SlideShare a Scribd company logo
1 of 25
Download to read offline
โครงงาน
เรือง การสํารวจความคิดเห็นเกียวกับปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี
โรงเรียนบ้านดุงวิทยา ปีการศึกษา 2558
จัดทําโดย
1. นางสาวจิราพร อินทะศรี เลขที 17
2. นางสาวลลิตา บุญฤทธิ เลขที 36
3. นางสาววชิรา ชูรัตน์ เลขที 37
4. นางสาววนิลดาฐ์ รู้จริง เลขที 39
5. นางสาวสุนันทา ฝุ่ นเงิน เลขที 46
ชันมัธยมศึกษาปีที 6/1
เสนอ
คุณครูเอกนรินทร์ แก้วอุ่นเรือน
ภาคเรียนที 2/2558
โรงเรียนบ้านดุงวิทยา ตําบลศรีสุทโธ
อําเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี
กิตติกรรมประกาศ
การศึกษาเรืองการสํารวจความคิดเห็นเกียวกับปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรีของนักเรียน
โรงเรียนบ้านดุงวิทยา ชันมัธยมศึกษาปีที 4 สําเร็จลุล่วงได้ด้วยดีด้วยความกรุณาจาก คณาจารย์ทุกท่านที
อบรมสังสอนให้ความรู้และให้คําปรึกษา ซึงได้ให้คําแนะนําและตรวจแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆด้วยความเอา
ใจใส่ ปลูกฝังให้คณะผู้ศึกษารักการทํางาน สนับสนุน ให้กําลังใจและเป็นแบบอย่างทีดีให้กับคณะผู้ศึกษา
มาโดยตลอด
ทังนีคณะผู้ศึกษารู้สึกซาบซึงและประทับใจในความกรุณาขอท่านคณาจารย์ทุกท่านทีประสิทธิ
ประสาทความรู้ในวิชาการสือสารและการนําเสนอ จนทําให้การศึกษาสําเร็จเรียบร้อยตามจุดประสงค์
คณะผู้ศึกษาขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงไว้ณ โอกาสนีด้วย
คณะผู้ศึกษาขอขอบพระคุณท่านคุณครูเอกนรินทร์ แก้วอุ่นเรือน คุณครูโรงเรียนบ้านดุงวิทยา
ทีได้กรุณาตรวจสอบงานการศึกษาค้นคว้า ให้คําแนะนําและให้ข้อเสนอแนะทีเป็นประโยชน์ในการแก้ไข
เพิมเติมให้งานการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้มีความสมบูรณ์และมีคุณค่าสูงยิงขึน คณะผู้ศึกษา
ขอขอบพระคุณไว้ณ โอกาสนีด้วย
ท้ายสุดนี คณะผู้ศึกษาขอขอบพระคุณ พีๆ น้องๆ และ ญาติพีน้อง ทีไม่สามารถเอ่ยนามได้หมดใน
ทีนีและนักเรียนชันมัธยมศึกษาปีที 4 ทุกคนทีให้ความร่วมมือในการทํางานเป็นกําลังใจอันสําคัญยิงใน
การศึกษา และในการทํางานการศึกษาในครังนี
คุณูปการอันเกิดจากการศึกษาค้นคว้า ขออุทิศให้บุพการี และครูอาจารย์ทุกท่าน
คณะผู้ศึกษา
สารบัญ
เรือง หน้า
กิตติกรรมประกาศ ก
1. สรุปผลการศึกษา................................................................................................................................1 - 3
2. สรุปเรียงความการเก็บข้อมูลจากแบบสอบถาม และข้อเสนอแนะ.....................................................4 - 8
3. ตารางแบบสอบถาม............................................................................................................................9 – 10
4.การกําหนดระดับค่าเฉลียต่อการแปลความหมายจัดอันดับ.................................................................11
ภาคผนวก
-โครงร่าง.....................................................................................................................................14 - 17
-แบบสอบถาม............................................................................................................................18 - 19
-การหาร้อยละ............................................................................................................................20 – 22
สรุปผลการศึกษา
สังคมไทยในปัจจุบันถือได้ว่าเป็นสังคมแห่งทุนนิยม ทุกสิงทุกอย่างล้วนมีแต่การแข่งขัน
โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจและอุตสาหกรรม ปัจจัยหนึงทีสําคัญทีเกียวข้องกับระบบเศรษฐกิจแบบ
ทุนนิยมทีเห็นได้อย่างชัดเจนคือ “แรงงาน” ซึงแรงงานทีกล่าวถึงนีคือแรงงานจากมนุษย์หรือประชากร
ภายในสังคมไทยนันเอง
เมือระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมนีมีความเจริญก้าวหน้ามากขึนเรือยๆก็ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัว
ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในด้านธุรกิจและอุตสาหกรรม เมืออุตสาหกรรมขยายตัวก็เกิดความต้องการการ
ผลิตทีเพิมมากยิงขึนเช่นกัน ซึงโดยพืนฐานการประกอบอาชีพของชาวไทยส่วนใหญ่เป็นอาชีพเกียวกับ
การเกษตร แต่เมือมีโรงงานทีเกิดขึนมากมายตามสภาพเศรษฐกิจ จึงทําให้คนส่วนมากอพยพจากบ้านเกิด
เพือมาทํามาหากินในเมืองกรุง ซึงก็หนีไม่พ้นการเป็นลูกจ้างทํางานในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ แต่สิงที
มักตามมาก็คือปัญหาการแรงงานเด็กและสตรีทีเกิดขึนกันมาอย่างช้านานไม่ว่าจะเป็นยุคใดสมัยใดก็ตาม
เพราะในอดีตผู้หญิงมักจะถูกปลูกฝังว่าให้อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน คอยทํางานบ้านและปรนนิบัติรับใช้สามี
ส่วนเด็กๆก็มักจะถูกจํากับสิทธิในการทําสิงต่างๆ ต้องรอฟังและทําตามคําสังของผู้ใหญ่เพียงอย่างเดียว ไม่
มีสิทธิคัดค้านหรือข้อโต้แย้งใดๆทังสิน ในขณะทีผู้ชายได้รับการยกย่องว่าเป็นช้างเท้าหน้า เป็นหัวหน้า
ครอบครัว ต้องออกไปทํางานเพือหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวนันเอง ดังนันจะเห็นได้ว่าเด็กและสตรีนัน
ถูกจํากัดสิทธิมานานแล้วตังแต่ในอดีต ยิงในสังคมปัจจุบันนีก็ยิงถูกจํากัดสิทธิมากขึนจนเรียกได้ว่าเป็นการ
“กดขีข่มเหง” ซึงทีเห็นชัดเจนมากทีสุดคือการถูกกดขีข่มเหงในรูปของการใช้“แรงงาน” ทีหนักหนาทารุณ
เกินกว่ากําลังทีเด็กและสตรีจะกระทําได้ แม้ว่าจะมีการตรากฎหมายทีระบุข้อห้ามและบทลงโทษไว้ชัดเจน
แล้วตามพระราชบัญญัติการใช้แรงงาน พุทธศักราช ๒๕๔๑ ซึงอยู่ในหมวดที ๓ และ ๔ เพือคุ้มครอง
ไม่ให้เด็กและสตรีถูกกดขีข่มเหงและแรงงานเยียงทาส แต่ปัญหานีก็ยังไม่หมดไป ซํายังมีแนวโน้มทีจะเพิม
จํานวนมากยิงขึนในอนาคตอีกด้วย
ดังนันจึงได้ว่าการคุ้มครองแรงงานเด็กและสตรีทีมีการตรากฎหมายเป็นพระราบัญญัติไว้แล้วอย่างดี
แต่ในทางปฏิบัตินันได้มีการละเมิดสิทธิของลูกจ้างทีเป็นเด็กและสตรีจํานวนมาก เพราะถึงแม้จะมีการตรา
กฎหมายไว้แล้ว แต่นายทุนหรือนายจ้างนันกลับไม่ได้สนใจ คิดแต่ทางทีเพิมผลผลิต เพิมกําไรและยังคง
ละเมิดสิทธิแรงงานต่อไป คณะผู้จัดทําจึงอยากให้สังคมไทยหันมาให้ความสําคัญกับเรืองนี เพือทีผู้คน
สังคมจะได้มีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกันและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขนันเอง
วัตถุประสงค์ของการศึกษา
1. เพือศึกษาปัญหาการแรงงานเด็กและสตรี
2. เพือหาแนวทางป้ องกันและลดการแรงงานเด็กและสตรี
3. เพือฝึกทักษะและกระบวนการทางความคิดและการทํางานร่วมกับผู้อืน
ประโยชน์ทีได้รับ
1. ทําให้ทราบถึงองค์ความรู้เกียวกับปัญหาการแรงงานเด็กและสตรี
2. สามารถหาแนวทางป้ องกันและลดการแรงงานเด็กและสตรีได้
3. ได้ฝึกทักษะและกระบวนการทางความคิดและการทํางานร่วมกับผู้อืน
การรวบรวมสรุปข้อมูลทีได้จากการค้นคว้า
จากการศึกษาค้นคว้าพบว่าตลาดแรงงานในปัจจุบันมีความต้องการด้านแรงงานเพิมมากขึนจาก
ภาวะเศรษฐกิจแบบทุนนิยมทีขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทําให้นายทุนหรือนายจ้างต้องหันมาจ้างลูกจ้างซึงเป็น
แรงงานเด็กและสตรี เพือให้สามารถมีแรงงานทีเพียงพอต่อกําลังการผลิตสินค้าทีเพิมจํานวนมากขึน เพราะ
หากจะเครืองจักรในการทํางานก็จะใช้ต้นทุนทีสูงจนเกินไป อาจทําให้ได้กําไรทีน้อยลงหรือเสียงต่อการ
ขาดทุนและงานบางประเภท เช่น งานหัตถกรรม ก็จําเป็นต้องแรงงานทีเป็นคนเท่านัน
เมือวิเคราะห์ข้อมูลจากการตอบแบบสํารวจความคิดเห็นเรือง“ความคิดเห็นต่อปัญหาการใช้แรงงาน
เด็กและสตรี” ของนักเรียนชันมัธยมศึกษาปีที 4 โรงเรียนบ้านดุงวิทยา สามารถสรุปได้ว่า เรืองทีนักเรียน
เห็นด้วยมากทีสุดโดยเรียงลําดับจากมากไปน้อย คือ แรงงานเด็กและสตรีมักถูกกดขีข่มเหงมากกกว่า
แรงงานทีเป็นชาย ซึงนักเรียนได้ตอบว่าเห็นด้วยมากทีสุดถึงร้อยละ 83.63 ตามมาด้วยการพบเห็นเด็กและ
สตรีทํางานในทีทีเสียงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศ เช่น คลับ ผับ บาร์ ร้านเหล้า ลฯล ซึงนักเรียนได้
ตอบว่าเห็นด้วยมากทีสุดร้อยละ 80.90 พบเห็นเด็กทีมีอายุตํากว่า 18 ปีบริบูรณ์ทํางานหนัก เช่นงาน
ก่อสร้าง แบกหาม ลฯล ซึงนักเรียนได้ตอบว่าเห็นด้วยมากทีสุดร้อยละ 74.54 พบเห็นผู้หญิงทํางานทีเสียง
อันตราย เช่น ปีนนังร้าน เชือมเหล็ก ลฯล ซึงนักเรียนได้ตอบว่าเห็นด้วยมากทีสุดร้อยละ 17.72 และ
สุดท้ายคือ พบเห็นผู้หญิงมีครรภ์ทํางานทีเสียงอันตรายต่อครรภ์ เช่น ยกของหนัก งานก่อสร้าง ลฯล ซึง
นักเรียนได้ตอบว่าเห็นด้วยมากทีสุดร้อยละ 14.54 ส่วนในเรืองของการแก้ไขปัญหา เรืองทีนักเรียนเห็น
ด้วยมากทีสุดโดยเรียงลําดับจากมากไปน้อย คือ ต้องการให้หน่วยงานทีเกียวข้องจัดหางานทีเหมาะสม
ให้แก่เด็กและสตรี เพือลดปัญหาการถูกกดขีจากนายจ้างและอยากให้ทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ
ภาคเอกชนและภาคประชาชนควรร่วมมือกันป้ องกันและแก้ไขปัญหาการแรงงานเด็กและสตรี ซึงนักเรียน
ได้ตอบว่าเห็นด้วยมากทีสุดถึงร้อยละ 100 ต่อมาคือต้องการให้เพิมบทลงโทษสําหรับผู้ทีละเมิดสิทธิของ
แรงงาน ซึงนักเรียนได้ตอบว่าเห็นด้วยมากทีสุดร้อยละ 99.09 ต้องการให้มีหน่วยงานทีคุ้มครองปัญหาการ
แรงงานโดยเฉพาะ ซึงนักเรียนได้ตอบว่าเห็นด้วยมากทีสุดร้อยละ 98.18 และได้เห็นว่าปัญหาการแรงงาน
เด็กและสตรีเป็นปัญหาทียังหาทางออกไม่ได้ ซึงนักเรียนได้ตอบว่าเห็นด้วยมากทีสุดร้อยละ 94.54
ดังนันจะเห็นได้ว่าปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรีจึงถือเป็นอีกหนึงปัญหาภาครัฐควรแก้ไขอย่าง
จริงจัง เพราะการทีปัญหานีมีจํานวนมากขึนในทุกๆปีก็เป็นผลมาจากการทีกฎหมายยังไม่ถูกนํามาปฏิบัติ
อย่างเคร่งครัดและยังไม่เผยแพร่ให้ประชาชนได้ทราบเท่าทีควรจึงทําให้เกิดการกระทําทีผิดกฎหมายทังที
ตังใจและไม่ตังใจนันเอง ดังนันทุกภาคส่วนควรร่วมมือกันป้ องกันและไข รวมถึงประชาชนทุกคนปฏิบัติ
ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ก็จะไม่เกิดการเบียดเบียนและเอารัดเอาเปรียบซึงกันและกัน ทุกๆคนก็จะอยู่
ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข
สรุปข้อมูลจากแบบสอบถาม
ขนาดของกลุ่มตัวอย่าง นักเรียนมัธยมศึกษาปีที 4 มีทังหมด 439 คน คิดเป็นกลุ่มตัวอย่างอย่างน้อย
25%439 ×25 = 109.75 แจกแบบสอบถามไป จํานวน 110 ชุด ได้รับแบบสอบถามกลับมา 110 ชุด
คิดเป็น 100 %
จากการให้นักเรียนมัธยมศึกษาปีที 4 ปีการศึกษา 2558โรงเรียนบ้านดุงวิทยา อําเภอบ้านดุง
จังหวัดอุดรธานี ตอบแบบสอบถามความคิดเห็น พบว่า
ส่วนที 1 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม
1. เพศ
ชาย : 57 คน คิดเป็นร้อยละ 51.81
หญิง : 53 คน คิดเป็นร้อยละ 48.18
รวม จํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100
2. แผนการเรียน
วิทย์-คณิต : 55 คน คิดเป็นร้อยละ 50
คณิต-ภาษา : 27 คน คิดเป็นร้อยละ 24.54
ภาษา-สังคม : 19 คน คิดเป็นร้อยละ 17.27
วิทย์-คณิต-เทคโน : 9 คน คิดเป็นร้อยละ 8.18
รวม จํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100
ส่วนที 2 ข้อมูลเบืองต้นเกียวกับปัญหาการใช้แรงงานเด็ก
1. ปัจจุบันท่านได้รับข่าวสารเกียวกับเรืองการใช้แรงงานเด็กและสตรีจากแหล่งข้อมูลใด
1.1 โทรทัศน์ : 22 คน คิดเป็นร้อยละ 20
1.2 วิทยุ : 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.90
1.3 อินเตอร์เน็ต : 31 คน คิดเป็นร้อยละ 28.18
1.4 โทรศัพท์มือถือ : 25 คน คิดเป็นร้อยละ 22.72
1.5 หนังสือพิมพ์ : 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0
1.6 ป้ ายรณรงค์ : 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0
1.7 โซเชียลเน็ตเวิร์ค (เช่น เฟซบุ๊ค,ไลน์) : 31 คน คิดเป็นร้อยละ 28.18
1.8 อืนๆ : 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0
รวม จํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100
