More Related Content
Similar to Economy ppt-05
Similar to Economy ppt-05 (20)
Economy ppt-05
- 2. รายได้ประชาชาติ (National Income)
เป้าหมายหนึ่งที่สาคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจ คือ การ
เจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เพราะเป็นสิ่งที่บอกถึงศักยภาพใน การ
ผลิตหรือการสร้างรายได้ของประเทศในรอบเวลาหนึ่ง ซึ่งโดยปกติ
วัดในรอบ 1 ปี
การวัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศ มีตวชี้วัดหลักคือ
ั
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (gross domestic product: GDP)
การวัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ตัวชีวัดหลักคือ
้
ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (gross national product: GNP)
การคานวณหาตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ทาได้ 3 ทาง
คือ ด้านผลผลิต ด้านรายได้ และด้านรายจ่าย
2
- 3. หลักการพื้นฐานของการวัดรายได้ประชาชาติ
มาจากกระแสการหมุนเวียนของการใช้จ่ายและผลผลิต คือในรอบ 1
ปี มูลค่าผลผลิตที่ประเทศผลิตได้จากการผลิตในสาขาต่างๆ เช่น
เกษตรกรรม อุตสาหกรรม ท่องเที่ยว การศึกษา ฯลฯ เมื่อรวมกัน
ย่อมเท่ากับมูลค่าของรายจ่ายในการซื้อสินค้าและบริการที่เกิดขึ้นใน
รอบระยะเวลานั้นของภาคเศรษฐกิจต่างๆ คือ ภาคครัวเรือน ภาค
ธุรกิจ ภาครัฐบาล และภาคต่างประเทศ ขณะเดียวกันรายได้ที่เกิดขึน
้
จากการผลิต ก็จะมีการกระจายออกไปให้กับเจ้าของปัจจัยการผลิตที่
มีส่วนร่วมในกระบวนการผลิต ในรูปค่าจ้าง ค่าเช่า ดอกเบี้ย และกาไร
3
- 4. กระแสการหมุนเวียนของการใช้จ่ายและผลผลิต
รายจ่ายในการซื้อสินค้าและบริการ (National Expenditure)
ตลาดผลผลิต
สินค้าและบริการ (National Product)
ภาคธุรกิจ ภาคครัวเรือน
ที่ดิน แรงงาน ทุน และผู้ประกอบการ
ตลาดปัจจัยการผลิต
ค่าเช่า ค่าจ้าง ดอกเบี้ย และกาไร (National Income) 4
- 7. รายได้เฉลี่ยต่อคน (Income per capita)
ใช้เปรียบเทียบรายได้ต่อของแต่ละประเทศ เนื่องจากแต่ละ
ประเทศมีจานวนประชากรไม่เท่ากัน
ใช้เพื่อแสดงความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ
GDP ต่อคน = GDP จานวนประชากร
GNP ต่อคน = GNP จานวนประชากร
ในการนาตัวเลขรายได้ประชาชาติมาเปรียบเทียบปีต่อปี ต้องปรับ
รายได้ของทุกปีตามภาวะเงินเฟ้อของระบบเศรษฐกิจออกก่อน เรียก
รายได้ประชาชาติที่ปรับค่าของเงินเฟ้อออกแล้วว่า รายได้ประชาชาติ
ที่แท้จริง
7
- 8. ความสาคัญและประโยชน์ของรายได้ประชาชาติ
ทาให้ทราบถึงความสามารถในการผลิตของแต่ละสาขาการผลิต
ทาให้ทราบถึงโครงสร้างการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจ
ภาครัฐบาล และภาคต่างประเทศ
ทาให้ทราบถึงระบบโครงสร้างรายได้จากการเป็นเจ้าของปัจจัย
การผลิต ต่างๆ เช่น แรงงาน ที่ดิน ทุน และผู้ประกอบการ
ใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
