SlideShare a Scribd company logo
1 of 10
Download to read offline
แนวปฏิบัติที่ดี 
ในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน
การนำภาษาอังกฤษไปใช้ในชีวิตประจำวัน 
ทุกวันนี้ เราคงปฏิเสธไม่ได้ที่ภาษาอังกฤษเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันเรา เด็กทุกวันนี้ก็เรียนรู้ 
ภาษาอังกฤษตั้งแต่ชั้นอนุบาล เรียนไปเรื่อย ๆทั้ง grammar และ Conversation เด็กเหล่านี้โชคดีที่เกิดมา 
พร้อมยุคสมัยที่การเรียนการสอนพัฒนาไปไกล และการสื่อสารที่รวดเร็ว สามารถเรียนรู้ได้ง่ายจากสื่อต่าง ๆ 
ไม่ว่าจะเป็น internet, movie, music, newspaper ที่หาได้ง่ายๆ 
แต่ถึงใครบางคนที่ไม่มีโอกาสได้เรียนภาษาอังกฤษในชั้นเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล อย่างผู้เขียนนี้ ก็ 
ยังสามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะศัพท์ต่างๆ เช่น ที่เห็นได้ทุกวัน เช่น หยิบถ้วยชง 
กาแฟ ดูที่เครื่องทำน้ำร้อน หรือกาต้มน้ำ ก็จะเห็นภาษาอังกฤษเขียนไว้ เราก็อ่านและจดจำ ก็ได้คำศัพท์ไป 
แล้ว ตั้งหม้อข้าวหุงข้าว กดปุ่ม เราก็ได้ภาษาอังกฤษไปล่ะหลายศัพท์ ไปซักผ้า กดปุ่มซักผ้า ซึ่งมีปุ่มเยอะแยะ 
มากมาย อ่านไม่ออกก็ถือ dictionary ไปเปิดดูด้วย สงสัยศัพท์ไหนเปิดดู เราก็ได้ภาษาไปแล้ว 
นี่เป็นการแนะนำการเรียนรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ซึ่งเราเกี่ยวข้องด้วยทุกวันอย่างเลี่ยง 
ไม่ได้ บทความถัดไปเราจะมาเรียนภาษาอังกฤษจากสิ่งที่พบเห็น มาศึกษาด้วยแบบง่ายๆ กันค่ะ 
ประโยคภาษาอังกฤษ ใช้ในการทักทายแบบไม่เป็นทางการ 
• Hi ฮ๊าย หวัดดี 
• Hello เฮ็ลโล๊ สวัสดี 
การนำไปใช้ ก็ให้ต่อท้ายด้วยชื่อของคนๆนั้น เช่น 
Hi, Jo. ฮ๊าย โจ หวัดดี โจ 
Hi, Sam. ฮ๊าย แซม หวัดดีแซม 
Hello, Mr. Tom. เฮ็ลโล๊ มิ๊สเตอ ทอม สวัสดีคุณทอม 
Hello, Susan. เฮ็ลโล๊ ซู๊ซัน สวัสดี ซูซาน 
เอาสำนวนเหล่านี้ไปฝึกใช้กัน การเรียนภาษาอังกฤษให้เรียนแบบค่อยเป็นค่อยไป เดี๋ยวภาษาก็จะซึมซับเองโดย 
อัตโนมัติ 
ประโยคภาษาอังกฤษ การทักทายอย่างเป็นทางการ 
Good morning. 
กุด ม๊อนิง 
ดี ตอนเช้า (สวัสดีตอนเช้า) เช้าถึงเที่ยง 
Good afternoon. 
กุด ด๊าฟเทอะนูน 
ดี ตอนบ่าย (สวัสดีตอนบ่าย) บ่ายถึงเย็น
Good evening. 
กุด ด๊ฟนิง 
ดี ตอนเย็น (สวัสดีตอนเย็น) เย็นถึงดึกๆ 
และจดจำให้ได้ว่าคำไหนใช้ตอนไหน 
เวลาเอาไปใช้งานจริงๆ ก็จะตามชื่อบุคคลนั้นๆ เช่น 
Good morning, Mr. John. 
กุด ม๊อนิง มิสเตอะ จอน (สวัสดีตอนเช้าคุณจอน) 
แต่ถ้าเป็นแขกที่เราไม่รู้จัก จะใช้คำว่า sir (เซอ = คุณผู้ชาย) madam (แม๊เดิม = คุณผู้หญิง) เช่น 
Good evening, sir. 
กุด ดี๊ฝนิง เซอะ (สวัสดีครับคุณผู้ชาย) 
Good evening, madam. 
กุด ดี๊ฝนิง แม๊เดิม (สวัสดีครับคุณผู้หญิง) 
ประโยคการถามทุกข์สุข 
ที่ว่า สบายดีไหมนั้นเป็นของอังกฤษโดยแท้เลย เพราะในประเทศอังกฤษอากาศจะแปรปรวน 
เปลี่ยนแปลงได้บ่อยไม่เลือกเวลา ในตอนเช้าอาจมีฝนตก สายมาหน่อยแดดเปรี้ยงๆ ก็ได้ ซึ่งประเทศเขาไม่มี 
ฤดูกาลชัดเจนอย่างบ้านเรา ซึ่งในบ้านเราฝนจะตกหน้าฝน แดดจะร้อนในหน้าร้อน และจะสังเกตเห็นว่าคน 
อังกฤษจะพกร่มติดตัวเป็นนิสัย บ่งบอกให้รู้ว่าอากาศของประเทศเขาเป็นอย่างไร มาดูประโยคที่ใช้ถามทุกข์สุข 
กันเลยครับ มีหลายตัว เอาไว้ใช้งานแค่ตัวสองสามตัวแรกก็พอครับ ทั้งหมดนี้แปลได้ความว่าสบายดีไหม 
ทั้งหมดเลยครับ คำแปลด้านล่างเป็นการแปลจากคำศัพท์นะครับ ส่วนในวงเล็บเป็นการแปลเล่นๆ อย่าไป 
สนใจ 
สำนวนเอาไว้ถาม 
How are you? 
ฮาว วา ยู 
อย่างไร เป็น คุณ (คุณเป็นอย่างไร) 
How are you going? 
ฮาว วา ยู โก๊วิง 
อยางไร คุณ กำลังไป (เป็นมาเป็นไปยังไง) 
How are you doing? 
ฮาว วา ยู ดู๊วิง 
อย่างไร คุณ กำลังทำ (เป็นไง ทำอะไรอยู่) 
How’s it going? 
ฮาว สิท โก๊วิง 
อย่างไร มัน กำลังไป (ชีวิตคุณ กำลังเป็นไปอย่างไร)
How have you been? 
ฮาว แฮฟ ยู บีน 
อย่างไร คุณ อยู่ (คุณเป็นอยู่อย่างไร) อันนี้นานๆเจอกันที 
How’s everything? 
ฮาวส๊ เอฟริธิง 
อย่างไร คือ ทุกอย่าง (ทุกอย่างในชีวิตคุณเป็นอย่างไร) 
สำนวนเอาไว้ตอบว่าสบายดี 
อย่างที่บอกไว้ให้จำเอาสำนวนที่จะนำไปใช้สักสองสามอันก็พอ ที่เหลือก็ศึกษาไว้ เผื่อมีฝรั่งเขามาถามจริง 
สำนวนด้านล่างเป็นการตอบรับคำถามด้านบน ด้านล่างนี้ แปลว่า สบายดี 
I’m fine. 
ไอม ไฟน 
ฉัน สบายดี 
I’m very well. 
ไอม เวริ เวล 
ฉัน มาก สบายดี (ฉันสบายดีมาก) 
I’m good. 
ไอม กุด 
ฉัน ดี (ฉันสบายดี) 
I’m O.K. 
ไอม โอ เค 
ฉัน โอเค 
