SlideShare a Scribd company logo
1
                                       บทที่ 1
                                         บทนำำ
         สังคมของเรำในโลกยุคปัจจุบันกำำลังประสบกับภำวะปัญหำที่
เป็ น วิ ก ฤติ ก ำณ์ อ ย่ ำ งหนั ก เกิ ด ควำมเดื อ ดร้ อ นระสำ่ำ ระสำยอยู่
ตลอดเวลำ ยิ่งมีควำมเจริญก้ำวหน้ำทำงด้ำนวัตถุมำกเพียงใด ยิ่ง
เกิดปัญหำควำมยุ่งเหยิงมำกขึ้นเพียงนั้น ควำมเจริ ญ ทำงวั ต ถุ อั น
เป็นผลแห่งควำมก้ำวหน้ำทำงวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีในสมัย
ปัจจุบัน ส่งผลให้สังคมนำนำประเทศทั่วโลกรวมถึงสังคมไทยด้วย
ได้รับควำมสะดวกสบำยมำกขึ้น โดยเฉพำะเมื่อกล่ำวถึงสังคมไทย
แล้ว ถือได้ว่ำได้รับอิทธิพลจำกวัตถุนิยมเป็นอย่ำงมำก เพรำะวิถี
ชีวิตของคนในสังคมปัจจุบัน ได้รับควำมสะดวกสบำยมำกกว่ำวิถี
ชี วิ ต ของคนในสมั ย อดี ต ที่ ผ่ ำ นมำ แต่ นั่ น ก็ ไ ม่ ไ ด้ ห มำยควำมว่ ำ
สังคมไทยจะมีควำมสงบสุข เพรำะควำมสะดวกวกสบำยเป็นเรื่อง
ของวั ต ถุ ที่ เ กิ ด มี ขึ้ น และนำำ มำบำำ บั ด ควำมต้ อ งกำรทำงร่ ำ งกำย
เท่ำนั้น ส่วนควำมสุขสงบเป็นเรื่องของจิตใจซึ่งอยู่ภำยใน ยิ่งมี
ควำมสะดวกสบำยมำกเท่ำไร ยิ่งทำำให้รู้สึกว่ำ ตนเองมีควำมสุข
มำกเท่ำนั้น แต่ในแง่ควำมเป็ นจริ งหำได้ เป็ นเช่นนั้ นไม่ เพรำะ
ควำมสุ ข และควำมสะดวกสบำยเป็ น คนละอย่ ำ งกั น แต่ ผู้ ค นใน
สังคมกลับมองเห็นว่ำ เป็นอย่ำงเดียวกัน นั่นเป็นเพรำะว่ำสังคม
ไทยในปั จ จุ บั น ผู้ ค นกำำ ลั ง หลงระเริ ง อยู่ กั บ วั ต ถุ นิ ย ม มี ค วำม
ปรำรถนำเพี ย งเพื่ อ จะเสพบริ โ ภคเท่ ำ นั้ น โดยไม่ ไ ด้ พิ จ ำรณำ
หรือไม่มีเวลำแม้แต่จะคิดก่อนตัดสินใจว่ำ สิ่งที่เสพบริโภคเข้ำไป
นั้นดีหรือไม่ดี ให้คุณประโยชน์หรือให้โทษแก่ต นเองและสั งคม
มำกน้อยเพียงไร
            เมื่อมองถึงสภำพปัญหำที่กำำ ลั งเกิดขึ้นกับสั งคมไทยตำม
หลักธรรมทำงพระพุทธศำสนำแล้วจะเห็นได้ว่ำ สังคมไทยกำำ ลัง
ประสบกับควำมเสื่อมโทรมทำงศีลธรรมเป็นอย่ำงมำก ศีลธรรมอัน
ดีงำมกำำลังห่ำงหำยและเลือนหำยไปจำกจิตใจของคนไทย ผู้คน
ในสังคมเกิดควำมเห็นแก่ตัวกันมำกขึ้น เพรำะอำำ นำจของควำม
โลภ เมื่อไม่ได้อย่ำงที่ตนต้องกำรก็เกิดโทสะคือควำมโกรธขึ้นใน
จิ ต ใจ เมื่ อ เป็ น เช่ น นี้ จึ ง ทำำ ให้ จิ ต ใจของคนไทยยึ ด ติ ด อยู่ กั บ
โมหะคือ ควำมลุ่ ม หลง ยึด ถื อ ในสิ่ งที่ ผิ ด ว่ ำ ถู ก ต้ อ งเรื่ อ ยมำ จะทำำ
อะไรก็ทำำไปตำมอำำนำจของกิเลส กำรแสดงออกถึงควำมเคำรพ
บู ช ำต่ อ ผู้ ที่ ค วรแสดงควำมเคำรพบู ช ำ หรื อ กำรแสดงควำม
นอบน้อมกตัญญูต่อบูคคลผู้มีพระคุณ กำำลังห่ำงหำยไปจำกสังคม
ไทย เช่น บุตรธิดำ ขำดกำรเคำรพบิดำมำรดำ ลูกศิษย์ขำดกำร
เคำรพครู บ ำอำจำรย์ เด็ กเยำวชนขำดกำรเคำรพผู้ ห ลั ก ผู้ ใ หญ่
2
ลู ก หลำนเยำวชนไทยในสมั ย อดี ต ให้ ค วำมควำมรู้ สึ ก และควำม
สำำ คัญต่อคำำ ว่ำ บุญและบำป เป็นอย่ำงมำก เพรำะเกิดกำรละอำย
ชั่วกลัวบำป แต่ในสมัยปัจจุบันคำำว่ำบุญและบำป ไม่มีควำมสำำคัญ
ในควำมรู้สึก และได้ห่ำงหำยไปจำกจิตใจของลูกหลำนเยำวชน
ไทยเสียแล้ว เพรำะไม่มีควำมหวำดสะดุ้งกลัวต่อกำรทำำบำปกรรม
ใด ๆ เลย ระบบกำรศึ ก ษำที่ ถู ก ปฏิ รู ป ขึ้ น มำใช้ ก็ ยั ง ไม่ ส ำมำรถ
แก้ไขปัญหำต่ำง ๆ ที่เกิดขึ้นแก่สังคมได้ เหตุ ดั ง กล่ ำ วนี้ จึ ง ทำำ ให้
สภำพควำมเสื่ อ มโทรมและควำมสลั บ ซั บ ซ้ อ นของปั ญ หำหลั ก ๆ
เกิ ด ขึ้ นมำกในสั งคมไทย ซึ่ งจะได้ กล่ ำวให้ เห็ นสภำพโดยทั่ ว ๆ
ไปของสังคมไทยปัจจุบันเป็นลำำดับ ๆ ไป
          สภำพสัง คม         เมื่อกล่ำวถึงสถำนกำรณ์ของสังคมไทยใน
ปั จ จุ บั น คงไม่ มี ใ ครปฏิ เ สธได้ ว่ ำ กำำ ลั ง ตกอยู่ ใ นภำวะของกำร
เปลี่ยนแปลงในหลำยด้ำน                  ซึ่ ง ถ้ ำ ไ ด้ ศึ ก ษ ำ ต ำ ม ห น้ ำ
ประวัติศำสตร์จะทรำบได้ว่ำภำวะของกำรเปลี่ยนแปลงดังกล่ำวได้
เริ่มก่อตัวมำแล้วจำกอดีต และที่มองเห็นภำพได้อย่ำงชัดเจนกคือ
ช่วงสมัยรัชกำลที่ 5 เรื่อยมำจนถึงปัจจุบัน               และภำวะควำม
เปลี่ยนแปลงนี้ได้มีผลกระทบเป็นอย่ำงมำกต่อวิถีชีวิตของคนไทย
ทั้งทำงบวกและทำงลบ ทำงบวกคือ ทำำ ให้วิถีชีวิตคนไทยมีสภำพ
ควำมเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพรำะสำเหตุมำจำกควำมเจริญก้ำวหน้ำทำง
วัตถุได้ส่งผลให้สภำพสังคมไทยได้รับควำมสะดวกสบำยมำกกว่ำ
สภำพสังคมไทยในอดีต                  และเมื่ อ มองในทำงในทำงตรงกั น
ข้ำม จำกกำรที่สังคมไทยได้รับเอำวัฒนธรรมซึ่งเป็นค่ำนิยมด้ำน
ควำมเจริญทำงวัตถุของสังคมตะวันตกมำเสพบริโภค ทำำ ให้เกิด
ผลกระทบในทำงลบต่อสังคมไทยจำกอดีต เรื่ อยมำจนถึ งปั จจุ บัน
เช่ น กั น ทำงลบคื อ ทำำ ให้ ส ภำพสั ง คมไทยกำำ ลั ง ประสบกั บ
วิกฤติกำรณ์ต่ำง ๆ ทุกรูปแบบ เป็นสังคมที่ กำำ ลั งตกอยู่ ในสถำพ
ควำมเสื่อมโทรมและควำมสับสนวุ่นวำยโกลำหลในด้ำนศีลธรรม
อย่ งที่ ไม่เคยปรำกฏมำก่อ นในอดี ต จนเรี ย กได้ ว่ ำ ศีล ธรรมได้
ห่ำงหำยไปจำกสังคม และในขณะเดียวกันสังคมก็ตกอยู่ในภำวะ
ที่ขำดแคลนศีลธรรมเช่นกัน ซึ่งสำมำรถรับรู้และเข้ำใจปัญหำต่ำง
ๆ เหล่ ำ นี้ ไ ด้ จ ำกสื่ อ แต่ ล ะแขนงที่ นำำ มำเสนอไม่ เ ว้ น แต่ ล ะวั น
          ฉะนั้น จึงกล่ำวได้ว่ำ            ภำวะสังคมไทยปัจจุบันมีทั้งกำร
เปลี่ยนแปลงไปข้ำงหน้ำและกำรถอยหลังในบำงเรื่อง ทำำให้สังคม
ไทยยังขำดควำมเป็นระเบียบ แม้จะมีกำรจัดระเบียบของสังคม
ในหลำย ๆ ด้ำนก็ตำม กำรไม่รักษำกฎหมำยของบ้ำนเมือง กำร
ขำดวิ นั ย ในกำรทำำ หน้ ำ ที่ ต่ ำ ง ๆ เป็ น สิ่ ง ที่ ค นไทยถื อ เป็ น เรื่ อ ง
ธรรมดำ ผู้ ค นในสั ง คมกำำ ลั ง สั บ สนวุ่ น วำยเกี่ ย วกั บ กำรดำำ เนิ น
3
ชีวิต เกิดปัญหำต่ำง ๆ ขึ้นมำกมำยในสังคมชนบทและสังคมเมือง
เช่น ปัญหำควำมยำกจนและไร้ที่อยู่อำศัย , ปัญหำกำรว่ำงงำน,
ปั ญ ห ำ ค ร อ บ ค รั ว , ปั ญ ห ำ สุ ข ภ ำ พ , ปั ญ ห ำ ม ล พิ ษ แ ล ะ สิ่ ง
แวดล้อม,ปัญหำอำชญำกรรม, ปัญหำกำรลักขโมยและฉกชิงวิ่ง
รำว, ปั ญ หำกำรประพฤติ ผิ ด ทำงเพศ, ปั ญ หำเด็ ก และวั ย รุ่ น ,
ปั ญ หำอบำยมุ ข และสิ่ ง เสพติ ด เป็ น ต้ น ปั ญ หำหลั ก ๆ เหล่ ำ นี้
ล้วนเป็นปัญหำที่ยังคงเกิดขึ้นและมีปรำกฏให้เห็นอยู่เสมอในสังคม
ไทยปั จ จุ บั น สภำพปั ญ หำที่ เ กิ ด ขึ้ น ในสั ง คมไทย ได้ พ อกพู น
ทั บ ถม และสลับซับซ้อ นมำยำวนำน จนยำกที่ จ ะแก้ ไ ข จึ งเป็ น
ภำระหน้ำที่อันหนักและใหญ่หลวงยิ่งนักของคนไทยทุกคนและทุก
ฝ่ำยที่จะต้องช่วยกันรับผิดชอบและหำทำงแก้ไขต่อไป
       สภำพเศรษฐกิจ               ควำมเปลี่ ยนแปลงที่ ไม่ ค งที่ ภำวะ
แห่งควำมไม่แน่นอน เป็นสัจธรรมที่เป็นจริงที่มีให้รับรู้และมีเป็น
ตั วอย่ำงปรำกฏมำกมำยในโลกในสั งคมนี้ สภำพของเศรษฐกิ จ
ไทยในปั จ จุ บั น ก็ เ ช่ น กั น ได้ เ ปลี่ ย นจำกเศรษฐกิ จ เกษตรกรรม
โบรำณมำเป็นเศรษฐกิจกำรค้ำ อุตสำหกรรม และเกษตรกรรมที่
ทันสมัยมำกขึ้น รำยได้ของประเทศส่วนใหญ่ในปัจจุบันก็มำจำก
ภ ำ ค อุ ต ส ำ ห ก ร ร ม ธุ ร กิ จ ก ำ ร ค้ ำ แ ล ะ บ ริ ก ำ ร ม ำ ก ก ว่ ำ ภ ำ ค
เกษตรกรรม กำรผลิตเพื่อบริโภคในครัวเรือนแต่เพียงอย่ำงเดียว
นั้น เกือบจะหมดสิ้นไปจำกสั งคมไทยแล้ว เพรำะปั จจุ บันระบบ
เศรษฐกิจไทย ได้เปลี่ยนแปลงเข้ำสู่กำรค้ำขำยตำมแนวทำงของ
ระบบเศรษฐกิ จ ตะวั น ตก กำรผลิ ต สิ น ค้ ำ จำกวั ต ถุ ดิ บ ท ำง
ธรรมชำติ เ พื่ อ ค้ ำ ขำยกั บ ต่ ำ งประเทศมี ก ำรขยำยตั ว มำกขึ้ น
เศรษฐกิจของไทยกำำลังอยู่ในยุคที่เรียกว่ำ “โลกำภิวัตน์” เป็นยุค
กำรแพร่กระจำยไปทั่วโลก, กำรที่ป ระชำคมโลกไม่ วำจะอยู่ ณ
จุดใด สำมำรถรับรู้ สัมพันธ์ หรือ รับผลกระทบจำกสิ่งที่เกิดขึ้น
ได้ อ ย่ ำ งรวดเร็ ว กว้ ำ งขวำง ซึ่ ง เนื่ อ งมำจำกกำรพั ฒ นำระบบ
สำรสนเทศ เป็นต้น 1 ทำำ ให้ ร ะบบเศรษฐกิ จ ไทยได้ เปลี่ ย นเข้ ำสู่
ธุรกิจภำคอุตสำหกรรมและด้ำนบริกำรอย่ำงรวดเร็ว และมีสภำพ
คล่องตัวเป็นอย่ำงมำกทั้งด้ำนกำรเงินและกำรธนำคำร แม้ในช่วง
ระยะที่ผ่ำนมำ (พ.ศ. 2540) ภำวะเศรษฐกิจ ไทยจะตกตำ่ำ ที่ สุด
หรือที่เรียกว่ำเศรษฐกิจฟอกสบู่ แตก ทำำ ให้ประเทศไทยต้องเป็ น
หนี้ต่ำงประเทศมำกมำย แต่หลังจำกนั้น ระบบเศรษฐกิจของไทย
ก็กลับฟื้นตัวได้อีกครั้ง โดยกำรบริหำรจัดกำรของรัฐบำลชุดใหม่
ทำำให้เศรษฐกิจไทยปัจจุบันโดยภำพรวมมีสภำพคล่องตัวดีขึ้นตำม
ลำำดับ แต่กำรดำำรงชีวิตประจำำวันของคนไทยยังคงประสบกับค่ำ
ครองชีพที่นับวันจะสูงขึ้นทุ กขณะ แม้จะมีกำรขึ้นค่ำแรงงำนให้
4
แก่ ผู้ ใช้ แรงงำนในทุ ก รั ฐ บำลก็ ต ำม ในขณะเดี ย วกั น รำคำของ
สิ น ค้ ำ เครื่ อ งอุ ป โภคบริ โ ภคก็ สู ง ขึ้ น เป็ น เงำตำมตั ว เช่ น กั น ตำม
รำคำนำ้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ เพรำะผลพวงจำกสงครำมที่เกิด
ขึ้ น ในต่ ำ งประเทศ และอี ก หลำย ๆ ปั จ จั ย ที่ เ กี่ ย วข้ อ ง ทำำ ให้
เศรษฐกิจทั่วโลกพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย
แต่เมื่อ มองเศรษฐกิจไทยโดยส่ว นลึ กแล้ ว จะเห็ นได้ ว่ ำ สำเหตุ ที่
ภำวะเศรษฐกิจไม่มีสภำพคล่องหรือเป็นเศรษฐกิจที่ไม่เจริญอย่ำง
เสมอต้ น เสมอปลำยนั้ น เป็ น เพรำะเกิ ด ปั ญ หำขึ้ น ภำยในกำร
บริหำรระบบเศรษฐกิจ กล่ำวคื อ ปล่อยให้มีกำรทุจริต โดยชอบ
ธรรมของผู้ มี อำำ นำจโดยตรง หรื อ มี บุ ค คลและคณะซึ่ ง เป็ น ผู้ ไ ม่
หวังดีต่อประเทศชำติ มีจิตใจละโมบคิด เพี ย งอยำกได้ถ่ำยเดีย ว
เช่น มีกำรปั่นหุ้น หรือทำำ ธุรกิจฟอกเงิน เพรำะเป็นเงินที่ได้มำ
โดยทุจริตจำกมิจฉำชีพ มีกำรค้ำยำเสพติด เป็นต้น และเกิดจำก
กำรที่คนไทยไม่นิยมควำมเป็นไทย แต่กลับไปนิยมของที่ผลิตจำก
ต่ำงประเทศ เมื่อประชำชนมีค่ำนิยมเช่นนี้ จึงทำำให้ต้องมีกำรสั่ง
สินค้ำนำำ เข้ำจำกต่ำงประเทศเพิ่มมำกขึ้น ทำำให้ประเทศต้องขำด
งบดุ ล กำรค้ ำ เป็ น อย่ ำ งมำก อี ก ทั้ ง คนไทยมี นิ สั ย ชอบฟุ้ ง เฟ้ อ
สุรุ่ยสุร่ำย ทำำให้ชีวิตต้องสิ้นเปลืองไปกับกำรใช้จ่ำยเพื่อดำำรงชีพ
มำกขึ้น เพรำะคนไทยยังขำดควำมเป็นชำตินิยมด้วยและมีปัจจัย
อีกหลำยประกำรที่มีผลกระทบในทำงลบต่อระบบเศรษฐกิจไทยที่
เกิดจำกกำรกระทำำ ขอคนไทยเอง เมื่อพฤติกรรมดังกล่ำวเกิดขึ้น
ย่อมก่อให้เกิดผลเสียหำยอย่ำงใหญ่หลวงต่อประเทศชำติ เพรำะ
ระบบเศรษฐกิจ นั้นถือ ว่ำเป็ นหั วใจหลักของประเทศ กำรพั ฒนำ
ประเทศจะช้ ำ หรื อ เร็ ว ย่ อ มขึ้ น อยู่ กั บ เสถี ย รภำพของรั ฐ บำลและ
เศรษฐกิจ ของประเทศเป็ น สำำ คั ญ กำรที่ จ ะให้ นั กธุ ร กิ จ เกิ ด ควำม
เชื่อมั่นในกำรลงทุนมำกน้อยเพียงใดย่อมขึ้นอยู่กับรัฐบำลว่ำจะให้
หลักประกันและควำมเชื่อมั่นแก่นักลงทุนในด้ำนธุรกิจเพียงใด
         สภำพกำรเมือ ง             ลั ก ษ ณ ะ ท ำ ง ด้ ำ น ก ำ ร เ มื อ ง ก ำ ร
ปกครอ งข อ งไทยใ นปั จ จุ บั น เป็ น ระบ บกำร ปกครอ ง แบ บ
ประชำธิ ป ไตยที่ มี พ ระมห ำกษั ต ริ ย์ เ ป็ น ประมุ ข มี ก ฎห มำย
รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมำยสูงสุดของประเทศ พระมหำกษัตริย์ใน
ปัจจุบันอยู่ภำยใต้กฎหมำยรัฐ ธรรมนูญ ไม่ได้มีอำำ นำจเบ็ด เสร็จ
เหมื อ นในสมั ย ก่ อ น ตำมกฎหมำยรั ฐ ธรรมนู ญ รั ฐ บำลมำจำก
พรรคกำรเมืองที่ชนะกำรเลือกตั้ง