2. ท่านคิดว่าเด็กและสตรีควรได้รับสิทธิและเสรีภาพเทียบเท่าคนอืนๆในสังคมหรือไม่
2.1 ควร : 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100
2.2 ไม่ควร : 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0
รวม จํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100
3. ท่านต้องการให้ปัญหาการใช้แรงงานเด็กได้รับการแก้ไขหรือไม่
3.1 ต้องการ : 109 คน คิดเป็นร้อยละ 99.09
3.2 ไม่ต้องการ : 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0
3.3 ไม่มีความคิดเห็น : 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.90
รวม จํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100
4. ท่านคิดว่าปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรีมีความสําคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศหรือไม่
4.1 สําคัญมาก : 104 คน คิดเป็นร้อยละ 94.54
4.2 ไม่สําคัญเลย : 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0
4.3 อาจจะสําคัญหรือไม่สําคัญก็ได้ : 6 คน คิดเป็นร้อยละ 5.45
รวม จํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100
ส่วนที 3 ตารางแบบสํารวจความคิดเห็น
จากการให้นักเรียนมัธยมศึกษาปีที 4 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนบ้านดุงวิทยา อําเภอบ้านดุง
จังหวัดอุดรธานี ตอบแบบสํารวจความคิดเห็น พบว่า
ปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี
1) แรงงานเด็กและสตรีมักถูกกดขีข่มเหงมากกกว่าแรงงานทีเป็นชาย ผู้ตอบแบบสอบถาม
เห็นด้วยมากทีสุดจํานวน 92 คน คิดเป็นร้อยละ 83.63 คิดเป็นค่าเฉลียเท่ากับ 3.5 เห็นด้วย
มากจํานวน 16 คน คิดเป็นร้อยละ 14.54 เห็นด้วยน้อยจํานวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 1.81
และเห็นด้วยน้อยทีสุดจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 ซึงคิดเป็นค่าเฉลียได้เท่ากับ 3.5
2) พบเห็นเด็กทีมีอายุตํากว่า 18 ปีบริบูรณ์ทํางานหนัก เช่นงานก่อสร้าง แบกหาม ลฯล ผู้ตอบ
แบบสอบถามเห็นด้วยมากทีสุดจํานวน 82 คน คิดเป็นร้อยละ 74.54 เห็นด้วยมากจํานวน 21
คน คิดเป็นร้อยละ 19.09 เห็นด้วยน้อยจํานวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 6.36 และเห็นด้วยน้อย
ทีสุดจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 ซึงคิดเป็นค่าเฉลียได้เท่ากับ 3.35
3) พบเห็นผู้หญิงทํางานทีเสียงอันตราย เช่น ปีนนังร้าน เชือมเหล็ก ลฯล ผู้ตอบแบบสอบถาม
เห็นด้วยมากทีสุดจํานวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 17.72 เห็นด้วยมากจํานวน 87 คน คิดเป็น
ร้อยละ 79.09 เห็นด้วยน้อยจํานวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 8.18 และเห็นด้วยน้อยทีสุดจํานวน
0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 ซึงคิดเป็นค่าเฉลียได้เท่ากับ 2.95
4) พบเห็นผู้หญิงมีครรภ์ทํางานทีเสียงอันตรายต่อครรภ์ เช่น ยกของหนัก งานก่อสร้าง ลฯล
ผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วยมากทีสุดจํานวน 16 คน คิดเป็นร้อยละ 14.54 เห็นด้วยมาก
จํานวน 32 คน คิดเป็นร้อยละ 29.0 เห็นด้วยน้อยจํานวน 61 คน คิดเป็นร้อยละ 55.45 และ
เห็นด้วยน้อยทีสุดจํานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.90 ซึงคิดเป็นค่าเฉลียได้เท่ากับ 1.61
5) พบเห็นเด็กและสตรีทํางานในทีทีเสียงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศ เช่น คลับ ผับ บาร์ ร้าน
เหล้า ลฯล ผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วยมากทีสุดจํานวน 89 คน คิดเป็นร้อยละ 80.90
เห็นด้วยมากจํานวน 21 คน คิดเป็นร้อยละ 19.09 เห็นด้วยน้อยจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ
0 และเห็นด้วยน้อยทีสุดจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 ซึงคิดเป็นค่าเฉลียได้เท่ากับ 3.5
แนวทางแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี
1) ปัญหาการแรงงานเด็กและสตรีเป็นปัญหาทียังหาทางออกไม่ได้ ผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วย
มากทีสุดจํานวน 104 คน คิดเป็นร้อยละ 94.54 เห็นด้วยมากจํานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ
5.45 เห็นด้วยน้อยจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 และเห็นด้วยน้อยทีสุดจํานวน 0 คน คิด
เป็นร้อยละ 0 ซึงคิดเป็นค่าเฉลียได้เท่ากับ 3.6
2) ต้องการให้หน่วยงานทีเกียวข้องจัดหางานทีเหมาะสมให้แก่เด็กและสตรี เพือลดปัญหาการถูก
กดขีจากนายจ้าง ผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วยมากทีสุดจํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100
เห็นด้วยมากจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 เห็นด้วยน้อยจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0
และเห็นด้วยน้อยทีสุดจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 ซึงคิดเป็นค่าเฉลียได้เท่ากับ 3.6
3) ต้องการให้มีหน่วยงานทีคุ้มครองปัญหาการแรงงานโดยเฉพาะ ผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วย
มากทีสุดจํานวน 108 คน คิดเป็นร้อยละ 98.18 เห็นด้วยมากจํานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ
0.90 เห็นด้วยน้อยจํานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.90 และเห็นด้วยน้อยทีสุดจํานวน 0 คน
คิดเป็นร้อยละ 0 ซึงคิดเป็นค่าเฉลียได้เท่ากับ 3.61
4) ควรเพิมบทลงโทษสําหรับผู้ทีละเมิดสิทธิของแรงงาน ผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วยมากทีสุด
จํานวน 109 คน คิดเป็นร้อยละ 99.09 เห็นด้วยมากจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0
เห็นด้วยน้อยจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 และเห็นด้วยน้อยทีสุดจํานวน 1 คน คิดเป็น
ร้อยละ 0.90 ซึงคิดเป็นค่าเฉลียได้เท่ากับ 3.61
5) ทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชนควรร่วมมือกันป้ องกันและ
แก้ไขปัญหาการแรงงานเด็กและสตรี ผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วยมากทีสุดจํานวน 110 คน
คิดเป็นร้อยละ 100 เห็นด้วยมากจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 เห็นด้วยน้อยจํานวน 0 คน
คิดเป็นร้อยละ 0 และเห็นด้วยน้อยทีสุดจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 ซึงคิดเป็นค่าเฉลียได้
เท่ากับ 3.6
ส่วนที 4ข้อเสนอแนะ
จากการตอบแบบสํารวจความคิดเห็นของนักเรียนชันมัธยมศึกษาปีที 4 ปีการศึกษา 2558
โรงเรียนบ้านดุงวิทยา อําเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ข้อเสนอแนะส่วนมากนักเรียนส่วนใหญ่เสนอแนะว่า
ควรมีการจัดตังศูนย์ช่วยเหลือ ป้ องกันและแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรีภายในชุมชนขึน และ
ต้องการให้เพิมบทลงโทษทางกฎหมายแก่นายจ้างผู้ทีกระทําผิดในการใช้แรงงการเด็กและสตรีอย่างทารุณ
แบบสํารวจความคิดเห็น
เรือง ความคิดเห็นต่อปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี ของนักเรียนโรงเรียนบ้านดุงวิทยา
ชันมัธยมศึกษาปีที 4
ปีการศึกษา 2558
ส่วนที 1 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม
คําชีแจง กรุณาทําเครืองหมาย ✔ ลงใน  หน้าคําตอบทีตรงกับข้อมูลของท่านมากทีสุด
1. เพศ
 ชาย  หญิง
2. แผนการเรียน
 วิทย์– คณิตฯ  คณิตฯ-ภาษา  ภาษา – สังคม  วิทย์– คณิตฯ เทคโนฯ
ส่วนที 2 ข้อมูลเบืองต้นเกียวกับปัญหาการใช้แรงงานเด็ก
คําชีแจง กรุณาทําเครืองหมาย ✔ ลงใน  หน้าคําตอบทีตรงกับความคิดเห็นของท่านมากทีสุด
1. ปัจจุบันท่านได้รับข่าวสารเกียวกับเรืองการใช้แรงงานเด็กและสตรีจากแหล่งข้อมูลใด
โทรทัศน์  วิทยุ  อินเตอร์เน็ต  โทรศัพท์มือถือ  หนังสือพิมพ์
 ป้ ายรณรงค์  โซเชียลเน็ตเวิร์ค (เช่น เฟซบุ๊ค,ไลน์) อืนๆ
2. ท่านคิดว่าเด็กและสตรีควรได้รับสิทธิและเสรีภาพเทียบเท่าคนอืนๆในสังคมหรือไม่
 ควร  ไม่ควร
3. ท่านต้องการให้ปัญหาการใช้แรงงานเด็กได้รับการแก้ไขหรือไม่
 ต้องการ  ไม่ต้องการ ไม่มีความคิดเห็น
4. ท่านคิดว่าปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรีมีความสําคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศหรือไม่
 สําคัญมาก  ไม่สําคัญเลย  อาจจะสําคัญหรือไม่สําคัญก็ได้
ตอนที 3 ข้อมูลเกียวกับปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรีและแนวทางการแก้ไข
คําชีแจง กรุณาทําเครืองหมาย ลงในช่องทีตรงกับความรู้สึก / ความคิดเห็นของท่านมากทีสุด
ปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี
มากทีสุด
4
มาก
3
น้อย
2
น้อยทีสุด
1
1. แรงงานเด็กและสตรีมักถูกกดขีข่มเหงมากกกว่าแรงงานทีเป็นชาย
2. พบเห็นเด็กทีมีอายุตํากว่า 18 ปีบริบูรณ์ทํางานหนัก เช่นงานก่อสร้าง
แบกหาม ลฯล
3. พบเห็นผู้หญิงทํางานทีเสียงอันตราย เช่น ปีนนังร้าน เชือมเหล็ก ลฯล
4. พบเห็นผู้หญิงมีครรภ์ทํางานทีเสียงอันตรายต่อครรภ์ เช่น ยกของหนัก
งานก่อสร้าง ลฯล
5. พบเห็นเด็กและสตรีทํางานในทีทีเสียงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศ เช่น
คลับ ผับ บาร์ ร้านเหล้า ลฯล
แนวทางแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี มากทีสุด
4
มาก
3
น้อย
2
น้อยทีสุด
1
1. ปัญหาการแรงงานเด็กและสตรีเป็นปัญหาทียังหาทางออกไม่ได้
2. ต้องการให้หน่วยงานทีเกียวข้องจัดหางานทีเหมาะสมให้แก่เด็กและสตรี
เพือลดปัญหาการถูกกดขีจากนายจ้าง
3. ต้องการให้มีหน่วยงานทีคุ้มครองปัญหาการแรงงานโดยเฉพาะ
4. ควรเพิมบทลงโทษสําหรับผู้ทีละเมิดสิทธิของแรงงาน
5. ทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชนควร
ร่วมมือกันป้ องกันและแก้ไขปัญหาการแรงงานเด็กและสตรี
ข้อเสนอแนะ
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
ขอบคุณทีร่วมแสดงความคิดเห็นค่ะ
นักเรียนชันมัธยมศึกษาปีที 6/1
การกําหนดระดับค่าเฉลียต่อการแปลความหมายจัดอันดับ
ระดับค่าเฉลีย 3.50 - 4.00 หมายถึง มากทีสุด
ระดับค่าเฉลีย 2.50 - 3.49 หมายถึง มาก
ระดับค่าเฉลีย 1.50 - 2.49 หมายถึง ปานกลาง
ระดับค่าเฉลีย 1.00 - 1.49 หมายถึง น้อย
บรรณานุกรม
ตัวอย่างแบบสอบถามเรืองปัญหาการแรงงานเด็ก สืบค้นวันที 22 มกราคม 2559 เข้าถึงได้ที
https:// library.cmu.ac.th
ตัวอย่างแบบสอบถามเรืองปัญหาการแรงงานสตรี สืบค้นวันที 22 มกราคม 2559 เข้าถึงได้ที
https:// www.labour.go.th/th/webimage
ตัวอย่างงานวิจัยเกียวกับปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี สืบค้นวันที 22 มกราคม 2559 เข้าถึงได้
ที www.notforsale.in.th/autopagev4
ตัวอย่างงานวิจัยสิทธิและเสรีภาพของแรงงาน สืบค้นวันที 22 มกราคม 2559 เข้าถึงได้ที
https://www.m-society.go.th
ปัจจัยทีมีผลต่อการเลือกใช้แรงงานเด็ก สืบค้นวันที 22 มกราคม 2559 เข้าถึงได้ที
https://www.tls.labour.go.th
การศึกษาวิจัยเรืองแนวทางการแก้ไขปัญหาการแรงงานเด็กและสตรี สืบค้นวันที 22 มกราคม
2559 เข้าถึงได้ที www2.nkc.kku.ac.th
ภาคผนวก
โครงร่างการศึกษา
ชือเรือง : การศึกษาปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี
สาระการเรียนรู้/วิชา : การงานอาชีพและเทคโนโลยี/การสือสารและการนําเสนอ (IS2)
จัดทําโดย :
นางสาวจิราพร อินทะศรี
นางสาวลลิตา บุญฤทธิ
นางสาววชิรา ชูรัตน์
นางสาววนิลดาฐ์ รู้จริง
นางสาวสุนันทา ฝุ่นเงิน
ชันมัธยมศึกษาปีที 6/1
ความเป็นมาและความสําคัญ
สังคมไทยในปัจจุบันถือได้ว่าเป็นสังคมแห่งทุนนิยม ทุกสิงทุกอย่างล้วนมีแต่การแข่งขัน
โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจและอุตสาหกรรม ปัจจัยหนึงทีสําคัญทีเกียวข้องกับระบบเศรษฐกิจแบบ
ทุนนิยมทีเห็นได้อย่างชัดเจนคือ “แรงงาน” ซึงแรงงานทีกล่าวถึงนีคือแรงงานจากมนุษย์หรือประชากร
ภายในสังคมไทยนันเอง
เมือระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมนีมีความเจริญก้าวหน้ามากขึนเรือยๆก็ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัว
ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในด้านธุรกิจและอุตสาหกรรม เมืออุตสาหกรรมขยายตัวก็เกิดความต้องการการ
