ส า ร ะ . . . เ พื่ อ ก า ร พั ฒ น า ช น บ ท ต า ม แ น ว พ ร ะ ร า ช ด ำ ริ                                 Vol. 1


ปิมือทองหลังพระฯเดิ10 หน้าด
จับ
    ดภาครัฐ-เอกชนขยายผลต่อเนื่อง น จังหวั
                                                                         จากความสำเร็ จ ของมู ล นิ ธิ ปิ ด ทองหลั ง พระ สื บ สานแนว
                                                                    พระราชดำริ และสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ
                                                                    สืบสานแนวพระราชดำริ ในการดำเนินโครงการต้นแบบบูรณาการ
                                                                    การแก้ไขปัญหาและพัฒนาพืนที่ “จังหวัดน่าน” ตามแนวพระราชดำริ
                                                                                                ้
                                                                    และโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน อ่างเก็บน้ำห้วยคล้าย
                                                                    อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ที่ปรากฏผล
                                                                    เป็นรูปธรรม คือ ชาวบ้านในพื้นที่เข้าใจ รู้ปัญหาและความต้องการ
                                                                    ของตนในทุกมิติ และลงมือแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง จนในทีสดสามารถ
                                                                                                                            ุ่
                                                                    ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ และชำระหนี้สินได้
     คณะกรรมการสถาบันฯ จึงอนุมัติให้มีการดำเนินงานในพื้นที่ขยายผลอีก 18 หมู่บ้าน ใน 10 จังหวัด คือ ตราด สิงห์บุรี เพชรบุรี เชียงราย
พิษณุโลก ยะลา ประจวบคีรีขันธ์ เลย เชียงใหม่ น่าน ตามข้อเสนอของกระทรวงมหาดไทย วุฒิอาสาธนาคารสมองของสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน รวมทั้งมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้น 2 คณะ คือ คณะอนุกรรมการบูรณาการปิดทอง
หลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ และคณะอนุกรรมการทางธุรกิจเพื่อสังคม (CSR) เพื่อให้การดำเนินงานขยายผลพื้นที่ปิดทองหลังพระ
มีประสิทธิภาพและสัมฤทธิผล เกิดประโยชน์สุขต่อประชาชน
     ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล ประธานสถาบันฯ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการบูรณาการปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ชี้แจง
ในที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ นัดแรก เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2554 ถึงความก้าวหน้าในการดำเนินงานของสถาบันฯ รวมทั้งประเมิน
ความพร้อมของพื้นที่ขยายผลทั้ง 10 จังหวัด พบว่า 4 จังหวัด ที่มีความพร้อมทั้งหน่วยราชการและชาวบ้าน คือ เพชรบุรี พิษณุโลก ยะลา น่าน
และจังหวัดที่ชาวบ้านพร้อมแล้ว คือ ประจวบคีรีขันธ์ เลย เชียงใหม่ และตราด
     นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้อำนวยการสถาบันฯ รายงานว่า จากการหารือร่วมกับมูลนิธแม่ฟาหลวง ได้ขอสรุปว่า มูลนิธแม่ฟาหลวง
                                                                                             ิ ้             ้             ิ ้
จะดำเนินการในพื้นที่ 7 หมู่บ้าน ใน 5 จังหวัด คือ บ้านท่าตะเภา ต.หนองเสม็ด อ.เมือง จ.ตราด บ้านโป่งลึกและบ้านบางกลอย อ่านต่อหน้า 16


ระดมสมองระดับหัวกะทิของชาติ
พัฒนาท้องถินแบบ “ปิดทองฯ”
           ่
     เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2554 ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ประธานมูลนิธปดทอง              ิ ิ
หลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิ ศ กุ ล ประธานสถาบั น ส่ ง เสริ ม และ
พั ฒ นากิ จ กรรมปิ ด ทองหลั ง พระฯ ดร.สุ เ มธ ตั น ติ เ วชกุ ล เลขาธิ ก ารมู ล นิ ธิ ชั ย พั ฒ นา
ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พร้อมคณะของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงใน
พระบรมราชู ป ถั ม ภ์ สำนั ก งานทรั พ ย์ สิ น ส่ ว นพระมหากษั ต ริ ย์ มู ล นิ ธิ ส ยามกั ม มาจล
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงบประมาณ กรมกิจการพลเรือนทหารบก คณะอธิการบดี
จากมหาวิทยาลัย 10 แห่ง เช่น วิทยาลัยชุมชน สถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย
สถาบันคลังสมอง สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.)                     อ่านต่อหน้า 16
ครองธรรม ครองแผ่นดิน
ครองใจไทยทั้งชาติ

           “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม
     เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”


      เป็นเวลา 66 ปีมาแล้ว ทีคนไทยทังแผ่นดิน ตระหนักได้ดวย
                                 ่              ้                             ้     ให้ราษฎรรู้เห็นตัวอย่างของความสำเร็จ สามารถนำไปปฏิบัติได้เอง
หัวใจว่า พระปฐมบรมราชโองการนี้ คือ สัจจะวาจาอันเที่ยงแท้                            แล้ ว กระจายไปสู่ ท้ อ งถิ่ น ต่ า ง ๆ ทั่ ว ประเทศ พั ฒ นาและอนุ รั ก ษ์
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรักษาอย่างมั่นคงตลอดมา                             ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยังยืน ควบคูกบการฟืนฟูทรัพยากรธรรมชาติ
                                                                                                                 ่              ่ั         ้
      ปรากฏเป็นรูปธรรมด้วยพระราชกรณียกิจและโครงการอันเนื่อง                         ที่เสื่อมโทรม เพื่อเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศในระยะยาว
มาจากพระราชดำริเกือบ 4,000 โครงการ ทีเ่ กิดจากการทุมเทพระวรกาย่                     และทำนุบำรุงปรับปรุงสภาพทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
พระสติปัญญา พระอัจฉริยภาพกอปรด้วยพระวิจารณญาณ และ                                   ป่าไม้ ที่ดิน แหล่งน้ำ ให้อยู่ในสภาพที่มีผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพ
น้ำพระราชหฤทัยเปียมด้วยพระมหากรุณาธิคณ เพื่อให้ทุกภูมิภาคของ
                      ่                           ุ                                 การผลิตมากที่สุด
ประเทศไทยร่มเย็นเป็นสุข ประชาชนทุกคนภายใต้พระบารมี ดำรงชีวต                     ิ           พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพิสูจน์ให้คนไทยได้ประจักษ์
ได้อย่างมั่นคงผาสุก ด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืนและสมดุล                                  แล้วว่า การพัฒนาตามแนวทางสายกลางอย่างมีความสมดุล และ
      ความสำเร็ จ ของการพั ฒ นาที่ ยั่ ง ยื น ตามแนวพระราชดำริ นั้ น                การพัฒนาอย่างมีขั้นตอน มีความพอดี พอประมาณ มีเหตุมีผล และ
เกิดจากหลักและวิธีการทรงงาน ซึ่งทรงยึดมั่นปฏิบัติตลอดมา คือ                         มีภมคมกันยามวิกฤติ โดยผสมผสานความรูดานต่าง ๆ รวมทังการมีสติ
                                                                                         ู ิ ุ้                                        ้ ้       ้
แก้ ไ ขปั ญ หาเฉพาะหน้ า ที่ ร าษฎรกำลั ง ต้ อ งการการแก้ ไ ขอย่ า ง                มีคุณธรรม ซื่อสัตย์สุจริต และมีความเพียรไม่ย่อท้อต่อปัญหาและ
เร่งด่วนก่อน การพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอนตามลำดับความจำเป็น                             การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ตามแนวทางพระราชดำริ ดังที่ทรงปฏิบัติ
เพื่อให้มีรากฐานที่มั่นคงก่อนดำเนินการเพื่อความเจริญก้าวหน้าใน                      มาตลอด 66 ปี คือ แนวทางทีเ่ หมาะสมทีสดในการพัฒนาประเทศไทย
                                                                                                                                   ุ่
ลำดั บ ต่ อ ไป เน้ น การพั ฒ นาที่ มุ่ ง สร้ า งความเข้ ม แข็ ง ให้ แ ก่ ชุ ม ชน            พระราชปณิธานอันเข้มแข็งและแบบอย่างของการทรงงาน
ให้พึ่งตนเองได้ การพัฒนาให้สอดคล้องกับ “ภูมิสังคม” ในท้องถิ่น                       นีเอง คือ ธงชัยในการทำงานของมูลนิธปดทองหลังพระ สืบสาน
                                                                                       ้                                              ิ ิ
นั้น ๆ ใช้หลักการแก้ไขปัญหาด้วยธรรมชาติ เรียบง่าย และประหยัด                        แนวพระราชดำริ และสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทอง
ประยุกต์ใช้สิ่งที่มีอยู่ในภูมิภาคนั้นมาแก้ไขปัญหา โดยไม่ต้องลงทุน                   หลั ง พระฯ เพื่ อ พั ฒ นาประเทศให้ ด ำเนิ น ไปบนเส้ น ทางอั น
สูงหรือใช้เทคโนโลยีที่ยุ่งยาก สร้างเสริม “ตัวอย่างของความสำเร็จ”                    ประเสริฐนี้
เจ้าของ    : มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ
             สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล เลขที่ 1 ถนนนครปฐม แขวงจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300
           : สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ
             อาคารสยามทาวเวอร์ ชั้น 26 เลขที่ 989 ถนนพระราม 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 โทรศัพท์ 0-2611-5000 โทรสาร 0-2658-1413
             Website : http://www.pidthong.org
ที่ปรึกษา  : หม่อมราชวงศ์ดิศนัดดา ดิศกุล นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ นายพิพัฒน์ เลิศกิตติสุข
บรรณาธิการ : นายธนัยนันท์ ธนันท์ปพัฒน์ ผู้ช่วยบรรณาธิการ : นายสุชาติ ถนอม
2
ผู้จัดทำ   : บริษัท แอร์บอร์น พรินต์ จำกัด 1519/21 ซอยลาดพร้าว 41/1 ถนนลาดพร้าว แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310
             โทรศัพท์ 0-2939-9700 โทรสาร 0-2512-2208 E-mail : roso215@yahoo.com
ข่าว



มหกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้

“ปิดทองหลังพระฯ”

สืบสานพระราชดำริพัฒนาชุมชน
        ปิดทองหลังพระฯ ระดมนักพัฒนาและครภมปญญา 400 คน       ู ู ิ ั
จากทุ ก ภาค ร่ ว มมหกรรมแลกเปลี่ ย นเรี ย นรู้ เพื่ อ ขยายผล
การพั ฒ นาชนบทตามแนวพระราชดำริ ใ ห้ ก ระจายไปยั ง ชุ ม ชน
ทั่วประเทศ
        นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้อำนวยการสถาบันปิดทองหลังพระฯ
กล่าวว่า มหกรรมการเรียนรู้ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ
สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการพัฒนาตามแนวพระราชดำริใน
การพึงตนเอง และเพือให้ผทรวมปิดทองฯ อยูแล้วกับผูทจะนำไปขยายผล
          ่              ่ ู้ ี่ ่                   ่         ้ ี่
มาพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน เพื่อเพิ่มความเข้าใจและเป็น
กำลงใจในการรวมกนขยายผลตอไป
      ั            ่ ั             ่
        มหกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อขยายผลปิดทองฯ ประกอบด้ ว ย
นิทรรศการความรู้ ได้แก่ นิทรรศการแบบจำลองเสมือนจริงพื้นที่ต้นแบบ
ปิ ด ทองหลั ง พระฯ นิ ท รรศการพื้ น ที่ ข ยายผลจั ง หวั ด น่ า น 12 อำเภอ
ในรูปแบบกระบวนการเข้าใจและเข้าถึงเพือนำไปสูการพัฒนา นิทรรศการ
                                               ่          ่
รู ป ธรรมความสำเร็ จ ในพื้ น ที่ ข องกลุ่ ม ฮั ก เมื อ งน่ า น และนิ ท รรศการ           ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสามารถ
ศูนย์เรียนรูบริการวิชาการเครือข่ายจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จังหวัดน่าน
                ้                                                                       นำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ และเวทีเสวนา “ทำอย่างไรให้จังหวัด
        เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนาตามแนวพระราชดำริ ซึ่งประกอบ                       น่านเป็นพื้นที่ปิดทองฯทั้งหมด” โดยพระครูพิทักษ์นันทคุณ นายเสนีย์
ด้วย เวทีการสร้างแรงบันดาลใจ โดย ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล เลขาธิการ                        จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นพ.บุญยงค์ วงศ์รักมิตร ประธาน
มูลนิธิปิดทองหลังพระฯ กล่าวสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาแบบ                                คณะทำงานปิ ด ทองหลั ง พระน่ า น ตั ว แทนจากองค์ ก รปกครองส่ ว น
ปิดทองหลังพระ การเสวนา “เข้าใจ เข้าถึง แล้วจึงพัฒนา” เพื่อถ่ายทอด                       ท้องถิ่น หอการค้า และสภาเด็กและเยาวชนในจังหวัดน่าน
แลกเปลี่ยนความรู้ กระบวนการเข้าใจและเข้าถึงชุมชน วิธีการเก็บข้อมูล                             มหกรรมแลกเปลี่ ย นเรี ย นรู้ เ พื่ อ การขยายผลปิ ด ทองหลั ง พระฯ
และวิเคราะห์ข้อมูล การสร้างความเชื่อมั่นและสร้างแรงจูงใจ ปัจจัย                         เป็นกิจกรรมหนึ่งในงานอนุรักษ์มรดกไทย มรดกน่าน จัดขึ้นระหว่าง
ความสำเร็ จ ปั ญ หาและการคลี่ ค ลายปั ญ หาในระหว่ า งการพั ฒ นา                         วันที่ 2-5 เมษายน 2554 มีผู้เข้าร่วมงาน 555 คน ซึ่งประกอบด้วย
พื้ น ที่ ต้ น แบบ เป็ น ต้ น โดยวิ ท ยากร ซึ่ ง ประกอบด้ ว ยอาสาสมั ค ร                คณะสงฆ์ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ปิ ด ทองหลั ง พระ ผู้ แ ทนชาวบ้ า นในพื้ น ที่ ต้ น แบบปิ ด ทองหลั ง พระฯ               ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ชาวบ้านในหมู่บ้านต้นแบบและหมู่บ้าน
ผู้แทนพื้นที่ขยายผลปิดทองหลังพระฯ จากจังหวัดต่าง ๆ                                      ขยายผลปิ ด ทองหลั ง พระจั ง หวั ด น่ า น หน่ ว ยงานส่ ว นกลางและจาก
        นอกจากนี้ ยั ง มี ฐ านการเรี ย นรู้ เ รื่ อ งน้ ำ ดิ น เกษตร ป่ า ซึ่ ง         พื้นที่ขยายผลปิดทองหลังพระอีก 10 จังหวัด คือ อุดรธานี พิษณุโลก
เป็ น การถ่ า ยทอดองค์ ค วามรู้ จ ากผู้ ป ฏิ บั ติ ง านจริ ง และครู ภู มิ ปั ญ ญา       เชี ย งราย เชี ย งใหม่ ตราด สิ ง ห์ บุ รี เพชรบุ รี ประจวบคี รี ขั น ธ์ เลย
ท้องถิ่นทั้งในและนอกพื้นที่ เพื่อต่อยอดในพื้นที่เดิมและพื้นที่ขยายผล                    ยะลา หน่ ว ยงานภาคีสืบสานแนวพระราชดำริจากมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง
ปิ ด ทองหลั ง พระฯ ให้ ชุ ม ชนนำความรู้ ที่ ไ ด้ รั บ ไปปรั บ ใช้ ใ นพื้ น ที่ ข อง     ในพระบรมราชูปถัมภ์ โครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าฯ
ตนเองได้ การเสวนากลุ่ ม ย่ อ ย “พื้ น ที่ ต้ น แบบจะต่ อ ยอดและพื้ น ที่                พระบรมราชิ นี น าถ ศู น ย์ ศึ ก ษาการพั ฒ นาภู พ านและห้ ว ยฮ่ อ งไคร้
ขยายผลจะทำอย่างไร” เพื่อสร้างเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการพัฒนา                          อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
                                                                                                                                                                 3
ข่าว


องค์กรการศึกษาระดับโลกร่วมปิดทองฯ
สนับสนุนนิสิตนักศึกษาลงพื้นที่พัฒนาชนบท
                                                                               ประเทศไทย เพื่ อ รั บ ทราบการปฏิ บั ติ ง านของ SIFE ประเทศไทย
                                                                               พร้ อ มทั้ ง แลกเปลี่ ย นวิ สั ย ทั ศ น์ ก ารพั ฒ นาเยาวชนให้ ส ามารถนำ
                                                                               องค์ความรูและประสบการณ์ทมอยูไปพัฒนาชนบทต่อไป
                                                                                             ้                      ี่ ี ่
                                                                                       SIFE เป็นองค์กรระดับโลกไม่แสวงหากำไร ก่อตั้งขึ้นในปี 2518
                                                                               เพื่อสนับสนุนทีมนักศึกษากว่า 1,500 ทีม จาก 40 มหาวิทยาลัย
                                                                               ทั่ ว โลก ได้ ถ่ า ยทอดความรู้ แนวคิ ด เศรษฐกิ จ และทั ก ษะในการ
                                                                               ประกอบธุรกิจให้กับชุมชน และเป็นกระบวนการเตรียมความพร้อม
                                                                               นิสิตนักศึกษาให้เข้าสู่โลกการทำงาน เป็นผู้นำที่มีศักยภาพ มีความ
                                                                               รั บ ผิ ด ชอบ และความสามารถในการช่ ว ยเหลื อ สั ง คม ชุ ม ชนและ
                                                                               ประเทศชาติ
                                                                                       สำหรับ SIFE ประเทศไทย ดำเนินการมาเป็นปีที่ 7 แล้ว ซึ่งใน
                                                                               ปีการศึกษา 2552-2553 ที่ผ่านมา มีนิสิต นักศึกษากว่า 500 คน
                                                                               จากมหาวิทยาลัย 21 แห่งทั่วประเทศ เข้าร่วม SIFE ประเทศไทย
      ม.ร.ว.ดิ ศ นั ด ดา ดิ ศ กุ ล เลขาธิ ก ารมู ล นิ ธิ ปิ ด ทองหลั ง พระ     โดยนำความรู้มาสร้างโอกาสทางธุรกิจและทำประโยชน์ให้ชาวบ้าน
สื บ สานแนวพระราชดำริ และประธานกรรมการบริ ห าร SIFE                            12,000 คน ใน 56 ชุมชนเป้าหมาย 21 จังหวัดทั่วประเทศ ปัจจุบัน
(Student in Free Enterprise) ประเทศไทย นำ นายอัลวิน รอห์ส                      มี ส ถาบั น การศึ ก ษาเข้ า ร่ ว มโครงการ 36 แห่ ง และในปี นี้ มู ล นิ ธิ
ประธาน และนายซิลเวสเตอร์ จอห์น รองประธาน SIFE Worldwide                        ปิดทองหลังพระฯ ได้ให้การสนับสนุน SIFE ประเทศไทย เพื่อสานต่อ
เข้าเยี่ยมคารวะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีฟ้า                 การเข้าร่วมศึกษาดูงานพื้นที่ต้นแบบปิดทองหลังพระฯ จังหวัดน่าน
ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสที่นายรอห์สและนายจอห์น เดินทางมา                          และโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) จังหวัดเชียงราย




โรงสีข้าว อีกหนึ่งความสำเร็จของบ้านน้ำป้าก
      ชาวบ้านบ้านน้ำป้าก ต.ตาลชุม อ.ท่าวังผา จ.น่าน รวมตัวกัน
จั ด ตั้ ง กองทุ น โรงสี ข้ า วได้ ส ำเร็ จ โดยสมาชิ ก 68 คน ลงขั น กั น
คนละ 100 บาท เป็นเงินทุนเริ่มต้นดำเนินการ และมีการบริหารงาน
โดยชุมชน
      หลังจากที่ชาวบ้านในสามหมู่บ้าน คือ บ้านน้ำป้าก ห้วยธนูและ
ห้วยม่วง ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นแบบปิดทองหลังพระฯ จ.น่าน สามารถปลูก
ข้าวได้ผลผลิตเกินเป้าหมาย คือ มากกว่า 50 ถังต่อไร่ ทั้งยังลงแรง
ช่วยกันก่อสร้างอาคารโรงสีชุมชนจนเสร็จเรียบร้อย ปิดทองหลังพระฯ
ก็ได้มอบเครื่องสีข้าวให้กับกองทุนโรงสีข้าวตามที่เคยสัญญาไว้
      กองทุนโรงสีข้าวบ้านน้ำป้าก เดินเครื่องทดลองสีข้าว เมื่อวันที่
20 กุ ม ภาพั น ธ์ 2554 ก่ อ นจะเริ่ ม ให้ บ ริ ก ารสี ข้ า วให้ กั บ เกษตรกร

4
ข่าว


                                                                                          ชุมชนบางน้ำผึ้ง
                                                                                          ต้นแบบแก้น้ำเสียครัวเรือน
                                                                                          ด้วยถังดักไขมันชัยพัฒนา
                                                                                                “บางน้ำผึ้ง” ในอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ คือ
                                                                                          ชุมชนตัวอย่างในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่มีการดำเนินงานตาม
                                                                                          แนวทางพระราชดำริมากมาย เช่น โครงการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม
  ปิดทองหลังพระฯ
 ร่วมใจชาวน่าน                                                           และป่าชุมชน โครงการสวนป่าเฉลิมพระเกียรติและสวนป่าชุมชม
                                                                                          โครงการหมูบานร่มเย็นเป็นสุขและดูแลรักษาสิงแวดล้อม โครงการ
                                                                                                           ่ ้                                   ่
  สร้างกุศลยิ่งใหญ่บูรณะวัดภูมินทร์                                                       หมู่บ้านปลอดขยะ มีการบำบัดน้ำเสีย การทำน้ำหมักจุลินทรีย์
        นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริม                               และเตาเผาถ่าน รวมทั้งวางระบบถังดักไขมัน ซึ่งเป็นภูมิปัญญา
  และพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ                                        ของชาวบ้ า นที่ ร่ ว มกั น ผลิ ต เครื่ อ งดั ก ไขมั น ขึ้ น มาใช้ เ อง มี ศู น ย์
  และนายธนกร รัชดานนท์ ผู้จัดการสำนักงานโครงการปิดทอง                                     ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ให้ชาวชุมชนบางน้ำผึ้งเข้ามาเรียน
  หลังพระฯ จังหวัดน่าน ร่วมถวายเงิน 31,850 บาท แด่พระมหา                                  รู้แล้วนำไปปรับใช้ในครัวเรือนของตนเอง รวมทั้งการรวมกลุ่ม
  ทวี ศั ก ดิ์ อตฺ ต ปญฺ โ ญ รองเจ้ า อาวาสวั ด ภู มิ น ทร์ เพื่ อ บู ร ณะ                เยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
  พระประธาน และพระอุโบสถ ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว                                          เพื่ อ ต่ อ ยอดให้ พื้ น ที่ ต ำบลบางน้ ำ ผึ้ ง เป็ น พื้ น ที่ ต้ น แบบใน
  เมื่อเดือนมีนาคม                                                                        การถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการบำบัดน้ำเสียและขยะตามแนว
        เงินทั้งหมดได้มาจากการขายเสื้อและถุงผ้าปิดทองฯ ในงาน
  “อนุรักษ์ มรดกไทย มรดกน่าน และงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อ
  การขยายผลปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ” ระหว่าง
  วันที่ 2-5 เมษายน 2554 บริเวณหน้าวัดภูมินทร์ โดยไม่มีการหัก
  ค่าใช้จ่ายใด ๆ


