More Related Content
Similar to ฝายชะลอน้ำ (20)
ฝายชะลอน้ำ
- 2. • พระราชดารัส ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตรัสว่า
• "... เรื่องน้านี้ ก็เป็นปัจจัยหลักของมวลมนุษย์ ไม่ใช่มนุษย์เท่านั้น แม้สิ่งมีชีวิต
ทั้งหลาย ทั้งสัตว์ทั้งพืช ถ้าไม่มีก็อยู่ไม่ได้ เพราะว่าน้าเป็นสื่อ หรือเป็นปัจจัยสาคัญ
ของสิ่งมีชีวิต แม้สิ่งไม่มีชีวิตก็ต้องการน้าเหมือนกัน มิฉะนั้นก็จะกลายเป็นอะไรไม่
ทราบ เช่น ในวัตถุต่างๆ ในรูปผลึก ก็ต้อง มีน้าในนั้นด้วย ถ้าไม่มีน้าก็จะไม่เป็นผลึก
กลายเป็นสิ่งที่ไม่มีรูป ฉะนั้น น้านี้ก็เป็นสิ่งสาคัญ ที่กล่าวถึงข้อนี้ก็จะให้ได้ทราบถึงว่า
ทาไมการพัฒนา ขั้นแรกหรือสิ่งแรก ที่นึกถึงก็คือโครงการชลประทาน แล้วก็โครงการ
สิ่งแวดล้อมทาให้น้าดี สองอย่างนี้อื่นๆ ก็จะเป็นไปได้ถ้าหากว่า ปัญหา ของน้านี้ เรา
ได้สามารถที่จะแก้ไข หรืออย่างน้อยที่สุด ก็ทาให้เรามีน้าใช้ อย่างเพียงพอ ฉะนั้นการ
พัฒนานั้นสิ่งสาคัญก็อยู่ตรงนี้ นอกจากนั้น ก็เป็นสิ่งที่ต่อเนื่อง เช่นวิชาการในด้าน
การเพาะปลูก เป็นต้น ตลอดจนถึง การพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม หรือการค้า
หรือการคลัง อะไร พวกนี้ก็ต่อเนื่องต่อไป... "
- 3. • ฝายชะลอน้า (Check Dam) โดยใช้แนวพระราชด้าริทฤษฎีการพัฒนาและฟื้นฟูป่า
ไม้
• พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึงความสาคัญของการอยู่รอดของป่าไม้
เป็นอย่างยิ่ง ทรงเสนออุปกรณ์อันเป็นเครื่องมือที่จะใช้ประโยชน์ในการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ที่
ได้ผลดียิ่งกล่าวคือ ปัญหาสาคัญที่เป็นตัวแปรแห่งความอยู่รอดของป่าไม้นั้น ?น้า? คือสิ่งที่ขาด
ไม่ได้โดยแท้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแนะนาให้ใช้ฝายกั้นน้าหรือเรียกว่า Check
Dam หรืออาจเรียกขานกันว่า ?ฝายชะลอความชุ่มชื้น? ก็ได้เช่นกัน
• Check Dam คือสิ่งที่ก่อสร้างขวางกั้นทางเดินของลาน้า ซึ่งปกติมักจะกั้นห้วยลาธารขนาด
เล็กในบริเวณที่เป็นต้นน้าหรือพื้นที่ที่มีความลาดชันสูง ทาให้พืชสามารถดารงชีพอยู่ได้ และหาก
ช่วงที่น้าไหลแรงก็สามารถชะลอการไหลของน้าให้ช้าลงและกักเก็บตะกอนไม่ให้ไหลเทลงไปใน
บริเวณลุ่มน้าตอนล่าง นับเป็นวิธีการอนุรักษ์ดินและน้าได้ดีมากวิธีการหนึ่ง
• พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชาอธิบายว่า การปลูกป่าทดแทนป่า
ไม้ที่ถูกทาลายนั้น ??จะต้องสร้างฝายเล็กเพื่อหนุนน้าส่งไปตามเหมืองไปใช้ในพื้นที่เพาะปลูกทั้ง
สองด้าน ซึ่งจะให้น้าค่อย ๆ แผ่ขยายออกไปทาความชุ่มชื้นในบริเวณนั้นด้วย
