SlideShare a Scribd company logo
1 of 67
บทที่ 3




การพัฒ นาบุค ลิก ภาพ
 เพือ มนุษ ยสัม พัน ธ์
    ่
บุค ลิก ภาพ
     ( Personality)
การผสมผสานระบบ
ต่า งๆ ภายในตัว
บุค คล
บุค ลิก ภาพ
สำาคัญอย่างไร นั้น ...........
มหาวิทยาลัยราชภัฎให้ความสำาคัญเป็นข้อที่..
ว่าไว้อย่างไร...............................
การพูด แนะนำา ตนเอง
•   สั้น ๆ แต่ใ ห้ค รบ
•   มั่น ใจนำา เสนอตัว เอง
•   ไม่แ นะนำา จนมากเกิน ไป
•   ชัก จูง ให้น ่า สนใจ
•   ไม่ค วรใช้เ วลาเกิน 2 นาที
บุค ลิก ภาพ หมายถึง
บุค ลิก ภาพ หมายถึง
รูป แบบพฤติก รรมทีม ล ัก ษณะ
                  ่ ี
เด่น
รวมความคิด และอารมณ์ ซึ่ง เป็น
ตัว กำา หนดให้บ ุค คลแต่ล ะบุค คลมี
การปรับ ปรุง ตนเองให้เ ข้า กับ
สภาวการณ์ใ นการดำา เนิน ชีว ิต ได้
อย่า งเหมาะสม
บุค ลิก ภาพ

    ทั้งส่วนที่มองเห็นได้ชัดเจน
    เช่น การแต่งกายรูปร่างหน้าตา
ลักษณะการพูด

   ระบบภายในซึ่งเห็นได้ไม่ชัดเจน
   เช่น ลักษณะอารมณ์ วิธีคิด ความ
บุค ลิก ภาพ
 หมายถึง
• บุค ลิก ภาพมีส ่ว นที่เ ป็น
โครงสร้า ง
ซึงเป็นบุคลิกภาพของบุคคลคนใดคน
  ่
หนึง่
ส่วนนี้ เป็นส่วนที่วัดได้ทั้งทางตรง
และทางอ้อม
ความสำาคัญของบุคลิกภาพ
1. ความมั่นใจ ผู้ที่มีบคลิกภาพดีย่อมภาคภูมิใจและ
                       ุ
   มั่นใจ
2. สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมบุคคลได้
3. ยอมรับข้อแตกต่างระหว่างบุคคล
4. ตระหนักในเอกลักษณ์ของบุคคล
5. การปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่น
6. ความสำาเร็จ ของการเป็นผู้มีบคลิกภาพดี
                               ุ
7. การยอมรับของกลุ่ม
องค์ประกอบของบุคลิกภาพ
1. ลักษณะทางกาย
2. ลักษณะทางใจ
3. ลักษณะทางสังคม
4. ลักษณะทางอารมณ์
ประเภทของบุคลิกภาพ 2 ประเภท

1. บุคลิกภาพภายนอก ได้แก่ รูป
 ร่าง หน้าตา การแต่งกาย การ
 วางตัว การพูด เป็นสิ่งที่ปรากฏ
 เห็นชัดสร้างความประทับใจแก่ผู้
 พบเห็น
2. บุคลิกภาพภายใน
ได้แก่ ความรู้สกภายในตัวบุคคล
               ึ
 สังเกตได้ยาก แต่ศกษาได้โดยการ
                    ึ
 สัมพันธ์กัน เช่น ความคิดริเริ่ม
 สร้างสรรค์ ความยุตธรรม ความเป็น
                      ิ
 มิตร จริงใจ
ประโยชน์ของบุคลิกภาพ
1.   แสดงให้เห็นถึงบุคคลประเภทต่าง ๆ
2.   แสดงให้เห็นถึงผลรวมของพฤติกรรม
     ของบุคคลในองค์การ ชุมชน และ
     สังคม
3.   เพื่อใช้เป็นแนวทางในการคัดเลือก
     บุคคลตามลักษณะ ความถนัด ความ
     สามารถ เพือทีจะแบ่งงาน มอบหมาย
                 ่ ่
     งานได้ตามความเหมาะสม
4. บุคลิกภาพที่ดีสามารถสร้างความ
 ชอบพอ เลื่อมใส ความยกย่อง
 นับถือจากบุคคลอื่น
5. บุคลิกภาพช่วยเสริมสร้างความ
 สามารถในการติดต่อกับผู้อื่น
6. บุคลิกภาพมีความสำาคัญในการ
ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud)

 •ทฤษฏี
 บุค ลิก ภาพ
       1.1 ระบบพลังงานทางจิต
       1.2 ความสามารถทางสมอง


                              อ้างจาก จากหนังสือ จิตวิทยา
                              อุตสาหกรรม
มันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud)
 ตวิทยาแบบจิตวิเคราะห์ ค้นพบและเชื่อว่า
 นุษย์ทำางานเป็น 3 ระดับ คือ

            ซึ่งมีผลโดยตรงต่อพฤติกรรมของ
                      แต่ละบุคคล

ระดับ จิต ใต้ส ำา นึก UnConscious
ระดับ จิตใกล้สำา นึก PreConsciou
        ต ใกล้
ระดับ จิต รูสำา นึก Conscious
            ้
                                  อ้างจาก จากหนังสือ จิตวิทยา
                                  อุตสาหกรรม
รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น เป็นความ
                                        รู้ความคิดของตนเอง รู้รอบต
                                    ความคิด
• ระดับจิตรู้สำานึก Conscious        /การรับ รู้


                                บัน ทึก
                                          ความจำา
 ระดับจิตไกล้สำานึก PreConscious
                                  แหล่ง สะสมความรู้

                              ความต้อ งการเห็น แก่ต ัว
                      ความกลัว
                                      แรงกระตุ้น ที่ผ ิด ศีล ธรรม
   •ระดับจิตใต้สำานึก
                  แรงขับ ที่ช อบความร้าพฤติก รรมที่ซ ่อ นเร้น
                                       ยแรง
   UnConscious
                                          ความปราถนาทางเพศ
    93% ความปราถนาอย่า งไร้เ หตุผ ล       ที่ย อมรับ ไม่ไ ด้
โครงสร้างบุคลิกภาพ ประกอบด้วย 3
             ประเภท
พลัง ทางจิต 3 ส่ว นตาม
   ทฤษฎีข องฟรอยด์
•อิด (Id)
•อีโ ก้ (Ego)
• ซูเ ปอร์อ ีโ ก้ (Super
 Ego)
ส่ว นความอยาก ความ
 ต้อ งการ กิเ ลส ตัณ หา รวม
 ไปถึง สัญ ชาตญาณทั้ง หลาย
 ที่ต ิด ตัว มนุษ ย์ม าตั้ง แต่เ กิด
   เป็น พลัง งานทางจิต ส่ว นที่
    จะแสดงออกเป็น รูป
    พฤติก รรมตามพลัง ของ
    ฝ่า ยอิด หรือ ซูเ ปอร์อ ีโ ก้
   ส่ว นของคุณ ธรรมของแต่ล ะ
    บุค คล
ทฤษฎีพ ัฒ นาการทางเพศของ
           ฟรอยด์
ามสุข(Freud’s Psychosexual Theory)
      อยู่ท ี่ป าก
ด - 2 ขวบ
ามสุข อยู่ท ี่ก ารใช้ท วารหนัก
3 ขวบ
ามสุข อยู่ท ี่ก ารผูก พัน กับ บิด ามารดา
6 ขวบ
ามสุข อยู่ท ี่ก ารเก็บ กดความแฝงเร้น ทางเพศ ไปสนส
12 ขวบ
ามสุข อยู่ท ี่ก ารได้ส นใจเพศตรงข้า ม
13 - 18 ขวบ
UNSTABLE
                             หงุดหงิด โมโหง่าย
                         กังวลใจ      กระวนกระวายใจ
                    แข็งกร้าว
                 เคร่งขรึม                           ก้าวร้าว
             มองโลกในแง่ร้าย                               ตื่นเต้น
             ไม่พูดมาก
                                  ไม่ม ั่น คง       เปลี่ยนแปลงง่าย
            ไม่สังคม
            เงียบ                                              ใจร้อน
  INTROVERTED            ปกปิด                  เปิด เผย            EXTROVERTED
           วางเฉย                                      มองโลกในแง่ดี
          มีความระมัดระวัง
                                                            คล่องตัว
             มีความคิด             มั่น คง              ชอบสังคม
                รักสันติ
                 ควบคุมตนเองได้                        มีชีวตชีวา
                                                            ิ
                      เชื่อถือได้                ไร้กังวล
                             สงบ            ผู้นำา
                                   STABLE
                                               อ้างจาก จากหนังสือ จิตวิทยาอุตสาหกรรม
แฮนด์ ไอเซงค์ (Hans Eysenck)                   ร.ศ.อำานวย แสงสว่าง
กลไกป้อ งกัน ตนเอง
 กลไกป้อ งกัน ตนเอง มัก ทำา งานในระดับ จิต ใต้ส ำา นึก
      เพื่อ ลดความกัง วล หวาดกลัว รำา คาญใจ สับ สน