สำนวนด้านล่างนี้แสดงว่าชีวิตไม่มีอะไรดีขึ้นหรือแย่ลง หรือชีวิตเช่นเดิม 
So so. 
โซ โซ 
งั้น งั้น 
Not too bad. 
น็อท ทู แบด 
ไม่ เกินไป เลวร้าย (ไม่มีอะไรเลยร้าย) 
ส่วนสำนวนด้านล่างนี้เอาไว้ตอบว่าไม่สบาย 
I’m not very well. 
ไอม น็อท เวริ เว็ล 
ฉัน ไม่ มาก สบายดี (ฉันไม่สบายเท่าไหร่หรอก) 
เมื่อบอกว่าไม่สบายก็บอกเขาต่อไปเลยว่าเป็นอะไร ไม่ต้องรอให้เขาถาม 
I’ve got a headache. 
ไอฝ ก็อท อะ เฮดเดค 
ผม มี ปวดหัว (ผมมีอาการปวดหัว)
I’ve got a toothache. 
ไอฝ ก็อท อะ ทุธ เอค 
ผม มี ปวดฟัน (ผมมีอาการปวดฟัน) 
I’ve got a stomachache. 
ไอฝ ก็อท อะ สต๊อมเมิคเอค 
ผม มี ปวดทอง (ผมมีอาการปวดท้อง) 
เอาแค่นี้พอ เยอะไปเดี๋ยวจำไม่ได้ แต่ถ้าจะพูดยาวๆแล้วมีปัญหา ก็ตอบไปเลยว่า I’m fine. เท่านั้นพอ 
การกล่าวลา (Leave Taking) 
หลังจากที่ได้ทักทายกันแล้ว และพูดคุยกันพอหอมปากหอมคอก็ได้เวลาอำลากันแล้ว คำที่ใช้กล่าวลาก็มีเยอะ 
เหมือนกัน จำไว้ใช้งานสักสองสามประโยคก็พอนะครับ 
สำนวนกล่าวลาที่ไม่ระบุเวลา 
Goodbye. 
กุ๊ดบาย (ลาก่อน) 
Bye 
บาย (ลาก่อนเด้อ) 
See you then. 
ซี ยู เด็น (ค่อยเจอกันใหม่) 
See you later. 
ซี ยู เล๊เทอะ (ค่อยเจอกันใหม่) 
สำนวนกล่าวลาที่ระบุเวลา 
ถ้าเรารู้ว่าจะเจอกันอีกครั้งเมื่อไหร่ ก็สามารถใช้สำนวนนี้ได้เลย 
See you….. 
ซี ยู …. (เจอกัน….) 
จะเจอกันตอนไหนก็เติมคำเอาเอง เช่น 
tomorrow ทุม๊อโร (พรุ่งนี้) 
next week เน็กซ วีค (สัปดาห์หน้า) 
next month เน็กซ มันธ (เดือนหน้า) 
next year เน็กซ เยีย (ปีหน้า) 
on Monday (ออน มันเดย์ วันจันทร์) 
on Tuesday (ออน ทิวสเดย์ วันอังคาร) 
และวันอื่นๆที่เหลือ 
อีกสำนวนหนึ่งที่นานๆฝรั่งจะใช้พูดกับคนไทย คือ 
Good day. 
กุ๊ด เดย์ ซึ่งตัดทอนมาจาก
Have a good day. 
แฮฝ ฝะ กุ๊ด เดย์ (ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดี) 
สำนวนเหล่านี้มีเยอะไว้เพื่อศึกษาเท่านั้น เวลาเอาไปใช้งานจริง แค่พูดว่า Goodbye ก็พอแล้วครับ 
การแนะนำตนเอง (Introducing Oneself) 
การแนะนำตนเองเป็นภาษาอังกฤษ ก็ไม่ยากเย็นอะไรนะครับ ให้เริ่มโดยการทักทายก่อนเป็นอันดับแรก แล้ว 
ค่อยบอกว่าเราชื่ออะไร เป็นใคร มาจากไหน และแสดงความยินดีที่ได้รู้จัก แค่นี้ก็พอครับ 
ซึ่งการแนะนำตนเองก็มีแบบง่ายๆเป็นกันเอง และการแนะนำตนเองอย่างเป็นทางการ ซึ่งถ้าเราเป็นนักเรียนก็ 
แนะนำแบบเป็นกันเองก็ได้ ส่วนการ 
แนะนำตนเองอย่างเป็นทางการนั้น สำหรับนักธุรกิจและผู้นำระดับบิ๊กๆ แล้วกัน จำไว้ว่าควรประกอบด้วยสี่ 
ส่วนคือ ทักทาย บอกชื่อ บอกข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อย กล่าวแสดงความรู้สึกดีที่ได้เจอกัน 
การแนะนำตนเองแบบเป็นกันเอง 
Hello. (ทักทาย) 
เฮ็ลโล๊ (สวัสดี) 
My name’s Tongdee. (บอกชื่อ) 
มาย เนมส ทองดี (ผมชื่อทองดี) 
I’m from Thailand. (ข้อมูลเพิ่มเติม) 
ไอม ฟรอม ไท๊แลนด (ผมมาจากประเทศไทย) 
I’m an exchange student. (ข้อมูลเพิ่มเติม) 
ไอม เมิน นิกซเช๊นจ สติ๊วเดินท (ผมเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน) 
Glad to meet you. (แสดงความยินดีที่ได้เจอกัน) 
แกลด ทะ มีท ชู (ดีใจที่ได้เจอกัน) 
การแนะนำตนเองแบบเป็นทางการ 
Good morning. (ทักทาย) 
กุด ม๊อนิง (อรุนสวัสดิ์ครับ) 
May I introduce myself? (ขออนุญาต) 
เม๊ ยาย ยินทระดิ๊วซ มายเซ๊ลฟ (ผมขออนุญาตแนะนำตัวเองนะครับ) 
My name is Somchai Rakdee. (บอกชื่อ) 
มาย เนม มิส สมชาย รักดี (ผมชื่อสมชาย รักดี) 
I’m the marketing manager from ABC company. (ข้อมูลเพิ่มเติม) 
ไอม เดอะ ม๊าคิททิง แม๊นนิจเจอะ ฟรอม เอบีซี คั๊มพะนี (ผมเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดจากบริษัทเอบีซี) 
Nice to meet you. (แสดงความยินดีที่ได้เจอกัน) 
ไนซ ทะ มีท ชู (ยินดีที่ได้รู้จัก)
อีกสำนวนหนึ่งของการขออนุญาตแนะนำตัวคือ 
Let me introduce myself. 
เล็ท มี อินทระดิ๊วซ มายเซ๊ลฟ 
แต่จำไว้ใช้แค่อันเดียวก็พอ ส่วนเป็นใครมาจากไหน ก็ปรับเปลี่ยนกันเอาเองค่ะ 
การแนะนำบุคคลอื่นให้รู้จักกัน 
ประโยคการแนะนำเพื่อนๆ หรือบุคคลอื่นๆให้รู้จักกันก็มีทั้งแบบกันเอง และแบบทางการค่ะ การแนะนำ 
เพื่อนๆเราให้รู้จักกัน ก็ใช้แบบไม่เป็นทางการได้เลย ง่ายดี ส่วนการแนะนำบุคคลที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ มีตำแหน่ง 
หน่อยก็ใช้แบบเป็นทางการนะค่ะ จะได้ดูสุภาพ 
การแนะนำแบบเป็นกันเอง 
สมมติว่าเรารู้จักทั้งแดนและดี แต่สองคนนี้ไม่รู้จักกัน เราสามารถแนะนำได้ว่า 
