More Related Content Similar to แบบสอบถามการใช้โทรศัพท์มือถือ
Similar to แบบสอบถามการใช้โทรศัพท์มือถือ (20) แบบสอบถามการใช้โทรศัพท์มือถือ1. ก
เรื่อง
การสารวจแบบสารวจการใช้โทรศัพท์ของนักเรียนโรงเรียนศรีวิไลวิทยา
อ. ศรีวิไล จ. บึงกาฬ
คณะผู้จัดทา
1. นายชิษณุชา อองตัน เลขที่ 4
2. นางสาวณัฐพร อันฤทธิ์ เลขที่ 10
3. นางสาวนฤมล กลมเกลียว เลขที่ 11
4. นางสาววรรณิศา แสนคา เลขที่ 16
5. นางสาวระลินทิพย์ นนท์ขุนทด เลขที่ 19
6. นางสาวมุฑิตา กุระกัน เลขที่ 23
7. นางสาวสุพนิต อธิการนนท์ เลขที่ 32
8. นางสาวสุพัตรา บุราญ เลขที่ 35
9. นางสาวปานดวงใจ บุระตะ เลขที่ 40
ครูที่ปรึกษา
ว่าที่ร้อยตรีชัยเมธี ใจคุ้มเก่า
รายงานการวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 6 ค33102
โรงเรียนศรีวิไลวิทยา อาเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ
2. ก
คานา
โครงงานฉบับนี้จัดทาขึ้นเพื่อเป็ นเอกสารนาเสนอผลการดาเนินงา
นในการทาโครงงาน ในรายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ค33102
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ในหัวข้อเรื่อง
การสารวจการใช้โทรศัพท์ของนักเรียนโรงเรียนศรีวิไลวิทยา อ.ศรีวิไล
จ. บึงกาฬ
เนื่องจากนักเรียนโรงเรียนศรีวิไลวิทยา ส่วนใหญ่มีโทรศัพท์มือถือ
( Smart phone ) ใช้กันทุกคน
การใช้โทรศัพท์มือถือในยุคปัจจุบันนั้นถือว่าสาคัญมากหากไม่มีการสื่อส
ารก็จะเกิดความไม่รู้เหตุการณ์
ข่าวสารบ้านเมืองว่ามีความคืบหน้าอย่างไรทั้งนี้โทรศัพท์มือถือยังมีแอพ
พลิเคชั่นมากมาย เช่น Facebook Instagram Line
Messenger Youtube อื่นๆ
เกิดความสาคัญต่อผู้ใช้โทรศัพท์มือถือกันเป็ นอย่างมาก
แต่การใช้โทรศัพท์มือถือให้เกิดประโยชน์นั้นก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลที่
มีความต้องการใช้และเหตุจาเป็ นมากน้อยของแต่ละบุคคลนักเรียนโรงเ
รียนศรีวิไลได้มีโทรศัพท์มือถือใช้กันทุกคนและได้ใช้โทรศัพท์มือถือใน
ทุกๆ วันถือว่าเป็นสิ่งจาเป็ นมาก
ทั้งคณะผู้จัดทาจึงจัดทาขึ้นมาเพื่อสอบถามว่าแต่ละวันนักเรียนได้ใช้โทร
ศัพท์ไปมากน้อยเพียงใด
คณะผู้จัดทาหวังว่า โครงงานคณิตพื้นฐาน เรื่อง
การสารวจความพึงพอใจในการใช้ห้องสมุดโรงเรียนศรีวิไลวิทยา
ของนักเรียนโรงเรียนศรีวิไลวิทยา อ. ศรีวิไล จ. บึงกาฬ
ฉบับนี้จะเป็ นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษา หากมีข้อผิดพลาดประการใด
คณะผู้จัดทาก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
5. ง
บทที่ 5
สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 14
สรุปผลการประเมิน 14
ปัญหาและอุปสรรคในการค้นคว้า 14
ข้อเสนอแนะและแนวทางในการพัฒนา 14
บทคัดย่อ
เนื่องจากนักเรียนโรงเรียนศรีวิไลวิทยา ส่วนใหญ่มีโทรศัพท์มือถือ (
Smart phone ) ใช้กันทุกคน
การใช้โทรศัพท์มือถือในยุคปัจจุบันนั้นถือว่าสาคัญมากหากไม่มีการสื่อสารก็จะเกิ
ดความไม่รู้เหตุการณ์
