โครงการฝายชลอน้ำ
- 2. การท้าตามแนวพระราชด้าริ
พิจารณาดาเนินการสร้างฝายราคาประหยัด
ใช้วัสดุราคาถูกและหาง่ายในท้องถิ่น ปิดกั้นร่องน้ากับลาธารขนาดเล็กเป็นระยะ ๆ เพื่อใช้เก็บกักน้าและ
ตะกอนดินไว้บางส่วน
ดาเนินการสารวจหาทาเลสร้างฝายต้นน้าในระดับที่สูงใกล้บริเวณยอดเขา มากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้
สาหรับบริเวณที่มีปริมาณน้ามาก จึงสร้างฝายเพื่อผันน้าลงมาใช้ในพื้นที่เพาะปลูก
จะสามารถปลูกพันธุ์ไม้ ป้องกันไฟ พันธุ์ไม้โตเร็ว และพันธุ์ไม้ไม่ทิ้งใบเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ต้นน้าลาธาร ให้มี
สภาพเขียวชอุ่มขึ้นเป็นลาดับ
- 3. ฝายชลอน้า
คือสิ่งก่อสร้าง ที่ทาขึ้นเพื่อขวางหรือกั้นทางน้า โดยปกติมักจะกั้นลาห้วย ลาธารขนาดเล็กใน
บริเวณที่เป็นต้นน้า หรือ พื้นที่ที่มีความลาดชันสูงให้สามารถกักตะกอนอยู่ได้ และหากเป็นช่องที่น้าไหล
แรงก็สามารถช่วยในการชะลอการไหลของน้าให้ช้าลงด้วย เพื่อการกักเก็บตะกอนเอาไว้ไม่ให้ไปทับถมลา
น้าตอนล่าง อันเป็นเป็นวิธีการอนุรักษ์ดินและแหล่งน้า
- 4. ประเภทของฝายชะลอน้า
ฝายชะลอน้าแบบท้องถิ่น หรือฝายแม้ว คือการทาด้วยวัสดุจากธรรมชาติ เช่น กิ่งไม้ ไม้ล้ม หรือก้อน
หินชนิดต่างๆ มาวางเรียงซ้อนกัน
ฝายชะลอน้าแบบเรียงด้วยหิน เป็นฝายกึ่งถาวร
ฝายชะน้าแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก เป็นฝายแบบถาวร
- 5. วัตถุประสงค์การสร้างฝาย
เพื่อชะลอการไหลและลดความรุนแรงของกระแสน้าในลาธาร ไม่ให้ไหลหลากอย่างรวดเร็วและทาให้น้าซึม
ลงสู่ดินได้มากขึ้น เพิ่มความชุ่มชื้น ส่งผลให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพของระบบนิเวศป่าต้นน้า
ลาธาร
เพื่อลดความรุนแรงของการเกิดการชะล้างพังทลายของดิน และสามารถกักเก็บตะกอน และเศษซากพืช
ที่ไหลลงมากับน้าในลาธาร บนพื้นที่ ต้นน้าลาธาร ซึ่งจะช่วยยืดอายุของแหล่งน้าตอนล่างให้ตื้นเขินช้าลง
และทาให้มีปริมาณและคุณภาพของน้าที่ดีขึ้น
เพื่อกักเก็บน้าไว้เป็นแหล่งน้า สาหรับใช้ในการอุปโภคบริโภคของมนุษย์และสัตว์ป่า ตลอดจนการ
เกษตรกรรม
- 7. วิธีการสร้างฝาย
ฝายที่สร้างขึ้นมา เป็นฝายแบบไม่ถาวร ให้วัสดุจากธรรมชาติ เป็นหลัก สาหรับชะลอน้า ในหน้าแล้ง
เท่านั้น ไม่ได้สร้างเพื่อกักเก็บน้า การไหลของน้า ที่หน้าฝาย ยังมีน้าไหลอยู่ ตลอดเวลา ไม่ว่าจะซึมผ่าน
ฝาย หรือ น้าล้นข้ามฝาย
ระดับความสูงของตัวฝาย ไม่สูงมากนัก ระดับความสูงประมาณ 40 % ของความสูงของระดับน้า