____________________
5
  1
    รำชบัณฑิตยสถำน. พจนำนุกรม ฉบับรำชบัณฑิตยสถำน พ.ศ. 2542
. (กรุงเทพฯ :    โรงพิมพ์นำนมี บุ๊คพับบลิค -เคชั่นส์ . จำำ กัด , 2546),
น. 1044.
โดยพรรคกำรเมืองที่มีสมำชิกสภำผู้แทนรำษฏรซึ่งได้รับเลือกตั้ง
เข้ำมำมำกที่สุดเป็นผู้ได้รับสิทธิในกำรจัดตั้งรัฐบำล และทำำหน้ำที่
ในกำรบริ ห ำรประเทศ โดยมี ฝ่ ำ ยค้ ำ นเป็ น ผู้ ค อยตรวจสอบกำร
ทำำ งำนของรัฐบำล สภำพกำรเมืองกำรปกครองของไทยน่ำจะดี
ขึ้นมำกกว่ำนี้ หลังจำกที่กฎหมำยรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ร่ำงขึ้น
ในปี พ.ศ. 2540 ได้ ถู ก นำำ มำใช้ ใ นกำรปริ ห ำรและปกครอง
ประเทศ เพรำะมีควำมชัดเจนในหลำยด้ำน ดังที่สวนดุสิตโพลได้
สำำรวจควำมคิดเห็นของประชำชนระหว่ำง พ.ศ. 2541 – 2543
เกี่ยวกับจุดเด่นของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันว่ำ
             อันดับที่ 1 ให้สิทธิเสรี / ประชำธิปไตยกับประชำชน
เพิ่มขึ้น 43.70%
             อันดับที่ 2 ประชำชนมีส่วนร่วมมำกขึ้น 36.97%
              อั น ดั บ ที่ 3 มี ก ำรกระจำยอำำ นำจสู่ ท้ อ งถิ่ น มำกขึ้ น
10.08%
              อั น ดั บ ที่ 4 สำมำรถตรวจสอบควำมโปร่ ง ใสได้
7.56%
             อันดับที่ 5 มีจุดมุ่งหมำยชัดเจนดี 1.69% 2
        แต่ปัญหำต่ำง ๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับกำรเมืองกำรปกครองยังมี
ปรำกฏประจักษ์แก่สำยตำประชำชนอยู่เสมอ กำรชิงดีชิงเด่นของ
พรรคกำรเมืองช่วงหำเสียงเลือกตั้ง จนเป็นเหตุให้เกิดทำำลำยล้ำง
ซึ่งกันและกันทั้งสองฝ่ำย ก่อให้เกิดควำมเสียวหำยทั้งแก่ชีวิตและ
ทรัพย์สิน เกิดกำรใส่ร้ำยป้ำยสีแก่กันและกัน และกำรซื้อสิทธิ์ขำย
เสี ย งของพรรคกำรเมื อ งต่ ำ ง ๆ ยั ง คงมี อ ยู่ เ สมอคู่ สั ง คมไทย มี
ปัญหำต่ำง ๆ เกิดขึ้นกับกำรเมืองกำรปกครองของไทยทุกยุคสมัย
อำทิ เกิดปัญหำคอรัปชั่นและฉ้อรำษฎร์บังหลวงขึ้นในวงรำชกำร
ทำำให้บุคคลที่มีอำชีพเป็นนักกำรเมืองมีฐำนะรำ่ำรวยที่สุดในสังคม
โดยเฉพำะเมื่อมีโอกำสเป็นฝ่ำยรัฐบำลและมีตำำแหน่งหน้ำที่ ย่อม
มี ช่อ งทำงในกำรกอบโกยหำผลประโยชน์ เ ป็ น อย่ ำ งมำก จนถู ก
กล่ำวหำว่ำมีฐำนะรำ่ำรวยผิดปกติก็มีปำกมำย จนทำำให้มีกำรฟ้อง
ร้องและเรียกร้องให้มีกำรออกกฎหมำยมำเพื่อตรวจสอบทรัพย์สิน
ของนั ก กำรเมื อ งเลยที เ ดี ย ว และนั ก กำรเมื อ งข้ ำ งฝ่ ำ ยรั ฐ บำลนี้
ถือว่ำเป็นผู้มีหน้ำที่ในกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดินโดยตรง เมื่อมี
ตำำแหน่งหน้ำที่ ก็จะใช้โอกำสที่ตนเองมีอำำนำจหน้ำที่เพื่อแสวงหำ
ผลประโยชน์ใส่ตนและพวกพ้อง ทำำให้ฝ่ำยตรงข้ำม (ฝ่ำยค้ำน)
ต้องออกมำเรียกร้องสิทธิ์ขอเปิดกำรอภิปรำยไม่ไว้วำงใจ ซึ่งทั้ง
6
สองฝ่ำย (ฝ่ำยค้ำนและฝ่ำยรัฐบำล) ต่ำงก็เคยสลับสับเปลี่ยนกัน
เข้ำมำบริหำรบ้ำนเมืองด้วยกันทั้งนั้น แล ะดู เ ห มื อ นว่ ำ ทั้ งส อ ง
ฝ่ ำย เมื่อได้มีโอกำสเข้ำมำทำำ หน้ำที่ บริ ห ำรบ้ ำนเมื อ ง ต่ ำงก็มุ่ ง
เพื่ อ แสวงหำผลประโยชน์ ใส่ ต นและพวกพ้ อ งเสมอมำ โดยไม่ มี
ควำมละอำยแก่ใจในกำรกระทำำและไม่คำำนึงถึงผลประโยชน์ของ
ประชำชนหรื อ ประเทศชำติ เ ป็ น ที่ ตั้ ง นั ก กำรเมื อ งจึ ง กลำยเป็ น
อำชีพ ๆ หนึ่งที่คนหลำย ๆ อำชีพสนใจใฝ่ฝันอยำกจะเป็ น และ
คำำกล่ำวที่ว่ำ “กำรเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ ”เป็นควำมจริง
แท้ในสังคมไทยและในหมู่ชนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง

____________________
        2
        สวนดุสิตโพล. “คนไทยกับัฐธรรมนูญ ” ในสำยตำ “ผู้ที่เกี่ยวข้อง
กั    บ   รั     ฐ    ศ    ำ     ส     ต     ร์   ”        .      .
http://www.dusit.ac.th/new_ver7/dusitpoll/2542_100.html.
2543.
       ฉะนั้ น จะเห็ น ได้ ว่ ำ สั ง คมไทยปั จ จุ บั น เป็ น สภำพสั ง คมที่
กำำลังเปลี่ยนแปลงอย่ำงรวดเร็ว โดยมีระบบเศรษฐกิจเป็นตัวชี้นำำ
ในกำรพัฒนำประเทศ เศรษฐกิจของไทยโดยภำพรวมในปัจจุบัน
ได้เปลี่ยนจำกเศรษฐกิจเกษตรกรรมโบรำณมำเป็นเศรษฐกิจธุรกิจ
กำรค้ำ อุตสำหกรรม และเกตรกรรมที่ทันสมัยมำกขึ้น รำยได้
ของประเทศส่วนใหญ่ในปัจจุบันมำจำกภำคอุตสำหกรรม กำรค้ำ
และบริ ก ำรมำกกว่ ำ ภำคเกษตรกรรม กำรเปลี่ ย นแปลงทำง
เศรษฐกิจที่ค่อนข้ำงจะรวดเร็วในระยะเวลำประมำณสิบกว่ำปีมำนี้
ได้ทำำให้ระบบย่อยอื่น ๆ ของสังคมปรับตัวตำมไม่ทัน ไม่ว่ำจะเป็น
ระบบกำรศึกษำ สำธำรณสุข กำรเมืองกำรปกครอง หรือระบบ
ควำมเชื่อทำงศำสนำก็ตำม ดังจะเห็นได้จำกด้ำนกำรศึกษำที่ยังไม่
อำจตอบสนองควำมต้ อ งกำรทำงเศรษฐกิ จ ได้ ใ นหลำยประกำร
และโดยเฉพำะอำชีพที่ต้องกำรฝีมือหรือควำมรู้เฉพำะทำง อำทิ
ช่ำงกล ช่ำงไฟฟ้ำ ช่ำงอุตสำหกรรม รวมทั้งวิศวกรและบุคลำกร
ทำงกำรแพทย์ สำธำรณสุขและอื่น ๆ ด้ำนกำรสำธำรณสุขแม้ว่ำ
จะพั ฒ นำไปในหลำย ๆ ด้ ำ น แต่ ก็ ยั ง ไม่ เ พี ย งพอ ไม่ ว่ ำ จะ
พิจำรณำในแง่ของบุคลำกรทำงกำรแพทย์ พยำบำล เครื่องมือ
เครื่องใช้ กำรให้บริกำรและสถำนพยำบำลต่ำง ๆ โดยเฉพำะใน
ชนบทห่ ำ งไกล ทำงด้ ำ นกำรเมื อ งกำรปกครองยั ง อยู่ ใ นภำวะ
สับสน แม้จะมุ่งเปลี่ยนไปในทิศทำงของควำมเป็นประชำธิปไตย
มำกขึ้น แต่แรงต้ำนของกลุ่มอำำนำจเก่ำ (อนุรักษ์นิยม) ก็ยังมีอยู่
มำก พฤติกรรมของนักกำรเมืองและพรรคกำรเมืองยังไม่ได้ยึดถือ
อุดมกำรณ์ทำงกำรเมืองเท่ำที่ควร กำรยึดติดตัวบุคคล พวกพ้อง
7
และผลประโยชน์เฉพำะหน้ำยังมีอยู่ไม่น้อย ในเรื่องของควำมเชื่อ
และศำสนำนั้นปรำกฏว่ำ ผู้คนในสังคมไทยไม่ค่อยสนใจจึงทำำให้
ห่ ำ งเหิ น จำกธรรมะมำกขึ้ น แต่ ก ลั บ ไปยึ ด ติ ด อยู่ กั บ เรื่ อ งของ
โหรำศำสตร์ แ ละไสยศำสตร์ เ พิ่ ม มำกขึ้ น มี ค่ ำ นิ ย มในกำรเสพ
บริโภควัต ถุม ำกขึ้นเรื่อย ๆ คนในสังคมส่ ว นใหญ่ ชอบยึ ดติ ดใน
ควำมสนุ ก สนำนชอบทำำ อะไรตำมใจตนเอง ไม่ รั ก ษำกฎหมำย
ของบ้ำนเมือ ง ขำดระเบีย บวิ นัย ในกำรทำำ หน้ ำที่ ก ำรงำนต่ ำ ง ๆ
จึงก่อให้เกิดปัญหำสังคมตำมมำมำกมำย แม้ว่ำเศรษฐกิจโดยรวม
ของประเทศจะดีขึ้นก็ตำม
        ดั ง ที่ ไ ด้ ก ล่ ำ วมำตั้ ง แต่ ตั น ถึ ง สภำพสั ง คม สภำพเศรษฐกิ จ
สภำพกำรเมื อ ง และปั ญ หำต่ ำ ง ๆ ที่ เ กิ ด ขึ้ น จะเห็ น ได้ อ ย่ ำ ง
ชั ด เจนว่ำ มี ปัญ หำนำนำชนิ ด ได้ เ กิ ด ขึ้ น ในสั ง คมไทยซึ่ งมี พุ ท ธ
ศำสนำเป็นรำกฐำนเดิมของวิถีชีวิต แต่เมื่อประมวลเป็นปัญหำ
หลั ก ๆ แล้ ว จะเห็ น ได้ ว่ ำ เป็ น เรื่ อ งของปั ญ หำที่ เ กี่ ย วกั บ กำร
เบียดเบียนทำำลำยชีวิต ปัญหำกำรลักขโมยกำรคอรัปชั่น ปัญหำ
กำรกระทำำ ผิ ด ล่ ว งละเมิ ด ทำงเพศ ปั ญ หำกำรโกหกหลอกลวง
หรือปัญหำกำรติดของมึนเมำอย่ำงใดอย่ำงหนึ่งจนถึงกำรเสพสิ่ง
เสพติ ด ชนิ ด ต่ ำ ง ๆ ที่ ทำำ ให้ เ สี ย สติ จนกลำยเป็ น ปั ญ หำที่ ใ หญ่
ที่สุดในสังคมไทยตลอดจนสังคมโลกด้วย และปัญหำทุกเรื่องใน
สังคมไทยที่ต้องขึ้นโรงขึ้นศำลและทำำให้คนอื่นมำกมำยพลอยเป็น
ทุกข์เดือดร้อนไปด้วยนั้น เป็นสิ่งที่บ่งบอกให้เห็นถึงวิถีชีวิตและ
จิ ตใจของประชำชนในสั งคมด้ ว ยว่ ำ สังคมไทยกำำ ลังตกอยู่ ใน
ภำวะที่เรียกว่ำขำดแคลนศีลธรรม เป็นเพรำะกำรผิดศีลข้อใดข้อ
หนึ่งในห้ำข้อนี้ทั้งสิ้น เพรำะคนในสั ง คมไทยรั ก ษำเบญจศี ล ข้ อ
ขั้นพื้นฐำนไม่ได้จึงเป็นต้นเงื่อนของปัญหำอีกมำกมำยที่ตำม ๆ กัน
มำ
        ผู้ เ ขี ย นเห็ น ว่ ำ กำรสมำทำนและรั ก ษำศี ล นั้ น เป็ น เรื่ อ งที่
จำำเป็นและรีบด่วนที่คนในสังคมไทยจะต้องตื่นตัว ให้ควำมสนใจ
และเอำใจใส่ อ ย่ ำ บงจริ ง จั ง ในกำรประพฤติ ต นให้ เ ป็ น ผู้ มี ศี ล
เพรำะควำมจริงแล้ว เรื่องเบญจศีลนี้เป็นเรื่องที่อยู่กับมนุษยชำติมำ
นำนเท่ำที่ประวัติศำสตร์ของมนุษยจะย้อนกลับไปได้ ทุก ๆ สังคม
ไม่ ว่ ำ จะเจริ ญ ทำงวั ต ถุ ม ำกหรื อ น้ อ ยก็ ต ำม จะมี ก ฎเกณฑ์ ก ำร
ประพฤติอยู่ชุดหนึ่งที่จะให้คนในสังคมทำำตำม กฏเกณฑ์เหล่ำนั้น
ก็มักจะเป็นศีลธรรมขึ้นพื้นฐำนที่จะบอกคนไม่ให้เบียดเบียนทำำร้ำย
หรือประหัดประหำรชีวิตของกันและกัน ไม่ให้พูดเท็จ ไม่ให้ลัก
ขโมย เป็นต้น นอกจำกจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้ำงเป็นธรรมชำติว่ำ
คนเรำไม่ควรทำำ ในสิ่ งที่ผิ ด เช่ นนั้ นแล้ ว ผู้ มีปัญญำในกำรครอง
8
ชี วิ ต ยั ง ทรำบดี ว่ ำ ศี ล ธรรมนั้ น จะเป็ น เหมื อ นเข็ ม และด้ ำ ยที่
สำมำรถร้อยและสอยให้สมำชิกในสังคมนั้น ๆ อยู่กันอย่ำงเป็นสุข
สงบและสันติ กำรเปลี่ยนแปลงของสังคม กำรพัฒนำเทคโนโลยี
ที่ ร วดเร็ ว กำรยึด ติด ในคุ ณ ค่ ำของวั ต ถุ ม ำกจนเกิ น ไป บวกกั บ
ควำมอ่อนแอของสถำบันศำสนำทุกศำสนำนั้น ได้ทำำให้สังคมโลก
ประสบกับควำมสับสนวุ่นวำยในด้ำนศีลธรรมเป็นอย่ำงมำก                                       ใน
ขณะที่ ค นสมั ย ก่ อ นเห็ น เรื่ อ งกำรมี ศี ล ธรรมเป็ น เรื่ อ งธรรมชำติ
ธรรมดำคนมำกมำยในสมัยนี้กลับไม่สำมำรถเข้ำใจว่ำทำำไมตนจึง
ต้องรักษำศีล                เพรำะเขำเห็นตัวอย่ำงของคนไม่น้อยที่ไม่ต้อง
มี ศี ล ธรรม ทำำ มำหำเลี้ย งชี พ อย่ ำ งคดโกง แต่ ก็ ส ำมำรถประสบ
ควำมสำำเร็จในชีวิต มีเงินทองใช้มำกมำย มีข้ำทำสบริวำร และ
สถำนะทำงสังคมที่สูงส่ง                        ด้ ว ยระบบศี ล ธรรมในสั ง คมไทยทุ ก
วันนี้ กำำลังเสื่อมโทรมลงอย่ำงน่ำใจหำย สิ่งที่เคยเป็นเรื่องผิดศีล
ธรรมในอดีตกลับกลำยเป็นเรื่องที่ยอมรับกันในปัจจุบัน โดยเฉพำะ
ปั ญ หำที่กำำ ลัง เกิ ด ขึ้ นกั บ ลู ก หลำนเยำวชนไทย เช่ น เรื่ อ งกำรมี
เพศสั ม พั น ธ์ ก่ อ นวั ย อั น ควร หรื อ กำรใช้ ชี วิ ต อยู่ ด้ ว ยกั น ก่ อ น
แต่งงำน เป็นต้น
         มี ผู้ ที่ ทำำ งำนวิ จั ย ที่ เ กี่ ย วข้ อ งกั บ เรื่ อ งเบญจศี ล นี้ ห ลำยท่ ำ น
ดังนี้
         อำภรณ์ พุกกะมำน, ชียพร วัชชำวุธ และ เกียรติ เปมกิ
ตติ ทำำ กำรศึ ก ษำเรื่ อ ง “กำรศึกษำกำรสอนศีลเพื่อเสริมสร้ำง
พุทธจริยธรรมในสังคมไทย” ในปี พ.ศ. 2528
         นนทนำ อังสุวรังษี                    ทำำกำรศึกษำเรื่อง                    “ก ำ ร
วิ เครำะห์เปรียบเทีย บค่ำนิ ย มละกำรปฏิ บัติ เกี่ ย วกั บ เบญจศี ล ของ
ชำวพุ ท ธในสั ง คมเมมื อ งและชนบท ที่ อ ยู่ ใ นและนอกโครงกำร
แผ่ น ดิ น ธรรมแผ่ น ดิ น ทอง : ศึ ก ษำเฉพำะกรณี ห มู่ บ้ ำ นในอำำ เภอ
โกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์” ในปี พ.ศ. 2533
         พระมหำวรำนนท์ ฐิตำนนฺโท (นวลคำำ ) ทำำกำรศึกษำเรื่อง
“ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงศีล ๕ และสันติภำพในสัง คม : กำรศึกษำ
เชิงวิเครำะห์” ในปี พ.ศ. 2545
         พระมหำทวี ฐำนวโร (อ่ อ นปั ส สำ) ทำำ กำรศึ ก ษำเรื่ อ ง
“ ปำณำติบำตกับปัญหำจริยธรรมในพุทธปรัชญำ ” ในปี พ.ศ.
2534
         พระมหำปั ญ ญำ ชยปญฺ โญ (ดำบพลหำร) ทำำ กำรศึ ก ษำ
เรื่อง “กำเมสุมิจฉำจำรกับปัญหำจริยธรรมในสังคมปัจจุบัน ” ใน
ปี พ.ศ. 2536
9
         พระมหำอำำนวย ญำณสำวโร (พินดอน) ทำำกำรศึกษำเรื่อง
“กำรศึกษำเรื่องผลกระทบจำกกำรล่วงละเมิดศีลข้อที่               5 ที่ มี ต่ อ
สังคมไทย” ในปี พ.ศ. 2542
         แม้จะมีผู้ทำำ งำนวิจัยในเรื่องของศีลธรรมนี้หลำยท่ำนก็ตำม
แต่ผู้เขียนก็มีทรรศนะในเรื่องกำรสร้ำงควำมเข้ำใจเกี่ยวกั บเรื่อง
เบญจศีลนี้พอสมควร จึงได้เสนอกลวิธีกำรต่ำง ๆ ที่จะทำำ ให้ชำว
พุ ท ธซึ่ ง เป็ น ประชำกรส่ ว นใหญ่ ข องประเทศ ได้ ม องเห็ น ควำม
สำำคัญและมีควำมรู้ควำมเข้ำใจในเรื่องเบญจศีลอย่ำงถูกต้อง จะ
ได้ปฏิบัติตนตำมหลักเบญจศีล ได้ อย่ ำงเหมำะสมและถู กต้ องด้ว ย
และผู้ เ ขี ย นเห็ น ว่ ำ กำรประพฤติ ต นตำมหลั ก เบญจศี ล นี้ มี ค วำม
สำำคัญอย่ำงยิ่งสำำหรับคนทุกคน หำกคนเรำสำมำรถสมำทำนและ
รักษำเบญจศีลเพียงห้ำข้อนี้ได้ เบญจศีลที่ทุกคนประพฤติดีแล้ว
จะสำมำรถควบคุมพฤติกรรมต่ำง ๆ ทำงกำยและทำงวำจำ ไม่ให้
ก่อปัญหำควำมเดือดร้อนขึ้นทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น รวมถึงสังคม
ด้ ว ย อั น จั ก ส่ ง ผลให้ สั ง คมไทยและสั ง คมโลกโดยทั่ ว ไป เกิ ด
สันติสุขขึ้นอย่ำงแน่นอน
         ผู้เขียนจะทำำกำรศึกษำจำกเอกสำร            โ ด ย ก ำ ร ค้ น ค ว้ ำ
ข้ อ มู ล ที่ เ กี่ ย วกั บ เบญจศี ล จำกพระไตรปิ ฎ ก อรรถกถำ และ
หนังสือหรือเอกสำรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง         หลั ง จำกนั้ น จะทำำ กำร
วิ เครำะห์ข้อ มูล โดยชี้ให้เห็ นควำมสำำ คั ญ โทษกำรขำดเบญจศี ล
และ ประโยชน์จ ำกกำรปฏิ บั ต ำมเบญจศี ล พร้ อ มทั้ งเสนอกลวิ ธี
ต่ำง ๆ ในกำรปฏิบัติตนให้เป็นผู้มีศีลธรรมในจิตใจและในวิถีชีวิต
จริงของชำวไทยชำวพุทธ
10