เช่น การกาหนดเป้าหมายการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การค้า
ต่างประเทศ
ใช้เปรียบเทียบฐานะทางเศรษฐกิจในระยะเวลาเดียวกันของ
ประเทศต่างๆ และระยะเวลาต่างกันของประเทศเดียวกัน
8
- 9. ปัญหาเศรษฐกิจ: เงินเฟ้อ เงินฝืด
เงินเฟ้อ (inflation)
ความหมายของเงินเฟ้อ
ภาวะทีระดับราคาสินค้าทัวไป
่ ่
ความหมาย
สูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
ระดับของการเกิดเงินเฟ้อ
ภาวะเงินเฟ้ออย่างอ่อน โดยทั่วไปไม่ควรเกินร้อยละ ๕ ต่อปี
ภาวะเงินเฟ้อปานกลาง ประมาณร้อยละ ๕-๑๐ เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ
ภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรง อัตราเงินเฟ้อสูงมาก เช่น มากกว่าร้อยละ ๒๐
ซึ่งจะเกิดผลเสียที่รุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจ
- 10. ? เวลาดูว่าเกิดเงินเฟ้อขึ้นกี่เปอร์เซนต์ จะดูจากตัวชี้วัดใด
การวัดอัตราเงินเฟ้อวัดจาก ดัชนีราคา (price index) เช่น
o ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI)
o ดัชนีราคาขายส่ง (Wholesale Price Index: WPI)
Pt ( Pt 1)
ดัชนีราคา 100
Pt 1
ดัชนีราคาวัดจาก ราคาในปีนี้ ลบด้วย ราคาในปีที่แล้ว เทียบกับราคา
ในปีที่แล้ว คูณ 100 เพื่อหาเป็น % การเปลี่ยนแปลงของราคา
10
- 13. สาเหตุของการเกิดเงินเฟ้อ
สาเหตุทางด้านอุปสงค์ เกิดจากการที่อุปสงค์หรือความต้องการซื้อสินค้า
และบริการโดยรวมเพิ่มสูงขึ้น เกินกว่าที่อุปทานหรือการผลิตสินค้าและ
บริการจะตอบสนองได้ทัน ทาให้ราคาสินค้าและบริการโดยรวมเพิ่มสูงขึ้น
ทาไมคนในประเทศจึงมีอุปสงค์ต่อสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึน ?
้
ประเทศมีดุลการชาระเงินเกินดุล (เช่น เกิดจากส่งออกได้มาก การที่
ต่างประเทศเข้ามาลงทุน ทาให้มีเงินตราจากต่างประเทศเข้ามามาก)
ประชาชนได้เงินมาได้ง่าย เช่น จากการขายทรัพย์สิน การเก็งกาไร
สาเหตุทางด้านอุปทาน เกิดจากการที่ผผลิตมีต้นทุนการผลิตสูงขึ้น มี
ู้
สินค้าและบริการในตลาดจาหน่ายน้อยลง ทาให้ราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้น
ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นมาจากอะไรได้บ้าง?
ค่าจ้างแรงงานเพิ่มสูงขึ้น
ผูผลิต/ผู้ขาย บวกเพิ่มกาไรในราคาขายมากขึ้น
้
ต้นทุนด้านอื่นๆ สูงขึ้น
เงินเฟ้ออาจเกิดขึ้นได้ทั้งจากอุปสงค์และอุปทานร่วมกัน เช่น เกิดเงินเฟ้อทางด้าน
อุปสงค์ขึ้นก่อน แล้วทาให้แรงงานมีค่าครองชีพที่สูงขึ้น จึงเรียกร้องขอค่าจ้าง
แรงงานเพิ่มขึ้น ทาให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นอีก ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นอีก
ทาให้เงินเฟ้อมีอัตราสูงขึ้น จนอาจจะกลายเป็นภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรง 13
- 14. ผลกระทบของการเกิดเงินเฟ้อ
คนอยากถือเงิน
◦ ผลที่มต่อความต้องการถือเงิน
ี หรือไม่ ทาไม ?
