More Related Content
More from Wichai Likitponrak
More from Wichai Likitponrak (20)
N sdis 78_60_10
- 5. ประวัติความเป็นมาและอุบัติการของโรค
• โรคมัลติเพิล สเกลอโรซิส (อังกฤษ: multiple sclerosis, MS,
disseminated sclerosis, encephalomyelitis
disseminata) เป็นโรคซึ่งทาให้มีการทาลายปลอกไมอีลินซึ่งหุ้มใยประสาท
ของสมองและไขสันหลังเอาไว้ทาให้ใยประสาทไม่มีปลอกไมอีลินหุ้ม เกิดเป็น
เนื้อเยื่อแผลเป็น และมีอาการและอาการแสดงอื่นๆ ตามมา ส่วนใหญ่เริ่มมีอาการ
ในวัยผู้ใหญ่ตอนต้น และมักพบในเพศหญิง มีความชุกอยู่ระหว่าง 2 - 150 ต่อ
100,000 ประชากร โดยพบครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1868 โดยฌอง-มาร์ติน ชาร์โคต์
- 6. สาเหตุสาคัญของการเกิดโรค
• โรคเอมเอสเป็นโรคที่เกิดร่วมกันระหว่างการอักเสบ (Inflammation) และ
ความเสื่อม (Degeneration) โดยเริ่มจากกระบวนการผิดปกติของระบบ
ภูมิคุ้มกันต้านทานของร่างกาย (Immune system dysregulation) ซึ่ง
โดยปกติร่างกายจะมีกระบวนการจาว่า อะไรคือสิ่งที่เป็นของตนเอง อะไรคือสิ่ง
แปลกปลอม และมีกระบวนการป้องกันตนเอง
• ในโรคนี้เกิดความผิดปกติคือ ระบบภูมิคุ้มกันต้านทานไม่สามารถจดจาและป้องกัน
ตนเองได้ดังนั้นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เกี่ยวข้องจึงหลั่งสารที่ทาให้เกิดการทาลายปลอก
หุ้มเส้นประสาท หรือปลอกประสาท (Myelin sheath) และส่งผลให้เกิดปัญหา
ต่อเส้นประสาทตามมา (Axon/เส้นประสาทที่ต่อมาจากเซลล์ประสาทซึ่งจะนา
คาสั่งจากสมองไปยังส่วนที่เกี่ยวข้อง) ทาให้ระบบประสาทเหล่านี้สูญเสียหน้าที่และ
ตายไป ยังผลให้มีอาการต่างๆในบริเวณที่เส้นประสาทนั้นๆรับผิดชอบ
- 8. ลักษณะอาการสาคัญของโรค
• อาการของโรคเอมเอสแตกต่างกันได้มาก ขึ้นกับระบบประสาทที่ผิดปกติว่าเป็นส่วน
ใดและระบบประสาทส่วนนั้นเกี่ยวข้องกับอวัยวะใด เนื่องจากระบบประสาทเปรียบ
เหมือนศูนย์บัญชาการใหญ่ให้ร่างกายสามารถทางานประสานกันได้ตั้งแต่ระบบ
กล้ามเนื้อ ความรู้สึกต่างๆ การเจ็บปวด ร้อนหนาว ความคิด ความจา การมองเห็น การ
ได้ยิน ดังนั้นเมื่อเกิดโรคเอมเอสจึงเกิดความผิดปกติได้ทุกระบบของร่างกาย
• อาการที่พบได้บ่อยๆได้แก่ ความผิดปกติเกี่ยวกับการมองเห็น การเสียสมดุลในการ
ทรงตัว จึงพบปัญหาในการเดิน มีอาการอ่อนเพลีย เวียนศีรษะ เหนื่อย หมดแรง การ
ควบคุมกระ เพาะปัสสาวะผิดปกติ กล้ามเนื้อเกร็ง มีอาการสั่น มีความผิดปกติในการ
