More Related Content
More from Teeraporn Pingkaew (9)
งานสำคัญ
- 3. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสั งคมแห่ งชาติ ฉบับที่ ๑ พ.ศ.๒๕๐๔-๒๕๐๙
• เน้นเฉพาะด้านเศรษฐกิ จเป็ นสาคัญ โดยเฉพาะการลงทุนใน สิ่ งก่อสร้ างขั้น
พื้ น ฐานในรู ปแบบของระบบคมนาคมและขนส่ ง ระบบเขื่ อ นเพื่ อ การ
ชลประทานและพลังงานไฟฟ้ า สาธารณูปการ ฯลฯ
• รัฐทุ่มเททรัพยากรเข้าไปเพื่อการปูพ้ืนฐานให้มีการลงทุนในด้านเอกชนเป็ น
หลัก
- 4. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติ ฉบับที่ ๒ พ.ศ.๒๕๑๐-๒๕๑๔
„ ยึดแนวทาง แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสั งคมแห่ งชาติ ฉบับที่ ๑ โดยขยาย
ขอบเขตของแผนให้ครอบคลุมถึงการพัฒนาของรัฐโดยสมบูรณ์กระจายให้
บังเกิ ดผลไปทัวประเทศ เน้นเขตทุ รกันดารและห่ างไกลความเจริ ญ และมี
่
โครงการพิเศษนอกเหนื อไปจากหน้าที่ปกติ ของกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ
เช่ น โครงการพัฒ นาภาค โครงการเร่ ง รั ด พัฒ นาชนบทและโครงการ
ช่วยเหลือชาวนา
การพัฒ นาอุ ต สาหกรรมนั บ เป็ นนโยบายส าคัญ ในการพัฒ นา
ประเทศ และเป็ นการกระจายความเจริญสู่ ภูมิภาค
- 5. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติ ฉบับที่ ๓ พ.ศ.๒๕๑๕-๒๕๑๙
• รั กษาเสถี ยรภาพทางเศรษฐกิ จ โดยรั กษาอัตราการขยายตัวของปริ มาณเงิ นตรา
รักษาระดับราคาสิ นค้าที่ จาเป็ นต่อการครองชี พ รักษาเสถียรภาพทางการเงิ นระหว่าง
ประเทศ ส่งเสริ มการส่งออก ปรับปรุ งโครงสร้างการนาเข้า
• ปรั บ ปรุ ง โครงสร้ างทางเศรษฐกิ จและยกระดับ การผลิ ต เร่ งรั ดการส่ ง ออกและ
ทดแทนสิ นค้านาเข้า ปรับงบลงทุนในโครงการก่อสร้างมาสนับสนุ นการลงทุนเพื่อใช้
ประโยชน์จากโครงการขั้นพื้นฐานที่มีอยู่
• กระจายรายได้และบริ การทางสังคม โดยลดอัตราการเพิ่มประชากร กระจายบริ การ
เศรษฐกิ จและสังคมสู่ ชนบท ปรับปรุ งสถาบันและองค์กรทางด้านเกษตรและสิ นเชื่ อ
รักษาระดับราคาสิ นค้าเกษตร
- 6. แผนเศรษฐกิจและสั งคมแห่ งชาติฉบับที่ ๔ แผนพัฒนาพ.ศ.๒๕๒๐-๒๕๒๔
• เน้นการฟื้ นฟู เศรษฐกิ จของประเทศโดยมุ่ งขยายการผลิ ต สาขาเกษตร
ปรับปรุ งโครงสร้างอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อส่ งออก กระจายรายได้และการ
มี ง านท าในภู มิ ภ าค มาตรการกระตุ ้ น อุ ต สาหกรรมที่ ซ บเซา รั ก ษา
ดุลการชาระเงินและการขาดดุลงบประมาณ
• เร่ งบู รณะและปรั บปรุ งการบริ หารทรั พยากรหลักของชาติ รวมทั้งการ
นาเอาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้โดยเฉพาะที่ดิน แหล่งน้ า ป่ าไม้และแหล่งแร่