สามหมู่บ้านดังกล่าวในวันถัดมา ในราคากระสอบละ 20 บาท และ                                   พระราชดำริเผยแพร่แก่ชุมชนอื่นต่อไป มูลนิธิปิดทองหลังพระฯ
สามารถสร้างรายได้จากการสีข้าวครั้งแรก 500 บาท แต่ที่สำคัญ                                 โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยฯ และ
ที่ สุ ด คื อ กองทุ น โรงสี ข้ า วที่ บ้ า นน้ ำ ป้ า กนี้ จะช่ ว ยลดรายจ่ า ยใน          องค์การบริหารส่วนตำบลบางน้ำผึ้ง จึงร่วมมือกันทดสอบถังดัก
การที่ต้องขนข้าวออกไปสีภายนอกชุมชน ในราคาที่สูงกว่านี้ลงได้                               ไขมันชัยพัฒนา ซึ่งโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อม
อย่างมาก                                                                                  แหลมผักเบียฯ ออกแบบและผลิตโดยใช้หลักการทรงงาน “ประหยัด
                                                                                                          ้
                                                                                          เรียบง่าย ได้ประโยชน์สูงสุด”
                                                                                                 ทั้งนี้ ผลจากการทดลองติดตั้งถังดักไขมันต้นแบบให้แก่อาสา
                                                                                          สมัครในพื้นที่ อบต.บางน้ำผึ้ง 30 ครัว เรือน เป็นเวลา 1 เดือน จะ
                                                                                          เป็ น ข้ อ มู ล ในการพั ฒ นาถั ง ดั ก ไขมั น ให้ มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพมากขึ้ น
                                                                                          สามารถรองรับปริมาณน้ำเสียได้อย่างเหมาะสม และจะเป็นต้น
                                                                                          แบบการบำบัดน้ำเสียในชุมชนให้แก่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
                                                                                          ทั่ ว ประเทศ โดยตั้ ง เป้ า จะติ ด ตั้ ง ถั ง ดั ก ไขมั น ในครั ว เรื อ นให้ ไ ด้
                                                                                          1 ล้านจุดทั่วประเทศ
                                                                                                                                                                         5
รายงาน




ก้าวเล็กๆ
ที่ยิ่งใหญ่ของปิดทองฯ
                                                        ที่ “หนองวัวซอ”
     ย้อน                   กลับไปเมื่อ 4 เดือน ก่อนปิดทองฯ เข้ามาในตำบลกุดหมากไฟ
                            อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ราษฎรหมู่ 3 บ้านโคกล่าม 120
ครัวเรือน 793 คน และราษฎรหมู่ 11 บ้านแสงอร่าม 106 ครัวเรือน 579 คน มีรายได้
รวมกัน 17,336,235 บาท กว่าครึ่งเป็นรายได้จากการทำเกษตร ขณะที่มีรายจ่ายสูงกว่า
รายได้อยู่ที่ 18,275,495 บาท มีหนี้สินรวมกันที่ 17,434,540 บาท ในจำนวนนี้ ร้อยละ 61
เป็นหนี้ ธ.ก.ส. รองลงมาเป็นหนี้กองทุนหมู่บ้านเงินล้าน เฉลี่ยต่อครัวเรือนแล้ว จะมีหนี้สิน
อยู่ที่ 88,951 บาท
       ชาวบ้ า นที่ นี่ ทำนาได้ ผ ลผลิ ต เฉลี่ ย แล้ ว เพี ย ง 34-45 ถั ง ต่ อ ไร่ เท่านั้น ถึงแม้จะมี
อ่างเก็บน้ำห้วยคล้ายอันเนืองมาจากพระราชดำริ อ่างเก็บน้ำห้วยก้านเหลือง และอ่างเก็บน้ำ
                               ่
ห้วยรีในพืนที่ แต่กไม่สามารถใช้นำจากอ่างฯ ทัง 3 แห่งเพือประโยชน์ในการเกษตรได้เต็มที่
            ้           ็           ้                 ้           ่
เนืองจากอ่างเก็บน้ำห้วยคล้ายฯ ไม่มระบบคลองส่งน้ำและท่อส่งน้ำเข้าแปลงนา แต่จะปล่อย
   ่                                    ี
ให้น้ำไหลล้นผ่านดาดคอนกรีตลงสู่ลำน้ำธรรมชาติเอง อีกทั้งลำน้ำยังอยู่ต่ำกว่าแปลงนา
ของชาวบ้านอีกด้วย ทีผานมาชาวบ้านจึงต้องขุดคลองขนาดเล็ก แล้วทำฝายกันยกระดับน้ำ
                          ่ ่                                                             ้
ให้สูงขึ้นไหลเข้านาของตัวเอง หรือใช้วิธีสูบน้ำขึ้นมา
       ปัญหานี้ ทำให้มีน้ำใช้ในหน้าแล้งได้ในพื้นที่เพียง 200 ไร่เท่านั้น กระบวนการเข้าใจ-
เข้าถึงพื้นที่ของปิดทองฯ จึงได้ข้อสรุปว่า ความต้องการของชาวบ้านมากกว่าครึ่งหนึ่ง
คือ การพัฒนาแหล่งน้ำ
6
รายงาน
                แนวคิดการทำโครงการปิดทองฯในพื้นที่หนองวัวซอ คือ การ                                                          เป็ดอี้เหลียง และปลาในบ่อ
           พัฒนาที่บูรณาการเชื่อมโยงระหว่าง 10 หน่วยงาน โดยมี สถาบัน                                                                แปลงตัวอย่างของนายบุญมาก สิงห์คำป้อง บนพื้นที่ 20 ไร่
           ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระฯ ประสานการบูรณาการ                                                           มีการปลูกข้าวโพดคู่กับฟักทองในหลุมเดียวกัน ให้ฟักทองเลื้อยพัน
           องค์ความรู้ของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูประถัมภ์ ด้านการ                                                       ต้นข้าวโพด ไม่ต้องปักไม้หลักให้ และเพียง 45 วันก็สามารถเก็บ
           บริหารจัดการระบบน้ำและกระบวนการเข้าถึง เข้าใจและพัฒนา                                                             ยอดอ่อนฟักทองมากินหรือขายได้ และยังช่วยให้อาหารมาเลี้ยงผล
           และองค์ความรูดานการเกษตรและปศุสตว์ของโครงการฟาร์มตัวอย่าง
                         ้ ้                    ั                                                                            ได้เต็มที่
           ในสมเด็ จ พระนางเจ้ า ฯพระบรมราชิ นี น าถ โดยมี จั ง หวั ด อุ ด รธานี                                                    ปลูกฟักหอม และทยอยปลูกผักบุ้งจีนทุก 7 วัน เพื่อให้เก็บขาย
           สนับสนุนงบประมาณในกิจกรรมพัฒนาพื้นที่ กระทรวงเกษตรและ                                                             ได้ทกวันทังสัปดาห์ หลังจากปลูกแล้ว 18 วัน ในราคา กก.ละ 10 บาท
                                                                                                                                  ุ     ้
           สหกรณ์ สนับสนุนเกษตรตำบลประจำในพื้นที่ และเตรียมพันธุ์พืช                                                         ทำให้ น ายบุ ญ มากขายผั ก ได้ เฉลี่ ย วั น ละ 200-300 บาท โดยใช้
           สัตว์ และปลาในการขยายผล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ                                                                เมล็ดพันธุ์ 2 กก. ปลูกผักบุ้งได้ 100 กก.
           สิงแวดล้อม สนับสนุนพันธุกล้าไม้สำหรับปลูกป่าเสริม กรมชลประทาน
             ่                      ์                                                                                               ปลูกตะไคร้และกล้วยริมขอบบ่อและคันนา และปลูกแคบ้าง
           ร่วมพัฒนาระบบน้ำและสนับสนุนเครื่องมือ เครือซิเมนต์ไทย (Thai                                                       ประปราย ปลูกถั่วลิสง เป็นพืชก่อนนาเพื่อปรับปรุงดินไปด้วยในตัว
           Cement Group : SCG) ให้สนับสนุนส่วนลดค่าวัสดุและอุปกรณ์                                                           เลี้ยงหมูจินหัว ซึ่งกินง่าย อยู่ง่าย ลูกดก (15 ตัว/ครอก) โดยต้องทำ
           องค์การบริหารส่วนตำบลกุดหมากไฟ สนับสนุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิง                                                        คอกเอง และมีเงื่อนไขต้องส่งคืนลูกหมูที่มีอายุ 45 วันให้โครงการ
                               สนับสนุน         สนับสนุนงาน       สนับสนุนเกษตรตำบล
                            งบประมาณ            ดานปศุสัตว      ประจำในพื้นที่ และเตรียมพันธุพืช
                    ในกจกรรมพฒนาพนท่ี
                       ิ     ั      ้ื                            สัตว และปลา ในการขยายผล




                                                               องคความรูการพัฒนา
      สนับสนุน                        เลือกพื้นที่             ระบบเกษตร                              เตรียมการสนับสนุน
เครื่องจักรกล                                                  ฟารมตัวอยางฯ ชุมชน                   พันธุกลาไม
ทางการเกษตร                                                                                           เพื่อปลูกปาเสริม
                                      องคความรู
                                      กระบวนการสราง
                                      ความเขาใจ เขาถึง
                                      และการพัฒนาระบบน้ำ


                 สนับสนุน
                 น้ำมันเชื้อเพลิง
                 เครื่องจักร                                              เขารวมในการพัฒนาระบบน้ำ
                                    CSR : ใหสวนลดคาวัสดุ อุปกรณ       และสนับสนุนเครื่องมือ                                                                        นายบุญมาก สิงห์คำป้อง

           องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี สนับสนุนเครื่องจักร                                                              ร้ อ ยละ 20 ของจำนวนลู ก หมู ที่ ค ลอดออกมาแต่ ล ะครอก และ
                ปิ ด ทองฯ เริ่ ม ดำเนิ น งานด้ ว ยการพั ฒ นาระบบน้ ำ โดยเสริ ม                                               เลี้ยงเป็ดบาบาลี ซึ่งมีข้อดีคือ ทนโรค กินง่าย โตเร็ว
           ตอม่อ ยกระดับน้ำที่ Spill way เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำ                                                        ส่วนแปลงเกษตรของนายสุบรร สอดศรี พื้นที่ 6 ไร่ มีการขุดบ่อ
           ในอ่ า งฯ ห้ ว ยคล้ า ย อี ก 30,000 ลบ.ม. และส่ ง น้ ำ ผ่ า นระบบท่ อ                                             บนที่ ดิ น ของตั ว เอง เพราะคิ ด แล้ ว ว่ า จะได้ ป ระโยชน์ ม ากกว่ า
           ขนาด 6 นิ้ว ระยะทาง 1,520 เมตร เข้าสู่แปลงนาให้ชาวบ้านมีน้ำใช้                                                    ใช้ที่ดินทำนา ซึ่งจะได้ข้าวแค่ 10 ถัง ถังละ 40 บาท การขุดบ่อทำให้
           ตลอดทั้ ง ปี และซ่ อ มแซมฝายเดิ ม ที่ ช ำรุ ด 3 ฝายให้ แ ข็ ง แรงพอ                                               มีน้ำรดผักและเลี้ยงปลาไปพร้อมกัน จะสร้างรายได้ได้ถึง 2,000 บาท
           กักเก็บน้ำได้ พัฒนาอ่างเก็บน้ำห้วยก้านเหลือง ไม่ให้รั่วซึม ปรับปรุง                                                     ใช้ขี้วัวผสมฟางใส่บ่อน้ำให้น้ำใสขึ้น ใส่ผักตบชวาในบ่อ เพื่อช่วย
           ลำห้วยเข และวางท่อง ยาว 920 เมตร                                                                                  บำบัดน้ำเสีย มีแพลงตอนจากรากให้ปลากิน แล้วยังสับและหมัก
                ส่ ว นการพั ฒ นาด้ า นการเกษตร ทำโดยคั ด เลื อ กพื้ น ที่ เ กษตร                                             ทำเป็นอาหารให้หมูที่เลี้ยงไว้ได้ด้วย
           2 แปลง ของนายบุ ญ มาก สิ ง ห์ ค ำป้ อ งและนายสุ บ รร สอดศรี                                                             ผลจากการทำฟาร์ ม ตั ว อย่ า งชุ ม ชนของ 2 แปลง วั น ที่ 18
           มาพัฒนาเป็นฟาร์มตัวอย่าง โดยทำการปรับปรุงดินให้มีธาตุอาหาร                                                        มีนาคม 2554 เริ่มมีผลผลิตไว้บริโภคและเหลือแบ่งขายได้ โดยมี
           ปลูกพืชก่อนนา เช่น โสน ปอเทือง พริก เพื่อเพิ่มปุ๋ยให้ดิน ปรับสภาพ                                                 รถมารับไปจำหน่ายที่ตลาดอำเภอหนองวัวซอและในจังหวัด และใน
           ความเป็นกรดของดิน และใช้ปุ๋ยหมักจากมูลหมู ค้างคาว วัว จากนั้น                                                     เวลาไม่ถึง 2 เดือน ปรากฏว่าจากรายได้ 1,000 บาทของเกษตรกร
           จึงทำนาและปลูกพืชหลังนา                                                                                           เพียงรายเดียวในเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนมีนาคม เกษตรกร 7 ราย
                ทำการเกษตรผสมผสาน ด้วยการปลูกพืช 3 ระดับ คือ พืชชั้นสูง                                                      มีรายได้รวมกัน 2,809 บาท และทะยานขึ้นเป็น 16,703 บาทใน
           ชั้นกลางและพืชกินหัว ซึ่งทุกชั้นกินได้ขายได้ รวมทั้งเลี้ยงหมูจินหัว                                               เดือนเมษายน จากฟาร์มของเกษตรกร 30 ราย
                                                                                                                                                                                                7
รายงาน
       ความสำเร็จของแปลงเกษตรทดลองทัง 2 แปลง ทำให้มชาวบ้าน
                                                        ้                      ี
บ้านโคกล่ามและบ้านแสงอร่าม ลงมือทำแปลงเกษตรตามโครงการฯ
ตามมาอีกมาก จนคาดหมายว่าถึงปลายปี 2554 จะมีฟาร์มตัวอย่างฯ
ชุ ม ชนถวาย 80 พระชนมพรรษา สมเด็ จ พระนางเจ้ า ฯ พระบรม
ราชินีนาถ จำนวน 8,000 แปลงเกิดขึ้นในพื้นที่อุดรธานี
       บุ ญ มากเอง ก็ พ อใจในผลงานของตนเองไม่ น้ อ ย “เพี ย งแค่
21 วัน ก็เริ่มเก็บผลผลิตขายได้ โดยมีคนมารับซื้อถึงที่ ไม่น่าเชื่อว่า
เมื่ อ ก่ อ นที่ ผื น นี้ น้ ำ ก็ ไ ม่ ค่ อ ยมี ปลู ก อะไรก็ ไ ม่ ค่ อ ยได้ ผ ล วั น นี้ จ ะ
                                                                                                      นายสมัย มะแพง                                 นายเศวต จันทร์หอม
เปลี่ยนแปลงไปได้ถึงขนาดนี้”
       สุ บ รร สอดศรี เจ้ า ของแปลงทดลองอี ก แปลงหนึ่ ง ก็ บ อกว่ า                                    ส่วนผู้ใหญ่บ้านแสงอร่าม นายเศวต จันทร์หอม ก็บอกว่าตลอด
หลังทำแปลงทดลองตามคำแนะนำของปิดทองฯ แล้ว ได้ผลเกินเป้า                                         ชีวิต ยังไม่เคยเจอโครงการไหนตั้งใจพัฒนาอย่างปิดทองฯ เลย ทั้ง
เพราะสามารถเก็ บ ผลผลิ ต เช่ น ผั ก บุ้ ง ยอดฟั ก ทอง ขายได้ แ ล้ ว                            ลงมือทำร่วมกับชาวบ้านและให้ความรู้แบบไม่หวงวิชา ชาวบ้านจึง
เกือบพันบาท จากที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีรายได้มาก่อน การเข้ามา                                    เชื่อมั่น กระตือรือร้นที่จะร่วมมือ “ตั้งแต่ร่วมกันถางป่าก๋ง ขุด-วางท่อ
ของปิดทองฯ สำหรับเขาแล้ว จึงดียิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1                                  ส่งน้ำ ชาวบ้านก็ร่วมกันทำหมด ไม่ต้องจ้างสักบาท ถึงวันนี้ เริ่มเห็น
เสียอีก                                                                                        ผลแล้ว มีน้ำใช้ ผลผลิตจากแปลงเกษตร เริ่มสร้างรายได้ให้ และ
       วันนี้ ชีวิตของชาวบ้านในสองหมู่บ้านนี้ จึงเริ่มมีรอยยิ้มสดใสอีก                         กำลังจะมีการจัดตั้งกองทุนต่าง ๆ ที่ชาวบ้านจะร่วมกันดูแลแล้ว”
ครั้ง เช่น นายสมัย มะแพง ชายชราชาวโคกล่าม ผู้เห็นความเป็นไป                                            กว่ า จะสร้ า งความเชื่ อ มั่ น ศรั ท ธาได้ นั้ น ผู้ ใ หญ่ เ ศวตบอกว่ า
ของหมู่บ้านนี้มาตลอด 83 ปี บอกว่า การที่ปิดทองฯ เข้ามา ทำให้                                   ชาวบ้านจับตามองปิดทองฯ อยู่นาน จนเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจจริง
ความฝั น อยากมี น้ ำ ทำเกษตรได้ ต ลอดปี เ ป็ น จริ ง การที่ มี น้ ำ ถึ ง                       ยิ่ ง เมื่ อ ได้ เ ห็ น ตั ว แทนที่ ไ ปดู ง านปิ ด ทองฯ ที่ น่ า น กลั บ มาแล้ ว มี
แปลงนาและการทำเกษตรแบบใหม่ ทำให้เพียงไม่กเี่ ดือน ก็ขายผลผลิต                                  พฤติกรรมเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จนทุกคนแปลกใจ เพราะจากคน
ได้กว่า 5,000 บาทแล้ว                                                                          ที่เฉยชากลายเป็นกระตือรือร้นที่จะทำมาหากินในเวลาเพียงไม่กี่วัน



คมสัน เอกชัย                                                                                   รู้ สึ ก อย่ า งไรที่ ช าวบ้ า นลุ ก ขึ้ น มาร่ ว มใจกั น พั ฒ นา
                                                                                               บ้านเกิดของตน
                                                                                                    “ไม่ได้เห็นความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านอย่างนี้มานานแล้ว
ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี                                                                    การจะปลุกใจชาวบ้านให้ทำเช่นนีได้ ต้องมาจากการสร้างความเชือมัน
                                                                                                                                ้                          ่ ่
                                                                                               ศรัทธาให้เกิดขึ้นได้เท่านั้น การที่ปิดทองฯ สามารถมัดใจชาวบ้านได้
                                                                                               ก็เพราะปิดทองฯ มีการดำเนินงานที่เข้มแข็ง มีบุคลากรที่เชี่ยวชาญ
                                                                                               และทำงานแก้ปัญหาได้ตรงจุดที่เป็นความต้องการของชาวบ้านอย่าง
                                                                                               แท้จริง รวมทั้งมีการนำองค์ความรู้จากแนวพระราชดำริของพระบาท
                                                                                               สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม”

