More Related Content
Similar to โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ดาวฤกษ์
Similar to โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ดาวฤกษ์ (20)
โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ดาวฤกษ์
- 10. ตลอดอายุขัยส่วนใหญ่ของดาวฤกษ์ มันจะเปล่งแสงได้เนื่องจากปฏิกิริยา
เทอร์โมนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่แกนของดาว ซึ่งจะปลดปล่อยพลังงานจากภายใน
ของดาว จากนั้นจึงแผ่รังสีออกไปสู่อวกาศ ธาตุเคมีเกือบทั้งหมดซึ่งเกิดขึ้น
โดยธรรมชาติและหนักกว่าฮีเลียมมีกาเนิดมาจากดาวฤกษ์ทั้งสิ้น โดยอาจเกิด
จากการสังเคราะห์นิวเคลียสของดาวฤกษ์ระหว่างที่ดาวยังมีชีวตอยู่ หรือเกิด
ิ
จากการสังเคราะห์นิวเคลียสของซูเปอร์โนวาหลังจากที่ดาวฤกษ์เกิดการ
ระเบิดหลังสิ้นอายุขัย นักดาราศาสตร์สามารถระบุขนาดของมวล อายุ
ส่วนประกอบทางเคมี และคุณสมบัติของดาวฤกษ์อีกหลายประการได้จาก
การสังเกตสเปกตรัม ความสว่าง และการเคลื่อนที่ในอวกาศ
- 12. ระบบการจัดประเภทดาวฤกษ์อย่างที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้เริ่มต้นมา
แต่ช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยแบ่งดาวฤกษ์ออกเป็นประเภท
ต่างๆ ตั้งแต่ A จนถึง Q ตามความเข้มของเส้นสเปกตรัม
ไฮโดรเจน[123] ในเวลานั้นยังไม่ทราบกันว่า อิทธิพลสาคัญของ
ความเข้มของเส้นสเปกตรัมคือ อุณหภูมิ เส้นสเปกตรัมไฮโดรเจน
จะเข้มมากที่สุดที่อุณหภูมิประมาณ 9000 เคลวิน และอ่อนลงทั้ง
กรณีที่อุณหภูมิสูงหรือต่ากว่านั้น ครั้นเมื่อเปลี่ยนวิธีการจัดประเภท
ดาวฤกษ์มาเป็นการอิงตามระดับอุณหภูมิ จึงได้มีลักษณะคล้ายคลึง
กับรูปแบบการจัดประเภทในสมัยใหม่
- 13. มีการใช้รหัสตัวอักษรเดี่ยวที่แตกต่างกันเพื่อแสดงถึงประเภทของดาวฤกษ์แบบต่างๆ
ที่แยกแยะตามสเปกตรัม ตั้งแต่ประเภท O อันเป็นดาวฤกษ์ที่ร้อนมาก ไป
จนถึง M อันเป็นดาวฤกษ์ที่เย็นจนโมเลกุลอาจก่อตัวในชั้นบรรยากาศ ประเภทของ
ดาวฤกษ์เรียงตามลาดับอุณหภูมิพื้นผิวจากสูงไปต่า ได้แก่ O, B, A, F G,
,
K และ M สาหรับประเภทสเปกตรัมบางอย่างที่พบได้ค่อนข้างน้อย จะจัดเป็น
ประเภทพิเศษ ที่พบมากที่สุดในจานวนนี้คือประเภท Lและ T ซึ่งเป็นดาวฤกษ์มวล
น้อยที่เย็นที่สุด กับดาวแคระน้าตาล ตัวอักษรแต่ละตัวจะมีประเภทย่อยอีก 10
ประเภท แสดงด้วยตัวเลขตั้งแต่ 0 ถึง 9 เรียงตามลาดับอุณหภูมิจากสูงไปต่า
อย่างไรก็ดี ระบบการจัดประเภทแบบนี้จะใช้ไม่ได้เมื่ออุณหภูมิมีค่าสูงมากๆ กล่าวคือ
