More Related Content Similar to การวิเคราะห์ข้อมูลจากสถานการณ์จริงและแปลผลจากการวิจัย.pdf
Similar to การวิเคราะห์ข้อมูลจากสถานการณ์จริงและแปลผลจากการวิจัย.pdf (20) การวิเคราะห์ข้อมูลจากสถานการณ์จริงและแปลผลจากการวิจัย.pdf2. คะแนนช่วงที่ 2 คิดเป็นร้อยละ 50%
คะแนนสอบปลายภาค 25 คะแนน
คะแนน จิตพิสัย 5 คะแนน
คะแนน Concept Paper 15 คะแนน (ไม่เกิน 20 หน้า) พร้อมนำ
เสนอ
คะแนนแบบฝึกหัด 5 คะแนน
5. อธิบายการเปลี่ยนแปลงกระบวนการ
(Paradigm Shift) กล่าวว่า เมื่อกระบวน
ทัศน์เกี่ยวกับโลกเปลี่ยนแปลง จะทำให้เกิด
คำถามใหม่ในการค้นคว้าหาความรู้ และเมื่อ
คำถามเปลี่ยน ข้อมูลที่ต้องการตอบคำถาม
เปลี่ยนไปในที่สุดจะนำไปสู่การค้นพบความ
รู้ใหม่ ๆ
Thomas Kuhn นักฟิสิกส์ เสนอ
เกี่ยวกับมโนทัศน์ เรื่อง กระบวน
ทัศน์ หนังสือเรื่อง "The
structure of Scientific
Revolution" 1962
13. Scale of measurements
Ordinal Scale (จัดอันดับ)
Ratio Scale (อัตราส่วน)
Nominal Scale (นามบัญญัติ)
Interval Scale (อันตรภาคชั้น)
เช่น เพศ (ชาย หญิง) เชื้อชาติ สถานภาพสมรส เลขที่บ้าน
เช่น ระดับการศึกษา ระดับชั้นเรียน
เช่น อุณหภูมิ วันในปฏิทิน ความสูงจากระดับน้ำทะเล คะแนน
เช่น ความสูง ความยาว น้ำหนัก รายได้
14. ประเภทสถิติสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล
1) สถิติเชิงบรรยาย (Descriptive Statistic)
2) สถิติสรุปอ้างอิง (Inferential Statistic)
เป็นสถิติบรรยายถึงสภาพของประชากร หรือกลุ่มตัวอย่าง
เช่น จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
เป็นสถิติที่คำนวณจากกลุ่มตัวอย่าง (Sample) เพื่ออ้างอิง
สรุปผลไปยัง ค่าพารามิเตอร์ (Paramiters) ของประชากร
(Population) เช่น Z, t, F
(ทิพย์สิริ กาญจนวาสี และ ศิริชัย กาญจนวาสี, 2564)
16. Nominal Scale
1. 2. Ordinal Scale
(ล้วน สายยศ และ อังคณา สายยศ, 2538: 224 -225)
One Sample case ใช้ Binomial Test
One-Sample case แบบRelated
Sample ใช้ McNemar Test
Two Sample Case ใช้ แบบ
Independent Sample ใช้ Fisher exac
probability test
One Sample case ใช้เทคนิค
Kolmogorov-Smirnov One
Sample Test
มากกว่า 2 กลุ่ม เป็นลักษณะ
Independent Sample ใช้แบบ K
independent Sample
Two Sample case ชนิด Related
หรือ Dependent Sample ใช้ Sign
Test หรือ Wilcoxon Matched-
Pairs signed ranks test
มากกว่า 2 กลุ่มใช้ Friedman Test,
Kruskal - Walis one way analysis
Two-Sample Case ชนิด
Independent Samples ใช้เทคนิค
Median Test, Man Whitney U
test
17. 3. Interval Scale 4. Ratio Scale
(ล้วน สายยศ และ อังคณา สายยศ, 2538: 224 -225)
เทคนิคเดียวกับ Interval Scale
One Sample T-test
Dependent Sample T-
test
Independent Sample
T-test
ANOVA
Correlation
21. สุภางค์ จันทวานิช (2540: 10-11 อ้างถึงใน รัตนะ บัวสนธ์,2560: 138)
เงื่อนไข
สามารถวิเคราะห์ข้อมูลพร้อมๆ กับการเก็บรวบรวมข้อมูล
1.
