Attitude
- 5. องค์ประกอบด้านปัญญา (Cognitive Component)
หมายถึง ความรู้ ความเข้าใจ การรับรู้ของบุคคล ความคิดเห็น และ
ความเชื่อของบุคคลจะแสดงออกมาจากความประทับใจในการชอบ
หรือไม่ชอบ ซึ่งบุคคลเหล่านั้นรู้สึกต่อสิ่งของ หรือบุคคลใดบุคคล
หนึ่ง เช่น ฉันมีความรู้เรื่องการส่งเสริมสุขภาพ
Component of Attitude
- 6. องค์ประกอบด้านอารมณ์ (Affective Component)
หมายถึง ส่วนประกอบของทัศนคติที่สะท้อนถึงความรู้สึกหรือ
อารมณ์ของบุคคลที่มีต่อเรื่องใดเรื่องใด ความสามารถในการ
แสดงออกด้วยความรู้สึก เช่น ฉันไม่พอใจหัวหน้างาน ฉันชอบอ่าน
หนังสือเล่มนั้น ฉันไม่ชอบเล่นกีฬา
Component of Attitude
- 12. หลักเกณฑ์การสร้างแบบ Osgood
1. เขียนด้วยคาคุณศัพท์ ที่มีความหมายตรงกันข้าม ให้ครอบคลุมสิ่งที่จะวัด
ทุกด้าน เช่น วัดเจตคติของผู้บริโภคที่มีต่อบะหมี่สาเร็จรูป ควรวัด
เกี่ยวกับด้านรสชาติ หีบห่อ ราคา ฯลฯ
2. ควรเลือกหาคาคุณศัพท์ให้ครบทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการประเมินผล
ด้านศักยภาพ และด้านกิจกรรม
3. ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบการใช้ภาษา และความเป็นไปได้ของเครื่องมือ
วิเคราะห์คุณภาพ และความน่าเชื่อถือของเครื่องมือ
- 14. 1. องค์ประกอบด้านการประเมิน (Evaluative factor)
➢แสดงออกทางด้านคุณค่า เหมาะที่จะใช้วัดเจตคติมากที่สุด
คาตรงข้ามที่นิยมใช้ในการวัดองค์ประกอบนี้ เช่น
ดี - เลว สวย - น่าเกลียด
สุข - ทุกข์ บวก - ลบ
ยุติธรรม - อยุติธรรม หวาน - เปรี้ยว
ฉลาด - โง่ มีค่า - ไร้ค่า
สาเร็จ – ล้มเหลว ใจดี - ใจร้าย
- 15. 2. องค์ประกอบด้านพลังอานาจ/ด้านศักยภาพ (Potency factor)
➢แสดงออกถึงพลังอานาจ คาตรงข้ามที่ใช้ประกอบด้านนี้ เช่น
แข็งแรง - อ่อนแอ แข็ง - นุ่ม
หนัก - เบา หนา - บาง
หยาบ - ละเอียด ฮึกเหิม - เหยาะแหยะ
กล้า - กลัว ใจแข็ง - ใจอ่อน
อ่อนโยน - เข้มแข็ง มีอิทธิพล - ไร้อิทธิพล
ใหญ่ - เล็ก ลึก - ตื้น
- 16. 3. องค์ประกอบด้านกิจกรรม (Activity factor)
➢แสดงออกถึงกิริยาอาการคาตรงข้ามของด้านนี้ เช่น
เร็ว - ช้า คล่องแคล่ว - เฉื่อยชา
ร้อน - เย็น อึกทึก - เงียบ
คม - ทู่ ว่องไว - อืดอาด
ตื่นเต้น - ใจเย็น ขยัน - ขี้เกียจ
- 17. ขั้นตอนการสร้างแนวคิดของออสกูด (Osgood’ s Method)
1. ศึกษาคาตรงข้ามที่เกี่ยวข้องกับมโนภาพ (เป้าเจตคติ) เช่น มโนภาพเป็น “ อาชีพครู ” ก็