ข่าวสารบ้านเมืองว่ามีความคืบหน้าอย่างไรทั้งนี้โทรศัพท์มือถือยังมีแอพพลิเคชั่น
มากมาย เช่น Facebook Instagram Line Messenger
Youtube อื่นๆ
เกิดความสาคัญต่อผู้ใช้โทรศัพท์มือถือกันเป็นอย่างมากแต่การใช้โทรศัพท์มือถือใ
ห้เกิดประโยชน์นั้นก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลที่มีความต้องการใช้และเหตุจาเป็นม
ากน้อยของแต่ละบุคคลนักเรียนโรงเรียนศรีวิไลได้มีโทรศัพท์มือถือใช้กันทุกคนแ
ละได้ใช้โทรศัพท์มือถือในทุกๆ วันถือว่าเป็นสิ่งจาเป็นมาก
สรุปว่าการใช้โทรศัพท์ของนักเรียนโรงเรียนศรีวิไลวิทยา อ. ศรีวิไล จ.
บึงกาฬ ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จานวน 128 คน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ 55.7%
เป็นเพศชาย จานวน 102 คน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ 44.3 %
และส่วนใหญ่เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6 จานวน 69 คน 30 %
ต่อมาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จานวน 50 คน 21.7 %
ต่อมาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จานวน 30 คน 13 %
6. จ
ต่อมาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จานวน 30 คน 13 %
ต่อมาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จานวน 27 คน 11.7%
และเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 จานวน 24 คน 10.4%
ค่าเฉลี่ยด้านการสื่อสาร มีค่าเท่ากับ 3.58 อยู่ในระดับมาก ด้านการบันเทิง
มีค่าเท่ากับ 3.69 อยู่ในระดับ มากด้านสังคมออนไลน์ มีค่าเท่ากับ 3.27
อยู่ในระดับ ปานกลาง ด้านการศึกษาหาความรู้ มีค่าเท่ากับ 4.14 อยู่ในระดับ
มาก
กิติกรรมประกาศ
รายงานฉบับนี้สาเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ต้องขอขอบพระคุณ
คุณครูชัยเมธี ใจคุ้มเก่า ครูผู้สอนที่ให้ความรู้และคาแนะนา
ตรวจทานและแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ด้วยความเอาใจใส่ทุกขั้นตอน
เพื่อให้รายงานฉบับนี้สมบูรณ์ที่สุด และขอขอบคุณ นายพิพัฒน์ ศรีสุขพันธ์
ผู้อานวยการ โรงเรียนศรีวิไลวิทยา
ที่ได้ส่งเสริมและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนที่เอื้อต่อการค้นคว้า
ขอขอบคุณคุณครูโรงเรียนศรีวิไลวิทยา
ที่ได้ฝึกสอนได้ให้คาแนะนาในการจัดทารายงานฉบับนี้ที่ไม่ได้กล่าวนาม
ขอขอบคุณพระคุณครอบครัวคณะผู้จัดทา ที่อยู่เบื้องหลังในความสาเร็จ
ได้ให้ความช่วยเหลือและให้กาลังใจตลอดมา
7. 1
บทที่ 1
บทนา
ความเป็ นมาและความสาคัญ
เนื่องจากนักเรียนโรงเรียนศรีวิไลวิทยา ส่วนใหญ่มีโทรศัพท์มือถือ (
Smart phone ) ใช้กันทุกคน
การใช้โทรศัพท์มือถือในยุคปัจจุบันนั้นถือว่าสาคัญมากหากไม่มีการสื่อสารก็จะเกิ
ดความไม่รู้เหตุการณ์
ข่าวสารบ้านเมืองว่ามีความคืบหน้าอย่างไรทั้งนี้โทรศัพท์มือถือยังมีแอพพลิเคชั่น
มากมาย เช่น Facebook Instagram Line Messenger
Youtube อื่นๆ เกิดความสาคัญต่อผู้ใช้โทรศัพท์มือถือกันเป็นอย่างมาก