Dan, this is Dee. Dee, this is Dan. 
แดน ดิส สิส ดี ดี ดิส สิส แดน 
แดน นี่คือดี ดี นี่คือแดน 
เอาแบบนี้แหละง่ายดี 
หลังจากที่แนะนำแล้ว สองคนนี้ต้องแสดงความยินดีที่ได้รู้จักกัน โดยพูดว่า 
Nice to see you. 
ไนซ ทุ ซี ยู หรือจะพูดว่า 
Nice to meet you. 
ไนซ ทุ มีท ชู ก็ได้ สองสำนวนนี้แปลว่า ยินดีที่ได้รู้จัก 
การแนะนำอย่างเป็นทางการ 
ใช้กับผู้หลักผู้ใหญ่ หรือผู้มีตำแหน่งใหญ่โตหน่อย เราแนะนำว่า 
Mr. John, I’d like you to meet Mr. Jo. 
มิสเตอะ จอน ไอด ไลค ยู ทุ มีท มิสเตอะ โจ 
คุณจอห์นครับ ผมอยากให้ท่านรู้จักกับคุณโจครับ 
สองท่านนี้ก็ต้องแสดงความยินดีตามธรรมเนียมโดยพูดสำนวนนี้ทั้งสองท่านเลย ว่า 
How do you do? 
เฮา ดุ ยุ ดู แปลความได้ว่า ยินดีที่ได้รู้จัก นะครับ/ค่ะ 
สำนวนสำหรับการถามชื่อ 
การถามชื่อด้วยสำนวนธรรมดา 
What is your name? 
ว็อท ทิส ยัว เนม แปลว่า อะไรคือชื่อของคุณ สำนวนไทย คือ คุณชื่ออะไรนั่นแหละ 
เวลาตอบก็สามารถตอบได้ว่า
My name is Tom Hank. 
มาย เนม มิส ทอม แฮงค ชื่อของผมคือทอม แฮงค์ หรือ 
I am Tom Hank. 
อาย เยิม ทอม แฮงค ผมคือ ทอม แฮงค์ 
แต่เพื่อเป็นการแสดงความสุภาพเวลาถามให้เติม please ต่อท้ายด้วย เช่น 
What is your name, please? 
ว็อท ทิส ยัว เนม พลีส คุณชื่ออะไรค่ะ/ครับ เวลาตอบก็เหมือนเดิม 
การถามด้วยสำนวนแบบสุภาพ 
การถามชื่อแบบสุภาพมีสองสำนวนที่ใช้กันคือ 
May I have your name? 
เม อาย แฮฝ ยัว เนม 
Could I have your name? 
คุด อาย แฮฝ ยัว เนม 
ส่วนเวลาตอบ ก็ตอบเหมือนกับด้านบน 
สองสำนวนนี้ แปลเป็นไทยๆ คือ ขอทราบชื่อด้วยคะ/ ครับ ก็เอาไปฝึกฝนกันเอาไว้ใช้งาน 
ประโยคภาษาอังกฤษ การถามอายุ 
สำนวนที่ใช้ถาม 
How old are you? 
ฮาว โว๊ล ดา ยู 
จริงๆแล้วประโยคนี้แปลตรงตัวว่า แก่อย่างไร คือ คุณ แต่แปลให้สละสลวยว่า คุณอายุเท่าไหร่ 
สำนวนที่ใช้ตอบ 
I’m twenty years old. 
ไอม เทว็๊นทิ เยีย โอลด 
แปลว่า ฉัน ยี่สิบ ปี แก่ ฟังแล้วขัดหูชอบกล แปลให้สละสลวยแล้วกันว่า ฉันอายุยี่สิบปี 
คำว่า twenty ก็เปลี่ยนเป็นตัวเลขที่เป็นอายุจริงของเรา
ประโยคภาษาอังกฤษ การถามน้ำหนักและส่วนสูง 
การถามน้ำหนักและส่วนสูง ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องที่จะมาคุยเล่น แต่ก็มีบางสถานการณ์ที่ต้องถาม 
เช่น คุณพยาบาลถามคนไข้ การสัมภาษณ์งาน ในกรณีที่ต้องการทราบน้ำหนักส่วนสูงเป็นต้น 
การถามน้ำหนัก 
How much do you weigh? 
ฮาว มัช ดุ ยุ เว๊ (คุณหนักเท่าไหร่) 
I weigh 50 kilograms. 
อาย เว๊ ฟิฟทิ คิ๊เลอะแกรมส (ฉันหนัก 50 กิโลกรัม) 
การถามส่วนสูง 
How tall are you? 
ฮาว ทอล อา ยู (คุณสูงเท่าไหร่) 
I’m 150 centimeters tall. 
ไอม วัน ฮั๊นเดริด ฟิ๊ฟทิ เซ็นทิมี๊เทอส ทอล (ฉันสูง 150 เซนติเมตร) 
ประโยคภาษาอังกฤษ การถามอาชีพ 
ประโยคในการถามอาชีพเป็นภาษาอังกฤษ เอาแบบง่ายๆ 
What do you do? 
ว็อท ดุ ยุ ดู (คุณทำงานอะไร) 
What is your job? 
ว็อท ทิส ยัว จ๊อบ (งานของคุณคืออะไร) 
ส่วนคำตอบก็สามารถตอบได้สองแบบเหมือนกัน คือ 
I’m doctor. 
ไอม อะ ด๊อคเทอะ (ฉันเป็นหมอ) บอกอาชีพไปเลย 
I work in a hospital. 
อาย เวิค คิน อะ ฮ๊อสปิเทิล (ฉันทำงานในโรงพยาบาล) บอกสถานที่ทำงาน 
บอกอาชีพ 
I’m a teacher. (ไอม อะ ทีชเชอะ) ฉันเป็นครู 
I’m a postman. (ไอม อะ โพ๊สเมิน) ฉันเป็นไปรษณีย์ 
I’m a policeman. (ไอม อะ พะลิ๊สเมิน) ฉันเป็นตำรวจ 
I’m a teller. (ไอม อะ เท๊ลเลอะ) ฉันเป็นคนรับจ่ายเงิน
I’m a cook. (ไอม อะ คุก) ฉันเป็นพ่อครัว 
บอกสถานที่ทำงาน 
I work in ABC school. (อาย เวิค คิน เอบีซี สกูล) ฉันทำงานในโรงเรียนเอบีซี 
I work in a post office. (อาย เวิค คิน นะ โพส สตอฟฟิส) ฉันทำงานในสำนักงานไปรษณีย์แห่งหนึ่ง 
I work in a police station. (อาย เวิค คิน อะ พะลิ๊ส สเต๊เชิน) ฉันทำงานในโรงพักแห่งหนึ่ง 
I work in a bank. (อาย เวิค คิน อะ แบ๊งค) ฉันทำงานในธนาคารแห่งหนึ่ง 
I work in a restaurant. (อาย เวิค คิน อะ เร๊สตะรอง) ฉันทำงานในภัตตาคารแห่งหนึ่ง 
การเรียนรู้ภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ โดยใช้สิ่งรอบตัวเรา และเรียนรู้เองได้แบบสบายๆ จากการฝึกพูด 
และฟัง อ่าน เขียน จะทำให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้น และจะซึมซับไปเองในที่สุด หลักการง่ายๆ ค่ะ 
1. ฝึกดู ฟัง และออกเสียง 
2. ฝึกสนทนา กะตัวเองในกระจก หรือเพื่อนๆ 
3. ต้องกล้าที่จะแสดงออกเมื่อเจอบุคคลต่างชาติ ขอความช่วยเหลือจะทำให้เราพัฒนาได้ค่ะ