                   บทที่ 2
 แนวกำรสอนเบญจศีล ของพระพุท ธเจ้ำ ในสมัย พุท ธกำล

2.1 องค์ป ระกอบและปัจ จัย ที่ท ำำ ให้เ กิด กำรสอนเบญจศีล
          จำกกำรศึกษำประวัติศำสตร์พระพุทธศำสนำทำำ ให้ทรำบว่ำ
พระพุทธศำสนำนั้นเกิดขึ้นท่ำมกลำงควำมเชื่ออันหลำกหลำย มี
เจ้ ำ ลั ท ธิ นั ก คิ ด บั ณ ฑิ ต ฤำษี           ปริ พ ำชก ดำบส อเจลก
นักบวช ฯลฯ เกิดขึ้นมำกมำย ณ ดินแดนที่มีชื่อว่ำ “ชมพูทวีป ”
และพระพุทธศำสนำนั้นก็เกิดขึ้นโดยตรงจำกกำรค้นพบควำมจริง
ด้ ว ยควำมสำมำรถ (ตรัส รู้ ) ของพระอรหั งสั ม มำสั ม พุ ท ธเจ้ ำเอง
เมื่ อ คื น วั น เพ็ ญ เดื อ นวิ ส ำขะ ก่ อ นพระพุ ท ธศั ก รำช 45 ปี ณ
โคนต้น ศรี ม หำโพธิ์ ตำำ บลอุ รุ เ วลำเสนำนิ ค ม แคว้ น มคธ หลั ง
จำกตรัส รู้แล้ว พระพุท ธองค์ ท รงพิ จ ำรณำใคร่ ค รวญในธรรมที่
พระองค์ต รัส รู้โดยใช้เวลำถึ ง 7 สั ปดำห์ (49 วัน ) ทรงดำำ ริ ว่ ำ
พระธรรมที่พระองค์ตรัสรู้นั้น เป็นธรรมที่สุขุมลุ่มลึก ยำกยิ่งนักที่
ช น ผู้ มี กิ เ ล ส ทั้ ง ห ล ำ ย จ ะ เ ข้ ำ ใ จ         แ ต่ ด้ ว ย อ ำ ศั ย พ ร ะ
มหำกรุณำธิคุณ ที่พระพุทธองค์มีอย่ำงยิ่งใหญ่ ทำำให้ทรงตัดสิน
พระทั ย ที่ จ ะแสดงธรรมเพื่ อ โปรดสรรพสั ต ว์ ใ นเวลำต่ อ มำเมื่ อ
พระพุทธศำสนำเกิดขึ้นแล้ว พระพุทธเจ้ำก็ได้เสด็จไปในสถำนที่
ต่ำง ๆ เพื่อประกำศศำสนำ กำรแสดงธรรมของพระพุทธองค์แต่ละ
ครั้ ง ได้ ผ ลมำก ผู้ ฟั ง ได้ ด วงตำเห็ น ธรรมเป็ น พระอริ ย บุ ค คลกั น
มำกมำย อีกทั้งผู้มีศรัทธำปสำทะเลื่อมใส ถึงกับบวชเป็นภิกษุก็มี
ไม่น้อย และมีจำำ นวนมำกขึ้นตำมลำำ ดับ ต่อมำเมื่อ พระพุ ทธเจ้ ำ
ทรงได้ พ ระสำวกระดั บ พระอรหั น ต์ 60 รู ป ก็ ท รงส่ ง ออกไป
ประกำศพระศำสนำ ดังปฐมวำจำที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแก่พระ
สำวกรุ่นแรกเพื่อไปเผยแผ่พระศำสนำในพรรษำแรกแห่งพุทธกิจ
ว่ำ
                 ดูก่อนภิกษุทั้งหลำย เรำพ้นแล้วจำกบ่วงทั้งปวง ทั้งที่
เป็นของทิพย์ ทั้งที่เป็นมนุษย์
                  แม้ พ วกเธอก็ พ้ น แล้ ว จำกบ่ ว งทั้ ง ปวง ทั้ ง ที่ เ ป็ น ของ
ทิพย์ ทั้งที่เป็นของมนุษย์
11
           พวกเธอจงเที่ยวจำริก เพื่อประโยชน์และควำมสุขแก่
ชนหมู่มำก เพื่ออนุเครำะห์โลก
           เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและควำมสุขแก่ทวยเทพและมนุษย์
พวกเธออย่ำได้ไปรวมทำง
            เดี ย วกั น สองรู ป    จงแสดงธรรมงำมในเบื้ อ งต้ น
งำมในท่ำมกลำง งำมในที่สุด
           จงประกำศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะครบ
บริบูรณ์บริสุทธิ์ สัตว์ทั้งหลำย
           จำำพวกที่มีธุลีคือกิเลสในจักษุน้อย มีอยู่ เพรำะไม่
ได้ฟังธรรมย่อมเสื่อม ผู้รู้ทั่วถึง
           ธรรม จักมี ดูก่อนภิกษุทั้งหลำย แม้เรำก็จักไป ยัง
ตำำบลอุรุเวลำเสนำนิคม
           เพื่อแสดงธรรม.3
      ตลอดระยะเวลำถึง 45 พรรษำที่พระสัมมำสัมพุทธเจ้ำทรง
บำำเพ็ญพุทธกิจในแต่ละวันซึ่งมี 5 อย่ำง คือ
           1. ปุพฺพณฺเห ปิณฺฑปำตญฺจ เวลำเช้ ำ เสด็ จ บิ ณ ฑบำต
      2. สำยณฺเห ธมฺมเทสนำ เวลำ
____________________
        3
            วิ. ม. 4 / 32 /72.
               เย็นทรงแสดงธรรม          3. ป โ ท เ ส ภิ กฺ ขุ โ อ ว ำ ทำ
        เวลำคำ่ำประทำนโอวำทแก่เหล่ำภิกษุ
            4. อฑฺฒรตฺเต เทวปญฺหนำ เที่ ย งคื น ทรงตอบปั ญ หำ
เทวดำ          5. ปจฺจุสฺเสว คเต
               กำเล ภพฺ พ ำภพฺ เ พ วิ โ ลกนำ จวนสว่ ำ งทรงตรวจ
พิจำรณำสัตว์ที่สำมำรถและที่ยังไม่
            สำมำรถบรรลุธรรมอันควรจะเสด็จไปโปรดหรือไม่ 4
        ในพุ ท ธกิ จ ประจำำ วั น 5 อย่ ำ ง ของพระพุ ท ธองค์ ที่ ท รง
บำำ เพ็ ญ อยู่ เ สมอนั้ น ย่ อ มจะเป็ น องค์ ป ระกอบอั น สำำ คั ญ ที่ ทำำ ให้
พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนได้เป็นอย่ำงดี และด้วยพุทธจริยำในกำร
สั่งสอนเวไนยสัตว์ คือทรงบำำเพ็ญประโยชน์แก่โลก ทรงบำำเพ็ญ
ประโยชน์แก่ญำติ ทรงบำำเพ็ญประโยชน์ทุกประกำรในฐำนะของ
พระพุทธเจ้ำ 5 ด้วยพระมหำกรุณำคุณอันยิ่งใหญ่ ทั้งในพรรษำ
กำล และนอกพรรษำกำล ไม่ว่ำระยะทำงจะใกล้หรือไกลเพียงไร
พระองค์มิ ได้ ท รงคำำ นึ ง ถึ ง ควำมเหน็ ด เหนื่ อ ยหรื อ ยำกลำำ บำกแต่
ประกำรใด นับตั้งแต่ต รัส รู้ ตรำบจนกระทั่งวั นสุ ดท้ ำยแห่งกำร
เสด็จดับขันธปรินิพพำน ดังเช่นในพรรษำแรกแห่งกำรประกำศ
พระศำสนำ มี เ รื่ อ งรำวของบุ ค คลและเหตุ ก ำรณ์ ที่ เ กี่ ย วกั บ กำร
12
เผยแผ่พระธรรมคำำสอนของพระพุทธองค์เกิดขึ้นมำกมำย บุคคล
ที่เสด็จไปโปรดนั้น ส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์จำกกำรสั่งสอนของ
พระพุทธองค์ทั้งสิ้น คือได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลโดยขั้นตำ่ำ สุด
เป็นพระโสดำบัน จนกระทั่งได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลขั้นสูงสุด
คือเป็นพระอรหันต์ อำทิ ปัญจวัคคีย์, ยสกุลบุตรและสหำยผู้เป็น
บริ ว ำรของท่ ำ น 54 ,               ภั ท ทวั ค คี ย์ 30, ปุ ร ำณชฏิ ล
1,000, บิดำมำรดำและอดีตกรรยำของพระยสะ, พระเจ้ำพิมพิ
สำรพร้อ มเหล่ำรำชบริพำร, อุป ติ ส สะและโกลิ ต ะ (พระสำรี บุต ร
และพระโมคคัลลำนะ), ปิปผลิมำณพ (พระมหำกัสสปะ), กำฬุทำ
ยีอำำมำตย์, พระนำมปชำบดีโคตมี , พระเจ้ำสุทโธทนะ, พระนำง
ยโสธรำและพระรำหุล กุม ำร พร้อมด้วยพระรำชวงศ์และข้ำรำช
บริ พ ำรอี ก มำกมำย เพรำะอำศั ย ควำมอนุ เ ครำะห์ ที่ ท รงมี พ ระ
เมตตำต่อสัตว์โลก พระองค์ทรงพิจำรณำเห็นว่ำ บุคคลในโลกนี้
มีพื้นฐำนควำมรู้ควำมเข้ำใจแห่งสติปัญญำที่แตกต่ำงกัน บุคคลผู้
มีสติปัญำและอุปนิสัยที่เคยสั่งสมมำในอดีตที่พอจะแนะนำำ สั่งสอน
และเข้ ำ ใจในธรรมของพระองค์ ไ ด้ นั้ น ยั ง มี อ ยู่ ซึ่ ง มี ห ลั ก ฐำนที่
พระพุทธองค์ตรัสไว้เกี่ยวกับประเภทบุคคลที่มีปรำกฏในโลกนี้ว่ำมี
4 ประเภท คือ
             ดูกรภิกษุทั้งหลำย บุ ค คล 4 จำำ พวกนี้ มี ป รำกฏอยู่ ใน
โลก 4 จำำพวกเป็นไฉน          คือ
            บุคคลผู้ฉลำดผูกไม่ฉลำดแก้ 1 ฉลำดแก้ไม่ฉลำดผูก 1
ฉลำดทั้งผูกฉลำดทั้งแก้ 1
           ไม่ฉลำดทั้งผูกไม่ฉลำดทั้งแก้ 1                      ดู ก รภิ ก ษุ ทั้ ง
หลำยบุคคล 4 จำำพวกนี้แล
            มีปรำกฏอยู่ในโลก ฯ                ดูกรภิกษุทั้งหลำย บุคคล
4 จำำพวกนี้ มีปรำกฏอยู่ในโลก
            4 จำำ พวกเป็นไฉน คือ อุคฆฏิตัญญู ผู้อำจรู้ธรรมแต่
พอท่ำนยกหัวข้อขึ้นแสดง 1
            วิปจิตัญญู ผู้อ ำจรู้ ธ รรมต่ อ เมื่ อ ท่ ำนอธิ บ ำยควำมแห่ ง
หัวข้อนั้น 1
____________________
           4
          พระเทพเวที (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). พจนำนุกรมพุทธศำสตร์ฉบับ
ประมวลศัพท์ . พิมพ์ครั้งที่ 6,    5,๐๐๐ เล่ม (กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหำ
จุฬำลงกรณรำชวิทยำลัย, 2533), น. 189-190.
        5
          เรื่องเดียวกัน, น. 191.
             เนยยะผู้พอแนะนำำได้ ปทปรมะ ผู้มีบ ทเป็นอย่ ำงยิ่ ง 1
ดูกรภิกษุทั้งหลำย
          บุคคล 4 จำำพวกนี้แลมีปรำกฏอยู่ในโลก ฯ 6
13
       บุ คคลแต่ล ะประเภทที่ มี ร ะดั บ สติ ปั ญ ญำควำมสำมำรถแตก
ต่ ำ งกั น เหล่ ำ นี้ พระสั ม มำสั ม พุ ท ธเจ้ ำ เมื่ อ จะเสด็ จ ไปสั่ ง สอน
พระองค์ยังทรงคำำนึงถึงจริยำ คือควำมประพฤติ หรือ จริต อัน
เป็นสิ่งที่บุคคลผู้มีควำมประพฤติอย่ำงนั้น ๆ ก่อนแล้ว จึงตรัสพระ
ธรรมเทศนำเพื่อให้เหมำะสมกับอัธยำศัยของบุคคลนั้น เกี่ยวกับ
จริ ต นี้ พ ร ะ พ ร ห ม คุ ณ ำ ภ ร ณ์ (ป .อ . ป ยุ ต ฺ โ ต ) ได้ ใ ห้ ค วำม
หมำยไว้ว่ำควำมประพฤติ , พื้นนิสัย หรือพื้นเพแห่งจิตของคนทั้ง
หลำยที่หนักไปด้ำนใดด้ำนหนึ่ง แตกต่ำงกันไปมี 6 ประเภทคือ
                1.รำคจริต ผู้มีรำคะเป็ นควำมประพฤติ ปกติ (หนักไป
ทำงรักสวยรักงำมมักติดใจ)
               2. โทสจริต ผู้มีโทสะเป็นควำมประพฤติปกติ (หนักไป
ทำงใจร้อนขี้หงุดหงิด)
               3. โมหจริต ผู้มีโมหะเป็นควำมประพฤติปกติ (หนักไป
ทำงเหงำซึม งมงำย)
                   4. สั ท ธำจริ ต ผู้ มี ศ รั ท ธำเป็ น ควำมประพฤติ ป กติ
(หนักไปทำงน้อมใจเชื่อ)
                 5. พุทธิจริต ผู้มีควำมรู้เป็นควำมประพฤติปกติ (หนัก
ไปทำงคิดพิจำรณำ)
                   6. วิตกจริต ผู้มีวิตกเป็นควำมประพฤติปกติ (หนักไป
ทำงคิดจับจด ฟุ้งซ่ำน) 7
       เพรำะอำศัยพระมหำกรุณำธิคุณ พระสัมมำสัมพุทธเจ้ำจึงได้
เสด็ จ ออกประกำศศำสนำ โปรดสรรพสั ต ว์ ทำำ ให้ พ ระคุ ณ 2
อย่ำงแรก คือ พระปัญญำคุณ และ พระวิสุทธิคุณเป็นที่ปรำกฏ
และเป็นประโยชน์แก่ชำวโลกอย่ำงแท้จริง                             พระองค์ เ สด็ จ ไป
ช่ ว ยเหลื อ แนะนำำ สั่ ง สอนมนุ ษ ย์ ทั้ ง ที่ เ ป็ น รำยบุ ค คลและกลุ่ ม ชน
โ ด ย ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ค ว ำ ม เ ห นื่ อ ย ย ำ ก ลำำ บ ำ ก ข อ ง พ ร ะ อ ง ค์ เ ล ย
ดังที่พ ร ะ พ รห ม คุณ ำ ภ ร ณ์ กล่ำวว่ำ ไว้ในพุทธคุณ 3 นี้ ข้อที่
เป็นหลักและกล่ำวถึงทั่วไปในคัมภีร์ต่ำง ๆ
มี 2 คือ ปัญ ญำและกรุณ ำ ส่ ว นวิ สุ ท ธิ เป็ นพระคุ ณ เนื่ อ งอยู่ ใ น
พระปัญญำอยู่แล้ว เพรำะเป็นผลเกิดเองจำกกำรตรัสรู้ คัมภีร์ทั้ง
ห ล ำ ย จึ ง ไ ม่ แ บ่ ง ไ ว้ เ ป็ น ข้ อ ห นึ่ ง ต่ ำ ง ห ำ ก 8 แ ล ะ พ ร ะ
มหำกรุณำธิคุณของพระพุทธเจ้ำที่พระองค์ทรงอนุเครำะห์ชำวโลก
นั้น แสดงออกในพุทธกิจประจำำวันที่กล่ำวข้ำงต้น
เหตุ ดั ง ที่ ก ล่ ำ วมำแล้ ว นี้ จึ ง นั บ ว่ ำ เป็ น องค์ ป ระกอบและปั จ จั ย ที่ มี
ควำมสำำคัญยิ่งที่ทำำให้พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนธรรม
2.2 วิธ ีก ำรสอนและลัก ษณะของผู้ฟ ัง กำรสอน
       วิธีกำรสอน
14

____________________
          6
         องฺ. จตุกฺก. 13 / 132-133 / 135.
         7
         พระเทพเวที (ป .อ . ปยุ ตฺ โ ต ). พจนำนุ ก รมพุ ท ธศำสตร์ ฉบั บ
ประมวลศัพท์ .       พิมพ์ครั้งที่ 6, 5,000 เล่ม (กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหำ
จุฬำลงกรณรำชวิทยำลัย, 2533), น. 39.
       8
         พระธรรมปิ ฏ ก (ป .อ . ปยุ ตฺ โ ต ). พจนำนุ ก รมพุ ท ธศำสตร์ ฉบั บ
ประมวลธรรม .         พิมพ์ครั้งที่ 8, 10,000 เล่ม (กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์
มหำจุฬำลงกรณรำชวิทยำลัย, 2538), น. 264.
        สำำ หรั บ วิ ธี ก ำรสอนนั้ น มี ผู้ รู้ ไ ด้ ค้ น คว้ ำ และรวบรวมไว้
มำกมำย ซึ่งผู้เขียนจะได้กล่ำวถึงในบำงเรื่องที่เกี่ยวข้องและเห็น
ว่ำมีควำมสำำคัญที่ควรนำำมำประกอบในงำนเขียนนี้เท่ำนั้น                           ซึ่ ง
เมื่ อ จะกล่ำวถึงต้ นแบบแห่ งวิ ธี ก ำรสอนนั้ น ย่อ มเป็ นกำรสมควร
อย่ ำ งยิ่ ง ที่ จ ะต้ อ งเอ่ ย ถึ ง บุ ค คลผู้ เ ป็ น ต้ น แบบแห่ ง วิ ธี ก ำรสอน
โดยตรง นั่นคือ “องค์พระบรมศำสดำ หรือ พระบรมครู” ซึ่งเป็น
อีกพระนำมหนึ่งของพระพุทธเจ้ำ ที่มหำชนได้ให้สมัญญำนำมแก่
พระองค์ และเป็นที่ปรำกฏแก่ชนทั้งหลำยโดยทั่วไป ซึ่งหมำยถึง
ศำสดำหรือ ครูผู้เยี่ยมยอดในกำรสอน เป็นศำสดำที่ประเสริฐยิ่ง
กว่ำศำสดำใด ๆ ในโลก พระองค์สำมำรถฝึกสอนได้ทั้งมนุษย์และ
เทวดำ ดังมีปรำกฏในบทพุทธคุณตอนหนึ่งว่ำ “อนุตฺตโร ปุรุส
ทมฺม สำรถิ ” เป็นสำรถีฝึก บุ รุ ษที่ ฝึ ก ได้ ไม่ มีใครยิ่ งกว่ ำ “สตฺถำ
เทวมนุสฺสำนำ ” เป็นศำสดำของเทวดำและมนุษย์ทั้งหลำย 9 ควำม
สำมำรถเฉพำะของพระองค์ ย่อมเป็นที่ประจักษ์เหล่ำพุทธบริษัท
ทั้งหลำยเป็นอย่ำงดี และเป็นคุณสมบัติที่สำำ คัญยิ่งที่ บุค คลผู้ เป็ น
ศำสดำเช่นพระองค์จะทรงใช้เพื่อกำรสั่งสอนผู้อื่น
        เกี่ยวกับวิธีกำรสอนของพระบรมศำสดำนั้น มีมำกมำยหลำย
วิธีที่พระองค์ทรงเลือกใช้ ทั้งนี้พระองค์จะทรงพิจำรณำถึงปัจจัย
หลำย ๆ ด้ำนว่ำ มีควำมเหมำะสมหรือไม่ที่จะทรงใช้วิธีกำรนั้น ๆ
ในกำรสั่ ง สอน โดยที่ พ ระองค์ จ ะทรงคำำ นึ ง ถึ ง พื้ น ฐำนของผู้ ฟั ง
ธรรมเป็นอย่ำงมำก ไม่ว่ำบุคคล ๆ นั้นจะมำจำกชนชั้นวรรณะใด
ก็ตำม เมื่อเป็นบุคคลที่พระองค์จะทรงโปรดแล้ ว พระองค์จะให้
ควำมสำำคัญกับบุคคลผู้นั้นเสมอเหมือนกันหมด                                   แ ล ะ
เนื่องจำกผู้ฟังธรรมมีพื้นฐำนควำมรู้ที่แตกต่ำงกัน พระพุทธเจ้ำจึง
ทรงใช้วิธีกำรสอนที่หลำกหลำย ซึ่งในงำนเขียนนี้ จะสรุปมำให้
เห็นพอเป็นตัวอย่ำงประกอบถึงวิธีกำรสอนที่พระพุทธองทรงเลือก
พิจำรณำในกำรสั่งสอนเวไนยสัตว์ คือ
1. ภูมิหลังหรือพื้นเพของผู้ฟัง ได้แก่ วรรณะ กำรศึกษำ และ
อำชีพ เช่น เมื่อพระพุทธเจ้ำตรัสรู้ใหม่ ๆ พระองค์เสด็จไปสอน
15
ปั ญ จวั ค คี ย์ ซึ่ ง เป็ น ชนวรรณะพรำหมณ์ และออกบวชเพื่ อ
แสวงหำทำงพ้ น ทุ ก ข์ โดยที่ พ ระองค์ ไ ด้ ต รั ส ถึ ง มั ช ฌิ ม ำปฏิ ป ทำ
อันเป็นทำงสำยกลำง ได้แก่อริยมรรคมีองค์ 8 และญำณทัสสนะ
ซึ่ ง เป็ น หลั ก ธรรมสำำ คั ญ ทำงพระพุ ท ธศำสนำ และมิ ใ ช่ สิ่ ง ที่ จ ะ
เข้ ำ ใจได้ โ ดยง่ ำ ยสำำ หรั บ ชนทั่ ว ไป เพรำะต้ อ งอำศั ย สติ ปั ญ ญำ
และบุญบำรมีที่ได้สั่งสมแต่อดีตจึงจะสำมำรถเข้ำใจและรู้แจ้งได้ 10
หรือในครั้งหนึ่งที่พระพุทธองค์ถูกอักโกสพรำหมณ์ ซึ่งยังเป็ นผู้
ครองเรื อ นอยู่ ได้ บ ริ ภ ำษ (กำรด่ ำ ) พระองค์ ด้ ว ยควำมโกรธ
และพระองค์ได้ทำำให้อักโกสพรำหมณ์ ตระหนักได้ด้วยตนเองว่ำ
กำรบริภำษพระองค์นั้นไม่มีประโยชน์ โดยทรงใช้วิธีอุปมำถำมถึง
กำรเตรียมอำหำรต้อนรับแขกผู้มำเยือน เมื่อแขกไม่รับอำหำรนั้น
อำหำรย่อมตกเป็นของเจ้ำของบ้ำนดังเดิม 11