แต่การใช้โทรศัพท์มือถือให้เกิดประโยชน์นั้นก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลที่มีความต้
องการใช้และเหตุจาเป็นมากน้อยของแต่ละบุคคลนักเรียนโรงเรียนศรีวิไลได้มีโท
รศัพท์มือถือใช้กันทุกคนและได้ใช้โทรศัพท์มือถือในทุกๆ
วันถือว่าเป็นสิ่งจาเป็นมาก เช่น
ด้านการเรียน คือ การสืบค้นข้อมูลในสิ่งที่ตนเองไม่รู้ ด้านสังคมออนไลน์ เช่น
การเล่น Facebook Instagram
การใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ในแต่ละวันนั้นจึงเป็นสาเหตุให้คณะผู้วิจัยสนใจที่จะศึกษ
า พฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ของนักเรียนโรงเรียนศรีวิไลวิทยา
เพื่อได้รับรู้ว่านักเรียนโรงเรียนศรีวิไลวิทยามีความจาเป็ นใช้โทรศัพท์ในด้านในด้
านต่างๆ มากน้อยเพียงใด
สามารถบ่งชี้ได้ถึงแบบสารวจที่คณะได้จัดทาขึ้นหากมีการใช้โทรศัพท์มากแต่หา
กไม่เกิดประโยชน์ทางคณะผู้วิจัยจะควบคุมและรณรงค์ให้รู้จักใช้รู้จักประโยชน์ข
องมือถือให้มากขึ้น
วัตถุประสงค์
1. เพื่อศึกษาด้านการใช้โทรศัพท์ของนักเรียนในแต่ละวัน
2. เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักใช้รู้จักประโยชน์ของโทรศัพท์
8. 2
3. เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไป
4. เพื่อศึกษาและได้รับรู้ถึงความสาคัญของโทรศัพท์มือถือ
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1. นักเรียนใช้โทรศัพท์กันน้อยลงในแต่ละวัน
2. นักเรียนได้ใช้ประโยชน์จากโทรศัพท์
3. นักเรียนใช้โทรศัพท์ควบคู่ไปกับความจาเป็น
รู้จักใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้สัมฤทธิ์ผล
4. นักเรียนได้ตอบแบบสอบถามตามความจริง
5.
นักเรียนส่วนมากตระหนักถึงระยะเวลาที่สูญเสียไปกับการใช้โทรศัพท์ที่ไม่เกิดปร
ะโยชน์
ขอบเขตของการศึกษา
ขอบเขตด้านประชากร
ประชากร
จานวนนักเรียนโรงเรียนศรีวิไลวิทยา อ. ศรีวิไล จ. บึงกาฬ จานวน 1800
คน
กลุ่มตัวอย่าง
นักเรียนโรงเรียนศรีวิไลวิทยา อ. ศรีวิไล จ. บึงกาฬ จานวน 320 คน
ขอบเขตด้านเนื้อหา
ในการศึกษาเรื่องการสารวจการใช้โทรศัพท์มือถือในแต่ละวันของนักเรี
ยน-
10. 4
บทที่2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ในการวิจัยครั้งนี้ คณะผู้จัดทาได้ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้
แบบสอบถาม คือ เครื่องมือชนิดหนึ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อวัดความคิดเห็นต่างๆ
ส่วนใหญ่อยู่ในรูปของคาถามเป็นชุดๆ
เพื่อวัดสิ่งที่ต้องการวัด ใช้วัดทางด้านจิตพิสัย
โดยการสร้างแบบสอบถามของเรื่อง
การใช้โทรศัพท์มือถือในแต่ละวันของนักเรียนโรงเรียนศรีวิไลวิทยา มีดังนี้
1. กาหนดจุดมุ่งหมายของแบบสอบถาม
สร้างแบบสอบถามจะต้องระบุจุดมุ่งหมายของแบบสอบถามให้ชัดเจน
ระบุได้ว่าแบบสอบถามจะถูกนาไปใช้ในเรื่องอะไร
2. กาหนดประเด็นหลัก
หรือพฤติกรรมหลักที่จะวัดให้ครบถ้วนครอบคลุมว่าจะมีประเด็นอะไรบ้าง
หรืออาจเรียกว่าเป็นการกาหนดกรอบแนวคิดหรือโครงสร้างแบบสอบถาม
3.