                                                                                               คิดว่า ทีปดทองฯ เลือกอุดรธานีเป็นจังหวัดขยายผล
                                                                                                        ่ิ
                                                                                               จังหวัดแรก จะมีผลดีอย่างไรกับชาวบ้าน
                                                                                                    “เป็นโอกาสดีของชาวบ้าน ทีจะได้รบการพัฒนาและแก้ไขปัญหา
                                                                                                                              ่     ั
                                                                                               ขาดแคลนน้ำ ให้มนำเพียงพอทำเกษตรได้ตลอดปี ในจังหวัดอุดรธานี
                                                                                                                 ี ้
                                                                                               ยังมีแหล่งน้ำอีกมาก ที่ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มศักยภาพ
                                                                                               เนืองจากไม่มระบบส่งน้ำเข้าไปในพืนทีการเกษตร หรือไม่กเ็ ป็นแหล่งน้ำ
                                                                                                  ่         ี                   ้ ่
                                                                                               ขนาดเล็กเกินไป กักเก็บน้ำได้น้อยไม่พอใช้ได้ทั่วทั้งพื้นที่ หรือบางทีก็
                                                                                               ไม่มีการบำรุงรักษา ทำให้เสียหายไปในที่สุด
8
รายงาน
                                                                                     หวั ง ขึ้ น มาแล้ ว และอยากเข้ า ร่ ว มโครงการ เพราะอย่ า งน้ อ ยก็ ไ ด้
                                                                                     ลงมือพัฒนาบ้านเกิดตนเอง เช่นเดียวกับนายเลี่ยม เหลี่ยมจัตุรัส
                                                                                     จากบ้านโคกล่าม ที่ให้ความร่วมมือกับปิดทองฯ ตั้งแต่แรกที่ทีมงาน
                                                                                     เข้ามาแนะนำ เพราะเห็นถึงความตั้งใจจริง เมื่อปิดทองฯ บอกให้
                                                                                     มาช่วยกันขุดวางท่อส่งน้ำ ก็รีบมาทันที เพราะอยากมีน้ำ มีผลผลิต
                                                                                     ที่ดีขึ้น
                                                                                             “ที่ผ่านมา พวกเราก็ช่วยตัวเองนะ เช่น ช่วยกันออกเงินทำฝาย
                                                                                     แต่ สุ ด ท้ า ยก็ พั ง เพราะขาดความรู้ แล้ ว ก็ ไ ม่ มี น้ ำ ใช้ เ หมื อ นเดิ ม
         นายอินทร์ มะแทน                             นายคำภู หมีกุล
                                                                                     ผลผลิ ต ก็ ไ ม่ ดี เ พราะไม่ มี น้ ำ แต่ ก็ ต้ อ งทำ เพราะไม่ รู้ จ ะทำอะไร
      นายอิ น ทร์ มะแทน 1 ใน 5 ตั ว แทนบ้ า นโคกล่ า มที่ ไ ปดู ง าน                 ปีที่แล้วก็กู้เงิน ธ.ก.ส. มา 3 หมื่นบาท เพื่อทำนา แต่ก็ได้ผลผลิตน้อย
ปิ ด ทองฯ จั ง หวั ด น่ า น ย้ ำ ความสำเร็ จ ของการไปดู ง านว่ า ทำให้               ก็หวังว่าปิดทองฯ จะช่วยสร้างชีวิตใหม่ให้อีกครั้ง”
มี ค วามรู้ ม ากมาย ที่ ช อบที่ สุ ด คื อ การที่ ปิ ด ทองฯ ใช้ อ งค์ ค วามรู้                เมื่ อ พั ฒ นาระบบส่ ง น้ ำ จากอ่ า งเก็ บ น้ ำ ห้ ว ยคล้ า ยฯ เข้ า พื้ น ที่
พัฒนาจังหวัดน่านที่เคยแห้งแล้งให้มีน้ำใช้ เลี้ยงปลาได้ เพาะปลูก                      การเกษตรได้สำเร็จ จะทำให้ชาวบ้านในพื้นที่รับน้ำ 1,651 ไร่ มี
ได้ “เลยคิดว่า ถ้าเอามาใช้กับบ้านเราได้ จะวิเศษแค่ไหน เพราะ                          รายได้ เ พิ่ ม ขึ้ น จากเดิ ม 3,920,000 บาท เป็ น 13,868,400 บาท
บ้ า นเราก็ พ ร้ อ ม ดิ น ก็ ดี มี แ หล่ ง น้ ำ อยู่ แ ล้ ว เพี ย งแต่ ข าดความรู้   หรื อ เพิ่ ม มากขึ้ น ถึ ง 9,651,200 บาท เนื่ อ งจากมี น้ ำ ใช้ ใ นช่ ว งฝน
จึงทำเกษตรกันไปตามมีตามเกิด ข้าวก็ได้แค่ 40 ถังต่อไร่ ถ้านำ                          ทิ้งช่วง ทำให้ได้ปริมาณข้าวเพิ่มขึ้นจาก 350 กก./ไร่ เป็น 600 กก./ไร่
ความรู้ ม าใช้ และไม่ ขี้ เ กี ย จ จะได้ ผ ลผลิ ต แค่ ไ หน ต่ อ ไปคงมี เ งิ น        (คิดราคาข้าวเปลือก ที่ กก.ละ 13.70 บาท) ทั้งนี้ ยังไม่รวมรายได้
ใช้หนี้แล้ว”                                                                         จากพืชก่อนและหลังนาด้วย
      ขณะที่นายคำภู หมีกุล บ้านแสงอร่าม บอกว่า แม้จะรู้เพียงว่า                              จากนี้อีกไม่นาน ชาวอุดรธานี คงได้สมหวังกับชีวิตใหม่ที่
ปิ ด ทองฯ เป็ น โครงการที่ เ ข้ า มาช่ ว ยชาวบ้ า นให้ มี น้ ำ ทำเกษตรได้            ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตัวเอง บน
ทั้งปี และส่งเสริมการเกษตรแบบใหม่ แต่แค่นี้ ก็ทำให้เขามีความ                         เส้นทางแห่งความมีพอกินพอใช้อย่างยั่งยืน



     การที่ปิดทองฯ เข้ามาพัฒนา โดยให้ชาวบ้านเป็นผู้ลงมือปฏิบัติ   อยู่กับเกษตรกรและผู้บริโภคที่จะปลอดภัยจากสารพิษ และลดต้นทุน
เป็นแนวทางที่ดี นอกจากจะทำให้ชาวบ้านมีน้ำใช้ทั่วถึงแล้ว ยังเป็น   ได้อย่างเห็นผล
การปลูกฝังให้ชาวบ้านเกิดความรักและหวงแหนไปในตัว ที่สำคัญ                ปิดทองฯ ยังช่วยชาวบ้านให้ไม่ต้องอพยพไปทำงานต่างถิ่นอีก
คือ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ชาวบ้านมีความพร้อมในการพัฒนาอยู่แล้ว        ต่อไป เพราะในวันนี้ ชาวบ้านจะมีน้ำใช้ สามารถทำเกษตรเลี้ยงชีพได้
เพียงแต่ขาดการสนับสนุนเท่านั้น”                                   ยั่งยืน ซึ่งจังหวัดก็พร้อมเต็มที่ที่จะให้การสนับสนุนการดำเนินงาน
                                                                  ของปิดทองฯ และผมสั่งการแล้ว ให้หน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น
องค์ความรู้ของปิดทองฯ ก่อเกิดประโยชน์อะไรบ้าง ที่เกี่ยวข้อง อำนวยความสะดวกทุกด้านให้กับปิดทองฯ เพื่อให้การ
      “องค์ความรู้มากมายที่ปิดทองฯ มาถ่ายทอดให้กับชาวบ้านนั้น ทำงานเดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว”
ล้วนแต่เป็นความรู้ที่เหมาะสมกับพื้นที่และกับคน โดยเฉพาะการ
ส่งเสริมเรืองการเกษตรแบบครบวงจร ตามแนวทางของฟาร์มตัวอย่าง แนวทางของจังหวัด จากนี้ไป จะเป็นอย่างไร
           ่
ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะสร้างความยั่งยืนให้กับ            “จังหวัดจะให้การส่งเสริมองค์ความรู้ และสนับสนุนด้านการตลาด
ชาวบ้านได้ดีกว่าการปลูกพืชเชิงเดี่ยว เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นแหล่ง ให้กับชาวบ้านควบคู่กันไปด้วย และเมื่อปิดทองฯ ดำเนินเสร็จ ก็จะ
อาหารเพื่อการบริโภคในครัวเรือนทดแทนการซื้อเท่านั้น ที่เหลือยัง พัฒนาพื้นที่ต้นแบบ ให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ นอกจากนี้ จังหวัดยัง
ขายเป็นรายได้เสริมได้ตลอดปี นอกจากนี้ ยังมีเรื่องปุ๋ย ที่ปิดทองฯ จะขยายผลการดำเนิน การให้ค รบทุกอำเภอ อย่า งน้อยอำเภอละ
ส่งเสริมให้ผลิตปุ๋ยชีวภาพขึ้นเอง เพื่อลดรายจ่าย โดยใช้วัตถุดิบจาก 1 แห่ง โดยหลักสำคัญ คือ พื้นที่ใดจะเข้าร่วมปิดทองฯ จะต้องเกิดขึ้น
เศษอาหาร มูลสัตว์ ผลผลิตที่เน่าเสียต่าง ๆ ที่หาได้จากครัวเรือน จากความต้องการของชาวบ้านเอง หรือพูดง่าย ๆ ว่า ต้องเป็นการ
นั่นเอง และในอนาคตอาจพัฒนาไปสู่เกษตรอินทรีย์ต่อไป ผลดีจะตก “ระเบิดจากข้างใน” นั่นเอง
                                                                                                                                                                         9
บทความ



                 ชุมชน
                    ตัวอยาง




บ้วานยอด ฒนาด้วยพลังชุมชน
ตั อย่างของการพั
     บ้านยอด ชุมชนเก่าแก่กว่า 200 ปี ที่มีลำน้ำยอดอันเกิด               แม่น้ำจะไหลหลากอย่างรวดเร็ว จนฝายกั้นน้ำที่ชาวบ้านสร้างขึ้น
จากเทือกเขาที่โอบล้อม เป็นสายน้ำหลักหล่อเลี้ยงสรรพชีวิตทั้งผู้คน        พังทลาย อีกทั้งแม่น้ำยังตื้นเขิน ถ้าไม่ขุดลอก น้ำก็จะเข้ามาท่วม
พืช และสัตว์                                                            ไร่ น าในหน้ า ฝน แต่ ถ้ า ขุ ด ลอก ก็ จ ะทำให้ สั ต ว์ น้ ำ ไม่ มี ที่ อ ยู่ อ าศั ย
     แต่พื้นที่บ้านยอด แม้จะมีน้ำมาก แต่กลับไม่สามารถนำมาใช้            น้ำในลำห้วยก็กินไม่ได้ เพราะความกลัวสารเคมีที่อาจเจือปนมา
ในการเกษตรได้ เพราะการพังทลายของดินในหลายพื้นที่ เนื่องจาก                    การทำเกษตรที่สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย ข้าวจึงให้ผลผลิต
พื้นที่มีความลาดชันสูง เป็นที่โล่ง ไม่มีต้นไม้ ในช่วงฤดูฝน น้ำใน        ต่อไร่ต่ำมาก ผู้คนขาดอาชีพ ไม่มีรายได้ที่มั่นคง ทำให้ชาวบ้านยอด




      “ที่ นี่ ห น้ า ฝนน้ ำ จะเยอะ แต่                                                                                     “โครงการฯ เอาหมูมา
ถ้าหน้าแล้งไม่มีน้ำเลย ปิดทองฯ                                                                                         ให้เลี้ยง เป็นหมูพันธุ์เหมย
ต่ อ ท่อเอาน้ำลงมาให้ มีโครงการ                                                                                        ซาน ตอนแรกเอามาเลี้ยง
บ่อพวง คนที่มีเนื้อที่ประมาณ 10-                                                                                       2 ตั ว ได้ ลู ก จากแม่ ห มู ตั ว
20 ไร่ ก็ไปขุดบ่อพวง แล้วกระจาย                                                                                        แรก 17 ตัว แม่หมูตัวที่สอง
กันสร้าง เพื่อช่วยเรื่องทำเกษตร                                                                                        คลอดลู ก มา 11 ตั ว หมู
ที่ดินของผมก็มีบ่อพวงอยู่ 2 บ่อ ที่
                                                                                                                       ครอกแรกขายไปแล้ว 6 ตัว
สละที่ให้ทำบ่อพวง เพราะเราได้ประโยชน์ คือ ได้เลี้ยงปลานิล ปลายี่สก ปลาไน
                                                                                            เมื่อปีที่แล้ว ได้เงินมา 12,000 บาท ขายไปตอนอายุ
มีอยู่พันกว่าตัว ทำนาด้วย ทำสวนมะนาว ปลูกข้าวโพด ปลูกถั่ว
                                                                                            4-5 เดือนได้ตัวละ 1,500-1,600 บาท สุดท้ายขายได้
      ปิดทองฯ เข้ามา ถือว่าทำให้มีชีวิตใหม่ เดี๋ยวนี้ในน้ำมีปลาในนามีข้าว
ยกนิ้วให้เลย เพราะไม่คิดว่าจะทำให้บนเขามีปลาได้แบบนี้ มีความรู้สึกเหมือน                    ตัวละ 2,100 บาท และกำลังจะขายอีก 4 ตัว เก็บไว้
กับว่าความสุขมันกลับมาอีกครั้ง มีน้ำใช้ มีปลากิน ทำนาได้ อย่างนาของผม                       ทำพันธุ์หนึ่งตัว หมูพื้นเมืองที่เคยเลี้ยงขายได้ราคา
ปีที่แล้ว เอาพันธุ์ข้าวของปิดทองฯไปปลูก ได้ข้าว 45 กระสอบ เฉลี่ยแล้ว 60 ถัง                 ถู ก กว่ า หมู เ หมยซาน ถ้ า อายุ 4-5 เดื อ นเท่ า กั น
ต่อไร่ เพราะพันธุ์ข้าวดี น้ำดี ปลูกข้าวแล้วปลูกถั่วเหลืองต่อ เลี้ยงหมู เลี้ยงปลา            หมูเหมยซานขายได้ 1,500 บาท แต่หมูพื้นเมืองจะ
ตั้งแต่ปิดทองฯ มา ผมได้ทำงานทั้งวัน”                                                        ขายได้แค่ 600-700 บาท”
10
บทความ
มี ร ายจ่ า ยสู ง กว่ า รายได้ ตามมาด้ ว ยหนี้ สิ น ทั้ ง ในและนอกระบบ
ประชากร 423 คนของบ้านยอด ในปี 2552 จึงมีหนี้สินรวมกันถึง
10 ล้านบาท
      ในวันที่ปิดทองหลังพระฯ เข้ามาในพื้นที่ เพื่อพัฒนาบ้านยอด
เป็ น หมู่ บ้ า นต้ น แบบ จากการที่ ช าวบ้ า นยอดมี จิ ต อาสา มี ค วาม
สามัคคี และเป็นชุมชนเข้มแข็ง ทำให้ชาวบ้านยอดรวมตัวกัน สร้าง
พลั ง แห่ ง การพั ฒ นาได้ อ ย่ า งรวดเร็ ว อาสาสมั ค รพั ฒ นาบ้ า นยอด
มีการจัดตั้งขึ้นทันที
      ดังนั้น ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ฝายเพื่อการเกษตร 8 ฝาย ฝาย
อนุรักษ์ 150 ฝาย บ่อพวงสันเขา 23 บ่อ จึงมีการปรับปรุงซ่อมแซม
และขุดขึ้นมาใหม่ รวมทั้งระบบท่อส่งน้ำ ความยาวกว่า 20 กิโลเมตร ตามมาด้วยการลงแรงระดมช่วยกันขุดนาขั้นบันได การปลูกข้าว ข้าว
                                                                       โพด การปลูกพืชหลังนา เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลิสง กระเทียม การปลูก
                                                                       พืชผักสวนครัว กล้วยเหลืองนวล ไผ่เปาะ แหย่ง ต๋าว คอกหมูถูกสร้าง
                                                                       ขึ้นสำหรับการเลี้ยงหมูเหมยซาน มีการเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ การตั้ง
                                                                       กองทุนปุ๋ย กองทุนยาและอาหารสัตว์ กองทุนเมล็ดพันธุ์พืช กองทุน
                                                                       เตาเผาเศรษฐกิจ กองทุนแปรรูปผลิตภัณฑ์พื้นที่ โรงเพาะชำกล้าไม้
                                                                       ฯลฯ ทุกกิจกรรมที่ปิดทองหลังพระฯ ให้การสนับสนุนส่งเสริม เกิดขึ้น
                                                                       ทั้งหมดในบ้านยอดในช่วงเวลาเพียงปีเศษ ๆ
                                                                            พลังที่เข้มแข็งของชุมชน ทำให้วันนี้ ชาวบ้านยอดมีรายได้
                                                                       เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว จากรายได้ต่อครัวเรือน ปีละ 41,092 บาท
                                                                       กลายเป็น 118,147 บาท มีเงินออมเพิ่มขึ้นถึง 9 เท่าตัว เป็น
                                                                       ครัวเรือนละ 41,229 บาท/ปี จากเดิม 4,736 บาท




        “ประทับใจปิดทองฯ ตรงที่ทุกอย่าง                                                                          “ปิดทองฯ เข้ามา ทำให้ชาวบ้านร่วม
ที่ ใ ห้ คื อ ทำให้ ตั ว เอง ครอบครั ว และ                                                                แรงร่วมใจกันพัฒนาตัวเอง มีการประชุม
พี่ น้ อ งน่ า น มี ชี วิ ต ความเป็ น อยู่ ที่ ดี ขึ้ น                                                   มีการตั้งกฎกันขึ้นมา เช่น หากจะทำงาน
องค์ความรูทกอย่าง ตอนนีชาวบ้าน ชุมชน
                ้ ุ             ้                                                                         ที่ ไ หนสั ก แห่ ง ทุ ก คนต้ อ งไปทำด้ ว ยกั น
ได้รับกันหมดแล้ว จากแต่ก่อนที่ไม่รู้อะไร                                                                  ปิ ด ทองฯ ทำให้ ช าวบ้ า นเห็ น ประโยชน์
สักอย่าง พอมีองค์ความรู้ ทุกคนก็สามารถ                                                                    ของการพั ฒ นาพื้ น ที่ เ พาะปลู ก ของตน
อยู่ได้และทำได้หมด โดยไม่ต้องพึ่งส่วน                                                                     และได้คิดว่าพื้นที่นั้น เป็นประโยชน์ของ
ราชการ ไม่ต้องคอยงบประมาณ ทุกอย่างเรามีอยู่แล้วในพื้นที่                     ตัวเอง หากไม่ลงมือเอง ก็ไม่มีใครมาทำให้
ธรรมชาติมีให้ ต่อไปเราก็อยู่ได้ อยากให้ทุกอำเภอมีรอยยิ้มเหมือน                      ปิดทองฯ ไม่ได้เปลี่ยนแค่วิถีชีวิตชาวบ้านที่ดีขึ้น แต่ยังช่วย
บ้านยอดทั้งหมด ถ้าคนน่านทุกคนมีรอยยิ้ม มีความเป็นอยู่ มีชีวิต                ให้ เ ราเปลี่ ย นตั ว เอง คื อ มี ค วามอดทนในการทำงาน มี จิ ต ใจ
ที่ ดี ขึ้ น เหมื อ นคนบ้ า นยอด ถ้ า คนทั้ ง ประเทศมี ร อยยิ้ ม คิ ด ว่ า   ในการเป็นนักพัฒนาที่เข้มแข็ง มีใจที่อยากช่วยเหลือชาวบ้านให้
พระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู่ หั ว และสมเด็ จ พระบรมราชิ นี น าถ               พ้นจากหนี้สิน วังวนแบบเดิม ๆ ให้เขาเห็นความสำคัญของอาชีพ
ท่านจะทรงพอพระทัย”                                                           ของตัวเอง”


                                                                                                                                                    11
บทความ




ศรีคำ มังคละ หญิงแกร่งผู้พลิกผืนดินน้ำป้าก
      “ศรีคำ มังคละ” หญิงแกร่งแห่งบ้านน้ำป้าก ผู้ไม่เคยย่อท้อ                              ปิดทองหลังพระฯ) ถามว่าจะทำยังไงต่อ จะถอยหรือจะสู้ ตอนนั้น
ต่อโชคชะตา แม้ว่าจะโดนภัยพิบัติกระหน่ำซ้ำเติมครั้งแล้วครั้งเล่า                            ก็ตอบคุณชายไปว่าจะสู้ ถอยไม่ได้ ถ้าถอยแล้วจะกินอะไร คุณชาย
แต่เธอก็ยืนหยัดลุกขึ้นสู้ทุกครั้ง อย่างทระนงองอาจ ด้วยพลังใจและ                            ก็ บ อกว่ า ถ้ า สู้ ก็ จ ะสนั บ สนุ น ทุ ก อย่ า ง ขาดเหลื อ อะไรก็ ใ ห้ ไ ปบอก
แรงศรัทธาเปี่ยมล้น                                                                         เจ้าหน้าที่”
        เหตุอุทกภัยและดินโคลนถล่มรุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นที่บ้านน้ำป้าก                               ด้วยใจที่สู้ไม่ถอย จากวันที่นาล่มเกือบหมด มาถึงวันนี้ ป้าศรีคำ
และบ้านห้วยธนู อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน เมื่อปี 2551 นอกจาก                               ทำทุกอย่าง ที่ได้รับการสนับสนุนจากปิดทองฯ ทั้งปลูกข้าว ข้าวโพด
จะมี ผู้ เ สี ย ชี วิ ต ถึ ง 3 คนแล้ ว ยั ง ทำให้ บ้ า นเรื อ น เรื อ กสวนไร่ น า          กะหล่ำ ผักกาดเขียวปลี พริก มะเขือ ไผ่ตง ไผ่เหลืองนวล หวาย
เสี ย หายเกื อ บหมด สั ต ว์ เ ลี้ ย งล้ ม ตายจำนวนมาก ที่ ท ำกิ น ของ                      เลี้ยงหมูเหมยซาน 30 กว่าตัว เลี้ยงไก่ 300 กว่าตัว เลี้ยงปลา ทั้งยัง
ป้าศรีคำ ก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นั้น จนเธอแทบล้มทั้งยืน                                นำองค์ความรู้ที่ได้จากปิดทองฯ มาทำระบบส่งน้ำจากอ่างปิดทองฯ
และหลังจากอุทกภัยครั้งนั้นแล้ว ป้าศรีคำไม่สามารถทำการเกษตร                                 เข้ามาในพื้นที่ไร่ของตัวเอง และทำระบบหัวฉีดน้ำหรือสปริงเกอร์ใน
ได้อีกเลย ต้องเข้ามาขายแรงงานในกรุงเทพฯ ประทังชีพไปวัน ๆ                                   แปลงผัก ซึ่งทั้งหมดนี้ ป้าศรีคำลงทุนด้วยเงินสามหมื่นบาท ซื้อท่อน้ำ
        จนเมื่อปิดทองหลังพระฯ เข้ามาในบ้านน้ำป้าก เมื่อปี 2552                             ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว ความยาว 400 เมตรมาทำเอง
ป้ า ศรี ค ำก็ เ ห็ น โอกาสที่ จ ะได้ ตั้ ง หลั ก ใหม่ อี ก ครั้ ง จึ ง อาสาเข้ า ร่ ว ม         เมื่ อ มี น้ ำ ดี ดิ น ดี เมล็ ด พั น ธุ์ ดี มี อ งค์ ค วามรู้ ทั้ ง การทำเกษตร
พลิกฟื้นผืนดินน้ำป้ากอีกครั้ง                                                              และเลี้ยงสัตว์ ร่วมกับความขยัน อดทน ทุกวันนี้ ที่ทำกินของป้าศรีคำ
        แต่เมือป้าศรีคำ ปลูกข้าวปิดทองฯ จนงอกงาม ใกล้จะเก็บเกียวได้
               ่                                                                ่          จึ ง ไม่ มี ที่ ว่ า งแม้ แ ต่ ต ารางนิ้ ว เดี ย ว ป้ า ศรี ค ำเองก็ เ รี ย กได้ ว่ า แทบ
ก็มาเกิดเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากเข้าพื้นที่บ้านน้ำป้ากอีกครั้ง ผืนนา                         ไม่เหลือเวลาให้ว่าง กระนั้นป้าศรีคำก็มีความสุข
ทั้ง 5 ไร่ครึ่ง ที่ป้าศรีคำหวังว่าจะได้เก็บเกี่ยวเพื่อแบ่งเบาภาระหนี้สิน                         “ดี ใ จ ปิ ด ทองฯให้ ค วามรู้ ให้ แ นวทางทำมาหากิ น ช่ ว ยเหลื อ
ที่มีอยู่ก็หายไปกับตา                                                                      หลาย ๆ ด้าน ทำให้เรามีความหวัง ในอนาคต ถึงปิดทองฯ จะออก
        “ช่วงที่นาล่ม ก็ไม่ได้หวังให้ปิดทองฯ ต้องมาช่วยเราทุกอย่าง                         จากบ้านน้ำป้ากไป ก็คิดว่าจะสามารถอยู่ได้ และยั่งยืนด้วย”
เพราะต้องอยู่ที่ตัวเราด้วย ถ้าเราเข้มแข็งและยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง                                 นี่คือเรื่องราวของ “ศรีคำ มังคละ” ผู้นำเอาองค์ความรู้ และการ
ไม่ออนแอ ปัญหาทุกอย่างก็แก้ได้ ถ้าอยากฟืนก็ตองต่อสูและเข้มแข็ง
      ่                                                   ้ ้            ้                 สนับสนุนของปิดทองฯ มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งยังเต็มเปี่ยม
แม้จะเสียใจทีนาล่ม เสียหายไปเกือบหมด แต่กรอยูวาเอาคืนมาไม่ได้
                     ่                                       ็ ู้ ่ ่                      ด้วยพลังกายพลังใจ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใด ๆ จนยืนหยัดด้วยตัวเอง
เราก็ต้องสู้ต่อ คุณชาย (ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล เลขาธิการมูลนิธิ                             ได้ในทุกวันนี้
12
บทความ