ผลิตทีเพิมมากยิงขึนเช่นกัน ซึงโดยพืนฐานการประกอบอาชีพของชาวไทยส่วนใหญ่เป็นอาชีพเกียวกับ
การเกษตร แต่เมือมีโรงงานทีเกิดขึนมากมายตามสภาพเศรษฐกิจ จึงทําให้คนส่วนมากอพยพจากบ้านเกิด
เพือมาทํามาหากินในเมืองกรุง ซึงก็หนีไม่พ้นการเป็นลูกจ้างทํางานในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ แต่สิงที
มักตามมาก็คือปัญหาการแรงงานเด็กและสตรีทีเกิดขึนกันมาอย่างช้านานไม่ว่าจะเป็นยุคใดสมัยใดก็ตาม
เพราะในอดีตผู้หญิงมักจะถูกปลูกฝังว่าให้อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน คอยทํางานบ้านและปรนนิบัติรับใช้สามี
ส่วนเด็กๆก็มักจะถูกจํากับสิทธิในการทําสิงต่างๆ ต้องรอฟังและทําตามคําสังของผู้ใหญ่เพียงอย่างเดียว ไม่
มีสิทธิคัดค้านหรือข้อโต้แย้งใดๆทังสิน ในขณะทีผู้ชายได้รับการยกย่องว่าเป็นช้างเท้าหน้า เป็นหัวหน้า
ครอบครัว ต้องออกไปทํางานเพือหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวนันเอง ดังนันจะเห็นได้ว่าเด็กและสตรีนัน
ถูกจํากัดสิทธิมานานแล้วตังแต่ในอดีต ยิงในสังคมปัจจุบันนีก็ยิงถูกจํากัดสิทธิมากขึนจนเรียกได้ว่าเป็นการ
“กดขีข่มเหง” ซึงทีเห็นชัดเจนมากทีสุดคือการถูกกดขีข่มเหงในรูปของการใช้“แรงงาน” ทีหนักหนาทารุณ
เกินกว่ากําลังทีเด็กและสตรีจะกระทําได้ แม้ว่าจะมีการตรากฎหมายทีระบุข้อห้ามและบทลงโทษไว้ชัดเจน
แล้วตามพระราชบัญญัติการใช้แรงงาน พุทธศักราช ๒๕๔๑ ซึงอยู่ในหมวดที ๓ และ ๔ เพือคุ้มครอง
ไม่ให้เด็กและสตรีถูกกดขีข่มเหงและแรงงานเยียงทาส แต่ปัญหานีก็ยังไม่หมดไป ซํายังมีแนวโน้มทีจะเพิม
จํานวนมากยิงขึนในอนาคตอีกด้วย
ดังนันจึงได้ว่าการคุ้มครองแรงงานเด็กและสตรีทีมีการตรากฎหมายเป็นพระราบัญญัติไว้แล้วอย่างดี
แต่ในทางปฏิบัตินันได้มีการละเมิดสิทธิของลูกจ้างทีเป็นเด็กและสตรีจํานวนมาก เพราะถึงแม้จะมีการตรา
กฎหมายไว้แล้ว แต่นายทุนหรือนายจ้างนันกลับไม่ได้สนใจ คิดแต่ทางทีเพิมผลผลิต เพิมกําไรและยังคง
ละเมิดสิทธิแรงงานต่อไป คณะผู้จัดทําจึงอยากให้สังคมไทยหันมาให้ความสําคัญกับเรืองนี เพือทีผู้คน
สังคมจะได้มีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกันและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขนันเอง
วัตถุประสงค์ของการศึกษา
4. เพือศึกษาปัญหาการแรงงานเด็กและสตรี
5. เพือหาแนวทางป้ องกันและลดการแรงงานเด็กและสตรี
6. เพือฝึกทักษะและกระบวนการทางความคิดและการทํางานร่วมกับผู้อืน
ประโยชน์ทีได้รับ
4. ทําให้ทราบถึงองค์ความรู้เกียวกับปัญหาการแรงงานเด็กและสตรี
5. สามารถหาแนวทางป้ องกันและลดการแรงงานเด็กและสตรีได้
6. ได้ฝึกทักษะและกระบวนการทางความคิดและการทํางานร่วมกับผู้อืน
การรวบรวมสรุปข้อมูลทีได้จากการค้นคว้า
จากการศึกษาค้นคว้าพบว่าตลาดแรงงานในปัจจุบันมีความต้องการด้านแรงงานเพิมมากขึนจาก
ภาวะเศรษฐกิจแบบทุนนิยมทีขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทําให้นายทุนหรือนายจ้างต้องหันมาจ้างลูกจ้างซึงเป็น
แรงงานสตรีและเด็ก เพือให้สามารถมีแรงงานทีเพียงพอต่อกําลังการผลิตสินค้าทีเพิมจํานวนมากขึน เพราะ
หากจะเครืองจักรในการทํางานก็จะใช้ต้นทุนทีสูงจนเกินไป อาจทําให้ได้กําไรทีน้อยลงหรือเสียงต่อการ
ขาดทุนและงานบางประเภท เช่น งานหัตถกรรม ก็จําเป็นต้องแรงงานทีเป็นคนเท่านัน
เมือนายทุนต้องการเร่งผลิตสินค้าและหวังกําไรมากๆ ก็ทําให้เกิดปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี
ทีเกินกว่าระยะเวลาทีกําหนดตามกฎหมาย ทังนีก็ขึนอยู่กับความสมัครใจของลูกจ้างว่าต้องการทํางาน
ล่วงเวลาหรือไม่ แต่ก็มีแรงงานจํานวนไม่ต้องทีถูกบังคับจากนายจ้างให้ทํางานหนักกว่าปกติ ทํางานเกิน
เวลา โดยให้เหตุผลว่าหากไม่ทําจะถูกตัดเงินเดือน ซึงถือว่าการกระทํานีเป็นการกระทําทีไร้ซึงคุณธรรม
จริยธรรม รวมไปถึงการละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลทีพึงมีความเสมอภาคเท่าเทียมกันอีกด้วย
ปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรีจึงถือเป็นอีกหนึงปัญหาภาครัฐควรแก้ไขอย่างจริงจัง เพราะการ
ทีปัญหานีมีจํานวนมากขึนในทุกๆปีก็เป็นผลมาจากการทีกฎหมายยังไม่ถูกนํามาปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและยัง
ไม่เผยแพร่ให้ประชาชนได้ทราบเท่าทีควรจึงทําให้เกิดการกระทําทีผิดกฎหมายทังทีตังใจและไม่ตังใจ
นันเอง ดังนันทุกภาคส่วนควรร่วมมือกันป้ องกันและไข รวมถึงประชาชนทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายอย่าง
เคร่งครัด ก็จะไม่เกิดการเบียดเบียนและเอารัดเอาเปรียบซึงกันและกัน ทุกๆคนก็จะอยู่ร่วมกันในสังคมอย่าง
สงบสุข
ปฏิทินการปฏิบัติงาน
ชือเรืองทีศึกษา : การศึกษาปัญหาการแรงงานและสตรี ภาคเรียนที 1 ปีการศึกษา 2558
ลําดับที รายละเอียดการปฏิบัติงาน เดือนทีปฏิบัติ ผู้รับผิดชอบงาน
1 เขียนโครงร่างการเขียนรายงาน พ.ย. 2558 คณะผู้จัดทํา
2 สรุปความรู้ทีได้จากภาคเรียนที 1 ธ.ค. 2558 คณะผู้จัดทํา
3 ออกแบบรูปแบบการเก็บข้อมูลในภาคเรียนที 2
(แบบสอบถาม)
ธ.ค. 2558 คณะผู้จัดทํา
4 กําหนดกลุ่มตัวอย่างทีจะเก็บข้อมูล ม.ค. 2559 คณะผู้จัดทํา
5 กําหนดค่าสถิติต่างๆ เกณฑ์การให้คะแนนและ
การแปลผลคะแนน
ม.ค. 2559 คณะผู้จัดทํา
6 สรุปและวิเคราะห์ข้อมูลทีได้จากการแปลความ
เพือนํามาเขียนรายงาน
ก.พ. 2559 คณะผู้จัดทํา
7 นําเสนอผลงานในรูปแบบต่างๆ (เช่น โปรแกรม
นําเสนอ วีดีโอ อินเตอร์เน็ต)
ก.พ. 2559 คณะผู้จัดทํา
แบบสํารวจความคิดเห็น
เรือง ความคิดเห็นต่อปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี ของนักเรียนโรงเรียนบ้านดุงวิทยา
ชันมัธยมศึกษาปีที 4
ปีการศึกษา 2558
ส่วนที 1 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม
คําชีแจง กรุณาทําเครืองหมาย ✔ ลงใน  หน้าคําตอบทีตรงกับข้อมูลของท่านมากทีสุด
1. เพศ
 ชาย  หญิง
2. แผนการเรียน
 วิทย์– คณิตฯ  คณิตฯ-ภาษา  ภาษา – สังคม  วิทย์– คณิตฯ เทคโนฯ
ส่วนที 2 ข้อมูลเบืองต้นเกียวกับปัญหาการใช้แรงงานเด็ก
คําชีแจง กรุณาทําเครืองหมาย ✔ ลงใน  หน้าคําตอบทีตรงกับความคิดเห็นของท่านมากทีสุด
1. ปัจจุบันท่านได้รับข่าวสารเกียวกับเรืองการใช้แรงงานเด็กและสตรีจากแหล่งข้อมูลใด
โทรทัศน์  วิทยุ  อินเตอร์เน็ต  โทรศัพท์มือถือ  หนังสือพิมพ์
 ป้ ายรณรงค์  โซเชียลเน็ตเวิร์ค (เช่น เฟซบุ๊ค,ไลน์) อืนๆ
2. ท่านคิดว่าเด็กและสตรีควรได้รับสิทธิและเสรีภาพเทียบเท่าคนอืนๆในสังคมหรือไม่
 ควร  ไม่ควร
3. ท่านต้องการให้ปัญหาการใช้แรงงานเด็กได้รับการแก้ไขหรือไม่
 ต้องการ  ไม่ต้องการ ไม่มีความคิดเห็น
4. ท่านคิดว่าปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรีมีความสําคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศหรือไม่
 สําคัญมาก  ไม่สําคัญเลย  อาจจะสําคัญหรือไม่สําคัญก็ได้
ตอนที 3 ข้อมูลเกียวกับปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรีและแนวทางการแก้ไข
คําชีแจง กรุณาทําเครืองหมาย ลงในช่องทีตรงกับความรู้สึก / ความคิดเห็นของท่านมากทีสุด
ปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี
มากทีสุด
4
มาก
3
น้อย
2
น้อยทีสุด
1
1. แรงงานเด็กและสตรีมักถูกกดขีข่มเหงมากกกว่าแรงงานทีเป็นชาย
2. พบเห็นเด็กทีมีอายุตํากว่า 18 ปีบริบูรณ์ทํางานหนัก เช่นงานก่อสร้าง
แบกหาม ลฯล
3. พบเห็นผู้หญิงทํางานทีเสียงอันตราย เช่น ปีนนังร้าน เชือมเหล็ก ลฯล
4. พบเห็นผู้หญิงมีครรภ์ทํางานทีเสียงอันตรายต่อครรภ์ เช่น ยกของหนัก
งานก่อสร้าง ลฯล
5. พบเห็นเด็กและสตรีทํางานในทีทีเสียงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศ เช่น
คลับ ผับ บาร์ ร้านเหล้า ลฯล
แนวทางแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี มากทีสุด
4
มาก
3
น้อย
2
น้อยทีสุด
1
1. ปัญหาการแรงงานเด็กและสตรีเป็นปัญหาทียังหาทางออกไม่ได้
2. ต้องการให้หน่วยงานทีเกียวข้องจัดหางานทีเหมาะสมให้แก่เด็กและสตรี
เพือลดปัญหาการถูกกดขีจากนายจ้าง
3. ต้องการให้มีหน่วยงานทีคุ้มครองปัญหาการแรงงานโดยเฉพาะ
4. ควรเพิมบทลงโทษสําหรับผู้ทีละเมิดสิทธิของแรงงาน
5. ทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชนควร
ร่วมมือกันป้ องกันและแก้ไขปัญหาการแรงงานเด็กและสตรี
ข้อเสนอแนะ
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
สรุปค่าร้อยละจากข้อมูลแบบสอบถาม
ขอบคุณทีร่วมแสดงความคิดเห็นค่ะ
นักเรียนชันมัธยมศึกษาปีที 6/1
ส่วนที 1 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม
1. เพศ
ชาย : คิดเป็นร้อยละ 51.81
หญิง : คิดเป็นร้อยละ 48.18
รวม จํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100
2. แผนการเรียน
วิทย์-คณิต : คิดเป็นร้อยละ 50
คณิต-ภาษา : คิดเป็นร้อยละ 24.54
ภาษา-สังคม : คิดเป็นร้อยละ 17.27
วิทย์-คณิต-เทคโน : คิดเป็นร้อยละ 8.18
รวม จํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100
ส่วนที 2 ข้อมูลเบืองต้นเกียวกับปัญหาการใช้แรงงานเด็ก
1. ปัจจุบันท่านได้รับข่าวสารเกียวกับเรืองการใช้แรงงานเด็กและสตรีจากแหล่งข้อมูลใด
1.1 โทรทัศน์ : คิดเป็นร้อยละ 20
1.2 วิทยุ : คิดเป็นร้อยละ 0.90
1.3 อินเตอร์เน็ต : คิดเป็นร้อยละ 28.18
1.4 โทรศัพท์มือถือ : คิดเป็นร้อยละ 22.72
1.5 หนังสือพิมพ์ : คิดเป็นร้อยละ 0
1.6 ป้ ายรณรงค์ : คิดเป็นร้อยละ 0
1.7 โซเชียลเน็ตเวิร์ค (เช่น เฟซบุ๊ค,ไลน์) : คิดเป็นร้อยละ 28.18
1.8 อืนๆ : คิดเป็นร้อยละ 0
รวม จํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100
2. ท่านคิดว่าเด็กและสตรีควรได้รับสิทธิและเสรีภาพเทียบเท่าคนอืนๆในสังคมหรือไม่
2.1 ควร : คิดเป็นร้อยละ 100
2.2 ไม่ควร : คิดเป็นร้อยละ 0
รวม จํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100
3. ท่านต้องการให้ปัญหาการใช้แรงงานเด็กได้รับการแก้ไขหรือไม่
3.1 ต้องการ : คิดเป็นร้อยละ 99.09
3.2 ไม่ต้องการ : คิดเป็นร้อยละ 0
3.3 ไม่มีความคิดเห็น : คิดเป็นร้อยละ 0.90
รวม จํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100
4. ท่านคิดว่าปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรีมีความสําคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศหรือไม่
4.1 สําคัญมาก : 104 คน คิดเป็นร้อยละ 94.54
4.2 ไม่สําคัญเลย : 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0
4.3 อาจจะสําคัญหรือไม่สําคัญก็ได้ : คิดเป็นร้อยละ 5.45
รวม จํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100
ตอนที 3 ตารางสอบถามความคิดเห็น
ระดับการประเมิน
ค่าเฉลีย
ปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี
มากทีสุด
4
มาก
3
น้อย
2
น้อยทีสุด
1
1. แรงงานเด็กและสตรีมักถูกกดขีข่มเหงมากกกว่า
แรงงานทีเป็นชาย
83.63 14.54 1.81 0 3.5
2. พบเห็นเด็กทีมีอายุตํากว่า 18 ปีบริบูรณ์ทํางาน
หนัก เช่นงานก่อสร้าง แบกหาม ลฯล
74.54 19.09 6.36 0 3.35
3. พบเห็นผู้หญิงทํางานทีเสียงอันตราย เช่น ปีน
นังร้าน เชือมเหล็ก ลฯล
17.72 79.09 8.18 0 2.95
4. พบเห็นผู้หญิงมีครรภ์ทํางานทีเสียงอันตรายต่อ
ครรภ์ เช่น ยกของหนัก งานก่อสร้าง ลฯล
14.54 29.0 55.45 0.90 1.61
5. พบเห็นเด็กและสตรีทํางานในทีทีเสียงต่อการถูก
ล่วงละเมิดทางเพศ เช่น คลับ ผับ บาร์ ร้านเหล้า
ลฯล
80.90 19.09 0 0 3.5
แนวทางแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี มากทีสุด
4
มาก
3
น้อย
2
น้อยทีสุด
1
ค่าเฉลีย
1. ปัญหาการแรงงานเด็กและสตรีเป็นปัญหาทียังหา
ทางออกไม่ได้
94.54 5.45 0 0 3.6
2. ต้องการให้หน่วยงานทีเกียวข้องจัดหางานที
เหมาะสมให้แก่เด็กและสตรี เพือลดปัญหาการถูกกดขี
จากนายจ้าง
100 0 0 0 3.6
3. ต้องการให้มีหน่วยงานทีคุ้มครองปัญหาการ
แรงงานโดยเฉพาะ
98.18 0.90 0.90 0 3.61
4. ควรเพิมบทลงโทษสําหรับผู้ทีละเมิดสิทธิของ
แรงงาน
99.09 0 0 0.90 3.61
5. ทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชนและ
ภาคประชาชนควรร่วมมือกันป้ องกันและแก้ไข
ปัญหาการแรงงานเด็กและสตรี
100 0 0 0 3.6