การหาเหตุผ ลเข้า ข้า งตนเอง
การปฏิเ สธ
การเก็บ กด
การซัด ทอด
การแสดงปฏิก ิร ิย าแกล้ง ทำา ามกับความรู้สึกนึกคิดจร
                                            แสดงพฤติกรรมตรงข้


การสับ ทีไปสู่บุคคลอื่นหรือเหตุการณ์อื่นทีปลอดภัยกว่า
         ่                                ่


การทดแทน
บุค ลิก ภาพที่ ่
    บุค ลิก ภาพที   บุค ลิก ภาพที่ ่
                    บุค ลิก ภาพที
1. การแต่งกาย………………………. ด ี ี
           ดี
           ดี            ไม่ ด
                         ไม่
2. การมองบุคคล………………….
3. การพูด……………………………...
4. การเดิน….………………………...
5. การยืน………………………………..
6. การนั่ง………………………………..
7. การไอ/จาม……………………...
8. การรับประทานอาหาร….
9. การหยิบของหรือสิงต่างๆ
                   ่
10. การแสดงความเคารพนับถือ
11. การทิ้งขยะมูลฝอยสิ่งปฏิกูล
การพัฒ นา
              การพัฒ นา
              บุค ลิา ภาพ
              บุค ลิก ภาพ
 รร่า งกายเป็น ประจำ ก
 ะทานอาหารที่ด ีม ีป ระโยชน์ต ่อ การบำา รุง ร
อนเพีย งพอ
 รจิต ใจ
อนในวัน สุด สัป ดาห์
การจูง ใจ                       Motivation

ายในหรือ กระบวนการทีพ ลัง งานทั้ง หลาย
                    ่
งชี้น ำา พฤติก รรม
 งใจเป็น พลัง ที่อ ยู่เ บื้อ งหลัง พฤติก รรม
พลัง ของการจูง ใจจะปรากฎขึ้น ต่อ เมื่อ บุค คลถูก
 รอย่า งใดอย่า งหนึ่ง แม้ว ่า จะชอบหรือ ไม่ช อบ
ายที่จ ะกระตุ้น ให้ม นุษ ย์เ คลื่อ นไหวโดยให้เ คล
หมายทีก ำา หนดไว้เ ฉพาะเจาะจง
         ่
ทฤษฎีม าสโลว์แ ละการ             5
จูง ใจในการทำา งาน   4 ความสำา เร็จอ งการ
                          ความต้
                                   ด้ว ยตนเ
                                        ความต้อ งการ น บุค คลที่ร ู้จ ัก
                                                     เป็
                              3        การยอมรับ นับตนเองดีว ่า มีค วาม
                                                    ถือ
                                          สามารถที่จ ะเป็น อะไร
                        ความต้อ งการ การยอมรับ
                  2      ทางสัง คม
            ความต้อ งการ     เพื่อ น
     1      ความปลอดภัย

ความต้อ งการ อาชีพ มั่น คง
  ทางสรีร ะ
   อาหาร
ทฤษฎี เฮิร์ทเบิร์ก hertzberg’s Theory
                                     ปัจจัยกระตุ้น
                                     ปัจจัยกระตุ้น
           มีโอกาสได้รับตำาแหน่ง

       ความพอใจในงานอาชีพ
ความสำาเร็จ
                     เพิ่มความรับผิดชอบ
         ทำา ให้เ กิด แรงจูง ใจ
         ในการทำา งานอยู่ใ น
 โอกาสความก้าวหน้า ระดับ สูง


                                   ธรรมชาติของงานทีทำา
                                                   ่
   ได้รับการยอมรับจากผู้บริหาร
นโยบายบริษัท


การจ่ายค่ความไม่พ อใจในงานอาชีพ
         าจ้าง
                          สภาพเงื่อนไขการทำาง
                การจูง ใจ ทางด้านกายภาพ
            ในการทำา งานอยู่ใ น
  ความมันคงในอาชีพ ระดับ ตำ่า
        ่


                           ความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น
     คุณภาพของการนิเทศ
ติด ตาม
งานมอบหมาย 1
 คราะห์ตนเอง
คลิกภาพ ภายนอก ……………………..
กษณะนิสย อารมณ์ ความชอบ ไม่ชอบ ………
             ั
ห้ผู้อื่นวิเคราะห์………………………..
ธีการปรับปรุงตนเอง
ธีการพัฒนาตนเอง
                     ส่งสัปดาห์หน้า
งานมอบหมาย 2
 สอบ.. การเสนอ พูด /นำา
เสนอ       บุค ลิก ภาพ
 1. แนะนำา ตัว เองทุก ครั้ง เป็น
 ใครเรีย นสาขา อะไร
    ชัด ๆ ไม่ง ว เงีย ฉะฉาน...
                ั
 2. พูด ให้เ สีย งเข้า ไมโครโฟน
 อย่า ชิด หรือ ห่า งเกิน ไป
                        สอบสัปดาห์หน้า
 3. อย่า พูด /นำา เสนอเนิบ ๆ ให้
อัลเฟรด อัดเลอร์ (Adler)
   กล่าวถึงทฤษฏีบคลิกภาพว่ามนุษย์มีปม
                    ุ
    ด้วยมาตังแต่เกิด ดังนัน มนุษย์จึงแสดง
             ้             ้
    พฤติกรรมต่าง ๆ เพือลบปมด้อย เพือ
                         ่             ่
    พยายามปรับตัวให้เข้ากับสังคมและการ
    ได้มาซึ่งอำานาจ การเลียงดูของพ่อแม่
                             ้
    เป็นปัจจัยในการสร้างบุคลิกภาพ ที่
    สำาคัญการเลียงดูทเข้มงวด หรือการ
                 ้    ี่
    ตามใจมากเกินไป ล้วนทำาให้เกิดผลเสีย
(ต่อ)
ย่อมทำาให้เกิดบุคลิกภาพที่มความเชือมัน
                           ี      ่ ่
  ในเองมีวฒิภาวะ มีความรับผิดชอบ
           ุ
  สามารถปรับตัวและดำาเนินชีวิตอย่างมี
  สุข Adler เชือว่า ลำาดับในการเกิด
               ่
  อิทธิพลต่อบุคลิกภาพ
  ดังนี...
       ้
ลูกคนหัวปี

มีความเป็นผู้นำาสูง มีความรับผิด
  ชอบ
เป็นคนมุ่งมั่น ค่อนข้างก้าวร้าว
ขี้อิจฉา เคร่งเครียด จังจังต่อ
  ชีวิต
ลูกคนรอง

มีบคลิกภาพ สนุกสนาน รื่นเริง มี
    ุ
ความรับผิดชอบ ไม่ชอบหรือไม่
สนใจทีจะเป็นผู้นำา ชอบแข่งขัน
         ่
ค่อนข้างใจน้อย โดยเฉพาะถ้าอยู่ใน
ครอบครัวทีพอแม่ ให้ความสำาคัญ ต่อ
            ่ ่
ลูกไม่เท่ากัน ลูกคนรองจะมีความรู้สก
                                  ึ
น้อยเนือตำ่าใจ
       ้
ลูกคนสุดท้อง

มีบุคลิคภาพอ่อนไหวง่าย
 ใจน้อยเนื่องจากคิดว่าตนเอง
 เป็นศูนย์รวมแห่งความสนใน
 ของคนในครอบครัว ไม่ค่อย
 สนใจความรู้สึกของผู้อน ชอบ
                       ื่
 ให้ผู้อนตามใจ ไม่ชอบการ
        ื่
ลูกโทน

