More Related Content
Similar to 6. กัณฑ์ที่ ๖ จุลพน ๓๕ พระคาถา (20)
More from สุเมธี ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral) (20)
6. กัณฑ์ที่ ๖ จุลพน ๓๕ พระคาถา
- 1. หมวด: ต ้นแบบเทศน์มหาชาติ ๑๓ กัณฑ์ ๑,๐๐๐ พระคาถา
เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์, 30 สิงหาคม 2556 16:54
เขียนโดย manop
ฮิต: 8070
กัณฑ์ที่ ๖ จุลพน ๓๕ พระคาถา
กัณฑ์จุลพน http://www.mahachat.com/index.php/kan-6?tmpl=component&...
1 of 5 26/5/2559 19:51
- 2. พระมหาสม สุทฺธิปภาโส
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหลักสี่ พระอารามหลวง
พระนิพนธ์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
--------------------------------
เอวํเจตปุตฺโต พฺราหฺมณํโภเชตฺวา ปาเถยฺยสฺสตฺถาย ตสฺส มธุโน ตุมฺพญฺเจวปกฺกมิคสตฺถิญฺจทตฺวา มคฺเค ฐเปตฺวา
ทกฺขิณหตฺถํอุกฺขิปิตฺวา มหาสตฺตสฺส วสโนกาสํอาจิกฺขนฺโต อาห
(1) เอวํเจตปุตฺโต อันว่าวนพเนจรเจตบุตรมฤคลุททพรานไพร ใจนี่กวดเก่งกักขฬะกล้าแข็งกําแหงห้าวขัดห้าง
นอนในพนัสราวอรัญญิกประเทศอันบรมรัญญาเจตราชดํารัสสั่ง ตั้งไว้ให้ตรวจตระเวนระวังด่านประตูดงแดนไพร สุตฺวา เมื่อ
ได้สดับพฤฒาเฒ่าชราชูชกทลิทกชาติ ไม่รู้กลที่ตาแกแสนฉลาดด้วยเล่ห์ลิ้นหลักแหลมในเชิงลวง บอกว่าเป็นพระทูตหลวงอัน
ลือชา นําซึ่งศุภลักษณสาราราชสาส์น แห่งพระผู้ผ่านพิภพสีพี ให้ออกมาเชื้อเชิญพระยาชีศรีบรมบพิตรพงศ์ทิพากร เข้าไปสู่พระ
นครกรุงไกร เจตบุตรก็สิ้นสงสัยไม่เคลือบแคลง สําคัญคะเนแจ้งว่าจริงดังวาจา พฺราหฺมณํโภเชตฺวา จึงยังพราหมณ์ให้ภัตตกิจกิน
มธุมังสังย่าง ต่างกระยาโภชน์พอกําเลาะแรง ปาเถยฺยํที่ยังเหลือเนื้อย่างแห้งก็ห่อหิ้วให้เป็นพวง ทั้งนํ้าผึ้งก็ตักตวงใส่เต้าเต็ม
บริบูรณ์ จัดให้ธชีไปเป็นต้นทุนตามมรรคา ทกฺขิณหตฺถํอุกฺขิปิตฺวา จึงพาพราหมณ์ไปสถิตที่สถลต้นอรัญญวิถี แล้วก็ยกทักษิณ
หัตถ์ขึ้นชี้มรรคาพนาเวศเบื้องจะแนะนํานิเทศทุมาไม้แลไพรเขา อันเป็นที่สํานักเนาหน่อนฤเบศรเวสสันดรราช ก็กล่าวเป็นบาท
พระคาถา
เอส เสโล มหาพฺรหฺเม ฯฯ ชาตเวทํ นมสฺสตีติ
(2) มหาพฺรหฺเมดูกรมหาพราหมณ์พฤฒาเฒ่าผู้ถือสาส์น เอส เมาะเอโส ปพฺพโต อันว่าเขาพระหิมพานต์ภูมิพนัส
บรรพตพิสัยสูงเสมอเมฆเสโล เมาะเสลมโย เทียรย่อมศิลาลายแลอดิเรกอร่ามรุ่ง ราวกับรายรัตนมณีนพเก้าแกมเกิดกับก้อนผา