เร่ งรัดการปฏิรูปที่ดิน จัดสรรแหล่งน้ าในประเทศ อนุรักษ์ทะเลหลวง สารวจ
แล ะ พั ฒ นา แหล่ ง พ ลั ง งานใ นอ่ า วไ ท ย แล ะ ภาค ใ ต้ ฝ่ั ง ตะ วั น ออ ก
- 7. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติ ฉบับที่ ๕ พ.ศ.๒๕๒๕-๒๕๒๙
• ยึดพื้นที่เป็ นหลักในการวางแผน กาหนดแผนงานและโครงการให้มีผล
ทางปฏิบติท้ งภาครัฐและภาคเอกชน
ั ั
• เน้นการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจการเงินของประเทศเป็ นพิเศษ
• เน้นความสมดุลในการแก้ไขปั ญหาเศรษฐกิจและสังคมของ ประเทศ
• เน้นการแก้ปัญหาความยากจนในชนบทล้าหลัง
• เน้นบทบาทและการระดมความร่ วมมือจากภาคเอกชน
• เน้นการแปลงแผนไปสู่ การปฏิบติ ั
- 8. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ ๖ พ.ศ.๒๕๓๐-๒๕๓๔
• เน้นวัตถุประสงค์ท้ งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ให้ความสาคัญต่อการปรับปรุ งการ
ั
บริ หารและทบทวนบทบาทของรัฐในการบริ หารประเทศ
• เน้นการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพของการเงินการ
คลัง โดยเน้นการระดมเงิ นออมในประเทศ เน้นการใช้จ่ายภาครั ฐอย่างประหยัดและมี
ประสิ ทธิภาพ
• เน้นบทบาทภาคเอกชนในการพัฒนา โดยเน้นการพัฒนาฝี มือแรงงานและคุณภาพชีวต ิ
• เน้นการเพิ่มบทบาทองค์กรประชาชนในท้องถิ่นเพื่อพัฒนาทรัพยากร ธรรมชาติและ
สิ่ งแวดล้อม
่
• เน้นการนาบริ การพื้นฐานที่มีอยูแล้วมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ พัฒนาเมืองและพื้นที่
เฉพาะ กระจายความเจริ ญสู่ภูมิภาคขยายขอบเขตพัฒนาชนบทครอบคลุมทัวประเทศ่
- 9. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ ๗ พ.ศ.๒๕๓๕-๒๕๓๙
• เน้นการรักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และมีเสถียรภาพ
• เน้นการกระจายรายได้ และการพัฒนาไปสู่ ภูมิภาคและชนบท
• เน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ คุณภาพชีวต และสิ่ งแวดล้อม
ิ
• เน้นการพัฒนากฎหมาย รัฐวิสาหกิจ และระบบราชการ
- 10. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ ๘ พ.ศ.๒๕๐๔-๒๕๔๔
• การพัฒนาศักยภาพของคน
• การพัฒนาสภาพแวดล้อมของสังคมให้เอื้อต่อการพัฒนาคน
• การเสริ มสร้างศักยภาพการพัฒนาของภูมิภาคและชนบทเพื่อ ยกระดับคุณภาพชีวิต
ของประชาชนอย่างทัวถึง
่
• การพัฒนาสมรรถนะทางเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนการพัฒนา คนและคุณภาพชีวต ิ
• การจัดหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ งแวดล้อม
• การพัฒนาประชารัฐ เป็ นการพัฒนาภาครัฐให้มีสมรรถนะ และพันธกิจหลักในการ