มีความเชื่อมั่นในตนเอง เอาแต่
 ใจแต่มี
ความรับผิดชอบน้อย
 มักขาดระเบียบวินัย
ตามใจตนเอง ไม่ค่อยเชื่อฟัง
 ถือ
การบ้าน ทำาในสมุด
อ่านเรื่องบุคลิกภาพกับความสำาเร็จใน
  ชีวิต หน้า 90 แลตอบคำาถามต่อไปนี้
1. เคล็ดลับในการสร้างเสน่ห์ทำาได้
  อย่างไร
2. นักศึกษาคิดว่าอาชีพใดบ้างต้องมีการ
  พัฒนาบุคลิกภาพเพื่อความสำาเร็จ
3. คนที่มบุคลิกภาพดีสามารถสังเกตได้
          ี
  จากอะไรบ้างในความคิดของนักศึกษา
การบ้าน ทำาในสมุด
อ่านเรื่องบุคลิกภาพกับความสำาเร็จใน
  ชีวิต หน้า 90 และตอบคำาถามต่อไป
  นี้
1. เคล็ดลับในการสร้างเสน่ห์ทำาได้
  อย่างไร
2. นักศึกษาคิดว่าอาชีพใดบ้างต้องมีการ
  พัฒนาบุคลิกภาพเพื่อความสำาเร็จ
3. คนทีมีบคลิกภาพดีสามารถสังเกตได้
         ่ ุ
องค์ป ระกอบของ
      บุคษณ์ท างกาย
1.1 รูป ลัก
            ลิก ภาพ
          มาดต้อ งตา
1.2 ภูม ป ัญ ญาดี - สือ ความ
        ิ             ่
 หมายดี             วาจาต้อ งใจ
                        - สร้า ง
     ทั้ง หมดเป็น ศรัท ธา
1.3 การควบคุม อารมณ์ทรง
                  - ดี
   Total Message  คุณ ค่า
บุค ลิก ภาพของมนุษ ย์
ให้ผ ู้แ สดงโดดเด่น +เป็น สง่า
 1.1 รูป ลัก ษณ์ท างกาย        มาด
ต้อ งตา

(Physical/
         Body Language)
       สีห น้า รูป ร่า งหน้า ตา
       สายตา
       กิร ิย าท่า ทาง
ลิก ภาพและการสมาคม
 • การสมาคมเป็น การพัฒ นา
 บุค ลิก ภาพ
 • บุค ลิก ภาพเป็น พื้น ฐานของ
 ศาสตร์แ ละศิล ปะ
   ในวิช ามนุษ ย์ส ัม พัน ธ์
 • สมาคมที่จ ะกล่า ว รวมทั้ง
บุค ลิก ภาพและการสมาคม

• การสมาคมเป็น การพัฒ นา
  บุค ลิก ภาพ
• บุค ลิก ภาพเป็น พื้น ฐานของ
  ศาสตร์แ ละศิล ปะ
   ในวิช ามนุษ ย์ส ัม พัน ธ์
• สมาคมที่จ ะกล่า ว รวมทั้ง
  บุค ลิก ภาพของ
ารพัฒ นาตนเอง
         ส. เสน่ห ์
             สำาเร็จ

    สมดุล                          สง่า


สร้า งคุณ ค่า การพัฒ นาตนเอง              สมอง
                สู่ค วามสำา เร็จ
   สัญ ญา/                                สติ
    สัจ จะ
               สะอาด      สงบ
1.2 ภูม ป ญ ญาดี - สื่อ ความ
        ิ ั
หมายดี        วาจาต้อ งใจ
 1) พูด กับ “ใคร ”      ใคร
 คือ ผู้ฟ ัง / ก ค้า
             ลู
      - นึก ถึง กาละเทศะ สภาพ
 แวดล้อ ม ผู้ฟ ัง มีข ้อ มูล อะไรแล้ว
      - เป็น รัฐ มนตรี ผู้บ ัง คับ บัญ ชา
 ข้า ราชการ นัก เรีย น
           ชาวบ้า นทั่ว ไป ???
2) พูด ในโอกาส “อะไร”””
     - การนำา เสนอในทีป ระชุม สั้น ๆ
                       ่
 การบรรยาย
        โอวาท ปราศรัย กล่า ว
ต้อ นรับ
     - งานแต่ง งาน สอน
3) พูด ที่ “”“ไหน”””
    - ในที่ป ระชุม คณะกรรมาธิก าร
ส.ส./ สว.
    - ห้อ งประชุม เวทีห ้อ งประชุม
ข้อ ฝากในการนำา เสนอ
พูด /นำา เสนอ “อย่า งไร”
1. แนะนำา ตัว เองทุก ครั้ง เป็น
ใครเรีย นสาขา อะไร
   ชัด ๆ ไม่ง ว เงีย ฉะฉาน
               ั
2. พูด ให้เ สีย งเข้า ไมโครโฟน
อย่า ชิด หรือ ห่า งเกิน ไป
3. อย่า พูด /นำา เสนอเนิบ ๆ ให้
5. ดูท ี่เ หตุก ารณ์
    ความเหมาะสม + เวลา (หาก
งานสำา คัญ ควรเตรีย ม
    ด้ว ยตัว เอง)
6. อย่า ใช้เ วลานำา เสนอนาน
เกิน ไป
 7. อย่า แสดงความอวดรู้ การ
ข่ม ท่า น การกระทบ/
    กระแทกผูฟ ัง หรือ บุค คลอื่น
                 ้
8. บอกหัว ข้อ ผู้ฟ ง ก่อ น ควร
                    ั
มีป ระเด็น ลำา ดับ ตาม
    ประเด็น จะได้ฟ ง แล้ว
                      ั
เข้า ใจง่า ย ๆ
9. มีข อ มูล /ตัว เลข ปลีก ย่อ ย
       ้
คอยเสริม หรือ อธิบ าย
   ความ แยกแยะบางจุด
และต้อ งแม่น
10. พยายามให้ม ก ารเชือ ม
                    ี     ่
โยง - ให้เ ห็น ภาพ
11. หยิบ เหตุก ารณ์ป ัจ จุบ น
                            ั
1.      การควบคุม อารมณ์
3