More Related Content

What's hot

(การเปรียบเทียบขั้นกว่าและขั้นสูงสุด)
(การเปรียบเทียบขั้นกว่าและขั้นสูงสุด)(การเปรียบเทียบขั้นกว่าและขั้นสูงสุด)
(การเปรียบเทียบขั้นกว่าและขั้นสูงสุด)Suraiya Andris
 
Going shopping presentation aj.rey
Going shopping presentation aj.reyGoing shopping presentation aj.rey
Going shopping presentation aj.reyrayzy
 
ตารางธาตุ Periodic Table (ฉบับภาษาไทย)
ตารางธาตุ Periodic Table (ฉบับภาษาไทย)ตารางธาตุ Periodic Table (ฉบับภาษาไทย)
ตารางธาตุ Periodic Table (ฉบับภาษาไทย)Dr.Woravith Chansuvarn
 
การหาคุณภาพเครื่องมือวัดผล
การหาคุณภาพเครื่องมือวัดผลการหาคุณภาพเครื่องมือวัดผล
การหาคุณภาพเครื่องมือวัดผลSuriya Phongsiang
 
การลำเลียงอาหารของพืช
การลำเลียงอาหารของพืชการลำเลียงอาหารของพืช
การลำเลียงอาหารของพืชAnana Anana
 
แผน Listening ม.1 คร งท__3 ผ_าน
แผน Listening ม.1 คร  งท__3 ผ_านแผน Listening ม.1 คร  งท__3 ผ_าน
แผน Listening ม.1 คร งท__3 ผ_านDaraAlice Edu
 
พัฒนาการของอาณาจักรธนบุรี
พัฒนาการของอาณาจักรธนบุรีพัฒนาการของอาณาจักรธนบุรี
พัฒนาการของอาณาจักรธนบุรีพัน พัน
 
Ordering food (in a restaurant)
Ordering food (in a restaurant)Ordering food (in a restaurant)
Ordering food (in a restaurant)iamtrainer
 
ใบความรู้ที่ 1
ใบความรู้ที่ 1ใบความรู้ที่ 1
ใบความรู้ที่ 1Wijitta DevilTeacher
 
แบบฝึกเสริมทักษะ ชุด มาตราตัวสะกด ป4
แบบฝึกเสริมทักษะ ชุด มาตราตัวสะกด ป4แบบฝึกเสริมทักษะ ชุด มาตราตัวสะกด ป4
แบบฝึกเสริมทักษะ ชุด มาตราตัวสะกด ป4Itt Bandhudhara
 
แผนการสอนวิชาภาษาจีน ม.1
แผนการสอนวิชาภาษาจีน ม.1แผนการสอนวิชาภาษาจีน ม.1
แผนการสอนวิชาภาษาจีน ม.1Teacher Sophonnawit
 
ใบความรู้ การเปรียบเทียบพยัญชนะ สระ ภาษาไทบกับภาษาอังกฤษ
ใบความรู้ การเปรียบเทียบพยัญชนะ สระ ภาษาไทบกับภาษาอังกฤษใบความรู้ การเปรียบเทียบพยัญชนะ สระ ภาษาไทบกับภาษาอังกฤษ
ใบความรู้ การเปรียบเทียบพยัญชนะ สระ ภาษาไทบกับภาษาอังกฤษTapanee Sumneanglum
 
คำกล่าวอวยพรวันคล้ายวันเกิด
คำกล่าวอวยพรวันคล้ายวันเกิดคำกล่าวอวยพรวันคล้ายวันเกิด
คำกล่าวอวยพรวันคล้ายวันเกิดA-NKR Ning
 
ใบความรู้เรื่อง การเปรียบเทียบ Comparison
ใบความรู้เรื่อง การเปรียบเทียบ Comparison ใบความรู้เรื่อง การเปรียบเทียบ Comparison
ใบความรู้เรื่อง การเปรียบเทียบ Comparison สมใจ จันสุกสี
 
แบบฝึกเขียน Clothes
แบบฝึกเขียน  Clothesแบบฝึกเขียน  Clothes
แบบฝึกเขียน Clothesjomthab
 
เรื่อง สมดุลเคมีในสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง สมดุลเคมีในสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมเรื่อง สมดุลเคมีในสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง สมดุลเคมีในสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมjariya namwichit
 

What's hot (20)

ปริมาณสัมพันธ์
ปริมาณสัมพันธ์ปริมาณสัมพันธ์
ปริมาณสัมพันธ์
 
(การเปรียบเทียบขั้นกว่าและขั้นสูงสุด)
(การเปรียบเทียบขั้นกว่าและขั้นสูงสุด)(การเปรียบเทียบขั้นกว่าและขั้นสูงสุด)
(การเปรียบเทียบขั้นกว่าและขั้นสูงสุด)
 
Going shopping presentation aj.rey
Going shopping presentation aj.reyGoing shopping presentation aj.rey
Going shopping presentation aj.rey
 
ตารางธาตุ Periodic Table (ฉบับภาษาไทย)
ตารางธาตุ Periodic Table (ฉบับภาษาไทย)ตารางธาตุ Periodic Table (ฉบับภาษาไทย)
ตารางธาตุ Periodic Table (ฉบับภาษาไทย)
 
ปก
ปกปก
ปก
 
อักษรย่อ
อักษรย่ออักษรย่อ
อักษรย่อ
 
การหาคุณภาพเครื่องมือวัดผล
การหาคุณภาพเครื่องมือวัดผลการหาคุณภาพเครื่องมือวัดผล
การหาคุณภาพเครื่องมือวัดผล
 
การลำเลียงอาหารของพืช
การลำเลียงอาหารของพืชการลำเลียงอาหารของพืช
การลำเลียงอาหารของพืช
 
แผน Listening ม.1 คร งท__3 ผ_าน
แผน Listening ม.1 คร  งท__3 ผ_านแผน Listening ม.1 คร  งท__3 ผ_าน
แผน Listening ม.1 คร งท__3 ผ_าน
 
พัฒนาการของอาณาจักรธนบุรี
พัฒนาการของอาณาจักรธนบุรีพัฒนาการของอาณาจักรธนบุรี
พัฒนาการของอาณาจักรธนบุรี
 
Ordering food (in a restaurant)
Ordering food (in a restaurant)Ordering food (in a restaurant)
Ordering food (in a restaurant)
 
ใบความรู้ที่ 1
ใบความรู้ที่ 1ใบความรู้ที่ 1
ใบความรู้ที่ 1
 
แบบฝึกเสริมทักษะ ชุด มาตราตัวสะกด ป4
แบบฝึกเสริมทักษะ ชุด มาตราตัวสะกด ป4แบบฝึกเสริมทักษะ ชุด มาตราตัวสะกด ป4
แบบฝึกเสริมทักษะ ชุด มาตราตัวสะกด ป4
 
แผนการสอนวิชาภาษาจีน ม.1
แผนการสอนวิชาภาษาจีน ม.1แผนการสอนวิชาภาษาจีน ม.1
แผนการสอนวิชาภาษาจีน ม.1
 
ใบความรู้ การเปรียบเทียบพยัญชนะ สระ ภาษาไทบกับภาษาอังกฤษ
ใบความรู้ การเปรียบเทียบพยัญชนะ สระ ภาษาไทบกับภาษาอังกฤษใบความรู้ การเปรียบเทียบพยัญชนะ สระ ภาษาไทบกับภาษาอังกฤษ
ใบความรู้ การเปรียบเทียบพยัญชนะ สระ ภาษาไทบกับภาษาอังกฤษ
 
คำกล่าวอวยพรวันคล้ายวันเกิด
คำกล่าวอวยพรวันคล้ายวันเกิดคำกล่าวอวยพรวันคล้ายวันเกิด
คำกล่าวอวยพรวันคล้ายวันเกิด
 
วิช
วิชวิช
วิช
 
ใบความรู้เรื่อง การเปรียบเทียบ Comparison
ใบความรู้เรื่อง การเปรียบเทียบ Comparison ใบความรู้เรื่อง การเปรียบเทียบ Comparison
ใบความรู้เรื่อง การเปรียบเทียบ Comparison
 
แบบฝึกเขียน Clothes
แบบฝึกเขียน  Clothesแบบฝึกเขียน  Clothes
แบบฝึกเขียน Clothes
 
เรื่อง สมดุลเคมีในสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง สมดุลเคมีในสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมเรื่อง สมดุลเคมีในสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง สมดุลเคมีในสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
 