เสริ มสร้างศักยภาพและสมรรถนะ ของคนและมีส่วนร่ วมในการพัฒนาประเทศ
• การบริ หารจัดการเพื่อให้มีการนาแผนพัฒนาฯไปดาเนิ นการ ให้เกิ ดผลในทาง
ปฏิบติดวยแนวทางการแปลงแผนไปสู่การ ปฏิบติ
ั ้ ั
- 11. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติ ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๔๕ – ๒๕๔๙)
เป็ นแผนที่ ไ ด้อ ัญ เชิ ญ แนวปรั ช ญาของเศรษฐกิ จ พอเพี ย ง ตามพระราชด ารั ส ของ
พระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัว มาเป็ นปรัชญานาทางในการพัฒนาและบริ หารประเทศ โดยยึด
หลักทางสายกลาง เพื่อให้ประเทศรอดพ้นจากวิกฤต สามารถดารงอยู่ได้อย่างมันคง และ่
นาไปสู่ การพัฒนาที่ สมดุล มีคุณภาพและยังยืน ภายใต้กระแสโลกาภิวตน์และสถานการณ์
่ ั
เปลี่ยนแปลงต่างๆ
วัตถุประสงค์
• เพื่อฟื้ นฟูเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพและมีภมิคุมกัน
ู ้
• เพื่อวางรากฐานการพัฒนาประเทศให้เข้มแข็ง ยังยืน สามารถพึ่งตนเองได้อย่างรู ้เท่าทัน
่
โลก
• เพื่อให้เกิดการบริ หารจัดการที่ดีในสังคมไทยทุกระดับ
• เพื่อแก้ปัญหาความยากจนและเพิมศักยภาพและโอกาสของคนไทยในการพึ่งพาตนเอง
่
- 12. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสั งคมแห่ งชาติ ฉบับที่ ๑๐(พ.ศ. ๒๕๕๐ – ๒๕๕๔)
• พัฒนาคนให้มีคุณภาพพร้อมคุณธรรมและรอบรู ้อย่างเท่าทัน
• เสริ มสร้างเศรษฐกิจให้มีคุณภาพ เสถียรภาพ และเป็ นธรรม
• ด ารงความหลากหลายทางชี ว ภาพ และสร้ า งความมั่น คงของฐาน
ทรัพยากรธรรมชาติและคุณภาพสิ่ งแวดล้อม
• พัฒนาระบบบริ หารจัดการประเทศให้เกิ ดธรรมาภิ บาลภายใต้ระบอบ
ประชาธิปไตยที่มีองค์พระมหากษัตริ ยเ์ ป็ นประมุข
- 13. ขั้นตอนการดาเนินโครงการอันเนื่องมากจากพระราชดาริ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หว ทรงศึกษาข้อมูลต่าง ๆ เป็ นขั้นเป็ นตอน
ั
อย่างละเอียดก่อนทุกครั้งในการจัดวางแผนโครงการใดโครงการหนึ่ ง ก่อน
จะมีพระราชดาริ น้ น ขั้นตอนต่าง ๆ พอจะกล่าวได้ดงต่อไปนี้
ั ั
- 14. ๑. การศึกษาข้ อมูล
ก่อนจะเสด็จพระราชดาเนิ นยังพื้นที่ ใดๆ นั้น จะทรงศึ กษาข้อมูลจาก
เอกสารและแผนที่ต่างๆ ที่มีอยู่ เพื่อให้ทราบถึงสภาพในท้องถิ่นนั้นๆ อย่าง
ละเอียดก่อนเสมอ
- 15. ๒. การหาข้ อมูลในพืนที่ ้
เมื่อเสด็จฯ ถึงพื้นที่น้ นๆ จะทรงหาข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ ง เพื่อให้
ั
ได้ขอเท็จจริ งและข้อมูลล่าสุ ด อาทิเช่น ทรงสอบถามประชาชนถึงการประกอบอาชีพ
้
สภาพหมู่บาน ภูมิประเทศ ดิน ฟ้ า อากาศ และน้ า ฯลฯ ทรงสารวจพื้นที่ เสด็จพระราช
้
ดาเนิ น ทอดพระเนตรพื้ นที่ จ ริ ง ที่ คาดว่า ควรจะด าเนิ น การพัฒนาได้ ทรงสอบถาม