จุรีรัตน์ หวนถนอม                                                                                                            เรียนรู คูพัฒนา
                          หมอดิน ผู้ทำนาด้วยปัญญา
     จากผื น ดิ น ที่เคยถูกปัญหากระหน่ำซ้ำเติม จนเพาะปลูก                     ที่มีคุณสมบัติพิเศษ คือ ปลูกได้ในดินเค็ม และให้แร่ธาตุกับดินสูง
ไม่ได้ผลสมบูรณ์มานับสิบปี มาวันนี้ ดินผืนนั้นกลับอุดมสมบูรณ์                  โดยใช้เมล็ดโสนแอฟริกัน 5 กิโลกรัมต่อพื้นที่ 1 ไร่ รากโสนที่ชอนไช
ให้ผลผลิตมากขึ้นถึง 3 เท่า ด้วยความรู้อันฉกาจฉกรรจ์ของ “ลุงจุ๊”               ไปในดิน จะช่วยเพิมธาตุไนโตรเจนให้ดน ปลูกทิงไว้ 60 วัน จึงไถกลบ
                                                                                                     ่                     ิ        ้
หรือ นายจุ รี รั ต น์ หวนถนอม หมอดินอาสาแห่งบ้านท่าตะเภา                      ให้ต้นโสนย่อยสลาย จนดินค่อย ๆ ลดความเค็มลง
ต.หนองเสม็ด อ.เมืองตราด                                                             เมื่อแก้ปัญหาดินเปรี้ยวและดินเค็ม จนได้ดินที่มีแร่ธาตุ และ
      ลุงจุ๊ เล่าว่า แต่เดิม พื้นที่ 20 ไร่ของลุงจุ๊เอง และพื้นที่ใกล้เคียง   ความเป็นกรดด่างเหมาะกับการเพาะปลูกแล้ว ก็ลงมือปลูกข้าวได้
อีกนับร้อยไร่ มีปัญหาดินทั้งเปรี้ยว ทั้งเค็มพร้อม ๆ กัน โดยมีค่าความ          ทันที แล้วใช้น้ำหมักออแกนิกส์ ยูเรีย ฉีดพ่นลงในนาข้าว เพื่อเพิ่ม
เป็นกรดด่างอยู่ที่ 3-3.5 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในขั้นรุนแรงเลยทีเดียว              ผลผลิต ในอัตราส่วน 5 ลิตรต่อ 1 ไร่ หลังจากหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าว
      ลุงจุใช้ความรูจากการเป็นหมอดินอาสา เริมแก้ทปญหาดินเปรียว
           ๊          ้                              ่     ี่ ั         ้     ได้ 1 เดือน
ก่อน โดยใช้ปูนมาร์ล 2 ตันครึ่ง ใส่ในพื้นที่นา 1 ไร่ ทิ้งไว้ 15 วัน ให้              น้ำหมักออแกนนิกส์ ยูเรีย ของลุงจุ๊ มีตนทุนการผลิตเพียง 8 บาท
                                                                                                                               ้
ปู น มาร์ ล ทำปฏิ กิ ริ ย ากั บ ดิ น จนกระทั่ ง ความเปรี้ ย วของดิ น ลดลง     เป็ น ค่ า กากน้ ำ ตาล 1 กิ โ ลกรั ม นำมาผสมกั บ ปั ส สาวะ 10 ลิ ต ร
จากนันจึงแก้ความเค็ม ด้วยการปลูกโสนแอฟริกน ซึงเป็นพืชตระกูลถัว
       ้                                               ั ่                ่   หมั ก ทิ้ ง ไว้ 20 วั น จึ ง ใช้ ไ ด้ และหลั ง จากเก็ บ เกี่ ย วข้ า วแล้ ว ก็ ท ำ




                                                                              การไถกลบตอซังข้าว แล้วปลูกถั่วเหลือง เป็นพืชหลังนา แล้วปลูก
                                                                              โสนแอฟริกัน เพื่อเพิ่มแร่ธาตุในดิน เป็นวงจรเช่นนี้เรื่อยไป
                                                                                     ลุงจุ๊ บอกว่า วิธีการนี้ทำให้แกเพิ่มผลผลิตข้าวจาก 20 ถังต่อไร่
                                                                              เป็น 50 ถังได้ภายในเวลาเพียง 2 ปี และมั่นใจว่า เมื่อบำรุงดินด้วย
                                                                              วิธีนี้ต่อไปเรื่อย ๆ อีก 3 ปี จะเพิ่มผลผลิตเป็น 100 ถังต่อไร่ได้
                                                                                     ลุงจุแกยังเพิมมูลค่าให้กบข้าวของแก โดยการสีขายเป็นข้าวกล้อง
                                                                                          ๊        ่          ั
                                                                              ซึ่งได้ราคาสูงกว่าการขายเป็นข้าวเปลือก ถึงเกวียนละ 8,000 บาท
                                                                              เลยทีเดียว
                                                                                     องค์ความรูในการปรับปรุงคุณภาพดินของลุงจุ๊ ในวันนี้ จะประสาน
                                                                                                 ้
                                                                              รวมอยูในองค์ความรูของปิดทองหลังพระฯ เพือถ่ายทอดให้กบเกษตรกร
                                                                                        ่             ้                      ่             ั
                                                                              อีกมากมายต่อไป
                                                                                                                                                            13
บทความ


  ภาคี
     รวมใจ                              เมื่อจุฬาฯ มาร่วมปิดทองฯ
    ในจังหวัดน่านมี “สำนักงานเครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค                   ในพื้นที่จังหวัดน่าน เช่น ต้นและใบข้าวโพดที่เคยต้องเผาทิ้ง และ
แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จังหวัดน่าน” และ                                      ใช้ผลไม้ใกล้เสีย ไม่ว่าจะเป็นลำไย มะม่วง มาใช้แทนกากน้ำตาล
    ในจังหวัดน่านมี “ปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ”                         เพื่อลดต้นทุนการหมักอาหารสัตว์ ทำให้การผลิตอาหารหมักมีต้นทุน
    เมื่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีโครงการ “วิทยาเพื่อพื้นถิ่น”                   เพียงค่าจุลินทรีย์ ถุงละ 50 บาท และจากนี้ไป ปิดทองฯ ก็จะใช้
ทำการวิจัยด้านความหลากหลายทางชีวภาพของภาคเหนือตอนบน                             จุฬาฯ เป็นฐานเพื่อสอนให้ชาวบ้านสามารถทำได้ต่อไป
ในแถบลุ่มน้ำน่าน                                                                      “อาหารสัตว์ที่ใช้ผลไม้แทนกากน้ำตาลในการหมัก จะช่วยเร่ง
    เมื่อปิดทองหลังพระฯ มีวัตถุประสงค์ที่จะรวบรวมและจัดเก็บ                     เนื้อให้กับวัว และเกิดผลดีกับวัวด้วย อย่างวัวในญี่ปุ่นที่ให้กินเบียร์
ความรู้ ตลอดจนผลของการนำไปปรับใช้ถายทอดสูชมชน เพือพัฒนา
                                     ่       ุ่       ่                         ก็เพราะเบียร์มีความหวาน”
ศักยภาพและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน                                                 นอกจากนี้ จุฬาฯ ยังมีโครงการที่ได้กราบบังคมทูลถวายรายงาน




       เมื่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จับมือปิดทองหลังพระฯ เป็นภาคี                 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี คือ การทำห้อง
ร่วมใจ ประโยชน์ของชาวบ้านก็จะเกิดขึ้นตามมา                                      ทดลองน้ำเชื้อสุกร ห้องทดลองอาหารปลอดภัย และห้องทดลอง
       นายธิ ติ รั ต น์ วิ ศ าลเวทย์ ผู้อำนวยการสำนักงานเครื อ ข่ า ย           เพื่ อ รื้ อ ฟื้ น โคแดง ซึ่ ง เป็ น โคพั น ธุ์ พื้ น เมื อ งของจั ง หวั ด น่ า น ซึ่ ง ทรง
การเรียนรู้เพื่อภูมิภาคแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จังหวัดน่าน                    พระกรุณาฯ ให้ขยายผลในจังหวัดน่านแล้ว และยังรับสั่งให้ทำเรื่อง
เล่ า ถึ ง ความร่ ว มมื อ ระหว่ า งจุ ฬ าลงกรณ์ ม หาวิ ท ยาลั ย กั บ ปิ ด ทอง   แพะนมและแพะเนื้อ รวมทั้งยังมีการวิจัย การเลี้ยงกบภูเขา สายพันธุ์
หลังพระฯ ว่า                                                                    ที่ เ หมาะสมกั บ จั ง หวั ด น่ า นด้ ว ยอาหารธรรมชาติ โดยใช้ ป ลวกที่ มี
       “จุฬาฯ มีการพูดคุยกับปิดทองฯ เมื่อประมาณ 4-5 เดือนก่อน                   โปรตีนสูง และแมลงอื่น ๆ การเลี้ยงผึ้งที่ใช้พืชดอกในพื้นที่ป่าอนุรักษ์
ตอนนี้ก็ได้แนวทางแล้วว่า จุฬาฯ พร้อมจะรับหน้าที่เป็นหน่วยจัดการ                 เป็นแหล่งน้ำหวานและเกสร การเลี้ยงแมลงเพื่อใช้ในการควบคุมศัตรู
ความรู้ (KM Unit) ให้ กั บ ปิ ด ทองหลั ง พระฯ นี่ คื อ จุ ด เริ่ ม ต้ น ของ     พืชแบบชีววิธี การพัฒนาคุณภาพเนื้อสุกรด้วยวิธีเกษตรธรรมชาติ
การเป็นเครือข่ายกับปิดทองหลังพระฯ และสิ่งที่จะทำร่วมกันต่อไป                    การแปรรูปน้ำนมแพะเป็นไอศกรีม โยเกิร์ต เนย ฯลฯ รวมแล้ว 17
คื อ ปิ ด ทองฯ จะนำงานวิจัยของจุฬาฯ หลายโครงการขยายผลสู่                        โครงการ
ชาวบ้าน โดยจุฬาฯ สนับสนุนอาจารย์และเทคนิค เช่น การทำกระดาษ                                อาจารย์ ธิ ติ รั ต น์ ย้ ำ ว่ า องค์ ค วามรู้ แ ละงานวิ จั ย ทั้ ง หมดของ
จากต้นข้าวโพด ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่มีมากในจังหวัดน่าน และการทำพืช                 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีเป้าหมายเพื่อให้ประโยชน์ของชุมชน
อาหารสัตว์หมัก สำหรับสัตว์เลี้ยง เช่น หมู วัว และแพะ เป็นต้น”                   ทั้ ง สิ้ น เพราะหลั ก ของจุ ฬ าฯ คื อ ไม่ ท ำธุ ร กิ จ และไม่ เ ข้ า สู่ ร ะดั บ
       อาจารย์ธิติรัตน์ เล่าว่า การทำพืชอาหารสัตว์หมัก เป็นงานวิจัย             อุตสาหกรรม และจากนี้ไป ปิดทองหลังพระฯ ก็จะเป็นผู้เชื่อมโยง
ทีปดทองหลังพระฯ สนใจมาก จุฬาฯ จึงทำการทดลองโดยใช้วตถุดบ
  ่ ิ                                                                   ั ิ     องค์ความรูตาง ๆ ของจุฬาฯ ไปสูชาวบ้านเพือการพัฒนาทียงยืนต่อไป
                                                                                                   ้ ่                      ่                ่              ่ ั่
14
สารคดี




     มัคคุเทศก์น้อย
                                                           ความภาคภูมิใจในสายเลือด

       “นี่เป็นภาพของการเกี้ยวพาราสีระหว่างหญิงชายในสมัยก่อน
                                                                                                                        “น่าน”
                                                                                           ช่อมณี คือ มัคคุเทศก์น้อยหญิงชายสี่คน ที่ทำหน้าที่ที่วัดภูมินทร์
ทีจะสูบบุหรีขโยแล้วพ่นควันใส่กนเป็นการบอกรัก และผูชายส่วนใหญ่
  ่             ่ ี้                      ั                               ้                ในวันนั้น ในขณะที่เพื่อน ๆ กระจายอยู่ที่ปูชนียสถานสำคัญแห่งอื่น ๆ
ในสมัยนัน ต้องสักตังแต่พงลงมาเต็มต้นขา ทางภาคกลางเรียกการสัก
            ้             ้        ุ                                                       และจะมีการสลับสับเปลี่ยนสถานที่ หมุนเวียนกันไปเรื่อย ๆ
แบบนี้ว่า สักลาวพุงดำ ด้วยความเชื่อว่า รอยสักเป็นการแสดงถึง                                       “พวกเรามาเป็ น มั ค คุ เ ทศก์ น้ อ ย ก็ เ พราะสนใจประวัติศาสตร์
ยศถาบรรดาศักดิ์ ผู้ชายคนใดไม่สัก จะหาภรรยาไม่ได้ ส่วนผู้หญิง                               อยากรู้ความเป็นมา ชอบความสวยงามของสถานที่ และสิ่งต่าง ๆ
ต้องทอผ้าเป็น ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีสามี”                                                    ของเมืองน่าน และอยากถ่ายทอดให้คนที่อื่นที่มาเยี่ยมได้รู้ด้วย”
       เสี ย งแจ๋ ว ๆ ที่ บ อกเล่ า เรื่ อ งราวในภาพจิ ต รกรรมฝาผนั ง วั ด                        กว่าจะได้เป็นมัคคุเทศก์น้อยเต็มตัว พวกเขาต้องผ่านการเรียนรู้
ภู มิ น ทร์ คื อ เด็ ก นั ก เรี ย นชั้ น มั ธ ยมกลุ่ ม หนึ่ ง ที่ ใ ช้ เ วลาในวั น หยุ ด   หลักสูตรท้องถิ่นของเครือข่ายฮักเมืองน่าน ทั้งประวัติศาสตร์ ความ
และช่วงปิดภาคเรียน มาบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแผ่นดินบ้านเกิด                              เป็นมาของบ้านเกิดเมืองนอน สถานทีสำคัญ ตลอดจนขนบธรรมเนียม
                                                                                                                                     ่
ของตนด้ ว ยความภาคภู มิ ใ จ ในฐานะ “มั ค คุ เ ทศก์ น้ อ ย” ที่ ไ ม่ มี                     ประเพณี วัฒนธรรม ความเชือและตำนานเก่าแก่ทเี่ ล่าขานสืบต่อกันมา
                                                                                                                          ่
ค่าตอบแทนใด ๆ ให้                                                                                 “ยิ่งได้เรียนรู้ พวกเราก็ยิ่งรักบ้านของเรายิ่งขึ้น ยิ่งอยากรักษา
       เมื่อมีผู้มาเยี่ยมเยือน “น่ า น” ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ อัน                        ความเป็นน่านไว้เป็นความภาคภูมิใจตลอดไป”
ยาวนานกว่า 800 ปี ที่งดงามโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ทั้งศิลปกรรม                                        บรรดามัคคุเทศก์น้อย ซึ่งมาจากหลากหลายโรงเรียน บางคน
และสถาปัตยกรรม ก็จะได้พบกับเด็ก ๆ กลุ่มหนึ่งที่เปี่ยมด้วยรอยยิ้ม                           เป็นมัคคุเทศก์น้อย ตั้งแต่เรียนชั้นประถม ส่วนใหญ่จะทำหน้าที่กัน
สดใส มีชีวิตชีวาและกระตือรือร้น ที่จะให้การต้อนรับด้วยเรื่องราว                            มาแล้วคนละ 3-4 ปี จนกว่าจะเข้ามหาวิทยาลัย ก็จะถ่ายโอนภารกิจ
แห่งประวัติศาสตร์และตำนานเก่าแก่ที่เล่าขานสืบทอดกันมาช้านาน                                นี้ให้กับรุ่นน้องต่อไป จากรุ่นสู่รุ่น เพื่อสานต่อความรักในบ้านเกิด
       วัฒนชัย สงวนสม นพคุณ ศรีจ๊ะ กิตติกาญจน์ ชูชนะ และสุธิดา                             ให้ยั่งยืนมั่นคงตลอดไป
                                                                                                                                                               15
ข่าว


ปิดทองหลังพระฯเดินหน้า
ต.ห้ ว ยแม่ เ พรี ย ง อ.แก่ ง กระจาน จ.เพชรบุ รี บ้ า นเจริ ญ ผล และ
บ้ า นหนองพระ ต.หนองพระ อ.วั ง ทอง จ.พิ ษ ณุ โ ลก บ้านปิยะมิตร
                                                                                           กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายระพีพันธุ์ สริวัฒน์
                                                                                           หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี รวมทั้ง ม.ล.จิรพันธุ์ ทวีวงศ์
อ.เบตง จ.ยะลา และบานปาง ต.หนองบว อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่
                          ้                        ั                                       รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการ
       ขณะนี้ การดำเนินการในพื้นที่ขยายผลอยู่ระหว่างการสร้างความ                           อั น เนื่ อ งมาจากพระราชดำริ นายลลิ ต ถนอมสิ ง ห์ ผู้ ช่ ว ยเลขาธิ ก าร
เข้ า ใจ และลงพื้ น ที่ เ ก็ บ ข้ อ มู ล เชิ ง ลึ ก ทั้ ง ข้ อ มู ล ภู มิ สั ง คม กายภาพ   มู ล นิ ธิ ชั ย พั ฒ นา นายพิ พั ฒ น์ เลิ ศ กิ ต ติ สุ ข ที่ ป รึ ก ษาสถาบั น ฯ และ
เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อให้ทราบปัญหาและความต้องการของชุมชน                                  นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้อำนวยการสถาบันฯ
ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ จากนั้นจะจัดทำแผนพัฒนาชนบทเชิงพื้นที่                                        นายพระนาย สุวรรณรัฐ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึง
ตามแนวพระราชดำริต่อไป                                                                      การขั บ เคลื่ อ นงานปิ ด ทองฯ ในส่ ว นของกระทรวงมหาดไทยว่ า จะ
       ม.ร.ว.ดิศนัดดา ยังได้แจ้งต่อที่ประชุมถึงเป้าหมายการดำเนินงาน                        กำหนดหัวข้อ “การทำงานแบบปิดทองฯ” ลงเป็นเรื่องหลักในการตรวจ
ในจังหวัดอุดรธานีว่า จะขยายฟาร์มตัวอย่างชุมชน ซึ่งนำองค์ความรู้                            ราชการของกระทรวง และแต่งตั้งคณะขับเคลื่อนงานระดับกระทรวง
จากฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มาใช้ให้                               เพื่อให้มีการประสานงานในลักษณะเครือข่ายสั่งการในจังหวัด อำเภอ
เกิดขึ้น 8,000 แปลง ภายในต้นปี 2555 เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเนื่องใน                           ตำบล หมู่บ้าน โดยมีตนเองเป็นประธาน คณะทำงานประกอบด้วย
โอกาสเฉลิ ม พระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา จากนั้ น จะขยายเป็ น                                   ผอ.สำนักนโยบายและแผน สำนักงานปลัดกระทรวง และรองอธิบดีกรม
80,000 แปลงให้ได้ภายใน 2 ปี                                                                การพัฒนาชุมชน กรมการปกครอง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
       ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการบูรณาการปิดทองหลังพระ สืบสานแนว                                กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมการปกครอง กรมโยธาธิการ
พระราชดำริ ประกอบด้วยผู้แทนจาก 4 กระทรวงหลัก คือ นายพระนาย                                 และผังเมือง และจะมีการจัดประชุมวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ กับผู้ว่าราชการ
สุ ว รรณรั ฐ รองปลั ด กระทรวงมหาดไทย นายศุ ภ ชั ย บานพั บ ทอง                              จังหวัด และหน่วยงานภารกิจทั้ง 10 จังหวัดขยายผล เพื่อทำความ
รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสุรพล ปัตตานี รองปลัด                                      เข้าใจหลักการและกระบวนการทำงานปิดทองในวันที่ 9 มิ.ย. 2554 นี้