ใจต้อ งเยี่ย ม


                 E
ร้า งเสน่ห ์ด ้ว ย
  รรมะ
  พรหม
วิห าร 4
  เมตตา
 กรุณ า
 มุท ิต า
 อุเ บกขา
               หนังสือหน้า 87
1.4 ตัว อย่า งปุจ ฉาด้า น
มารยาทและการวางตัว
    ไปร้า นหนัง สือ โทรศัพ ท์ม ือ
   ถือ ดัง ขึ้น
      คนรับ พูด โทรศัพ ท์เ หมือ น
   อยู่ใ นบ้า น
เกร็ด มารยาททาง
 สัง คมที่พ ง ปฏิบ ต ิ
            ึ      ั
1. ช่ว ยเหลือ ผูอ ื่น บ้า ง โดยเฉพาะ
                 ้
สุภ าพสตรี และ
   ผูส ูง อายุ เพือ ทำา ให้ค นอื่น พึง
     ้             ่
พอใจ ทัง การแนะนำา
           ้
   ชวนสนทนา
2. มีค วามสำา รวม และสำา รวจตัว เอง
ก่อ นไปงานสัง คม
3. การโทรศัพ ท์ไ ปถึง บุค คลอืน ่
หรือ ผูใ หญ่ โปรด
       ้
   แนะนำา ตัว เองก่อ นเสมอ (เป็น
ใคร ตำา แหน่ง อะไร)
  หลัก สำา คัญ ไม่ค วรใช้ค วาม
สะดวกของผูพ ด ้ ู
  ไปทึก ทัก ว่า คู่ส นทนาที่เ ราพูด อยู่
. 4.ถ้า ผูโ ทรศัพ ท์เ ป็น ผูใ หญ่/ ้
          ้                 ้    ผู
บริห าร ต้อ งขอโทษและ
    เรีย นถามว่า มีธ ร ะหรือ สะดวกทีจ ะ
                      ุ                ่
อนุญ าตพูด ได้
    หรือ ไม่ โดยเฉพาะโทรศัพ ท์ม อ    ื
ถือ โปรดระลึก ว่า
    เราสะดวก เราจึง โทรไปหา แต่
ผูร ับ อาจไม่พ ร้อ ม
  ้
    หรือ สะดวกทีจ ะพูด ควรต้อ ง
                   ่
6. ไม่ค วรเอยอ้า งถึง ผูม ช อ เสีย ง
                         ้ ี ื่
หรือ ผูโ ด่ง ดัง
       ้
     เพือ ทำา ให้ต นเป็น ผูส ำา คัญ ขึ้น มา
         ่                 ้
7 ไม่ค วรซุบ ซิบ นิน ทาท่า มกลางวง
สนทนา
     สาธารณะ หรือ พูด เรื่อ งข่า วลือ
อย่า งซำ้า ซาก
     ไม่ค วรตั้ง คำา ถามๆ ว่า “ทำา ไม”
9. เวลาพูด อย่า เสีย งดัง จนกลาย
เป็น การตะโกน
      แต่ใ ห้พ ด พอจะได้ย น หรือ เข้า ใจ
                ู            ิ
อยู่ท า มกลาง
      ่
      ผู้อ น มิค วรใช้เ สีย งจากการใช้
           ื่
โทรศัพ ท์ม อ ถือ
              ื
      ไปรบกวนผู้อ น และอย่า มีก ิร ิย า
                    ื่
ซุบ ซิบ ประเจิด
      ประเจ้อ เช่น กัน
10. ฝึก ระดับ เสีย งตนเองให้ม ร ะดับ ตำ่า
                                ี
นุ่ม นวลใช้
11. ฝึก พูด คำา ว่า ได้โ ปรด ขอบคุณ
ยิน ดี ขอโทษ
      ให้ต ิด ปากเป็น ธรรมชาติ คำา
เหล่า นีเ ป็น
          ้
      เครื่อ งสำา อาง ทางสัง คม เรีย ก
คำา ว่า “คุณ ” ลอยๆ
      ดูจ ะแข็ง เกิน ไป ควรบอกด้ว ย
ชือ ของท่า นเหล่า
  ่
      นั้น ด้ว ย จะทำา ให้ด ใ ห้เ กีย รติ
                            ู
13. ปฏิบ ัต ิต ่อ คนอื่น อย่า งทีค ุณ
                                    ่
หวัง จะได้ร ับ การ
     ปฏิบ ัต ิอ ย่า งนั้น กับ ตัว เอง การ
รับ ไหว้พ ง ระวัง
          ึ
     อย่า ให้เ ป็น แบบขอไปที และ
หากไม่ร ับ ไหว้เ ลย
     จะดูไ ม่ง าม ไม่ไ ด้ม วลชน
14. ควรปฏิบ ัต ิต ่อ หู จมูก และส่ว น
15. ไม่เ คี้ย วหมากฝรั่ง ระหว่า ง
งานพิธ ีก าร การ
    ประชุม การฟัง บรรยาย ลด
การนัง ไขว่า ห้า งใน
      ่
    งานพิธ ี และนัง กับ ผูใ หญ่
                    ่       ้
โดยเฉพาะแถวหน้า
    การนั่ง สนทนากับ ผูใ หญ่พ ึง
                          ้
ระวัง ความสำา รวม
16. โปรดงดวิจ ารณ์ร ูป ร่า งหน้า ตา
18. “4” คำา ที่ม ค วรใช้ใ นการเจรจา …
                  ิ
ไม่ใ ช่ ใช่ ไม่เ คย
      ไม่ท ราบ … คำา ว่า “มิไ ด้” “ขอ
ประทานโทษ” เป็น คำา ที่
      ไพเราะ
18. มารยาทการเข้า คิว เป็น เสน่ห ข อง   ์
คนตะวัน ตก
     อย่า เร่ง คนทีอ ยู่ห น้า เรา ไม่ว ่า จะ
                    ่
ใช้ค ำา พูด หรือ
     อากัป กิร ิย าก็ต าม
20. ระมัด ระวัง การสูบ บุห รี่พ รำ่า เพรื่อ
21. ควรมีน ามบัต รติด ตัว ไปในงาน
สำา คัญ ๆ การ
      เก็บ นามบัต รไว้ใ นกระเป๋า
กางเกงไม่ส ุภ าพ
      ควรบัน ทึก ไว้ใ นนามบัต รทีไ ด้
                                 ่
รับ ว่า ผูม อบเป็น ใคร
          ้
      พบปะกัน ทีไ หน มีอ ะไรเป็น จุด
                  ่
เด่น และวัน ที่
The
end

More Related Content

What's hot

การจูงใจผู้เรียนการจัดบรรยากาศในชั้นเรียน
การจูงใจผู้เรียนการจัดบรรยากาศในชั้นเรียนการจูงใจผู้เรียนการจัดบรรยากาศในชั้นเรียน
การแบ่งส่วนตลาด1
การแบ่งส่วนตลาด1การแบ่งส่วนตลาด1
การแบ่งส่วนตลาด1
Sarawut Messi Single
 
จิตปัญญาศึกษา จำเรียง
จิตปัญญาศึกษา  จำเรียงจิตปัญญาศึกษา  จำเรียง
จิตปัญญาศึกษา จำเรียง
chamriang
 
ทัศนคติกับพฤติกรรมผู้บริโภค1
ทัศนคติกับพฤติกรรมผู้บริโภค1ทัศนคติกับพฤติกรรมผู้บริโภค1
ทัศนคติกับพฤติกรรมผู้บริโภค1
Sarawut Messi Single
 
ใบความรู้ จิตตปัญญาศึกษา
ใบความรู้  จิตตปัญญาศึกษาใบความรู้  จิตตปัญญาศึกษา
ใบความรู้ จิตตปัญญาศึกษา
saengpet
 
ทฤษฎีแรงจูงใจ
ทฤษฎีแรงจูงใจทฤษฎีแรงจูงใจ
ทฤษฎีแรงจูงใจ
Poy Thammaugsorn
 
อารมณ์การจัดการอารมณ์
อารมณ์การจัดการอารมณ์อารมณ์การจัดการอารมณ์
อารมณ์การจัดการอารมณ์
nok_bb
 
ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐานธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
Anchalee BuddhaBucha
 

What's hot (17)

Attitude
AttitudeAttitude
Attitude
 
การจูงใจผู้เรียนการจัดบรรยากาศในชั้นเรียน
การจูงใจผู้เรียนการจัดบรรยากาศในชั้นเรียนการจูงใจผู้เรียนการจัดบรรยากาศในชั้นเรียน
การจูงใจผู้เรียนการจัดบรรยากาศในชั้นเรียน
 
ทัศนคติ (Attitude)
ทัศนคติ (Attitude)ทัศนคติ (Attitude)
ทัศนคติ (Attitude)
 
การแบ่งส่วนตลาด1
การแบ่งส่วนตลาด1การแบ่งส่วนตลาด1
การแบ่งส่วนตลาด1
 
ทัศนคติกับพฤติกรรมผู้บริโภค (Attitude and Consumer Behavior : Ch 9)
ทัศนคติกับพฤติกรรมผู้บริโภค (Attitude and Consumer Behavior : Ch 9)ทัศนคติกับพฤติกรรมผู้บริโภค (Attitude and Consumer Behavior : Ch 9)
ทัศนคติกับพฤติกรรมผู้บริโภค (Attitude and Consumer Behavior : Ch 9)
 
จิตปัญญาศึกษา จำเรียง
จิตปัญญาศึกษา  จำเรียงจิตปัญญาศึกษา  จำเรียง
จิตปัญญาศึกษา จำเรียง
 
ทัศนคติกับพฤติกรรมผู้บริโภค1
ทัศนคติกับพฤติกรรมผู้บริโภค1ทัศนคติกับพฤติกรรมผู้บริโภค1
ทัศนคติกับพฤติกรรมผู้บริโภค1
 
ใบความรู้ จิตตปัญญาศึกษา
ใบความรู้  จิตตปัญญาศึกษาใบความรู้  จิตตปัญญาศึกษา
ใบความรู้ จิตตปัญญาศึกษา
 
ประเมินบุคลิกภาพตนเอง Handout
ประเมินบุคลิกภาพตนเอง Handoutประเมินบุคลิกภาพตนเอง Handout
ประเมินบุคลิกภาพตนเอง Handout
 
ทฤษฎีแรงจูงใจ
ทฤษฎีแรงจูงใจทฤษฎีแรงจูงใจ
ทฤษฎีแรงจูงใจ
 
อารมณ์การจัดการอารมณ์
อารมณ์การจัดการอารมณ์อารมณ์การจัดการอารมณ์
อารมณ์การจัดการอารมณ์
 
ค้นหาตัวเอง Mbti
ค้นหาตัวเอง Mbtiค้นหาตัวเอง Mbti
ค้นหาตัวเอง Mbti
 
งานนำเสนอ Thinking
งานนำเสนอ Thinkingงานนำเสนอ Thinking
งานนำเสนอ Thinking
 
จริยศาสตร์ประเมินบทที่666 3-ปี
จริยศาสตร์ประเมินบทที่666 3-ปีจริยศาสตร์ประเมินบทที่666 3-ปี
จริยศาสตร์ประเมินบทที่666 3-ปี
 