จะต้องศึกษาค้นคว้าหรือสารวจ เพื่อให้ได้คาที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับเป้าหมายที่สุด วิธี
หาคาเหล่านี้อาจทาได้ 2 วิธี คือ
• ก.นั่งวิเคราะห์เองจนได้ความหมายที่ตรงกันข้ามเกี่ยวกับมโนภาพมากที่สุด แต่วิธีนี้มันคิดได้
น้อยคา เพราะคิดคนเดียว
• ข.วิธีระดมความคิด คือ หาความหมายที่เกี่ยวข้องกับมโนภาพจากคนทั่วไปโดยพยายาม
อธิบายให้เข้าใจว่า คาเหล่านั้นบรรยายถึงลักษณะของมโนภาพ เช่น มโนภาพว่า “อาชีพครู” ก็
บรรยายอาชีพครูหรือคาก็ได้ และก็ต้องมีทั้งด้านดีและไม่ดี นามาดึงเป็นคาคุณศัพท์หรือคา
อื่นที่มีความหมายสามารถหาคาตรงข้ามได้
- 18. 2. หาความหมายที่เกี่ยวข้องของคาแต่ละคา จากที่ดาเนินการในครั้งที่ 1 ทั้งที่คิดเองและทั้งที่
ระดมความคิดจากผู้อื่น
3. เลือกคาที่มีความหายที่เกี่ยวข้องที่มีคนบรรยายมากเป็นหลัก นั่นคือ พยายามนาคาที่มี
ความถี่สูงพอประมาณ เช่น ตั้งแต่ ร้อยละ 10 หรือ ร้อยละ 25 ขึ้นไป
4. นาคาที่มีความหมายที่ได้เลือกไว้ในขั้นที่ 3 มาจัดเป็นคาตรงข้ามกันเป็นคู่ๆ แล้วให้ผู้
ชานาญทางภาษาไทยช่วยวิจารณ์แสดงความคิดเห็น ถ้าผู้ชานาญด้านภาษาเห็นสอดคล้องกันเกิน
ครึ่ง ข้อนั้นๆควรนาไปทดลองใช้ในขั้นต่อไป
- 19. 5. นาคาตรงข้ามแต่ละคู่มาสร้างเป็นมาตราวัดความรู้สึกต่อเป้าเจตคติ คือ มโนภาพ
มาตราที่ใช้อาจจะเป็น 3 ช่อง 4 ช่อง 5 ช่อง 6 ช่อง หรือ 7 ช่องก็ได้ แล้วแต่ความต้องการ ดัง
ตัวอย่าง
6. นาไปใช้ทดลองสอบกับกลุ่มตัวอย่างแล้วนามาวิเคราะห์หาอานาจจาแนกของ
แต่ละข้อตามแนวของการวิเคราะห์ t-test แบบลิเคิร์ทก็ได้หรือหาวิธีทาคะแนน
ของแต่ละข้อสัมพันธ์กับคะแนนรวม ถ้ามีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ
ก็ถือว่ามีอานาจจาแนก การเลือกก็ควรเลือกนาเฉพาะมาตราที่มีอานาจจาแนก เท่านั้น
7. ศึกษาคุณภาพอื่นๆ เช่น ความเชื่อมั่น ความเที่ยงตรงเป็นที่แน่ใจ โดยใช้วิธีเดียวกับ
แบบลิเคิร์ท
- 21. ควรมีคำชี้แจงกำรตอบให้ชัดเจนในช่องมำตรำจะมีตัวเลขหรือไม่มีก็ได้
ถ้ำเป็นตัวเลขนิยมใช้ทำงบวกเลขมำก ทำงลบเลขน้อย เช่น 7, 6, 5, 4, 3, 2, 1 3, 2, 1, 0, 1, 2, 3, ก็ได้
- 22. แบบออสกูส ( Osgood’s semantic differential scales)
ช่องห่ำงของสเกลที่ใช้อำจเป็น 5, 7 หรือ 9 ก็ได้ แต่ที่นิยมใช้คือ 7 ช่อง
ให้คะแนนสูงสุดของกำรอธิบำยคุณลักษณะในทำงดี ให้คะแนนต่ำสุดของกำรอธิบำยคุณลักษณะในทำงไม่ดี