ระดมสมองระดับหัวกะทิของชาติ พัฒนาท้องถินแบบ “ปิดทองฯ”
                                       ่
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหิดล ขอนแก่น ธรรมศาสตร์ ตัวแทนองค์กร                                 มีคุณภาพพร้อมออกมาพัฒนาบ้านเมืองต่อไป หรือจัดเป็นค่ายอาสา
ภาครั ฐ และเอกชน รวม 90 คน ลงพื้ น ที่ บ้ า นโคกล่ า ม และบ้ า น                           พัฒนาท้องถิ่น โดยขอรับการงบประมาณสนับสนุนจากภาคเอกชน
แสงอร่ า ม ต.กุ ด หมากไฟ อ.หนองวั ว ซอ จ.อุ ด รธานี ซึ่ ง เป็ น พื้ น ที่                        ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล กล่าวว่า การมาครั้งนี้ คาดหมายว่า ระดับ
ขยายผลปิดทองหลังพระฯ เพื่อศึกษาแนวทางเชื่อมโยงมหาวิทยาลัยกับ                               มันสมองของวงการศึกษาจะช่วยกันระดมความคิดว่า จะจัดระบบการ
ชุมชน และวางระบบการทำงานร่วมกัน                                                            ทำงานร่วมกันระหว่างอุดมศึกษากับชุมชน หรือพื้นที่อย่างไร ให้เกิด
        ศ.น.พ.เกษม วั ฒ นชั ย กล่ า วว่ า ในปั จ จุ บั น มี ต้ น ทุ น ความรู้              ประโยชน์กับทุกฝ่าย และเกิดความเข้มแข็งของบ้านเมืองในระยะยาว
มากมาย จากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการพัฒนา                                     อั น เป็ น การเชื่ อ มโยงกั บ โครงการ 1 จั ง หวั ด 1 มหาวิ ท ยาลั ย และ
ส่ ว นพระองค์ โครงการพั ฒ นาดอยตุ ง ฯ มู ล นิ ธิ ส่ ง เสริ ม ศิ ล ปาชี พ                   ขบวนการสร้างสรรค์วิชาการสายรับใช้สังคมได้เป็นอย่างดี
และโครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ                                       นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่ง
โครงการในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รอให้                                   ประเทศไทย กล่ า วว่ า ตลาดหลั ก ทรั พ ย์ ฯ มี น โยบายสนั บ สนุ น
สถาบั น การศึ ก ษานำไปประยุ ก ต์ เ ป็ น หลั ก สู ต รสำหรั บ นั ก ศึ ก ษา                   การพัฒนาท้องถิ่นสู่ความยั่งยืนตลอดมา และยินดีสนับสนุนสถาบัน
และประชาชนทั่ ว ไป หรื อ เป็ น หั ว ข้ อ งานวิ จั ย และเป็ น ทางเลื อ กใน                  การศึกษาที่มีองค์ความรู้หรือโครงการพัฒนาสังคมเสมอ
การแก้ไขปัญหาความยากจน การลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและ                                             ขณะที่นายพงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
สังคม วิกฤติอาหาร วิกฤติพลังงาน วิกฤติประชากรล้นโลก ภาวะโลกร้อน                            กล่าวว่า สิ่งที่ได้คือองค์ความรู้นำไปต่อยอดการพัฒนาท้องถิ่น และ
ได้อกด้วย
      ี                                                                                    ประยุ ก ต์ เ ป็ น หลั ก สู ต รการเรี ย นในคณะต่ า ง ๆ เพื่ อ สร้ า งบั ณ ฑิ ต ที่ มี
        ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กล่าวว่า องค์ความรู้ของพระบาทสมเด็จ                           คุ ณ ภาพและรั บ ผิ ด ชอบต่ อ สั ง คม และมหาวิ ท ยาลั ย ยิ น ดี จ ะร่ ว มกั บ
พระเจ้าอยู่หัวนั้น มาจากปัญหาที่ทรงพบในแต่ละพื้นที่ ซึ่งทรงเรียกว่า                        ปิดทองฯ ต่อไป เช่นเดียวกับ รศ.ดร.อนุชาติ พวงสำลี รองอธิการบดี
“ห้องเรียนทางธรรมชาติ” แล้วทรงหาวิธีการแก้ไขที่ได้ผลและเหมาะสม                             มหาวิทยาลัยมหิดล ก็กล่าวว่า การเชื่อมโยงองค์ความรู้ระหว่างสถาบัน
กับพื้นที่นั้น จึงอยากให้สถาบันการศึกษาใช้แนวทางนี้ในการพัฒนา                              การศึกษาและปิดทองหลังพระฯ เป็นแนวทางหนึ่งที่จะส่งเสริมให้มหิดล
ท้องถิ่น หรือนำแนวพระราชดำริบรรจุเป็นหลักสูตร เพื่อผลิตบุคลากรที่                          เป็นมหาวิทยาลัย ทีสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชมชนต่อไป
                                                                                                                   ่                        ุ
16