Marketing
MarketingMarketing
Marketing
 
ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐานธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
 
วิถีชีวิตกับพฤติกรรมผู้บริโภค (Self-image & Lifestyle : Ch 10)
วิถีชีวิตกับพฤติกรรมผู้บริโภค (Self-image & Lifestyle : Ch 10)วิถีชีวิตกับพฤติกรรมผู้บริโภค (Self-image & Lifestyle : Ch 10)
วิถีชีวิตกับพฤติกรรมผู้บริโภค (Self-image & Lifestyle : Ch 10)
 

Similar to Part 31

Psychology1
Psychology1Psychology1
Psychology1
New Born
 
ทฤษฎีหลักการแนวคิดเกี่ยวกับการคิดและพัฒนาการคิด
ทฤษฎีหลักการแนวคิดเกี่ยวกับการคิดและพัฒนาการคิดทฤษฎีหลักการแนวคิดเกี่ยวกับการคิดและพัฒนาการคิด
ทฤษฎีหลักการแนวคิดเกี่ยวกับการคิดและพัฒนาการคิด
Note Na-ngam
 
ชุดส่งเสริมความรู้ด้วยตนเองเรื่องอารมณ์และความเครียด
ชุดส่งเสริมความรู้ด้วยตนเองเรื่องอารมณ์และความเครียดชุดส่งเสริมความรู้ด้วยตนเองเรื่องอารมณ์และความเครียด
ชุดส่งเสริมความรู้ด้วยตนเองเรื่องอารมณ์และความเครียด
tassanee chaicharoen
 
กลุ่มจิตวิเคราะห์
กลุ่มจิตวิเคราะห์กลุ่มจิตวิเคราะห์
กลุ่มจิตวิเคราะห์
Sarid Tojaroon
 
Need respect,self esteem
Need respect,self esteemNeed respect,self esteem
Need respect,self esteem
Mett Raluekchat
 
Social psychology1
Social psychology1Social psychology1
Social psychology1
csmithikrai
 
บทนำเกี่ยวกับจิตวิทยา Present
บทนำเกี่ยวกับจิตวิทยา Presentบทนำเกี่ยวกับจิตวิทยา Present
บทนำเกี่ยวกับจิตวิทยา Present
Kobchai Khamboonruang
 
02 พัฒนาการ
02 พัฒนาการ02 พัฒนาการ
02 พัฒนาการ
aaesahasmat
 
Presentation1
Presentation1Presentation1
Presentation1
olivemu
 
Kamjorn tuntaned
Kamjorn tuntanedKamjorn tuntaned
Kamjorn tuntaned
KamjornT
 

Similar to Part 31 (20)

04 develop2
04 develop204 develop2
04 develop2
 
การคิดอย่างเป็นระบบ การคิดแบบจินตนาการ การคิดแบบสร้างสรรค์
การคิดอย่างเป็นระบบ การคิดแบบจินตนาการ การคิดแบบสร้างสรรค์การคิดอย่างเป็นระบบ การคิดแบบจินตนาการ การคิดแบบสร้างสรรค์
การคิดอย่างเป็นระบบ การคิดแบบจินตนาการ การคิดแบบสร้างสรรค์
 
Psychology1
Psychology1Psychology1
Psychology1
 
Psychology1
Psychology1Psychology1
Psychology1
 
ทฤษฎีหลักการแนวคิดเกี่ยวกับการคิดและพัฒนาการคิด
ทฤษฎีหลักการแนวคิดเกี่ยวกับการคิดและพัฒนาการคิดทฤษฎีหลักการแนวคิดเกี่ยวกับการคิดและพัฒนาการคิด
ทฤษฎีหลักการแนวคิดเกี่ยวกับการคิดและพัฒนาการคิด
 
ชุดส่งเสริมความรู้ด้วยตนเองเรื่องอารมณ์และความเครียด
ชุดส่งเสริมความรู้ด้วยตนเองเรื่องอารมณ์และความเครียดชุดส่งเสริมความรู้ด้วยตนเองเรื่องอารมณ์และความเครียด
ชุดส่งเสริมความรู้ด้วยตนเองเรื่องอารมณ์และความเครียด
 
กลุ่มจิตวิเคราะห์
กลุ่มจิตวิเคราะห์กลุ่มจิตวิเคราะห์
กลุ่มจิตวิเคราะห์
 
Need respect,self esteem
Need respect,self esteemNeed respect,self esteem
Need respect,self esteem
 
ตั้งแกนใหม่ ให้ใจนิ่ง ก่อการครู.pptx
ตั้งแกนใหม่ ให้ใจนิ่ง ก่อการครู.pptxตั้งแกนใหม่ ให้ใจนิ่ง ก่อการครู.pptx
ตั้งแกนใหม่ ให้ใจนิ่ง ก่อการครู.pptx
 
Social psychology1
Social psychology1Social psychology1
Social psychology1
 
บทนำเกี่ยวกับจิตวิทยา Present
บทนำเกี่ยวกับจิตวิทยา Presentบทนำเกี่ยวกับจิตวิทยา Present
บทนำเกี่ยวกับจิตวิทยา Present
 
Chapter 11
Chapter 11Chapter 11
Chapter 11
 
02 พัฒนาการ
02 พัฒนาการ02 พัฒนาการ
02 พัฒนาการ
 
ความคิดสร้างสรรค์
ความคิดสร้างสรรค์ความคิดสร้างสรรค์
ความคิดสร้างสรรค์
 
1051202 จิตวิทยาการเรียนรู้ ชุด 1
1051202 จิตวิทยาการเรียนรู้ ชุด 11051202 จิตวิทยาการเรียนรู้ ชุด 1
1051202 จิตวิทยาการเรียนรู้ ชุด 1
 