- 4. • ในส่วนของรูปแบบและลักษณะ Check Dam นั้น ได้พระราชทานพระราชดารัส
ไว้ว่า ให้พิจารณาดาเนินการสร้างฝายราคาประหยัด โดยใช้วัสดุราคาถูกและหาง่าย
ในท้องถิ่น เช่น แบบทิ้งหินคลุมด้วยตาข่ายปิดกั้นร่องน้ากับลาธารเล็ก ๆ เป็นระยะ ๆ
เพื่อให้เก็บกักน้าและตะกอนดินไว้บางส่วน โดยน้าที่กักเก็บไว้จะซึมเข้าไปในดินทาให้
ความชุ่มชื้นแผ่ขยายออกไปทั้งสองข้าง ต่อไปจะสามารถปลูกพันธุ์ไม้ป้องกันไฟ พันธุ์
ไม้โตเร็ว และพันธุ์ไม้ไม่ทิ้งใบ เพื่อฟื้นฟูที่ต้นน้าลาธารให้มีสภาพเขียวชอุ่มขึ้นเป็น
ลาดับ
ประเภทของ Check Dam นั้น ทรงจาแนกออกเป็น 2 ประเภท ดังพระราช
ดารัสคือ ?? Check Dam มี 2 อย่าง ชนิดหนึ่งสาหรับให้มีความชุ่มชื้น รักษา
ความชุ่มชื้น อีกอย่างสาหรับป้องกันมิให้ทรายลงในอ่างใหญ่?
• จึงอาจกล่าวได้ว่า Check Dam นั้น ประเภทแรก คือ ฝายต้นน้าลาธารหรือฝาย
ชะลอความชุ่มชื้น ส่วนประเภทที่สองนั้นเป็นฝายดักตะกอนนั่นเอง
- 5. • การสร้าง Check Dam พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชดาริเพิ่มเติมใน
รายละเอียดว่า
• สาหรับ Check Dam ชนิดป้องกันไม่ให้ทรายไหลลงไปในอ่างใหญ่จะต้องทาให้ดีและลึกเพราะ
ทรายลงมากจะกักเก็บไว้ ถ้าน้าตื้นทรายจะข้ามไปลงอ่างใหญ่ ถ้าเป็น Check Dam สาหรับ
รักษาความชุ่มชื้นไม่จาเป็นต้องขุดลึกเพียงแต่กักน้าให้ลงไปในดิน แต่แบบกักทรายนี้จะต้องทาให้ลึก
และออกแบบอย่างไรไม่ให้น้าลงมาแล้วไล่ทรายออกไป
• พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานแนวพระราชดาริเกี่ยวกับการพิจารณาสร้างฝายชะลอ
ความชุ่มชื้นขึ้น เพื่อสร้างระบบวงจรน้าแก่ป่าไม้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด คือ
• ให้ดาเนินการสารวจทาเลสร้างฝายต้นน้าลาธารในระดับที่สูงที่ใกล้บริเวณยอดเขามากที่สุดเท่าที่จะ
เป็นไปได้ ลักษณะของฝายดังกล่าวจาเป็นจะต้องออกแบบใหม่ เพื่อให้สามารถกักเก็บน้าไว้ได้
ปริมาณมากพอสมควรเป็นเวลานาน 2 เดือน ... การเก็บรักษาน้าสารองได้นานหลังจากฤดูฝนผ่าน
ไปแล้ว จะทาให้มีปริมาณน้าหล่อเลี้ยงและประคับประคองกล้าไม้พันธุ์ที่แข็งแรงและโตเร็วที่ใช้ปลูก
แซมในป่าแห้งแล้งอย่างสม่าเสมอและต่อเนื่อง โดยการจ่ายน้าออกไปรอบ ๆ ตัวฝายจนสามารถตั้ง
ตัวได้
- 6. • Check Dam ตามแนวพระราชดาริ กระทาได้ 3 รูปแบบ คือ
• 1. Check Dam แบบท้องถิ่นเบื้องต้น เป็นการก่อสร้างด้วยวัสดุธรรมชาติที่มี
อยู่ เช่น กิ่งไม้และท่อนไม้ล้ม ขอนนอนไพร ขนาบด้วยก้อนหินขนาดต่าง ๆ ในลา
ห้วย ซึ่งเป็นการก่อสร้างแบบง่าย ก่อสร้างในบริเวณตอนบนของลาห้วยหรือร่องน้า