More Related Content

What's hot

ความพึงพอใจในการใช้บริการห้องสมุด
ความพึงพอใจในการใช้บริการห้องสมุดความพึงพอใจในการใช้บริการห้องสมุด
ความพึงพอใจในการใช้บริการห้องสมุดrisa021040
 
แบบสอบถามการใช้โทรศัพท์มือถือ
แบบสอบถามการใช้โทรศัพท์มือถือแบบสอบถามการใช้โทรศัพท์มือถือ
แบบสอบถามการใช้โทรศัพท์มือถือchaimate
 
เด็กไม่ส่งการบ้าน
เด็กไม่ส่งการบ้านเด็กไม่ส่งการบ้าน
เด็กไม่ส่งการบ้านaapiaa
 
ระบบประสาท
ระบบประสาทระบบประสาท
ระบบประสาทssuser21a057
 
วิจัยในชั้นเรียนเรื่องการไม่ส่งการบ้านวิชาฟิสิกส์
วิจัยในชั้นเรียนเรื่องการไม่ส่งการบ้านวิชาฟิสิกส์วิจัยในชั้นเรียนเรื่องการไม่ส่งการบ้านวิชาฟิสิกส์
วิจัยในชั้นเรียนเรื่องการไม่ส่งการบ้านวิชาฟิสิกส์Weerachat Martluplao
 
รายงานการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน : การวิเคราะห์ผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที...
รายงานการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน : การวิเคราะห์ผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที...รายงานการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน : การวิเคราะห์ผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที...
รายงานการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน : การวิเคราะห์ผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที...Nattapon
 
Isนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายแผนการเรียนวิทย์ คณิต โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรี...
Isนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายแผนการเรียนวิทย์ คณิต โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรี...Isนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายแผนการเรียนวิทย์ คณิต โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรี...
Isนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายแผนการเรียนวิทย์ คณิต โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรี...poppoppo
 
รายงาน SAR โดยกลุ่มงานประกันคุณภาพ โรงเรียนสุนทรภู่พิทยา
รายงาน SAR โดยกลุ่มงานประกันคุณภาพ โรงเรียนสุนทรภู่พิทยารายงาน SAR โดยกลุ่มงานประกันคุณภาพ โรงเรียนสุนทรภู่พิทยา
รายงาน SAR โดยกลุ่มงานประกันคุณภาพ โรงเรียนสุนทรภู่พิทยาYodhathai Reesrikom
 
รายงาน SAR โดยกลุ่มงานประกันคุณภาพ โรงเรียนสุนทรภู่พิทยา บทที่ 1
รายงาน SAR โดยกลุ่มงานประกันคุณภาพ โรงเรียนสุนทรภู่พิทยา บทที่  1รายงาน SAR โดยกลุ่มงานประกันคุณภาพ โรงเรียนสุนทรภู่พิทยา บทที่  1
รายงาน SAR โดยกลุ่มงานประกันคุณภาพ โรงเรียนสุนทรภู่พิทยา บทที่ 1Yodhathai Reesrikom
 
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ ของนักเรียนช...
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ ของนักเรียนช...การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ ของนักเรียนช...
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ ของนักเรียนช...Nattapon
 
Casestudy การศึกษารายกรณี
Casestudy การศึกษารายกรณีCasestudy การศึกษารายกรณี
Casestudy การศึกษารายกรณีrewat Chitthaing
 
วิจัยในชั้นเรียน ปีการศึกษา2555
วิจัยในชั้นเรียน ปีการศึกษา2555วิจัยในชั้นเรียน ปีการศึกษา2555
วิจัยในชั้นเรียน ปีการศึกษา2555jammaree samanchat
 
การวิเคราะห์การแก้โจทย์ปัญหา
การวิเคราะห์การแก้โจทย์ปัญหาการวิเคราะห์การแก้โจทย์ปัญหา
การวิเคราะห์การแก้โจทย์ปัญหาRatchaphak Wongphanatsak
 
ตัวอย่างระบบดูช่วยเหลือนักเรียน
ตัวอย่างระบบดูช่วยเหลือนักเรียนตัวอย่างระบบดูช่วยเหลือนักเรียน
ตัวอย่างระบบดูช่วยเหลือนักเรียนทับทิม เจริญตา
 

What's hot (17)

ความพึงพอใจในการใช้บริการห้องสมุด
ความพึงพอใจในการใช้บริการห้องสมุดความพึงพอใจในการใช้บริการห้องสมุด
ความพึงพอใจในการใช้บริการห้องสมุด
 
วิจัยในชั้นเรียน ครู เจี๊ยบ
วิจัยในชั้นเรียน ครู เจี๊ยบวิจัยในชั้นเรียน ครู เจี๊ยบ
วิจัยในชั้นเรียน ครู เจี๊ยบ
 
แบบสอบถามการใช้โทรศัพท์มือถือ
แบบสอบถามการใช้โทรศัพท์มือถือแบบสอบถามการใช้โทรศัพท์มือถือ
แบบสอบถามการใช้โทรศัพท์มือถือ
 
เด็กไม่ส่งการบ้าน
เด็กไม่ส่งการบ้านเด็กไม่ส่งการบ้าน
เด็กไม่ส่งการบ้าน
 
ระบบประสาท
ระบบประสาทระบบประสาท
ระบบประสาท
 
วิจัยในชั้นเรียนเรื่องการไม่ส่งการบ้านวิชาฟิสิกส์
วิจัยในชั้นเรียนเรื่องการไม่ส่งการบ้านวิชาฟิสิกส์วิจัยในชั้นเรียนเรื่องการไม่ส่งการบ้านวิชาฟิสิกส์
วิจัยในชั้นเรียนเรื่องการไม่ส่งการบ้านวิชาฟิสิกส์
 
รายงานการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน : การวิเคราะห์ผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที...
รายงานการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน : การวิเคราะห์ผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที...รายงานการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน : การวิเคราะห์ผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที...
รายงานการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน : การวิเคราะห์ผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที...
 
Isนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายแผนการเรียนวิทย์ คณิต โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรี...
Isนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายแผนการเรียนวิทย์ คณิต โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรี...Isนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายแผนการเรียนวิทย์ คณิต โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรี...
Isนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายแผนการเรียนวิทย์ คณิต โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรี...
 
รายงาน SAR โดยกลุ่มงานประกันคุณภาพ โรงเรียนสุนทรภู่พิทยา
รายงาน SAR โดยกลุ่มงานประกันคุณภาพ โรงเรียนสุนทรภู่พิทยารายงาน SAR โดยกลุ่มงานประกันคุณภาพ โรงเรียนสุนทรภู่พิทยา
รายงาน SAR โดยกลุ่มงานประกันคุณภาพ โรงเรียนสุนทรภู่พิทยา
 
รายงาน SAR โดยกลุ่มงานประกันคุณภาพ โรงเรียนสุนทรภู่พิทยา บทที่ 1
รายงาน SAR โดยกลุ่มงานประกันคุณภาพ โรงเรียนสุนทรภู่พิทยา บทที่  1รายงาน SAR โดยกลุ่มงานประกันคุณภาพ โรงเรียนสุนทรภู่พิทยา บทที่  1
รายงาน SAR โดยกลุ่มงานประกันคุณภาพ โรงเรียนสุนทรภู่พิทยา บทที่ 1
 
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ ของนักเรียนช...
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ ของนักเรียนช...การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ ของนักเรียนช...
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ ของนักเรียนช...
 