____________________
         9
          พระเทพเวที (ป .อ . ปยุ ตฺ โ ต ). พจนำนุ ก รมพุ ท ธศำสตร์ ฉบั บ
ประมวลศัพท์ .        พิมพ์ครั้งที่ 6, 5,000 เล่ม (กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหำ
จุฬำลงกรณรำชวิทยำลัย, 2533), น. 191.
       10
          วิ. ม. 4 / 12 – 17 / 41 – 48.
      11
         ม. ม. 2 / 631 – 632 / 322 – 323.
2. ปัญหำของผู้ฟังธรรม เป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงพิ จ ำรณำถึง
ประกำรต่อมำ ซึ่งหมำยถึงปัญหำด้ำนควำมคิดและปัญหำในชีวิต
ประจำำ วัน ปัญ หำด้ำ นควำมคิ ด นั้ น พระพุ ท ธองค์ ส ำมำรถรู้ ได้
ด้ ว ยเจโตปริย ำยญำณ พระพุ ท ธเจ้ ำจะทรงถำมควำมเข้ ำใจพื้ น
ฐำนของผู้ ฟั ง ที่ เ กี่ ย วข้ อ ง เพื่ อ นำำ ไปสู่ ค วำมเข้ ำ ใจในเรื่ อ งนั้ น
เช่น ในกำรสอนปัญจวัคคีย์เรื่องควำมไม่ยึดมั่นถือมั่น พระพุทธ
องค์ ท รงใช้ คำำ ถำมกระตุ้ น ให้ ปั ญ จวั ค คี ย์ ไ ด้ ค้ น พบข้ อ สรุ ป ด้ ว ย
ตนเอง ดังที่ปรำกฏในอนัตตลักขณสูตร ตอนหนึ่งว่ำ
           พ : รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง
           ป : ไม่เที่ยงพระพุทธเจ้ำข้ำ
           พ : ก็เมื่อสิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่ำ
           ป : เป็นทุกข์พระพุทธเจ้ำข้ำ
            พ : ก็สิ่ ง ใดไม่ เ ที่ ย ง เป็ น ทุ ก ข์ มี ค วำมแปรปรวนเป็ น
ธรรมดำ ควรหรือจะตำมเห็นสิ่งนั้น
                 ว่ำ นั่นของเรำ นั่นเป็นเรำ นั่นเป็นตนของเรำ
           ป : ไม่ควรเลย พระพุทธเจ้ำข้ำ 12
       จำกคำำถำมเหล่ำนี้ ในที่สุดปัญจวัคคีย์ก็ได้ข้อสรุปให้ตนเอง
ว่ำ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นในรูป จะเห็นได้ว่ำ พระพุทธเจ้ำทรงถำม
ให้ปัญจวัคคีย์ให้เหตุผลทีละขั้นตอน และทรงถำมต่อไปถึงเวทนำ
16
สั ญ ญำ สัง ขำร วิ ญ ญำณ ท้ ำยที่ สุ ด จึ ง ทรงสรุ ป ว่ ำ อริ ย สำวก
ย่อมเบื่อหน่ำยในรูป เวทนำ สัญญำ สังขำร วิญญำณ เมื่อเบื่อ
หน่ำยจึงสิ้นกำำหนัด และหลุดพ้นได้ในที่สุด
        ในกรณี ที่ ผู้ ฟั ง ประสบปั ญ หำชี วิ ต พระพุ ท ธเจ้ ำ จะทรง
พิจำรณำถึงสภำพจิตใจของบุคคลผู้นั้นก่อน หลังจำกนั้นจะทรง
ใช้วิธีที่เหมำะสมแก่สถำนกำรณ์ เช่น เมื่อนำงกีสำโคตมี เศร้ำ
โศกเสี ย ใจอย่ ำ งมำก เพรำะบุ ต รของนำงเสี ย ชี วิ ต และได้
กรำบทูลพระพุทธเจ้ำขอให้ช่วยชีวิตบุตรของนำง
ซึ่ ง ในสภำวกำรณ์ เ ช่ น นี้ ผู้ ฟั ง ย่ อ มไม่ มี ค วำมพร้ อ มที่ จ ะฟั ง ธรรม
แน่นอน พระพุทธองค์จึงทรงให้นำงไปหำเมล็ดพันธุ์ผักกำดจำก
บ้ำนที่ไม่มีคนตำยมำให้ได้ก่อน แล้วพระองค์จะทรงช่วย ด้วยวิธี
นี้ นำงจึงได้เรียนรู้ด้วยตนเองว่ำ ควำมตำยเป็นเรื่องธรรมดำ ซึ่ง
ทุกคนต้องประสบ 13 หรื อ ตั ว อย่ ำ ง เรื่ อ งของยสกุ ล บุ ต รซึ่ ง เกิ ด
เบื่อหน่ำยชีวิตกำรครองเรือน พระพุทธเจ้ำทรงแนะนำำยสกุลบุตร
ว่ำ ชีวิตนักบวชไม่มีควำมวุ่นวำย ไม่มีปัญหำ และทรงสั่งสอนธร
รมจนยสกุล บุ ต รบรรลุ ธ รรม ครั้ นคหบดี ผู้ เป็ น บิ ด ำออกตำมหำย
สกุลบุตร พระพุทธเจ้ำก็ทรงแสดงธรรมให้คหบดีฟัง จนเกิดควำม
เลื่อมใสในพระธรรมก่อน แล้วจึงตรัสถำมบิดำของยสกุลบุตร ดัง
มีเนื้อควำมว่ำ
             พ : ดู ก รคหบดี ท่ ำ นจะสำำ คั ญ ควำมข้ อ นั้ น เป็ น ไฉน
ยสกุลบุตรได้เห็นธรรมด้วย
            ญำณทัสสนะเพียงเสขภูมิเหมือนท่ำน เมื่อเธอพิจำรณำ
ภูมิธรรม ตำมที่ตน ได้เห็นแล้ว
            ได้รู้แจ้งแล้ว จิตพ้นแล้วจำกอำสวะทั้งหลำย เพรำะไม่
ถือมั่น ดูกรคหบดี ยสกุลบุตรควร
             หรือ เพื่อ จะกลั บ เป็ น คฤหั ส ถ์ บริ โภคกำม เหมือ นเป็ น
คฤหัสถ์ ครั้งก่อน
____________________
         12
              วิ. ม. 4 / 21 / 53.
        13
              ขุ. อ. 9 / 33 / 604.
            ค. ข้อนั้นไม่ควรเลยพระพุทธเจ้ำข้ำ. พ : ดู ก ร
      คหบดี ยสกุลบุตรได้เห็นธรรมด้วย
            ญำณทัสสนะเพียงเสขภูมิเหมือนท่ำน เมื่อเธอพิจำรณำ
      ภูมิธรรมตำมที่ตนได้เห็นแล้ว
            ได้รู้แจ้งแล้ว จิตพ้นแล้ว จำกอำสวะทั้งหลำย เพรำะไม่
      ถือมั่น ดูกรคหบดี ยสกุลบุตร ไม่
17
              ควรจะกลับเป็นคฤหัสถ์ บริโภคกำมเหมือนเป็นคฤหัสถ์
       ครั้งก่อน. ค : กำรที่จิต
              ของยสกุลบุตรพ้นจำกอำสวะทั้งหลำย เพรำะไม่ถือมั่น
       นั้น เป็นลำภของยสกุลบุตร
              ยสกุลบุตรได้ดีแล้วพระพุทธเจ้ำข้ำ ขอพระผู้มีพระภำค
       มียสกุลบุตร เป็นปัจฉำสมณะ
              จงทรงรับภัตตำหำรของข้ำพระพุทธเจ้ำ เพื่อเสวยในวัน
       นี้เถิดพระพุทธเจ้ำข้ำ 14
       จะเห็นได้ว่ำ วิธีสอนของพระพุทธเจ้ำที่ทรงใช้กับยสกุลบุตร
ต่ำงจำกวิธีที่ทรงใช้กับบิดำของยสกุลบุต เพรำะยสกุลบุตร เกิด
ควำมเบื่อหน่ำยในชีวิตกำรครองเรือนอยู่แล้ว กำรเสนอทำงเลือก
ในกำรดำำ เนินชีวิต ที่แตกต่ำงออกไปจำกเดิม จึงสำมำรถทำำ ให้ย
สกุลบุตรสนใจได้ ส่วนบิดำของยสกุลบุตร เมื่อมำเฝ้ำพระพุทธเจ้ำ
นั้น ยังไม่ได้เห็นทุกข์ของกำรครองเรือน และยังไม่ได้ศรัทธำใน
พระศำสนำ หำกพระพุทธเจ้ำทรงถำมว่ำผู้ที่เข้ำใจธรรมแล้ว ควร
กลับไปครองเรือนอีกหรือไม่ บิดำของยสกุลบุตร ก็จะยังไม่เข้ำใจ
สภำพจิตของผู้ที่เข้ำใจธรรม พระพุทธเจ้ำจึ งทรงสอน จนคหบดี
นั้ น เข้ำใจธรรมก่อ น แล้ว จึงตรั สถำม เพรำะพระพุ ทธองค์ ท รง
คำำนึงพื้นฐำนของผู้ฟังเป็นสำำคัญ แล้วทรงเลือกใช้คำำถำมที่เหมำะ
สมกับผู้ฟัง และสรุปเนื้อหำจำกคำำตอบของผู้ฟังนั่นเอง ค ว ำ ม
เป็นพระบรมศำสดำขององค์สมเด็จพระสัมมำสัมพุทธเจ้ำ ย่อมเป็น
ส่ ว นประกอบที่สำำ คัญ ที่จ ะทำำ ให้ เ กิ ด คุ ณ ลั ก ษณะของผู้ ส อนอย่ ำ ง
พระองค์ ซึ่งเรียกว่ำองค์คุณแห่งกัลยำณมิตรที่มีในพระองค์อย่ำง
สมบูรณ์ และยังถือเป็นแนวทำงกำรประพฤติปฏิบัติได้เป็นอย่ำงดี
เยี่ยมแก่บุคคลผู้เป็นครูสอนทั้งหลำย ดังที่พ ระพรหมคุณ ำภรณ์
ได้ ให้คำำ อธิบำยไว้ว่ ำ “ องค์คุณของกัลยำมิตร ” คุ ณ สมบั ติ ข อง
มิตรดีหรือมิตรแท้ คือท่ำนที่คบหรือเข้ำหำแล้วจะเป็นเหตุให้เกิด
ควำมดีงำมและควำมเจริญ                มี 7 ประกำรด้วยกันคือ
               1. ปิ โ ย (น่ ำ รั ก ในฐำนเป็ น ที่ ส บำยใจและสนิ ท สนม
ชวนให้อยำกเข้ำไปปรึกษำไต่ถำม)
               2. ครุ (น่ ำ เคำรพ ในฐำนประพฤติ ส มควรแก่ ฐ ำนะ
ให้เกิดควำมรู้สึกอบอุ่นใจ
              เป็นที่พึงได้ ละปลอดภัย)
           3. ภำวนี โ ย (น่ ำ เจริ ญ ใจ หรื อ น่ ำ ยกย่ อ ง ในฐำนทรง
               คุณคือควำมรู้และภูมิปัญญำแท้
           จริง ทั้งเป็นผู้ฝึกอบรมและปรับปรุงตนอยู่เสมอ ควรเอำ
           อย่ำง ทำำให้ระลึกและเอ่ยอ้ำงด้วยซำบซึ้งภูมิใจ)
18
      4. วตฺตา จ (รู้จักพูดให้ได้ผล รู้จักชี้แจงให้เข้าใจ รู้
      ว่าเมื่อไรควรพูดอะไรอย่างไร คอยให้คำาแนะนำาว่ากล่าว
      ตักเตือน เป็นที่ปรึกษาที่ดี)
      5. วจนกฺขโม (อดทนต่อถ้อยคำา คือ พร้อมที่จะรับฟังคำา
         ปรึ ก ษาซึ ก ถามคำา เสนอแนะวิ พ ากษ์ วิ จ ารณ์ อดทน
         ฟังได้ไม่เบื่อ ไม่ฉุนเฉียว)
____________________
        14
             วิ. ม. 4 / 28 69 .
        6. คมฺภีรญฺจ กถำ กตฺตา (แถลงเรื่องลำ้า ลึกได้ สามารถ
           อธิบายเรื่องยุ่งยาซับซ้อนให้เข้าใจ และให้เรียนรู้เรื่อง
           ราวที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไป)
        7. โน จฏฺฐาเน นิโยชเย (ไม่ชักนำา ในอฐาน คือ ไม่
        แนะนำา ในเรื่องเหลวไหล หรือชักจูงไปในทางเสื่อมเสีย )
        15

      และในการแสดงธรรมของพระพุทธองค์ทุกครั้ง พระองค์จะ
ทรงมี ลี ล าการสอน หรื อ พุ ท ธลี ล าในการสอนเสมอ ดั ง ที่ พ ร ะ
พรหมคุณ าภรณ์ได้อธิบายความไว้ว่า การสอนของพระพุทธเจ้า
แต่ละครั้ง แม้ที่เป็นเพียงธรรมิกถา หรือการสนทนาทั่วไป ซึ่งมี
ใช่คราวที่มีความมุ่งหมายเฉพาะพิเศษ ก็จะดำาเนินไปอย่างสำาเร็จ
ผลดี โดยมีองค์ประกอบที่เป็นคุณลักษณะ 4 ประการ คือ
         1. สั น ทั ส สนา(ชี้ แ จงให้ ชั ด คื อ จะสอนอะไร ก็ ชี้ แ จง
             จำาแนกแยกแยะอธิบาย            และ
         แสดง เหตุผลให้ชัดเจน จนผู้ฟังเข้าใจแจ่มแจ้งเห็นจริง
         เห็นจัง ดั่งจูงมือไปดูเห็นกับตา
             2. สมาทปนา ชวนให้อยากให้รับเอาไปปฏิบัติ คือ
สิ่งใดควรปฏิบัติหรือหัดทำา
              ก็แนะนำา หรือ บรรยายให้ ซ าบซึ้ ง ในคุ ณ ค่ า มองเห็ น
ความสำาคัญที่จะต้องฝึกฝนบำาเพ็ญ
            จนใจ ยอมรับ อยากลงมือทำา หรือนำาไปปฏิบัติ
            3. สมุตเตชนาเร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า คือ ปลุก
เร้าใจให้กระตือรือร้นเกิดความ
            อุตสาหะ มีกำา ลังใจแข็ .ขัน มั่นใจที่จะทำา ให้สำา เร็จจง
ได้ สู้งาน ไม่หวั่นระย่อไม่กลัว
            เหนื่อย ไม่กลัวยาก
             4. สัม ปหังสนา ปล่ อยชโลมใจให้ สดชื่นร่ าเริ ง คือ
บำารุงจิตให้แช่มชื่นเบิกบาน
19
             โดยชี้ให้เห็นผลดีหรือคุณประโยชน์ที่จะได้รับและทางที่
จะก้าวหน้า บรรลุผลสำาเร็จยิ่ง
             ขึ้นไป ทำาให้ผู้ฟังมีความหวังและร่าเริงใจ 16
       ลักษณะของผู้ฟังการสอน
       ดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้นถึงองค์ประกอบและปัจจัยที่ทำา ให้
เกิดการสอนว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อพระองค์จะทรงสั่งสอน
ใคร พระองค์จ ะทรงรู้และคำา นึ งถึ งความแตกต่ างระหว่ างบุ ค คล
เช่น ทรงคำา นึงถึงจริตของบุคคล และทรงรู้ระดับความสามารถ
ของบุ ค คล อย่ า งที่ พ ระองค์ ไ ด้ ท รงพิ จ ารณาก่ อ นเสด็ จ ออก
ประกาศพระศาสนาว่า
             ““เหล่าสัตว์ที่มีธุลีในดวงตาน้อยก็มี ที่มีกิเลสในดวงตา
มากก็มี ที่มอินทรีย์แก่กล้าก็มี ที่
              ี
             มีอินทรีย์อ่อนก็มี ที่มีอาการดีก็มี มีอาการทรามก็มี ที่จะ
สอนให้รู้ได้ง่ายก็มี ที่จะสอนให้
             รู้ได้ยากก็มี บางพวกที่ตระหนักถึงโทษภัยในปรโลกอยู่
ก็มี ดังนี้ อุปมาเหมือนดังในกอ
             อุบล กอประทุม หรือกอบุณฑริก” 17
____________________
          15
          พระธรรมปิฏก (ป.อ. ปยุตฺโต ). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับ
ประมวลธรรม .          พิ ม พ์ ค รั้ ง ที่ 8, 10,000 เล่ ม (กรุ ง เทพฯ: โรงพิ ม พ์
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2538), น. 238.
       16
          เรื่องเดียวกัน, น. 158.
       17
          วิ. ม. 4 / 9 / 32.
        นอกจากพระองค์ จ ะทรงคำา นึ ง ถึ ง ความแตกต่ า งระหว่ า ง
บุคคลแล้ว ยังทรงคำานึงถึงความพร้อมและความสุกงอม ความแก่
รอบแห่ งอิ น ทรี ย์ ห รื อ ญาณ ของผู้ ฟั ง แต่ ล ะบุ ค คลเป็ น ราย ๆ ไป
ดังเรื่องพระราหุลเป็นตัวอย่าง ที่คราวหนึ่งพระพุทธองค์ทรงคอย
พิจารณาถึงความสุกงอมแห่งอุปนิสัยของพระราหุล ทรงประทับ
หลีกเร้นในที่สงัด ทรงดำาริว่า         “ธรรมเครื่องบ่มวิมุตติของราหุ
ลสุก -งอมดีแล้ว ถ้ากระไรเราพึ งช่ วยชั กนำา เธอใน การกำา จัด อา
สวะให้ยิ่งขึ้นไปอีก” 18
อีกเรื่องหนึ่งที่ยกมาประกอบให้เห็นเป็นตัวอย่างคือ
              เมื่อคราวประทับอยู่ 2 พระองค์ กับพระเมฆิยะ ณ จาลิ
กบรรพต พระเมฆิยะทูลลาไป
           บิณฑบาตในหมู่บ้านชันตุคามในระหว่างทางกลับจาก
บิณฑบาตมาถึงฝั่งลำานำ้ากิมิกาฬา
              ท่านได้เห็นสถานที่ในป่าอัมพวันน่ารื่นรมย์ เกิดความ
คิดว่า เป็นสถานที่เหมาะสมกับ
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล
เบญจศีล

More Related Content

Viewers also liked

กลอนไสยศาสตร์
กลอนไสยศาสตร์กลอนไสยศาสตร์
กลอนไสยศาสตร์Tongsamut vorasan
 
สุภีร์ ทุมทอง วิถีแห่งพุทธะ
สุภีร์ ทุมทอง   วิถีแห่งพุทธะสุภีร์ ทุมทอง   วิถีแห่งพุทธะ
สุภีร์ ทุมทอง วิถีแห่งพุทธะTongsamut vorasan
 
เวสสันดรวิเคราะห์
เวสสันดรวิเคราะห์เวสสันดรวิเคราะห์
เวสสันดรวิเคราะห์Tongsamut vorasan
 
5 44++มังคลัตถทีปนีแปล+เล่ม+๓
5 44++มังคลัตถทีปนีแปล+เล่ม+๓5 44++มังคลัตถทีปนีแปล+เล่ม+๓
5 44++มังคลัตถทีปนีแปล+เล่ม+๓Tongsamut vorasan
 
พระไตรปิฎก
พระไตรปิฎกพระไตรปิฎก
พระไตรปิฎกTongsamut vorasan
 
1 08+อธิบายบาลีไวยากรณ์+นามและอัพพยศัพท์
1 08+อธิบายบาลีไวยากรณ์+นามและอัพพยศัพท์1 08+อธิบายบาลีไวยากรณ์+นามและอัพพยศัพท์
1 08+อธิบายบาลีไวยากรณ์+นามและอัพพยศัพท์Tongsamut vorasan
 
บทสวดมนต์ข้ามปี
บทสวดมนต์ข้ามปีบทสวดมนต์ข้ามปี
บทสวดมนต์ข้ามปีTongsamut vorasan
 
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรมพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรมTongsamut vorasan
 
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)   แก่นแท้ของพระพุทธศาสนาพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)   แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) แก่นแท้ของพระพุทธศาสนาTongsamut vorasan
 
ธรรมบทย่อ 01
ธรรมบทย่อ 01ธรรมบทย่อ 01
ธรรมบทย่อ 01Tongsamut vorasan
 
สุภีร์ ทุมทอง อริยสัจ
สุภีร์ ทุมทอง   อริยสัจสุภีร์ ทุมทอง   อริยสัจ
สุภีร์ ทุมทอง อริยสัจTongsamut vorasan
 
ปทรูปสิทธิมัญชรี
ปทรูปสิทธิมัญชรีปทรูปสิทธิมัญชรี
ปทรูปสิทธิมัญชรีTongsamut vorasan
 
สุรีย์ มีผลกิจ พุทธกิจ 45 พรรษา
สุรีย์ มีผลกิจ   พุทธกิจ 45 พรรษาสุรีย์ มีผลกิจ   พุทธกิจ 45 พรรษา
สุรีย์ มีผลกิจ พุทธกิจ 45 พรรษาTongsamut vorasan
 
กรณีเงื่อนงำ พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ด้วยโรคอะไร ฉบับตัดสั้น
กรณีเงื่อนงำ พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ด้วยโรคอะไร ฉบับตัดสั้นกรณีเงื่อนงำ พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ด้วยโรคอะไร ฉบับตัดสั้น
กรณีเงื่อนงำ พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ด้วยโรคอะไร ฉบับตัดสั้นTongsamut vorasan
 
วิธีจองตั๋วเครื่องบิน โดยพระมหาทองสมุทร ธมฺมาทโร
วิธีจองตั๋วเครื่องบิน  โดยพระมหาทองสมุทร ธมฺมาทโรวิธีจองตั๋วเครื่องบิน  โดยพระมหาทองสมุทร ธมฺมาทโร
วิธีจองตั๋วเครื่องบิน โดยพระมหาทองสมุทร ธมฺมาทโรTongsamut vorasan
 
2 20+พระธัมมปทัฏฐกถาแปล+ภาค+๒
2 20+พระธัมมปทัฏฐกถาแปล+ภาค+๒2 20+พระธัมมปทัฏฐกถาแปล+ภาค+๒
2 20+พระธัมมปทัฏฐกถาแปล+ภาค+๒Tongsamut vorasan
 
วิปัสสนานัย เล่ม2
วิปัสสนานัย เล่ม2วิปัสสนานัย เล่ม2
วิปัสสนานัย เล่ม2Tongsamut vorasan
 

Viewers also liked (20)

กลอนไสยศาสตร์
กลอนไสยศาสตร์กลอนไสยศาสตร์
กลอนไสยศาสตร์
 
สุภีร์ ทุมทอง วิถีแห่งพุทธะ
สุภีร์ ทุมทอง   วิถีแห่งพุทธะสุภีร์ ทุมทอง   วิถีแห่งพุทธะ
สุภีร์ ทุมทอง วิถีแห่งพุทธะ
 
เวสสันดรวิเคราะห์
เวสสันดรวิเคราะห์เวสสันดรวิเคราะห์
เวสสันดรวิเคราะห์
 
5 44++มังคลัตถทีปนีแปล+เล่ม+๓
5 44++มังคลัตถทีปนีแปล+เล่ม+๓5 44++มังคลัตถทีปนีแปล+เล่ม+๓
5 44++มังคลัตถทีปนีแปล+เล่ม+๓
 
พระไตรปิฎก
พระไตรปิฎกพระไตรปิฎก
พระไตรปิฎก
 
1 08+อธิบายบาลีไวยากรณ์+นามและอัพพยศัพท์
1 08+อธิบายบาลีไวยากรณ์+นามและอัพพยศัพท์1 08+อธิบายบาลีไวยากรณ์+นามและอัพพยศัพท์
1 08+อธิบายบาลีไวยากรณ์+นามและอัพพยศัพท์
 
บทสวดมนต์ข้ามปี
บทสวดมนต์ข้ามปีบทสวดมนต์ข้ามปี
บทสวดมนต์ข้ามปี
 
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรมพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
 
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)   แก่นแท้ของพระพุทธศาสนาพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)   แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา
 
-------------- --- 4
 -------------- --- 4 -------------- --- 4
-------------- --- 4
 
ธรรมบทย่อ 01
ธรรมบทย่อ 01ธรรมบทย่อ 01
ธรรมบทย่อ 01
 
สุภีร์ ทุมทอง อริยสัจ
สุภีร์ ทุมทอง   อริยสัจสุภีร์ ทุมทอง   อริยสัจ
สุภีร์ ทุมทอง อริยสัจ
 
ปทรูปสิทธิมัญชรี
ปทรูปสิทธิมัญชรีปทรูปสิทธิมัญชรี
ปทรูปสิทธิมัญชรี
 
สุรีย์ มีผลกิจ พุทธกิจ 45 พรรษา
สุรีย์ มีผลกิจ   พุทธกิจ 45 พรรษาสุรีย์ มีผลกิจ   พุทธกิจ 45 พรรษา
สุรีย์ มีผลกิจ พุทธกิจ 45 พรรษา
 
ภาค 1
ภาค 1ภาค 1
ภาค 1
 
กรณีเงื่อนงำ พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ด้วยโรคอะไร ฉบับตัดสั้น
กรณีเงื่อนงำ พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ด้วยโรคอะไร ฉบับตัดสั้นกรณีเงื่อนงำ พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ด้วยโรคอะไร ฉบับตัดสั้น
กรณีเงื่อนงำ พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ด้วยโรคอะไร ฉบับตัดสั้น
 
วิธีจองตั๋วเครื่องบิน โดยพระมหาทองสมุทร ธมฺมาทโร
วิธีจองตั๋วเครื่องบิน  โดยพระมหาทองสมุทร ธมฺมาทโรวิธีจองตั๋วเครื่องบิน  โดยพระมหาทองสมุทร ธมฺมาทโร
วิธีจองตั๋วเครื่องบิน โดยพระมหาทองสมุทร ธมฺมาทโร
 
2 20+พระธัมมปทัฏฐกถาแปล+ภาค+๒
2 20+พระธัมมปทัฏฐกถาแปล+ภาค+๒2 20+พระธัมมปทัฏฐกถาแปล+ภาค+๒
2 20+พระธัมมปทัฏฐกถาแปล+ภาค+๒
 
ภาค8
ภาค8ภาค8
ภาค8
 
วิปัสสนานัย เล่ม2
วิปัสสนานัย เล่ม2วิปัสสนานัย เล่ม2
วิปัสสนานัย เล่ม2
 

Similar to เบญจศีล

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ผลสะท้อนจากหลักธรรมในพุทธศาสนาเถรวาท
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง  ผลสะท้อนจากหลักธรรมในพุทธศาสนาเถรวาทปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง  ผลสะท้อนจากหลักธรรมในพุทธศาสนาเถรวาท
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ผลสะท้อนจากหลักธรรมในพุทธศาสนาเถรวาทpentanino
 