Newsletter Pidthong vol.1

  • 1.
    ส า ระ . . . เ พื่ อ ก า ร พั ฒ น า ช น บ ท ต า ม แ น ว พ ร ะ ร า ช ด ำ ริ Vol. 1 ปิมือทองหลังพระฯเดิ10 หน้าด จับ ดภาครัฐ-เอกชนขยายผลต่อเนื่อง น จังหวั จากความสำเร็ จ ของมู ล นิ ธิ ปิ ด ทองหลั ง พระ สื บ สานแนว พระราชดำริ และสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ในการดำเนินโครงการต้นแบบบูรณาการ การแก้ไขปัญหาและพัฒนาพืนที่ “จังหวัดน่าน” ตามแนวพระราชดำริ ้ และโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน อ่างเก็บน้ำห้วยคล้าย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ที่ปรากฏผล เป็นรูปธรรม คือ ชาวบ้านในพื้นที่เข้าใจ รู้ปัญหาและความต้องการ ของตนในทุกมิติ และลงมือแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง จนในทีสดสามารถ ุ่ ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ และชำระหนี้สินได้ คณะกรรมการสถาบันฯ จึงอนุมัติให้มีการดำเนินงานในพื้นที่ขยายผลอีก 18 หมู่บ้าน ใน 10 จังหวัด คือ ตราด สิงห์บุรี เพชรบุรี เชียงราย พิษณุโลก ยะลา ประจวบคีรีขันธ์ เลย เชียงใหม่ น่าน ตามข้อเสนอของกระทรวงมหาดไทย วุฒิอาสาธนาคารสมองของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน รวมทั้งมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้น 2 คณะ คือ คณะอนุกรรมการบูรณาการปิดทอง หลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ และคณะอนุกรรมการทางธุรกิจเพื่อสังคม (CSR) เพื่อให้การดำเนินงานขยายผลพื้นที่ปิดทองหลังพระ มีประสิทธิภาพและสัมฤทธิผล เกิดประโยชน์สุขต่อประชาชน ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล ประธานสถาบันฯ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการบูรณาการปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ชี้แจง ในที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ นัดแรก เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2554 ถึงความก้าวหน้าในการดำเนินงานของสถาบันฯ รวมทั้งประเมิน ความพร้อมของพื้นที่ขยายผลทั้ง 10 จังหวัด พบว่า 4 จังหวัด ที่มีความพร้อมทั้งหน่วยราชการและชาวบ้าน คือ เพชรบุรี พิษณุโลก ยะลา น่าน และจังหวัดที่ชาวบ้านพร้อมแล้ว คือ ประจวบคีรีขันธ์ เลย เชียงใหม่ และตราด นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้อำนวยการสถาบันฯ รายงานว่า จากการหารือร่วมกับมูลนิธแม่ฟาหลวง ได้ขอสรุปว่า มูลนิธแม่ฟาหลวง ิ ้ ้ ิ ้ จะดำเนินการในพื้นที่ 7 หมู่บ้าน ใน 5 จังหวัด คือ บ้านท่าตะเภา ต.หนองเสม็ด อ.เมือง จ.ตราด บ้านโป่งลึกและบ้านบางกลอย อ่านต่อหน้า 16 ระดมสมองระดับหัวกะทิของชาติ พัฒนาท้องถินแบบ “ปิดทองฯ” ่ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2554 ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ประธานมูลนิธปดทอง ิ ิ หลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิ ศ กุ ล ประธานสถาบั น ส่ ง เสริ ม และ พั ฒ นากิ จ กรรมปิ ด ทองหลั ง พระฯ ดร.สุ เ มธ ตั น ติ เ วชกุ ล เลขาธิ ก ารมู ล นิ ธิ ชั ย พั ฒ นา ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พร้อมคณะของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงใน พระบรมราชู ป ถั ม ภ์ สำนั ก งานทรั พ ย์ สิ น ส่ ว นพระมหากษั ต ริ ย์ มู ล นิ ธิ ส ยามกั ม มาจล ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงบประมาณ กรมกิจการพลเรือนทหารบก คณะอธิการบดี จากมหาวิทยาลัย 10 แห่ง เช่น วิทยาลัยชุมชน สถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย สถาบันคลังสมอง สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.) อ่านต่อหน้า 16
  • 2.
    ครองธรรม ครองแผ่นดิน ครองใจไทยทั้งชาติ “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” เป็นเวลา 66 ปีมาแล้ว ทีคนไทยทังแผ่นดิน ตระหนักได้ดวย ่ ้ ้ ให้ราษฎรรู้เห็นตัวอย่างของความสำเร็จ สามารถนำไปปฏิบัติได้เอง หัวใจว่า พระปฐมบรมราชโองการนี้ คือ สัจจะวาจาอันเที่ยงแท้ แล้ ว กระจายไปสู่ ท้ อ งถิ่ น ต่ า ง ๆ ทั่ ว ประเทศ พั ฒ นาและอนุ รั ก ษ์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรักษาอย่างมั่นคงตลอดมา ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยังยืน ควบคูกบการฟืนฟูทรัพยากรธรรมชาติ ่ ่ั ้ ปรากฏเป็นรูปธรรมด้วยพระราชกรณียกิจและโครงการอันเนื่อง ที่เสื่อมโทรม เพื่อเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศในระยะยาว มาจากพระราชดำริเกือบ 4,000 โครงการ ทีเ่ กิดจากการทุมเทพระวรกาย่ และทำนุบำรุงปรับปรุงสภาพทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น พระสติปัญญา พระอัจฉริยภาพกอปรด้วยพระวิจารณญาณ และ ป่าไม้ ที่ดิน แหล่งน้ำ ให้อยู่ในสภาพที่มีผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพ น้ำพระราชหฤทัยเปียมด้วยพระมหากรุณาธิคณ เพื่อให้ทุกภูมิภาคของ ่ ุ การผลิตมากที่สุด ประเทศไทยร่มเย็นเป็นสุข ประชาชนทุกคนภายใต้พระบารมี ดำรงชีวต ิ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพิสูจน์ให้คนไทยได้ประจักษ์ ได้อย่างมั่นคงผาสุก ด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืนและสมดุล แล้วว่า การพัฒนาตามแนวทางสายกลางอย่างมีความสมดุล และ ความสำเร็ จ ของการพั ฒ นาที่ ยั่ ง ยื น ตามแนวพระราชดำริ นั้ น การพัฒนาอย่างมีขั้นตอน มีความพอดี พอประมาณ มีเหตุมีผล และ เกิดจากหลักและวิธีการทรงงาน ซึ่งทรงยึดมั่นปฏิบัติตลอดมา คือ มีภมคมกันยามวิกฤติ โดยผสมผสานความรูดานต่าง ๆ รวมทังการมีสติ ู ิ ุ้ ้ ้ ้ แก้ ไ ขปั ญ หาเฉพาะหน้ า ที่ ร าษฎรกำลั ง ต้ อ งการการแก้ ไ ขอย่ า ง มีคุณธรรม ซื่อสัตย์สุจริต และมีความเพียรไม่ย่อท้อต่อปัญหาและ เร่งด่วนก่อน การพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอนตามลำดับความจำเป็น การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ตามแนวทางพระราชดำริ ดังที่ทรงปฏิบัติ เพื่อให้มีรากฐานที่มั่นคงก่อนดำเนินการเพื่อความเจริญก้าวหน้าใน มาตลอด 66 ปี คือ แนวทางทีเ่ หมาะสมทีสดในการพัฒนาประเทศไทย ุ่ ลำดั บ ต่ อ ไป เน้ น การพั ฒ นาที่ มุ่ ง สร้ า งความเข้ ม แข็ ง ให้ แ ก่ ชุ ม ชน พระราชปณิธานอันเข้มแข็งและแบบอย่างของการทรงงาน ให้พึ่งตนเองได้ การพัฒนาให้สอดคล้องกับ “ภูมิสังคม” ในท้องถิ่น นีเอง คือ ธงชัยในการทำงานของมูลนิธปดทองหลังพระ สืบสาน ้ ิ ิ นั้น ๆ ใช้หลักการแก้ไขปัญหาด้วยธรรมชาติ เรียบง่าย และประหยัด แนวพระราชดำริ และสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทอง ประยุกต์ใช้สิ่งที่มีอยู่ในภูมิภาคนั้นมาแก้ไขปัญหา โดยไม่ต้องลงทุน หลั ง พระฯ เพื่ อ พั ฒ นาประเทศให้ ด ำเนิ น ไปบนเส้ น ทางอั น สูงหรือใช้เทคโนโลยีที่ยุ่งยาก สร้างเสริม “ตัวอย่างของความสำเร็จ” ประเสริฐนี้ เจ้าของ : มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล เลขที่ 1 ถนนนครปฐม แขวงจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300 : สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ อาคารสยามทาวเวอร์ ชั้น 26 เลขที่ 989 ถนนพระราม 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 โทรศัพท์ 0-2611-5000 โทรสาร 0-2658-1413 Website : http://www.pidthong.org ที่ปรึกษา : หม่อมราชวงศ์ดิศนัดดา ดิศกุล นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ นายพิพัฒน์ เลิศกิตติสุข บรรณาธิการ : นายธนัยนันท์ ธนันท์ปพัฒน์ ผู้ช่วยบรรณาธิการ : นายสุชาติ ถนอม 2 ผู้จัดทำ : บริษัท แอร์บอร์น พรินต์ จำกัด 1519/21 ซอยลาดพร้าว 41/1 ถนนลาดพร้าว แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310 โทรศัพท์ 0-2939-9700 โทรสาร 0-2512-2208 E-mail : roso215@yahoo.com
  • 3.
    ข่าว มหกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “ปิดทองหลังพระฯ” สืบสานพระราชดำริพัฒนาชุมชน ปิดทองหลังพระฯ ระดมนักพัฒนาและครภมปญญา 400 คน ู ู ิ ั จากทุ ก ภาค ร่ ว มมหกรรมแลกเปลี่ ย นเรี ย นรู้ เพื่ อ ขยายผล การพั ฒ นาชนบทตามแนวพระราชดำริ ใ ห้ ก ระจายไปยั ง ชุ ม ชน ทั่วประเทศ นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้อำนวยการสถาบันปิดทองหลังพระฯ กล่าวว่า มหกรรมการเรียนรู้ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการพัฒนาตามแนวพระราชดำริใน การพึงตนเอง และเพือให้ผทรวมปิดทองฯ อยูแล้วกับผูทจะนำไปขยายผล ่ ่ ู้ ี่ ่ ่ ้ ี่ มาพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน เพื่อเพิ่มความเข้าใจและเป็น กำลงใจในการรวมกนขยายผลตอไป ั ่ ั ่ มหกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อขยายผลปิดทองฯ ประกอบด้ ว ย นิทรรศการความรู้ ได้แก่ นิทรรศการแบบจำลองเสมือนจริงพื้นที่ต้นแบบ ปิ ด ทองหลั ง พระฯ นิ ท รรศการพื้ น ที่ ข ยายผลจั ง หวั ด น่ า น 12 อำเภอ ในรูปแบบกระบวนการเข้าใจและเข้าถึงเพือนำไปสูการพัฒนา นิทรรศการ ่ ่ รู ป ธรรมความสำเร็ จ ในพื้ น ที่ ข องกลุ่ ม ฮั ก เมื อ งน่ า น และนิ ท รรศการ ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสามารถ ศูนย์เรียนรูบริการวิชาการเครือข่ายจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จังหวัดน่าน ้ นำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ และเวทีเสวนา “ทำอย่างไรให้จังหวัด เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนาตามแนวพระราชดำริ ซึ่งประกอบ น่านเป็นพื้นที่ปิดทองฯทั้งหมด” โดยพระครูพิทักษ์นันทคุณ นายเสนีย์ ด้วย เวทีการสร้างแรงบันดาลใจ โดย ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล เลขาธิการ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นพ.บุญยงค์ วงศ์รักมิตร ประธาน มูลนิธิปิดทองหลังพระฯ กล่าวสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาแบบ คณะทำงานปิ ด ทองหลั ง พระน่ า น ตั ว แทนจากองค์ ก รปกครองส่ ว น ปิดทองหลังพระ การเสวนา “เข้าใจ เข้าถึง แล้วจึงพัฒนา” เพื่อถ่ายทอด ท้องถิ่น หอการค้า และสภาเด็กและเยาวชนในจังหวัดน่าน แลกเปลี่ยนความรู้ กระบวนการเข้าใจและเข้าถึงชุมชน วิธีการเก็บข้อมูล มหกรรมแลกเปลี่ ย นเรี ย นรู้ เ พื่ อ การขยายผลปิ ด ทองหลั ง พระฯ และวิเคราะห์ข้อมูล การสร้างความเชื่อมั่นและสร้างแรงจูงใจ ปัจจัย เป็นกิจกรรมหนึ่งในงานอนุรักษ์มรดกไทย มรดกน่าน จัดขึ้นระหว่าง ความสำเร็ จ ปั ญ หาและการคลี่ ค ลายปั ญ หาในระหว่ า งการพั ฒ นา วันที่ 2-5 เมษายน 2554 มีผู้เข้าร่วมงาน 555 คน ซึ่งประกอบด้วย พื้ น ที่ ต้ น แบบ เป็ น ต้ น โดยวิ ท ยากร ซึ่ ง ประกอบด้ ว ยอาสาสมั ค ร คณะสงฆ์ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปิ ด ทองหลั ง พระ ผู้ แ ทนชาวบ้ า นในพื้ น ที่ ต้ น แบบปิ ด ทองหลั ง พระฯ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ชาวบ้านในหมู่บ้านต้นแบบและหมู่บ้าน ผู้แทนพื้นที่ขยายผลปิดทองหลังพระฯ จากจังหวัดต่าง ๆ ขยายผลปิ ด ทองหลั ง พระจั ง หวั ด น่ า น หน่ ว ยงานส่ ว นกลางและจาก นอกจากนี้ ยั ง มี ฐ านการเรี ย นรู้ เ รื่ อ งน้ ำ ดิ น เกษตร ป่ า ซึ่ ง พื้นที่ขยายผลปิดทองหลังพระอีก 10 จังหวัด คือ อุดรธานี พิษณุโลก เป็ น การถ่ า ยทอดองค์ ค วามรู้ จ ากผู้ ป ฏิ บั ติ ง านจริ ง และครู ภู มิ ปั ญ ญา เชี ย งราย เชี ย งใหม่ ตราด สิ ง ห์ บุ รี เพชรบุ รี ประจวบคี รี ขั น ธ์ เลย ท้องถิ่นทั้งในและนอกพื้นที่ เพื่อต่อยอดในพื้นที่เดิมและพื้นที่ขยายผล ยะลา หน่ ว ยงานภาคีสืบสานแนวพระราชดำริจากมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ปิ ด ทองหลั ง พระฯ ให้ ชุ ม ชนนำความรู้ ที่ ไ ด้ รั บ ไปปรั บ ใช้ ใ นพื้ น ที่ ข อง ในพระบรมราชูปถัมภ์ โครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าฯ ตนเองได้ การเสวนากลุ่ ม ย่ อ ย “พื้ น ที่ ต้ น แบบจะต่ อ ยอดและพื้ น ที่ พระบรมราชิ นี น าถ ศู น ย์ ศึ ก ษาการพั ฒ นาภู พ านและห้ ว ยฮ่ อ งไคร้ ขยายผลจะทำอย่างไร” เพื่อสร้างเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการพัฒนา อันเนื่องมาจากพระราชดำริ 3
  • 4.
    ข่าว องค์กรการศึกษาระดับโลกร่วมปิดทองฯ สนับสนุนนิสิตนักศึกษาลงพื้นที่พัฒนาชนบท ประเทศไทย เพื่ อ รั บ ทราบการปฏิ บั ติ ง านของ SIFE ประเทศไทย พร้ อ มทั้ ง แลกเปลี่ ย นวิ สั ย ทั ศ น์ ก ารพั ฒ นาเยาวชนให้ ส ามารถนำ องค์ความรูและประสบการณ์ทมอยูไปพัฒนาชนบทต่อไป ้ ี่ ี ่ SIFE เป็นองค์กรระดับโลกไม่แสวงหากำไร ก่อตั้งขึ้นในปี 2518 เพื่อสนับสนุนทีมนักศึกษากว่า 1,500 ทีม จาก 40 มหาวิทยาลัย ทั่ ว โลก ได้ ถ่ า ยทอดความรู้ แนวคิ ด เศรษฐกิ จ และทั ก ษะในการ ประกอบธุรกิจให้กับชุมชน และเป็นกระบวนการเตรียมความพร้อม นิสิตนักศึกษาให้เข้าสู่โลกการทำงาน เป็นผู้นำที่มีศักยภาพ มีความ รั บ ผิ ด ชอบ และความสามารถในการช่ ว ยเหลื อ สั ง คม ชุ ม ชนและ ประเทศชาติ สำหรับ SIFE ประเทศไทย ดำเนินการมาเป็นปีที่ 7 แล้ว ซึ่งใน ปีการศึกษา 2552-2553 ที่ผ่านมา มีนิสิต นักศึกษากว่า 500 คน จากมหาวิทยาลัย 21 แห่งทั่วประเทศ เข้าร่วม SIFE ประเทศไทย ม.ร.ว.ดิ ศ นั ด ดา ดิ ศ กุ ล เลขาธิ ก ารมู ล นิ ธิ ปิ ด ทองหลั ง พระ โดยนำความรู้มาสร้างโอกาสทางธุรกิจและทำประโยชน์ให้ชาวบ้าน สื บ สานแนวพระราชดำริ และประธานกรรมการบริ ห าร SIFE 12,000 คน ใน 56 ชุมชนเป้าหมาย 21 จังหวัดทั่วประเทศ ปัจจุบัน (Student in Free Enterprise) ประเทศไทย นำ นายอัลวิน รอห์ส มี ส ถาบั น การศึ ก ษาเข้ า ร่ ว มโครงการ 36 แห่ ง และในปี นี้ มู ล นิ ธิ ประธาน และนายซิลเวสเตอร์ จอห์น รองประธาน SIFE Worldwide ปิดทองหลังพระฯ ได้ให้การสนับสนุน SIFE ประเทศไทย เพื่อสานต่อ เข้าเยี่ยมคารวะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีฟ้า การเข้าร่วมศึกษาดูงานพื้นที่ต้นแบบปิดทองหลังพระฯ จังหวัดน่าน ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสที่นายรอห์สและนายจอห์น เดินทางมา และโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) จังหวัดเชียงราย โรงสีข้าว อีกหนึ่งความสำเร็จของบ้านน้ำป้าก ชาวบ้านบ้านน้ำป้าก ต.ตาลชุม อ.ท่าวังผา จ.น่าน รวมตัวกัน จั ด ตั้ ง กองทุ น โรงสี ข้ า วได้ ส ำเร็ จ โดยสมาชิ ก 68 คน ลงขั น กั น คนละ 100 บาท เป็นเงินทุนเริ่มต้นดำเนินการ และมีการบริหารงาน โดยชุมชน หลังจากที่ชาวบ้านในสามหมู่บ้าน คือ บ้านน้ำป้าก ห้วยธนูและ ห้วยม่วง ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นแบบปิดทองหลังพระฯ จ.น่าน สามารถปลูก ข้าวได้ผลผลิตเกินเป้าหมาย คือ มากกว่า 50 ถังต่อไร่ ทั้งยังลงแรง ช่วยกันก่อสร้างอาคารโรงสีชุมชนจนเสร็จเรียบร้อย ปิดทองหลังพระฯ ก็ได้มอบเครื่องสีข้าวให้กับกองทุนโรงสีข้าวตามที่เคยสัญญาไว้ กองทุนโรงสีข้าวบ้านน้ำป้าก เดินเครื่องทดลองสีข้าว เมื่อวันที่ 20 กุ ม ภาพั น ธ์ 2554 ก่ อ นจะเริ่ ม ให้ บ ริ ก ารสี ข้ า วให้ กั บ เกษตรกร 4
  • 5.
    ข่าว ชุมชนบางน้ำผึ้ง ต้นแบบแก้น้ำเสียครัวเรือน ด้วยถังดักไขมันชัยพัฒนา “บางน้ำผึ้ง” ในอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ คือ ชุมชนตัวอย่างในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่มีการดำเนินงานตาม แนวทางพระราชดำริมากมาย เช่น โครงการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ปิดทองหลังพระฯ ร่วมใจชาวน่าน และป่าชุมชน โครงการสวนป่าเฉลิมพระเกียรติและสวนป่าชุมชม โครงการหมูบานร่มเย็นเป็นสุขและดูแลรักษาสิงแวดล้อม โครงการ ่ ้ ่ สร้างกุศลยิ่งใหญ่บูรณะวัดภูมินทร์ หมู่บ้านปลอดขยะ มีการบำบัดน้ำเสีย การทำน้ำหมักจุลินทรีย์ นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริม และเตาเผาถ่าน รวมทั้งวางระบบถังดักไขมัน ซึ่งเป็นภูมิปัญญา และพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ของชาวบ้ า นที่ ร่ ว มกั น ผลิ ต เครื่ อ งดั ก ไขมั น ขึ้ น มาใช้ เ อง มี ศู น ย์ และนายธนกร รัชดานนท์ ผู้จัดการสำนักงานโครงการปิดทอง ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ให้ชาวชุมชนบางน้ำผึ้งเข้ามาเรียน หลังพระฯ จังหวัดน่าน ร่วมถวายเงิน 31,850 บาท แด่พระมหา รู้แล้วนำไปปรับใช้ในครัวเรือนของตนเอง รวมทั้งการรวมกลุ่ม ทวี ศั ก ดิ์ อตฺ ต ปญฺ โ ญ รองเจ้ า อาวาสวั ด ภู มิ น ทร์ เพื่ อ บู ร ณะ เยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พระประธาน และพระอุโบสถ ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว เพื่ อ ต่ อ ยอดให้ พื้ น ที่ ต ำบลบางน้ ำ ผึ้ ง เป็ น พื้ น ที่ ต้ น แบบใน เมื่อเดือนมีนาคม การถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการบำบัดน้ำเสียและขยะตามแนว เงินทั้งหมดได้มาจากการขายเสื้อและถุงผ้าปิดทองฯ ในงาน “อนุรักษ์ มรดกไทย มรดกน่าน และงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อ การขยายผลปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ” ระหว่าง วันที่ 2-5 เมษายน 2554 บริเวณหน้าวัดภูมินทร์ โดยไม่มีการหัก ค่าใช้จ่ายใด ๆ สามหมู่บ้านดังกล่าวในวันถัดมา ในราคากระสอบละ 20 บาท และ พระราชดำริเผยแพร่แก่ชุมชนอื่นต่อไป มูลนิธิปิดทองหลังพระฯ สามารถสร้างรายได้จากการสีข้าวครั้งแรก 500 บาท แต่ที่สำคัญ โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยฯ และ ที่ สุ ด คื อ กองทุ น โรงสี ข้ า วที่ บ้ า นน้ ำ ป้ า กนี้ จะช่ ว ยลดรายจ่ า ยใน องค์การบริหารส่วนตำบลบางน้ำผึ้ง จึงร่วมมือกันทดสอบถังดัก การที่ต้องขนข้าวออกไปสีภายนอกชุมชน ในราคาที่สูงกว่านี้ลงได้ ไขมันชัยพัฒนา ซึ่งโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อม อย่างมาก แหลมผักเบียฯ ออกแบบและผลิตโดยใช้หลักการทรงงาน “ประหยัด ้ เรียบง่าย ได้ประโยชน์สูงสุด” ทั้งนี้ ผลจากการทดลองติดตั้งถังดักไขมันต้นแบบให้แก่อาสา สมัครในพื้นที่ อบต.บางน้ำผึ้ง 30 ครัว เรือน เป็นเวลา 1 เดือน จะ เป็ น ข้ อ มู ล ในการพั ฒ นาถั ง ดั ก ไขมั น ให้ มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพมากขึ้ น สามารถรองรับปริมาณน้ำเสียได้อย่างเหมาะสม และจะเป็นต้น แบบการบำบัดน้ำเสียในชุมชนให้แก่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ทั่ ว ประเทศ โดยตั้ ง เป้ า จะติ ด ตั้ ง ถั ง ดั ก ไขมั น ในครั ว เรื อ นให้ ไ ด้ 1 ล้านจุดทั่วประเทศ 5
  • 6.
    รายงาน ก้าวเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ของปิดทองฯ ที่ “หนองวัวซอ” ย้อน กลับไปเมื่อ 4 เดือน ก่อนปิดทองฯ เข้ามาในตำบลกุดหมากไฟ อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ราษฎรหมู่ 3 บ้านโคกล่าม 120 ครัวเรือน 793 คน และราษฎรหมู่ 11 บ้านแสงอร่าม 106 ครัวเรือน 579 คน มีรายได้ รวมกัน 17,336,235 บาท กว่าครึ่งเป็นรายได้จากการทำเกษตร ขณะที่มีรายจ่ายสูงกว่า รายได้อยู่ที่ 18,275,495 บาท มีหนี้สินรวมกันที่ 17,434,540 บาท ในจำนวนนี้ ร้อยละ 61 เป็นหนี้ ธ.ก.ส. รองลงมาเป็นหนี้กองทุนหมู่บ้านเงินล้าน เฉลี่ยต่อครัวเรือนแล้ว จะมีหนี้สิน อยู่ที่ 88,951 บาท ชาวบ้ า นที่ นี่ ทำนาได้ ผ ลผลิ ต เฉลี่ ย แล้ ว เพี ย ง 34-45 ถั ง ต่ อ ไร่ เท่านั้น ถึงแม้จะมี อ่างเก็บน้ำห้วยคล้ายอันเนืองมาจากพระราชดำริ อ่างเก็บน้ำห้วยก้านเหลือง และอ่างเก็บน้ำ ่ ห้วยรีในพืนที่ แต่กไม่สามารถใช้นำจากอ่างฯ ทัง 3 แห่งเพือประโยชน์ในการเกษตรได้เต็มที่ ้ ็ ้ ้ ่ เนืองจากอ่างเก็บน้ำห้วยคล้ายฯ ไม่มระบบคลองส่งน้ำและท่อส่งน้ำเข้าแปลงนา แต่จะปล่อย ่ ี ให้น้ำไหลล้นผ่านดาดคอนกรีตลงสู่ลำน้ำธรรมชาติเอง อีกทั้งลำน้ำยังอยู่ต่ำกว่าแปลงนา ของชาวบ้านอีกด้วย ทีผานมาชาวบ้านจึงต้องขุดคลองขนาดเล็ก แล้วทำฝายกันยกระดับน้ำ ่ ่ ้ ให้สูงขึ้นไหลเข้านาของตัวเอง หรือใช้วิธีสูบน้ำขึ้นมา ปัญหานี้ ทำให้มีน้ำใช้ในหน้าแล้งได้ในพื้นที่เพียง 200 ไร่เท่านั้น กระบวนการเข้าใจ- เข้าถึงพื้นที่ของปิดทองฯ จึงได้ข้อสรุปว่า ความต้องการของชาวบ้านมากกว่าครึ่งหนึ่ง คือ การพัฒนาแหล่งน้ำ 6