กาหนดชนิดหรือรูปแบบของแบบสอบถามโดยเลือกให้เหมาะสมกับเรื่องที่จะวัดแ
ละลักษณะของผู้เรียน
4. กาหนดจานวนข้อความคาถาม
โดยกาหนดแบ่งออกเป็น4กลุ่มย่อยๆ
แต่ละแบบสอบถามสามารถคลุมประเด็นหลัก และประเด็นย่อยอะไรบ้าง
11. 5
5. สร้างข้อคาถามตามจุดมุ่งหมาย ฃนิดหรือรูปแบบ
จานวนข้อในประเด็นต่างๆที่กาหนดไว้ตามโครงสร้างของแบบสอบถาม
6. นาแบบสอบถามไปสร้าง คิวอาร์โค้ดโดยใช้แอพพลิเคชั่นLINE
ในการแสกนทาแบบสอบถามควรตรวจทานเพื่อการแก้ไข ปรับปรุง
โดยแบ่งออกเป็น2ตอนคือ
6.1) ตอนแรกตรวจทานโดยผู้สร้างแบสอบถามเอง
6.2) ตอนที่สอง ตรวจสอบพิจารณาให้คาแนะนาและวิจารณ์โดยครูผู้สอน
7. นาแบบสอบถามไปทดลอง การนาไปทดลองใช้
ควรนาไปทดลองกับกลุ่มที่มีลักษณะเหมือนหรือใกล้เคียงกับกลุ่มที่จะไปเก็บรวบร
วมข้อมูลจริง
8. จัดพิมพ์ คิวอาร์โค้ด แล้วติดตามห้องเรียน ประชาสัมพันธ์
พร้อมบอกแนวทางการทาแบบสอบถาม
เพื่อเก็บข้อมูลของน้องๆนักเรียนในแต่ละระดับชั้น/ห้อง
เพื่อได้ข้อมูลของน้องๆในแบบที่เป็นจริง
ที่มา:
คณะนักวิจัยการทาแบบสอบถามการใช้โทรศัพท์มือถือในแต่ละวันของนักเรียนโ
รงเรียนศรีวิไลวิทยา
โทรศัพท์มือถือ คือ
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารสองทางผ่านโทรศัพท์มือถือใช้คลื่
นวิทยุในการติดต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือโดยผ่านสถานีฐานโดยเครือข่ายข
องโทรศัพท์มือถือแต่ละผู้ให้บริการจะเชื่อมต่อกับเครือข่ายของโทรศัพท์บ้านและเ
ครือข่ายโทรศัพท์มือถือของผู้ให้บริการอื่น
โทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถเพิ่มขึ้นในลักษณะคอมพิวเตอร์พกพาจะถูกกล่าว
ถึงในชื่อสมาร์ทโฟน
ในยุคปัจจุบันนอกจากความสามารถพื้นฐานของโทรศัพท์แล้วยังมีคุณสมบัติพื้นฐ
านของโทรศัพท์มือถือที่เพิ่มขึ้นมา เช่น การส่งข้อความสั้น SMS ปฏิทิน
นาฬิกาปลุก ตารางนัดหมาย เกม การใช้งานอินเทอร์เน็ต บลูทูธ กล้องถ่ายภาพ
12. 6
เครื่องเล่นเพลง และ จีพีเอส โทรศัพท์เครื่องแรกถูกผลิตและออกแสดงในปี พ.ศ.