สูงสุด ในลาคลองหรือลาห้วย สายน้ายังสามารถไหลล้นผ่านฝายได้ ตลอดเวลา เพื่อยังรักษาระบบ
นิเวศน์ หน้าฝายไว้
ตัวฝายควรมีระดับความลาดชัน ประมาณ 20 - 45 องศา ทั้งด้านหน้า และ ด้านหลัง ไม่ควรสร้าง
ฝาย ที่มีหน้าตัด 90 องศา
การก่อสร้างจะสร้างเป็นช่วงๆ แบบ ขั้นบันได เป็นช่วงๆ ระยะขึ้นอยุ่กับพื้นที่ ประมาณ 50 - 200
เมตร
- 8. วิธีการสร้างฝาย
หากหน้าน้า มีน้ามา ฝายนี้ก็จะพังทลาย ลง (ช่วยลดความเร็วของกระแสน้าป่า ลงได้) หินที่ก่อเรียง
ตัวไว้ ก็จะพัง และ ไหลลงมาสู่ตัวฝาย ด้านล่าง ต่อไป
พอหมดหน้าน้าป่า น้าเกือบจะใกล้แห้ง มายกก้อนหินกลับไปเรียง เป็นฝายชะลอน้า ตามเดิม (ส่วนใหญ่
แล้ว จะยังหลงเหลือ โครงสร้างเดิมอยู่บ้าง) ใช้เวลาก่อสร้าง ประมาณ 1-2 ชม. ต่อฝาย
ควรคานึงถึง สัตว์น้า ที่อาศัยในลาคลองด้วยว่า สามารถเดินทางไปยังต้นน้าได้หรือไม่
- 9. ข้อความคานึงในการสร้างฝาย
ต้องคานึงถึงความแข็งแรงให้มากพอทีจะไม่เกิดการพังทลายเสียหายยามที่ฝนตกหนักและกระแสน้าไหลแรง
่
ควรก่อสร้างในบริเวณลาห้วยที่มีความลาดชันต่าและแคบ
สาหรับฝายกึ่งถาวรและฝายถาวร ควรก่อสร้างฐานให้ลึกถึงหินดานร่องห้วย (bedrock) เพื่อที่จะสามารถดักและ
ดึงน้าใต้ดินเหนือฝายได้
วัสดุก่อสร้างฝายต้นน้าลาธาร ประเภทกิ่งไม้ ท่อนไม้ ที่นามาใช้ในการสร้างจะต้องระมัดระวังใช้เฉพาะไม้ล้มขอนนอนไพร
เป็นลาดับแรก ก่อนที่จะใช้กิ่งไม้ ท่อนไม้ จากการริดกิ่ง ถ้าจาเป็นให้ใช้น้อยที่สุด
- 10. ประโยชน์ที่ได้รับจากการสร้างฝาย
ช่วยลดการชะล้างพังทลายของดิน และลดความรุนแรงของกระแสน้าในลาธาร ทาให้ระยะเวลาการไหลของน้าเพิ่มมากขึ้น
ความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้น และแผ่ขยายกระจายความชุ่มชื้นออกไปเป็นวงกว้างในพื้นที่ทั้งสองฝั่งของลาห้วย นอกจากนี้ ยังช่วย
เพิ่มปริมาณน้าใต้ดินบางส่วนด้วย
ช่วยกักเก็บตะกอนและวัสดุต่าง ๆ ที่ไหลลงมากับน้าในลาห้วยได้ดี เป็นการช่วยยืดอายุแหล่งน้าตอนล่างให้ตื้นเขินช้าลง
คุณภาพของน้ามีตะกอนปะปนน้อยลง
ช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ และการทดแทนของสังคมพืชให้แก่พื้นที่
โดยรอบ
• ช่วยลดความรุนแรงของการเกิดไฟป่าในฤดูแล้ง
• ทาให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้า และใช้เป็นแหล่งน้าเพื่อการอุปโภคบริโภคของมนุษย์และสัตว์ป่าต่าง ๆ ตลอดจน
นาไปใช้ในการเกษตร
- 11. ผู้ท้า
นรีกานต์ อุดมทรัพย์ ม.4/6 เลขที่ 2