Casestudy การศึกษารายกรณี
Casestudy การศึกษารายกรณีCasestudy การศึกษารายกรณี
Casestudy การศึกษารายกรณี
 
วิจัยในชั้นเรียน ปีการศึกษา2555
วิจัยในชั้นเรียน ปีการศึกษา2555วิจัยในชั้นเรียน ปีการศึกษา2555
วิจัยในชั้นเรียน ปีการศึกษา2555
 
การวิเคราะห์การแก้โจทย์ปัญหา
การวิเคราะห์การแก้โจทย์ปัญหาการวิเคราะห์การแก้โจทย์ปัญหา
การวิเคราะห์การแก้โจทย์ปัญหา
 
BiOsaman2564
BiOsaman2564BiOsaman2564
BiOsaman2564
 
ตัวอย่างระบบดูช่วยเหลือนักเรียน
ตัวอย่างระบบดูช่วยเหลือนักเรียนตัวอย่างระบบดูช่วยเหลือนักเรียน
ตัวอย่างระบบดูช่วยเหลือนักเรียน
 
Best practice
Best practiceBest practice
Best practice
 

Similar to การสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี

Development of learning on Momentum and Collision for Mathayomsuksa 4/1 stude...
Development of learning on Momentum and Collision for Mathayomsuksa 4/1 stude...Development of learning on Momentum and Collision for Mathayomsuksa 4/1 stude...
Development of learning on Momentum and Collision for Mathayomsuksa 4/1 stude...Nalai Rinrith
 
ตอนที่ 1 ข้อมูลพื้นฐาน1
ตอนที่ 1 ข้อมูลพื้นฐาน1ตอนที่ 1 ข้อมูลพื้นฐาน1
ตอนที่ 1 ข้อมูลพื้นฐาน1warijung2012
 
สำรวจการใช้รถยนต์ของนักเรียนโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติฯกาญจนบุรี ในปีการศึกษา 2557
สำรวจการใช้รถยนต์ของนักเรียนโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติฯกาญจนบุรี ในปีการศึกษา 2557สำรวจการใช้รถยนต์ของนักเรียนโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติฯกาญจนบุรี ในปีการศึกษา 2557
สำรวจการใช้รถยนต์ของนักเรียนโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติฯกาญจนบุรี ในปีการศึกษา 2557พัน พัน
 
ใบงานสำรวจตนเอง M6
ใบงานสำรวจตนเอง M6ใบงานสำรวจตนเอง M6
ใบงานสำรวจตนเอง M6Usavich' Kunpu
 
ใบความรู้ 1.3ตัวอย่างชื่อโครงงานคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ 1.3ตัวอย่างชื่อโครงงานคอมพิวเตอร์ใบความรู้ 1.3ตัวอย่างชื่อโครงงานคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ 1.3ตัวอย่างชื่อโครงงานคอมพิวเตอร์sa_jaimun
 
เรื่อง ปัญหาการติดเกมในหมู่วัยรุ่น
เรื่อง ปัญหาการติดเกมในหมู่วัยรุ่นเรื่อง ปัญหาการติดเกมในหมู่วัยรุ่น
เรื่อง ปัญหาการติดเกมในหมู่วัยรุ่นNutdanai Dt
 
โรงเรียนบ้านดงหวาย
โรงเรียนบ้านดงหวายโรงเรียนบ้านดงหวาย
โรงเรียนบ้านดงหวายpeerapong715
 
โรงเรียนบ้านดงหวาย
โรงเรียนบ้านดงหวายโรงเรียนบ้านดงหวาย
โรงเรียนบ้านดงหวายpeerapong14
 
โรงเรียนบ้านดงหวาย
โรงเรียนบ้านดงหวายโรงเรียนบ้านดงหวาย
โรงเรียนบ้านดงหวายpeerapong715
 
แผนการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาหน่วยที่ 4
แผนการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาหน่วยที่ 4แผนการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาหน่วยที่ 4
แผนการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาหน่วยที่ 4tassanee chaicharoen
 
ประวัติกิบ
ประวัติกิบประวัติกิบ
ประวัติกิบcinnapokko
 
โครงการช่วยเหลือ เจือปัน
โครงการช่วยเหลือ เจือปันโครงการช่วยเหลือ เจือปัน
โครงการช่วยเหลือ เจือปันพัน พัน
 
การศึกษาการจำชื่อทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน
การศึกษาการจำชื่อทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนการศึกษาการจำชื่อทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน
การศึกษาการจำชื่อทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนBioStudent Faculty
 
การศึกษาการจำชื่อทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน
การศึกษาการจำชื่อทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนการศึกษาการจำชื่อทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน
การศึกษาการจำชื่อทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนpaphontee_numwong
 
แผนการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาหน่วยที่ 2
แผนการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาหน่วยที่ 2แผนการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาหน่วยที่ 2
แผนการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาหน่วยที่ 2tassanee chaicharoen
 

Similar to การสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี (20)

อัตราส่วนตรีโกณมิติ
อัตราส่วนตรีโกณมิติอัตราส่วนตรีโกณมิติ
อัตราส่วนตรีโกณมิติ
 
Pranitee present tahoma
Pranitee present tahomaPranitee present tahoma
Pranitee present tahoma
 
Development of learning on Momentum and Collision for Mathayomsuksa 4/1 stude...
Development of learning on Momentum and Collision for Mathayomsuksa 4/1 stude...Development of learning on Momentum and Collision for Mathayomsuksa 4/1 stude...
Development of learning on Momentum and Collision for Mathayomsuksa 4/1 stude...
 
ตอนที่ 1 ข้อมูลพื้นฐาน1
ตอนที่ 1 ข้อมูลพื้นฐาน1ตอนที่ 1 ข้อมูลพื้นฐาน1
ตอนที่ 1 ข้อมูลพื้นฐาน1
 
สำรวจการใช้รถยนต์ของนักเรียนโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติฯกาญจนบุรี ในปีการศึกษา 2557
สำรวจการใช้รถยนต์ของนักเรียนโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติฯกาญจนบุรี ในปีการศึกษา 2557สำรวจการใช้รถยนต์ของนักเรียนโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติฯกาญจนบุรี ในปีการศึกษา 2557
สำรวจการใช้รถยนต์ของนักเรียนโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติฯกาญจนบุรี ในปีการศึกษา 2557
 
Yupaporn
YupapornYupaporn
Yupaporn
 
ใบงานสำรวจตนเอง M6
ใบงานสำรวจตนเอง M6ใบงานสำรวจตนเอง M6
ใบงานสำรวจตนเอง M6
 
ใบความรู้ 1.3ตัวอย่างชื่อโครงงานคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ 1.3ตัวอย่างชื่อโครงงานคอมพิวเตอร์ใบความรู้ 1.3ตัวอย่างชื่อโครงงานคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ 1.3ตัวอย่างชื่อโครงงานคอมพิวเตอร์
 
เรื่อง ปัญหาการติดเกมในหมู่วัยรุ่น
เรื่อง ปัญหาการติดเกมในหมู่วัยรุ่นเรื่อง ปัญหาการติดเกมในหมู่วัยรุ่น
เรื่อง ปัญหาการติดเกมในหมู่วัยรุ่น
 
โรงเรียนบ้านดงหวาย
โรงเรียนบ้านดงหวายโรงเรียนบ้านดงหวาย
โรงเรียนบ้านดงหวาย
 
โรงเรียนบ้านดงหวาย
โรงเรียนบ้านดงหวายโรงเรียนบ้านดงหวาย
โรงเรียนบ้านดงหวาย
 
โรงเรียนบ้านดงหวาย
โรงเรียนบ้านดงหวายโรงเรียนบ้านดงหวาย
โรงเรียนบ้านดงหวาย
 
K1ณัฐนันท์
K1ณัฐนันท์K1ณัฐนันท์
K1ณัฐนันท์
 
K1ณัฐนันท์
K1ณัฐนันท์K1ณัฐนันท์
K1ณัฐนันท์
 
แผนการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาหน่วยที่ 4
แผนการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาหน่วยที่ 4แผนการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาหน่วยที่ 4
แผนการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาหน่วยที่ 4
 
ประวัติกิบ
ประวัติกิบประวัติกิบ
ประวัติกิบ
 
โครงการช่วยเหลือ เจือปัน
โครงการช่วยเหลือ เจือปันโครงการช่วยเหลือ เจือปัน
โครงการช่วยเหลือ เจือปัน
 
การศึกษาการจำชื่อทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน
การศึกษาการจำชื่อทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนการศึกษาการจำชื่อทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน
การศึกษาการจำชื่อทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน
 
การศึกษาการจำชื่อทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน
การศึกษาการจำชื่อทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนการศึกษาการจำชื่อทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน
การศึกษาการจำชื่อทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน
 
แผนการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาหน่วยที่ 2
แผนการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาหน่วยที่ 2แผนการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาหน่วยที่ 2
แผนการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาหน่วยที่ 2
 

การสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี

  • 1. โครงงาน เรือง การสํารวจความคิดเห็นเกียวกับปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี โรงเรียนบ้านดุงวิทยา ปีการศึกษา 2558 จัดทําโดย 1. นางสาวจิราพร อินทะศรี เลขที 17 2. นางสาวลลิตา บุญฤทธิ เลขที 36 3. นางสาววชิรา ชูรัตน์ เลขที 37 4. นางสาววนิลดาฐ์ รู้จริง เลขที 39 5. นางสาวสุนันทา ฝุ่ นเงิน เลขที 46 ชันมัธยมศึกษาปีที 6/1 เสนอ คุณครูเอกนรินทร์ แก้วอุ่นเรือน ภาคเรียนที 2/2558 โรงเรียนบ้านดุงวิทยา ตําบลศรีสุทโธ อําเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี
  • 2. กิตติกรรมประกาศ การศึกษาเรืองการสํารวจความคิดเห็นเกียวกับปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรีของนักเรียน โรงเรียนบ้านดุงวิทยา ชันมัธยมศึกษาปีที 4 สําเร็จลุล่วงได้ด้วยดีด้วยความกรุณาจาก คณาจารย์ทุกท่านที อบรมสังสอนให้ความรู้และให้คําปรึกษา ซึงได้ให้คําแนะนําและตรวจแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆด้วยความเอา ใจใส่ ปลูกฝังให้คณะผู้ศึกษารักการทํางาน สนับสนุน ให้กําลังใจและเป็นแบบอย่างทีดีให้กับคณะผู้ศึกษา มาโดยตลอด ทังนีคณะผู้ศึกษารู้สึกซาบซึงและประทับใจในความกรุณาขอท่านคณาจารย์ทุกท่านทีประสิทธิ ประสาทความรู้ในวิชาการสือสารและการนําเสนอ จนทําให้การศึกษาสําเร็จเรียบร้อยตามจุดประสงค์ คณะผู้ศึกษาขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงไว้ณ โอกาสนีด้วย คณะผู้ศึกษาขอขอบพระคุณท่านคุณครูเอกนรินทร์ แก้วอุ่นเรือน คุณครูโรงเรียนบ้านดุงวิทยา ทีได้กรุณาตรวจสอบงานการศึกษาค้นคว้า ให้คําแนะนําและให้ข้อเสนอแนะทีเป็นประโยชน์ในการแก้ไข เพิมเติมให้งานการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้มีความสมบูรณ์และมีคุณค่าสูงยิงขึน คณะผู้ศึกษา ขอขอบพระคุณไว้ณ โอกาสนีด้วย ท้ายสุดนี คณะผู้ศึกษาขอขอบพระคุณ พีๆ น้องๆ และ ญาติพีน้อง ทีไม่สามารถเอ่ยนามได้หมดใน ทีนีและนักเรียนชันมัธยมศึกษาปีที 4 ทุกคนทีให้ความร่วมมือในการทํางานเป็นกําลังใจอันสําคัญยิงใน การศึกษา และในการทํางานการศึกษาในครังนี คุณูปการอันเกิดจากการศึกษาค้นคว้า ขออุทิศให้บุพการี และครูอาจารย์ทุกท่าน คณะผู้ศึกษา
  • 3. สารบัญ เรือง หน้า กิตติกรรมประกาศ ก 1. สรุปผลการศึกษา................................................................................................................................1 - 3 2. สรุปเรียงความการเก็บข้อมูลจากแบบสอบถาม และข้อเสนอแนะ.....................................................4 - 8 3. ตารางแบบสอบถาม............................................................................................................................9 – 10 4.การกําหนดระดับค่าเฉลียต่อการแปลความหมายจัดอันดับ.................................................................11 ภาคผนวก -โครงร่าง.....................................................................................................................................14 - 17 -แบบสอบถาม............................................................................................................................18 - 19 -การหาร้อยละ............................................................................................................................20 – 22
  • 4. สรุปผลการศึกษา สังคมไทยในปัจจุบันถือได้ว่าเป็นสังคมแห่งทุนนิยม ทุกสิงทุกอย่างล้วนมีแต่การแข่งขัน โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจและอุตสาหกรรม ปัจจัยหนึงทีสําคัญทีเกียวข้องกับระบบเศรษฐกิจแบบ ทุนนิยมทีเห็นได้อย่างชัดเจนคือ “แรงงาน” ซึงแรงงานทีกล่าวถึงนีคือแรงงานจากมนุษย์หรือประชากร ภายในสังคมไทยนันเอง เมือระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมนีมีความเจริญก้าวหน้ามากขึนเรือยๆก็ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัว ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในด้านธุรกิจและอุตสาหกรรม เมืออุตสาหกรรมขยายตัวก็เกิดความต้องการการ ผลิตทีเพิมมากยิงขึนเช่นกัน ซึงโดยพืนฐานการประกอบอาชีพของชาวไทยส่วนใหญ่เป็นอาชีพเกียวกับ การเกษตร แต่เมือมีโรงงานทีเกิดขึนมากมายตามสภาพเศรษฐกิจ จึงทําให้คนส่วนมากอพยพจากบ้านเกิด เพือมาทํามาหากินในเมืองกรุง ซึงก็หนีไม่พ้นการเป็นลูกจ้างทํางานในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ แต่สิงที มักตามมาก็คือปัญหาการแรงงานเด็กและสตรีทีเกิดขึนกันมาอย่างช้านานไม่ว่าจะเป็นยุคใดสมัยใดก็ตาม เพราะในอดีตผู้หญิงมักจะถูกปลูกฝังว่าให้อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน คอยทํางานบ้านและปรนนิบัติรับใช้สามี ส่วนเด็กๆก็มักจะถูกจํากับสิทธิในการทําสิงต่างๆ ต้องรอฟังและทําตามคําสังของผู้ใหญ่เพียงอย่างเดียว ไม่ มีสิทธิคัดค้านหรือข้อโต้แย้งใดๆทังสิน ในขณะทีผู้ชายได้รับการยกย่องว่าเป็นช้างเท้าหน้า เป็นหัวหน้า ครอบครัว ต้องออกไปทํางานเพือหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวนันเอง ดังนันจะเห็นได้ว่าเด็กและสตรีนัน ถูกจํากัดสิทธิมานานแล้วตังแต่ในอดีต ยิงในสังคมปัจจุบันนีก็ยิงถูกจํากัดสิทธิมากขึนจนเรียกได้ว่าเป็นการ “กดขีข่มเหง” ซึงทีเห็นชัดเจนมากทีสุดคือการถูกกดขีข่มเหงในรูปของการใช้“แรงงาน” ทีหนักหนาทารุณ เกินกว่ากําลังทีเด็กและสตรีจะกระทําได้ แม้ว่าจะมีการตรากฎหมายทีระบุข้อห้ามและบทลงโทษไว้ชัดเจน แล้วตามพระราชบัญญัติการใช้แรงงาน พุทธศักราช ๒๕๔๑ ซึงอยู่ในหมวดที ๓ และ ๔ เพือคุ้มครอง ไม่ให้เด็กและสตรีถูกกดขีข่มเหงและแรงงานเยียงทาส แต่ปัญหานีก็ยังไม่หมดไป ซํายังมีแนวโน้มทีจะเพิม จํานวนมากยิงขึนในอนาคตอีกด้วย ดังนันจึงได้ว่าการคุ้มครองแรงงานเด็กและสตรีทีมีการตรากฎหมายเป็นพระราบัญญัติไว้แล้วอย่างดี แต่ในทางปฏิบัตินันได้มีการละเมิดสิทธิของลูกจ้างทีเป็นเด็กและสตรีจํานวนมาก เพราะถึงแม้จะมีการตรา กฎหมายไว้แล้ว แต่นายทุนหรือนายจ้างนันกลับไม่ได้สนใจ คิดแต่ทางทีเพิมผลผลิต เพิมกําไรและยังคง ละเมิดสิทธิแรงงานต่อไป คณะผู้จัดทําจึงอยากให้สังคมไทยหันมาให้ความสําคัญกับเรืองนี เพือทีผู้คน สังคมจะได้มีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกันและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขนันเอง
  • 5. วัตถุประสงค์ของการศึกษา 1. เพือศึกษาปัญหาการแรงงานเด็กและสตรี 2. เพือหาแนวทางป้ องกันและลดการแรงงานเด็กและสตรี 3. เพือฝึกทักษะและกระบวนการทางความคิดและการทํางานร่วมกับผู้อืน ประโยชน์ทีได้รับ 1. ทําให้ทราบถึงองค์ความรู้เกียวกับปัญหาการแรงงานเด็กและสตรี 2. สามารถหาแนวทางป้ องกันและลดการแรงงานเด็กและสตรีได้ 3. ได้ฝึกทักษะและกระบวนการทางความคิดและการทํางานร่วมกับผู้อืน การรวบรวมสรุปข้อมูลทีได้จากการค้นคว้า จากการศึกษาค้นคว้าพบว่าตลาดแรงงานในปัจจุบันมีความต้องการด้านแรงงานเพิมมากขึนจาก ภาวะเศรษฐกิจแบบทุนนิยมทีขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทําให้นายทุนหรือนายจ้างต้องหันมาจ้างลูกจ้างซึงเป็น แรงงานเด็กและสตรี เพือให้สามารถมีแรงงานทีเพียงพอต่อกําลังการผลิตสินค้าทีเพิมจํานวนมากขึน เพราะ หากจะเครืองจักรในการทํางานก็จะใช้ต้นทุนทีสูงจนเกินไป อาจทําให้ได้กําไรทีน้อยลงหรือเสียงต่อการ ขาดทุนและงานบางประเภท เช่น งานหัตถกรรม ก็จําเป็นต้องแรงงานทีเป็นคนเท่านัน เมือวิเคราะห์ข้อมูลจากการตอบแบบสํารวจความคิดเห็นเรือง“ความคิดเห็นต่อปัญหาการใช้แรงงาน เด็กและสตรี” ของนักเรียนชันมัธยมศึกษาปีที 4 โรงเรียนบ้านดุงวิทยา สามารถสรุปได้ว่า เรืองทีนักเรียน เห็นด้วยมากทีสุดโดยเรียงลําดับจากมากไปน้อย คือ แรงงานเด็กและสตรีมักถูกกดขีข่มเหงมากกกว่า แรงงานทีเป็นชาย ซึงนักเรียนได้ตอบว่าเห็นด้วยมากทีสุดถึงร้อยละ 83.63 ตามมาด้วยการพบเห็นเด็กและ สตรีทํางานในทีทีเสียงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศ เช่น คลับ ผับ บาร์ ร้านเหล้า ลฯล ซึงนักเรียนได้ ตอบว่าเห็นด้วยมากทีสุดร้อยละ 80.90 พบเห็นเด็กทีมีอายุตํากว่า 18 ปีบริบูรณ์ทํางานหนัก เช่นงาน ก่อสร้าง แบกหาม ลฯล ซึงนักเรียนได้ตอบว่าเห็นด้วยมากทีสุดร้อยละ 74.54 พบเห็นผู้หญิงทํางานทีเสียง อันตราย เช่น ปีนนังร้าน เชือมเหล็ก ลฯล ซึงนักเรียนได้ตอบว่าเห็นด้วยมากทีสุดร้อยละ 17.72 และ สุดท้ายคือ พบเห็นผู้หญิงมีครรภ์ทํางานทีเสียงอันตรายต่อครรภ์ เช่น ยกของหนัก งานก่อสร้าง ลฯล ซึง นักเรียนได้ตอบว่าเห็นด้วยมากทีสุดร้อยละ 14.54 ส่วนในเรืองของการแก้ไขปัญหา เรืองทีนักเรียนเห็น ด้วยมากทีสุดโดยเรียงลําดับจากมากไปน้อย คือ ต้องการให้หน่วยงานทีเกียวข้องจัดหางานทีเหมาะสม ให้แก่เด็กและสตรี เพือลดปัญหาการถูกกดขีจากนายจ้างและอยากให้ทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชนควรร่วมมือกันป้ องกันและแก้ไขปัญหาการแรงงานเด็กและสตรี ซึงนักเรียน
  • 6. ได้ตอบว่าเห็นด้วยมากทีสุดถึงร้อยละ 100 ต่อมาคือต้องการให้เพิมบทลงโทษสําหรับผู้ทีละเมิดสิทธิของ แรงงาน ซึงนักเรียนได้ตอบว่าเห็นด้วยมากทีสุดร้อยละ 99.09 ต้องการให้มีหน่วยงานทีคุ้มครองปัญหาการ แรงงานโดยเฉพาะ ซึงนักเรียนได้ตอบว่าเห็นด้วยมากทีสุดร้อยละ 98.18 และได้เห็นว่าปัญหาการแรงงาน เด็กและสตรีเป็นปัญหาทียังหาทางออกไม่ได้ ซึงนักเรียนได้ตอบว่าเห็นด้วยมากทีสุดร้อยละ 94.54 ดังนันจะเห็นได้ว่าปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรีจึงถือเป็นอีกหนึงปัญหาภาครัฐควรแก้ไขอย่าง จริงจัง เพราะการทีปัญหานีมีจํานวนมากขึนในทุกๆปีก็เป็นผลมาจากการทีกฎหมายยังไม่ถูกนํามาปฏิบัติ อย่างเคร่งครัดและยังไม่เผยแพร่ให้ประชาชนได้ทราบเท่าทีควรจึงทําให้เกิดการกระทําทีผิดกฎหมายทังที ตังใจและไม่ตังใจนันเอง ดังนันทุกภาคส่วนควรร่วมมือกันป้ องกันและไข รวมถึงประชาชนทุกคนปฏิบัติ ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ก็จะไม่เกิดการเบียดเบียนและเอารัดเอาเปรียบซึงกันและกัน ทุกๆคนก็จะอยู่ ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข
  • 7. สรุปข้อมูลจากแบบสอบถาม ขนาดของกลุ่มตัวอย่าง นักเรียนมัธยมศึกษาปีที 4 มีทังหมด 439 คน คิดเป็นกลุ่มตัวอย่างอย่างน้อย 25%439 ×25 = 109.75 แจกแบบสอบถามไป จํานวน 110 ชุด ได้รับแบบสอบถามกลับมา 110 ชุด คิดเป็น 100 % จากการให้นักเรียนมัธยมศึกษาปีที 4 ปีการศึกษา 2558โรงเรียนบ้านดุงวิทยา อําเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ตอบแบบสอบถามความคิดเห็น พบว่า ส่วนที 1 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม 1. เพศ ชาย : 57 คน คิดเป็นร้อยละ 51.81 หญิง : 53 คน คิดเป็นร้อยละ 48.18 รวม จํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100 2. แผนการเรียน วิทย์-คณิต : 55 คน คิดเป็นร้อยละ 50 คณิต-ภาษา : 27 คน คิดเป็นร้อยละ 24.54 ภาษา-สังคม : 19 คน คิดเป็นร้อยละ 17.27 วิทย์-คณิต-เทคโน : 9 คน คิดเป็นร้อยละ 8.18 รวม จํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ส่วนที 2 ข้อมูลเบืองต้นเกียวกับปัญหาการใช้แรงงานเด็ก 1. ปัจจุบันท่านได้รับข่าวสารเกียวกับเรืองการใช้แรงงานเด็กและสตรีจากแหล่งข้อมูลใด 1.1 โทรทัศน์ : 22 คน คิดเป็นร้อยละ 20 1.2 วิทยุ : 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.90 1.3 อินเตอร์เน็ต : 31 คน คิดเป็นร้อยละ 28.18 1.4 โทรศัพท์มือถือ : 25 คน คิดเป็นร้อยละ 22.72
