การเขียน
ย่ อความ เรียงความ
      จดหมาย
การเขียนจดหมาย
ประเภทของจดหมาย แบ่ งออกเป็ น ๔ ประเภท ดังนี้
๑.) จดหมายส่ วนตัว
๒.) จดหมายธุรกิจ ติดต่ อเกียวกับธุรกิจ พาณิชยกรรม
                           ่
   และการเงิน
๓.) จดหมายกิจธุระ เพือแจ้ งธุระต่ าง เช่ น นัดหมาย
                      ่
   ขอสมัครงาน
๔.) จดหมายราชการ เป็ นจดหมายที่เขียนติดต่ อกัน
   ระหว่ างส่ วนราชการต่ างๆ
ข้ อควรคานึงถึงในการเขียนจดหมาย
1


๑.) เขียนข้ อความให้ จัดเจนแจ่ มแจ้ ง
๒.) ใช้ แบบของจดหมายให้ ถูกต้ อง
๓.) แสดงมารยาททีเ่ หมาะสมกับบุคคลทีติดต่ อด้ วย
                                        ่
   เช่ น การเลือก กระดาษ ความสะอาดเป็ นต้ น
๔.) การบรรจุซอง ต้ องพับให้ เรียบร้ อย แล้วบรรจุซอง
   จ่ าหน้ าซองให้ จัดเจน
รู ปแบบการเขียนจดหมาย
                  1       จดหมายประกอบไปด้ วย

                  2       1     ทีอยู่ผู้เขียน
                                  ่
3
                          3     วัน / เดือน / ปี
                          3     คาขึนต้ น
                                    ้
    4
                          4     เนือหา
                                   ้

                      5   5      ชื่อผู้เขีน
          6               6       คาลงท้ าย
การบ้ าน
เขียนจดหมายส่ วนตัวหาเพือน  ่
ตามรู ปแบบทีครู กาหนดให้
             ่
โดยจับฉลากเลือกเพือน
                   ่
ในห้ องเรียนที่ตนจะต้ องส่ งจดหมายหา
การเขียนย่ อความ

คือ     การเก็บเนือความหรือใจความสาคัญในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
                    ้
      อย่ างถูกต้ อง แล้ วนามารวบรวมใหม่ เป็ นข้ อความสั้ น
      กะทัดรัด โดยมิให้ ความหมาย
      เปลียนไปจากเดิม
           ่
หลักการย่ อความ
    1. ควรย่ อความตามรู ปแบบการย่ อความ เช่ น
         ย่อ (บทความ สารคดี ตานาน นิทาน นิยาย เรื่ องสั้น) เรื่อง.....................................
 ผู้แต่ ง.................................จาก.............(แหล่งที่มา)..................ความว่ า
        ข้ อความ.......................................................................................................................
 ............................................................................................................................................
     แบบการย่ อข่ าว
         ย่อข่ าวเรื่อง.....................................
จาก.............(แหล่งที่มา)..................วันที.่ ............................ความว่ า
ข้ อความ..............................................................................................
...........................................................................................................
2. อ่ านเรื่องราวที่จะย่ ออย่ างน้ อย 2 ครั้ง เพือจับใจความสาคัญ
                                                 ่
  ว่ าใครทาอะไร ทีไหน อย่ างไร
                      ่
3. นาใจความสาคัญที่ได้ มาเรียบเรียงใหม่ ด้วยภาษาของตน
4. ควรเลือกใช้ ถ้อยคาภาษาง่ าย ๆ แต่ ถ้ามีคาราชาศัพท์ ควรคงไว้
5. ไม่ ใช้ อกษรย่ อ หรือคาย่ อ
            ั
6. ความสั้ นยาวของการย่ อความ
  ไม่ สามารถกาหนดได้
7. ย่ อความควรมีใจความสาคัญเพียงใจความเดียว
8. ข้ อความในแต่ ละย่ อหน้ าควรมีเนือหา ้
  หรือมีลาดับความคิดต่ อเนื่องกัน
การเขียนเรียงความ
เป็ นการนาความคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ทีผู้เขียนสนใจนามาเรียบเรียง
                                            ่
อย่ างชัดเจน ให้ น่าสนใจโดยอาศัยข้ อเท็จจริง ประกอบความคิดเห็น
ของผู้เขียนให้ ผู้อ่านได้ เข้ าใจตามทีผู้เขียนต้ องการ
                                      ่
                     องค์ประกอบของเรี ยงความ
       องค์ ประกอบของเรียงความ

 เรียงความมีองค์ ประกอบ 3 ส่ วนด้ วยกัน คือ
 ๑. คานา (การเปิ ดเรื่อง)
 ๒. เนือเรื่อง หรือเนือความ
       ้              ้
 ๓. บทลงท้ าย (การปิ ดเรื่อง หรือ บทสรุ ป)
ขั้นตอนการเขียนเรียงความ