การบริหารการเปลี่ยนแปลงในหน่วยงานฉบับสมบรูณ์
การบริหารการเปลี่ยนแปลงในหน่วยงานฉบับสมบรูณ์การบริหารการเปลี่ยนแปลงในหน่วยงานฉบับสมบรูณ์
การบริหารการเปลี่ยนแปลงในหน่วยงานฉบับสมบรูณ์ออร์คิด คุง
 
หลักธรรมาภิบาล
หลักธรรมาภิบาลหลักธรรมาภิบาล
หลักธรรมาภิบาลWiroj Suknongbueng
 
นำเสนอปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
นำเสนอปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนำเสนอปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
นำเสนอปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงSuriyakan Yunin
 
กลุ่มควายโบ้ --พลังงานหมุนเวียนกับเศรษฐกิจพอเพียง เชื่อมโยง
กลุ่มควายโบ้ --พลังงานหมุนเวียนกับเศรษฐกิจพอเพียง เชื่อมโยงกลุ่มควายโบ้ --พลังงานหมุนเวียนกับเศรษฐกิจพอเพียง เชื่อมโยง
กลุ่มควายโบ้ --พลังงานหมุนเวียนกับเศรษฐกิจพอเพียง เชื่อมโยงfreelance
 
บ้านโคกอีโด่ย --โครงการวิจัยเอกสารชุมชนต้นแบบที่นำแนวคิดพระราชดำริเรื่องเศรษฐ...
บ้านโคกอีโด่ย --โครงการวิจัยเอกสารชุมชนต้นแบบที่นำแนวคิดพระราชดำริเรื่องเศรษฐ...บ้านโคกอีโด่ย --โครงการวิจัยเอกสารชุมชนต้นแบบที่นำแนวคิดพระราชดำริเรื่องเศรษฐ...
บ้านโคกอีโด่ย --โครงการวิจัยเอกสารชุมชนต้นแบบที่นำแนวคิดพระราชดำริเรื่องเศรษฐ...freelance
 
การบริหารการเปลี่ยนแปลงในหน่วยงานฉบับสมบรู ณ์
การบริหารการเปลี่ยนแปลงในหน่วยงานฉบับสมบรู ณ์การบริหารการเปลี่ยนแปลงในหน่วยงานฉบับสมบรู ณ์
การบริหารการเปลี่ยนแปลงในหน่วยงานฉบับสมบรู ณ์ออร์คิด คุง
 
รายงานผลประเมินโครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ โรงเรียนวัดโพธิ์ทอง(วิศิษฐ์ประชา...
รายงานผลประเมินโครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ โรงเรียนวัดโพธิ์ทอง(วิศิษฐ์ประชา...รายงานผลประเมินโครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ โรงเรียนวัดโพธิ์ทอง(วิศิษฐ์ประชา...
รายงานผลประเมินโครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ โรงเรียนวัดโพธิ์ทอง(วิศิษฐ์ประชา...omsnooo
 
การพัฒนาภาวะผูนําของคณะสงฆไทย
การพัฒนาภาวะผูนําของคณะสงฆไทยการพัฒนาภาวะผูนําของคณะสงฆไทย
การพัฒนาภาวะผูนําของคณะสงฆไทยpentanino
 
มาตรฐานและตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม
มาตรฐานและตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรมมาตรฐานและตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม
มาตรฐานและตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรมBoonlert Aroonpiboon
 
ต้องทำแบบคนจน
ต้องทำแบบคนจนต้องทำแบบคนจน
ต้องทำแบบคนจนDinhin Rakpong-Asoke
 
การบริหารงานตามหลักอธิปปไตยในพระพุทธศาสนา
การบริหารงานตามหลักอธิปปไตยในพระพุทธศาสนาการบริหารงานตามหลักอธิปปไตยในพระพุทธศาสนา
การบริหารงานตามหลักอธิปปไตยในพระพุทธศาสนาวัดดอนทอง กาฬสินธุ์
 
การบริหารงานตามหลักอธิปปไตยในพระพุทธศาสนา๒
การบริหารงานตามหลักอธิปปไตยในพระพุทธศาสนา๒การบริหารงานตามหลักอธิปปไตยในพระพุทธศาสนา๒
การบริหารงานตามหลักอธิปปไตยในพระพุทธศาสนา๒วัดดอนทอง กาฬสินธุ์
 

Similar to เบญจศีล (20)

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ผลสะท้อนจากหลักธรรมในพุทธศาสนาเถรวาท
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง  ผลสะท้อนจากหลักธรรมในพุทธศาสนาเถรวาทปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง  ผลสะท้อนจากหลักธรรมในพุทธศาสนาเถรวาท
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ผลสะท้อนจากหลักธรรมในพุทธศาสนาเถรวาท
 
การบริหารการเปลี่ยนแปลงในหน่วยงานฉบับสมบรูณ์
การบริหารการเปลี่ยนแปลงในหน่วยงานฉบับสมบรูณ์การบริหารการเปลี่ยนแปลงในหน่วยงานฉบับสมบรูณ์
การบริหารการเปลี่ยนแปลงในหน่วยงานฉบับสมบรูณ์
 
หลักธรรมาภิบาล
หลักธรรมาภิบาลหลักธรรมาภิบาล
หลักธรรมาภิบาล
 
นำเสนอปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
นำเสนอปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนำเสนอปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
นำเสนอปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
 
กลุ่มควายโบ้ --พลังงานหมุนเวียนกับเศรษฐกิจพอเพียง เชื่อมโยง
กลุ่มควายโบ้ --พลังงานหมุนเวียนกับเศรษฐกิจพอเพียง เชื่อมโยงกลุ่มควายโบ้ --พลังงานหมุนเวียนกับเศรษฐกิจพอเพียง เชื่อมโยง
กลุ่มควายโบ้ --พลังงานหมุนเวียนกับเศรษฐกิจพอเพียง เชื่อมโยง
 
บ้านโคกอีโด่ย --โครงการวิจัยเอกสารชุมชนต้นแบบที่นำแนวคิดพระราชดำริเรื่องเศรษฐ...
บ้านโคกอีโด่ย --โครงการวิจัยเอกสารชุมชนต้นแบบที่นำแนวคิดพระราชดำริเรื่องเศรษฐ...บ้านโคกอีโด่ย --โครงการวิจัยเอกสารชุมชนต้นแบบที่นำแนวคิดพระราชดำริเรื่องเศรษฐ...
บ้านโคกอีโด่ย --โครงการวิจัยเอกสารชุมชนต้นแบบที่นำแนวคิดพระราชดำริเรื่องเศรษฐ...
 
บทที่1
บทที่1บทที่1
บทที่1
 
รวมเล่ม (1)
รวมเล่ม (1)รวมเล่ม (1)
รวมเล่ม (1)
 
การบริหารการเปลี่ยนแปลงในหน่วยงานฉบับสมบรู ณ์
การบริหารการเปลี่ยนแปลงในหน่วยงานฉบับสมบรู ณ์การบริหารการเปลี่ยนแปลงในหน่วยงานฉบับสมบรู ณ์
การบริหารการเปลี่ยนแปลงในหน่วยงานฉบับสมบรู ณ์
 
รายงานผลประเมินโครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ โรงเรียนวัดโพธิ์ทอง(วิศิษฐ์ประชา...
รายงานผลประเมินโครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ โรงเรียนวัดโพธิ์ทอง(วิศิษฐ์ประชา...รายงานผลประเมินโครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ โรงเรียนวัดโพธิ์ทอง(วิศิษฐ์ประชา...
รายงานผลประเมินโครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ โรงเรียนวัดโพธิ์ทอง(วิศิษฐ์ประชา...
 
การพัฒนาภาวะผูนําของคณะสงฆไทย
การพัฒนาภาวะผูนําของคณะสงฆไทยการพัฒนาภาวะผูนําของคณะสงฆไทย
การพัฒนาภาวะผูนําของคณะสงฆไทย
 
บทท่ี 1
บทท่ี 1บทท่ี 1
บทท่ี 1
 
มาตรฐานและตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม
มาตรฐานและตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรมมาตรฐานและตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม
มาตรฐานและตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม
 
Suffeco po(2)
Suffeco po(2)Suffeco po(2)
Suffeco po(2)
 
001
001001
001
 
ต้องทำแบบคนจน
ต้องทำแบบคนจนต้องทำแบบคนจน
ต้องทำแบบคนจน
 
88
8888
88
 
การบริหารงานตามหลักอธิปปไตยในพระพุทธศาสนา
การบริหารงานตามหลักอธิปปไตยในพระพุทธศาสนาการบริหารงานตามหลักอธิปปไตยในพระพุทธศาสนา
การบริหารงานตามหลักอธิปปไตยในพระพุทธศาสนา
 
การบริหารงานตามหลักอธิปปไตยในพระพุทธศาสนา๒
การบริหารงานตามหลักอธิปปไตยในพระพุทธศาสนา๒การบริหารงานตามหลักอธิปปไตยในพระพุทธศาสนา๒
การบริหารงานตามหลักอธิปปไตยในพระพุทธศาสนา๒
 
G สังคมไทย social3
G สังคมไทย social3G สังคมไทย social3
G สังคมไทย social3
 

More from Tongsamut vorasan

หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒Tongsamut vorasan
 
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษFood reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษTongsamut vorasan
 
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริการะเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาTongsamut vorasan
 
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์Tongsamut vorasan
 
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์Tongsamut vorasan
 
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติเจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติTongsamut vorasan
 
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโตเจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโตTongsamut vorasan
 
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรมเพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรมTongsamut vorasan
 
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔Tongsamut vorasan
 
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)Tongsamut vorasan
 
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริการะเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาTongsamut vorasan
 
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯTongsamut vorasan
 
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018Tongsamut vorasan
 
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖Tongsamut vorasan
 
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกากำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกาTongsamut vorasan
 
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจTongsamut vorasan
 
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้นหลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้นTongsamut vorasan
 
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาทหนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาทTongsamut vorasan
 
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2Tongsamut vorasan
 
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษTongsamut vorasan
 

More from Tongsamut vorasan (20)

หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
 
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษFood reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
 
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริการะเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
 
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
 
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
 
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติเจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
 
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโตเจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
 
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรมเพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
 
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
 
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
 
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริการะเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
 
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
 
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
 
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
 
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกากำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
 
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
 
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้นหลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
 
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาทหนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
 