ซึ่งสามารถดักตะกอนชะลอการไหลของน้าและเพิ่มความชุ่มชื้นบริเวณรอบฝายได้
เป็นอย่างดี วิธีการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายน้อยมาก หรืออาจไม่มีคาใช้จ่ายเลย
่
นอกจากใช้แรงงานเท่านั้น
- 7. • การก่อสร้าง Check Dam แบบง่ายนี้สามารถทาได้หลายวิธี เช่น
• 1.1 ก่อสร้างด้วยท่อนไม้ขนาบด้วยหิน
• 1.2 ก่อสร้างด้วยไม้ขนาบด้วยถุงบรรจุดินหรือทราย
• 1.3 ก่อสร้างแบบคอกหมูแกนดินอัดขนาบด้วยหิน
• 1.4 ก่อสร้างแบบเรียงด้วยหินแบบง่าย
• 1.5 ก่อสร้างแบบคอกหมูหินทิ้ง
• 1.6 ก่อสร้างแบบคอกหมูถุงทรายซีเมนต์
• 1.7 ก่อสร้างแบบหลักคอนกรีตหินทิ้ง
• 1.8 ก่อสร้างแบบถุงทรายซีเมนต์
• 1.9 ก่อสร้างแบบคันดิน
• 1.10 ก่อสร้างแบบหลักไม้ไผ่สานขัดกัน อันเป็นภูมิปัญญาของชาวบ้าน
- 8. • 2. Check Dam แบบเรียงด้วยหินค่อนข้างถาวร ก่อสร้างด้วยการเรียงหิน
เป็นผนังกั้นน้าก่อสร้างบริเวณตอนกลางและตอนล่างของลาห้วยหรือร่องน้า จะ
สามารถดักตะกอนและเก็บกักน้าในฤดูแล้งได้ดีบางส่วน
• 3. Check Dam แบบคอนกรีตเสริมเหล็ก เป็นการก่อสร้างแบบถาวร
ส่วนมากจะดาเนินการในบริเวณตอนปลายของลาห้วยหรือร่องน้า จะสามารถดัก
ตะกอนและเก็บกักน้าในฤดูแล้งได้ดี ค่าก่อสร้างเฉลี่ยประมาณ 40,000-50,000
บาท แล้วแต่ขนาดของลาห้วยซึ่งควรมีความกว้างไม่เกิน 4 เมตร
- 9. • ข้อคานึงในการสร้าง Check Dam
• 1. ควรสารวจสภาพพื้นที่ วัสดุก่อสร้างตามธรรมชาติ และรูปแบบ Check Dam ที่เหมาะสมกับภูมิประเทศมาก
ที่สุด
• 2. ต้องคานึงถึงความแข็งแรงให้มากพอที่จะไม่เกิดการพังทลายเสียหายยามที่ในตกหนักและกระแสน้าไหลแรง
• 3. ควรก่อสร้างในพื้นที่ที่ช่องลาห้วยมีความลาดชันต่า เพื่อที่จะได้ Check Dam ในขนาดที่ไม่เล็กเกินไป อีกทั้ง
ยังสามารถกักน้าและตะกอนได้มากพอสมควร และในลาห้วยที่มีความลาดชันสูงก็ควรสร้าง Check Dam ให้ถี่
ขึ้น
• 4. วัสดุก่อสร้าง Check Dam ประเภทกิ่งไม้ ท่อนไม้ ที่นามาใช้ในการสร้างจะต้องนะมัดระวังใช้เฉพาะไม้ล้ม
ขอนนอนไพรเป็นลาดับแรกก่อนที่จะใช้กิ่งไม้ ท่อนไม้จากการติดกิ่ง ถ้าจาเป็นให้ใช้น้อยที่สุด
• 5. ถ้าสร้าง Check Dam แบบคอกหมูแกนดินอัดแน่น ควรมีทางระบายน้าด้านข้างเพื่อป้องกันน้ากัดชะสัน
ฝายจากการที่มีฝนตกหนักจนมีน้าหลากมาก
• 6. ควรปลูกไม้ยืนต้นยึดดินบนสันฝาย เช่น ไคร้น้า หรือไม้ชนิดอื่น ๆ ที่สามารถขึ้นได้ดีบนที่ชื้น
• 7. ควรดาเนินการก่อสร้าง Check Dam หลังฤดูฝนหรือหลังน้าหลาก และทุกปีควรมีการบารุงรักษา ขุดลอก
ตะกอน ซ่อมแซมสันฝายและทางระบายน้าล้นอยู่เป็นประจา