2516 โดยมาร์ติน
คูเปอร์ นักประดิษฐ์จากบริษัทโมโตโรลา
เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ขนาดใหญ่มีน้าหนัก 1.1 กิโลกรัม
ที่มา: http://www.worldmapper.org/display.php?selected=333
แอพพลิเคชั่น คือ
โปรแกรมที่อานวยความสะดวกในด้านต่างๆที่ออกแบบมาสาหรับโมบายหรือแท็
บเล็ต
ซึ่งในแต่ละระบบปฏิบัติการจะมีผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นมากมายเพื่อให้ตรงกับควา
มต้องการของผู้ใช้งานซึ่งมีทั้งดาวโหลดฟรีและเสียเงินทั้งในด้านการศึกษา
ด้านการสื่อสาร
หรือแม้แต่ความบันเทิงต่างๆโมบายแอพฯแบ่งออกเป็น3ประเภทคือ Native
App คือแอพฯที่ถูกผลิตมาเอาไว้สาหรับพัฒนาโปรแกรมหรือแอพพลิเคชั่นของ
OS Mobile โดยเฉพาะอาทิAndroid
Hybrid Application
คือแอพฯที่ถูกพัฒนาขึ้นมาด้วยจุดประสงค์ที่ต้องการให้สามารถรับบนระบบปฏิบั
ติการได้ทุก OS
โดยใช้เพรมเวิร์กเข้าช่วยเพื่อให้สามารถทางานได้ทุกระบบปฏิบัติการ
Web Application
คือแอพฯสาหรับการใช้งานเว็บเพจต่างๆซึ่งถูกปรับแต่งให้แสดงผลส่วนที่เป็นบรา
วเซอร์เพื่อเป็นการลดทรัพยากรในการประมวลผล
ที่มา: en.wikipedia.org/wiki/Application.
การใช้โทรศัพท์ คือ
การใช้โทรศัพท์มือถือสื่อสารในการสื่อสารต่างๆที่ถึงกันอย่างสะดวกสบายมากขึ้น
หรือดูสื่อบันเทิงเพื่อเกิดความบันเทิงใจแก่ผู้ใช้โทรศัพท์ปัจจุบันมือถือกาลังจะกลา
ยเป็นส่วนหนึ่งของยุคโลกา๓วัฒน์และการใช้โทรศัพท์มือถือก็มีทั้งด้านดีและด้าน
เสียดังนี้
13. 7
ผลดี 1. ช่วยให้การติดต่อสื่อสารมีความสะดวกรวดเร็ว
2. ทาให้เกิดความเพลินเพลินจากการใช้โทรศัพท์ฟังเพลง เล่นเกม
ผลเสีย 1. ทาให้อารมณ์เสียหงุดหงิดง่าย เสียสุขภาพจิตที่ดี
2. ทาให้เป็นภาระทางการเงิน ทาให้ต้องหาเงินมาจ่ายตลอด
ที่มา:https://www.gotoknow.org/posts/410843
บทที่3
วิธีการดาเนินการวิจัย
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากร
นักเรียนโรงเรียนศรีวิไลวิทยา อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ จานวน1800 คน
กลุ่มตัวอย่าง
14. 8
นักเรียนโรงเรียนศรีวิไลวิทยา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่1-
6ของโรงเรียนศรีวิไลวิทยา
ต.ศรีวิไล อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ รวมทั้งสิ้น
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
แบบสอบถาม
แบบสารวจการใช้โทรศัพท์มือถือในแต่ละวันของนักเรียนโรงเรียนศรีวิไลวิทยาแ
บ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ
ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของนักเรียนสามารถศึกษาได้จากระดับชั้นที่ศึกษาและเพศ
ส่วนที่ 2 การใช้โทรศัพท์มือถือในด้านต่างๆแบ่งออกเป็น 4 ส่วนดังนี้
1. ด้านการติดต่อสื่อสาร
2. ด้านการบันเทิง
3. ด้านสังคมออนไลน์
4. ด้านการศึกษาหาความรู้
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล
ทางคณะวิจัยได้สารวจและรวบรวมข้อมูลมาจากแบบสอบถามมีการแสก
นคิวอาร์โค้ด ในแอพฯ LINE
โดยให้นักเรียนโรงเรียนศรีวิไลวิทยาทาแบบสอบถามทางที่คณะวิจัยได้จัดทาขึ้น
ตามลิงค์ในคิวอาร์โค้ด
แบบสอบถามที่ทางคณะวิจัยได้จัดทาขึ้นตามลิงค์ในคิวอาร์โค้ด