บ้างก็เรื่อเรืองเหลืองบุษยโมราจรูญร่วงเป็นสีรุ้งพุ่งพ้นเพียงอัมพรพื้นนภากาศบ้างก็เด่นแดงเป็นแสงดาดดุจดวงประพาฬเพ็ช
รประภัสสร ที่สีแสดก็สอดซ้อนสลับซับกับส่านเสน มรกตพุกามแกมกับโกเมนมุกดาหารเห็นพิจิตรดังเจียระไนอุไรเรียบ
ไพฑูรย์ทับทิมประเทืองเทียบปัทมราชรัตน์นิลแนมแกมพลอยผลึกเลื่อมเมลืองแสง ที่เขียวขาบก็คาบแข่งขจิตขจาย บ้างก็เป็นสี
อัญชนะช่อวิเชียรฉายโชติช่วงชัชวาลวาวประดุจดาวประกายพรึกพรายพร้อยประพร่างพรับเมื่อต้องแสงสุริยะก็ระยับวับวาบ
เป็นวุ้งแวววามวาวสว่างตา ที่ผุดเผินเป็นแผ่นผาภูตระเพิงพอก บางแห่งเห็นนี่ก็เงื้อมงอกเป็นแง่งํ้างุ้มชะโงกชะงันหงาย ลางเหล่า
ก็ทะลายลิลั่นสะบั้นบิ่นหินเห็นกระเด็นเดาะเหมือนบุคคลมาเข่นเคาะเราะร่อร่อนให้หรอร่อย เป็นรอยร้าวรานระคายควรจะ
พิศวง ที่เวิ้งวุ้งชะวากวงเวียนไศลไตรตรวยห้วยหุบคูหาเหวเห็นเป็นปล่องเปลวโปร่งปลอดตลอดแลละลิบละลานตา ที่ภาคพื้น
เป็นนํ้าผาพุพุ่งฟุ้งขจายเป็นสายโปรย ดุจไขสุหร่ายโรยร่วงเป็นเรณูน่าสรงสนาน ที่หินห้อยย้อยยานเป็นนํ้าหยัดหยาดหยดยะ
เยือกเย็นอย่างอมฤตยวารี ในท้องถํ้านั้นเป็นแท่นที่รโหฐานกาญจนแก้วเก็จประกอบกัน เป็นหลั่นหลั่นล้วนมโนศิลาลาด ย่อม
เป็นที่อาศัยไกรสรสิงหราชเริงแรง แสนสนุกทุกหนแห่งห้องเหมหิรัญรัตน์ไพโรจน์ เป็นที่ภิรมย์ปราโมทย์อมรพิมานมรุคณา
เดิน
ขึ้น
กัณฑ์จุลพน http://www.mahachat.com/index.php/kan-6?tmpl=component&...
2 of 5 26/5/2559 19:51
- 3. นิกรปีศาจสิง ทุกมิ่งไม้บรรดามีในคิรียประเทศพิเศษทรงทศเสาวคนธ์คันธขจรขจายฟุ้งจรุงใจเป็นอาจิณ คนฺธมาทโน จึงเรียก
นามชื่อศิขรินทร์คันธมาทน์บรรพต เหตุปรากฏกอปรด้วยไม้หอมสิบประการมี เชิญธชีจงครรไลเลียบระเบียบไม้ละเมาะมุ่งภิมุข
มาดหมายอย่าเหม่อเมิน โดยทิศอุดรเดินข้างเฉียงเหนือสําเหนียกไปหน้าโน้นก็หมู่ไม้มีอยู่มากมายหลายพรรณเพียงประหนึ่งว่า
พุ่มพนมฉัตร นีลา แลเขียวชอุ่มอัดออกอรชรช่อผกาเกิดทุกกิ่งก้าน อุคฺคตา ยอดทะยานเยี่ยมโพยมอย่างพยับเมฆมหิมา อญฺชน
ปพฺพตา ตะละหนึ่งว่าเนินพนมนิลอัญชนศิขรินทรรายเรียงระดับดงดูสล้าง ธวสฺสกณฺณา หน้าโน้นก็พฤกษาหูกวางยางยูงพะยอม
ใหญ่ สรรพซึกซากโศกไทรมะซางสาดสีเสียดสนสะพรั่ง พรรณรุกขะเต็งรังร่มเรียงเหียงหันมะหาดเห็นรโหฐาน สมฺปเวธนฺติ
ครั้นต้องพายุรําเพยพานรําพายพัด พรรณพฤกษ์ก็พร้อมกันไกวกวัดสะบัดโบก ต้นลํายอดก็โยงโยกอยู่โยนเยนเอนอ่อนทะท่าว