Viewers also liked

แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ณิชกานต์ แจ้งสว่าง
 
โครงงานหนูชื่ออาเซียน
โครงงานหนูชื่ออาเซียนโครงงานหนูชื่ออาเซียน
โครงงานหนูชื่ออาเซียนJar 'zzJuratip
 
Pronounciation project banamy1
Pronounciation project banamy1Pronounciation project banamy1
Pronounciation project banamy1tassia97
 
โครงงาน
โครงงานโครงงาน
โครงงานkornvipa
 
เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษเทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษsakaratyo
 
โครงงานใบย่านางผง
โครงงานใบย่านางผงโครงงานใบย่านางผง
โครงงานใบย่านางผงChok Ke
 
English project work
English project workEnglish project work
English project workparwaritfast
 
ชื่อโครงการสื่อสารภาษาอังกฤษDoc
ชื่อโครงการสื่อสารภาษาอังกฤษDocชื่อโครงการสื่อสารภาษาอังกฤษDoc
ชื่อโครงการสื่อสารภาษาอังกฤษDocphorntalerng wisungre
 
English project work i nvention
English  project  work  i nventionEnglish  project  work  i nvention
English project work i nventionPrapawarin Hochin
 
โครงงาน Fast food บทที่ 1
โครงงาน Fast food บทที่ 1โครงงาน Fast food บทที่ 1
โครงงาน Fast food บทที่ 1Kkae Rujira
 
แบบฟอร์มโครงงานภาษาอังกฤษ
แบบฟอร์มโครงงานภาษาอังกฤษแบบฟอร์มโครงงานภาษาอังกฤษ
แบบฟอร์มโครงงานภาษาอังกฤษสมใจ จันสุกสี
 
โครงงานภาษาไทยเรื่องนิทาน
โครงงานภาษาไทยเรื่องนิทานโครงงานภาษาไทยเรื่องนิทาน
โครงงานภาษาไทยเรื่องนิทานRawinnipha Joy
 
ตัวอย่างบทคัดย่อ
ตัวอย่างบทคัดย่อตัวอย่างบทคัดย่อ
ตัวอย่างบทคัดย่อsukanya5729
 

Viewers also liked (14)

แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานหนูชื่ออาเซียน
โครงงานหนูชื่ออาเซียนโครงงานหนูชื่ออาเซียน
โครงงานหนูชื่ออาเซียน
 
Pronounciation project banamy1
Pronounciation project banamy1Pronounciation project banamy1
Pronounciation project banamy1
 
โครงงาน
โครงงานโครงงาน
โครงงาน
 
เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษเทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
 
โครงงานใบย่านางผง
โครงงานใบย่านางผงโครงงานใบย่านางผง
โครงงานใบย่านางผง
 
English project work
English project workEnglish project work
English project work
 
ชื่อโครงการสื่อสารภาษาอังกฤษDoc
ชื่อโครงการสื่อสารภาษาอังกฤษDocชื่อโครงการสื่อสารภาษาอังกฤษDoc
ชื่อโครงการสื่อสารภาษาอังกฤษDoc
 
English project work i nvention
English  project  work  i nventionEnglish  project  work  i nvention
English project work i nvention
 
โครงงาน Fast food บทที่ 1
โครงงาน Fast food บทที่ 1โครงงาน Fast food บทที่ 1
โครงงาน Fast food บทที่ 1
 
แบบฟอร์มโครงงานภาษาอังกฤษ
แบบฟอร์มโครงงานภาษาอังกฤษแบบฟอร์มโครงงานภาษาอังกฤษ
แบบฟอร์มโครงงานภาษาอังกฤษ
 
โครงงานภาษาไทยเรื่องนิทาน
โครงงานภาษาไทยเรื่องนิทานโครงงานภาษาไทยเรื่องนิทาน
โครงงานภาษาไทยเรื่องนิทาน
 
โครงงาน Fast Food
โครงงาน Fast Foodโครงงาน Fast Food
โครงงาน Fast Food
 
ตัวอย่างบทคัดย่อ
ตัวอย่างบทคัดย่อตัวอย่างบทคัดย่อ
ตัวอย่างบทคัดย่อ
 

Similar to ภาษาอังกฤษไปใช้ในชีวิตประจำวัน1

คำและสำนวนภาษาอังกฤษ
คำและสำนวนภาษาอังกฤษคำและสำนวนภาษาอังกฤษ
คำและสำนวนภาษาอังกฤษYoo Ni
 
การร้อยเรียงประโยค ครูคุณานนต์
การร้อยเรียงประโยค ครูคุณานนต์การร้อยเรียงประโยค ครูคุณานนต์
การร้อยเรียงประโยค ครูคุณานนต์คุณานนต์ ทองกรด
 
9789740329886
97897403298869789740329886
9789740329886CUPress
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1tangmottmm
 
คำแนะนำการพัฒนาภาษาอังกฤษ
คำแนะนำการพัฒนาภาษาอังกฤษคำแนะนำการพัฒนาภาษาอังกฤษ
คำแนะนำการพัฒนาภาษาอังกฤษMarr Ps
 
Parts of speech
Parts of speechParts of speech
Parts of speechkrupeatie
 
Basic Thai Language Course
Basic Thai Language CourseBasic Thai Language Course
Basic Thai Language Course101_languages
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1Thipa Srichompoo
 
บทที่ 1 nouns.docxแก้ปลายภาค
บทที่ 1 nouns.docxแก้ปลายภาคบทที่ 1 nouns.docxแก้ปลายภาค
บทที่ 1 nouns.docxแก้ปลายภาคKruthai Kidsdee
 

Similar to ภาษาอังกฤษไปใช้ในชีวิตประจำวัน1 (20)

คำและสำนวนภาษาอังกฤษ
คำและสำนวนภาษาอังกฤษคำและสำนวนภาษาอังกฤษ
คำและสำนวนภาษาอังกฤษ
 
การร้อยเรียงประโยค ครูคุณานนต์
การร้อยเรียงประโยค ครูคุณานนต์การร้อยเรียงประโยค ครูคุณานนต์
การร้อยเรียงประโยค ครูคุณานนต์
 
Life style english
Life style englishLife style english
Life style english
 
General English
General EnglishGeneral English
General English
 
9789740329886
97897403298869789740329886
9789740329886
 
Present simple tense
Present simple tensePresent simple tense
Present simple tense
 
Present simple tense
Present simple tensePresent simple tense
Present simple tense
 
Present Simple Tense
Present  Simple  TensePresent  Simple  Tense
Present Simple Tense
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 
Question tag
Question tagQuestion tag
Question tag
 
Greeting1
Greeting1Greeting1
Greeting1
 
คำแนะนำการพัฒนาภาษาอังกฤษ
คำแนะนำการพัฒนาภาษาอังกฤษคำแนะนำการพัฒนาภาษาอังกฤษ
คำแนะนำการพัฒนาภาษาอังกฤษ
 
โครงสร้างทางไวยากรณ์
โครงสร้างทางไวยากรณ์โครงสร้างทางไวยากรณ์
โครงสร้างทางไวยากรณ์
 
Parts of speech
Parts of speechParts of speech
Parts of speech
 
Basic Thai Language Course
Basic Thai Language CourseBasic Thai Language Course
Basic Thai Language Course
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
 
บทที่ 1 nouns.docxแก้ปลายภาค
บทที่ 1 nouns.docxแก้ปลายภาคบทที่ 1 nouns.docxแก้ปลายภาค
บทที่ 1 nouns.docxแก้ปลายภาค
 
000
000000
000
 
Present simple tense
Present simple tensePresent simple tense
Present simple tense
 
General English
General EnglishGeneral English
General English
 

More from กัลยณัฏฐ์ สุวรรณไตรย์

More from กัลยณัฏฐ์ สุวรรณไตรย์ (16)

How2write-email
How2write-emailHow2write-email
How2write-email
 
Describing people.
Describing people.Describing people.
Describing people.
 