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
 
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
 

เบญจศีล

  • 1. 1 บทที่ 1 บทนำำ สังคมของเรำในโลกยุคปัจจุบันกำำลังประสบกับภำวะปัญหำที่ เป็ น วิ ก ฤติ ก ำณ์ อ ย่ ำ งหนั ก เกิ ด ควำมเดื อ ดร้ อ นระสำ่ำ ระสำยอยู่ ตลอดเวลำ ยิ่งมีควำมเจริญก้ำวหน้ำทำงด้ำนวัตถุมำกเพียงใด ยิ่ง เกิดปัญหำควำมยุ่งเหยิงมำกขึ้นเพียงนั้น ควำมเจริ ญ ทำงวั ต ถุ อั น เป็นผลแห่งควำมก้ำวหน้ำทำงวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีในสมัย ปัจจุบัน ส่งผลให้สังคมนำนำประเทศทั่วโลกรวมถึงสังคมไทยด้วย ได้รับควำมสะดวกสบำยมำกขึ้น โดยเฉพำะเมื่อกล่ำวถึงสังคมไทย แล้ว ถือได้ว่ำได้รับอิทธิพลจำกวัตถุนิยมเป็นอย่ำงมำก เพรำะวิถี ชีวิตของคนในสังคมปัจจุบัน ได้รับควำมสะดวกสบำยมำกกว่ำวิถี ชี วิ ต ของคนในสมั ย อดี ต ที่ ผ่ ำ นมำ แต่ นั่ น ก็ ไ ม่ ไ ด้ ห มำยควำมว่ ำ สังคมไทยจะมีควำมสงบสุข เพรำะควำมสะดวกวกสบำยเป็นเรื่อง ของวั ต ถุ ที่ เ กิ ด มี ขึ้ น และนำำ มำบำำ บั ด ควำมต้ อ งกำรทำงร่ ำ งกำย เท่ำนั้น ส่วนควำมสุขสงบเป็นเรื่องของจิตใจซึ่งอยู่ภำยใน ยิ่งมี ควำมสะดวกสบำยมำกเท่ำไร ยิ่งทำำให้รู้สึกว่ำ ตนเองมีควำมสุข มำกเท่ำนั้น แต่ในแง่ควำมเป็ นจริ งหำได้ เป็ นเช่นนั้ นไม่ เพรำะ ควำมสุ ข และควำมสะดวกสบำยเป็ น คนละอย่ ำ งกั น แต่ ผู้ ค นใน สังคมกลับมองเห็นว่ำ เป็นอย่ำงเดียวกัน นั่นเป็นเพรำะว่ำสังคม ไทยในปั จ จุ บั น ผู้ ค นกำำ ลั ง หลงระเริ ง อยู่ กั บ วั ต ถุ นิ ย ม มี ค วำม ปรำรถนำเพี ย งเพื่ อ จะเสพบริ โ ภคเท่ ำ นั้ น โดยไม่ ไ ด้ พิ จ ำรณำ หรือไม่มีเวลำแม้แต่จะคิดก่อนตัดสินใจว่ำ สิ่งที่เสพบริโภคเข้ำไป นั้นดีหรือไม่ดี ให้คุณประโยชน์หรือให้โทษแก่ต นเองและสั งคม มำกน้อยเพียงไร เมื่อมองถึงสภำพปัญหำที่กำำ ลั งเกิดขึ้นกับสั งคมไทยตำม หลักธรรมทำงพระพุทธศำสนำแล้วจะเห็นได้ว่ำ สังคมไทยกำำ ลัง ประสบกับควำมเสื่อมโทรมทำงศีลธรรมเป็นอย่ำงมำก ศีลธรรมอัน ดีงำมกำำลังห่ำงหำยและเลือนหำยไปจำกจิตใจของคนไทย ผู้คน ในสังคมเกิดควำมเห็นแก่ตัวกันมำกขึ้น เพรำะอำำ นำจของควำม โลภ เมื่อไม่ได้อย่ำงที่ตนต้องกำรก็เกิดโทสะคือควำมโกรธขึ้นใน จิ ต ใจ เมื่ อ เป็ น เช่ น นี้ จึ ง ทำำ ให้ จิ ต ใจของคนไทยยึ ด ติ ด อยู่ กั บ โมหะคือ ควำมลุ่ ม หลง ยึด ถื อ ในสิ่ งที่ ผิ ด ว่ ำ ถู ก ต้ อ งเรื่ อ ยมำ จะทำำ อะไรก็ทำำไปตำมอำำนำจของกิเลส กำรแสดงออกถึงควำมเคำรพ บู ช ำต่ อ ผู้ ที่ ค วรแสดงควำมเคำรพบู ช ำ หรื อ กำรแสดงควำม นอบน้อมกตัญญูต่อบูคคลผู้มีพระคุณ กำำลังห่ำงหำยไปจำกสังคม ไทย เช่น บุตรธิดำ ขำดกำรเคำรพบิดำมำรดำ ลูกศิษย์ขำดกำร เคำรพครู บ ำอำจำรย์ เด็ กเยำวชนขำดกำรเคำรพผู้ ห ลั ก ผู้ ใ หญ่
  • 2. 2 ลู ก หลำนเยำวชนไทยในสมั ย อดี ต ให้ ค วำมควำมรู้ สึ ก และควำม สำำ คัญต่อคำำ ว่ำ บุญและบำป เป็นอย่ำงมำก เพรำะเกิดกำรละอำย ชั่วกลัวบำป แต่ในสมัยปัจจุบันคำำว่ำบุญและบำป ไม่มีควำมสำำคัญ ในควำมรู้สึก และได้ห่ำงหำยไปจำกจิตใจของลูกหลำนเยำวชน ไทยเสียแล้ว เพรำะไม่มีควำมหวำดสะดุ้งกลัวต่อกำรทำำบำปกรรม ใด ๆ เลย ระบบกำรศึ ก ษำที่ ถู ก ปฏิ รู ป ขึ้ น มำใช้ ก็ ยั ง ไม่ ส ำมำรถ แก้ไขปัญหำต่ำง ๆ ที่เกิดขึ้นแก่สังคมได้ เหตุ ดั ง กล่ ำ วนี้ จึ ง ทำำ ให้ สภำพควำมเสื่ อ มโทรมและควำมสลั บ ซั บ ซ้ อ นของปั ญ หำหลั ก ๆ เกิ ด ขึ้ นมำกในสั งคมไทย ซึ่ งจะได้ กล่ ำวให้ เห็ นสภำพโดยทั่ ว ๆ ไปของสังคมไทยปัจจุบันเป็นลำำดับ ๆ ไป สภำพสัง คม เมื่อกล่ำวถึงสถำนกำรณ์ของสังคมไทยใน ปั จ จุ บั น คงไม่ มี ใ ครปฏิ เ สธได้ ว่ ำ กำำ ลั ง ตกอยู่ ใ นภำวะของกำร เปลี่ยนแปลงในหลำยด้ำน ซึ่ ง ถ้ ำ ไ ด้ ศึ ก ษ ำ ต ำ ม ห น้ ำ ประวัติศำสตร์จะทรำบได้ว่ำภำวะของกำรเปลี่ยนแปลงดังกล่ำวได้ เริ่มก่อตัวมำแล้วจำกอดีต และที่มองเห็นภำพได้อย่ำงชัดเจนกคือ ช่วงสมัยรัชกำลที่ 5 เรื่อยมำจนถึงปัจจุบัน และภำวะควำม เปลี่ยนแปลงนี้ได้มีผลกระทบเป็นอย่ำงมำกต่อวิถีชีวิตของคนไทย ทั้งทำงบวกและทำงลบ ทำงบวกคือ ทำำ ให้วิถีชีวิตคนไทยมีสภำพ ควำมเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพรำะสำเหตุมำจำกควำมเจริญก้ำวหน้ำทำง วัตถุได้ส่งผลให้สภำพสังคมไทยได้รับควำมสะดวกสบำยมำกกว่ำ สภำพสังคมไทยในอดีต และเมื่ อ มองในทำงในทำงตรงกั น ข้ำม จำกกำรที่สังคมไทยได้รับเอำวัฒนธรรมซึ่งเป็นค่ำนิยมด้ำน ควำมเจริญทำงวัตถุของสังคมตะวันตกมำเสพบริโภค ทำำ ให้เกิด ผลกระทบในทำงลบต่อสังคมไทยจำกอดีต เรื่ อยมำจนถึ งปั จจุ บัน เช่ น กั น ทำงลบคื อ ทำำ ให้ ส ภำพสั ง คมไทยกำำ ลั ง ประสบกั บ วิกฤติกำรณ์ต่ำง ๆ ทุกรูปแบบ เป็นสังคมที่ กำำ ลั งตกอยู่ ในสถำพ ควำมเสื่อมโทรมและควำมสับสนวุ่นวำยโกลำหลในด้ำนศีลธรรม อย่ งที่ ไม่เคยปรำกฏมำก่อ นในอดี ต จนเรี ย กได้ ว่ ำ ศีล ธรรมได้ ห่ำงหำยไปจำกสังคม และในขณะเดียวกันสังคมก็ตกอยู่ในภำวะ ที่ขำดแคลนศีลธรรมเช่นกัน ซึ่งสำมำรถรับรู้และเข้ำใจปัญหำต่ำง ๆ เหล่ ำ นี้ ไ ด้ จ ำกสื่ อ แต่ ล ะแขนงที่ นำำ มำเสนอไม่ เ ว้ น แต่ ล ะวั น ฉะนั้น จึงกล่ำวได้ว่ำ ภำวะสังคมไทยปัจจุบันมีทั้งกำร เปลี่ยนแปลงไปข้ำงหน้ำและกำรถอยหลังในบำงเรื่อง ทำำให้สังคม ไทยยังขำดควำมเป็นระเบียบ แม้จะมีกำรจัดระเบียบของสังคม ในหลำย ๆ ด้ำนก็ตำม กำรไม่รักษำกฎหมำยของบ้ำนเมือง กำร ขำดวิ นั ย ในกำรทำำ หน้ ำ ที่ ต่ ำ ง ๆ เป็ น สิ่ ง ที่ ค นไทยถื อ เป็ น เรื่ อ ง ธรรมดำ ผู้ ค นในสั ง คมกำำ ลั ง สั บ สนวุ่ น วำยเกี่ ย วกั บ กำรดำำ เนิ น
  • 3. 3 ชีวิต เกิดปัญหำต่ำง ๆ ขึ้นมำกมำยในสังคมชนบทและสังคมเมือง เช่น ปัญหำควำมยำกจนและไร้ที่อยู่อำศัย , ปัญหำกำรว่ำงงำน, ปั ญ ห ำ ค ร อ บ ค รั ว , ปั ญ ห ำ สุ ข ภ ำ พ , ปั ญ ห ำ ม ล พิ ษ แ ล ะ สิ่ ง แวดล้อม,ปัญหำอำชญำกรรม, ปัญหำกำรลักขโมยและฉกชิงวิ่ง รำว, ปั ญ หำกำรประพฤติ ผิ ด ทำงเพศ, ปั ญ หำเด็ ก และวั ย รุ่ น , ปั ญ หำอบำยมุ ข และสิ่ ง เสพติ ด เป็ น ต้ น ปั ญ หำหลั ก ๆ เหล่ ำ นี้ ล้วนเป็นปัญหำที่ยังคงเกิดขึ้นและมีปรำกฏให้เห็นอยู่เสมอในสังคม ไทยปั จ จุ บั น สภำพปั ญ หำที่ เ กิ ด ขึ้ น ในสั ง คมไทย ได้ พ อกพู น ทั บ ถม และสลับซับซ้อ นมำยำวนำน จนยำกที่ จ ะแก้ ไ ข จึ งเป็ น ภำระหน้ำที่อันหนักและใหญ่หลวงยิ่งนักของคนไทยทุกคนและทุก ฝ่ำยที่จะต้องช่วยกันรับผิดชอบและหำทำงแก้ไขต่อไป สภำพเศรษฐกิจ ควำมเปลี่ ยนแปลงที่ ไม่ ค งที่ ภำวะ แห่งควำมไม่แน่นอน เป็นสัจธรรมที่เป็นจริงที่มีให้รับรู้และมีเป็น ตั วอย่ำงปรำกฏมำกมำยในโลกในสั งคมนี้ สภำพของเศรษฐกิ จ ไทยในปั จ จุ บั น ก็ เ ช่ น กั น ได้ เ ปลี่ ย นจำกเศรษฐกิ จ เกษตรกรรม โบรำณมำเป็นเศรษฐกิจกำรค้ำ อุตสำหกรรม และเกษตรกรรมที่ ทันสมัยมำกขึ้น รำยได้ของประเทศส่วนใหญ่ในปัจจุบันก็มำจำก ภ ำ ค อุ ต ส ำ ห ก ร ร ม ธุ ร กิ จ ก ำ ร ค้ ำ แ ล ะ บ ริ ก ำ ร ม ำ ก ก ว่ ำ ภ ำ ค เกษตรกรรม กำรผลิตเพื่อบริโภคในครัวเรือนแต่เพียงอย่ำงเดียว นั้น เกือบจะหมดสิ้นไปจำกสั งคมไทยแล้ว เพรำะปั จจุ บันระบบ เศรษฐกิจไทย ได้เปลี่ยนแปลงเข้ำสู่กำรค้ำขำยตำมแนวทำงของ ระบบเศรษฐกิ จ ตะวั น ตก กำรผลิ ต สิ น ค้ ำ จำกวั ต ถุ ดิ บ ท ำง ธรรมชำติ เ พื่ อ ค้ ำ ขำยกั บ ต่ ำ งประเทศมี ก ำรขยำยตั ว มำกขึ้ น เศรษฐกิจของไทยกำำลังอยู่ในยุคที่เรียกว่ำ “โลกำภิวัตน์” เป็นยุค กำรแพร่กระจำยไปทั่วโลก, กำรที่ป ระชำคมโลกไม่ วำจะอยู่ ณ จุดใด สำมำรถรับรู้ สัมพันธ์ หรือ รับผลกระทบจำกสิ่งที่เกิดขึ้น ได้ อ ย่ ำ งรวดเร็ ว กว้ ำ งขวำง ซึ่ ง เนื่ อ งมำจำกกำรพั ฒ นำระบบ สำรสนเทศ เป็นต้น 1 ทำำ ให้ ร ะบบเศรษฐกิ จ ไทยได้ เปลี่ ย นเข้ ำสู่ ธุรกิจภำคอุตสำหกรรมและด้ำนบริกำรอย่ำงรวดเร็ว และมีสภำพ คล่องตัวเป็นอย่ำงมำกทั้งด้ำนกำรเงินและกำรธนำคำร แม้ในช่วง ระยะที่ผ่ำนมำ (พ.ศ. 2540) ภำวะเศรษฐกิจ ไทยจะตกตำ่ำ ที่ สุด หรือที่เรียกว่ำเศรษฐกิจฟอกสบู่ แตก ทำำ ให้ประเทศไทยต้องเป็ น หนี้ต่ำงประเทศมำกมำย แต่หลังจำกนั้น ระบบเศรษฐกิจของไทย ก็กลับฟื้นตัวได้อีกครั้ง โดยกำรบริหำรจัดกำรของรัฐบำลชุดใหม่ ทำำให้เศรษฐกิจไทยปัจจุบันโดยภำพรวมมีสภำพคล่องตัวดีขึ้นตำม ลำำดับ แต่กำรดำำรงชีวิตประจำำวันของคนไทยยังคงประสบกับค่ำ ครองชีพที่นับวันจะสูงขึ้นทุ กขณะ แม้จะมีกำรขึ้นค่ำแรงงำนให้
  • 4. 4 แก่ ผู้ ใช้ แรงงำนในทุ ก รั ฐ บำลก็ ต ำม ในขณะเดี ย วกั น รำคำของ สิ น ค้ ำ เครื่ อ งอุ ป โภคบริ โ ภคก็ สู ง ขึ้ น เป็ น เงำตำมตั ว เช่ น กั น ตำม รำคำนำ้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ เพรำะผลพวงจำกสงครำมที่เกิด ขึ้ น ในต่ ำ งประเทศ และอี ก หลำย ๆ ปั จ จั ย ที่ เ กี่ ย วข้ อ ง ทำำ ให้ เศรษฐกิจทั่วโลกพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย แต่เมื่อ มองเศรษฐกิจไทยโดยส่ว นลึ กแล้ ว จะเห็ นได้ ว่ ำ สำเหตุ ที่ ภำวะเศรษฐกิจไม่มีสภำพคล่องหรือเป็นเศรษฐกิจที่ไม่เจริญอย่ำง เสมอต้ น เสมอปลำยนั้ น เป็ น เพรำะเกิ ด ปั ญ หำขึ้ น ภำยในกำร บริหำรระบบเศรษฐกิจ กล่ำวคื อ ปล่อยให้มีกำรทุจริต โดยชอบ ธรรมของผู้ มี อำำ นำจโดยตรง หรื อ มี บุ ค คลและคณะซึ่ ง เป็ น ผู้ ไ ม่ หวังดีต่อประเทศชำติ มีจิตใจละโมบคิด เพี ย งอยำกได้ถ่ำยเดีย ว เช่น มีกำรปั่นหุ้น หรือทำำ ธุรกิจฟอกเงิน เพรำะเป็นเงินที่ได้มำ โดยทุจริตจำกมิจฉำชีพ มีกำรค้ำยำเสพติด เป็นต้น และเกิดจำก กำรที่คนไทยไม่นิยมควำมเป็นไทย แต่กลับไปนิยมของที่ผลิตจำก ต่ำงประเทศ เมื่อประชำชนมีค่ำนิยมเช่นนี้ จึงทำำให้ต้องมีกำรสั่ง สินค้ำนำำ เข้ำจำกต่ำงประเทศเพิ่มมำกขึ้น ทำำให้ประเทศต้องขำด งบดุ ล กำรค้ ำ เป็ น อย่ ำ งมำก อี ก ทั้ ง คนไทยมี นิ สั ย ชอบฟุ้ ง เฟ้ อ สุรุ่ยสุร่ำย ทำำให้ชีวิตต้องสิ้นเปลืองไปกับกำรใช้จ่ำยเพื่อดำำรงชีพ มำกขึ้น เพรำะคนไทยยังขำดควำมเป็นชำตินิยมด้วยและมีปัจจัย อีกหลำยประกำรที่มีผลกระทบในทำงลบต่อระบบเศรษฐกิจไทยที่ เกิดจำกกำรกระทำำ ขอคนไทยเอง เมื่อพฤติกรรมดังกล่ำวเกิดขึ้น ย่อมก่อให้เกิดผลเสียหำยอย่ำงใหญ่หลวงต่อประเทศชำติ เพรำะ ระบบเศรษฐกิจ นั้นถือ ว่ำเป็ นหั วใจหลักของประเทศ กำรพั ฒนำ ประเทศจะช้ ำ หรื อ เร็ ว ย่ อ มขึ้ น อยู่ กั บ เสถี ย รภำพของรั ฐ บำลและ เศรษฐกิจ ของประเทศเป็ น สำำ คั ญ กำรที่ จ ะให้ นั กธุ ร กิ จ เกิ ด ควำม เชื่อมั่นในกำรลงทุนมำกน้อยเพียงใดย่อมขึ้นอยู่กับรัฐบำลว่ำจะให้ หลักประกันและควำมเชื่อมั่นแก่นักลงทุนในด้ำนธุรกิจเพียงใด สภำพกำรเมือ ง ลั ก ษ ณ ะ ท ำ ง ด้ ำ น ก ำ ร เ มื อ ง ก ำ ร ปกครอ งข อ งไทยใ นปั จ จุ บั น เป็ น ระบ บกำร ปกครอ ง แบ บ ประชำธิ ป ไตยที่ มี พ ระมห ำกษั ต ริ ย์ เ ป็ น ประมุ ข มี ก ฎห มำย รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมำยสูงสุดของประเทศ พระมหำกษัตริย์ใน ปัจจุบันอยู่ภำยใต้กฎหมำยรัฐ ธรรมนูญ ไม่ได้มีอำำ นำจเบ็ด เสร็จ เหมื อ นในสมั ย ก่ อ น ตำมกฎหมำยรั ฐ ธรรมนู ญ รั ฐ บำลมำจำก พรรคกำรเมืองที่ชนะกำรเลือกตั้ง ____________________
  • 5. 5 1 รำชบัณฑิตยสถำน. พจนำนุกรม ฉบับรำชบัณฑิตยสถำน พ.ศ. 2542 . (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์นำนมี บุ๊คพับบลิค -เคชั่นส์ . จำำ กัด , 2546), น. 1044. โดยพรรคกำรเมืองที่มีสมำชิกสภำผู้แทนรำษฏรซึ่งได้รับเลือกตั้ง เข้ำมำมำกที่สุดเป็นผู้ได้รับสิทธิในกำรจัดตั้งรัฐบำล และทำำหน้ำที่ ในกำรบริ ห ำรประเทศ โดยมี ฝ่ ำ ยค้ ำ นเป็ น ผู้ ค อยตรวจสอบกำร ทำำ งำนของรัฐบำล สภำพกำรเมืองกำรปกครองของไทยน่ำจะดี ขึ้นมำกกว่ำนี้ หลังจำกที่กฎหมำยรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ร่ำงขึ้น ในปี พ.ศ. 2540 ได้ ถู ก นำำ มำใช้ ใ นกำรปริ ห ำรและปกครอง ประเทศ เพรำะมีควำมชัดเจนในหลำยด้ำน ดังที่สวนดุสิตโพลได้ สำำรวจควำมคิดเห็นของประชำชนระหว่ำง พ.ศ. 2541 – 2543 เกี่ยวกับจุดเด่นของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันว่ำ อันดับที่ 1 ให้สิทธิเสรี / ประชำธิปไตยกับประชำชน เพิ่มขึ้น 43.70% อันดับที่ 2 ประชำชนมีส่วนร่วมมำกขึ้น 36.97% อั น ดั บ ที่ 3 มี ก ำรกระจำยอำำ นำจสู่ ท้ อ งถิ่ น มำกขึ้ น 10.08% อั น ดั บ ที่ 4 สำมำรถตรวจสอบควำมโปร่ ง ใสได้ 7.56% อันดับที่ 5 มีจุดมุ่งหมำยชัดเจนดี 1.69% 2 แต่ปัญหำต่ำง ๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับกำรเมืองกำรปกครองยังมี ปรำกฏประจักษ์แก่สำยตำประชำชนอยู่เสมอ กำรชิงดีชิงเด่นของ พรรคกำรเมืองช่วงหำเสียงเลือกตั้ง จนเป็นเหตุให้เกิดทำำลำยล้ำง ซึ่งกันและกันทั้งสองฝ่ำย ก่อให้เกิดควำมเสียวหำยทั้งแก่ชีวิตและ ทรัพย์สิน เกิดกำรใส่ร้ำยป้ำยสีแก่กันและกัน และกำรซื้อสิทธิ์ขำย เสี ย งของพรรคกำรเมื อ งต่ ำ ง ๆ ยั ง คงมี อ ยู่ เ สมอคู่ สั ง คมไทย มี ปัญหำต่ำง ๆ เกิดขึ้นกับกำรเมืองกำรปกครองของไทยทุกยุคสมัย อำทิ เกิดปัญหำคอรัปชั่นและฉ้อรำษฎร์บังหลวงขึ้นในวงรำชกำร ทำำให้บุคคลที่มีอำชีพเป็นนักกำรเมืองมีฐำนะรำ่ำรวยที่สุดในสังคม โดยเฉพำะเมื่อมีโอกำสเป็นฝ่ำยรัฐบำลและมีตำำแหน่งหน้ำที่ ย่อม มี ช่อ งทำงในกำรกอบโกยหำผลประโยชน์ เ ป็ น อย่ ำ งมำก จนถู ก กล่ำวหำว่ำมีฐำนะรำ่ำรวยผิดปกติก็มีปำกมำย จนทำำให้มีกำรฟ้อง ร้องและเรียกร้องให้มีกำรออกกฎหมำยมำเพื่อตรวจสอบทรัพย์สิน ของนั ก กำรเมื อ งเลยที เ ดี ย ว และนั ก กำรเมื อ งข้ ำ งฝ่ ำ ยรั ฐ บำลนี้ ถือว่ำเป็นผู้มีหน้ำที่ในกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดินโดยตรง เมื่อมี ตำำแหน่งหน้ำที่ ก็จะใช้โอกำสที่ตนเองมีอำำนำจหน้ำที่เพื่อแสวงหำ ผลประโยชน์ใส่ตนและพวกพ้อง ทำำให้ฝ่ำยตรงข้ำม (ฝ่ำยค้ำน) ต้องออกมำเรียกร้องสิทธิ์ขอเปิดกำรอภิปรำยไม่ไว้วำงใจ ซึ่งทั้ง
  • 6. 6 สองฝ่ำย (ฝ่ำยค้ำนและฝ่ำยรัฐบำล) ต่ำงก็เคยสลับสับเปลี่ยนกัน เข้ำมำบริหำรบ้ำนเมืองด้วยกันทั้งนั้น แล ะดู เ ห มื อ นว่ ำ ทั้ งส อ ง ฝ่ ำย เมื่อได้มีโอกำสเข้ำมำทำำ หน้ำที่ บริ ห ำรบ้ ำนเมื อ ง ต่ ำงก็มุ่ ง เพื่ อ แสวงหำผลประโยชน์ ใส่ ต นและพวกพ้ อ งเสมอมำ โดยไม่ มี ควำมละอำยแก่ใจในกำรกระทำำและไม่คำำนึงถึงผลประโยชน์ของ ประชำชนหรื อ ประเทศชำติ เ ป็ น ที่ ตั้ ง นั ก กำรเมื อ งจึ ง กลำยเป็ น อำชีพ ๆ หนึ่งที่คนหลำย ๆ อำชีพสนใจใฝ่ฝันอยำกจะเป็ น และ คำำกล่ำวที่ว่ำ “กำรเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ ”เป็นควำมจริง แท้ในสังคมไทยและในหมู่ชนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง ____________________ 2 สวนดุสิตโพล. “คนไทยกับัฐธรรมนูญ ” ในสำยตำ “ผู้ที่เกี่ยวข้อง กั บ รั ฐ ศ ำ ส ต ร์ ” . . http://www.dusit.ac.th/new_ver7/dusitpoll/2542_100.html. 2543. ฉะนั้ น จะเห็ น ได้ ว่ ำ สั ง คมไทยปั จ จุ บั น เป็ น สภำพสั ง คมที่ กำำลังเปลี่ยนแปลงอย่ำงรวดเร็ว โดยมีระบบเศรษฐกิจเป็นตัวชี้นำำ ในกำรพัฒนำประเทศ เศรษฐกิจของไทยโดยภำพรวมในปัจจุบัน ได้เปลี่ยนจำกเศรษฐกิจเกษตรกรรมโบรำณมำเป็นเศรษฐกิจธุรกิจ กำรค้ำ อุตสำหกรรม และเกตรกรรมที่ทันสมัยมำกขึ้น รำยได้ ของประเทศส่วนใหญ่ในปัจจุบันมำจำกภำคอุตสำหกรรม กำรค้ำ และบริ ก ำรมำกกว่ ำ ภำคเกษตรกรรม กำรเปลี่ ย นแปลงทำง เศรษฐกิจที่ค่อนข้ำงจะรวดเร็วในระยะเวลำประมำณสิบกว่ำปีมำนี้ ได้ทำำให้ระบบย่อยอื่น ๆ ของสังคมปรับตัวตำมไม่ทัน ไม่ว่ำจะเป็น ระบบกำรศึกษำ สำธำรณสุข กำรเมืองกำรปกครอง หรือระบบ ควำมเชื่อทำงศำสนำก็ตำม ดังจะเห็นได้จำกด้ำนกำรศึกษำที่ยังไม่ อำจตอบสนองควำมต้ อ งกำรทำงเศรษฐกิ จ ได้ ใ นหลำยประกำร และโดยเฉพำะอำชีพที่ต้องกำรฝีมือหรือควำมรู้เฉพำะทำง อำทิ ช่ำงกล ช่ำงไฟฟ้ำ ช่ำงอุตสำหกรรม รวมทั้งวิศวกรและบุคลำกร ทำงกำรแพทย์ สำธำรณสุขและอื่น ๆ ด้ำนกำรสำธำรณสุขแม้ว่ำ จะพั ฒ นำไปในหลำย ๆ ด้ ำ น แต่ ก็ ยั ง ไม่ เ พี ย งพอ ไม่ ว่ ำ จะ พิจำรณำในแง่ของบุคลำกรทำงกำรแพทย์ พยำบำล เครื่องมือ เครื่องใช้ กำรให้บริกำรและสถำนพยำบำลต่ำง ๆ โดยเฉพำะใน ชนบทห่ ำ งไกล ทำงด้ ำ นกำรเมื อ งกำรปกครองยั ง อยู่ ใ นภำวะ สับสน แม้จะมุ่งเปลี่ยนไปในทิศทำงของควำมเป็นประชำธิปไตย มำกขึ้น แต่แรงต้ำนของกลุ่มอำำนำจเก่ำ (อนุรักษ์นิยม) ก็ยังมีอยู่ มำก พฤติกรรมของนักกำรเมืองและพรรคกำรเมืองยังไม่ได้ยึดถือ อุดมกำรณ์ทำงกำรเมืองเท่ำที่ควร กำรยึดติดตัวบุคคล พวกพ้อง