เจ้าหน้าที่ เมื่อทรงศึ กษาจากข้อมูลเอกสารและทรงได้ขอมูลจากพื้นที่จริ งแล้ว จะทรง
้
ปรึ กษากับเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ถึงความ เหมาะสม ความเป็ นไปได้อีกครั้งหนึ่ ง พร้อม
ทั้งคานวณวิเคราะห์ทนที ด้วยว่า เมื่อดาเนินการแล้วจะได้ประโยชน์อย่างไร และคุมค่า
ั ้
กับการลงทุน หรื อไม่เพียงใด อย่างไรแล้ว จึงพระราชทานพระราชดาริ ให้เจ้าหน้าที่ที่
เกี่ยวข้องไปพิจารณาในขั้นรายละเอียดตามขั้นตอนต่อไป
- 16. ๓. การศึกษาข้ อมูลและการจัดทาโครงการ
เมื่อเจ้าหน้าที่ผูเ้ กี่ ยวข้องได้รับพระราชทานพระราชดาริ แล้ว จะไปศึ กษา
ข้อมูลรายละเอียดต่างๆ อีกครั้งหนึ่ ง เพื่อประกอบการจัดทาโครงการให้เป็ นไป
ตามแนวทางพระราชดาริ ที่ได้พระราชทานไว้ อย่างไรก็ตามพระบาทสมเด็จพระ
เจ้า อยู่ หั ว ได้มี พ ระราชด าริ อ ยู่ เ สมอว่ า พระราชด าริ ข องพระองค์ เ ป็ นเพี ย ง
ข้อ เสนอแนะเท่ า นั้ น เมื่ อ รั ฐ บาลได้ ท ราบแล้ ว ควรไปพิ จ ารณาวิ เ คราะห์
กลันกรองตามหลัก วิชาการก่ อน เมื่ อมี ความเป็ นไปได้และมี ประโยชน์คุมค่ า
่ ้
และเห็นควรทา เป็ นเรื่ องที่จะต้องพิจารณาตัดสิ นใจเอง และในกรณี ที่วิเคราะห์
พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่เหมาะสมสามารถล้มเลิกได้
- 17. ๔. การดาเนินงานตามโครงการ
เมื่อจัดทาโครงการเสร็ จเรี ยบร้อยและผ่านการพิจารณาจากหน่วยเหนื อ
ตามล าดั บ ขั้น ตอน จนถึ ง การอนุ ม ัติ โ ครงการและงบประมาณแล้ ว
หน่ ว ยงานที่ เ กี่ ย วข้อ งจะด าเนิ น การปฏิ บ ติ ง านในทันที โดยมี ส านัก งาน
ั
คณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่ องมาจากพระราชดาริ
(สานักงาน กปร.) เป็ นหน่ วยงานกลางในการประสานงานและประสาน
แผนต่างๆ ให้แต่ละหน่ วยงานได้ดาเนิ นการสนับสนุ นสอดคล้องกัน และ
หรื อ อาจจัด ตั้ง องค์ก รกลางที่ ป ระกอบด้ว ยแต่ ล ะฝ่ ายที่ เ กี่ ย วข้อ ง เป็ นผู ้
ควบคุมดูแลให้การดาเนินการต่างเป็ นไปด้วยความเรี ยบร้อย มีประสิ ทธิ ภาพ
- 18. ๕. การติดตามผลงาน
ในการติ ด ตามผลงานการด าเนิ น งานนั้น แต่ ล ะหน่ ว ยงาน รวมทั้ง
สานักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่ องมาจาก
พระราชด าริ จะได้มี ก ารติ ด ตามประเมิ น ผลเป็ นระยะๆ แต่ ท่ี ส าคัญ คื อ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จฯกลับไปยังโครงการนั้นด้วยทุกครั้ง
เมื่อมีโอกาส เพื่อทอดพระเนตรความก้าวหน้าและติดตามผลงานต่างๆ ให้
เป็ นไปด้วยความเรี ย บร้ อย ในกรณี ที่ เกิ ดมี ปั ญหาอุ ป สรรคต่ า งๆ จะทรง