ทบอิวมาณวา เสมือนหนึ่งว่ามาณพหนุ่มน้อยที่หน้านวล ไม่เคยควรดื่มสุราเข้มคราวเดียวก็เสียวสร้านสิ้นสมปฤดี จะดํารงทรง
ซึ่งอินทรีย์ก็บ่มิได้ด้วยกําลังเมา อุปริ ทุมปริยาเยสุ บนยอดไม้นั้นเล่าก็ละเวงไปด้วยเสียงสกุณคณานิกรก็เพรียกพร้องกับกิ่ง
พฤกษาน่าพึงฟัง สงฺคีติโยวสุยฺยเร ระรี่เรื่อยราวกับเพลงขับอัปสรสุรางค์สุราทิพยเทวโลก นชฺชุหา ล้วนคณานิกรโพระดกดุเหว่า
ร้องสนั่นก้องอยู่ไม้โน้น แล้วก็โจนมาจับซึ่งไม้นี้ ร้องท้อกันซิกซี้จู๋จี๋จะจอแจสุรสําเนียงนั้นเซ็งแซ่ประสานศัพท์รับกับกิ่งรุกข์
เมื่อมารุตรําเพย รมยนฺเต ดูกรธชีเอ่ย สุนทรภิรมย์ไพเราะเหมือนจะเรียกสัญจรบุรุษให้หยุดร่มสําราญเริง เมื่อท่านถึงจึงประทับให้
บันเทิงบรรเทาร้อนนอนเสียสักตื่นหนึ่งจึงค่อยไปก็จะพบพระหน่อทัยธรรมาธิเบศเวสสันดรราช กับด้วยพระนุชนาฏมเหสี
สองดรุณโปดกดวงกษัริย์ทั้งสี่ทรงพระโสมนัสในอมรินทรสุราศรมอุดมไปด้วยเพศพิธีบวชบรรพชากร จมฺมวาสี ทรงพยัคฆ
จัมมาภรณ์ผูกชฎาเกศกระหมวดมุ่นเป็นมณฑล ถือขอเที่ยวเกี่ยวผลผลาพฤกษ์ประพฤติพรตพรหมจรรยา ฉมา เสติ บรรทมเหนือ
ใบไม้ปูปฐพีภูมิสถาน ชาตเวทํตั้งพิธีกองกูณฑ์กระทํานมัสการไม่ขาดวัน สําคัญว่าอริยธงไชยชายจีวร แห่งพระปัจเจกโพธิแต่
ก่อนนั้นแล
อมฺพา กปิตฺถา ปนสา ฯลฯ ชาตเวทํ นมสฺสตีติ
(3) มหาพฺรหฺเมดูกรมหาพราหมณ์พฤฒาจารย์จอมพระทูตหลวงอมฺพา กปิตฺถา ทางที่จะครรไลก็ไม้ม่วงหมู่
มะขวิดแขวนทุกขั้วขวั้น ปนสา หน้านั้นก็ขนุนเป็นขนัดแน่นอเนกผล ติดเต็มแต่โคนต้นตลอดยอดเยื่อยวงที่นํ้าขังขอดควรจะ
บริโภครสโอชา อุดมด้วยผลพะวาหว้าหวานวิเศษ วิเภทกา สมอพิเภกเทศไทยเป็นทิวแถวที่เถื่อนทาง ทั้งรังเลี่ยนตะเคียนคางแค
ข่อยมะค่าเคี่ยมขึ้นสะพรั่งพร้อมพรรณมะขามป้อมปู่เจ้าแจงจิกจันทน์ประจําป่า จารุติมฺพรุกฺขา เหล่ามะพลับพลองมะต้องแต้ว
มะตูมตาด มะเดื่อดกเด่นแดงดังแสงชาดประชุมช่อลออผล กทลิโย ทั้งกล้วยกล้ายก็เกลื่อนกล่นดังแกล้งกลั่นสรรมาปลูกไว้ใน
ดงดอน จันนวนนมนางไกรสรสรรพกล้วยสั้นทันตหัตถีก็มีอยู่มูนมอง หมู่โน้นก็หอมทองประเทืองปลี หวีเครือนั้นเต็มอ้อมเอม
โอชารส ท่านไปอย่ากลัวอดที่เถื่อนทาง มธุ ํ อเนลกํทั้งผึ้งร้างว่างแม่ไม่แหหวง เจริญรวงมธุรสวารี เชิญธชีจงชิมฉันให้ชื่นใจดับ
นั้นไปก็ไม้ม่วงหมู่อื่นอีกอยู่แออัด อยู่ริมรอบบริเวณวงวัดวนาศรมดูอุดมไปด้วยดอกออกผลพื้นพรรณขบเผาะบ้างก็กําเดาะดิบ