  • 7. 7 และผลประโยชน์เฉพำะหน้ำยังมีอยู่ไม่น้อย ในเรื่องของควำมเชื่อ และศำสนำนั้นปรำกฏว่ำ ผู้คนในสังคมไทยไม่ค่อยสนใจจึงทำำให้ ห่ ำ งเหิ น จำกธรรมะมำกขึ้ น แต่ ก ลั บ ไปยึ ด ติ ด อยู่ กั บ เรื่ อ งของ โหรำศำสตร์ แ ละไสยศำสตร์ เ พิ่ ม มำกขึ้ น มี ค่ ำ นิ ย มในกำรเสพ บริโภควัต ถุม ำกขึ้นเรื่อย ๆ คนในสังคมส่ ว นใหญ่ ชอบยึ ดติ ดใน ควำมสนุ ก สนำนชอบทำำ อะไรตำมใจตนเอง ไม่ รั ก ษำกฎหมำย ของบ้ำนเมือ ง ขำดระเบีย บวิ นัย ในกำรทำำ หน้ ำที่ ก ำรงำนต่ ำ ง ๆ จึงก่อให้เกิดปัญหำสังคมตำมมำมำกมำย แม้ว่ำเศรษฐกิจโดยรวม ของประเทศจะดีขึ้นก็ตำม ดั ง ที่ ไ ด้ ก ล่ ำ วมำตั้ ง แต่ ตั น ถึ ง สภำพสั ง คม สภำพเศรษฐกิ จ สภำพกำรเมื อ ง และปั ญ หำต่ ำ ง ๆ ที่ เ กิ ด ขึ้ น จะเห็ น ได้ อ ย่ ำ ง ชั ด เจนว่ำ มี ปัญ หำนำนำชนิ ด ได้ เ กิ ด ขึ้ น ในสั ง คมไทยซึ่ งมี พุ ท ธ ศำสนำเป็นรำกฐำนเดิมของวิถีชีวิต แต่เมื่อประมวลเป็นปัญหำ หลั ก ๆ แล้ ว จะเห็ น ได้ ว่ ำ เป็ น เรื่ อ งของปั ญ หำที่ เ กี่ ย วกั บ กำร เบียดเบียนทำำลำยชีวิต ปัญหำกำรลักขโมยกำรคอรัปชั่น ปัญหำ กำรกระทำำ ผิ ด ล่ ว งละเมิ ด ทำงเพศ ปั ญ หำกำรโกหกหลอกลวง หรือปัญหำกำรติดของมึนเมำอย่ำงใดอย่ำงหนึ่งจนถึงกำรเสพสิ่ง เสพติ ด ชนิ ด ต่ ำ ง ๆ ที่ ทำำ ให้ เ สี ย สติ จนกลำยเป็ น ปั ญ หำที่ ใ หญ่ ที่สุดในสังคมไทยตลอดจนสังคมโลกด้วย และปัญหำทุกเรื่องใน สังคมไทยที่ต้องขึ้นโรงขึ้นศำลและทำำให้คนอื่นมำกมำยพลอยเป็น ทุกข์เดือดร้อนไปด้วยนั้น เป็นสิ่งที่บ่งบอกให้เห็นถึงวิถีชีวิตและ จิ ตใจของประชำชนในสั งคมด้ ว ยว่ ำ สังคมไทยกำำ ลังตกอยู่ ใน ภำวะที่เรียกว่ำขำดแคลนศีลธรรม เป็นเพรำะกำรผิดศีลข้อใดข้อ หนึ่งในห้ำข้อนี้ทั้งสิ้น เพรำะคนในสั ง คมไทยรั ก ษำเบญจศี ล ข้ อ ขั้นพื้นฐำนไม่ได้จึงเป็นต้นเงื่อนของปัญหำอีกมำกมำยที่ตำม ๆ กัน มำ ผู้ เ ขี ย นเห็ น ว่ ำ กำรสมำทำนและรั ก ษำศี ล นั้ น เป็ น เรื่ อ งที่ จำำเป็นและรีบด่วนที่คนในสังคมไทยจะต้องตื่นตัว ให้ควำมสนใจ และเอำใจใส่ อ ย่ ำ บงจริ ง จั ง ในกำรประพฤติ ต นให้ เ ป็ น ผู้ มี ศี ล เพรำะควำมจริงแล้ว เรื่องเบญจศีลนี้เป็นเรื่องที่อยู่กับมนุษยชำติมำ นำนเท่ำที่ประวัติศำสตร์ของมนุษยจะย้อนกลับไปได้ ทุก ๆ สังคม ไม่ ว่ ำ จะเจริ ญ ทำงวั ต ถุ ม ำกหรื อ น้ อ ยก็ ต ำม จะมี ก ฎเกณฑ์ ก ำร ประพฤติอยู่ชุดหนึ่งที่จะให้คนในสังคมทำำตำม กฏเกณฑ์เหล่ำนั้น ก็มักจะเป็นศีลธรรมขึ้นพื้นฐำนที่จะบอกคนไม่ให้เบียดเบียนทำำร้ำย หรือประหัดประหำรชีวิตของกันและกัน ไม่ให้พูดเท็จ ไม่ให้ลัก ขโมย เป็นต้น นอกจำกจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้ำงเป็นธรรมชำติว่ำ คนเรำไม่ควรทำำ ในสิ่ งที่ผิ ด เช่ นนั้ นแล้ ว ผู้ มีปัญญำในกำรครอง
  • 8. 8 ชี วิ ต ยั ง ทรำบดี ว่ ำ ศี ล ธรรมนั้ น จะเป็ น เหมื อ นเข็ ม และด้ ำ ยที่ สำมำรถร้อยและสอยให้สมำชิกในสังคมนั้น ๆ อยู่กันอย่ำงเป็นสุข สงบและสันติ กำรเปลี่ยนแปลงของสังคม กำรพัฒนำเทคโนโลยี ที่ ร วดเร็ ว กำรยึด ติด ในคุ ณ ค่ ำของวั ต ถุ ม ำกจนเกิ น ไป บวกกั บ ควำมอ่อนแอของสถำบันศำสนำทุกศำสนำนั้น ได้ทำำให้สังคมโลก ประสบกับควำมสับสนวุ่นวำยในด้ำนศีลธรรมเป็นอย่ำงมำก ใน ขณะที่ ค นสมั ย ก่ อ นเห็ น เรื่ อ งกำรมี ศี ล ธรรมเป็ น เรื่ อ งธรรมชำติ ธรรมดำคนมำกมำยในสมัยนี้กลับไม่สำมำรถเข้ำใจว่ำทำำไมตนจึง ต้องรักษำศีล เพรำะเขำเห็นตัวอย่ำงของคนไม่น้อยที่ไม่ต้อง มี ศี ล ธรรม ทำำ มำหำเลี้ย งชี พ อย่ ำ งคดโกง แต่ ก็ ส ำมำรถประสบ ควำมสำำเร็จในชีวิต มีเงินทองใช้มำกมำย มีข้ำทำสบริวำร และ สถำนะทำงสังคมที่สูงส่ง ด้ ว ยระบบศี ล ธรรมในสั ง คมไทยทุ ก วันนี้ กำำลังเสื่อมโทรมลงอย่ำงน่ำใจหำย สิ่งที่เคยเป็นเรื่องผิดศีล ธรรมในอดีตกลับกลำยเป็นเรื่องที่ยอมรับกันในปัจจุบัน โดยเฉพำะ ปั ญ หำที่กำำ ลัง เกิ ด ขึ้ นกั บ ลู ก หลำนเยำวชนไทย เช่ น เรื่ อ งกำรมี เพศสั ม พั น ธ์ ก่ อ นวั ย อั น ควร หรื อ กำรใช้ ชี วิ ต อยู่ ด้ ว ยกั น ก่ อ น แต่งงำน เป็นต้น มี ผู้ ที่ ทำำ งำนวิ จั ย ที่ เ กี่ ย วข้ อ งกั บ เรื่ อ งเบญจศี ล นี้ ห ลำยท่ ำ น ดังนี้ อำภรณ์ พุกกะมำน, ชียพร วัชชำวุธ และ เกียรติ เปมกิ ตติ ทำำ กำรศึ ก ษำเรื่ อ ง “กำรศึกษำกำรสอนศีลเพื่อเสริมสร้ำง พุทธจริยธรรมในสังคมไทย” ในปี พ.ศ. 2528 นนทนำ อังสุวรังษี ทำำกำรศึกษำเรื่อง “ก ำ ร วิ เครำะห์เปรียบเทีย บค่ำนิ ย มละกำรปฏิ บัติ เกี่ ย วกั บ เบญจศี ล ของ ชำวพุ ท ธในสั ง คมเมมื อ งและชนบท ที่ อ ยู่ ใ นและนอกโครงกำร แผ่ น ดิ น ธรรมแผ่ น ดิ น ทอง : ศึ ก ษำเฉพำะกรณี ห มู่ บ้ ำ นในอำำ เภอ โกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์” ในปี พ.ศ. 2533 พระมหำวรำนนท์ ฐิตำนนฺโท (นวลคำำ ) ทำำกำรศึกษำเรื่อง “ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงศีล ๕ และสันติภำพในสัง คม : กำรศึกษำ เชิงวิเครำะห์” ในปี พ.ศ. 2545 พระมหำทวี ฐำนวโร (อ่ อ นปั ส สำ) ทำำ กำรศึ ก ษำเรื่ อ ง “ ปำณำติบำตกับปัญหำจริยธรรมในพุทธปรัชญำ ” ในปี พ.ศ. 2534 พระมหำปั ญ ญำ ชยปญฺ โญ (ดำบพลหำร) ทำำ กำรศึ ก ษำ เรื่อง “กำเมสุมิจฉำจำรกับปัญหำจริยธรรมในสังคมปัจจุบัน ” ใน ปี พ.ศ. 2536
  • 9. 9 พระมหำอำำนวย ญำณสำวโร (พินดอน) ทำำกำรศึกษำเรื่อง “กำรศึกษำเรื่องผลกระทบจำกกำรล่วงละเมิดศีลข้อที่ 5 ที่ มี ต่ อ สังคมไทย” ในปี พ.ศ. 2542 แม้จะมีผู้ทำำ งำนวิจัยในเรื่องของศีลธรรมนี้หลำยท่ำนก็ตำม แต่ผู้เขียนก็มีทรรศนะในเรื่องกำรสร้ำงควำมเข้ำใจเกี่ยวกั บเรื่อง เบญจศีลนี้พอสมควร จึงได้เสนอกลวิธีกำรต่ำง ๆ ที่จะทำำ ให้ชำว พุ ท ธซึ่ ง เป็ น ประชำกรส่ ว นใหญ่ ข องประเทศ ได้ ม องเห็ น ควำม สำำคัญและมีควำมรู้ควำมเข้ำใจในเรื่องเบญจศีลอย่ำงถูกต้อง จะ ได้ปฏิบัติตนตำมหลักเบญจศีล ได้ อย่ ำงเหมำะสมและถู กต้ องด้ว ย และผู้ เ ขี ย นเห็ น ว่ ำ กำรประพฤติ ต นตำมหลั ก เบญจศี ล นี้ มี ค วำม สำำคัญอย่ำงยิ่งสำำหรับคนทุกคน หำกคนเรำสำมำรถสมำทำนและ รักษำเบญจศีลเพียงห้ำข้อนี้ได้ เบญจศีลที่ทุกคนประพฤติดีแล้ว จะสำมำรถควบคุมพฤติกรรมต่ำง ๆ ทำงกำยและทำงวำจำ ไม่ให้ ก่อปัญหำควำมเดือดร้อนขึ้นทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น รวมถึงสังคม ด้ ว ย อั น จั ก ส่ ง ผลให้ สั ง คมไทยและสั ง คมโลกโดยทั่ ว ไป เกิ ด สันติสุขขึ้นอย่ำงแน่นอน ผู้เขียนจะทำำกำรศึกษำจำกเอกสำร โ ด ย ก ำ ร ค้ น ค ว้ ำ ข้ อ มู ล ที่ เ กี่ ย วกั บ เบญจศี ล จำกพระไตรปิ ฎ ก อรรถกถำ และ หนังสือหรือเอกสำรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง หลั ง จำกนั้ น จะทำำ กำร วิ เครำะห์ข้อ มูล โดยชี้ให้เห็ นควำมสำำ คั ญ โทษกำรขำดเบญจศี ล และ ประโยชน์จ ำกกำรปฏิ บั ต ำมเบญจศี ล พร้ อ มทั้ งเสนอกลวิ ธี ต่ำง ๆ ในกำรปฏิบัติตนให้เป็นผู้มีศีลธรรมในจิตใจและในวิถีชีวิต จริงของชำวไทยชำวพุทธ
  • 10. 10 บทที่ 2 แนวกำรสอนเบญจศีล ของพระพุท ธเจ้ำ ในสมัย พุท ธกำล 2.1 องค์ป ระกอบและปัจ จัย ที่ท ำำ ให้เ กิด กำรสอนเบญจศีล จำกกำรศึกษำประวัติศำสตร์พระพุทธศำสนำทำำ ให้ทรำบว่ำ พระพุทธศำสนำนั้นเกิดขึ้นท่ำมกลำงควำมเชื่ออันหลำกหลำย มี เจ้ ำ ลั ท ธิ นั ก คิ ด บั ณ ฑิ ต ฤำษี ปริ พ ำชก ดำบส อเจลก นักบวช ฯลฯ เกิดขึ้นมำกมำย ณ ดินแดนที่มีชื่อว่ำ “ชมพูทวีป ” และพระพุทธศำสนำนั้นก็เกิดขึ้นโดยตรงจำกกำรค้นพบควำมจริง ด้ ว ยควำมสำมำรถ (ตรัส รู้ ) ของพระอรหั งสั ม มำสั ม พุ ท ธเจ้ ำเอง เมื่ อ คื น วั น เพ็ ญ เดื อ นวิ ส ำขะ ก่ อ นพระพุ ท ธศั ก รำช 45 ปี ณ โคนต้น ศรี ม หำโพธิ์ ตำำ บลอุ รุ เ วลำเสนำนิ ค ม แคว้ น มคธ หลั ง จำกตรัส รู้แล้ว พระพุท ธองค์ ท รงพิ จ ำรณำใคร่ ค รวญในธรรมที่ พระองค์ต รัส รู้โดยใช้เวลำถึ ง 7 สั ปดำห์ (49 วัน ) ทรงดำำ ริ ว่ ำ พระธรรมที่พระองค์ตรัสรู้นั้น เป็นธรรมที่สุขุมลุ่มลึก ยำกยิ่งนักที่ ช น ผู้ มี กิ เ ล ส ทั้ ง ห ล ำ ย จ ะ เ ข้ ำ ใ จ แ ต่ ด้ ว ย อ ำ ศั ย พ ร ะ มหำกรุณำธิคุณ ที่พระพุทธองค์มีอย่ำงยิ่งใหญ่ ทำำให้ทรงตัดสิน พระทั ย ที่ จ ะแสดงธรรมเพื่ อ โปรดสรรพสั ต ว์ ใ นเวลำต่ อ มำเมื่ อ พระพุทธศำสนำเกิดขึ้นแล้ว พระพุทธเจ้ำก็ได้เสด็จไปในสถำนที่ ต่ำง ๆ เพื่อประกำศศำสนำ กำรแสดงธรรมของพระพุทธองค์แต่ละ ครั้ ง ได้ ผ ลมำก ผู้ ฟั ง ได้ ด วงตำเห็ น ธรรมเป็ น พระอริ ย บุ ค คลกั น มำกมำย อีกทั้งผู้มีศรัทธำปสำทะเลื่อมใส ถึงกับบวชเป็นภิกษุก็มี ไม่น้อย และมีจำำ นวนมำกขึ้นตำมลำำ ดับ ต่อมำเมื่อ พระพุ ทธเจ้ ำ ทรงได้ พ ระสำวกระดั บ พระอรหั น ต์ 60 รู ป ก็ ท รงส่ ง ออกไป ประกำศพระศำสนำ ดังปฐมวำจำที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแก่พระ สำวกรุ่นแรกเพื่อไปเผยแผ่พระศำสนำในพรรษำแรกแห่งพุทธกิจ ว่ำ ดูก่อนภิกษุทั้งหลำย เรำพ้นแล้วจำกบ่วงทั้งปวง ทั้งที่ เป็นของทิพย์ ทั้งที่เป็นมนุษย์ แม้ พ วกเธอก็ พ้ น แล้ ว จำกบ่ ว งทั้ ง ปวง ทั้ ง ที่ เ ป็ น ของ ทิพย์ ทั้งที่เป็นของมนุษย์
  • 11. 11 พวกเธอจงเที่ยวจำริก เพื่อประโยชน์และควำมสุขแก่ ชนหมู่มำก เพื่ออนุเครำะห์โลก เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและควำมสุขแก่ทวยเทพและมนุษย์ พวกเธออย่ำได้ไปรวมทำง เดี ย วกั น สองรู ป จงแสดงธรรมงำมในเบื้ อ งต้ น งำมในท่ำมกลำง งำมในที่สุด จงประกำศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะครบ บริบูรณ์บริสุทธิ์ สัตว์ทั้งหลำย จำำพวกที่มีธุลีคือกิเลสในจักษุน้อย มีอยู่ เพรำะไม่ ได้ฟังธรรมย่อมเสื่อม ผู้รู้ทั่วถึง ธรรม จักมี ดูก่อนภิกษุทั้งหลำย แม้เรำก็จักไป ยัง ตำำบลอุรุเวลำเสนำนิคม เพื่อแสดงธรรม.3 ตลอดระยะเวลำถึง 45 พรรษำที่พระสัมมำสัมพุทธเจ้ำทรง บำำเพ็ญพุทธกิจในแต่ละวันซึ่งมี 5 อย่ำง คือ 1. ปุพฺพณฺเห ปิณฺฑปำตญฺจ เวลำเช้ ำ เสด็ จ บิ ณ ฑบำต 2. สำยณฺเห ธมฺมเทสนำ เวลำ ____________________ 3 วิ. ม. 4 / 32 /72. เย็นทรงแสดงธรรม 3. ป โ ท เ ส ภิ กฺ ขุ โ อ ว ำ ทำ เวลำคำ่ำประทำนโอวำทแก่เหล่ำภิกษุ 4. อฑฺฒรตฺเต เทวปญฺหนำ เที่ ย งคื น ทรงตอบปั ญ หำ เทวดำ 5. ปจฺจุสฺเสว คเต กำเล ภพฺ พ ำภพฺ เ พ วิ โ ลกนำ จวนสว่ ำ งทรงตรวจ พิจำรณำสัตว์ที่สำมำรถและที่ยังไม่ สำมำรถบรรลุธรรมอันควรจะเสด็จไปโปรดหรือไม่ 4 ในพุ ท ธกิ จ ประจำำ วั น 5 อย่ ำ ง ของพระพุ ท ธองค์ ที่ ท รง บำำ เพ็ ญ อยู่ เ สมอนั้ น ย่ อ มจะเป็ น องค์ ป ระกอบอั น สำำ คั ญ ที่ ทำำ ให้ พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนได้เป็นอย่ำงดี และด้วยพุทธจริยำในกำร สั่งสอนเวไนยสัตว์ คือทรงบำำเพ็ญประโยชน์แก่โลก ทรงบำำเพ็ญ ประโยชน์แก่ญำติ ทรงบำำเพ็ญประโยชน์ทุกประกำรในฐำนะของ พระพุทธเจ้ำ 5 ด้วยพระมหำกรุณำคุณอันยิ่งใหญ่ ทั้งในพรรษำ กำล และนอกพรรษำกำล ไม่ว่ำระยะทำงจะใกล้หรือไกลเพียงไร พระองค์มิ ได้ ท รงคำำ นึ ง ถึ ง ควำมเหน็ ด เหนื่ อ ยหรื อ ยำกลำำ บำกแต่ ประกำรใด นับตั้งแต่ต รัส รู้ ตรำบจนกระทั่งวั นสุ ดท้ ำยแห่งกำร เสด็จดับขันธปรินิพพำน ดังเช่นในพรรษำแรกแห่งกำรประกำศ พระศำสนำ มี เ รื่ อ งรำวของบุ ค คลและเหตุ ก ำรณ์ ที่ เ กี่ ย วกั บ กำร
  • 12. 12 เผยแผ่พระธรรมคำำสอนของพระพุทธองค์เกิดขึ้นมำกมำย บุคคล ที่เสด็จไปโปรดนั้น ส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์จำกกำรสั่งสอนของ พระพุทธองค์ทั้งสิ้น คือได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลโดยขั้นตำ่ำ สุด เป็นพระโสดำบัน จนกระทั่งได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลขั้นสูงสุด คือเป็นพระอรหันต์ อำทิ ปัญจวัคคีย์, ยสกุลบุตรและสหำยผู้เป็น บริ ว ำรของท่ ำ น 54 , ภั ท ทวั ค คี ย์ 30, ปุ ร ำณชฏิ ล 1,000, บิดำมำรดำและอดีตกรรยำของพระยสะ, พระเจ้ำพิมพิ สำรพร้อ มเหล่ำรำชบริพำร, อุป ติ ส สะและโกลิ ต ะ (พระสำรี บุต ร และพระโมคคัลลำนะ), ปิปผลิมำณพ (พระมหำกัสสปะ), กำฬุทำ ยีอำำมำตย์, พระนำมปชำบดีโคตมี , พระเจ้ำสุทโธทนะ, พระนำง ยโสธรำและพระรำหุล กุม ำร พร้อมด้วยพระรำชวงศ์และข้ำรำช บริ พ ำรอี ก มำกมำย เพรำะอำศั ย ควำมอนุ เ ครำะห์ ที่ ท รงมี พ ระ เมตตำต่อสัตว์โลก พระองค์ทรงพิจำรณำเห็นว่ำ บุคคลในโลกนี้ มีพื้นฐำนควำมรู้ควำมเข้ำใจแห่งสติปัญญำที่แตกต่ำงกัน บุคคลผู้ มีสติปัญำและอุปนิสัยที่เคยสั่งสมมำในอดีตที่พอจะแนะนำำ สั่งสอน และเข้ ำ ใจในธรรมของพระองค์ ไ ด้ นั้ น ยั ง มี อ ยู่ ซึ่ ง มี ห ลั ก ฐำนที่ พระพุทธองค์ตรัสไว้เกี่ยวกับประเภทบุคคลที่มีปรำกฏในโลกนี้ว่ำมี 4 ประเภท คือ ดูกรภิกษุทั้งหลำย บุ ค คล 4 จำำ พวกนี้ มี ป รำกฏอยู่ ใน โลก 4 จำำพวกเป็นไฉน คือ บุคคลผู้ฉลำดผูกไม่ฉลำดแก้ 1 ฉลำดแก้ไม่ฉลำดผูก 1 ฉลำดทั้งผูกฉลำดทั้งแก้ 1 ไม่ฉลำดทั้งผูกไม่ฉลำดทั้งแก้ 1 ดู ก รภิ ก ษุ ทั้ ง หลำยบุคคล 4 จำำพวกนี้แล มีปรำกฏอยู่ในโลก ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลำย บุคคล 4 จำำพวกนี้ มีปรำกฏอยู่ในโลก 4 จำำ พวกเป็นไฉน คือ อุคฆฏิตัญญู ผู้อำจรู้ธรรมแต่ พอท่ำนยกหัวข้อขึ้นแสดง 1 วิปจิตัญญู ผู้อ ำจรู้ ธ รรมต่ อ เมื่ อ ท่ ำนอธิ บ ำยควำมแห่ ง หัวข้อนั้น 1 ____________________ 4 พระเทพเวที (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). พจนำนุกรมพุทธศำสตร์ฉบับ ประมวลศัพท์ . พิมพ์ครั้งที่ 6, 5,๐๐๐ เล่ม (กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหำ จุฬำลงกรณรำชวิทยำลัย, 2533), น. 189-190. 5 เรื่องเดียวกัน, น. 191. เนยยะผู้พอแนะนำำได้ ปทปรมะ ผู้มีบ ทเป็นอย่ ำงยิ่ ง 1 ดูกรภิกษุทั้งหลำย บุคคล 4 จำำพวกนี้แลมีปรำกฏอยู่ในโลก ฯ 6