◦ ผลต่อการกระจายรายได้
◦ ผลกระทบต่อรัฐบาล
ใครบ้างที่ได้เปรียบจากการ
เกิดเงินเฟ้อ
ใครบ้างที่เสียเปรียบจากการ
กระทบรายรับ เกิดเงินเฟ้อ
รัฐบาลอย่างไร
กระทบรายจ่าย
รัฐบาลอย่างไร
14
- 15. ผลกระทบของการเกิดเงินเฟ้อ
ผลต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
ภาวะเงินเฟ้อที่มีระดับสูง อาจเกิดความปันป่วนทางเศรษฐกิจ
่
ผลทางด้านสังคม เมื่อเกิดเงินเฟ้อทาให้ประชาชนมีค่าครอง
ชีพสูงขึ้น เกิดความเดือดร้อน อาจเกิดกระแสการต่อต้านรัฐบาล
มีการนัดหยุดงาน และอาจทาให้เกิดปัญหาอาชญากรรมตามมา
ผลต่อดุลการค้าของประเทศ
ราคาสินค้าในประเทศเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับสินค้าจากต่างประเทศ อาจ
ทาให้มูลค่าการนาเข้าสินค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ในขณะที่มูลค่าการ
ส่งออกของประเทศลดลง ประเทศมีแนวโน้มที่จะขาดดุลการค้า
15
- 16. แนวทางแก้ไขภาวะเงินเฟ้อ
oเงินเฟ้อทางด้านอุปสงค์ แก้ไขโดย
o ใช้นโยบายการคลัง รัฐบาลลดค่าใช้จ่ายลงหรือเก็บภาษีอากรเพิ่มขึ้น
o ใช้นโยบายการเงิน โดยลดปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจลง เพื่อให้
การใช้จ่ายในการบริโภคและการลงทุนลดลง
oเงินเฟ้อทางด้านอุปทาน แก้ไขตามสาเหตุที่เกิดเงินเฟ้อ
o หากเกิดจากวิกฤติการณ์ทางพลังงาน รัฐบาลต้องใช้นโยบายประหยัด
และใช้ทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพ
o หากเกิดจากการกักตุนสินค้า รัฐบาลต้องใช้นโยบายห้ามกักตุนสินค้า
และนโยบายควบคุมราคาสินค้าโดยตรง
16
- 18. ผลกระทบของเงินฝืด
ผลกระทบของภาวะเงินฝืดต่อระบบเศรษฐกิจ โดยทั่วไปเป็นไปใน
ทางตรงข้ามกับภาวะเงินเฟ้อ
เงินฝืดมีผลให้เงินมีอานาจซื้อมากขึ้น แต่เกิดขึ้นในช่วงภาวะเศรษฐกิจ
ถดถอย
ผู้ได้ประโยชน์จากภาวะเงินฝืด ได้แก่ เจ้าหนี้ และผู้ที่มีรายได้ประจา
ผู้เสียประโยชน์จากภาวะเงินฝืด คือ ผู้มีรายได้ไม่แน่นอน เช่น ผู้ที่มี
รายได้จากกาไรและลูกหนี้
การแก้ไขภาวะเงินฝืด
รัฐบาลใช้นโยบายการคลัง โดยเพิ่มการใช้จ่ายของรัฐบาลมากขึ้น หรือลดการ
จัดเก็บภาษีลง ซึ่งจะทาให้อุปสงค์รวมเพิ่มสูงขึ้น เศรษฐกิจก็จะขยายตัว
การใช้นโยบายการเงิน โดยธนาคารกลางเพิ่มปริมาณเงินเข้าไปในระบบ
เศรษฐกิจ เพื่อให้การใช้จ่ายและการลงทุนของเอกชนเพิ่มสูงขึ้น ทาให้
รายได้และเศรษฐกิจขยายตัว
18
- 19. นโยบายการเงิน และนโยบายการคลัง
นโยบายการเงิน (Monetary policy) หมายถึงความพยายามโดยจงใจ