แบบสอบถามของทางคณะวิจัยมีตัวอย่างในการทาแบบสอบถาม2ส่วนเป็นแบบส
อบถามโดยกดคาตอบลงในช่องของแต่ละคาถามตามความเป็ นจริงระบุเพศตนเอ
งว่าเป็นชายหรือหญิง ระบุระดับชั้นที่ศึกษาในโรงเรียนศรีวิไล
แบ่งออกเป็นระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1- 6ตอบแบบสอบถามในด้านต่างๆ คือ
15. 9
1. ด้านการติดต่อสื่อสาร เช่น เล่นแชท คุยโทรศัพท์ ส่งข้อความSMS
2. ด้านการบันเทิง เช่น ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม
3. ด้านสังคมออนไลน์ เช่นเล่นแอพพลิเคชั่นFacebook Instragram
LINE Beetalk
4. ด้านศึกษาหาความรู้ เช่น การค้นคว้าหาความรู้ในสิ่งที่ตนเองไม่รู้
ทั้งนี้คณะวิจัยได้เก็บรวบรมข้อมูลของนักเรียนที่ตอบแบบสอบถามและทาออกมาเ
ป็นเปอร์เซ็นต์ในการวัดค่าของการใช้โทรศัพท์ในแต่ละวัน
สถิติที่ใช้ในการวิจัย
1. ค่าสถิติร้อยละ (Percentage)
ในการสัดส่วนหากลุ่มตัวอย่างแต่ละโรงเรียน
f 100
สูตร P = n
เมื่อ P แทน ค่าร้อยละ
f แทน จานวนหรือความถี่ที่ต้องการหาค่าร้อยละ
16. 10
n แทน จานวนข้อมูลทั้งหมด
2. ค่าเฉลี่ย (Mean , X) โดยใช้สูตร
สูตร X =
N
เมื่อ X แทน คะแนนตัวกลางเลขคณิต
แทน ผลรวมทั้งหมดของคะแนน
N แทน จานวนคะแนนในข้อมูลนั้น
3. ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
สูตร SD = NX 2
- (X )2
N (N-1)
เมื่อ SD แทน ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
X 2
แทน ผลรวมของคะแนนแต่ละตัวยกกาลังสอง
(X )2
แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมดยกกาลังสอง
N แทน จานวนในกลุ่มตัวอย่าง
17. 11
บทที่4
ผลการศึกษาค้นคว้า
ในการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการสารวจแบบสารวจการใช้โทรศัพท์ของนั
กเรียนโรงเรียนศรีวิไลวิทยา
อ. ศรีวิไล จ. บึงกาฬ โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามจานวน 230 ชุดนี้
หลังจากนั้นก็นาข้อมูลจากแบบสอบถามที่ได้มานั้นมาหาค่าเฉลี่ย ผลปรากฏว่า
ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป
1. ผู้ตอบแบบสอบถามเป็นเพศชาย จานวน 102 คน
คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ 44.3 %
ผู้ตอบแบบสอบถามเป็นเพศหญิง จานวน 128 คิด คิดเป็นเปอร์เซ็นต์
55.7%
2.ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จานวน 69 คน 30 %
ต่อมาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จานวน 50 คน 21.7 %
ต่อมาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จานวน 30 คน 13 %
ต่อมาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จานวน 30 คน 13 %
ต่อมาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จานวน 27 คน 11.7%
18. 12
ต่อมาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จานวน 24 คน 10.4%
ตอนที่ 2 ความคิดเห็นของนักของนักเรียนโรงเรียนศรีวิไลวิทยา
อาเภอศรีวิไลจังหวัดบึงกาฬ
การใช ้เล่นfacebook 128 66 34 2 0 4.39 มาก
การใช ้เล่นLine 58 65 74 23 10 3.60 มาก
การใช ้เล่นInstagram 70 58 61 18 23 3.58 มาก
การใช ้เล่นTwitter 27 27 69 23 84 2.52 ปานกลาง
การใช ้เล่นBeetalk 19 26 60 17 108 2.27 น้อย