ตัวอย่างของการวัดทัศนคติของนักเรียนที่มีต่อครูประจาชั้น
- 25. มาตรวัดของลิเคิร์ท Likert Scale
เป็นการศึกษาระดับของความรู้สึกนึกคิดของบุคคล ที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทั้งที่
เป็นความรู้สึกทางบวก และทางลบ โดยการใช้คะแนนรวมเป็นหลักในการ
ประเมินทัศนคติของบุคคล (summated ratings)
เน้นคุณสมบัติของการวัดในด้านความเป็นมิติเดียว (Unidimensionality)
กล่าวคือ ข้อความต่าง ๆ ที่นามาประกอบกันเพื่อใช้วัดความคิดเห็นใน แต่
ละด้านของเรื่องที่ต้องการศึกษานั้นต้องเป็นข้อความที่ใช้วัดในเรื่องเดียวกัน
- 26. ▪ลักษณะข้อคาถามจะประกอบไปด้วยคาถามในเชิงบวก และคาถาม
ในเชิงลบ อย่างละเท่า ๆ กัน ไม่ควรน้อยกว่า 20 ข้อ
▪เมื่อได้ข้อคาถามแล้ว จะกาหนดการให้คะแนน ซึ่งเป็นมาตรประเมิน
ค่า (rating scale) 3 ,4, 5, 7 ระดับ รวมทั้งกาหนดคาอธิบายในแต่ละ
ระดับ
▪นาคาถามที่ได้ไปวิเคราะห์รายข้อ (item analysis) เพื่อนามา
คัดเลือกข้อ
คาถามที่มีคุณภาพไว้ใช้ต่อไป
มาตรวัดของลิเคิร์ท Likert Scale
- 28. ➢ ตรวจสอบข้อความที่สร้างขึ้น โดยตนเองและผู้ที่มีความรู้ (ผู้เชี่ยวชาญ) ความ
ครบถ้วน
ของคุณลักษณะที่ศึกษาและความเหมาะสมของภาษาที่ใช้ ในการพิจารณาข้อความ
นั้นให้ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าข้อความนั้นมีลักษณะเป็นข้อความทางบวก ข้อความทางลบ
หรือมีลักษณะกลางๆ เมื่อผู้เชี่ยวชาญพิจารณาแล้ว ให้ตัดข้อความที่มีลักษณะกลางๆ
ออก เพราะการวัดเจตคติตามแบบของลิเคิร์ทนั้นข้อความที่เป็นกลางนั้นใช้ไม่ได้ (บุญ
เรียง ขจรศิลป์.2543 : 94)
➢ ทาการทดลองใช้ ก่อนนาไปใช้จริงเพื่อหา ความเที่ยงตรง ค่าอานาจจาแนก และ
ความเชื่อมั่นของมาตราวัดทัศคติ
วิธีการสร้างมาตรวัดของลิเคิร์ท
- 29. วิธีการสร้างมาตรวัดของลิเคิร์ท
ข้อความเชิงบวก 5 4 3 2 1
ข้อความเชิงลบ 1 2 3 4 5
เห็นด้วย
อย่างยิ่ง
เห็นด้วย ไม่แน่ใจ ไม่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย
อย่างยิ่ง
➢ กาหนดการให้คะแนน โดยให้ 5 4 3 2 1 สาหรับข้อความทางบวก และ 1 2 3 4 5
สาหรับข้อความทางลบ (เรียก Arbitary weighting method)
- 30. วิธีการวัดด้วย Likert Scale
วิธีวัดความพึงพอใจหรือความเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามด้วย Likert Scale
คือ การให้ผู้ตอบแบบสอบถามเลือกแสดงความคิดเห็น จากระดับความถึงพอใจหรือระดับ