  • 8. 1.5 หนังสือพิมพ์ : 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 1.6 ป้ ายรณรงค์ : 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 1.7 โซเชียลเน็ตเวิร์ค (เช่น เฟซบุ๊ค,ไลน์) : 31 คน คิดเป็นร้อยละ 28.18 1.8 อืนๆ : 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 รวม จํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100 2. ท่านคิดว่าเด็กและสตรีควรได้รับสิทธิและเสรีภาพเทียบเท่าคนอืนๆในสังคมหรือไม่ 2.1 ควร : 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100 2.2 ไม่ควร : 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 รวม จํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100 3. ท่านต้องการให้ปัญหาการใช้แรงงานเด็กได้รับการแก้ไขหรือไม่ 3.1 ต้องการ : 109 คน คิดเป็นร้อยละ 99.09 3.2 ไม่ต้องการ : 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 3.3 ไม่มีความคิดเห็น : 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.90 รวม จํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100 4. ท่านคิดว่าปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรีมีความสําคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศหรือไม่ 4.1 สําคัญมาก : 104 คน คิดเป็นร้อยละ 94.54 4.2 ไม่สําคัญเลย : 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 4.3 อาจจะสําคัญหรือไม่สําคัญก็ได้ : 6 คน คิดเป็นร้อยละ 5.45 รวม จํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100
  • 9. ส่วนที 3 ตารางแบบสํารวจความคิดเห็น จากการให้นักเรียนมัธยมศึกษาปีที 4 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนบ้านดุงวิทยา อําเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ตอบแบบสํารวจความคิดเห็น พบว่า ปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี 1) แรงงานเด็กและสตรีมักถูกกดขีข่มเหงมากกกว่าแรงงานทีเป็นชาย ผู้ตอบแบบสอบถาม เห็นด้วยมากทีสุดจํานวน 92 คน คิดเป็นร้อยละ 83.63 คิดเป็นค่าเฉลียเท่ากับ 3.5 เห็นด้วย มากจํานวน 16 คน คิดเป็นร้อยละ 14.54 เห็นด้วยน้อยจํานวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 1.81 และเห็นด้วยน้อยทีสุดจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 ซึงคิดเป็นค่าเฉลียได้เท่ากับ 3.5 2) พบเห็นเด็กทีมีอายุตํากว่า 18 ปีบริบูรณ์ทํางานหนัก เช่นงานก่อสร้าง แบกหาม ลฯล ผู้ตอบ แบบสอบถามเห็นด้วยมากทีสุดจํานวน 82 คน คิดเป็นร้อยละ 74.54 เห็นด้วยมากจํานวน 21 คน คิดเป็นร้อยละ 19.09 เห็นด้วยน้อยจํานวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 6.36 และเห็นด้วยน้อย ทีสุดจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 ซึงคิดเป็นค่าเฉลียได้เท่ากับ 3.35 3) พบเห็นผู้หญิงทํางานทีเสียงอันตราย เช่น ปีนนังร้าน เชือมเหล็ก ลฯล ผู้ตอบแบบสอบถาม เห็นด้วยมากทีสุดจํานวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 17.72 เห็นด้วยมากจํานวน 87 คน คิดเป็น ร้อยละ 79.09 เห็นด้วยน้อยจํานวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 8.18 และเห็นด้วยน้อยทีสุดจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 ซึงคิดเป็นค่าเฉลียได้เท่ากับ 2.95 4) พบเห็นผู้หญิงมีครรภ์ทํางานทีเสียงอันตรายต่อครรภ์ เช่น ยกของหนัก งานก่อสร้าง ลฯล ผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วยมากทีสุดจํานวน 16 คน คิดเป็นร้อยละ 14.54 เห็นด้วยมาก จํานวน 32 คน คิดเป็นร้อยละ 29.0 เห็นด้วยน้อยจํานวน 61 คน คิดเป็นร้อยละ 55.45 และ เห็นด้วยน้อยทีสุดจํานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.90 ซึงคิดเป็นค่าเฉลียได้เท่ากับ 1.61 5) พบเห็นเด็กและสตรีทํางานในทีทีเสียงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศ เช่น คลับ ผับ บาร์ ร้าน เหล้า ลฯล ผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วยมากทีสุดจํานวน 89 คน คิดเป็นร้อยละ 80.90 เห็นด้วยมากจํานวน 21 คน คิดเป็นร้อยละ 19.09 เห็นด้วยน้อยจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 และเห็นด้วยน้อยทีสุดจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 ซึงคิดเป็นค่าเฉลียได้เท่ากับ 3.5
  • 10. แนวทางแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี 1) ปัญหาการแรงงานเด็กและสตรีเป็นปัญหาทียังหาทางออกไม่ได้ ผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วย มากทีสุดจํานวน 104 คน คิดเป็นร้อยละ 94.54 เห็นด้วยมากจํานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 5.45 เห็นด้วยน้อยจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 และเห็นด้วยน้อยทีสุดจํานวน 0 คน คิด เป็นร้อยละ 0 ซึงคิดเป็นค่าเฉลียได้เท่ากับ 3.6 2) ต้องการให้หน่วยงานทีเกียวข้องจัดหางานทีเหมาะสมให้แก่เด็กและสตรี เพือลดปัญหาการถูก กดขีจากนายจ้าง ผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วยมากทีสุดจํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100 เห็นด้วยมากจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 เห็นด้วยน้อยจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 และเห็นด้วยน้อยทีสุดจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 ซึงคิดเป็นค่าเฉลียได้เท่ากับ 3.6 3) ต้องการให้มีหน่วยงานทีคุ้มครองปัญหาการแรงงานโดยเฉพาะ ผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วย มากทีสุดจํานวน 108 คน คิดเป็นร้อยละ 98.18 เห็นด้วยมากจํานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.90 เห็นด้วยน้อยจํานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.90 และเห็นด้วยน้อยทีสุดจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 ซึงคิดเป็นค่าเฉลียได้เท่ากับ 3.61 4) ควรเพิมบทลงโทษสําหรับผู้ทีละเมิดสิทธิของแรงงาน ผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วยมากทีสุด จํานวน 109 คน คิดเป็นร้อยละ 99.09 เห็นด้วยมากจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 เห็นด้วยน้อยจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 และเห็นด้วยน้อยทีสุดจํานวน 1 คน คิดเป็น ร้อยละ 0.90 ซึงคิดเป็นค่าเฉลียได้เท่ากับ 3.61 5) ทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชนควรร่วมมือกันป้ องกันและ แก้ไขปัญหาการแรงงานเด็กและสตรี ผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วยมากทีสุดจํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100 เห็นด้วยมากจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 เห็นด้วยน้อยจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 และเห็นด้วยน้อยทีสุดจํานวน 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 ซึงคิดเป็นค่าเฉลียได้ เท่ากับ 3.6
  • 11. ส่วนที 4ข้อเสนอแนะ จากการตอบแบบสํารวจความคิดเห็นของนักเรียนชันมัธยมศึกษาปีที 4 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนบ้านดุงวิทยา อําเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ข้อเสนอแนะส่วนมากนักเรียนส่วนใหญ่เสนอแนะว่า ควรมีการจัดตังศูนย์ช่วยเหลือ ป้ องกันและแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรีภายในชุมชนขึน และ ต้องการให้เพิมบทลงโทษทางกฎหมายแก่นายจ้างผู้ทีกระทําผิดในการใช้แรงงการเด็กและสตรีอย่างทารุณ
  • 12. แบบสํารวจความคิดเห็น เรือง ความคิดเห็นต่อปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี ของนักเรียนโรงเรียนบ้านดุงวิทยา ชันมัธยมศึกษาปีที 4 ปีการศึกษา 2558 ส่วนที 1 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม คําชีแจง กรุณาทําเครืองหมาย ✔ ลงใน  หน้าคําตอบทีตรงกับข้อมูลของท่านมากทีสุด 1. เพศ  ชาย  หญิง 2. แผนการเรียน  วิทย์– คณิตฯ  คณิตฯ-ภาษา  ภาษา – สังคม  วิทย์– คณิตฯ เทคโนฯ ส่วนที 2 ข้อมูลเบืองต้นเกียวกับปัญหาการใช้แรงงานเด็ก คําชีแจง กรุณาทําเครืองหมาย ✔ ลงใน  หน้าคําตอบทีตรงกับความคิดเห็นของท่านมากทีสุด 1. ปัจจุบันท่านได้รับข่าวสารเกียวกับเรืองการใช้แรงงานเด็กและสตรีจากแหล่งข้อมูลใด โทรทัศน์  วิทยุ  อินเตอร์เน็ต  โทรศัพท์มือถือ  หนังสือพิมพ์  ป้ ายรณรงค์  โซเชียลเน็ตเวิร์ค (เช่น เฟซบุ๊ค,ไลน์) อืนๆ 2. ท่านคิดว่าเด็กและสตรีควรได้รับสิทธิและเสรีภาพเทียบเท่าคนอืนๆในสังคมหรือไม่  ควร  ไม่ควร 3. ท่านต้องการให้ปัญหาการใช้แรงงานเด็กได้รับการแก้ไขหรือไม่  ต้องการ  ไม่ต้องการ ไม่มีความคิดเห็น 4. ท่านคิดว่าปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรีมีความสําคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศหรือไม่  สําคัญมาก  ไม่สําคัญเลย  อาจจะสําคัญหรือไม่สําคัญก็ได้ ตอนที 3 ข้อมูลเกียวกับปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรีและแนวทางการแก้ไข คําชีแจง กรุณาทําเครืองหมาย ลงในช่องทีตรงกับความรู้สึก / ความคิดเห็นของท่านมากทีสุด
  • 13. ปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี มากทีสุด 4 มาก 3 น้อย 2 น้อยทีสุด 1 1. แรงงานเด็กและสตรีมักถูกกดขีข่มเหงมากกกว่าแรงงานทีเป็นชาย 2. พบเห็นเด็กทีมีอายุตํากว่า 18 ปีบริบูรณ์ทํางานหนัก เช่นงานก่อสร้าง แบกหาม ลฯล 3. พบเห็นผู้หญิงทํางานทีเสียงอันตราย เช่น ปีนนังร้าน เชือมเหล็ก ลฯล 4. พบเห็นผู้หญิงมีครรภ์ทํางานทีเสียงอันตรายต่อครรภ์ เช่น ยกของหนัก งานก่อสร้าง ลฯล 5. พบเห็นเด็กและสตรีทํางานในทีทีเสียงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศ เช่น คลับ ผับ บาร์ ร้านเหล้า ลฯล แนวทางแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี มากทีสุด 4 มาก 3 น้อย 2 น้อยทีสุด 1 1. ปัญหาการแรงงานเด็กและสตรีเป็นปัญหาทียังหาทางออกไม่ได้ 2. ต้องการให้หน่วยงานทีเกียวข้องจัดหางานทีเหมาะสมให้แก่เด็กและสตรี เพือลดปัญหาการถูกกดขีจากนายจ้าง 3. ต้องการให้มีหน่วยงานทีคุ้มครองปัญหาการแรงงานโดยเฉพาะ 4. ควรเพิมบทลงโทษสําหรับผู้ทีละเมิดสิทธิของแรงงาน 5. ทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชนควร ร่วมมือกันป้ องกันและแก้ไขปัญหาการแรงงานเด็กและสตรี ข้อเสนอแนะ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ขอบคุณทีร่วมแสดงความคิดเห็นค่ะ นักเรียนชันมัธยมศึกษาปีที 6/1
  • 14. การกําหนดระดับค่าเฉลียต่อการแปลความหมายจัดอันดับ ระดับค่าเฉลีย 3.50 - 4.00 หมายถึง มากทีสุด ระดับค่าเฉลีย 2.50 - 3.49 หมายถึง มาก ระดับค่าเฉลีย 1.50 - 2.49 หมายถึง ปานกลาง ระดับค่าเฉลีย 1.00 - 1.49 หมายถึง น้อย
  • 15. บรรณานุกรม ตัวอย่างแบบสอบถามเรืองปัญหาการแรงงานเด็ก สืบค้นวันที 22 มกราคม 2559 เข้าถึงได้ที https:// library.cmu.ac.th ตัวอย่างแบบสอบถามเรืองปัญหาการแรงงานสตรี สืบค้นวันที 22 มกราคม 2559 เข้าถึงได้ที https:// www.labour.go.th/th/webimage ตัวอย่างงานวิจัยเกียวกับปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี สืบค้นวันที 22 มกราคม 2559 เข้าถึงได้ ที www.notforsale.in.th/autopagev4 ตัวอย่างงานวิจัยสิทธิและเสรีภาพของแรงงาน สืบค้นวันที 22 มกราคม 2559 เข้าถึงได้ที https://www.m-society.go.th ปัจจัยทีมีผลต่อการเลือกใช้แรงงานเด็ก สืบค้นวันที 22 มกราคม 2559 เข้าถึงได้ที https://www.tls.labour.go.th การศึกษาวิจัยเรืองแนวทางการแก้ไขปัญหาการแรงงานเด็กและสตรี สืบค้นวันที 22 มกราคม 2559 เข้าถึงได้ที www2.nkc.kku.ac.th
  • 17. โครงร่างการศึกษา ชือเรือง : การศึกษาปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี สาระการเรียนรู้/วิชา : การงานอาชีพและเทคโนโลยี/การสือสารและการนําเสนอ (IS2) จัดทําโดย : นางสาวจิราพร อินทะศรี นางสาวลลิตา บุญฤทธิ นางสาววชิรา ชูรัตน์ นางสาววนิลดาฐ์ รู้จริง นางสาวสุนันทา ฝุ่นเงิน ชันมัธยมศึกษาปีที 6/1