ด้านที่3ด้านสังคมออนไลน์
3.58 มากค่าเฉลี่ยด้านที่1ด้านการสื่อสาร มีค่าเท่ากับ อยู่ในระดับ
มาก
ที่สุด(5)
มาก
(4)
ปาน
กลาง(3)
น้อย
(2)
น้อย
ที่สุด(1)
1 การใช ้ในการโทร 53 73 73 19 12 3.59 มาก
2 การใช ้ในการรับ-ส่งข ้อความ 74 55 52 27 22 3.57 มาก
ด้านที่1ด้านการสื่อสาร
รายการ
ความคิดเห็น
ค่าเฉลี่ย ผลสรุปข้อ
3.69 มากค่าเฉลี่ยด้านที่2ด้านการบรรเทิง มีค่าเท่ากับ อยู่ในระดับ
3 การใช ้ในการฟังเพลงyoutube 93 84 46 5 2 4.13 มาก
4 การใช ้ในการดูทีวีออนไลน์ 36 60 81 31 22 3.25 ปานกลาง
ด้านที่2ด้านการบรรเทิง
19. 13
สรุปผลจากตารางความคิดเห็น
จากตารางได้ข้อสรุปว่าการใช้โทรศัพท์ของนักเรียนโรงเรียนศรีวิไลวิทย
า อ. ศรีวิไล จ. บึงกาฬ
ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จานวน 128 คน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ 55.7%
เป็นเพศชาย จานวน 102 คน
คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ 44.3 % และส่วนใหญ่เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
จานวน 69 คน 30 % ต่อมาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จานวน 50 คน
21.7 % ต่อมาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จานวน 30 คน 13 %
ต่อมาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จานวน 30 คน 13 %
ต่อมาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
จานวน 27 คน 11.7% และเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จานวน 24
คน 10.4%ค่าเฉลี่ยด้านการสื่อสาร มีค่าเท่ากับ 3.58 อยู่ในระดับมาก
ด้านการบันเทิง มีค่าเท่ากับ 3.69 อยู่ในระดับ มากด้านสังคมออนไลน์
มีค่าเท่ากับ 3.27 อยู่ในระดับ ปานกลาง ด้านการศึกษาหาความรู้ มีค่าเท่ากับ
4.14 อยู่ในระดับ มาก
20. 14
บทที่ 5
สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
สรุปผลการประเมิน
จากตารางได้ข้อสรุปว่าการใช้โทรศัพท์ของนักเรียนโรงเรียนศรีวิไลวิทย
า อ. ศรีวิไล จ. บึงกาฬ ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จานวน 128 คน
คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ 55.7% เป็นเพศชาย จานวน 102 คน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์
44.3 % และส่วนใหญ่เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จานวน 69 คน 30 %
ต่อมาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จานวน 50 คน 21.7 %
ต่อมาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จานวน 30 คน 13 %
ต่อมาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จานวน 30 คน 13 %
ต่อมาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จานวน 27 คน 11.7%
และเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 จานวน 24 คน 10.4%
ค่าเฉลี่ยด้านการสื่อสาร มีค่าเท่ากับ 3.58 อยู่ในระดับมาก ด้านการบันเทิง
มีค่าเท่ากับ 3.69 อยู่ในระดับ มากด้านสังคมออนไลน์ มีค่าเท่ากับ 3.27
อยู่ในระดับ ปานกลาง ด้านการศึกษาหาความรู้ มีค่าเท่ากับ 4.14 อยู่ในระดับ
มาก
ปัญหาและอุปสรรคในการค้นคว้า –
ข้อเสนอแนะและแนวทางในการพัฒนา