Tenses table1
Tenses table1Tenses table1
Tenses table1
 
practice with pronouns
practice with pronounspractice with pronouns
practice with pronouns
 
Tam narn-pa-ya-nark-2
Tam narn-pa-ya-nark-2Tam narn-pa-ya-nark-2
Tam narn-pa-ya-nark-2
 
Identifying nouns
Identifying nounsIdentifying nouns
Identifying nouns
 
Esop story
Esop storyEsop story
Esop story
 
ภาษาอังกฤษ ม.ต้น
ภาษาอังกฤษ ม.ต้น ภาษาอังกฤษ ม.ต้น
ภาษาอังกฤษ ม.ต้น
 
English text ms_plai
English text ms_plaiEnglish text ms_plai
English text ms_plai
 
Smisการย้ายเข้า
Smisการย้ายเข้าSmisการย้ายเข้า
Smisการย้ายเข้า
 
Smisการเพิ่มนักเรียน
Smisการเพิ่มนักเรียนSmisการเพิ่มนักเรียน
Smisการเพิ่มนักเรียน
 
Smisการจำหน่ายนักเรียนรายบุคคล
Smisการจำหน่ายนักเรียนรายบุคคลSmisการจำหน่ายนักเรียนรายบุคคล
Smisการจำหน่ายนักเรียนรายบุคคล
 
Smisการจบการเลื่อนชั้น
Smisการจบการเลื่อนชั้นSmisการจบการเลื่อนชั้น
Smisการจบการเลื่อนชั้น
 
Smisกรอกน้ำหนักส่วนสูง
Smisกรอกน้ำหนักส่วนสูงSmisกรอกน้ำหนักส่วนสูง
Smisกรอกน้ำหนักส่วนสูง
 