ของธนาคารกลาง ในการที่จะควบคุมสถานการณ์ทางด้านปริมาณเงินและ
สินเชื่อ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจบางประการ
เป้าหมายสาคัญของนโยบายการเงิน คือ การรักษาเสถียรภาพของระดับ
ราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไป ซึ่งเกิดขึ้นได้เมื่อ ปริมาณเงินในระบบ
เศรษฐกิจขยายตัวในอัตราที่ใกล้เคียงกับความต้องการใช้เงินของระบบ
เศรษฐกิจ
รัฐบาลใช้นโยบายการเงินเพื่อควบคุมปริมาณเงินและเครดิตเพื่อให้บรรลุ
เป้าหมายเศรษฐกิจหรือแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยมีธนาคารกลาง หรือ
ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นผู้มีอานาจในการดาเนินนโยบายการเงินของ
รัฐบาล ผ่านการใช้มาตรการทางการเงินเพื่อควบคุมปริมาณเงินและเครดิต
มาตรการทางการเงิน โดยทัวไปมี 3 มาตรการหลัก ได้แก่ การควบคุม
่
ทางด้านปริมาณหรือการควบคุมทั่วไป การควบคุมทางด้านคุณภาพหรือการ
ควบคุมเฉพาะทาง และการควบคุมโดยตรง
19
- 20. นโยบายการเงิน และนโยบายการคลัง
นโยบายการคลัง (Fiscal policy) หมายถึง นโยบายที่เกี่ยวข้องกับ
รายรับและรายจ่ายของรัฐบาล รวมไปถึงการกู้ยืมหรือการก่อหนี้สาธารณะ
รัฐบาลใช้นโยบายการคลังเป็นเครื่องมือสาคัญในการบรรลุเป้าหมายของการ
พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมตามที่คาดหวังไว้ อย่างไรก็ตามเป้าหมายทั่วไป
ของนโยบายการคลังก็คือเพือรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งในการนี้รัฐ
่
สามารถดาเนินการโดยใช้มาตรการทางการคลัง
มาตรการทางการคลัง หมายถึง มาตรการที่เกี่ยวเนื่องทางด้านรายรับและ
รายจ่ายของรัฐบาล เช่น การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภาษีหรืออัตราภาษี
ประเภทต่างๆ การใช้จ่ายของรัฐบาล
นโยบายด้านรายได้ หรือนโยบายภาษีอากร
นโยบายด้านรายจ่ายหรือนโยบายงบประมาณ
นโยบายหนี้สาธารณะ
20
- 22. เศรษฐกิจระหว่างประเทศ
โลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ
โลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ (Economic Globalization) หมายถึง การ
เพิ่มขึ้นของกระบวนการเชื่อมโยงกันทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ที่
นาไปสู่การเกิดขึ้นของการตลาดระดับโลกหรือมีความเป็นตลาดโลก
เดียวกัน
โลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ เป็นขบวนการของปรากฏการณ์ที่เกิดมาจาก
พลังที่ไม่ใช่รัฐและไม่มีองค์กร แต่สามารถสร้างแรงกดดันที่รัฐรับรู้ได้