ห่ามทรามสุกทุกลําต้น เภงฺควณฺณา อัมพาผลมีพรรณเป็นสองสถาน บ้างก็เขียวปานประหนึ่งว่าหลังปาด ที่เหลืองเล่ห์สุพรรณ
ชาติชมพูนุทเหฏฺฐา ปุริโส ลําต้นแต่พอบุรุษหยุดยืนอยู่พื้นภาคภายใต้ก็เอื้อมเก็บกินได้สะดวกดาย ผลสวายหวานวิเศษทรง
สุคนธรสเจริญพันธุ์ หิงฺกาโร ปฏิภาติ มํตั้งจะอัศจรรย์ประจําดง ดังอยู่หึ่งๆ ในหิมเวศพนาสณฑ์สกลประเทศทิศาภาคภิรมย์ใจดัง
นันทวโนทยานในอมรแมน แสนสะพรั่งพร้อมไปด้วยพฤกษ์พร้าวตาลติดเต็มแต่ล้วนผล หล่นลงเดียรดาษที่ดินดาล เอตฺถ
พฺรหาวเน ในห้องพระหิมพานต์ภูมิพนัสเนินแนวอเนกไปด้วยถ่องแถวทุมาชาติประชุมดอกดูนี่หลายหลาก ตะละหนึ่งว่าช่าง
ชาญฉลาดหากพิจิตรผจงร้อยห้อยไว้ในแดนดง ดูอดิเรกเฉกฉายดังชายธงประเทืองทั่วทุกราวป่า นานาวณฺเนหิ ปุปฺเผหิ แต่ล้วน
สรรพมาลาสลับแสง อร่ามรุ่งราวกับจะแข่งคัคนัมพรพื้นนภากาศอันเด่นดาดไปด้วยดวงดาราราย ยังรุกขชาติที่ชายเชิงเขาเป็น
คันเขต กอปรด้วยเบญจโกฏฐ์เกตก์กฤษณากรรณิการ์แกมกับพุดดง เหล่ามะลุลีแลกาหลงกุหลาบล้วนลําดวนดอกดูสล้าง ปาฏลิ
โย ทั้งแคฝอยแลอ้อยช้างชูช่อเป็นชั้นๆ ประกวดกันทุกก้านกิ่ง โน่นก็บุนนาคกากะทิงกระถินทั้งกะทุ่มแลทองกวาวเหล่า
ทองหลางล้วนมะเกลือกลุ่มประคําไก่แลแก้วกุ่มมะรุมรัก ราชพฤกษ์สะพรั่งดอกดูดาษดา โกสมฺพลพุชา ธวา ทั้งขนุนสํามะลอ
โลดเลียบแลมูกหลวง หูทะลวงเป็นเหล่าๆ สรรพประดู่หมู่ตะเบาตะแบกเบญจบานไสวรังรุกขลําไยประยงค์แย้มสายหยุดแล
ยมโดย แต่ล้วนหล่นลงร่วงโรยรายดอกลงมูนมอง เหมือนบุคคลขนมากองไว้ตระการตาปลาสขลสนนิภา เพียงประหนึ่งว่าฟ่อน
ข้าวอันเต็มไปด้วยฟางก็ปานกัน ในห้องพระหิมวันต์นั้นแล
(4) มหาพฺรหฺเมดูกรมหาพราหมณ์รามวิสัย ตสฺสาวิทูเร โปกฺขรณี เบื้องหน้าแต่นี้ไปก็สระสนานนามชื่อว่า
โบกขรณี เป็นสี่เหลี่ยมเปี่ยมไปด้วยสินธุธารา ดังมณีมโนหรจินดาดวงดูสะอาด ริมบริเวณอาวาสศิวาศรมมโนรเมในภาพพื้นภูมิ
ภิรมย์เจริญใจดังทิพยโบกขรณีในสุนันทา ปทุมุปฺปลสญฺฉนฺนา ดาดาษไปด้วยบัวเบญจพิธพรรณประไพสี โกมลจงกลนีอเนก
แน่นในกระแสสินธุ์ สัตตบุษย์โกมุทหมู่ลินจงขยายบาน ในคิมหาเหมันตกาลกอปรด้วยดอกนี่ดาษดื่น กําหนดนํ้านั้นก็ตื้นแต่
เพียงเข่าควรจะปราโมทย์ด้วยเรณูเกสรสาโรชก็โรยรายร่วงลงในใบบัวระคนด้วยนํ้าค้างที่ขังกลั้วก็กลับข้นเข้าเป็นก้อนปรากฏ
ขึ้น
ขึ้น
กัณฑ์จุลพน http://www.mahachat.com/index.php/kan-6?tmpl=component&...