Smisการย้ายออก
Smisการย้ายออกSmisการย้ายออก
Smisการย้ายออก
 
เล่าขานบ้านคำชะอี
เล่าขานบ้านคำชะอีเล่าขานบ้านคำชะอี
เล่าขานบ้านคำชะอี
 

ภาษาอังกฤษไปใช้ในชีวิตประจำวัน1

  • 2. การนำภาษาอังกฤษไปใช้ในชีวิตประจำวัน ทุกวันนี้ เราคงปฏิเสธไม่ได้ที่ภาษาอังกฤษเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันเรา เด็กทุกวันนี้ก็เรียนรู้ ภาษาอังกฤษตั้งแต่ชั้นอนุบาล เรียนไปเรื่อย ๆทั้ง grammar และ Conversation เด็กเหล่านี้โชคดีที่เกิดมา พร้อมยุคสมัยที่การเรียนการสอนพัฒนาไปไกล และการสื่อสารที่รวดเร็ว สามารถเรียนรู้ได้ง่ายจากสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น internet, movie, music, newspaper ที่หาได้ง่ายๆ แต่ถึงใครบางคนที่ไม่มีโอกาสได้เรียนภาษาอังกฤษในชั้นเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล อย่างผู้เขียนนี้ ก็ ยังสามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะศัพท์ต่างๆ เช่น ที่เห็นได้ทุกวัน เช่น หยิบถ้วยชง กาแฟ ดูที่เครื่องทำน้ำร้อน หรือกาต้มน้ำ ก็จะเห็นภาษาอังกฤษเขียนไว้ เราก็อ่านและจดจำ ก็ได้คำศัพท์ไป แล้ว ตั้งหม้อข้าวหุงข้าว กดปุ่ม เราก็ได้ภาษาอังกฤษไปล่ะหลายศัพท์ ไปซักผ้า กดปุ่มซักผ้า ซึ่งมีปุ่มเยอะแยะ มากมาย อ่านไม่ออกก็ถือ dictionary ไปเปิดดูด้วย สงสัยศัพท์ไหนเปิดดู เราก็ได้ภาษาไปแล้ว นี่เป็นการแนะนำการเรียนรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ซึ่งเราเกี่ยวข้องด้วยทุกวันอย่างเลี่ยง ไม่ได้ บทความถัดไปเราจะมาเรียนภาษาอังกฤษจากสิ่งที่พบเห็น มาศึกษาด้วยแบบง่ายๆ กันค่ะ ประโยคภาษาอังกฤษ ใช้ในการทักทายแบบไม่เป็นทางการ • Hi ฮ๊าย หวัดดี • Hello เฮ็ลโล๊ สวัสดี การนำไปใช้ ก็ให้ต่อท้ายด้วยชื่อของคนๆนั้น เช่น Hi, Jo. ฮ๊าย โจ หวัดดี โจ Hi, Sam. ฮ๊าย แซม หวัดดีแซม Hello, Mr. Tom. เฮ็ลโล๊ มิ๊สเตอ ทอม สวัสดีคุณทอม Hello, Susan. เฮ็ลโล๊ ซู๊ซัน สวัสดี ซูซาน เอาสำนวนเหล่านี้ไปฝึกใช้กัน การเรียนภาษาอังกฤษให้เรียนแบบค่อยเป็นค่อยไป เดี๋ยวภาษาก็จะซึมซับเองโดย อัตโนมัติ ประโยคภาษาอังกฤษ การทักทายอย่างเป็นทางการ Good morning. กุด ม๊อนิง ดี ตอนเช้า (สวัสดีตอนเช้า) เช้าถึงเที่ยง Good afternoon. กุด ด๊าฟเทอะนูน ดี ตอนบ่าย (สวัสดีตอนบ่าย) บ่ายถึงเย็น
  • 3. Good evening. กุด ด๊ฟนิง ดี ตอนเย็น (สวัสดีตอนเย็น) เย็นถึงดึกๆ และจดจำให้ได้ว่าคำไหนใช้ตอนไหน เวลาเอาไปใช้งานจริงๆ ก็จะตามชื่อบุคคลนั้นๆ เช่น Good morning, Mr. John. กุด ม๊อนิง มิสเตอะ จอน (สวัสดีตอนเช้าคุณจอน) แต่ถ้าเป็นแขกที่เราไม่รู้จัก จะใช้คำว่า sir (เซอ = คุณผู้ชาย) madam (แม๊เดิม = คุณผู้หญิง) เช่น Good evening, sir. กุด ดี๊ฝนิง เซอะ (สวัสดีครับคุณผู้ชาย) Good evening, madam. กุด ดี๊ฝนิง แม๊เดิม (สวัสดีครับคุณผู้หญิง) ประโยคการถามทุกข์สุข ที่ว่า สบายดีไหมนั้นเป็นของอังกฤษโดยแท้เลย เพราะในประเทศอังกฤษอากาศจะแปรปรวน เปลี่ยนแปลงได้บ่อยไม่เลือกเวลา ในตอนเช้าอาจมีฝนตก สายมาหน่อยแดดเปรี้ยงๆ ก็ได้ ซึ่งประเทศเขาไม่มี ฤดูกาลชัดเจนอย่างบ้านเรา ซึ่งในบ้านเราฝนจะตกหน้าฝน แดดจะร้อนในหน้าร้อน และจะสังเกตเห็นว่าคน อังกฤษจะพกร่มติดตัวเป็นนิสัย บ่งบอกให้รู้ว่าอากาศของประเทศเขาเป็นอย่างไร มาดูประโยคที่ใช้ถามทุกข์สุข กันเลยครับ มีหลายตัว เอาไว้ใช้งานแค่ตัวสองสามตัวแรกก็พอครับ ทั้งหมดนี้แปลได้ความว่าสบายดีไหม ทั้งหมดเลยครับ คำแปลด้านล่างเป็นการแปลจากคำศัพท์นะครับ ส่วนในวงเล็บเป็นการแปลเล่นๆ อย่าไป สนใจ สำนวนเอาไว้ถาม How are you? ฮาว วา ยู อย่างไร เป็น คุณ (คุณเป็นอย่างไร) How are you going? ฮาว วา ยู โก๊วิง อยางไร คุณ กำลังไป (เป็นมาเป็นไปยังไง) How are you doing? ฮาว วา ยู ดู๊วิง อย่างไร คุณ กำลังทำ (เป็นไง ทำอะไรอยู่) How’s it going? ฮาว สิท โก๊วิง อย่างไร มัน กำลังไป (ชีวิตคุณ กำลังเป็นไปอย่างไร)
  • 4. How have you been? ฮาว แฮฟ ยู บีน อย่างไร คุณ อยู่ (คุณเป็นอยู่อย่างไร) อันนี้นานๆเจอกันที How’s everything? ฮาวส๊ เอฟริธิง อย่างไร คือ ทุกอย่าง (ทุกอย่างในชีวิตคุณเป็นอย่างไร) สำนวนเอาไว้ตอบว่าสบายดี อย่างที่บอกไว้ให้จำเอาสำนวนที่จะนำไปใช้สักสองสามอันก็พอ ที่เหลือก็ศึกษาไว้ เผื่อมีฝรั่งเขามาถามจริง สำนวนด้านล่างเป็นการตอบรับคำถามด้านบน ด้านล่างนี้ แปลว่า สบายดี I’m fine. ไอม ไฟน ฉัน สบายดี I’m very well. ไอม เวริ เวล ฉัน มาก สบายดี (ฉันสบายดีมาก) I’m good. ไอม กุด ฉัน ดี (ฉันสบายดี) I’m O.K. ไอม โอ เค ฉัน โอเค สำนวนด้านล่างนี้แสดงว่าชีวิตไม่มีอะไรดีขึ้นหรือแย่ลง หรือชีวิตเช่นเดิม So so. โซ โซ งั้น งั้น Not too bad. น็อท ทู แบด ไม่ เกินไป เลวร้าย (ไม่มีอะไรเลยร้าย) ส่วนสำนวนด้านล่างนี้เอาไว้ตอบว่าไม่สบาย I’m not very well. ไอม น็อท เวริ เว็ล ฉัน ไม่ มาก สบายดี (ฉันไม่สบายเท่าไหร่หรอก) เมื่อบอกว่าไม่สบายก็บอกเขาต่อไปเลยว่าเป็นอะไร ไม่ต้องรอให้เขาถาม I’ve got a headache. ไอฝ ก็อท อะ เฮดเดค ผม มี ปวดหัว (ผมมีอาการปวดหัว)
  • 5. I’ve got a toothache. ไอฝ ก็อท อะ ทุธ เอค ผม มี ปวดฟัน (ผมมีอาการปวดฟัน) I’ve got a stomachache. ไอฝ ก็อท อะ สต๊อมเมิคเอค ผม มี ปวดทอง (ผมมีอาการปวดท้อง) เอาแค่นี้พอ เยอะไปเดี๋ยวจำไม่ได้ แต่ถ้าจะพูดยาวๆแล้วมีปัญหา ก็ตอบไปเลยว่า I’m fine. เท่านั้นพอ การกล่าวลา (Leave Taking) หลังจากที่ได้ทักทายกันแล้ว และพูดคุยกันพอหอมปากหอมคอก็ได้เวลาอำลากันแล้ว คำที่ใช้กล่าวลาก็มีเยอะ เหมือนกัน จำไว้ใช้งานสักสองสามประโยคก็พอนะครับ สำนวนกล่าวลาที่ไม่ระบุเวลา Goodbye. กุ๊ดบาย (ลาก่อน) Bye บาย (ลาก่อนเด้อ) See you then. ซี ยู เด็น (ค่อยเจอกันใหม่) See you later. ซี ยู เล๊เทอะ (ค่อยเจอกันใหม่) สำนวนกล่าวลาที่ระบุเวลา ถ้าเรารู้ว่าจะเจอกันอีกครั้งเมื่อไหร่ ก็สามารถใช้สำนวนนี้ได้เลย See you….. ซี ยู …. (เจอกัน….) จะเจอกันตอนไหนก็เติมคำเอาเอง เช่น tomorrow ทุม๊อโร (พรุ่งนี้) next week เน็กซ วีค (สัปดาห์หน้า) next month เน็กซ มันธ (เดือนหน้า) next year เน็กซ เยีย (ปีหน้า) on Monday (ออน มันเดย์ วันจันทร์) on Tuesday (ออน ทิวสเดย์ วันอังคาร) และวันอื่นๆที่เหลือ อีกสำนวนหนึ่งที่นานๆฝรั่งจะใช้พูดกับคนไทย คือ Good day. กุ๊ด เดย์ ซึ่งตัดทอนมาจาก