พลังของโลกาภิวตน์ ค่อนข้างเกิดขึ้นเป็นตัวตนด้วยตัวเอง ไม่มีระเบียบ
ั
และไร้เป้าประสงค์ แต่ผลที่ตามมามีพลังต่อพฤติกรรมปัจเจกชน และ
ต่อการเปลี่ยนแปลงการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ
22
- 23. โลภาภิวตน์ทางเศรษฐกิจ จะเชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจของชาติเข้าสู่ระบบ
ั
เศรษฐกิจระหว่างประเทศ โดยผ่านการค้า การลงทุนโดยตรง การย้ายถิน ่
และการแพร่ขยายของเทคโนโลยี
การวัดโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ จึงพิจารณาได้จากกระแสทางเศรษฐกิจ
ที่สาคัญ 4 ด้าน ที่ระบุถึงความเป็นโลกาภิวตน์
ั
1. ด้านสินค้าและบริการ คือ การส่งออกสุทธิ (การส่งออกหักการ
นาเข้า) มีคาเป็นสัดส่วนเท่าใดในรายได้ประชาชาติรวมหรือต่อหัว
่
2. ด้านแรงงาน/ประชากร คือ อัตราการย้ายถินสุทธิต่อจานวนประชากร
่
3. ด้านการลงทุน คือ การลงทุนทางตรงเข้าหรือออก คิดเป็นสัดส่วน
เท่าใดในรายได้ประชาชาติรวมหรือต่อหัว
4. ด้านเทคโนโลยี คือ กระแสการวิจัยและพัฒนาระหว่างประเทศ วัด
จากจานวนประชากรที่ใช้นวัตกรรมใหม่ๆ ต่อจานวนประชากรทั้งหมด
23
- 24. การค้าระหว่างประเทศ
การค้าระหว่างประเทศมีประโยชน์อย่างไร ?
ประโยชน์ของการค้าระหว่างประเทศ
ทาให้ประเทศสามารถใช้ปัจจัยการผลิตที่ประเทศมีอยู่ให้เป็นประโยชน์
ได้อย่างเต็มที่
ช่วยทาให้ประเทศสามารถนาเข้าสินค้าต่างๆ ที่ต้องการ
ช่วยส่งเสริมการออมและการลงทุนภายในประเทศ
ช่วยทาให้มีการแข่งขันกันประกอบการเพิ่มขึ้น
ช่วยทาให้เกิดช่องทางการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ
ช่วยบรรเทาปัญหาด้านการคลังของรัฐบาล
เป็นแหล่งเงินตราต่างประเทศ
24
- 26. นโยบายการค้าคุ้มกัน
หมายถึง การกาหนดข้อจากัด เพื่อมิให้สินค้าจากต่างประเทศเข้ามาขาย
แข่งขันกับสินค้าที่ผลิตได้ภายในประเทศ ขณะเดียวกันก็วางมาตรการ
สนับสนุนการส่งสินค้าออกไปขายต่างประเทศ
ประเทศที่ใช้นโยบายการค้าคุ้มกันมักจะดาเนินมาตรการดังต่อไปนี้
พยายามผลิตสินค้าหลายชนิดเพื่อให้ประเทศพึ่งตนเองได้เป็นส่วน
ใหญ่ ทาให้ความจาเป็นในการนาเข้าลดลง
คุ้มครองสินค้าภายในประเทศ โดยตั้งกาแพงภาษีขาเข้าในอัตราสูง
ทาให้ราคาสินค้าเข้าสูงภายในประเทศ จึงมีโอกาสขายแข่งขันกับ
สินค้าชนิดเดียวกันที่ผลิตในประเทศน้อยลง
กาหนดข้อจากัดทางการค้าต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าระหว่าง
ประเทศโดยเสรี
นโยบายการคุ้มกันมีผลดีและผลเสียอย่างไร ?