  • 18. ความเป็นมาและความสําคัญ สังคมไทยในปัจจุบันถือได้ว่าเป็นสังคมแห่งทุนนิยม ทุกสิงทุกอย่างล้วนมีแต่การแข่งขัน โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจและอุตสาหกรรม ปัจจัยหนึงทีสําคัญทีเกียวข้องกับระบบเศรษฐกิจแบบ ทุนนิยมทีเห็นได้อย่างชัดเจนคือ “แรงงาน” ซึงแรงงานทีกล่าวถึงนีคือแรงงานจากมนุษย์หรือประชากร ภายในสังคมไทยนันเอง เมือระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมนีมีความเจริญก้าวหน้ามากขึนเรือยๆก็ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัว ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในด้านธุรกิจและอุตสาหกรรม เมืออุตสาหกรรมขยายตัวก็เกิดความต้องการการ ผลิตทีเพิมมากยิงขึนเช่นกัน ซึงโดยพืนฐานการประกอบอาชีพของชาวไทยส่วนใหญ่เป็นอาชีพเกียวกับ การเกษตร แต่เมือมีโรงงานทีเกิดขึนมากมายตามสภาพเศรษฐกิจ จึงทําให้คนส่วนมากอพยพจากบ้านเกิด เพือมาทํามาหากินในเมืองกรุง ซึงก็หนีไม่พ้นการเป็นลูกจ้างทํางานในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ แต่สิงที มักตามมาก็คือปัญหาการแรงงานเด็กและสตรีทีเกิดขึนกันมาอย่างช้านานไม่ว่าจะเป็นยุคใดสมัยใดก็ตาม เพราะในอดีตผู้หญิงมักจะถูกปลูกฝังว่าให้อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน คอยทํางานบ้านและปรนนิบัติรับใช้สามี ส่วนเด็กๆก็มักจะถูกจํากับสิทธิในการทําสิงต่างๆ ต้องรอฟังและทําตามคําสังของผู้ใหญ่เพียงอย่างเดียว ไม่ มีสิทธิคัดค้านหรือข้อโต้แย้งใดๆทังสิน ในขณะทีผู้ชายได้รับการยกย่องว่าเป็นช้างเท้าหน้า เป็นหัวหน้า ครอบครัว ต้องออกไปทํางานเพือหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวนันเอง ดังนันจะเห็นได้ว่าเด็กและสตรีนัน ถูกจํากัดสิทธิมานานแล้วตังแต่ในอดีต ยิงในสังคมปัจจุบันนีก็ยิงถูกจํากัดสิทธิมากขึนจนเรียกได้ว่าเป็นการ “กดขีข่มเหง” ซึงทีเห็นชัดเจนมากทีสุดคือการถูกกดขีข่มเหงในรูปของการใช้“แรงงาน” ทีหนักหนาทารุณ เกินกว่ากําลังทีเด็กและสตรีจะกระทําได้ แม้ว่าจะมีการตรากฎหมายทีระบุข้อห้ามและบทลงโทษไว้ชัดเจน แล้วตามพระราชบัญญัติการใช้แรงงาน พุทธศักราช ๒๕๔๑ ซึงอยู่ในหมวดที ๓ และ ๔ เพือคุ้มครอง ไม่ให้เด็กและสตรีถูกกดขีข่มเหงและแรงงานเยียงทาส แต่ปัญหานีก็ยังไม่หมดไป ซํายังมีแนวโน้มทีจะเพิม จํานวนมากยิงขึนในอนาคตอีกด้วย ดังนันจึงได้ว่าการคุ้มครองแรงงานเด็กและสตรีทีมีการตรากฎหมายเป็นพระราบัญญัติไว้แล้วอย่างดี แต่ในทางปฏิบัตินันได้มีการละเมิดสิทธิของลูกจ้างทีเป็นเด็กและสตรีจํานวนมาก เพราะถึงแม้จะมีการตรา กฎหมายไว้แล้ว แต่นายทุนหรือนายจ้างนันกลับไม่ได้สนใจ คิดแต่ทางทีเพิมผลผลิต เพิมกําไรและยังคง ละเมิดสิทธิแรงงานต่อไป คณะผู้จัดทําจึงอยากให้สังคมไทยหันมาให้ความสําคัญกับเรืองนี เพือทีผู้คน สังคมจะได้มีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกันและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขนันเอง
  • 19. วัตถุประสงค์ของการศึกษา 4. เพือศึกษาปัญหาการแรงงานเด็กและสตรี 5. เพือหาแนวทางป้ องกันและลดการแรงงานเด็กและสตรี 6. เพือฝึกทักษะและกระบวนการทางความคิดและการทํางานร่วมกับผู้อืน ประโยชน์ทีได้รับ 4. ทําให้ทราบถึงองค์ความรู้เกียวกับปัญหาการแรงงานเด็กและสตรี 5. สามารถหาแนวทางป้ องกันและลดการแรงงานเด็กและสตรีได้ 6. ได้ฝึกทักษะและกระบวนการทางความคิดและการทํางานร่วมกับผู้อืน การรวบรวมสรุปข้อมูลทีได้จากการค้นคว้า จากการศึกษาค้นคว้าพบว่าตลาดแรงงานในปัจจุบันมีความต้องการด้านแรงงานเพิมมากขึนจาก ภาวะเศรษฐกิจแบบทุนนิยมทีขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทําให้นายทุนหรือนายจ้างต้องหันมาจ้างลูกจ้างซึงเป็น แรงงานสตรีและเด็ก เพือให้สามารถมีแรงงานทีเพียงพอต่อกําลังการผลิตสินค้าทีเพิมจํานวนมากขึน เพราะ หากจะเครืองจักรในการทํางานก็จะใช้ต้นทุนทีสูงจนเกินไป อาจทําให้ได้กําไรทีน้อยลงหรือเสียงต่อการ ขาดทุนและงานบางประเภท เช่น งานหัตถกรรม ก็จําเป็นต้องแรงงานทีเป็นคนเท่านัน เมือนายทุนต้องการเร่งผลิตสินค้าและหวังกําไรมากๆ ก็ทําให้เกิดปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี ทีเกินกว่าระยะเวลาทีกําหนดตามกฎหมาย ทังนีก็ขึนอยู่กับความสมัครใจของลูกจ้างว่าต้องการทํางาน ล่วงเวลาหรือไม่ แต่ก็มีแรงงานจํานวนไม่ต้องทีถูกบังคับจากนายจ้างให้ทํางานหนักกว่าปกติ ทํางานเกิน เวลา โดยให้เหตุผลว่าหากไม่ทําจะถูกตัดเงินเดือน ซึงถือว่าการกระทํานีเป็นการกระทําทีไร้ซึงคุณธรรม จริยธรรม รวมไปถึงการละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลทีพึงมีความเสมอภาคเท่าเทียมกันอีกด้วย ปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรีจึงถือเป็นอีกหนึงปัญหาภาครัฐควรแก้ไขอย่างจริงจัง เพราะการ ทีปัญหานีมีจํานวนมากขึนในทุกๆปีก็เป็นผลมาจากการทีกฎหมายยังไม่ถูกนํามาปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและยัง ไม่เผยแพร่ให้ประชาชนได้ทราบเท่าทีควรจึงทําให้เกิดการกระทําทีผิดกฎหมายทังทีตังใจและไม่ตังใจ นันเอง ดังนันทุกภาคส่วนควรร่วมมือกันป้ องกันและไข รวมถึงประชาชนทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายอย่าง เคร่งครัด ก็จะไม่เกิดการเบียดเบียนและเอารัดเอาเปรียบซึงกันและกัน ทุกๆคนก็จะอยู่ร่วมกันในสังคมอย่าง สงบสุข
  • 20. ปฏิทินการปฏิบัติงาน ชือเรืองทีศึกษา : การศึกษาปัญหาการแรงงานและสตรี ภาคเรียนที 1 ปีการศึกษา 2558 ลําดับที รายละเอียดการปฏิบัติงาน เดือนทีปฏิบัติ ผู้รับผิดชอบงาน 1 เขียนโครงร่างการเขียนรายงาน พ.ย. 2558 คณะผู้จัดทํา 2 สรุปความรู้ทีได้จากภาคเรียนที 1 ธ.ค. 2558 คณะผู้จัดทํา 3 ออกแบบรูปแบบการเก็บข้อมูลในภาคเรียนที 2 (แบบสอบถาม) ธ.ค. 2558 คณะผู้จัดทํา 4 กําหนดกลุ่มตัวอย่างทีจะเก็บข้อมูล ม.ค. 2559 คณะผู้จัดทํา 5 กําหนดค่าสถิติต่างๆ เกณฑ์การให้คะแนนและ การแปลผลคะแนน ม.ค. 2559 คณะผู้จัดทํา 6 สรุปและวิเคราะห์ข้อมูลทีได้จากการแปลความ เพือนํามาเขียนรายงาน ก.พ. 2559 คณะผู้จัดทํา 7 นําเสนอผลงานในรูปแบบต่างๆ (เช่น โปรแกรม นําเสนอ วีดีโอ อินเตอร์เน็ต) ก.พ. 2559 คณะผู้จัดทํา
  • 21. แบบสํารวจความคิดเห็น เรือง ความคิดเห็นต่อปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี ของนักเรียนโรงเรียนบ้านดุงวิทยา ชันมัธยมศึกษาปีที 4 ปีการศึกษา 2558 ส่วนที 1 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม คําชีแจง กรุณาทําเครืองหมาย ✔ ลงใน  หน้าคําตอบทีตรงกับข้อมูลของท่านมากทีสุด 1. เพศ  ชาย  หญิง 2. แผนการเรียน  วิทย์– คณิตฯ  คณิตฯ-ภาษา  ภาษา – สังคม  วิทย์– คณิตฯ เทคโนฯ ส่วนที 2 ข้อมูลเบืองต้นเกียวกับปัญหาการใช้แรงงานเด็ก คําชีแจง กรุณาทําเครืองหมาย ✔ ลงใน  หน้าคําตอบทีตรงกับความคิดเห็นของท่านมากทีสุด 1. ปัจจุบันท่านได้รับข่าวสารเกียวกับเรืองการใช้แรงงานเด็กและสตรีจากแหล่งข้อมูลใด โทรทัศน์  วิทยุ  อินเตอร์เน็ต  โทรศัพท์มือถือ  หนังสือพิมพ์  ป้ ายรณรงค์  โซเชียลเน็ตเวิร์ค (เช่น เฟซบุ๊ค,ไลน์) อืนๆ 2. ท่านคิดว่าเด็กและสตรีควรได้รับสิทธิและเสรีภาพเทียบเท่าคนอืนๆในสังคมหรือไม่  ควร  ไม่ควร 3. ท่านต้องการให้ปัญหาการใช้แรงงานเด็กได้รับการแก้ไขหรือไม่  ต้องการ  ไม่ต้องการ ไม่มีความคิดเห็น 4. ท่านคิดว่าปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรีมีความสําคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศหรือไม่  สําคัญมาก  ไม่สําคัญเลย  อาจจะสําคัญหรือไม่สําคัญก็ได้
  • 22. ตอนที 3 ข้อมูลเกียวกับปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรีและแนวทางการแก้ไข คําชีแจง กรุณาทําเครืองหมาย ลงในช่องทีตรงกับความรู้สึก / ความคิดเห็นของท่านมากทีสุด ปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี มากทีสุด 4 มาก 3 น้อย 2 น้อยทีสุด 1 1. แรงงานเด็กและสตรีมักถูกกดขีข่มเหงมากกกว่าแรงงานทีเป็นชาย 2. พบเห็นเด็กทีมีอายุตํากว่า 18 ปีบริบูรณ์ทํางานหนัก เช่นงานก่อสร้าง แบกหาม ลฯล 3. พบเห็นผู้หญิงทํางานทีเสียงอันตราย เช่น ปีนนังร้าน เชือมเหล็ก ลฯล 4. พบเห็นผู้หญิงมีครรภ์ทํางานทีเสียงอันตรายต่อครรภ์ เช่น ยกของหนัก งานก่อสร้าง ลฯล 5. พบเห็นเด็กและสตรีทํางานในทีทีเสียงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศ เช่น คลับ ผับ บาร์ ร้านเหล้า ลฯล แนวทางแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี มากทีสุด 4 มาก 3 น้อย 2 น้อยทีสุด 1 1. ปัญหาการแรงงานเด็กและสตรีเป็นปัญหาทียังหาทางออกไม่ได้ 2. ต้องการให้หน่วยงานทีเกียวข้องจัดหางานทีเหมาะสมให้แก่เด็กและสตรี เพือลดปัญหาการถูกกดขีจากนายจ้าง 3. ต้องการให้มีหน่วยงานทีคุ้มครองปัญหาการแรงงานโดยเฉพาะ 4. ควรเพิมบทลงโทษสําหรับผู้ทีละเมิดสิทธิของแรงงาน 5. ทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชนควร ร่วมมือกันป้ องกันและแก้ไขปัญหาการแรงงานเด็กและสตรี ข้อเสนอแนะ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... สรุปค่าร้อยละจากข้อมูลแบบสอบถาม ขอบคุณทีร่วมแสดงความคิดเห็นค่ะ นักเรียนชันมัธยมศึกษาปีที 6/1
  • 23. ส่วนที 1 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม 1. เพศ ชาย : คิดเป็นร้อยละ 51.81 หญิง : คิดเป็นร้อยละ 48.18 รวม จํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100 2. แผนการเรียน วิทย์-คณิต : คิดเป็นร้อยละ 50 คณิต-ภาษา : คิดเป็นร้อยละ 24.54 ภาษา-สังคม : คิดเป็นร้อยละ 17.27 วิทย์-คณิต-เทคโน : คิดเป็นร้อยละ 8.18 รวม จํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ส่วนที 2 ข้อมูลเบืองต้นเกียวกับปัญหาการใช้แรงงานเด็ก 1. ปัจจุบันท่านได้รับข่าวสารเกียวกับเรืองการใช้แรงงานเด็กและสตรีจากแหล่งข้อมูลใด 1.1 โทรทัศน์ : คิดเป็นร้อยละ 20 1.2 วิทยุ : คิดเป็นร้อยละ 0.90 1.3 อินเตอร์เน็ต : คิดเป็นร้อยละ 28.18 1.4 โทรศัพท์มือถือ : คิดเป็นร้อยละ 22.72 1.5 หนังสือพิมพ์ : คิดเป็นร้อยละ 0 1.6 ป้ ายรณรงค์ : คิดเป็นร้อยละ 0 1.7 โซเชียลเน็ตเวิร์ค (เช่น เฟซบุ๊ค,ไลน์) : คิดเป็นร้อยละ 28.18 1.8 อืนๆ : คิดเป็นร้อยละ 0 รวม จํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100
  • 24. 2. ท่านคิดว่าเด็กและสตรีควรได้รับสิทธิและเสรีภาพเทียบเท่าคนอืนๆในสังคมหรือไม่ 2.1 ควร : คิดเป็นร้อยละ 100 2.2 ไม่ควร : คิดเป็นร้อยละ 0 รวม จํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100 3. ท่านต้องการให้ปัญหาการใช้แรงงานเด็กได้รับการแก้ไขหรือไม่ 3.1 ต้องการ : คิดเป็นร้อยละ 99.09 3.2 ไม่ต้องการ : คิดเป็นร้อยละ 0 3.3 ไม่มีความคิดเห็น : คิดเป็นร้อยละ 0.90 รวม จํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100 4. ท่านคิดว่าปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรีมีความสําคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศหรือไม่ 4.1 สําคัญมาก : 104 คน คิดเป็นร้อยละ 94.54 4.2 ไม่สําคัญเลย : 0 คน คิดเป็นร้อยละ 0 4.3 อาจจะสําคัญหรือไม่สําคัญก็ได้ : คิดเป็นร้อยละ 5.45 รวม จํานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 100
  • 25. ตอนที 3 ตารางสอบถามความคิดเห็น ระดับการประเมิน ค่าเฉลีย ปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี มากทีสุด 4 มาก 3 น้อย 2 น้อยทีสุด 1 1. แรงงานเด็กและสตรีมักถูกกดขีข่มเหงมากกกว่า แรงงานทีเป็นชาย 83.63 14.54 1.81 0 3.5 2. พบเห็นเด็กทีมีอายุตํากว่า 18 ปีบริบูรณ์ทํางาน หนัก เช่นงานก่อสร้าง แบกหาม ลฯล 74.54 19.09 6.36 0 3.35 3. พบเห็นผู้หญิงทํางานทีเสียงอันตราย เช่น ปีน นังร้าน เชือมเหล็ก ลฯล 17.72 79.09 8.18 0 2.95 4. พบเห็นผู้หญิงมีครรภ์ทํางานทีเสียงอันตรายต่อ ครรภ์ เช่น ยกของหนัก งานก่อสร้าง ลฯล 14.54 29.0 55.45 0.90 1.61 5. พบเห็นเด็กและสตรีทํางานในทีทีเสียงต่อการถูก ล่วงละเมิดทางเพศ เช่น คลับ ผับ บาร์ ร้านเหล้า ลฯล 80.90 19.09 0 0 3.5 แนวทางแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรี มากทีสุด 4 มาก 3 น้อย 2 น้อยทีสุด 1 ค่าเฉลีย 1. ปัญหาการแรงงานเด็กและสตรีเป็นปัญหาทียังหา ทางออกไม่ได้ 94.54 5.45 0 0 3.6 2. ต้องการให้หน่วยงานทีเกียวข้องจัดหางานที เหมาะสมให้แก่เด็กและสตรี เพือลดปัญหาการถูกกดขี จากนายจ้าง 100 0 0 0 3.6 3. ต้องการให้มีหน่วยงานทีคุ้มครองปัญหาการ แรงงานโดยเฉพาะ 98.18 0.90 0.90 0 3.61 4. ควรเพิมบทลงโทษสําหรับผู้ทีละเมิดสิทธิของ แรงงาน 99.09 0 0 0.90 3.61 5. ทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชนและ ภาคประชาชนควรร่วมมือกันป้ องกันและแก้ไข ปัญหาการแรงงานเด็กและสตรี 100 0 0 0 3.6