Presentation1
Presentation1Presentation1
Presentation1
 
Kamjorn tuntaned
Kamjorn tuntanedKamjorn tuntaned
Kamjorn tuntaned
 
Affective2
Affective2Affective2
Affective2
 
Thinking
 Thinking Thinking
Thinking
 
Thinking
 Thinking Thinking
Thinking
 

Part 31

  • 1. บทที่ 3 การพัฒ นาบุค ลิก ภาพ เพือ มนุษ ยสัม พัน ธ์ ่
  • 2. บุค ลิก ภาพ ( Personality) การผสมผสานระบบ ต่า งๆ ภายในตัว บุค คล
  • 3. บุค ลิก ภาพ สำาคัญอย่างไร นั้น ........... มหาวิทยาลัยราชภัฎให้ความสำาคัญเป็นข้อที่.. ว่าไว้อย่างไร...............................
  • 4. การพูด แนะนำา ตนเอง • สั้น ๆ แต่ใ ห้ค รบ • มั่น ใจนำา เสนอตัว เอง • ไม่แ นะนำา จนมากเกิน ไป • ชัก จูง ให้น ่า สนใจ • ไม่ค วรใช้เ วลาเกิน 2 นาที
  • 5. บุค ลิก ภาพ หมายถึง
  • 6. บุค ลิก ภาพ หมายถึง รูป แบบพฤติก รรมทีม ล ัก ษณะ ่ ี เด่น รวมความคิด และอารมณ์ ซึ่ง เป็น ตัว กำา หนดให้บ ุค คลแต่ล ะบุค คลมี การปรับ ปรุง ตนเองให้เ ข้า กับ สภาวการณ์ใ นการดำา เนิน ชีว ิต ได้ อย่า งเหมาะสม
  • 7. บุค ลิก ภาพ ทั้งส่วนที่มองเห็นได้ชัดเจน เช่น การแต่งกายรูปร่างหน้าตา ลักษณะการพูด ระบบภายในซึ่งเห็นได้ไม่ชัดเจน เช่น ลักษณะอารมณ์ วิธีคิด ความ
  • 8. บุค ลิก ภาพ หมายถึง • บุค ลิก ภาพมีส ่ว นที่เ ป็น โครงสร้า ง ซึงเป็นบุคลิกภาพของบุคคลคนใดคน ่ หนึง่ ส่วนนี้ เป็นส่วนที่วัดได้ทั้งทางตรง และทางอ้อม
  • 9. ความสำาคัญของบุคลิกภาพ 1. ความมั่นใจ ผู้ที่มีบคลิกภาพดีย่อมภาคภูมิใจและ ุ มั่นใจ 2. สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมบุคคลได้ 3. ยอมรับข้อแตกต่างระหว่างบุคคล 4. ตระหนักในเอกลักษณ์ของบุคคล 5. การปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่น 6. ความสำาเร็จ ของการเป็นผู้มีบคลิกภาพดี ุ 7. การยอมรับของกลุ่ม
  • 11. ประเภทของบุคลิกภาพ 2 ประเภท 1. บุคลิกภาพภายนอก ได้แก่ รูป ร่าง หน้าตา การแต่งกาย การ วางตัว การพูด เป็นสิ่งที่ปรากฏ เห็นชัดสร้างความประทับใจแก่ผู้ พบเห็น
  • 12. 2. บุคลิกภาพภายใน ได้แก่ ความรู้สกภายในตัวบุคคล ึ สังเกตได้ยาก แต่ศกษาได้โดยการ ึ สัมพันธ์กัน เช่น ความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ ความยุตธรรม ความเป็น ิ มิตร จริงใจ
  • 13. ประโยชน์ของบุคลิกภาพ 1. แสดงให้เห็นถึงบุคคลประเภทต่าง ๆ 2. แสดงให้เห็นถึงผลรวมของพฤติกรรม ของบุคคลในองค์การ ชุมชน และ สังคม 3. เพื่อใช้เป็นแนวทางในการคัดเลือก บุคคลตามลักษณะ ความถนัด ความ สามารถ เพือทีจะแบ่งงาน มอบหมาย ่ ่ งานได้ตามความเหมาะสม
  • 14. 4. บุคลิกภาพที่ดีสามารถสร้างความ ชอบพอ เลื่อมใส ความยกย่อง นับถือจากบุคคลอื่น 5. บุคลิกภาพช่วยเสริมสร้างความ สามารถในการติดต่อกับผู้อื่น 6. บุคลิกภาพมีความสำาคัญในการ
  • 15. ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) •ทฤษฏี บุค ลิก ภาพ 1.1 ระบบพลังงานทางจิต 1.2 ความสามารถทางสมอง อ้างจาก จากหนังสือ จิตวิทยา อุตสาหกรรม
  • 16. มันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) ตวิทยาแบบจิตวิเคราะห์ ค้นพบและเชื่อว่า นุษย์ทำางานเป็น 3 ระดับ คือ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อพฤติกรรมของ แต่ละบุคคล ระดับ จิต ใต้ส ำา นึก UnConscious ระดับ จิตใกล้สำา นึก PreConsciou ต ใกล้ ระดับ จิต รูสำา นึก Conscious ้ อ้างจาก จากหนังสือ จิตวิทยา อุตสาหกรรม
  • 17. รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น เป็นความ รู้ความคิดของตนเอง รู้รอบต ความคิด • ระดับจิตรู้สำานึก Conscious /การรับ รู้ บัน ทึก ความจำา ระดับจิตไกล้สำานึก PreConscious แหล่ง สะสมความรู้ ความต้อ งการเห็น แก่ต ัว ความกลัว แรงกระตุ้น ที่ผ ิด ศีล ธรรม •ระดับจิตใต้สำานึก แรงขับ ที่ช อบความร้าพฤติก รรมที่ซ ่อ นเร้น ยแรง UnConscious ความปราถนาทางเพศ 93% ความปราถนาอย่า งไร้เ หตุผ ล ที่ย อมรับ ไม่ไ ด้
  • 19. พลัง ทางจิต 3 ส่ว นตาม ทฤษฎีข องฟรอยด์ •อิด (Id) •อีโ ก้ (Ego) • ซูเ ปอร์อ ีโ ก้ (Super Ego)
  • 20. ส่ว นความอยาก ความ ต้อ งการ กิเ ลส ตัณ หา รวม ไปถึง สัญ ชาตญาณทั้ง หลาย ที่ต ิด ตัว มนุษ ย์ม าตั้ง แต่เ กิด
  • 21. เป็น พลัง งานทางจิต ส่ว นที่ จะแสดงออกเป็น รูป พฤติก รรมตามพลัง ของ ฝ่า ยอิด หรือ ซูเ ปอร์อ ีโ ก้
  • 22. ส่ว นของคุณ ธรรมของแต่ล ะ บุค คล
  • 23. ทฤษฎีพ ัฒ นาการทางเพศของ ฟรอยด์ ามสุข(Freud’s Psychosexual Theory) อยู่ท ี่ป าก ด - 2 ขวบ ามสุข อยู่ท ี่ก ารใช้ท วารหนัก 3 ขวบ ามสุข อยู่ท ี่ก ารผูก พัน กับ บิด ามารดา 6 ขวบ ามสุข อยู่ท ี่ก ารเก็บ กดความแฝงเร้น ทางเพศ ไปสนส 12 ขวบ ามสุข อยู่ท ี่ก ารได้ส นใจเพศตรงข้า ม 13 - 18 ขวบ
  • 24. UNSTABLE หงุดหงิด โมโหง่าย กังวลใจ กระวนกระวายใจ แข็งกร้าว เคร่งขรึม ก้าวร้าว มองโลกในแง่ร้าย ตื่นเต้น ไม่พูดมาก ไม่ม ั่น คง เปลี่ยนแปลงง่าย ไม่สังคม เงียบ ใจร้อน INTROVERTED ปกปิด เปิด เผย EXTROVERTED วางเฉย มองโลกในแง่ดี มีความระมัดระวัง คล่องตัว มีความคิด มั่น คง ชอบสังคม รักสันติ ควบคุมตนเองได้ มีชีวตชีวา ิ เชื่อถือได้ ไร้กังวล สงบ ผู้นำา STABLE อ้างจาก จากหนังสือ จิตวิทยาอุตสาหกรรม แฮนด์ ไอเซงค์ (Hans Eysenck) ร.ศ.อำานวย แสงสว่าง