  • 7.
    รายงาน แนวคิดการทำโครงการปิดทองฯในพื้นที่หนองวัวซอ คือ การ เป็ดอี้เหลียง และปลาในบ่อ พัฒนาที่บูรณาการเชื่อมโยงระหว่าง 10 หน่วยงาน โดยมี สถาบัน แปลงตัวอย่างของนายบุญมาก สิงห์คำป้อง บนพื้นที่ 20 ไร่ ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระฯ ประสานการบูรณาการ มีการปลูกข้าวโพดคู่กับฟักทองในหลุมเดียวกัน ให้ฟักทองเลื้อยพัน องค์ความรู้ของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูประถัมภ์ ด้านการ ต้นข้าวโพด ไม่ต้องปักไม้หลักให้ และเพียง 45 วันก็สามารถเก็บ บริหารจัดการระบบน้ำและกระบวนการเข้าถึง เข้าใจและพัฒนา ยอดอ่อนฟักทองมากินหรือขายได้ และยังช่วยให้อาหารมาเลี้ยงผล และองค์ความรูดานการเกษตรและปศุสตว์ของโครงการฟาร์มตัวอย่าง ้ ้ ั ได้เต็มที่ ในสมเด็ จ พระนางเจ้ า ฯพระบรมราชิ นี น าถ โดยมี จั ง หวั ด อุ ด รธานี ปลูกฟักหอม และทยอยปลูกผักบุ้งจีนทุก 7 วัน เพื่อให้เก็บขาย สนับสนุนงบประมาณในกิจกรรมพัฒนาพื้นที่ กระทรวงเกษตรและ ได้ทกวันทังสัปดาห์ หลังจากปลูกแล้ว 18 วัน ในราคา กก.ละ 10 บาท ุ ้ สหกรณ์ สนับสนุนเกษตรตำบลประจำในพื้นที่ และเตรียมพันธุ์พืช ทำให้ น ายบุ ญ มากขายผั ก ได้ เฉลี่ ย วั น ละ 200-300 บาท โดยใช้ สัตว์ และปลาในการขยายผล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ เมล็ดพันธุ์ 2 กก. ปลูกผักบุ้งได้ 100 กก. สิงแวดล้อม สนับสนุนพันธุกล้าไม้สำหรับปลูกป่าเสริม กรมชลประทาน ่ ์ ปลูกตะไคร้และกล้วยริมขอบบ่อและคันนา และปลูกแคบ้าง ร่วมพัฒนาระบบน้ำและสนับสนุนเครื่องมือ เครือซิเมนต์ไทย (Thai ประปราย ปลูกถั่วลิสง เป็นพืชก่อนนาเพื่อปรับปรุงดินไปด้วยในตัว Cement Group : SCG) ให้สนับสนุนส่วนลดค่าวัสดุและอุปกรณ์ เลี้ยงหมูจินหัว ซึ่งกินง่าย อยู่ง่าย ลูกดก (15 ตัว/ครอก) โดยต้องทำ องค์การบริหารส่วนตำบลกุดหมากไฟ สนับสนุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิง คอกเอง และมีเงื่อนไขต้องส่งคืนลูกหมูที่มีอายุ 45 วันให้โครงการ สนับสนุน สนับสนุนงาน สนับสนุนเกษตรตำบล งบประมาณ ดานปศุสัตว ประจำในพื้นที่ และเตรียมพันธุพืช ในกจกรรมพฒนาพนท่ี ิ ั ้ื สัตว และปลา ในการขยายผล องคความรูการพัฒนา สนับสนุน เลือกพื้นที่ ระบบเกษตร เตรียมการสนับสนุน เครื่องจักรกล ฟารมตัวอยางฯ ชุมชน พันธุกลาไม ทางการเกษตร เพื่อปลูกปาเสริม องคความรู กระบวนการสราง ความเขาใจ เขาถึง และการพัฒนาระบบน้ำ สนับสนุน น้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องจักร เขารวมในการพัฒนาระบบน้ำ CSR : ใหสวนลดคาวัสดุ อุปกรณ และสนับสนุนเครื่องมือ นายบุญมาก สิงห์คำป้อง องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี สนับสนุนเครื่องจักร ร้ อ ยละ 20 ของจำนวนลู ก หมู ที่ ค ลอดออกมาแต่ ล ะครอก และ ปิ ด ทองฯ เริ่ ม ดำเนิ น งานด้ ว ยการพั ฒ นาระบบน้ ำ โดยเสริ ม เลี้ยงเป็ดบาบาลี ซึ่งมีข้อดีคือ ทนโรค กินง่าย โตเร็ว ตอม่อ ยกระดับน้ำที่ Spill way เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำ ส่วนแปลงเกษตรของนายสุบรร สอดศรี พื้นที่ 6 ไร่ มีการขุดบ่อ ในอ่ า งฯ ห้ ว ยคล้ า ย อี ก 30,000 ลบ.ม. และส่ ง น้ ำ ผ่ า นระบบท่ อ บนที่ ดิ น ของตั ว เอง เพราะคิ ด แล้ ว ว่ า จะได้ ป ระโยชน์ ม ากกว่ า ขนาด 6 นิ้ว ระยะทาง 1,520 เมตร เข้าสู่แปลงนาให้ชาวบ้านมีน้ำใช้ ใช้ที่ดินทำนา ซึ่งจะได้ข้าวแค่ 10 ถัง ถังละ 40 บาท การขุดบ่อทำให้ ตลอดทั้ ง ปี และซ่ อ มแซมฝายเดิ ม ที่ ช ำรุ ด 3 ฝายให้ แ ข็ ง แรงพอ มีน้ำรดผักและเลี้ยงปลาไปพร้อมกัน จะสร้างรายได้ได้ถึง 2,000 บาท กักเก็บน้ำได้ พัฒนาอ่างเก็บน้ำห้วยก้านเหลือง ไม่ให้รั่วซึม ปรับปรุง ใช้ขี้วัวผสมฟางใส่บ่อน้ำให้น้ำใสขึ้น ใส่ผักตบชวาในบ่อ เพื่อช่วย ลำห้วยเข และวางท่อง ยาว 920 เมตร บำบัดน้ำเสีย มีแพลงตอนจากรากให้ปลากิน แล้วยังสับและหมัก ส่ ว นการพั ฒ นาด้ า นการเกษตร ทำโดยคั ด เลื อ กพื้ น ที่ เ กษตร ทำเป็นอาหารให้หมูที่เลี้ยงไว้ได้ด้วย 2 แปลง ของนายบุ ญ มาก สิ ง ห์ ค ำป้ อ งและนายสุ บ รร สอดศรี ผลจากการทำฟาร์ ม ตั ว อย่ า งชุ ม ชนของ 2 แปลง วั น ที่ 18 มาพัฒนาเป็นฟาร์มตัวอย่าง โดยทำการปรับปรุงดินให้มีธาตุอาหาร มีนาคม 2554 เริ่มมีผลผลิตไว้บริโภคและเหลือแบ่งขายได้ โดยมี ปลูกพืชก่อนนา เช่น โสน ปอเทือง พริก เพื่อเพิ่มปุ๋ยให้ดิน ปรับสภาพ รถมารับไปจำหน่ายที่ตลาดอำเภอหนองวัวซอและในจังหวัด และใน ความเป็นกรดของดิน และใช้ปุ๋ยหมักจากมูลหมู ค้างคาว วัว จากนั้น เวลาไม่ถึง 2 เดือน ปรากฏว่าจากรายได้ 1,000 บาทของเกษตรกร จึงทำนาและปลูกพืชหลังนา เพียงรายเดียวในเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนมีนาคม เกษตรกร 7 ราย ทำการเกษตรผสมผสาน ด้วยการปลูกพืช 3 ระดับ คือ พืชชั้นสูง มีรายได้รวมกัน 2,809 บาท และทะยานขึ้นเป็น 16,703 บาทใน ชั้นกลางและพืชกินหัว ซึ่งทุกชั้นกินได้ขายได้ รวมทั้งเลี้ยงหมูจินหัว เดือนเมษายน จากฟาร์มของเกษตรกร 30 ราย 7
  • 8.
    รายงาน ความสำเร็จของแปลงเกษตรทดลองทัง 2 แปลง ทำให้มชาวบ้าน ้ ี บ้านโคกล่ามและบ้านแสงอร่าม ลงมือทำแปลงเกษตรตามโครงการฯ ตามมาอีกมาก จนคาดหมายว่าถึงปลายปี 2554 จะมีฟาร์มตัวอย่างฯ ชุ ม ชนถวาย 80 พระชนมพรรษา สมเด็ จ พระนางเจ้ า ฯ พระบรม ราชินีนาถ จำนวน 8,000 แปลงเกิดขึ้นในพื้นที่อุดรธานี บุ ญ มากเอง ก็ พ อใจในผลงานของตนเองไม่ น้ อ ย “เพี ย งแค่ 21 วัน ก็เริ่มเก็บผลผลิตขายได้ โดยมีคนมารับซื้อถึงที่ ไม่น่าเชื่อว่า เมื่ อ ก่ อ นที่ ผื น นี้ น้ ำ ก็ ไ ม่ ค่ อ ยมี ปลู ก อะไรก็ ไ ม่ ค่ อ ยได้ ผ ล วั น นี้ จ ะ นายสมัย มะแพง นายเศวต จันทร์หอม เปลี่ยนแปลงไปได้ถึงขนาดนี้” สุ บ รร สอดศรี เจ้ า ของแปลงทดลองอี ก แปลงหนึ่ ง ก็ บ อกว่ า ส่วนผู้ใหญ่บ้านแสงอร่าม นายเศวต จันทร์หอม ก็บอกว่าตลอด หลังทำแปลงทดลองตามคำแนะนำของปิดทองฯ แล้ว ได้ผลเกินเป้า ชีวิต ยังไม่เคยเจอโครงการไหนตั้งใจพัฒนาอย่างปิดทองฯ เลย ทั้ง เพราะสามารถเก็ บ ผลผลิ ต เช่ น ผั ก บุ้ ง ยอดฟั ก ทอง ขายได้ แ ล้ ว ลงมือทำร่วมกับชาวบ้านและให้ความรู้แบบไม่หวงวิชา ชาวบ้านจึง เกือบพันบาท จากที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีรายได้มาก่อน การเข้ามา เชื่อมั่น กระตือรือร้นที่จะร่วมมือ “ตั้งแต่ร่วมกันถางป่าก๋ง ขุด-วางท่อ ของปิดทองฯ สำหรับเขาแล้ว จึงดียิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ส่งน้ำ ชาวบ้านก็ร่วมกันทำหมด ไม่ต้องจ้างสักบาท ถึงวันนี้ เริ่มเห็น เสียอีก ผลแล้ว มีน้ำใช้ ผลผลิตจากแปลงเกษตร เริ่มสร้างรายได้ให้ และ วันนี้ ชีวิตของชาวบ้านในสองหมู่บ้านนี้ จึงเริ่มมีรอยยิ้มสดใสอีก กำลังจะมีการจัดตั้งกองทุนต่าง ๆ ที่ชาวบ้านจะร่วมกันดูแลแล้ว” ครั้ง เช่น นายสมัย มะแพง ชายชราชาวโคกล่าม ผู้เห็นความเป็นไป กว่ า จะสร้ า งความเชื่ อ มั่ น ศรั ท ธาได้ นั้ น ผู้ ใ หญ่ เ ศวตบอกว่ า ของหมู่บ้านนี้มาตลอด 83 ปี บอกว่า การที่ปิดทองฯ เข้ามา ทำให้ ชาวบ้านจับตามองปิดทองฯ อยู่นาน จนเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจจริง ความฝั น อยากมี น้ ำ ทำเกษตรได้ ต ลอดปี เ ป็ น จริ ง การที่ มี น้ ำ ถึ ง ยิ่ ง เมื่ อ ได้ เ ห็ น ตั ว แทนที่ ไ ปดู ง านปิ ด ทองฯ ที่ น่ า น กลั บ มาแล้ ว มี แปลงนาและการทำเกษตรแบบใหม่ ทำให้เพียงไม่กเี่ ดือน ก็ขายผลผลิต พฤติกรรมเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จนทุกคนแปลกใจ เพราะจากคน ได้กว่า 5,000 บาทแล้ว ที่เฉยชากลายเป็นกระตือรือร้นที่จะทำมาหากินในเวลาเพียงไม่กี่วัน คมสัน เอกชัย รู้ สึ ก อย่ า งไรที่ ช าวบ้ า นลุ ก ขึ้ น มาร่ ว มใจกั น พั ฒ นา บ้านเกิดของตน “ไม่ได้เห็นความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านอย่างนี้มานานแล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี การจะปลุกใจชาวบ้านให้ทำเช่นนีได้ ต้องมาจากการสร้างความเชือมัน ้ ่ ่ ศรัทธาให้เกิดขึ้นได้เท่านั้น การที่ปิดทองฯ สามารถมัดใจชาวบ้านได้ ก็เพราะปิดทองฯ มีการดำเนินงานที่เข้มแข็ง มีบุคลากรที่เชี่ยวชาญ และทำงานแก้ปัญหาได้ตรงจุดที่เป็นความต้องการของชาวบ้านอย่าง แท้จริง รวมทั้งมีการนำองค์ความรู้จากแนวพระราชดำริของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม” คิดว่า ทีปดทองฯ เลือกอุดรธานีเป็นจังหวัดขยายผล ่ิ จังหวัดแรก จะมีผลดีอย่างไรกับชาวบ้าน “เป็นโอกาสดีของชาวบ้าน ทีจะได้รบการพัฒนาและแก้ไขปัญหา ่ ั ขาดแคลนน้ำ ให้มนำเพียงพอทำเกษตรได้ตลอดปี ในจังหวัดอุดรธานี ี ้ ยังมีแหล่งน้ำอีกมาก ที่ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มศักยภาพ เนืองจากไม่มระบบส่งน้ำเข้าไปในพืนทีการเกษตร หรือไม่กเ็ ป็นแหล่งน้ำ ่ ี ้ ่ ขนาดเล็กเกินไป กักเก็บน้ำได้น้อยไม่พอใช้ได้ทั่วทั้งพื้นที่ หรือบางทีก็ ไม่มีการบำรุงรักษา ทำให้เสียหายไปในที่สุด 8
  • 9.
    รายงาน หวั ง ขึ้ น มาแล้ ว และอยากเข้ า ร่ ว มโครงการ เพราะอย่ า งน้ อ ยก็ ไ ด้ ลงมือพัฒนาบ้านเกิดตนเอง เช่นเดียวกับนายเลี่ยม เหลี่ยมจัตุรัส จากบ้านโคกล่าม ที่ให้ความร่วมมือกับปิดทองฯ ตั้งแต่แรกที่ทีมงาน เข้ามาแนะนำ เพราะเห็นถึงความตั้งใจจริง เมื่อปิดทองฯ บอกให้ มาช่วยกันขุดวางท่อส่งน้ำ ก็รีบมาทันที เพราะอยากมีน้ำ มีผลผลิต ที่ดีขึ้น “ที่ผ่านมา พวกเราก็ช่วยตัวเองนะ เช่น ช่วยกันออกเงินทำฝาย แต่ สุ ด ท้ า ยก็ พั ง เพราะขาดความรู้ แล้ ว ก็ ไ ม่ มี น้ ำ ใช้ เ หมื อ นเดิ ม นายอินทร์ มะแทน นายคำภู หมีกุล ผลผลิ ต ก็ ไ ม่ ดี เ พราะไม่ มี น้ ำ แต่ ก็ ต้ อ งทำ เพราะไม่ รู้ จ ะทำอะไร นายอิ น ทร์ มะแทน 1 ใน 5 ตั ว แทนบ้ า นโคกล่ า มที่ ไ ปดู ง าน ปีที่แล้วก็กู้เงิน ธ.ก.ส. มา 3 หมื่นบาท เพื่อทำนา แต่ก็ได้ผลผลิตน้อย ปิ ด ทองฯ จั ง หวั ด น่ า น ย้ ำ ความสำเร็ จ ของการไปดู ง านว่ า ทำให้ ก็หวังว่าปิดทองฯ จะช่วยสร้างชีวิตใหม่ให้อีกครั้ง” มี ค วามรู้ ม ากมาย ที่ ช อบที่ สุ ด คื อ การที่ ปิ ด ทองฯ ใช้ อ งค์ ค วามรู้ เมื่ อ พั ฒ นาระบบส่ ง น้ ำ จากอ่ า งเก็ บ น้ ำ ห้ ว ยคล้ า ยฯ เข้ า พื้ น ที่ พัฒนาจังหวัดน่านที่เคยแห้งแล้งให้มีน้ำใช้ เลี้ยงปลาได้ เพาะปลูก การเกษตรได้สำเร็จ จะทำให้ชาวบ้านในพื้นที่รับน้ำ 1,651 ไร่ มี ได้ “เลยคิดว่า ถ้าเอามาใช้กับบ้านเราได้ จะวิเศษแค่ไหน เพราะ รายได้ เ พิ่ ม ขึ้ น จากเดิ ม 3,920,000 บาท เป็ น 13,868,400 บาท บ้ า นเราก็ พ ร้ อ ม ดิ น ก็ ดี มี แ หล่ ง น้ ำ อยู่ แ ล้ ว เพี ย งแต่ ข าดความรู้ หรื อ เพิ่ ม มากขึ้ น ถึ ง 9,651,200 บาท เนื่ อ งจากมี น้ ำ ใช้ ใ นช่ ว งฝน จึงทำเกษตรกันไปตามมีตามเกิด ข้าวก็ได้แค่ 40 ถังต่อไร่ ถ้านำ ทิ้งช่วง ทำให้ได้ปริมาณข้าวเพิ่มขึ้นจาก 350 กก./ไร่ เป็น 600 กก./ไร่ ความรู้ ม าใช้ และไม่ ขี้ เ กี ย จ จะได้ ผ ลผลิ ต แค่ ไ หน ต่ อ ไปคงมี เ งิ น (คิดราคาข้าวเปลือก ที่ กก.ละ 13.70 บาท) ทั้งนี้ ยังไม่รวมรายได้ ใช้หนี้แล้ว” จากพืชก่อนและหลังนาด้วย ขณะที่นายคำภู หมีกุล บ้านแสงอร่าม บอกว่า แม้จะรู้เพียงว่า จากนี้อีกไม่นาน ชาวอุดรธานี คงได้สมหวังกับชีวิตใหม่ที่ ปิ ด ทองฯ เป็ น โครงการที่ เ ข้ า มาช่ ว ยชาวบ้ า นให้ มี น้ ำ ทำเกษตรได้ ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตัวเอง บน ทั้งปี และส่งเสริมการเกษตรแบบใหม่ แต่แค่นี้ ก็ทำให้เขามีความ เส้นทางแห่งความมีพอกินพอใช้อย่างยั่งยืน การที่ปิดทองฯ เข้ามาพัฒนา โดยให้ชาวบ้านเป็นผู้ลงมือปฏิบัติ อยู่กับเกษตรกรและผู้บริโภคที่จะปลอดภัยจากสารพิษ และลดต้นทุน เป็นแนวทางที่ดี นอกจากจะทำให้ชาวบ้านมีน้ำใช้ทั่วถึงแล้ว ยังเป็น ได้อย่างเห็นผล การปลูกฝังให้ชาวบ้านเกิดความรักและหวงแหนไปในตัว ที่สำคัญ ปิดทองฯ ยังช่วยชาวบ้านให้ไม่ต้องอพยพไปทำงานต่างถิ่นอีก คือ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ชาวบ้านมีความพร้อมในการพัฒนาอยู่แล้ว ต่อไป เพราะในวันนี้ ชาวบ้านจะมีน้ำใช้ สามารถทำเกษตรเลี้ยงชีพได้ เพียงแต่ขาดการสนับสนุนเท่านั้น” ยั่งยืน ซึ่งจังหวัดก็พร้อมเต็มที่ที่จะให้การสนับสนุนการดำเนินงาน ของปิดทองฯ และผมสั่งการแล้ว ให้หน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น องค์ความรู้ของปิดทองฯ ก่อเกิดประโยชน์อะไรบ้าง ที่เกี่ยวข้อง อำนวยความสะดวกทุกด้านให้กับปิดทองฯ เพื่อให้การ “องค์ความรู้มากมายที่ปิดทองฯ มาถ่ายทอดให้กับชาวบ้านนั้น ทำงานเดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว” ล้วนแต่เป็นความรู้ที่เหมาะสมกับพื้นที่และกับคน โดยเฉพาะการ ส่งเสริมเรืองการเกษตรแบบครบวงจร ตามแนวทางของฟาร์มตัวอย่าง แนวทางของจังหวัด จากนี้ไป จะเป็นอย่างไร ่ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะสร้างความยั่งยืนให้กับ “จังหวัดจะให้การส่งเสริมองค์ความรู้ และสนับสนุนด้านการตลาด ชาวบ้านได้ดีกว่าการปลูกพืชเชิงเดี่ยว เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นแหล่ง ให้กับชาวบ้านควบคู่กันไปด้วย และเมื่อปิดทองฯ ดำเนินเสร็จ ก็จะ อาหารเพื่อการบริโภคในครัวเรือนทดแทนการซื้อเท่านั้น ที่เหลือยัง พัฒนาพื้นที่ต้นแบบ ให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ นอกจากนี้ จังหวัดยัง ขายเป็นรายได้เสริมได้ตลอดปี นอกจากนี้ ยังมีเรื่องปุ๋ย ที่ปิดทองฯ จะขยายผลการดำเนิน การให้ค รบทุกอำเภอ อย่า งน้อยอำเภอละ ส่งเสริมให้ผลิตปุ๋ยชีวภาพขึ้นเอง เพื่อลดรายจ่าย โดยใช้วัตถุดิบจาก 1 แห่ง โดยหลักสำคัญ คือ พื้นที่ใดจะเข้าร่วมปิดทองฯ จะต้องเกิดขึ้น เศษอาหาร มูลสัตว์ ผลผลิตที่เน่าเสียต่าง ๆ ที่หาได้จากครัวเรือน จากความต้องการของชาวบ้านเอง หรือพูดง่าย ๆ ว่า ต้องเป็นการ นั่นเอง และในอนาคตอาจพัฒนาไปสู่เกษตรอินทรีย์ต่อไป ผลดีจะตก “ระเบิดจากข้างใน” นั่นเอง 9
  • 10.
    บทความ ชุมชน ตัวอยาง บ้วานยอด ฒนาด้วยพลังชุมชน ตั อย่างของการพั บ้านยอด ชุมชนเก่าแก่กว่า 200 ปี ที่มีลำน้ำยอดอันเกิด แม่น้ำจะไหลหลากอย่างรวดเร็ว จนฝายกั้นน้ำที่ชาวบ้านสร้างขึ้น จากเทือกเขาที่โอบล้อม เป็นสายน้ำหลักหล่อเลี้ยงสรรพชีวิตทั้งผู้คน พังทลาย อีกทั้งแม่น้ำยังตื้นเขิน ถ้าไม่ขุดลอก น้ำก็จะเข้ามาท่วม พืช และสัตว์ ไร่ น าในหน้ า ฝน แต่ ถ้ า ขุ ด ลอก ก็ จ ะทำให้ สั ต ว์ น้ ำ ไม่ มี ที่ อ ยู่ อ าศั ย แต่พื้นที่บ้านยอด แม้จะมีน้ำมาก แต่กลับไม่สามารถนำมาใช้ น้ำในลำห้วยก็กินไม่ได้ เพราะความกลัวสารเคมีที่อาจเจือปนมา ในการเกษตรได้ เพราะการพังทลายของดินในหลายพื้นที่ เนื่องจาก การทำเกษตรที่สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย ข้าวจึงให้ผลผลิต พื้นที่มีความลาดชันสูง เป็นที่โล่ง ไม่มีต้นไม้ ในช่วงฤดูฝน น้ำใน ต่อไร่ต่ำมาก ผู้คนขาดอาชีพ ไม่มีรายได้ที่มั่นคง ทำให้ชาวบ้านยอด “ที่ นี่ ห น้ า ฝนน้ ำ จะเยอะ แต่ “โครงการฯ เอาหมูมา ถ้าหน้าแล้งไม่มีน้ำเลย ปิดทองฯ ให้เลี้ยง เป็นหมูพันธุ์เหมย ต่ อ ท่อเอาน้ำลงมาให้ มีโครงการ ซาน ตอนแรกเอามาเลี้ยง บ่อพวง คนที่มีเนื้อที่ประมาณ 10- 2 ตั ว ได้ ลู ก จากแม่ ห มู ตั ว 20 ไร่ ก็ไปขุดบ่อพวง แล้วกระจาย แรก 17 ตัว แม่หมูตัวที่สอง กันสร้าง เพื่อช่วยเรื่องทำเกษตร คลอดลู ก มา 11 ตั ว หมู ที่ดินของผมก็มีบ่อพวงอยู่ 2 บ่อ ที่ ครอกแรกขายไปแล้ว 6 ตัว สละที่ให้ทำบ่อพวง เพราะเราได้ประโยชน์ คือ ได้เลี้ยงปลานิล ปลายี่สก ปลาไน เมื่อปีที่แล้ว ได้เงินมา 12,000 บาท ขายไปตอนอายุ มีอยู่พันกว่าตัว ทำนาด้วย ทำสวนมะนาว ปลูกข้าวโพด ปลูกถั่ว 4-5 เดือนได้ตัวละ 1,500-1,600 บาท สุดท้ายขายได้ ปิดทองฯ เข้ามา ถือว่าทำให้มีชีวิตใหม่ เดี๋ยวนี้ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ยกนิ้วให้เลย เพราะไม่คิดว่าจะทำให้บนเขามีปลาได้แบบนี้ มีความรู้สึกเหมือน ตัวละ 2,100 บาท และกำลังจะขายอีก 4 ตัว เก็บไว้ กับว่าความสุขมันกลับมาอีกครั้ง มีน้ำใช้ มีปลากิน ทำนาได้ อย่างนาของผม ทำพันธุ์หนึ่งตัว หมูพื้นเมืองที่เคยเลี้ยงขายได้ราคา ปีที่แล้ว เอาพันธุ์ข้าวของปิดทองฯไปปลูก ได้ข้าว 45 กระสอบ เฉลี่ยแล้ว 60 ถัง ถู ก กว่ า หมู เ หมยซาน ถ้ า อายุ 4-5 เดื อ นเท่ า กั น ต่อไร่ เพราะพันธุ์ข้าวดี น้ำดี ปลูกข้าวแล้วปลูกถั่วเหลืองต่อ เลี้ยงหมู เลี้ยงปลา หมูเหมยซานขายได้ 1,500 บาท แต่หมูพื้นเมืองจะ ตั้งแต่ปิดทองฯ มา ผมได้ทำงานทั้งวัน” ขายได้แค่ 600-700 บาท” 10
  • 11.
    บทความ มี ร ายจ่า ยสู ง กว่ า รายได้ ตามมาด้ ว ยหนี้ สิ น ทั้ ง ในและนอกระบบ ประชากร 423 คนของบ้านยอด ในปี 2552 จึงมีหนี้สินรวมกันถึง 10 ล้านบาท ในวันที่ปิดทองหลังพระฯ เข้ามาในพื้นที่ เพื่อพัฒนาบ้านยอด เป็ น หมู่ บ้ า นต้ น แบบ จากการที่ ช าวบ้ า นยอดมี จิ ต อาสา มี ค วาม สามัคคี และเป็นชุมชนเข้มแข็ง ทำให้ชาวบ้านยอดรวมตัวกัน สร้าง พลั ง แห่ ง การพั ฒ นาได้ อ ย่ า งรวดเร็ ว อาสาสมั ค รพั ฒ นาบ้ า นยอด มีการจัดตั้งขึ้นทันที ดังนั้น ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ฝายเพื่อการเกษตร 8 ฝาย ฝาย อนุรักษ์ 150 ฝาย บ่อพวงสันเขา 23 บ่อ จึงมีการปรับปรุงซ่อมแซม และขุดขึ้นมาใหม่ รวมทั้งระบบท่อส่งน้ำ ความยาวกว่า 20 กิโลเมตร ตามมาด้วยการลงแรงระดมช่วยกันขุดนาขั้นบันได การปลูกข้าว ข้าว โพด การปลูกพืชหลังนา เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลิสง กระเทียม การปลูก พืชผักสวนครัว กล้วยเหลืองนวล ไผ่เปาะ แหย่ง ต๋าว คอกหมูถูกสร้าง ขึ้นสำหรับการเลี้ยงหมูเหมยซาน มีการเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ การตั้ง กองทุนปุ๋ย กองทุนยาและอาหารสัตว์ กองทุนเมล็ดพันธุ์พืช กองทุน เตาเผาเศรษฐกิจ กองทุนแปรรูปผลิตภัณฑ์พื้นที่ โรงเพาะชำกล้าไม้ ฯลฯ ทุกกิจกรรมที่ปิดทองหลังพระฯ ให้การสนับสนุนส่งเสริม เกิดขึ้น ทั้งหมดในบ้านยอดในช่วงเวลาเพียงปีเศษ ๆ พลังที่เข้มแข็งของชุมชน ทำให้วันนี้ ชาวบ้านยอดมีรายได้ เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว จากรายได้ต่อครัวเรือน ปีละ 41,092 บาท กลายเป็น 118,147 บาท มีเงินออมเพิ่มขึ้นถึง 9 เท่าตัว เป็น ครัวเรือนละ 41,229 บาท/ปี จากเดิม 4,736 บาท “ประทับใจปิดทองฯ ตรงที่ทุกอย่าง “ปิดทองฯ เข้ามา ทำให้ชาวบ้านร่วม ที่ ใ ห้ คื อ ทำให้ ตั ว เอง ครอบครั ว และ แรงร่วมใจกันพัฒนาตัวเอง มีการประชุม พี่ น้ อ งน่ า น มี ชี วิ ต ความเป็ น อยู่ ที่ ดี ขึ้ น มีการตั้งกฎกันขึ้นมา เช่น หากจะทำงาน องค์ความรูทกอย่าง ตอนนีชาวบ้าน ชุมชน ้ ุ ้ ที่ ไ หนสั ก แห่ ง ทุ ก คนต้ อ งไปทำด้ ว ยกั น ได้รับกันหมดแล้ว จากแต่ก่อนที่ไม่รู้อะไร ปิ ด ทองฯ ทำให้ ช าวบ้ า นเห็ น ประโยชน์ สักอย่าง พอมีองค์ความรู้ ทุกคนก็สามารถ ของการพั ฒ นาพื้ น ที่ เ พาะปลู ก ของตน อยู่ได้และทำได้หมด โดยไม่ต้องพึ่งส่วน และได้คิดว่าพื้นที่นั้น เป็นประโยชน์ของ ราชการ ไม่ต้องคอยงบประมาณ ทุกอย่างเรามีอยู่แล้วในพื้นที่ ตัวเอง หากไม่ลงมือเอง ก็ไม่มีใครมาทำให้ ธรรมชาติมีให้ ต่อไปเราก็อยู่ได้ อยากให้ทุกอำเภอมีรอยยิ้มเหมือน ปิดทองฯ ไม่ได้เปลี่ยนแค่วิถีชีวิตชาวบ้านที่ดีขึ้น แต่ยังช่วย บ้านยอดทั้งหมด ถ้าคนน่านทุกคนมีรอยยิ้ม มีความเป็นอยู่ มีชีวิต ให้ เ ราเปลี่ ย นตั ว เอง คื อ มี ค วามอดทนในการทำงาน มี จิ ต ใจ ที่ ดี ขึ้ น เหมื อ นคนบ้ า นยอด ถ้ า คนทั้ ง ประเทศมี ร อยยิ้ ม คิ ด ว่ า ในการเป็นนักพัฒนาที่เข้มแข็ง มีใจที่อยากช่วยเหลือชาวบ้านให้ พระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู่ หั ว และสมเด็ จ พระบรมราชิ นี น าถ พ้นจากหนี้สิน วังวนแบบเดิม ๆ ให้เขาเห็นความสำคัญของอาชีพ ท่านจะทรงพอพระทัย” ของตัวเอง” 11