ชี้แนะแนวทางการแก้ไขปั ญหานั้น ให้สาเร็ จลุล่วงไป
- 20. คุณธรรม ๔ ประการ ทีพระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่หัว
่
พระราชทานแก่ ประชาชนชาวไทย
• ประการแรก คือการรักษาความสัจ ความจริ งใจต่อตัวเอง รู ้จกสละประโยชน์ส่วน
ั
น้อยของตน เพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมืองประพฤติแต่สิ่งที่เป็ นประโยชน์และ
เป็ นธรรม
• ประการที่ สอง คื อการรู ้ จักข่มใจตนเอง ฝึ กใจตนเอง ให้ประพฤติ ปฏิ บัติอยู่ใน
ความสัจ ความดี
• ประการที่สาม คือการอดทน อดกลั้น และอดออม ไม่ประพฤติล่วงความสัจสุ จริ ต
่
ไม่วาจะด้วยเหตุประการใด
• ประการที่สี่ คือการรู ้จกละวางความชัว ความทุจริ ต
ั ่
- 22. • กรอบแนวคิด
เป็ นปรัชญาที่ช้ ี แนะแนวทางการดารงอยู่และปฏิ บติตนในทางที่ควรจะ
ั
เป็ น โดยมีพ้นฐานมาจากวิถีชีวตดั้งเดิมของสังคมไทย
ื ิ
• คุณลักษณะ
ั
เศรษฐกิ จพอเพียงสามารถนามาประยุกต์ใช้กบการปฏิ บติตนได้ในทุ ก
ั
ระดับ โดยเน้นการปฏิบติบนทางสายกลางและการพัฒนาอย่างเป็ นขั้นตอน
ั
- 23. • คานิยาม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย ๓ คุณลักษณะ
๑. ความพอประมาณ คือ ความพอดีที่ไม่นอยเกินไปและไม่มากเกินไป
้
๒. ความมี เ หตุ ผ ล คื อ การตัดสิ น ใจเกี่ ย วกับ ระดับ ของความพอเพี ย งนั้น
จะต้องเป็ นไป อย่างมีเหตุผล
๓. การมีภูมิคุมกันที่ดีในตัวเอง คือ การเตรี ยมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและ
้
การ เปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่คาดว่า จะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล
- 24. • เงื่ อ นไข การตัด สิ น ใจและการด าเนิ น กิ จ กรรมต่ า งๆให้ อ ยู่ใ นระดับ
พอเพียงนั้น ต้องอาศัยทั้ง ความรู ้และคุณธรรมเป็ นพื้นฐาน
เงื่ อ นไขความรู้ ประกอบด้ว ย ความรอบรู ้ เ กี่ ย วกับ วิ ช าการต่ า งๆ ที่
เกี่ ยวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบ ที่จะนาความรู ้ เหล่านั้นมาพิจารณา
ให้เชื่ อมโยงกัน เพื่อประกอบ การวางแผน และความระมัดระวังในขั้น
ปฏิบติ ั
เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริ มสร้าง ประกอบด้วยมีความตระหนักใน
คุณธรรม มีความซื่ อสัตย์สุจริ ต มีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาใน
การดาเนินชีวตไม่โลภ ไม่ตระหนี่
ิ
- 25. แนวทางปฏิบัติ/ผลทีคาดว่าจะได้ รับ
่
จากการนาปรั ช ญาของเศรษฐกิ จพอเพีย งมาประยุกต์ใช้คือ การพัฒนาที่
สมดุ ล และยัง ยื น พร้ อ มรั บ ต่ อ การเปลี่ ย นแปลงในทุ ก ด้า น ทั้ง ด้า นสั ง คม
่
เศรษฐกิจ สิ่ งแวดล้อม ความรู้และเทคโนโลยี