  • 25. กลไกป้อ งกัน ตนเอง กลไกป้อ งกัน ตนเอง มัก ทำา งานในระดับ จิต ใต้ส ำา นึก เพื่อ ลดความกัง วล หวาดกลัว รำา คาญใจ สับ สน การหาเหตุผ ลเข้า ข้า งตนเอง การปฏิเ สธ การเก็บ กด การซัด ทอด การแสดงปฏิก ิร ิย าแกล้ง ทำา ามกับความรู้สึกนึกคิดจร แสดงพฤติกรรมตรงข้ การสับ ทีไปสู่บุคคลอื่นหรือเหตุการณ์อื่นทีปลอดภัยกว่า ่ ่ การทดแทน
  • 26. บุค ลิก ภาพที่ ่ บุค ลิก ภาพที บุค ลิก ภาพที่ ่ บุค ลิก ภาพที 1. การแต่งกาย………………………. ด ี ี ดี ดี ไม่ ด ไม่ 2. การมองบุคคล…………………. 3. การพูด……………………………... 4. การเดิน….………………………... 5. การยืน……………………………….. 6. การนั่ง……………………………….. 7. การไอ/จาม……………………... 8. การรับประทานอาหาร…. 9. การหยิบของหรือสิงต่างๆ ่ 10. การแสดงความเคารพนับถือ 11. การทิ้งขยะมูลฝอยสิ่งปฏิกูล
  • 27. การพัฒ นา การพัฒ นา บุค ลิา ภาพ บุค ลิก ภาพ รร่า งกายเป็น ประจำ ก ะทานอาหารที่ด ีม ีป ระโยชน์ต ่อ การบำา รุง ร อนเพีย งพอ รจิต ใจ อนในวัน สุด สัป ดาห์
  • 28. การจูง ใจ Motivation ายในหรือ กระบวนการทีพ ลัง งานทั้ง หลาย ่ งชี้น ำา พฤติก รรม งใจเป็น พลัง ที่อ ยู่เ บื้อ งหลัง พฤติก รรม พลัง ของการจูง ใจจะปรากฎขึ้น ต่อ เมื่อ บุค คลถูก รอย่า งใดอย่า งหนึ่ง แม้ว ่า จะชอบหรือ ไม่ช อบ ายที่จ ะกระตุ้น ให้ม นุษ ย์เ คลื่อ นไหวโดยให้เ คล หมายทีก ำา หนดไว้เ ฉพาะเจาะจง ่
  • 29. ทฤษฎีม าสโลว์แ ละการ 5 จูง ใจในการทำา งาน 4 ความสำา เร็จอ งการ ความต้ ด้ว ยตนเ ความต้อ งการ น บุค คลที่ร ู้จ ัก เป็ 3 การยอมรับ นับตนเองดีว ่า มีค วาม ถือ สามารถที่จ ะเป็น อะไร ความต้อ งการ การยอมรับ 2 ทางสัง คม ความต้อ งการ เพื่อ น 1 ความปลอดภัย ความต้อ งการ อาชีพ มั่น คง ทางสรีร ะ อาหาร
  • 30. ทฤษฎี เฮิร์ทเบิร์ก hertzberg’s Theory ปัจจัยกระตุ้น ปัจจัยกระตุ้น มีโอกาสได้รับตำาแหน่ง ความพอใจในงานอาชีพ ความสำาเร็จ เพิ่มความรับผิดชอบ ทำา ให้เ กิด แรงจูง ใจ ในการทำา งานอยู่ใ น โอกาสความก้าวหน้า ระดับ สูง ธรรมชาติของงานทีทำา ่ ได้รับการยอมรับจากผู้บริหาร
  • 31. นโยบายบริษัท การจ่ายค่ความไม่พ อใจในงานอาชีพ าจ้าง สภาพเงื่อนไขการทำาง การจูง ใจ ทางด้านกายภาพ ในการทำา งานอยู่ใ น ความมันคงในอาชีพ ระดับ ตำ่า ่ ความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น คุณภาพของการนิเทศ
  • 32. ติด ตาม งานมอบหมาย 1 คราะห์ตนเอง คลิกภาพ ภายนอก …………………….. กษณะนิสย อารมณ์ ความชอบ ไม่ชอบ ……… ั ห้ผู้อื่นวิเคราะห์……………………….. ธีการปรับปรุงตนเอง ธีการพัฒนาตนเอง ส่งสัปดาห์หน้า
  • 33. งานมอบหมาย 2 สอบ.. การเสนอ พูด /นำา เสนอ บุค ลิก ภาพ 1. แนะนำา ตัว เองทุก ครั้ง เป็น ใครเรีย นสาขา อะไร ชัด ๆ ไม่ง ว เงีย ฉะฉาน... ั 2. พูด ให้เ สีย งเข้า ไมโครโฟน อย่า ชิด หรือ ห่า งเกิน ไป สอบสัปดาห์หน้า 3. อย่า พูด /นำา เสนอเนิบ ๆ ให้
  • 34. อัลเฟรด อัดเลอร์ (Adler)  กล่าวถึงทฤษฏีบคลิกภาพว่ามนุษย์มีปม ุ ด้วยมาตังแต่เกิด ดังนัน มนุษย์จึงแสดง ้ ้ พฤติกรรมต่าง ๆ เพือลบปมด้อย เพือ ่ ่ พยายามปรับตัวให้เข้ากับสังคมและการ ได้มาซึ่งอำานาจ การเลียงดูของพ่อแม่ ้ เป็นปัจจัยในการสร้างบุคลิกภาพ ที่ สำาคัญการเลียงดูทเข้มงวด หรือการ ้ ี่ ตามใจมากเกินไป ล้วนทำาให้เกิดผลเสีย
  • 35. (ต่อ) ย่อมทำาให้เกิดบุคลิกภาพที่มความเชือมัน ี ่ ่ ในเองมีวฒิภาวะ มีความรับผิดชอบ ุ สามารถปรับตัวและดำาเนินชีวิตอย่างมี สุข Adler เชือว่า ลำาดับในการเกิด ่ อิทธิพลต่อบุคลิกภาพ ดังนี... ้
  • 36. ลูกคนหัวปี มีความเป็นผู้นำาสูง มีความรับผิด ชอบ เป็นคนมุ่งมั่น ค่อนข้างก้าวร้าว ขี้อิจฉา เคร่งเครียด จังจังต่อ ชีวิต
  • 37. ลูกคนรอง มีบคลิกภาพ สนุกสนาน รื่นเริง มี ุ ความรับผิดชอบ ไม่ชอบหรือไม่ สนใจทีจะเป็นผู้นำา ชอบแข่งขัน ่ ค่อนข้างใจน้อย โดยเฉพาะถ้าอยู่ใน ครอบครัวทีพอแม่ ให้ความสำาคัญ ต่อ ่ ่ ลูกไม่เท่ากัน ลูกคนรองจะมีความรู้สก ึ น้อยเนือตำ่าใจ ้
  • 38. ลูกคนสุดท้อง มีบุคลิคภาพอ่อนไหวง่าย ใจน้อยเนื่องจากคิดว่าตนเอง เป็นศูนย์รวมแห่งความสนใน ของคนในครอบครัว ไม่ค่อย สนใจความรู้สึกของผู้อน ชอบ ื่ ให้ผู้อนตามใจ ไม่ชอบการ ื่
  • 39. ลูกโทน มีความเชื่อมั่นในตนเอง เอาแต่ ใจแต่มี ความรับผิดชอบน้อย มักขาดระเบียบวินัย ตามใจตนเอง ไม่ค่อยเชื่อฟัง ถือ
  • 40. การบ้าน ทำาในสมุด อ่านเรื่องบุคลิกภาพกับความสำาเร็จใน ชีวิต หน้า 90 แลตอบคำาถามต่อไปนี้ 1. เคล็ดลับในการสร้างเสน่ห์ทำาได้ อย่างไร 2. นักศึกษาคิดว่าอาชีพใดบ้างต้องมีการ พัฒนาบุคลิกภาพเพื่อความสำาเร็จ 3. คนที่มบุคลิกภาพดีสามารถสังเกตได้ ี จากอะไรบ้างในความคิดของนักศึกษา
  • 41. การบ้าน ทำาในสมุด อ่านเรื่องบุคลิกภาพกับความสำาเร็จใน ชีวิต หน้า 90 และตอบคำาถามต่อไป นี้ 1. เคล็ดลับในการสร้างเสน่ห์ทำาได้ อย่างไร 2. นักศึกษาคิดว่าอาชีพใดบ้างต้องมีการ พัฒนาบุคลิกภาพเพื่อความสำาเร็จ 3. คนทีมีบคลิกภาพดีสามารถสังเกตได้ ่ ุ
  • 42. องค์ป ระกอบของ บุคษณ์ท างกาย 1.1 รูป ลัก ลิก ภาพ มาดต้อ งตา 1.2 ภูม ป ัญ ญาดี - สือ ความ ิ ่ หมายดี วาจาต้อ งใจ - สร้า ง ทั้ง หมดเป็น ศรัท ธา 1.3 การควบคุม อารมณ์ทรง - ดี Total Message คุณ ค่า
  • 43. บุค ลิก ภาพของมนุษ ย์ ให้ผ ู้แ สดงโดดเด่น +เป็น สง่า 1.1 รูป ลัก ษณ์ท างกาย มาด ต้อ งตา (Physical/ Body Language) สีห น้า รูป ร่า งหน้า ตา สายตา กิร ิย าท่า ทาง