๑. การร่ างเรียงความร่ าง ต้ องพิจารณา
  ๑.๑) ความมุ่งหมายสาคัญของเรื่อง
  ๑.๒) การใช้ แบบการเขียนหรือโวหารการเขียนให้ สอดคล้องกับ
      ความมุ่งหมายสาคัญของเรื่อง
  ๑.๓) การหารายละเอียดประกอบ
          และขยายความจากข้ อมูลสาคัญต่ างๆ ในโครงเรื่อง
  ๑.๔) การแบ่ งเนื่องเรื่อง เป็ นภาคคานา
     เนือเรื่อง และสรุป
        ้
ภาคคานา

ควรมีลกษณะดังต่ อไปนี้
      ั
๑. ทาให้ ผู้อ่านสนใจ
๒. แนะหรือบอกความมุ่งหมายหรือแนวของเรื่อง
๓. ไม่ ต้งต้ นไกลเกินไป และมีแนวนาเข้ าสู่ เรื่อง
         ั
๔ .ไม่ ยาวเกินไป
ภาคเนือเรื่อง
             ้                ประกอบด้ วย
๑. ข้ อมูลในโครงเรื่อง ซึ่งเรียงตามลาดับเวลา ตามพืนที่้
   ตามเหตุผล
๒. ย่ อหน้ าแต่ ละย่ อหน้ า ควรสื่ อความคิดอย่ างเหมาะสมตาม
   ความสาคัญของเนือเรื่อง
                        ้
๓. มีความสั มพันธ์ ระหว่ างแต่ ละประโยค แต่ ละย่ อหน้ า
๔. มีรายละเอียดที่ชัดเจน ขยายความ
   และสนับสนุนข้ อมูลสาคัญให้ สอดคล้ องกัน
ภาคจบหรือภาคสรุป             การจบมักใช้ 2 วิธี คือ

๑. จบด้ วย การย่ อ คือนาเอาใจความสาคัญมากล่าวในตอนท้ าย จัดเป็ น
     การทบทวนอีกครั้ง
๒. ใช้ วธี สรุปความ เป็ นประโยคบอกเล่า หรือประโยคคาถาม เป็ นภาษิต
        ิ
     หรือเป็ นคาประพันธ์ ที่สอดคล้องกับเนือเรื่อง
                                          ้
   ควรแยกเป็ นย่ อหน้ าหนึ่ง และต้ องสรุป
   ความหมายสาคัญเอาไว้ ในหน้ านี้