  • 12.
    บทความ ศรีคำ มังคละ หญิงแกร่งผู้พลิกผืนดินน้ำป้าก “ศรีคำ มังคละ” หญิงแกร่งแห่งบ้านน้ำป้าก ผู้ไม่เคยย่อท้อ ปิดทองหลังพระฯ) ถามว่าจะทำยังไงต่อ จะถอยหรือจะสู้ ตอนนั้น ต่อโชคชะตา แม้ว่าจะโดนภัยพิบัติกระหน่ำซ้ำเติมครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ตอบคุณชายไปว่าจะสู้ ถอยไม่ได้ ถ้าถอยแล้วจะกินอะไร คุณชาย แต่เธอก็ยืนหยัดลุกขึ้นสู้ทุกครั้ง อย่างทระนงองอาจ ด้วยพลังใจและ ก็ บ อกว่ า ถ้ า สู้ ก็ จ ะสนั บ สนุ น ทุ ก อย่ า ง ขาดเหลื อ อะไรก็ ใ ห้ ไ ปบอก แรงศรัทธาเปี่ยมล้น เจ้าหน้าที่” เหตุอุทกภัยและดินโคลนถล่มรุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นที่บ้านน้ำป้าก ด้วยใจที่สู้ไม่ถอย จากวันที่นาล่มเกือบหมด มาถึงวันนี้ ป้าศรีคำ และบ้านห้วยธนู อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน เมื่อปี 2551 นอกจาก ทำทุกอย่าง ที่ได้รับการสนับสนุนจากปิดทองฯ ทั้งปลูกข้าว ข้าวโพด จะมี ผู้ เ สี ย ชี วิ ต ถึ ง 3 คนแล้ ว ยั ง ทำให้ บ้ า นเรื อ น เรื อ กสวนไร่ น า กะหล่ำ ผักกาดเขียวปลี พริก มะเขือ ไผ่ตง ไผ่เหลืองนวล หวาย เสี ย หายเกื อ บหมด สั ต ว์ เ ลี้ ย งล้ ม ตายจำนวนมาก ที่ ท ำกิ น ของ เลี้ยงหมูเหมยซาน 30 กว่าตัว เลี้ยงไก่ 300 กว่าตัว เลี้ยงปลา ทั้งยัง ป้าศรีคำ ก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นั้น จนเธอแทบล้มทั้งยืน นำองค์ความรู้ที่ได้จากปิดทองฯ มาทำระบบส่งน้ำจากอ่างปิดทองฯ และหลังจากอุทกภัยครั้งนั้นแล้ว ป้าศรีคำไม่สามารถทำการเกษตร เข้ามาในพื้นที่ไร่ของตัวเอง และทำระบบหัวฉีดน้ำหรือสปริงเกอร์ใน ได้อีกเลย ต้องเข้ามาขายแรงงานในกรุงเทพฯ ประทังชีพไปวัน ๆ แปลงผัก ซึ่งทั้งหมดนี้ ป้าศรีคำลงทุนด้วยเงินสามหมื่นบาท ซื้อท่อน้ำ จนเมื่อปิดทองหลังพระฯ เข้ามาในบ้านน้ำป้าก เมื่อปี 2552 ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว ความยาว 400 เมตรมาทำเอง ป้ า ศรี ค ำก็ เ ห็ น โอกาสที่ จ ะได้ ตั้ ง หลั ก ใหม่ อี ก ครั้ ง จึ ง อาสาเข้ า ร่ ว ม เมื่ อ มี น้ ำ ดี ดิ น ดี เมล็ ด พั น ธุ์ ดี มี อ งค์ ค วามรู้ ทั้ ง การทำเกษตร พลิกฟื้นผืนดินน้ำป้ากอีกครั้ง และเลี้ยงสัตว์ ร่วมกับความขยัน อดทน ทุกวันนี้ ที่ทำกินของป้าศรีคำ แต่เมือป้าศรีคำ ปลูกข้าวปิดทองฯ จนงอกงาม ใกล้จะเก็บเกียวได้ ่ ่ จึ ง ไม่ มี ที่ ว่ า งแม้ แ ต่ ต ารางนิ้ ว เดี ย ว ป้ า ศรี ค ำเองก็ เ รี ย กได้ ว่ า แทบ ก็มาเกิดเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากเข้าพื้นที่บ้านน้ำป้ากอีกครั้ง ผืนนา ไม่เหลือเวลาให้ว่าง กระนั้นป้าศรีคำก็มีความสุข ทั้ง 5 ไร่ครึ่ง ที่ป้าศรีคำหวังว่าจะได้เก็บเกี่ยวเพื่อแบ่งเบาภาระหนี้สิน “ดี ใ จ ปิ ด ทองฯให้ ค วามรู้ ให้ แ นวทางทำมาหากิ น ช่ ว ยเหลื อ ที่มีอยู่ก็หายไปกับตา หลาย ๆ ด้าน ทำให้เรามีความหวัง ในอนาคต ถึงปิดทองฯ จะออก “ช่วงที่นาล่ม ก็ไม่ได้หวังให้ปิดทองฯ ต้องมาช่วยเราทุกอย่าง จากบ้านน้ำป้ากไป ก็คิดว่าจะสามารถอยู่ได้ และยั่งยืนด้วย” เพราะต้องอยู่ที่ตัวเราด้วย ถ้าเราเข้มแข็งและยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง นี่คือเรื่องราวของ “ศรีคำ มังคละ” ผู้นำเอาองค์ความรู้ และการ ไม่ออนแอ ปัญหาทุกอย่างก็แก้ได้ ถ้าอยากฟืนก็ตองต่อสูและเข้มแข็ง ่ ้ ้ ้ สนับสนุนของปิดทองฯ มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งยังเต็มเปี่ยม แม้จะเสียใจทีนาล่ม เสียหายไปเกือบหมด แต่กรอยูวาเอาคืนมาไม่ได้ ่ ็ ู้ ่ ่ ด้วยพลังกายพลังใจ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใด ๆ จนยืนหยัดด้วยตัวเอง เราก็ต้องสู้ต่อ คุณชาย (ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล เลขาธิการมูลนิธิ ได้ในทุกวันนี้ 12
  • 13.
    บทความ จุรีรัตน์ หวนถนอม เรียนรู คูพัฒนา หมอดิน ผู้ทำนาด้วยปัญญา จากผื น ดิ น ที่เคยถูกปัญหากระหน่ำซ้ำเติม จนเพาะปลูก ที่มีคุณสมบัติพิเศษ คือ ปลูกได้ในดินเค็ม และให้แร่ธาตุกับดินสูง ไม่ได้ผลสมบูรณ์มานับสิบปี มาวันนี้ ดินผืนนั้นกลับอุดมสมบูรณ์ โดยใช้เมล็ดโสนแอฟริกัน 5 กิโลกรัมต่อพื้นที่ 1 ไร่ รากโสนที่ชอนไช ให้ผลผลิตมากขึ้นถึง 3 เท่า ด้วยความรู้อันฉกาจฉกรรจ์ของ “ลุงจุ๊” ไปในดิน จะช่วยเพิมธาตุไนโตรเจนให้ดน ปลูกทิงไว้ 60 วัน จึงไถกลบ ่ ิ ้ หรือ นายจุ รี รั ต น์ หวนถนอม หมอดินอาสาแห่งบ้านท่าตะเภา ให้ต้นโสนย่อยสลาย จนดินค่อย ๆ ลดความเค็มลง ต.หนองเสม็ด อ.เมืองตราด เมื่อแก้ปัญหาดินเปรี้ยวและดินเค็ม จนได้ดินที่มีแร่ธาตุ และ ลุงจุ๊ เล่าว่า แต่เดิม พื้นที่ 20 ไร่ของลุงจุ๊เอง และพื้นที่ใกล้เคียง ความเป็นกรดด่างเหมาะกับการเพาะปลูกแล้ว ก็ลงมือปลูกข้าวได้ อีกนับร้อยไร่ มีปัญหาดินทั้งเปรี้ยว ทั้งเค็มพร้อม ๆ กัน โดยมีค่าความ ทันที แล้วใช้น้ำหมักออแกนิกส์ ยูเรีย ฉีดพ่นลงในนาข้าว เพื่อเพิ่ม เป็นกรดด่างอยู่ที่ 3-3.5 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในขั้นรุนแรงเลยทีเดียว ผลผลิต ในอัตราส่วน 5 ลิตรต่อ 1 ไร่ หลังจากหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าว ลุงจุใช้ความรูจากการเป็นหมอดินอาสา เริมแก้ทปญหาดินเปรียว ๊ ้ ่ ี่ ั ้ ได้ 1 เดือน ก่อน โดยใช้ปูนมาร์ล 2 ตันครึ่ง ใส่ในพื้นที่นา 1 ไร่ ทิ้งไว้ 15 วัน ให้ น้ำหมักออแกนนิกส์ ยูเรีย ของลุงจุ๊ มีตนทุนการผลิตเพียง 8 บาท ้ ปู น มาร์ ล ทำปฏิ กิ ริ ย ากั บ ดิ น จนกระทั่ ง ความเปรี้ ย วของดิ น ลดลง เป็ น ค่ า กากน้ ำ ตาล 1 กิ โ ลกรั ม นำมาผสมกั บ ปั ส สาวะ 10 ลิ ต ร จากนันจึงแก้ความเค็ม ด้วยการปลูกโสนแอฟริกน ซึงเป็นพืชตระกูลถัว ้ ั ่ ่ หมั ก ทิ้ ง ไว้ 20 วั น จึ ง ใช้ ไ ด้ และหลั ง จากเก็ บ เกี่ ย วข้ า วแล้ ว ก็ ท ำ การไถกลบตอซังข้าว แล้วปลูกถั่วเหลือง เป็นพืชหลังนา แล้วปลูก โสนแอฟริกัน เพื่อเพิ่มแร่ธาตุในดิน เป็นวงจรเช่นนี้เรื่อยไป ลุงจุ๊ บอกว่า วิธีการนี้ทำให้แกเพิ่มผลผลิตข้าวจาก 20 ถังต่อไร่ เป็น 50 ถังได้ภายในเวลาเพียง 2 ปี และมั่นใจว่า เมื่อบำรุงดินด้วย วิธีนี้ต่อไปเรื่อย ๆ อีก 3 ปี จะเพิ่มผลผลิตเป็น 100 ถังต่อไร่ได้ ลุงจุแกยังเพิมมูลค่าให้กบข้าวของแก โดยการสีขายเป็นข้าวกล้อง ๊ ่ ั ซึ่งได้ราคาสูงกว่าการขายเป็นข้าวเปลือก ถึงเกวียนละ 8,000 บาท เลยทีเดียว องค์ความรูในการปรับปรุงคุณภาพดินของลุงจุ๊ ในวันนี้ จะประสาน ้ รวมอยูในองค์ความรูของปิดทองหลังพระฯ เพือถ่ายทอดให้กบเกษตรกร ่ ้ ่ ั อีกมากมายต่อไป 13
  • 14.
    บทความ ภาคี รวมใจ เมื่อจุฬาฯ มาร่วมปิดทองฯ ในจังหวัดน่านมี “สำนักงานเครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค ในพื้นที่จังหวัดน่าน เช่น ต้นและใบข้าวโพดที่เคยต้องเผาทิ้ง และ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จังหวัดน่าน” และ ใช้ผลไม้ใกล้เสีย ไม่ว่าจะเป็นลำไย มะม่วง มาใช้แทนกากน้ำตาล ในจังหวัดน่านมี “ปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ” เพื่อลดต้นทุนการหมักอาหารสัตว์ ทำให้การผลิตอาหารหมักมีต้นทุน เมื่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีโครงการ “วิทยาเพื่อพื้นถิ่น” เพียงค่าจุลินทรีย์ ถุงละ 50 บาท และจากนี้ไป ปิดทองฯ ก็จะใช้ ทำการวิจัยด้านความหลากหลายทางชีวภาพของภาคเหนือตอนบน จุฬาฯ เป็นฐานเพื่อสอนให้ชาวบ้านสามารถทำได้ต่อไป ในแถบลุ่มน้ำน่าน “อาหารสัตว์ที่ใช้ผลไม้แทนกากน้ำตาลในการหมัก จะช่วยเร่ง เมื่อปิดทองหลังพระฯ มีวัตถุประสงค์ที่จะรวบรวมและจัดเก็บ เนื้อให้กับวัว และเกิดผลดีกับวัวด้วย อย่างวัวในญี่ปุ่นที่ให้กินเบียร์ ความรู้ ตลอดจนผลของการนำไปปรับใช้ถายทอดสูชมชน เพือพัฒนา ่ ุ่ ่ ก็เพราะเบียร์มีความหวาน” ศักยภาพและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน นอกจากนี้ จุฬาฯ ยังมีโครงการที่ได้กราบบังคมทูลถวายรายงาน เมื่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จับมือปิดทองหลังพระฯ เป็นภาคี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี คือ การทำห้อง ร่วมใจ ประโยชน์ของชาวบ้านก็จะเกิดขึ้นตามมา ทดลองน้ำเชื้อสุกร ห้องทดลองอาหารปลอดภัย และห้องทดลอง นายธิ ติ รั ต น์ วิ ศ าลเวทย์ ผู้อำนวยการสำนักงานเครื อ ข่ า ย เพื่ อ รื้ อ ฟื้ น โคแดง ซึ่ ง เป็ น โคพั น ธุ์ พื้ น เมื อ งของจั ง หวั ด น่ า น ซึ่ ง ทรง การเรียนรู้เพื่อภูมิภาคแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จังหวัดน่าน พระกรุณาฯ ให้ขยายผลในจังหวัดน่านแล้ว และยังรับสั่งให้ทำเรื่อง เล่ า ถึ ง ความร่ ว มมื อ ระหว่ า งจุ ฬ าลงกรณ์ ม หาวิ ท ยาลั ย กั บ ปิ ด ทอง แพะนมและแพะเนื้อ รวมทั้งยังมีการวิจัย การเลี้ยงกบภูเขา สายพันธุ์ หลังพระฯ ว่า ที่ เ หมาะสมกั บ จั ง หวั ด น่ า นด้ ว ยอาหารธรรมชาติ โดยใช้ ป ลวกที่ มี “จุฬาฯ มีการพูดคุยกับปิดทองฯ เมื่อประมาณ 4-5 เดือนก่อน โปรตีนสูง และแมลงอื่น ๆ การเลี้ยงผึ้งที่ใช้พืชดอกในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ตอนนี้ก็ได้แนวทางแล้วว่า จุฬาฯ พร้อมจะรับหน้าที่เป็นหน่วยจัดการ เป็นแหล่งน้ำหวานและเกสร การเลี้ยงแมลงเพื่อใช้ในการควบคุมศัตรู ความรู้ (KM Unit) ให้ กั บ ปิ ด ทองหลั ง พระฯ นี่ คื อ จุ ด เริ่ ม ต้ น ของ พืชแบบชีววิธี การพัฒนาคุณภาพเนื้อสุกรด้วยวิธีเกษตรธรรมชาติ การเป็นเครือข่ายกับปิดทองหลังพระฯ และสิ่งที่จะทำร่วมกันต่อไป การแปรรูปน้ำนมแพะเป็นไอศกรีม โยเกิร์ต เนย ฯลฯ รวมแล้ว 17 คื อ ปิ ด ทองฯ จะนำงานวิจัยของจุฬาฯ หลายโครงการขยายผลสู่ โครงการ ชาวบ้าน โดยจุฬาฯ สนับสนุนอาจารย์และเทคนิค เช่น การทำกระดาษ อาจารย์ ธิ ติ รั ต น์ ย้ ำ ว่ า องค์ ค วามรู้ แ ละงานวิ จั ย ทั้ ง หมดของ จากต้นข้าวโพด ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่มีมากในจังหวัดน่าน และการทำพืช จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีเป้าหมายเพื่อให้ประโยชน์ของชุมชน อาหารสัตว์หมัก สำหรับสัตว์เลี้ยง เช่น หมู วัว และแพะ เป็นต้น” ทั้ ง สิ้ น เพราะหลั ก ของจุ ฬ าฯ คื อ ไม่ ท ำธุ ร กิ จ และไม่ เ ข้ า สู่ ร ะดั บ อาจารย์ธิติรัตน์ เล่าว่า การทำพืชอาหารสัตว์หมัก เป็นงานวิจัย อุตสาหกรรม และจากนี้ไป ปิดทองหลังพระฯ ก็จะเป็นผู้เชื่อมโยง ทีปดทองหลังพระฯ สนใจมาก จุฬาฯ จึงทำการทดลองโดยใช้วตถุดบ ่ ิ ั ิ องค์ความรูตาง ๆ ของจุฬาฯ ไปสูชาวบ้านเพือการพัฒนาทียงยืนต่อไป ้ ่ ่ ่ ่ ั่ 14
  • 15.
    สารคดี มัคคุเทศก์น้อย ความภาคภูมิใจในสายเลือด “นี่เป็นภาพของการเกี้ยวพาราสีระหว่างหญิงชายในสมัยก่อน “น่าน” ช่อมณี คือ มัคคุเทศก์น้อยหญิงชายสี่คน ที่ทำหน้าที่ที่วัดภูมินทร์ ทีจะสูบบุหรีขโยแล้วพ่นควันใส่กนเป็นการบอกรัก และผูชายส่วนใหญ่ ่ ่ ี้ ั ้ ในวันนั้น ในขณะที่เพื่อน ๆ กระจายอยู่ที่ปูชนียสถานสำคัญแห่งอื่น ๆ ในสมัยนัน ต้องสักตังแต่พงลงมาเต็มต้นขา ทางภาคกลางเรียกการสัก ้ ้ ุ และจะมีการสลับสับเปลี่ยนสถานที่ หมุนเวียนกันไปเรื่อย ๆ แบบนี้ว่า สักลาวพุงดำ ด้วยความเชื่อว่า รอยสักเป็นการแสดงถึง “พวกเรามาเป็ น มั ค คุ เ ทศก์ น้ อ ย ก็ เ พราะสนใจประวัติศาสตร์ ยศถาบรรดาศักดิ์ ผู้ชายคนใดไม่สัก จะหาภรรยาไม่ได้ ส่วนผู้หญิง อยากรู้ความเป็นมา ชอบความสวยงามของสถานที่ และสิ่งต่าง ๆ ต้องทอผ้าเป็น ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีสามี” ของเมืองน่าน และอยากถ่ายทอดให้คนที่อื่นที่มาเยี่ยมได้รู้ด้วย” เสี ย งแจ๋ ว ๆ ที่ บ อกเล่ า เรื่ อ งราวในภาพจิ ต รกรรมฝาผนั ง วั ด กว่าจะได้เป็นมัคคุเทศก์น้อยเต็มตัว พวกเขาต้องผ่านการเรียนรู้ ภู มิ น ทร์ คื อ เด็ ก นั ก เรี ย นชั้ น มั ธ ยมกลุ่ ม หนึ่ ง ที่ ใ ช้ เ วลาในวั น หยุ ด หลักสูตรท้องถิ่นของเครือข่ายฮักเมืองน่าน ทั้งประวัติศาสตร์ ความ และช่วงปิดภาคเรียน มาบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแผ่นดินบ้านเกิด เป็นมาของบ้านเกิดเมืองนอน สถานทีสำคัญ ตลอดจนขนบธรรมเนียม ่ ของตนด้ ว ยความภาคภู มิ ใ จ ในฐานะ “มั ค คุ เ ทศก์ น้ อ ย” ที่ ไ ม่ มี ประเพณี วัฒนธรรม ความเชือและตำนานเก่าแก่ทเี่ ล่าขานสืบต่อกันมา ่ ค่าตอบแทนใด ๆ ให้ “ยิ่งได้เรียนรู้ พวกเราก็ยิ่งรักบ้านของเรายิ่งขึ้น ยิ่งอยากรักษา เมื่อมีผู้มาเยี่ยมเยือน “น่ า น” ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ อัน ความเป็นน่านไว้เป็นความภาคภูมิใจตลอดไป” ยาวนานกว่า 800 ปี ที่งดงามโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ทั้งศิลปกรรม บรรดามัคคุเทศก์น้อย ซึ่งมาจากหลากหลายโรงเรียน บางคน และสถาปัตยกรรม ก็จะได้พบกับเด็ก ๆ กลุ่มหนึ่งที่เปี่ยมด้วยรอยยิ้ม เป็นมัคคุเทศก์น้อย ตั้งแต่เรียนชั้นประถม ส่วนใหญ่จะทำหน้าที่กัน สดใส มีชีวิตชีวาและกระตือรือร้น ที่จะให้การต้อนรับด้วยเรื่องราว มาแล้วคนละ 3-4 ปี จนกว่าจะเข้ามหาวิทยาลัย ก็จะถ่ายโอนภารกิจ แห่งประวัติศาสตร์และตำนานเก่าแก่ที่เล่าขานสืบทอดกันมาช้านาน นี้ให้กับรุ่นน้องต่อไป จากรุ่นสู่รุ่น เพื่อสานต่อความรักในบ้านเกิด วัฒนชัย สงวนสม นพคุณ ศรีจ๊ะ กิตติกาญจน์ ชูชนะ และสุธิดา ให้ยั่งยืนมั่นคงตลอดไป 15
  • 16.
    ข่าว ปิดทองหลังพระฯเดินหน้า ต.ห้ ว ยแม่เ พรี ย ง อ.แก่ ง กระจาน จ.เพชรบุ รี บ้ า นเจริ ญ ผล และ บ้ า นหนองพระ ต.หนองพระ อ.วั ง ทอง จ.พิ ษ ณุ โ ลก บ้านปิยะมิตร กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายระพีพันธุ์ สริวัฒน์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี รวมทั้ง ม.ล.จิรพันธุ์ ทวีวงศ์ อ.เบตง จ.ยะลา และบานปาง ต.หนองบว อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ้ ั รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการ ขณะนี้ การดำเนินการในพื้นที่ขยายผลอยู่ระหว่างการสร้างความ อั น เนื่ อ งมาจากพระราชดำริ นายลลิ ต ถนอมสิ ง ห์ ผู้ ช่ ว ยเลขาธิ ก าร เข้ า ใจ และลงพื้ น ที่ เ ก็ บ ข้ อ มู ล เชิ ง ลึ ก ทั้ ง ข้ อ มู ล ภู มิ สั ง คม กายภาพ มู ล นิ ธิ ชั ย พั ฒ นา นายพิ พั ฒ น์ เลิ ศ กิ ต ติ สุ ข ที่ ป รึ ก ษาสถาบั น ฯ และ เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อให้ทราบปัญหาและความต้องการของชุมชน นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้อำนวยการสถาบันฯ ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ จากนั้นจะจัดทำแผนพัฒนาชนบทเชิงพื้นที่ นายพระนาย สุวรรณรัฐ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึง ตามแนวพระราชดำริต่อไป การขั บ เคลื่ อ นงานปิ ด ทองฯ ในส่ ว นของกระทรวงมหาดไทยว่ า จะ ม.ร.ว.ดิศนัดดา ยังได้แจ้งต่อที่ประชุมถึงเป้าหมายการดำเนินงาน กำหนดหัวข้อ “การทำงานแบบปิดทองฯ” ลงเป็นเรื่องหลักในการตรวจ ในจังหวัดอุดรธานีว่า จะขยายฟาร์มตัวอย่างชุมชน ซึ่งนำองค์ความรู้ ราชการของกระทรวง และแต่งตั้งคณะขับเคลื่อนงานระดับกระทรวง จากฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มาใช้ให้ เพื่อให้มีการประสานงานในลักษณะเครือข่ายสั่งการในจังหวัด อำเภอ เกิดขึ้น 8,000 แปลง ภายในต้นปี 2555 เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเนื่องใน ตำบล หมู่บ้าน โดยมีตนเองเป็นประธาน คณะทำงานประกอบด้วย โอกาสเฉลิ ม พระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา จากนั้ น จะขยายเป็ น ผอ.สำนักนโยบายและแผน สำนักงานปลัดกระทรวง และรองอธิบดีกรม 80,000 แปลงให้ได้ภายใน 2 ปี การพัฒนาชุมชน กรมการปกครอง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการบูรณาการปิดทองหลังพระ สืบสานแนว กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมการปกครอง กรมโยธาธิการ พระราชดำริ ประกอบด้วยผู้แทนจาก 4 กระทรวงหลัก คือ นายพระนาย และผังเมือง และจะมีการจัดประชุมวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ กับผู้ว่าราชการ สุ ว รรณรั ฐ รองปลั ด กระทรวงมหาดไทย นายศุ ภ ชั ย บานพั บ ทอง จังหวัด และหน่วยงานภารกิจทั้ง 10 จังหวัดขยายผล เพื่อทำความ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสุรพล ปัตตานี รองปลัด เข้าใจหลักการและกระบวนการทำงานปิดทองในวันที่ 9 มิ.ย. 2554 นี้ ระดมสมองระดับหัวกะทิของชาติ พัฒนาท้องถินแบบ “ปิดทองฯ” ่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหิดล ขอนแก่น ธรรมศาสตร์ ตัวแทนองค์กร มีคุณภาพพร้อมออกมาพัฒนาบ้านเมืองต่อไป หรือจัดเป็นค่ายอาสา ภาครั ฐ และเอกชน รวม 90 คน ลงพื้ น ที่ บ้ า นโคกล่ า ม และบ้ า น พัฒนาท้องถิ่น โดยขอรับการงบประมาณสนับสนุนจากภาคเอกชน แสงอร่ า ม ต.กุ ด หมากไฟ อ.หนองวั ว ซอ จ.อุ ด รธานี ซึ่ ง เป็ น พื้ น ที่ ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล กล่าวว่า การมาครั้งนี้ คาดหมายว่า ระดับ ขยายผลปิดทองหลังพระฯ เพื่อศึกษาแนวทางเชื่อมโยงมหาวิทยาลัยกับ มันสมองของวงการศึกษาจะช่วยกันระดมความคิดว่า จะจัดระบบการ ชุมชน และวางระบบการทำงานร่วมกัน ทำงานร่วมกันระหว่างอุดมศึกษากับชุมชน หรือพื้นที่อย่างไร ให้เกิด ศ.น.พ.เกษม วั ฒ นชั ย กล่ า วว่ า ในปั จ จุ บั น มี ต้ น ทุ น ความรู้ ประโยชน์กับทุกฝ่าย และเกิดความเข้มแข็งของบ้านเมืองในระยะยาว มากมาย จากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการพัฒนา อั น เป็ น การเชื่ อ มโยงกั บ โครงการ 1 จั ง หวั ด 1 มหาวิ ท ยาลั ย และ ส่ ว นพระองค์ โครงการพั ฒ นาดอยตุ ง ฯ มู ล นิ ธิ ส่ ง เสริ ม ศิ ล ปาชี พ ขบวนการสร้างสรรค์วิชาการสายรับใช้สังคมได้เป็นอย่างดี และโครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่ง โครงการในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รอให้ ประเทศไทย กล่ า วว่ า ตลาดหลั ก ทรั พ ย์ ฯ มี น โยบายสนั บ สนุ น สถาบั น การศึ ก ษานำไปประยุ ก ต์ เ ป็ น หลั ก สู ต รสำหรั บ นั ก ศึ ก ษา การพัฒนาท้องถิ่นสู่ความยั่งยืนตลอดมา และยินดีสนับสนุนสถาบัน และประชาชนทั่ ว ไป หรื อ เป็ น หั ว ข้ อ งานวิ จั ย และเป็ น ทางเลื อ กใน การศึกษาที่มีองค์ความรู้หรือโครงการพัฒนาสังคมเสมอ การแก้ไขปัญหาความยากจน การลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและ ขณะที่นายพงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สังคม วิกฤติอาหาร วิกฤติพลังงาน วิกฤติประชากรล้นโลก ภาวะโลกร้อน กล่าวว่า สิ่งที่ได้คือองค์ความรู้นำไปต่อยอดการพัฒนาท้องถิ่น และ ได้อกด้วย ี ประยุ ก ต์ เ ป็ น หลั ก สู ต รการเรี ย นในคณะต่ า ง ๆ เพื่ อ สร้ า งบั ณ ฑิ ต ที่ มี ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กล่าวว่า องค์ความรู้ของพระบาทสมเด็จ คุ ณ ภาพและรั บ ผิ ด ชอบต่ อ สั ง คม และมหาวิ ท ยาลั ย ยิ น ดี จ ะร่ ว มกั บ พระเจ้าอยู่หัวนั้น มาจากปัญหาที่ทรงพบในแต่ละพื้นที่ ซึ่งทรงเรียกว่า ปิดทองฯ ต่อไป เช่นเดียวกับ รศ.ดร.อนุชาติ พวงสำลี รองอธิการบดี “ห้องเรียนทางธรรมชาติ” แล้วทรงหาวิธีการแก้ไขที่ได้ผลและเหมาะสม มหาวิทยาลัยมหิดล ก็กล่าวว่า การเชื่อมโยงองค์ความรู้ระหว่างสถาบัน กับพื้นที่นั้น จึงอยากให้สถาบันการศึกษาใช้แนวทางนี้ในการพัฒนา การศึกษาและปิดทองหลังพระฯ เป็นแนวทางหนึ่งที่จะส่งเสริมให้มหิดล ท้องถิ่น หรือนำแนวพระราชดำริบรรจุเป็นหลักสูตร เพื่อผลิตบุคลากรที่ เป็นมหาวิทยาลัย ทีสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชมชนต่อไป ่ ุ 16