  • 6. Have a good day. แฮฝ ฝะ กุ๊ด เดย์ (ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดี) สำนวนเหล่านี้มีเยอะไว้เพื่อศึกษาเท่านั้น เวลาเอาไปใช้งานจริง แค่พูดว่า Goodbye ก็พอแล้วครับ การแนะนำตนเอง (Introducing Oneself) การแนะนำตนเองเป็นภาษาอังกฤษ ก็ไม่ยากเย็นอะไรนะครับ ให้เริ่มโดยการทักทายก่อนเป็นอันดับแรก แล้ว ค่อยบอกว่าเราชื่ออะไร เป็นใคร มาจากไหน และแสดงความยินดีที่ได้รู้จัก แค่นี้ก็พอครับ ซึ่งการแนะนำตนเองก็มีแบบง่ายๆเป็นกันเอง และการแนะนำตนเองอย่างเป็นทางการ ซึ่งถ้าเราเป็นนักเรียนก็ แนะนำแบบเป็นกันเองก็ได้ ส่วนการ แนะนำตนเองอย่างเป็นทางการนั้น สำหรับนักธุรกิจและผู้นำระดับบิ๊กๆ แล้วกัน จำไว้ว่าควรประกอบด้วยสี่ ส่วนคือ ทักทาย บอกชื่อ บอกข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อย กล่าวแสดงความรู้สึกดีที่ได้เจอกัน การแนะนำตนเองแบบเป็นกันเอง Hello. (ทักทาย) เฮ็ลโล๊ (สวัสดี) My name’s Tongdee. (บอกชื่อ) มาย เนมส ทองดี (ผมชื่อทองดี) I’m from Thailand. (ข้อมูลเพิ่มเติม) ไอม ฟรอม ไท๊แลนด (ผมมาจากประเทศไทย) I’m an exchange student. (ข้อมูลเพิ่มเติม) ไอม เมิน นิกซเช๊นจ สติ๊วเดินท (ผมเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน) Glad to meet you. (แสดงความยินดีที่ได้เจอกัน) แกลด ทะ มีท ชู (ดีใจที่ได้เจอกัน) การแนะนำตนเองแบบเป็นทางการ Good morning. (ทักทาย) กุด ม๊อนิง (อรุนสวัสดิ์ครับ) May I introduce myself? (ขออนุญาต) เม๊ ยาย ยินทระดิ๊วซ มายเซ๊ลฟ (ผมขออนุญาตแนะนำตัวเองนะครับ) My name is Somchai Rakdee. (บอกชื่อ) มาย เนม มิส สมชาย รักดี (ผมชื่อสมชาย รักดี) I’m the marketing manager from ABC company. (ข้อมูลเพิ่มเติม) ไอม เดอะ ม๊าคิททิง แม๊นนิจเจอะ ฟรอม เอบีซี คั๊มพะนี (ผมเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดจากบริษัทเอบีซี) Nice to meet you. (แสดงความยินดีที่ได้เจอกัน) ไนซ ทะ มีท ชู (ยินดีที่ได้รู้จัก)
  • 7. อีกสำนวนหนึ่งของการขออนุญาตแนะนำตัวคือ Let me introduce myself. เล็ท มี อินทระดิ๊วซ มายเซ๊ลฟ แต่จำไว้ใช้แค่อันเดียวก็พอ ส่วนเป็นใครมาจากไหน ก็ปรับเปลี่ยนกันเอาเองค่ะ การแนะนำบุคคลอื่นให้รู้จักกัน ประโยคการแนะนำเพื่อนๆ หรือบุคคลอื่นๆให้รู้จักกันก็มีทั้งแบบกันเอง และแบบทางการค่ะ การแนะนำ เพื่อนๆเราให้รู้จักกัน ก็ใช้แบบไม่เป็นทางการได้เลย ง่ายดี ส่วนการแนะนำบุคคลที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ มีตำแหน่ง หน่อยก็ใช้แบบเป็นทางการนะค่ะ จะได้ดูสุภาพ การแนะนำแบบเป็นกันเอง สมมติว่าเรารู้จักทั้งแดนและดี แต่สองคนนี้ไม่รู้จักกัน เราสามารถแนะนำได้ว่า Dan, this is Dee. Dee, this is Dan. แดน ดิส สิส ดี ดี ดิส สิส แดน แดน นี่คือดี ดี นี่คือแดน เอาแบบนี้แหละง่ายดี หลังจากที่แนะนำแล้ว สองคนนี้ต้องแสดงความยินดีที่ได้รู้จักกัน โดยพูดว่า Nice to see you. ไนซ ทุ ซี ยู หรือจะพูดว่า Nice to meet you. ไนซ ทุ มีท ชู ก็ได้ สองสำนวนนี้แปลว่า ยินดีที่ได้รู้จัก การแนะนำอย่างเป็นทางการ ใช้กับผู้หลักผู้ใหญ่ หรือผู้มีตำแหน่งใหญ่โตหน่อย เราแนะนำว่า Mr. John, I’d like you to meet Mr. Jo. มิสเตอะ จอน ไอด ไลค ยู ทุ มีท มิสเตอะ โจ คุณจอห์นครับ ผมอยากให้ท่านรู้จักกับคุณโจครับ สองท่านนี้ก็ต้องแสดงความยินดีตามธรรมเนียมโดยพูดสำนวนนี้ทั้งสองท่านเลย ว่า How do you do? เฮา ดุ ยุ ดู แปลความได้ว่า ยินดีที่ได้รู้จัก นะครับ/ค่ะ สำนวนสำหรับการถามชื่อ การถามชื่อด้วยสำนวนธรรมดา What is your name? ว็อท ทิส ยัว เนม แปลว่า อะไรคือชื่อของคุณ สำนวนไทย คือ คุณชื่ออะไรนั่นแหละ เวลาตอบก็สามารถตอบได้ว่า
  • 8. My name is Tom Hank. มาย เนม มิส ทอม แฮงค ชื่อของผมคือทอม แฮงค์ หรือ I am Tom Hank. อาย เยิม ทอม แฮงค ผมคือ ทอม แฮงค์ แต่เพื่อเป็นการแสดงความสุภาพเวลาถามให้เติม please ต่อท้ายด้วย เช่น What is your name, please? ว็อท ทิส ยัว เนม พลีส คุณชื่ออะไรค่ะ/ครับ เวลาตอบก็เหมือนเดิม การถามด้วยสำนวนแบบสุภาพ การถามชื่อแบบสุภาพมีสองสำนวนที่ใช้กันคือ May I have your name? เม อาย แฮฝ ยัว เนม Could I have your name? คุด อาย แฮฝ ยัว เนม ส่วนเวลาตอบ ก็ตอบเหมือนกับด้านบน สองสำนวนนี้ แปลเป็นไทยๆ คือ ขอทราบชื่อด้วยคะ/ ครับ ก็เอาไปฝึกฝนกันเอาไว้ใช้งาน ประโยคภาษาอังกฤษ การถามอายุ สำนวนที่ใช้ถาม How old are you? ฮาว โว๊ล ดา ยู จริงๆแล้วประโยคนี้แปลตรงตัวว่า แก่อย่างไร คือ คุณ แต่แปลให้สละสลวยว่า คุณอายุเท่าไหร่ สำนวนที่ใช้ตอบ I’m twenty years old. ไอม เทว็๊นทิ เยีย โอลด แปลว่า ฉัน ยี่สิบ ปี แก่ ฟังแล้วขัดหูชอบกล แปลให้สละสลวยแล้วกันว่า ฉันอายุยี่สิบปี คำว่า twenty ก็เปลี่ยนเป็นตัวเลขที่เป็นอายุจริงของเรา
  • 9. ประโยคภาษาอังกฤษ การถามน้ำหนักและส่วนสูง การถามน้ำหนักและส่วนสูง ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องที่จะมาคุยเล่น แต่ก็มีบางสถานการณ์ที่ต้องถาม เช่น คุณพยาบาลถามคนไข้ การสัมภาษณ์งาน ในกรณีที่ต้องการทราบน้ำหนักส่วนสูงเป็นต้น การถามน้ำหนัก How much do you weigh? ฮาว มัช ดุ ยุ เว๊ (คุณหนักเท่าไหร่) I weigh 50 kilograms. อาย เว๊ ฟิฟทิ คิ๊เลอะแกรมส (ฉันหนัก 50 กิโลกรัม) การถามส่วนสูง How tall are you? ฮาว ทอล อา ยู (คุณสูงเท่าไหร่) I’m 150 centimeters tall. ไอม วัน ฮั๊นเดริด ฟิ๊ฟทิ เซ็นทิมี๊เทอส ทอล (ฉันสูง 150 เซนติเมตร) ประโยคภาษาอังกฤษ การถามอาชีพ ประโยคในการถามอาชีพเป็นภาษาอังกฤษ เอาแบบง่ายๆ What do you do? ว็อท ดุ ยุ ดู (คุณทำงานอะไร) What is your job? ว็อท ทิส ยัว จ๊อบ (งานของคุณคืออะไร) ส่วนคำตอบก็สามารถตอบได้สองแบบเหมือนกัน คือ I’m doctor. ไอม อะ ด๊อคเทอะ (ฉันเป็นหมอ) บอกอาชีพไปเลย I work in a hospital. อาย เวิค คิน อะ ฮ๊อสปิเทิล (ฉันทำงานในโรงพยาบาล) บอกสถานที่ทำงาน บอกอาชีพ I’m a teacher. (ไอม อะ ทีชเชอะ) ฉันเป็นครู I’m a postman. (ไอม อะ โพ๊สเมิน) ฉันเป็นไปรษณีย์ I’m a policeman. (ไอม อะ พะลิ๊สเมิน) ฉันเป็นตำรวจ I’m a teller. (ไอม อะ เท๊ลเลอะ) ฉันเป็นคนรับจ่ายเงิน
  • 10. I’m a cook. (ไอม อะ คุก) ฉันเป็นพ่อครัว บอกสถานที่ทำงาน I work in ABC school. (อาย เวิค คิน เอบีซี สกูล) ฉันทำงานในโรงเรียนเอบีซี I work in a post office. (อาย เวิค คิน นะ โพส สตอฟฟิส) ฉันทำงานในสำนักงานไปรษณีย์แห่งหนึ่ง I work in a police station. (อาย เวิค คิน อะ พะลิ๊ส สเต๊เชิน) ฉันทำงานในโรงพักแห่งหนึ่ง I work in a bank. (อาย เวิค คิน อะ แบ๊งค) ฉันทำงานในธนาคารแห่งหนึ่ง I work in a restaurant. (อาย เวิค คิน อะ เร๊สตะรอง) ฉันทำงานในภัตตาคารแห่งหนึ่ง การเรียนรู้ภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ โดยใช้สิ่งรอบตัวเรา และเรียนรู้เองได้แบบสบายๆ จากการฝึกพูด และฟัง อ่าน เขียน จะทำให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้น และจะซึมซับไปเองในที่สุด หลักการง่ายๆ ค่ะ 1. ฝึกดู ฟัง และออกเสียง 2. ฝึกสนทนา กะตัวเองในกระจก หรือเพื่อนๆ 3. ต้องกล้าที่จะแสดงออกเมื่อเจอบุคคลต่างชาติ ขอความช่วยเหลือจะทำให้เราพัฒนาได้ค่ะ