย
2.1 Electrical Power Standard จานวน 2 ชุด
(Voltage : 1000 V, Current : 50 A, Power : 50 kW, Frequency : 50 Hz to 60 Hz)
2.2 Comparator – มี pulse output จานวน 1 เครื่อง (480V, 50 A,)
2.3 Precision Power Analyzer - ไม่มี pulse output จานวน 1 เครื่อง (1000V, 30 A,)
2.4 Universal Counter จานวน 1 เครื่อง
เนื้อหาหลักสูตร
1. พื้นฐานกาลังไฟฟ้า พลังงานไฟฟ้า และความสามารถสอบกลับได้
2. วิธีการวัดกาลังไฟฟ้าและพลังงานไฟฟ้า
3. ทฤษฎีและปฏิบัติ
3.1 การสอบเทียบและการประเมินความไม่แน่นอนของการวัดพลังงานไฟฟ้าชนิดมี pulse output
3.2 การสอบเทียบและการประเมินความไม่แน่นอนของการวัดพลังงานไฟฟ้าชนิดไม่มี pulse output
หมายเหตุ
สิ่งที่ผู้เข้ารับการอบรมควรนามาด้วยในวันอบรม ได้แก่ คอมพิวเตอร์ Notebook
31. 24
ชื่อหลักสูตร (English): High voltage measurement techniques
ชื่อหลักสูตร (ภาษาไทย): เทคนิคการวัดด้านไฟฟ้าแรงสูง
ระยะเวลาฝึกอบรม 3 วัน
หลักสูตรนี้เหมาะสาหรับ
หน่วยงานที่มีเครื่องมือวัดทางด้านไฟฟ้าแรงดันสูง เช่น High voltage divider, High voltage meter
และ High voltage source เป็นต้น
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
1. สามารถสอบเทียบเครื่องมือวัดทางด้านไฟฟ้าแรงดันสูง โดยวิธีการเปรียบเทียบโดยตรง
(direct method)
2. สามารถสอบเทียบเครื่องมือวัดทางด้านไฟฟ้าแรงดันสูงโดยวิธีการเปรียบเทียบกับเครื่องมือมาตรฐานที่
มีค่าความถูกต้องที่สูงกว่า (comparison method)
3. เทคนิคการวัดและผลกระทบต่อการวัดได้
4. สามารถประเมินค่าความไม่แน่นอนของการวัดได้
5. สามารถอ่านใบรายงานผลการสอบเทียบได้
*ความรู้พื้นฐานที่ควรมี*
การประเมินความไม่แน่นอนของการวัด
สื่อ/อุปกรณ์ฝึกอบรมที่ใช้
1. เอกสารบรรยาย
2. ชุดสาธิตและฝึกปฏิบัติประกอบด้วย
2.1 High voltage divider 2.2 High voltage meter
2.3 High voltage source 2.4 Digital multi-meter or measuring device
เนื้อหาหลักสูตร
ภาคทฤษฎี
1. ความรู้พื้นฐานการวัดทางด้านไฟฟ้าแรงดันสูง (DC high voltage, AC high voltage และ Impulse
high voltage )
2. มาตรฐาน IEC 60060 และ ความสามารถสอบกลับได้ (Traceability)
3. วิธีการสอบเทียบระบบการวัด
3.1 DC high voltage
3.2 AC high voltage
3.3 Impulse high voltage
4. การคานวณค่าที่ได้จากการสอบเทียบ
5. การคานวณหาค่าความไม่แน่นอน
ภาคปฏิบัติ
1. การสอบเทียบระบบการวัด DC high voltage
2. การสอบเทียบระบบการวัด AC high voltage
3. การสอบเทียบระบบการวัด Impulse high voltage
หมายเหตุ
สิ่งที่ผู้เข้ารับการอบรมควรนามาด้วยในวันอบรม ได้แก่ คอมพิวเตอร์ Notebook หรือเครื่องคานวณ
Scientific Calculator
32. 25
ชื่อหลักสูตร (English): Calibration of High Voltage measuring devices
ชื่อหลักสูตร (ภาษาไทย): การสอบเทียบเครื่องมือวัดทางด้านไฟฟ้าแรงดันสูง
ระยะเวลาฝึกอบรม 2 วัน
หลักสูตรนี้เหมาะสาหรับหน่วยงานที่มี
เครื่องมือวัดทางด้านไฟฟ้าแรงดันสูง เช่น High voltage divider, High voltage meter และ High
voltage source เป็นต้น
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
1. สามารถสอบเทียบเครื่องมือวัดทางด้านไฟฟ้าแรงดันสูง โดยวิธีการเปรียบเทียบโดยตรง (direct
method)
2. สามารถสอบเทียบเครื่องมือวัดทางด้านไฟฟ้าแรงดันสูงโดยวิธีการเปรียบเทียบกับเครื่องมือมาตรฐานที่
มีค่าความถูกต้องที่สูงกว่า (comparison method)
3. เทคนิคการวัดและผลกระทบต่อการวัดได้
4. สามารถประเมินค่าความไม่แน่นอนของการวัดได้
5. สามารถอ่านใบรายงานผลการสอบเทียบได้
*ความรู้พื้นฐานที่ควรมี*
1. การประเมินความไม่แน่นอนของการวัด
2. ทฤษฎีไฟฟ้าแรงดันสูงเบื้องต้น
สื่อ/อุปกรณ์ฝึกอบรมที่ใช้
1. เอกสารบรรยาย
2. ชุดสาธิตและฝึกปฏิบัติประกอบด้วย