- 10. • แนวทางที่เหมาะสมในการสร้าง Check Dam
• ก่อนดาเนินการ ควรสารวจร่องน้าลาห้วยในพื้นที่ที่มีปัญหาการพังทลายของดินหรือ
ปัญหาพื้นที่ขาดความ ชุ่มชื้น โดยพิจารณาถึงความลาดชันของร่องน้าและสารวจหาข้อมูล
ปริมาณน้าไหลในร่องน้ามาใช้ประกอบการเลือกตาแหน่งสร้าง Check Dam ดังนี้
• 1. ในพื้นที่ลาดชันสูง ในกรณีที่ความกว้างของลาห้วยไม่เกิน 2 เมตร ควรสร้างฝายผสม ใช้
วัสดุธรรมชาติ ไม้ท่อน หิน ถุงบรรจุดินหรือทราย แต่ถ้าความกว้างของลาห้วยมากกว่า 2
เมตร หรือในลาห้วยมีน้ามากควรเพิ่มโครงสร้างของ Check Dam เป็นแบบคอกหมูที่มี
โครงสร้างหลายระดับมากน้อยตามปริมาณน้า
• 2. ในพื้นที่ลาดชันปานกลาง ควรสร้าง Check Dam แบบคอกหมูหรือแบบท้องถิ่นของ
ชาวบ้าน ถ้าเป็นแบบคอกหมูให้ใช้หินเรียงหรือกระสอบทรายผสมซีเมนต์ขนาบโครงสร้าง
• 3. ในพื้นที่ลาดชันต่า ในกรณีที่มีน้ามากควรสร้างฝายคอนกรีตเสริมเหล็ก แต่ถ้ามีน้าไม่
มากนักและความกว้างไม่เกิน 2 เมตร อาจใช้ถุงทรายผสมซีเมนต์ได้
- 11. • นานาประโยชน์จาก Check Dam อันเนื่องมาจากพระราชดาริ
• 1. ช่วยลดการพังทลายของดินและลดความรุนแรงของกระแสน้าในลาห้วย ทาให้
ระยะเวลาการไหลของน้าเพิ่มมากขึ้น ความชุ่มชื้นมีมากขึ้น และแผ่ขยายกระจายความชุ่ม
ชื้นออกไปเป็นวงกว้างในพื้นที่ทั้งสองฝั่งของลาห้วย
• 2. ช่วยกักเก็บตะกอนที่ไหลลงมากับน้าในลาห้วยได้ดี เป็นการช่วยยืดอายุแหล่งน้า
ตอนล่างให้ตื้นเขินช้าลง คุณภาพของน้ามีตะกอนปะปนน้อยลง
• 3. เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพให้แก่พื้นที่ จากการที่ความชุ่มชื้นเพิ่มมากขึ้น ความ
หนาแน่นของพันธุ์พืชก็ย่อมจะมีมากขึ้น
• 4. การที่สามารถกักเก็บน้าไว้ได้บางส่วนนี้ ทาให้เกิดเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นา และใช้
้
เป็นแหล่งน้าเพื่อการบริโภคของมนุษย์และสัตว์ตาง ๆ ตลอดจนนาไปใช้ในการเกษตรได้อีก
่
ด้วย
• Check Dam จึงนับเป็นพระราชดาริที่เป็นทฤษฎีการพัฒนาป่าไม้ที่ยังประโยชน์
สุขแก่มนุษยชาติทงมวล
ั้
- 12. • ปัจจุบัน ทางกลุ่มป่าสร้างฝัน เขาใหญ่ นครนายก ได้นาแนวคิด ของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องฝายชะลอน้า มาจัดทาโครงการฝายชะลอน้า
ใน 2 พื้นที่ ต้นน้ารอบๆ เขื่อนขุนด่านปราการชล ใน ตาบลหินตั้ง และ ตาบล
สาลิกา อ. เมือง จ. นครนายก คือ ต้นน้าลาธารสายคลองบ่อ จานวน
โครงการ 5 ฝาย แล้วเสร็จ 2 ฝาย และ ต้นน้าลาธารสายคลองมะเดื่อ จานวน
โครงการ 5 ฝาย แล้วเสร็จ 2 ฝาย และจะดาเนินการต่อไปเรื่อยๆ เพื่อรักษาความ
ชุ่มชื่นของผืนป่าเขาใหญ่ ฝั่งนครนายก ให้คงอยู่ต่อไป