จดหมาย

  • 1.
  • 2.
    การเขียนจดหมาย ประเภทของจดหมาย แบ่ งออกเป็น ๔ ประเภท ดังนี้ ๑.) จดหมายส่ วนตัว ๒.) จดหมายธุรกิจ ติดต่ อเกียวกับธุรกิจ พาณิชยกรรม ่ และการเงิน ๓.) จดหมายกิจธุระ เพือแจ้ งธุระต่ าง เช่ น นัดหมาย ่ ขอสมัครงาน ๔.) จดหมายราชการ เป็ นจดหมายที่เขียนติดต่ อกัน ระหว่ างส่ วนราชการต่ างๆ
  • 3.
    ข้ อควรคานึงถึงในการเขียนจดหมาย 1 ๑.) เขียนข้อความให้ จัดเจนแจ่ มแจ้ ง ๒.) ใช้ แบบของจดหมายให้ ถูกต้ อง ๓.) แสดงมารยาททีเ่ หมาะสมกับบุคคลทีติดต่ อด้ วย ่ เช่ น การเลือก กระดาษ ความสะอาดเป็ นต้ น ๔.) การบรรจุซอง ต้ องพับให้ เรียบร้ อย แล้วบรรจุซอง จ่ าหน้ าซองให้ จัดเจน
  • 4.
    รู ปแบบการเขียนจดหมาย 1 จดหมายประกอบไปด้ วย 2 1 ทีอยู่ผู้เขียน ่ 3 3 วัน / เดือน / ปี 3 คาขึนต้ น ้ 4 4 เนือหา ้ 5 5 ชื่อผู้เขีน 6 6 คาลงท้ าย
  • 5.
    การบ้ าน เขียนจดหมายส่ วนตัวหาเพือน ่ ตามรู ปแบบทีครู กาหนดให้ ่ โดยจับฉลากเลือกเพือน ่ ในห้ องเรียนที่ตนจะต้ องส่ งจดหมายหา
  • 6.
    การเขียนย่ อความ คือ การเก็บเนือความหรือใจความสาคัญในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ้ อย่ างถูกต้ อง แล้ วนามารวบรวมใหม่ เป็ นข้ อความสั้ น กะทัดรัด โดยมิให้ ความหมาย เปลียนไปจากเดิม ่
  • 7.
    หลักการย่ อความ 1. ควรย่ อความตามรู ปแบบการย่ อความ เช่ น ย่อ (บทความ สารคดี ตานาน นิทาน นิยาย เรื่ องสั้น) เรื่อง..................................... ผู้แต่ ง.................................จาก.............(แหล่งที่มา)..................ความว่ า ข้ อความ....................................................................................................................... ............................................................................................................................................ แบบการย่ อข่ าว ย่อข่ าวเรื่อง..................................... จาก.............(แหล่งที่มา)..................วันที.่ ............................ความว่ า ข้ อความ.............................................................................................. ...........................................................................................................
  • 8.
    2. อ่ านเรื่องราวที่จะย่ออย่ างน้ อย 2 ครั้ง เพือจับใจความสาคัญ ่ ว่ าใครทาอะไร ทีไหน อย่ างไร ่ 3. นาใจความสาคัญที่ได้ มาเรียบเรียงใหม่ ด้วยภาษาของตน 4. ควรเลือกใช้ ถ้อยคาภาษาง่ าย ๆ แต่ ถ้ามีคาราชาศัพท์ ควรคงไว้ 5. ไม่ ใช้ อกษรย่ อ หรือคาย่ อ ั 6. ความสั้ นยาวของการย่ อความ ไม่ สามารถกาหนดได้ 7. ย่ อความควรมีใจความสาคัญเพียงใจความเดียว 8. ข้ อความในแต่ ละย่ อหน้ าควรมีเนือหา ้ หรือมีลาดับความคิดต่ อเนื่องกัน
  • 9.
    การเขียนเรียงความ เป็ นการนาความคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ทีผู้เขียนสนใจนามาเรียบเรียง ่ อย่ างชัดเจน ให้ น่าสนใจโดยอาศัยข้ อเท็จจริง ประกอบความคิดเห็น ของผู้เขียนให้ ผู้อ่านได้ เข้ าใจตามทีผู้เขียนต้ องการ ่ องค์ประกอบของเรี ยงความ องค์ ประกอบของเรียงความ เรียงความมีองค์ ประกอบ 3 ส่ วนด้ วยกัน คือ ๑. คานา (การเปิ ดเรื่อง) ๒. เนือเรื่อง หรือเนือความ ้ ้ ๓. บทลงท้ าย (การปิ ดเรื่อง หรือ บทสรุ ป)
  • 10.
    ขั้นตอนการเขียนเรียงความ ๑. การร่ างเรียงความร่าง ต้ องพิจารณา ๑.๑) ความมุ่งหมายสาคัญของเรื่อง ๑.๒) การใช้ แบบการเขียนหรือโวหารการเขียนให้ สอดคล้องกับ ความมุ่งหมายสาคัญของเรื่อง ๑.๓) การหารายละเอียดประกอบ และขยายความจากข้ อมูลสาคัญต่ างๆ ในโครงเรื่อง ๑.๔) การแบ่ งเนื่องเรื่อง เป็ นภาคคานา เนือเรื่อง และสรุป ้
  • 11.
    ภาคคานา ควรมีลกษณะดังต่ อไปนี้ ั ๑. ทาให้ ผู้อ่านสนใจ ๒. แนะหรือบอกความมุ่งหมายหรือแนวของเรื่อง ๓. ไม่ ต้งต้ นไกลเกินไป และมีแนวนาเข้ าสู่ เรื่อง ั ๔ .ไม่ ยาวเกินไป
  • 12.
    ภาคเนือเรื่อง ้ ประกอบด้ วย ๑. ข้ อมูลในโครงเรื่อง ซึ่งเรียงตามลาดับเวลา ตามพืนที่้ ตามเหตุผล ๒. ย่ อหน้ าแต่ ละย่ อหน้ า ควรสื่ อความคิดอย่ างเหมาะสมตาม ความสาคัญของเนือเรื่อง ้ ๓. มีความสั มพันธ์ ระหว่ างแต่ ละประโยค แต่ ละย่ อหน้ า ๔. มีรายละเอียดที่ชัดเจน ขยายความ และสนับสนุนข้ อมูลสาคัญให้ สอดคล้ องกัน
  • 13.
    ภาคจบหรือภาคสรุป การจบมักใช้ 2 วิธี คือ ๑. จบด้ วย การย่ อ คือนาเอาใจความสาคัญมากล่าวในตอนท้ าย จัดเป็ น การทบทวนอีกครั้ง ๒. ใช้ วธี สรุปความ เป็ นประโยคบอกเล่า หรือประโยคคาถาม เป็ นภาษิต ิ หรือเป็ นคาประพันธ์ ที่สอดคล้องกับเนือเรื่อง ้ ควรแยกเป็ นย่ อหน้ าหนึ่ง และต้ องสรุป ความหมายสาคัญเอาไว้ ในหน้ านี้