More Related Content
More from Wichai Likitponrak
More from Wichai Likitponrak (20)
N sdis 144_60_8
- 9. • 1. มีอาการเป็นๆหายๆ (RRMS) โดยจะมีการกาเริบของโรคเป็นพักๆ หลังกาเริบจะ
กลับมาดีขึ้น ในช่วงแรกๆจะกาเริบปีละประมาณ 2 - 2.5 ครั้ง หลังจากนั้นการกาเริบจะ
น้อยลง หากกาเริบบ่อยในช่วงแรกมักมีพยากรณ์โรคไม่ดี
• 2. ชนิดที่อาการเลวลงช่วงหลัง (SPMS) มักเป็นช่วงที่ต่อจาก RRMS โดยระยะห่าง
ระหว่าง RRMS กับ SPMS อาจแตกต่างกันไปซึ่งอาจใช้เวลาถึง 10 ปี
• 3. ชนิดที่อาการเลวลงตั้งแต่แรก (PPMS) โดยกลุ่มนี้มีอาการเลวลงสม่าเสมอตั้งแต่แรก
มักจะเริ่มเป็นในอายุหลัง 40 ปีขึ้นไปโดยมีการเกร็งของกล้ามเนื้อขาทาให้เดินลาบาก การ
พยากรณ์โรคไม่ดี ความพิการถึงจุดสูงสุดใช้เวลาประมาณ 6 ปี
• 4. ชนิดที่อาการเลวลงตั้งแต่แรกและกาเริบเป็นระยะๆ (PRMS) หลังกาเริบจะดีขึ้นเร็ว ตาม
ด้วยการกาเริบใหม่ โดยอาการหลังการกาเริบแต่ละครั้งจะเลวลงเรื่อยๆ
- 14. 1. การรักษาจาเพาะ (SPECIFIC TREATMENT)
• เนื่องจากโรคนี้ ไม่หายขาดและจากข้อมูลที่ว่าโรคเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของ
ภูมิคุ้มกันต้านทาน การรักษาในปัจจุบันจึงใช้ยาที่ไปจัดการไม่ให้ภูมิคุ้มกันต้านทาน
ทาลายเนื้ อเยื่อของตนเองโดยให้ยา หรือการกาจัดสารภูมิคุ้มกัน ที่ผิดปกติโดยการ
เปลี่ยนถ่ายพลาสมา ในปัจจุบันมีการวิจัยใหม่ๆที่พยายามรักษาโรคนี้ แต่ยังไม่มี
ข้อสรุปผลชัดเจน
- 15. 2.การรักษาประคับประคองตามอาการ (SUPPORTIVE TREATMENT)
• เนื่องจากอาการที่มักมีปัญหาในโรคนี้มีหลากหลายอาการ การรักษาจึงเป็นการรักษา
ร่วมกันระหว่างยาและการดาเนินชีวิต (Life style) การดาเนินชีวิตเป็นเรื่องสาคัญ เน้นการ
ออกกาลังกายให้กล้ามเนื้อแข็งแรงอยู่เสมอ เน้นเรื่องการกินอาหารให้เหมาะสม กินอาหาร
ไขมันลดลง กินอาหารที่มีกากใยและกินผักผลไม้มากขึ้น งดกาแฟ งดแอลกอฮอล์งดบุหรี่
กินอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีสูงด้วยเพื่อจะช่วยเรื่องโรคกระดูกพรุนหรือโรค
กระดูกบางด้วย