  • 44. ลิก ภาพและการสมาคม • การสมาคมเป็น การพัฒ นา บุค ลิก ภาพ • บุค ลิก ภาพเป็น พื้น ฐานของ ศาสตร์แ ละศิล ปะ ในวิช ามนุษ ย์ส ัม พัน ธ์ • สมาคมที่จ ะกล่า ว รวมทั้ง
  • 45. บุค ลิก ภาพและการสมาคม • การสมาคมเป็น การพัฒ นา บุค ลิก ภาพ • บุค ลิก ภาพเป็น พื้น ฐานของ ศาสตร์แ ละศิล ปะ ในวิช ามนุษ ย์ส ัม พัน ธ์ • สมาคมที่จ ะกล่า ว รวมทั้ง บุค ลิก ภาพของ
  • 46. ารพัฒ นาตนเอง ส. เสน่ห ์ สำาเร็จ สมดุล สง่า สร้า งคุณ ค่า การพัฒ นาตนเอง สมอง สู่ค วามสำา เร็จ สัญ ญา/ สติ สัจ จะ สะอาด สงบ
  • 47. 1.2 ภูม ป ญ ญาดี - สื่อ ความ ิ ั หมายดี วาจาต้อ งใจ 1) พูด กับ “ใคร ” ใคร คือ ผู้ฟ ัง / ก ค้า ลู - นึก ถึง กาละเทศะ สภาพ แวดล้อ ม ผู้ฟ ัง มีข ้อ มูล อะไรแล้ว - เป็น รัฐ มนตรี ผู้บ ัง คับ บัญ ชา ข้า ราชการ นัก เรีย น ชาวบ้า นทั่ว ไป ???
  • 48. 2) พูด ในโอกาส “อะไร””” - การนำา เสนอในทีป ระชุม สั้น ๆ ่ การบรรยาย โอวาท ปราศรัย กล่า ว ต้อ นรับ - งานแต่ง งาน สอน 3) พูด ที่ “”“ไหน””” - ในที่ป ระชุม คณะกรรมาธิก าร ส.ส./ สว. - ห้อ งประชุม เวทีห ้อ งประชุม
  • 49. ข้อ ฝากในการนำา เสนอ พูด /นำา เสนอ “อย่า งไร” 1. แนะนำา ตัว เองทุก ครั้ง เป็น ใครเรีย นสาขา อะไร ชัด ๆ ไม่ง ว เงีย ฉะฉาน ั 2. พูด ให้เ สีย งเข้า ไมโครโฟน อย่า ชิด หรือ ห่า งเกิน ไป 3. อย่า พูด /นำา เสนอเนิบ ๆ ให้
  • 50. 5. ดูท ี่เ หตุก ารณ์ ความเหมาะสม + เวลา (หาก งานสำา คัญ ควรเตรีย ม ด้ว ยตัว เอง) 6. อย่า ใช้เ วลานำา เสนอนาน เกิน ไป 7. อย่า แสดงความอวดรู้ การ ข่ม ท่า น การกระทบ/ กระแทกผูฟ ัง หรือ บุค คลอื่น ้
  • 51. 8. บอกหัว ข้อ ผู้ฟ ง ก่อ น ควร ั มีป ระเด็น ลำา ดับ ตาม ประเด็น จะได้ฟ ง แล้ว ั เข้า ใจง่า ย ๆ
  • 52. 9. มีข อ มูล /ตัว เลข ปลีก ย่อ ย ้ คอยเสริม หรือ อธิบ าย ความ แยกแยะบางจุด และต้อ งแม่น 10. พยายามให้ม ก ารเชือ ม ี ่ โยง - ให้เ ห็น ภาพ 11. หยิบ เหตุก ารณ์ป ัจ จุบ น ั
  • 53. 1. การควบคุม อารมณ์ 3 ใจต้อ งเยี่ย ม E
  • 54. ร้า งเสน่ห ์ด ้ว ย รรมะ พรหม วิห าร 4 เมตตา กรุณ า มุท ิต า อุเ บกขา หนังสือหน้า 87
  • 55. 1.4 ตัว อย่า งปุจ ฉาด้า น มารยาทและการวางตัว ไปร้า นหนัง สือ โทรศัพ ท์ม ือ ถือ ดัง ขึ้น คนรับ พูด โทรศัพ ท์เ หมือ น อยู่ใ นบ้า น
  • 56. เกร็ด มารยาททาง สัง คมที่พ ง ปฏิบ ต ิ ึ ั
  • 57. 1. ช่ว ยเหลือ ผูอ ื่น บ้า ง โดยเฉพาะ ้ สุภ าพสตรี และ ผูส ูง อายุ เพือ ทำา ให้ค นอื่น พึง ้ ่ พอใจ ทัง การแนะนำา ้ ชวนสนทนา 2. มีค วามสำา รวม และสำา รวจตัว เอง ก่อ นไปงานสัง คม
  • 58. 3. การโทรศัพ ท์ไ ปถึง บุค คลอืน ่ หรือ ผูใ หญ่ โปรด ้ แนะนำา ตัว เองก่อ นเสมอ (เป็น ใคร ตำา แหน่ง อะไร) หลัก สำา คัญ ไม่ค วรใช้ค วาม สะดวกของผูพ ด ้ ู ไปทึก ทัก ว่า คู่ส นทนาที่เ ราพูด อยู่
  • 59. . 4.ถ้า ผูโ ทรศัพ ท์เ ป็น ผูใ หญ่/ ้ ้ ้ ผู บริห าร ต้อ งขอโทษและ เรีย นถามว่า มีธ ร ะหรือ สะดวกทีจ ะ ุ ่ อนุญ าตพูด ได้ หรือ ไม่ โดยเฉพาะโทรศัพ ท์ม อ ื ถือ โปรดระลึก ว่า เราสะดวก เราจึง โทรไปหา แต่ ผูร ับ อาจไม่พ ร้อ ม ้ หรือ สะดวกทีจ ะพูด ควรต้อ ง ่
  • 60. 6. ไม่ค วรเอยอ้า งถึง ผูม ช อ เสีย ง ้ ี ื่ หรือ ผูโ ด่ง ดัง ้ เพือ ทำา ให้ต นเป็น ผูส ำา คัญ ขึ้น มา ่ ้ 7 ไม่ค วรซุบ ซิบ นิน ทาท่า มกลางวง สนทนา สาธารณะ หรือ พูด เรื่อ งข่า วลือ อย่า งซำ้า ซาก ไม่ค วรตั้ง คำา ถามๆ ว่า “ทำา ไม”
  • 61. 9. เวลาพูด อย่า เสีย งดัง จนกลาย เป็น การตะโกน แต่ใ ห้พ ด พอจะได้ย น หรือ เข้า ใจ ู ิ อยู่ท า มกลาง ่ ผู้อ น มิค วรใช้เ สีย งจากการใช้ ื่ โทรศัพ ท์ม อ ถือ ื ไปรบกวนผู้อ น และอย่า มีก ิร ิย า ื่ ซุบ ซิบ ประเจิด ประเจ้อ เช่น กัน 10. ฝึก ระดับ เสีย งตนเองให้ม ร ะดับ ตำ่า ี นุ่ม นวลใช้
  • 62. 11. ฝึก พูด คำา ว่า ได้โ ปรด ขอบคุณ ยิน ดี ขอโทษ ให้ต ิด ปากเป็น ธรรมชาติ คำา เหล่า นีเ ป็น ้ เครื่อ งสำา อาง ทางสัง คม เรีย ก คำา ว่า “คุณ ” ลอยๆ ดูจ ะแข็ง เกิน ไป ควรบอกด้ว ย ชือ ของท่า นเหล่า ่ นั้น ด้ว ย จะทำา ให้ด ใ ห้เ กีย รติ ู
  • 63. 13. ปฏิบ ัต ิต ่อ คนอื่น อย่า งทีค ุณ ่ หวัง จะได้ร ับ การ ปฏิบ ัต ิอ ย่า งนั้น กับ ตัว เอง การ รับ ไหว้พ ง ระวัง ึ อย่า ให้เ ป็น แบบขอไปที และ หากไม่ร ับ ไหว้เ ลย จะดูไ ม่ง าม ไม่ไ ด้ม วลชน 14. ควรปฏิบ ัต ิต ่อ หู จมูก และส่ว น
  • 64. 15. ไม่เ คี้ย วหมากฝรั่ง ระหว่า ง งานพิธ ีก าร การ ประชุม การฟัง บรรยาย ลด การนัง ไขว่า ห้า งใน ่ งานพิธ ี และนัง กับ ผูใ หญ่ ่ ้ โดยเฉพาะแถวหน้า การนั่ง สนทนากับ ผูใ หญ่พ ึง ้ ระวัง ความสำา รวม 16. โปรดงดวิจ ารณ์ร ูป ร่า งหน้า ตา
  • 65. 18. “4” คำา ที่ม ค วรใช้ใ นการเจรจา … ิ ไม่ใ ช่ ใช่ ไม่เ คย ไม่ท ราบ … คำา ว่า “มิไ ด้” “ขอ ประทานโทษ” เป็น คำา ที่ ไพเราะ 18. มารยาทการเข้า คิว เป็น เสน่ห ข อง ์ คนตะวัน ตก อย่า เร่ง คนทีอ ยู่ห น้า เรา ไม่ว ่า จะ ่ ใช้ค ำา พูด หรือ อากัป กิร ิย าก็ต าม 20. ระมัด ระวัง การสูบ บุห รี่พ รำ่า เพรื่อ
  • 66. 21. ควรมีน ามบัต รติด ตัว ไปในงาน สำา คัญ ๆ การ เก็บ นามบัต รไว้ใ นกระเป๋า กางเกงไม่ส ุภ าพ ควรบัน ทึก ไว้ใ นนามบัต รทีไ ด้ ่ รับ ว่า ผูม อบเป็น ใคร ้ พบปะกัน ทีไ หน มีอ ะไรเป็น จุด ่ เด่น และวัน ที่