ความเห็นด้วย 5 ระดับ ต่อแบบสอบถามข้อนั้น ๆ
ระดับความเห็นด้วยทั้ง 5 ระดับ ของ Likert Scale จะมีตั้งแต่พอใจหรือเห็นด้วยที่สุด
(Favorable) ไปจนถึงไม่พอใจหรือไม่เห็นด้วยที่สุด (Unfavorable) ดังนี้
5 หมายถึง เห็นด้วยที่สุด หรือ พึงพอใจที่สุด
4 หมายถึง เห็นด้วย หรือ พอใจ
3 หมายถึง เฉย ๆ หรือ ปานกลาง
2 หมายถึง ไม่เห็นด้วย หรือ ไม่พึงพอใจ
1 หมายถึง ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง หรือ ไม่พึงพอใจอย่างยิ่ง
- 31. คาตอบของข้อความแต่ละข้อมีทางเลือก 5 ทาง คือ
เห็นด้วยอย่างยิ่ง ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งเห็นด้วย ไม่เห็นด้วยไม่แน่ใจ
ตัวอย่างข้อความเชิงบวก
ตัวอย่างข้อความเชิงลบ
5 4 3 2 1
เห็นด้วย
อย่างยิ่ง
เห็นด้วย ไม่แน่ใจ ไม่เห็นด้วย
การถ่ายทอดฟุตบอลโลกทาให้เข้าใจกีฬามากขึ้น
ระดับความคิดเห็น
ข้อความ
การถ่ายทอดฟุตบอลโลกทาให้ประชาชนติดการพนัน
ไม่เห็นด้วย
อย่างยิ่ง
1 2 3 4 5
เห็นด้วย
อย่างยิ่ง
เห็นด้วย ไม่แน่ใจ ไม่เห็นด้วย
ระดับความคิดเห็น
ข้อความ
ไม่เห็นด้วย
อย่างยิ่ง
- 32. รวมคะแนนที่ได้จากคาตอบของทุกข้อ 𝛴
id i1 i2 i3 i4 i5 i6 i7 i8 i20 SUM
4
5
6
7
8
9
10
1
2 2 2
2
5
1 1
1
2
3
5 5 3 4 4 4 5 4
5
5 5
5
55
5
4
45 5 5 4
4 4 5
4
4 4
4
44
2
1
25 5 2 3
4 2 4
4
4 3
4
44
3
2
45 4 4 3
3 3 4
1 1
5
4 4
3
44
2
1
44 4 4 4
4 2 2
3
3
1
1
4
4
1
1
75
85
82
65
52
84
73
80
52
25
25 4 3 2 24 4 3 3 1 57
- 33. การแปลผลแบบสอบถาม ด้วย Likert Scale
เมื่อผู้ออกแบบสอบถามเก็บข้อมูลจากผู้ตอบแบบสอบถามมาได้ และนามาหา ค่าเฉลี่ย ҧ𝑥
ซึ่งจะสามารถแปลผลความพึงพอใจหรือความเห็นด้วยของผู้ตอบแบบสอบถาม ตามแนวคิด
Likert Rating Scales ได้ดังนี้
• ค่าเฉลี่ย 4.50 ถึง 5.00 หมายความว่า มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด หรือ มีความเห็นด้วยใน
ระดับมากที่สุด
• ค่าเฉลี่ย 3.50 ถึง 4.49 หมายความว่า มีความพึงพอใจในระดับมาก หรือ มีความเห็นด้วยในระดับมาก
• ค่าเฉลี่ย 2.50 ถึง 3.49 หมายความว่า มีความพึงพอใจในระดับปานกลาง หรือ มีความเห็นด้วยใน
ระดับปานกลาง
• ค่าเฉลี่ย 1.50 ถึง 2.49 หมายความว่า มีความพึงพอใจในระดับน้อย หรือ มีความเห็นด้วยในระดับน้อย
• ค่าเฉลี่ย 1.00 ถึง 1.49 หมายความว่า มีความพึงพอใจในระดับน้อยที่สุด หรือ มีความเห็นด้วยในระดับ
น้อยที่สุด