26
- 27. การลงทุนระหว่างประเทศ
คือ การทีผู้ประกอบการของประเทศหนึ่งนาเงินทุน สินทรัพย์ และเทคโนโลยี
่
ไปลงทุนในอีกประเทศหนึ่ง โดยผู้ถือหุ้นสามารถเข้าไปควบคุมการดาเนิน
กิจการได้ตามสัดส่วนการถือหุน โดยทั่วไป การถือหุ้นสามัญหรือหรือหุ้นที่มี
้
สิทธิออกเสียงประมาณ 10-25 % มีสิทธิเข้าบังคับควบคุมธุรกิจระหว่าง
ประเทศได้
ประเภทของการลงทุนระหว่างประเทศ 2 ประเภทหลัก
การลงทุนทางตรง คือ การลงทุนโดยตรงของเอกชนที่เจ้าของเงินทุนเป็น
ผูดาเนินกิจการ ผลตอบแทน เรียกว่า............กาไร
้
การลงทุนทางอ้อม คือ การลงทุนที่ผู้เป็นเจ้าของทุนไม่ได้ดาเนินการเอง
โดยตรง เช่น การนาเงินทุนไปซื้อหลักทรัพย์ของรัฐบาลและเอกชน
ต่างประเทศ ผลตอบแทน เรียกว่า..........ดอกเบี้ย เงินปันผล
27
- 28. บริษัทหรือสินค้าต่อไปนี้ เป็นของประเทศอะไรนะ ?
ให้ใส่คาตอบเป็นหมายเลขลงในช่องประเทศ
ตัวเลือก (มีคาตอบซ้าได้)
บริษัท/สินค้า ประเทศ
1. สหรัฐอเมริกา
1. ซัมซุง 2. ญี่ปุ่น
2. โนเกีย 3. อังกฤษ
4. เยอรมัน
3. บาจา 5. อิตาลี
4. เนสเลย์ 6. สวิตเซอร์แลนด์
7. เดนมาร์ก
5. ไซโจเดนกิ 8. เกาหลี
6. ยูโอบี (ธนาคาร) 9. ไทย
10. อินเดีย
7. ปาเต๊ะ ฟิลลิป
11. สาธารณรัฐเช็ก
8. แคนนอน (กล้องถ่ายรูป) 12. ฟินแลนด์
9. Hewlett Packard 13. โปแลนด์
14. สิงคโปร์
10. Etude House (เครื่องสาอาง) 28
- 29. การกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ
ทาไมต้องกีดกันกันทางการค้าระหว่างประเทศ
มีการแข่งขันทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสูงมาก
แต่ละประเทศพยายามหาแนวทางปกป้องและคุ้มครองการผลิตใน
ประเทศ และประโยชน์ของชาติโดยใช้วิธการกีดกันทางการค้าใน
ี
รูปแบบต่างๆ
การกีดกันทางการค้า ทาให้เกิดการขัดแย้งและเกิดกรณีพพาททางการค้าขึ้น
ิ
วิธีการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ ทาอะไรได้บ้าง?
มาตรการทางด้านภาษี
มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี
29
- 30. ตัวอย่างมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี
มาตรการด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องชีวิตและ
สุขภาพมนุษย์ สัตว์ และพืช สร้างความมั่นใจต่อความปลอดภัยด้านอาหาร
ตัวอย่าง
o กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ตรวจสินค้ากุ้งและไก่จากประเทศไทยอย่างเข้มงวดเพื่อ
ตรวจสอบสารไนโตรฟูแรนส์ และสารคลอแรมฟินิคอลตกค้าง
o ไทยมีมาตรการห้ามนาเข้าเนื้อวัวและเนื้อหมูที่มีโรคอันเป็นอันตราย
มาตรการด้านสิ่งแวดล้อม เป็นการพิจารณาถึงผลกระทบของการผลิต วัสดุที่ใช้
ผลิต ตลอดจนกระบวนการผลิต และผลิตภัณฑ์เหลือใช้ ที่มีผลต่อสภาพแวดล้อม
รวมถึงการพิจารณาในเรื่องของการอนุรักษ์
ตัวอย่าง ไทยเคยมีปัญหาส่งกุ้งทะเลไปยังอเมริกา เพราะมีข้อกาหนดให้ประเทศผู้