  • 13. 13 บุ คคลแต่ล ะประเภทที่ มี ร ะดั บ สติ ปั ญ ญำควำมสำมำรถแตก ต่ ำ งกั น เหล่ ำ นี้ พระสั ม มำสั ม พุ ท ธเจ้ ำ เมื่ อ จะเสด็ จ ไปสั่ ง สอน พระองค์ยังทรงคำำนึงถึงจริยำ คือควำมประพฤติ หรือ จริต อัน เป็นสิ่งที่บุคคลผู้มีควำมประพฤติอย่ำงนั้น ๆ ก่อนแล้ว จึงตรัสพระ ธรรมเทศนำเพื่อให้เหมำะสมกับอัธยำศัยของบุคคลนั้น เกี่ยวกับ จริ ต นี้ พ ร ะ พ ร ห ม คุ ณ ำ ภ ร ณ์ (ป .อ . ป ยุ ต ฺ โ ต ) ได้ ใ ห้ ค วำม หมำยไว้ว่ำควำมประพฤติ , พื้นนิสัย หรือพื้นเพแห่งจิตของคนทั้ง หลำยที่หนักไปด้ำนใดด้ำนหนึ่ง แตกต่ำงกันไปมี 6 ประเภทคือ 1.รำคจริต ผู้มีรำคะเป็ นควำมประพฤติ ปกติ (หนักไป ทำงรักสวยรักงำมมักติดใจ) 2. โทสจริต ผู้มีโทสะเป็นควำมประพฤติปกติ (หนักไป ทำงใจร้อนขี้หงุดหงิด) 3. โมหจริต ผู้มีโมหะเป็นควำมประพฤติปกติ (หนักไป ทำงเหงำซึม งมงำย) 4. สั ท ธำจริ ต ผู้ มี ศ รั ท ธำเป็ น ควำมประพฤติ ป กติ (หนักไปทำงน้อมใจเชื่อ) 5. พุทธิจริต ผู้มีควำมรู้เป็นควำมประพฤติปกติ (หนัก ไปทำงคิดพิจำรณำ) 6. วิตกจริต ผู้มีวิตกเป็นควำมประพฤติปกติ (หนักไป ทำงคิดจับจด ฟุ้งซ่ำน) 7 เพรำะอำศัยพระมหำกรุณำธิคุณ พระสัมมำสัมพุทธเจ้ำจึงได้ เสด็ จ ออกประกำศศำสนำ โปรดสรรพสั ต ว์ ทำำ ให้ พ ระคุ ณ 2 อย่ำงแรก คือ พระปัญญำคุณ และ พระวิสุทธิคุณเป็นที่ปรำกฏ และเป็นประโยชน์แก่ชำวโลกอย่ำงแท้จริง พระองค์ เ สด็ จ ไป ช่ ว ยเหลื อ แนะนำำ สั่ ง สอนมนุ ษ ย์ ทั้ ง ที่ เ ป็ น รำยบุ ค คลและกลุ่ ม ชน โ ด ย ไ ม่ เ ห็ น แ ก่ ค ว ำ ม เ ห นื่ อ ย ย ำ ก ลำำ บ ำ ก ข อ ง พ ร ะ อ ง ค์ เ ล ย ดังที่พ ร ะ พ รห ม คุณ ำ ภ ร ณ์ กล่ำวว่ำ ไว้ในพุทธคุณ 3 นี้ ข้อที่ เป็นหลักและกล่ำวถึงทั่วไปในคัมภีร์ต่ำง ๆ มี 2 คือ ปัญ ญำและกรุณ ำ ส่ ว นวิ สุ ท ธิ เป็ นพระคุ ณ เนื่ อ งอยู่ ใ น พระปัญญำอยู่แล้ว เพรำะเป็นผลเกิดเองจำกกำรตรัสรู้ คัมภีร์ทั้ง ห ล ำ ย จึ ง ไ ม่ แ บ่ ง ไ ว้ เ ป็ น ข้ อ ห นึ่ ง ต่ ำ ง ห ำ ก 8 แ ล ะ พ ร ะ มหำกรุณำธิคุณของพระพุทธเจ้ำที่พระองค์ทรงอนุเครำะห์ชำวโลก นั้น แสดงออกในพุทธกิจประจำำวันที่กล่ำวข้ำงต้น เหตุ ดั ง ที่ ก ล่ ำ วมำแล้ ว นี้ จึ ง นั บ ว่ ำ เป็ น องค์ ป ระกอบและปั จ จั ย ที่ มี ควำมสำำคัญยิ่งที่ทำำให้พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนธรรม 2.2 วิธ ีก ำรสอนและลัก ษณะของผู้ฟ ัง กำรสอน วิธีกำรสอน
  • 14. 14 ____________________ 6 องฺ. จตุกฺก. 13 / 132-133 / 135. 7 พระเทพเวที (ป .อ . ปยุ ตฺ โ ต ). พจนำนุ ก รมพุ ท ธศำสตร์ ฉบั บ ประมวลศัพท์ . พิมพ์ครั้งที่ 6, 5,000 เล่ม (กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหำ จุฬำลงกรณรำชวิทยำลัย, 2533), น. 39. 8 พระธรรมปิ ฏ ก (ป .อ . ปยุ ตฺ โ ต ). พจนำนุ ก รมพุ ท ธศำสตร์ ฉบั บ ประมวลธรรม . พิมพ์ครั้งที่ 8, 10,000 เล่ม (กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ มหำจุฬำลงกรณรำชวิทยำลัย, 2538), น. 264. สำำ หรั บ วิ ธี ก ำรสอนนั้ น มี ผู้ รู้ ไ ด้ ค้ น คว้ ำ และรวบรวมไว้ มำกมำย ซึ่งผู้เขียนจะได้กล่ำวถึงในบำงเรื่องที่เกี่ยวข้องและเห็น ว่ำมีควำมสำำคัญที่ควรนำำมำประกอบในงำนเขียนนี้เท่ำนั้น ซึ่ ง เมื่ อ จะกล่ำวถึงต้ นแบบแห่ งวิ ธี ก ำรสอนนั้ น ย่อ มเป็ นกำรสมควร อย่ ำ งยิ่ ง ที่ จ ะต้ อ งเอ่ ย ถึ ง บุ ค คลผู้ เ ป็ น ต้ น แบบแห่ ง วิ ธี ก ำรสอน โดยตรง นั่นคือ “องค์พระบรมศำสดำ หรือ พระบรมครู” ซึ่งเป็น อีกพระนำมหนึ่งของพระพุทธเจ้ำ ที่มหำชนได้ให้สมัญญำนำมแก่ พระองค์ และเป็นที่ปรำกฏแก่ชนทั้งหลำยโดยทั่วไป ซึ่งหมำยถึง ศำสดำหรือ ครูผู้เยี่ยมยอดในกำรสอน เป็นศำสดำที่ประเสริฐยิ่ง กว่ำศำสดำใด ๆ ในโลก พระองค์สำมำรถฝึกสอนได้ทั้งมนุษย์และ เทวดำ ดังมีปรำกฏในบทพุทธคุณตอนหนึ่งว่ำ “อนุตฺตโร ปุรุส ทมฺม สำรถิ ” เป็นสำรถีฝึก บุ รุ ษที่ ฝึ ก ได้ ไม่ มีใครยิ่ งกว่ ำ “สตฺถำ เทวมนุสฺสำนำ ” เป็นศำสดำของเทวดำและมนุษย์ทั้งหลำย 9 ควำม สำมำรถเฉพำะของพระองค์ ย่อมเป็นที่ประจักษ์เหล่ำพุทธบริษัท ทั้งหลำยเป็นอย่ำงดี และเป็นคุณสมบัติที่สำำ คัญยิ่งที่ บุค คลผู้ เป็ น ศำสดำเช่นพระองค์จะทรงใช้เพื่อกำรสั่งสอนผู้อื่น เกี่ยวกับวิธีกำรสอนของพระบรมศำสดำนั้น มีมำกมำยหลำย วิธีที่พระองค์ทรงเลือกใช้ ทั้งนี้พระองค์จะทรงพิจำรณำถึงปัจจัย หลำย ๆ ด้ำนว่ำ มีควำมเหมำะสมหรือไม่ที่จะทรงใช้วิธีกำรนั้น ๆ ในกำรสั่ ง สอน โดยที่ พ ระองค์ จ ะทรงคำำ นึ ง ถึ ง พื้ น ฐำนของผู้ ฟั ง ธรรมเป็นอย่ำงมำก ไม่ว่ำบุคคล ๆ นั้นจะมำจำกชนชั้นวรรณะใด ก็ตำม เมื่อเป็นบุคคลที่พระองค์จะทรงโปรดแล้ ว พระองค์จะให้ ควำมสำำคัญกับบุคคลผู้นั้นเสมอเหมือนกันหมด แ ล ะ เนื่องจำกผู้ฟังธรรมมีพื้นฐำนควำมรู้ที่แตกต่ำงกัน พระพุทธเจ้ำจึง ทรงใช้วิธีกำรสอนที่หลำกหลำย ซึ่งในงำนเขียนนี้ จะสรุปมำให้ เห็นพอเป็นตัวอย่ำงประกอบถึงวิธีกำรสอนที่พระพุทธองทรงเลือก พิจำรณำในกำรสั่งสอนเวไนยสัตว์ คือ 1. ภูมิหลังหรือพื้นเพของผู้ฟัง ได้แก่ วรรณะ กำรศึกษำ และ อำชีพ เช่น เมื่อพระพุทธเจ้ำตรัสรู้ใหม่ ๆ พระองค์เสด็จไปสอน
  • 15. 15 ปั ญ จวั ค คี ย์ ซึ่ ง เป็ น ชนวรรณะพรำหมณ์ และออกบวชเพื่ อ แสวงหำทำงพ้ น ทุ ก ข์ โดยที่ พ ระองค์ ไ ด้ ต รั ส ถึ ง มั ช ฌิ ม ำปฏิ ป ทำ อันเป็นทำงสำยกลำง ได้แก่อริยมรรคมีองค์ 8 และญำณทัสสนะ ซึ่ ง เป็ น หลั ก ธรรมสำำ คั ญ ทำงพระพุ ท ธศำสนำ และมิ ใ ช่ สิ่ ง ที่ จ ะ เข้ ำ ใจได้ โ ดยง่ ำ ยสำำ หรั บ ชนทั่ ว ไป เพรำะต้ อ งอำศั ย สติ ปั ญ ญำ และบุญบำรมีที่ได้สั่งสมแต่อดีตจึงจะสำมำรถเข้ำใจและรู้แจ้งได้ 10 หรือในครั้งหนึ่งที่พระพุทธองค์ถูกอักโกสพรำหมณ์ ซึ่งยังเป็ นผู้ ครองเรื อ นอยู่ ได้ บ ริ ภ ำษ (กำรด่ ำ ) พระองค์ ด้ ว ยควำมโกรธ และพระองค์ได้ทำำให้อักโกสพรำหมณ์ ตระหนักได้ด้วยตนเองว่ำ กำรบริภำษพระองค์นั้นไม่มีประโยชน์ โดยทรงใช้วิธีอุปมำถำมถึง กำรเตรียมอำหำรต้อนรับแขกผู้มำเยือน เมื่อแขกไม่รับอำหำรนั้น อำหำรย่อมตกเป็นของเจ้ำของบ้ำนดังเดิม 11 ____________________ 9 พระเทพเวที (ป .อ . ปยุ ตฺ โ ต ). พจนำนุ ก รมพุ ท ธศำสตร์ ฉบั บ ประมวลศัพท์ . พิมพ์ครั้งที่ 6, 5,000 เล่ม (กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหำ จุฬำลงกรณรำชวิทยำลัย, 2533), น. 191. 10 วิ. ม. 4 / 12 – 17 / 41 – 48. 11 ม. ม. 2 / 631 – 632 / 322 – 323. 2. ปัญหำของผู้ฟังธรรม เป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงพิ จ ำรณำถึง ประกำรต่อมำ ซึ่งหมำยถึงปัญหำด้ำนควำมคิดและปัญหำในชีวิต ประจำำ วัน ปัญ หำด้ำ นควำมคิ ด นั้ น พระพุ ท ธองค์ ส ำมำรถรู้ ได้ ด้ ว ยเจโตปริย ำยญำณ พระพุ ท ธเจ้ ำจะทรงถำมควำมเข้ ำใจพื้ น ฐำนของผู้ ฟั ง ที่ เ กี่ ย วข้ อ ง เพื่ อ นำำ ไปสู่ ค วำมเข้ ำ ใจในเรื่ อ งนั้ น เช่น ในกำรสอนปัญจวัคคีย์เรื่องควำมไม่ยึดมั่นถือมั่น พระพุทธ องค์ ท รงใช้ คำำ ถำมกระตุ้ น ให้ ปั ญ จวั ค คี ย์ ไ ด้ ค้ น พบข้ อ สรุ ป ด้ ว ย ตนเอง ดังที่ปรำกฏในอนัตตลักขณสูตร ตอนหนึ่งว่ำ พ : รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง ป : ไม่เที่ยงพระพุทธเจ้ำข้ำ พ : ก็เมื่อสิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่ำ ป : เป็นทุกข์พระพุทธเจ้ำข้ำ พ : ก็สิ่ ง ใดไม่ เ ที่ ย ง เป็ น ทุ ก ข์ มี ค วำมแปรปรวนเป็ น ธรรมดำ ควรหรือจะตำมเห็นสิ่งนั้น ว่ำ นั่นของเรำ นั่นเป็นเรำ นั่นเป็นตนของเรำ ป : ไม่ควรเลย พระพุทธเจ้ำข้ำ 12 จำกคำำถำมเหล่ำนี้ ในที่สุดปัญจวัคคีย์ก็ได้ข้อสรุปให้ตนเอง ว่ำ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นในรูป จะเห็นได้ว่ำ พระพุทธเจ้ำทรงถำม ให้ปัญจวัคคีย์ให้เหตุผลทีละขั้นตอน และทรงถำมต่อไปถึงเวทนำ
  • 16. 16 สั ญ ญำ สัง ขำร วิ ญ ญำณ ท้ ำยที่ สุ ด จึ ง ทรงสรุ ป ว่ ำ อริ ย สำวก ย่อมเบื่อหน่ำยในรูป เวทนำ สัญญำ สังขำร วิญญำณ เมื่อเบื่อ หน่ำยจึงสิ้นกำำหนัด และหลุดพ้นได้ในที่สุด ในกรณี ที่ ผู้ ฟั ง ประสบปั ญ หำชี วิ ต พระพุ ท ธเจ้ ำ จะทรง พิจำรณำถึงสภำพจิตใจของบุคคลผู้นั้นก่อน หลังจำกนั้นจะทรง ใช้วิธีที่เหมำะสมแก่สถำนกำรณ์ เช่น เมื่อนำงกีสำโคตมี เศร้ำ โศกเสี ย ใจอย่ ำ งมำก เพรำะบุ ต รของนำงเสี ย ชี วิ ต และได้ กรำบทูลพระพุทธเจ้ำขอให้ช่วยชีวิตบุตรของนำง ซึ่ ง ในสภำวกำรณ์ เ ช่ น นี้ ผู้ ฟั ง ย่ อ มไม่ มี ค วำมพร้ อ มที่ จ ะฟั ง ธรรม แน่นอน พระพุทธองค์จึงทรงให้นำงไปหำเมล็ดพันธุ์ผักกำดจำก บ้ำนที่ไม่มีคนตำยมำให้ได้ก่อน แล้วพระองค์จะทรงช่วย ด้วยวิธี นี้ นำงจึงได้เรียนรู้ด้วยตนเองว่ำ ควำมตำยเป็นเรื่องธรรมดำ ซึ่ง ทุกคนต้องประสบ 13 หรื อ ตั ว อย่ ำ ง เรื่ อ งของยสกุ ล บุ ต รซึ่ ง เกิ ด เบื่อหน่ำยชีวิตกำรครองเรือน พระพุทธเจ้ำทรงแนะนำำยสกุลบุตร ว่ำ ชีวิตนักบวชไม่มีควำมวุ่นวำย ไม่มีปัญหำ และทรงสั่งสอนธร รมจนยสกุล บุ ต รบรรลุ ธ รรม ครั้ นคหบดี ผู้ เป็ น บิ ด ำออกตำมหำย สกุลบุตร พระพุทธเจ้ำก็ทรงแสดงธรรมให้คหบดีฟัง จนเกิดควำม เลื่อมใสในพระธรรมก่อน แล้วจึงตรัสถำมบิดำของยสกุลบุตร ดัง มีเนื้อควำมว่ำ พ : ดู ก รคหบดี ท่ ำ นจะสำำ คั ญ ควำมข้ อ นั้ น เป็ น ไฉน ยสกุลบุตรได้เห็นธรรมด้วย ญำณทัสสนะเพียงเสขภูมิเหมือนท่ำน เมื่อเธอพิจำรณำ ภูมิธรรม ตำมที่ตน ได้เห็นแล้ว ได้รู้แจ้งแล้ว จิตพ้นแล้วจำกอำสวะทั้งหลำย เพรำะไม่ ถือมั่น ดูกรคหบดี ยสกุลบุตรควร หรือ เพื่อ จะกลั บ เป็ น คฤหั ส ถ์ บริ โภคกำม เหมือ นเป็ น คฤหัสถ์ ครั้งก่อน ____________________ 12 วิ. ม. 4 / 21 / 53. 13 ขุ. อ. 9 / 33 / 604. ค. ข้อนั้นไม่ควรเลยพระพุทธเจ้ำข้ำ. พ : ดู ก ร คหบดี ยสกุลบุตรได้เห็นธรรมด้วย ญำณทัสสนะเพียงเสขภูมิเหมือนท่ำน เมื่อเธอพิจำรณำ ภูมิธรรมตำมที่ตนได้เห็นแล้ว ได้รู้แจ้งแล้ว จิตพ้นแล้ว จำกอำสวะทั้งหลำย เพรำะไม่ ถือมั่น ดูกรคหบดี ยสกุลบุตร ไม่
  • 17. 17 ควรจะกลับเป็นคฤหัสถ์ บริโภคกำมเหมือนเป็นคฤหัสถ์ ครั้งก่อน. ค : กำรที่จิต ของยสกุลบุตรพ้นจำกอำสวะทั้งหลำย เพรำะไม่ถือมั่น นั้น เป็นลำภของยสกุลบุตร ยสกุลบุตรได้ดีแล้วพระพุทธเจ้ำข้ำ ขอพระผู้มีพระภำค มียสกุลบุตร เป็นปัจฉำสมณะ จงทรงรับภัตตำหำรของข้ำพระพุทธเจ้ำ เพื่อเสวยในวัน นี้เถิดพระพุทธเจ้ำข้ำ 14 จะเห็นได้ว่ำ วิธีสอนของพระพุทธเจ้ำที่ทรงใช้กับยสกุลบุตร ต่ำงจำกวิธีที่ทรงใช้กับบิดำของยสกุลบุต เพรำะยสกุลบุตร เกิด ควำมเบื่อหน่ำยในชีวิตกำรครองเรือนอยู่แล้ว กำรเสนอทำงเลือก ในกำรดำำ เนินชีวิต ที่แตกต่ำงออกไปจำกเดิม จึงสำมำรถทำำ ให้ย สกุลบุตรสนใจได้ ส่วนบิดำของยสกุลบุตร เมื่อมำเฝ้ำพระพุทธเจ้ำ นั้น ยังไม่ได้เห็นทุกข์ของกำรครองเรือน และยังไม่ได้ศรัทธำใน พระศำสนำ หำกพระพุทธเจ้ำทรงถำมว่ำผู้ที่เข้ำใจธรรมแล้ว ควร กลับไปครองเรือนอีกหรือไม่ บิดำของยสกุลบุตร ก็จะยังไม่เข้ำใจ สภำพจิตของผู้ที่เข้ำใจธรรม พระพุทธเจ้ำจึ งทรงสอน จนคหบดี นั้ น เข้ำใจธรรมก่อ น แล้ว จึงตรั สถำม เพรำะพระพุ ทธองค์ ท รง คำำนึงพื้นฐำนของผู้ฟังเป็นสำำคัญ แล้วทรงเลือกใช้คำำถำมที่เหมำะ สมกับผู้ฟัง และสรุปเนื้อหำจำกคำำตอบของผู้ฟังนั่นเอง ค ว ำ ม เป็นพระบรมศำสดำขององค์สมเด็จพระสัมมำสัมพุทธเจ้ำ ย่อมเป็น ส่ ว นประกอบที่สำำ คัญ ที่จ ะทำำ ให้ เ กิ ด คุ ณ ลั ก ษณะของผู้ ส อนอย่ ำ ง พระองค์ ซึ่งเรียกว่ำองค์คุณแห่งกัลยำณมิตรที่มีในพระองค์อย่ำง สมบูรณ์ และยังถือเป็นแนวทำงกำรประพฤติปฏิบัติได้เป็นอย่ำงดี เยี่ยมแก่บุคคลผู้เป็นครูสอนทั้งหลำย ดังที่พ ระพรหมคุณ ำภรณ์ ได้ ให้คำำ อธิบำยไว้ว่ ำ “ องค์คุณของกัลยำมิตร ” คุ ณ สมบั ติ ข อง มิตรดีหรือมิตรแท้ คือท่ำนที่คบหรือเข้ำหำแล้วจะเป็นเหตุให้เกิด ควำมดีงำมและควำมเจริญ มี 7 ประกำรด้วยกันคือ 1. ปิ โ ย (น่ ำ รั ก ในฐำนเป็ น ที่ ส บำยใจและสนิ ท สนม ชวนให้อยำกเข้ำไปปรึกษำไต่ถำม) 2. ครุ (น่ ำ เคำรพ ในฐำนประพฤติ ส มควรแก่ ฐ ำนะ ให้เกิดควำมรู้สึกอบอุ่นใจ เป็นที่พึงได้ ละปลอดภัย) 3. ภำวนี โ ย (น่ ำ เจริ ญ ใจ หรื อ น่ ำ ยกย่ อ ง ในฐำนทรง คุณคือควำมรู้และภูมิปัญญำแท้ จริง ทั้งเป็นผู้ฝึกอบรมและปรับปรุงตนอยู่เสมอ ควรเอำ อย่ำง ทำำให้ระลึกและเอ่ยอ้ำงด้วยซำบซึ้งภูมิใจ)
  • 18. 18 4. วตฺตา จ (รู้จักพูดให้ได้ผล รู้จักชี้แจงให้เข้าใจ รู้ ว่าเมื่อไรควรพูดอะไรอย่างไร คอยให้คำาแนะนำาว่ากล่าว ตักเตือน เป็นที่ปรึกษาที่ดี) 5. วจนกฺขโม (อดทนต่อถ้อยคำา คือ พร้อมที่จะรับฟังคำา ปรึ ก ษาซึ ก ถามคำา เสนอแนะวิ พ ากษ์ วิ จ ารณ์ อดทน ฟังได้ไม่เบื่อ ไม่ฉุนเฉียว) ____________________ 14 วิ. ม. 4 / 28 69 . 6. คมฺภีรญฺจ กถำ กตฺตา (แถลงเรื่องลำ้า ลึกได้ สามารถ อธิบายเรื่องยุ่งยาซับซ้อนให้เข้าใจ และให้เรียนรู้เรื่อง ราวที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไป) 7. โน จฏฺฐาเน นิโยชเย (ไม่ชักนำา ในอฐาน คือ ไม่ แนะนำา ในเรื่องเหลวไหล หรือชักจูงไปในทางเสื่อมเสีย ) 15 และในการแสดงธรรมของพระพุทธองค์ทุกครั้ง พระองค์จะ ทรงมี ลี ล าการสอน หรื อ พุ ท ธลี ล าในการสอนเสมอ ดั ง ที่ พ ร ะ พรหมคุณ าภรณ์ได้อธิบายความไว้ว่า การสอนของพระพุทธเจ้า แต่ละครั้ง แม้ที่เป็นเพียงธรรมิกถา หรือการสนทนาทั่วไป ซึ่งมี ใช่คราวที่มีความมุ่งหมายเฉพาะพิเศษ ก็จะดำาเนินไปอย่างสำาเร็จ ผลดี โดยมีองค์ประกอบที่เป็นคุณลักษณะ 4 ประการ คือ 1. สั น ทั ส สนา(ชี้ แ จงให้ ชั ด คื อ จะสอนอะไร ก็ ชี้ แ จง จำาแนกแยกแยะอธิบาย และ แสดง เหตุผลให้ชัดเจน จนผู้ฟังเข้าใจแจ่มแจ้งเห็นจริง เห็นจัง ดั่งจูงมือไปดูเห็นกับตา 2. สมาทปนา ชวนให้อยากให้รับเอาไปปฏิบัติ คือ สิ่งใดควรปฏิบัติหรือหัดทำา ก็แนะนำา หรือ บรรยายให้ ซ าบซึ้ ง ในคุ ณ ค่ า มองเห็ น ความสำาคัญที่จะต้องฝึกฝนบำาเพ็ญ จนใจ ยอมรับ อยากลงมือทำา หรือนำาไปปฏิบัติ 3. สมุตเตชนาเร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า คือ ปลุก เร้าใจให้กระตือรือร้นเกิดความ อุตสาหะ มีกำา ลังใจแข็ .ขัน มั่นใจที่จะทำา ให้สำา เร็จจง ได้ สู้งาน ไม่หวั่นระย่อไม่กลัว เหนื่อย ไม่กลัวยาก 4. สัม ปหังสนา ปล่ อยชโลมใจให้ สดชื่นร่ าเริ ง คือ บำารุงจิตให้แช่มชื่นเบิกบาน
  • 19. 19 โดยชี้ให้เห็นผลดีหรือคุณประโยชน์ที่จะได้รับและทางที่ จะก้าวหน้า บรรลุผลสำาเร็จยิ่ง ขึ้นไป ทำาให้ผู้ฟังมีความหวังและร่าเริงใจ 16 ลักษณะของผู้ฟังการสอน ดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้นถึงองค์ประกอบและปัจจัยที่ทำา ให้ เกิดการสอนว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อพระองค์จะทรงสั่งสอน ใคร พระองค์จ ะทรงรู้และคำา นึ งถึ งความแตกต่ างระหว่ างบุ ค คล เช่น ทรงคำา นึงถึงจริตของบุคคล และทรงรู้ระดับความสามารถ ของบุ ค คล อย่ า งที่ พ ระองค์ ไ ด้ ท รงพิ จ ารณาก่ อ นเสด็ จ ออก ประกาศพระศาสนาว่า ““เหล่าสัตว์ที่มีธุลีในดวงตาน้อยก็มี ที่มีกิเลสในดวงตา มากก็มี ที่มอินทรีย์แก่กล้าก็มี ที่ ี มีอินทรีย์อ่อนก็มี ที่มีอาการดีก็มี มีอาการทรามก็มี ที่จะ สอนให้รู้ได้ง่ายก็มี ที่จะสอนให้ รู้ได้ยากก็มี บางพวกที่ตระหนักถึงโทษภัยในปรโลกอยู่ ก็มี ดังนี้ อุปมาเหมือนดังในกอ อุบล กอประทุม หรือกอบุณฑริก” 17 ____________________ 15 พระธรรมปิฏก (ป.อ. ปยุตฺโต ). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับ ประมวลธรรม . พิ ม พ์ ค รั้ ง ที่ 8, 10,000 เล่ ม (กรุ ง เทพฯ: โรงพิ ม พ์ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2538), น. 238. 16 เรื่องเดียวกัน, น. 158. 17 วิ. ม. 4 / 9 / 32. นอกจากพระองค์ จ ะทรงคำา นึ ง ถึ ง ความแตกต่ า งระหว่ า ง บุคคลแล้ว ยังทรงคำานึงถึงความพร้อมและความสุกงอม ความแก่ รอบแห่ งอิ น ทรี ย์ ห รื อ ญาณ ของผู้ ฟั ง แต่ ล ะบุ ค คลเป็ น ราย ๆ ไป ดังเรื่องพระราหุลเป็นตัวอย่าง ที่คราวหนึ่งพระพุทธองค์ทรงคอย พิจารณาถึงความสุกงอมแห่งอุปนิสัยของพระราหุล ทรงประทับ หลีกเร้นในที่สงัด ทรงดำาริว่า “ธรรมเครื่องบ่มวิมุตติของราหุ ลสุก -งอมดีแล้ว ถ้ากระไรเราพึ งช่ วยชั กนำา เธอใน การกำา จัด อา สวะให้ยิ่งขึ้นไปอีก” 18 อีกเรื่องหนึ่งที่ยกมาประกอบให้เห็นเป็นตัวอย่างคือ เมื่อคราวประทับอยู่ 2 พระองค์ กับพระเมฆิยะ ณ จาลิ กบรรพต พระเมฆิยะทูลลาไป บิณฑบาตในหมู่บ้านชันตุคามในระหว่างทางกลับจาก บิณฑบาตมาถึงฝั่งลำานำ้ากิมิกาฬา ท่านได้เห็นสถานที่ในป่าอัมพวันน่ารื่นรมย์ เกิดความ คิดว่า เป็นสถานที่เหมาะสมกับ