2.1 High voltage divider 2.2 High voltage meter
2.3 High voltage source 2.4 Digital multi-meter or measuring device
เนื้อหาหลักสูตร
ภาคทฤษฎี
1. ความรู้พื้นฐานการวัดทางด้านไฟฟ้าแรงดันสูง (DC high voltage, AC high voltage และ Impulse
high voltage)
2. มาตรฐาน IEC 60060 และ ความสามารถสอบกลับได้ (Traceability)
3. วิธีการสอบเทียบระบบการวัด
3.1 DC high voltage
3.2 AC high voltage
3.3 Impulse high voltage
4. การคานวณค่าที่ได้จากการสอบเทียบ
5. การคานวณหาค่าความไม่แน่นอน
ภาคปฏิบัติ
1. การสอบเทียบระบบการวัด DC high voltage
2. การสอบเทียบระบบการวัด AC high voltage
3. การสอบเทียบระบบการวัด Impulse high voltage
หมายเหตุ สิ่งที่ผู้เข้ารับการอบรมควรนามาด้วยในวันอบรม ได้แก่ คอมพิวเตอร์ Notebook หรือเครื่อง
คานวณ Scientific Calculator
34. 27
ชื่อหลักสูตร (English): The Calibration of Laser Power Meter
ชื่อหลักสูตร (ภาษาไทย): การสอบเทียบ Laser Power Meter
ระยะเวลาฝึกอบรม 3 วัน
หลักสูตรนี้เหมาะสาหรับหน่วยงานที่มี
1. บุคคลทั่วไป นักศึกษา หรือผู้ที่สนใจการใช้งาน laser power meter
2. เจ้าหน้าที่ทดสอบและสอบเทียบมาตรฐานเครื่องมือวัดทางด้านกาลังเลเซอร์
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
1. เข้าใจหลักการและทฤษฎีการสอบเทียบ Laser Power
2. เทคนิคการวัดและผลกระทบต่อการวัดได้
3. สามารถประเมินค่าความไม่แน่นอนของการวัดได้
4. สามารถอ่านใบรายงานผลการสอบเทียบได้
*ความรู้พื้นฐานที่ต้องมี*
1. ความรู้พื้นฐานทางสถิติ
2. การประเมินความไม่แน่นอนของการวัด
สื่อ/อุปกรณ์ฝึกอบรมที่ใช้
1. เอกสารบรรยาย ขั้นตอนการคานวณและฝึกปฏิบัติ
2. ชุดสาธิตและฝึกปฏิบัติในห้องปฏิบัติการ
เนื้อหาหลักสูตร
1. ความรู้ทางด้านการวัด laser power
2. การสอบเทียบ laser power : ทฤษฎีและปฏิบัติ
3. การประเมินค่าความไม่แน่นอนจากการสอบเทียบและการรายงานผลการสอบเทียบ
หมายเหตุ
สิ่งที่ผู้เข้ารับการอบรมควรนามาด้วยในวันอบรม ได้แก่ คอมพิวเตอร์ Notebook หรือเครื่องคานวณ
Scientific Calculator
35. 28
ชื่อหลักสูตร (English): Calibration of Power Quality Analyzers (Harmonics and Flicker)
ชื่อหลักสูตร (ภาษาไทย): การสอบเทียบเครื่องวัดคุณภาพไฟฟ้า (Harmonics and Flicker)
ระยะเวลาฝึกอบรม 2 วัน
หลักสูตรนี้เหมาะสาหรับหน่วยงานที่มี
1. เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่ต้องการสอบเทียบเครื่องวัดคุณภาพไฟฟ้า (Harmonics and Flicker)
2. วิศวกร/เจ้าหน้าที่อาคารที่ทาหน้าที่ดูแลระบบไฟฟ้า
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
1. เพื่อให้เข้าใจหลักการสอบเทียบเครื่องวัดคุณภาพไฟฟ้า (harmonics and flicker)
2. เพื่อให้เข้าใจหลักการประเมินความไม่แน่นอนของการวัดเครื่องวัดคุณภาพไฟฟ้า (harmonics and
flicker)
3. เพื่อให้สามารถสอบเทียบเครื่องวัดคุณภาพไฟฟ้า (harmonics and flicker) ได้
*ความรู้พื้นฐานที่ต้องมี*
1. ความรู้พื้นฐานด้านไฟฟ้ากาลัง
2. การประเมินความไม่แน่นอนของการวัด
สื่อ/อุปกรณ์ฝึกอบรมที่ใช้
1. เอกสารบรรยาย
2. ชุดสาธิตและฝึกปฏิบัติในห้องอบรม
- Electrical Power and Power Quality Standard
- Precision Power Analyzer
- Digital Power Meter
- Three phase portable working standard and PQ analyzer
เนื้อหาหลักสูตร
1. พื้นฐานคุณภาพไฟฟ้าและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง
2. หลักการของการสอบเทียบเครื่องวัดคุณภาพไฟฟ้า (harmonics and flicker)
3. หลักการประเมินค่าความไม่แน่นอนของการวัด
4. ฝึกปฏิบัติการสอบเทียบเครื่องวัดคุณภาพไฟฟ้า (harmonics and flicker) - workshop
หมายเหตุ
สิ่งที่ผู้เข้ารับการอบรมควรนามาด้วยในวันอบรม ได้แก่ คอมพิวเตอร์ Notebook หรือเครื่องคานวณ
Scientific Calculator