พูด การกลืน มีความผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร (เช่น ท้องผูกท้องเสียเรื้อรัง) และ
ในระบบสืบพันธุ์ (เช่น มีบุตรยาก ความรู้สึกทางเพศลดลง)
- 9. • มีการสูญเสียความทรงจาจึงมีปัญหาด้านการเรียนและการจดจาสิ่งใหม่ๆ มี
ปัญหาด้านความคิด การวางแผนแก้ปัญหาต่างๆ และมีผลต่ออารมณ์ จึงทาให้
มีปัญหาในการทางานและในการประกอบอาชีพ
• บางคนต้องใช้เวลานานในการที่จะแสดงความคิดเห็นหรือการพูด เหมือนกับ
จะนึกออก แต่นึกไม่ออก คล้ายกับที่เรารู้สึกว่าสิ่งที่จะพูดนั้นติดอยู่ที่ริมฝีปาก
• อาการของโรคเอมเอสจะกระจายไปหลายอวัยวะได้พร้อมๆกัน ทาให้เกิด
อาการได้หลายๆ อาการในเวลาเดียวกันเช่น มีทั้งอาการทางดวงตาหรืออาการ
กับอวัยวะอื่นๆด้วยเช่น การพูดและ /หรืออาการทางการปัสสาวะ
• ในเด็ก ในเด็กอายุน้อยๆมักมีอาการเพียงกับอวัยวะเดียวเช่น มีการอักเสบที่
เส้นประสาทตา หรือที่ไขสันหลัง หรือที่ก้านสมอง ที่ใดที่หนึ่ง แต่อาการใน
เด็กวัยรุ่น 80% จะคล้ายกับอาการในผู้ใหญ่คือมักเป็นอาการจากหลายๆ
อวัยวะ
- 12. • เนื่องจากอาการที่มักมีปัญหาในโรคนี้มีหลากหลายอาการ การรักษาจึงเป็นการรักษา
ร่วมกันระหว่างยาและการดาเนินชีวิต (Life style) เช่น หากมีอาการสั่น อาการ
เกร็ง อาการปัสสาวะบ่อย อาการนอนไม่หลับ แพทย์จะให้ยารักษาหรือบรรเทาอาการ
ดังกล่าว
• การดาเนินชีวิตเป็นเรื่องสาคัญ เน้นการออกกาลังกายให้กล้ามเนื้อแข็งแรงอยู่เสมอ เน้น
เรื่องการกินอาหารให้เหมาะสม กินอาหารไขมันลดลง กินอาหารที่มีกากใยและกินผัก
ผลไม้มากขึ้น งดกาแฟ งดแอลกอฮอล์ งดบุหรี่ กินอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีสูง
ด้วยเพื่อจะช่วยเรื่องโรคกระดูกพรุนหรือโรคกระดูกบางด้วย
• การออกกาลังกายช่วยให้ร่างกายมีการใช้กล้ามเนื้อต่างๆดีขึ้น ทาให้กล้ามเนื้อและ
กระดูกแข็งแรง ทาให้นอนหลับดีขึ้น ลดภาวะเครียดซึ่งมีผลดีต่อโรคด้วย
• ดังนั้นการรักษาผู้ป่วยเอมเอสจึงเป็นการรักษาแบบองค์รวมโดยสหสาขาวิชาชีพคือ
แพทย์ ทางอายุรกรรมทั่วไป แพทย์ทางระบบประสาท แพทย์ทางเวชศาสตร์ฟื้นฟู นัก
กายภาพบาบัด นอกจากนี้หากมีปัญหาแพทย์ทางจิตเวชก็มีส่วนร่วมช่วยเหลือผู้ป่วยได้ดี
รวมทั้งพยาบาล นักสังคมสงเคราะห์ เภสัชกร นักโภชนาการ ล้วนมีบทบาทในการ
ช่วยเหลือผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้มาก
- 15. กล่าวขอบคุณ
• ขอขอบคุณ ครูวิชัย ที่ช่วยให้คาปรึกษาในการทางานนี้ให้สาเร็จลุล่วง
งานออกมาดี แม้อาจจะมีข้อผิดพลาดบ้าง ขอบคุณเพื่อนในกลุ่มที่
ช่วยกันทางานนี้ออกมาให้สาเร็จลุล่วงได้