ดาวฤกษ์ประเภท O0 และ O1 จะไม่มีอยู่จริง
- 15. เป็นดาวฤกษ์มวลน้อยหรือมวลปานกลางขนาดยักษ์ที่ส่องสว่างมาก
(มวลโดยประมาณ 0.5-10 เท่าของมวลดวงอาทิตย์) ซึ่งอยู่ใน
ช่วงเวลาท้ายๆ ของวิวัฒนาการของดาวฤกษ์บรรยากาศรอบนอก
ของดาวจะลอยตัวและบางมาก ทาให้รัศมีของดาวขยายใหญ่ขึ้น
มาก และอุณหภูมพื้นผิวก็ต่า อาจอยู่ที่ประมาณ 5000 เคลวินหรื
ิ
อน้อยกว่านั้น ภาพปรากฏของดาวยักษ์แดงจะมีสีตั้งแต่เหลืองส้ม
ออกไปจนถึงแดง ครอบคลุมระดับสเปกตรัมในชั้น K และ M
อาจบางทีรวมถึงชั้น S และดาวคาร์บอนจานวนมากด้วย
- 21. เมื่อแรกที่ดาวฤกษ์ก่อตัวขึ้น มันประกอบด้วยไฮโดรเจน
71% และ
ฮีเลียม 27% โดยมวล[80] กับสัดส่วนของธาตุหนักอีกเล็กน้อย
โดยทั่วไปเราวัดปริมาณของธาตุหนักในรูปขององค์ประกอบ
เหล็กในชั้นบรรยากาศของดาวฤกษ์ เนื่องจากเหล็กเป็นธาตุ
พื้นฐาน และการตรวจวัดเส้นการดูดซับของมันก็ทาได้ง่าย ในเมฆ
โมเลกุลอันเป็นต้นกาเนิดของดาวฤกษ์จะอุดมไปด้วยธาตุหนัก
มากมายที่ได้มาจากซูเปอร์โนวาหรือการระเบิดของดาวฤกษ์รุ่นแรก
ดังนั้นการตรวจวัดองค์ประกอบทางเคมีของดาวฤกษ์จึงสามารถใช้
ประเมินอายุของมันได้
- 22. ดาวฤกษ์ส่วนใหญ่มีอายุอยู่ระหว่าง
1 พันล้านถึง 1 หมื่นล้านปี มีบ้างบางดวงที่
อาจมีอายุถึง 13,700 ล้านปีซึ่งเป็นอายุโดยประมาณของเอกภพดาวฤกษ์ที่
เก่าแก่ที่สุดเท่าที่ค้นพบขณะนี้คือ HE 1523-0901 ซึ่งมีอายุ
โดยประมาณ 13,200 ล้านปียิ่งดาวฤกษ์มีมวลมากเท่าใด ก็จะยิ่งมีอายุสั้น
เท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากดาวฤกษ์ที่มีมวลมากจะมีแรงดันภายในแกนกลางที่สูงกว่า
ทาให้การเผาผลาญไฮโดรเจนเป็นไปในอัตราที่สูงกว่า ดาวฤกษ์มวลมากที่สุดมี
อายุเฉลี่ยเท่าที่พบราว 1 ล้านปี ส่วนดาวฤกษ์ที่มีมวลน้อยที่สุด เผาผลาญ
พลังงานภายในตัวเองในอัตราที่ต่ามาก และมีอายุอยู่ยาวนานตั้งแต่หลักพันล้าน
จนถึงหมื่นล้านปี
- 24. ดาวฤกษ์ต่างๆ
อยู่ห่างจากโลกมาก ดังนั้นนอกจากดวงอาทิตย์แล้ว เราจึง
มองเห็นดาวฤกษ์ต่างๆ เป็นเพียงจุดแสงเล็กๆ ในเวลากลางคืน ส่องแสง
กะพริบวิบวับเนื่องมาจากผลจากชั้นบรรยากาศของโลก ดวงอาทิตย์ก็เป็น
ดาวฤกษ์ดวงหนึ่ง แต่อยู่ใกล้กับโลกมากพอจะปรากฏเห็นเป็นรูปวงกลม และ
ให้แสงสว่างในเวลากลางวัน นอกเหนือจากดวงอาทิตย์แล้ว ดาวฤกษ์ที่มี
ขนาดปรากฏใหญ่ที่สุดคือ R Doradus ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางเชิงมุม
เพียง 0.057 พิลิปดา