2. การวิเคราะห์ข้อมูลต้องมีข้อมูลจากมุมมองของคนใน
3. การวิเคราะห์ข้อมูลอาศัยสมมติฐานชั่วคราว
4. ผู้วิจัยเป็นผู้วิเคราะห์ข้อมูลด้วยตนเอง
22. เทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูล
1) การจำแนกและจัดระบบข้อมูล (Typology and Taxnomy)
2) การวิเคราะห์สรุปอุปนัย (Analytic induction)
3) การเปรียบเทียบเหตุการณ์ (Constant Comparison)
4) การวิเคราะห์ส่วนประกอบ (Componential Analysis)
เน้นการจำแนกหมวดหมู่ปรากฏการณ์ และจัดปรากฏการณ์ออกเป็นกลุ่ม ๆ
เป็นการสร้างบทสรุปที่มีลักษณะนามธรรมโดยอาศัยข้อมูลรูปธรรมหลาย ๆ ส่วน
ค้นหาคุณสมบัติส่วนประกอบที่มีความหมายของข้อมูลแต่ละชุดแล้วนำมาเปรียบ
เทียบแล้วเขียนบรรยายสรุป
เป็นการเปรียบเทียบหาคุณลักษณะที่เหมือนกันและแตกต่างกันของข้อมูลเหตุการณ์
23. งานวิจัยทฤษฎีฐานราก (Grounded Theory)
เน้นกระบวนการที่เป็นระบบ (Systematic Procedure) ซึ่งเป็นแนวทางของ Strauss and Corbin’s
grounded theory (2014)
แนวทางดังกล่าวนี้ มุ่งเน้นที่จะมีการทบทวนวรรณกรรมหรือปรากฎการณ์ที่สนใจเสียก่อนเพื่อค้นคนหา
ช่องว่างของความรู้ (gap of Knowledge) และใช้เป็นแนวทางในการตั้งคำถามของการวิจัยโดยดำเนินการ
สร้างกระบวนการใส่รหัส (Coding) กระบวนการเลือกกลุ่มตัวอย่าง (sample procedures) และการ
วิเคราะห์แบบ Conditional Matrix เพื่อใช้แนวทางในการค้นหาภาพจริงที่เป็นตัวแทน (visual
representation) ของปรากฏการณ์ที่ศึกษา เช่นดำเนินการ ทบทวนวรรณกรรมจากนั้น ตั้งคำถามการ
วิจัย ทำการเลือกกลุ่มตัวอย่างที่เหมาะสมเช่น ครูผู้ช่วยปฏิบัติหน้าที่มาแล้ว 1 ปี รวบรวมข้อมูลด้วยการ
สัมภาษณ์ สังเกต และทำการให้รหัส เพื่อจัดหมวดหมู่หลักที่เป็นการอธิบายตามคำถามการวิจัยที่ตั้งไว้
24. โดยกำหนดรหัสข้อมูล (Codes) จากคำถาม (Questions) และ จัดกลุ่มรหัสข้อมูลอยู่ใน
กลุ่มต่าง ๆ จากนั้นกำหนดทีม (themes) ภายใต้วัตถุประสงค์การวิจัย และมีการ
วิเคราะห์เครือข่าย (Network) ของรหัสข้อมูลด้วย
3) กระบวนการกำหนดรหัสข้อมูล (Coding) ในโปรแกรมสำเร็จรูปประกอบไปด้วย
1) ระยะการแยกตัวได้แก่ การปรับตัว ระเบียบการแต่งตัว การสละความเป็นตนเอง
2) ระยะการเปลี่ยนผ่าน ได้แก่ กิจกรรมส่งเสริมความเป็นครู พิธีกรรมการประเมินครู
พิธีกรรมการสังเกตการสอนและการฝึกสอน พิธีกรรมการปฐมนิเทศ และพิธีกรรมการรับ
น้องในสาขาวิชา
3) ระยะเปลี่ยนสถานะ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงในความรู้สึกต่อความเป็นครู การ
เปลี่ยนแปลงตำแหน่งหน้าที่ครู และการสำเร็จการศึกษา
27. 2. การกำหนด CODE
1) ระยะแยกตัว
-การแต่งตัว
-การปรับตัว
-การสละความเป็นตัวตน
-ระเบียบการแต่งตัว
28. 2. การกำหนด CODE
2) ระยะเปลี่ยนผ่าน
-กิจกรรมส่งเสริมความเป็นครู
-พิธีกรรมการประเมินครู
-พิธีกรรมสังเกตการสอน
-พิธีกรรมการปฐมนิเทศ
-พิธีกรรมรับน้อง