ส่งออกต้องมีมาตรการอนุรักษ์เต่าทะเล เพื่อที่จะได้รับอนุญาตให้ส่งออกกุ้งทะเลได้
จึงต้องใช้อวนลากที่มีเครื่องมือแยกเต่าทะเลออกไป
มาตรการทางเทคนิค เป็นการกาหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นเงื่อนไขทาง
เทคนิค เพื่อให้สินค้าที่นาเข้ามีความปลอดภัยแก่การบริโภค
ตัวอย่าง
o การติดฉลากอาหารทุกชนิดตามความต้องการของประเทศที่จะส่งออก
o การตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ทางเทคนิคเพื่อป้องกันอันตรายจากการใช้งาน
o สินค้าไทยที่เคยถูกมาตรการนี้ เช่น ในผลิตภัณฑ์สิ่งทอ
o หลายประเทศระบุถึงข้อห้ามในการใช้เคมี สี และสารตกค้าง ทาให้ผู้ผลิตต้องเพิ่ม
ต้นทุนการผลิตเพื่อให้ผลิตได้ตรงตามเงื่อนไข
30
- 31. การรวมกลุ่มระหว่างประเทศ
การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ หมายถึง การที่รัฐบาลของ ๒ ประเทศขึ้นไป
ตกลงนาเศรษฐกิจของตนมาเชือมกันเพื่อเสริมสร้างและรักษาประโยชน์
่
ทางเศรษฐกิจ โดยยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรและมาตรการอื่นๆ ที่เป็น
อุปสรรคทางการค้าให้กัน รวมทั้งอาจใช้นโยบายต่าง ๆ ร่วมกัน การ
รวมกลุ่มทางเศรษฐกิจอาจจาแนกได้หลายรูปแบบขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์
หรือเป้าหมายของการรวมกลุ่ม และเป็นไปตามระดับความเข้มข้นของ
ความร่วมมือในกลุ่มได้แก่ เขตการค้าเสรี สหภาพศุลกากร ตลาดร่วม
สหภาพเศรษฐกิจ และการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจแบบสมบูรณ์
31
- 32. ข้อดีของการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ
ส่งเสริมให้มีการค้าเพิ่มขึ้น จากการมีตลาดที่กว้างขึ้น การค้าภายในกลุ่มขยายตัว
เพิ่มขึ้น สามารถขยายการผลิตจนเกิดการประหยัดจากการผลิตขนาดใหญ่ ซึ่งกระตุ้น
ให้เกิดการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น ทาให้การใช้ทรัพยากรโดยรวมมี
ประสิทธิภาพสูงขึ้น และทาให้สมาชิกในกลุ่มมีสวัสดิการทางเศรษฐกิจและสังคมที่ดี
ขึ้น การไม่รวมกลุ่มอาจเสียโอกาสทางเศรษฐกิจจากการได้พึ่งพากันและการมี
อานาจต่อรองที่เพิ่มขึ้น
ข้อเสียของการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ
อาจมีการกีดการค้ากับประเทศนอกกลุ่ม
การค้าขายเฉพาะในกลุ่มที่คล้ายคลึงกันในด้านการมีทรัพยากรการผลิต อาจทาให้
การค้าโลกไม่เกิดประโยชน์เต็มที่ ประสิทธิภาพการผลิตของโลกจะลดน้อยลง
สมาชิกในกลุ่มต้องดาเนินนโยบายทางเศรษฐกิจบางด้านร่วมกัน ภายใต้กรอบ
ความร่วมมือหรือข้อตกลงร่วม หากกลุ่มขาดเอกภาพในการดาเนินงาน การ
รวมกลุ่มอาจไม่ได้ผลดีตามที่คาดหวัง
การเปิดเสรีทางเศรษฐกิจเสมือนการค้าที่ไร้พรมแดน หากไม่มีการควบคุมที่
เหมาะสม อาจเกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เช่น การเล็ดลอดของสินค้าที่ไม่ได้
มาตรฐาน สิ่งผิดกฎหมาย 32