3 of 5 26/5/2559 19:51
- 4. นามชื่อว่าโบกขรมธุรสวารี วายนฺติ ดูกรธชี ยังมีพายุรําพายหลายจําพวกพัดกระพือหอบกอบเอาละอองเกสรอุบลไปปนปรุง
ปรายไว้ในอาศรมหอมระงมไปด้วยกลิ่นรื่นจรุงใจสิงฺฆาฏกา อันว่าผลกระจับใหญ่ย่อมเยียดยัดอยู่ท้องธาร ที่ขอบฝั่งนั้นก็พืช
ข้าวสารสาลีลออรวง เมล็ดขาวราวกับเพชรรัตน์หลวงจํารัสราย มจฺฉกจฺฉปพฺยาวิธา สรรพเต่าปลาทั้งหลายก็ลอยโลดโดดเล่นใน
มุจลินทร์สินธุธารา ทั้งเทโพโลมาก็มาดหมายหมู่สวายแสวงวัง ตะโกกกาแกมกับกดคลังเที่ยวกินไคลแล้วเคล้าคู่ นวลจันทร์
พรรณเนื้ออ่อนแอบอาศัยอู่แอ่งกะอุกอาย คางเบือนก็บังกายกับโกมล หมู่กะดี่ชะโดดุกก็โดดด้นดําลงดาลดิน กะโห้กะแหหา
อาหารกินทุกหนแห่ง คระครับคลายก็ว่ายแว้งฉวัดเฉวียนตามเฉนียนนอง แมลงภู่พาพวกตะเพียนทองล่องเล่นสลอนลอย สรรพ
ซิวซ่าปลาสร้อยก็สับสนระคนแข่งเคียงขนานเล่นเป็นคู่ๆ อุปยานกา พวกพรรณเปี้ยวปูหมู่หอยก็คลานครํ่าเล็มไคลในวาริน ทั้ง
กุ้งกั้งมังกรกุมภิลก็ผุดเผ่นเล่นนํ้าคะนองเชย ดูกรพราหมณ์เอ๋ย ประหลาดหลากด้วยรากอุบลบัวบังเกิดมีประมาณเท่างอนไถ เป็น
นํ้าเปรียงประปริ่มไหลใสสะอาดขาวราวกับขีโรทกมธุรสเจริญหวาน เชิญธอาจารย์จงบริโภคให้พอครอง นานาคนฺธสมีริตํยัง
หมู่ไม้ก็มูนมองมีอยู่ริมรอบขอบสระระดะดอกดูสลับสลอนต่างๆ คันธขจรขจาย กลิ่นรื่นรสระเหยหวนไม่หายหอมในหิมวันต์
สมฺโมทิเตวจะยังคนสัญจรไปถึงให้พึงเปรมเกษมใจด้วยสรรพบุปผาผกาไม้ที่เบิกบาน ระบุระบัดบนกิ่งก้านตลบอบอาบใจให้มัว
เมา หมู่แมลงมาศภมรก็คลึงเคล้าเอาชาติเรณูนวลผกาเกสร หึ่งๆ บินวะวู่ว่อนร่อนร้องอยู่โดยรอบขอบจัตุรัสโบกขรณี นานาว
ณฺณา พหู ทิชา เหล่าคณานิกรปักษีมีพรรณหลากหลายประหลาดเลิศล้วนกําเนิดเป็นสองหน เป็นฟองก่อนแล้วก็เกิดเป็นตัวตน
ต่อภายหลัง อญฺญมญฺญํปกูชิโน เสนาะไปด้วยสําเนียงสนั่นดงดังอยู่เพรงเพรียก เรียกกู่กันคลอแคลซ้อแซ้ประสานก นนฺทิกา
คณานิกรพิหคประหิตหงส์เหมห่านก็เหินบิน ลงลอยเล่นมุจลินท์ชโลทกกกกินเกสรบัวปิยา จโน นกกระสาพากันเมียผัวแสวง
ภักษ์มาปักป้อนโปดกในเรือนรัง ประนังเสียงอยู่เซ็งเซียบเหล่าอีลุ้มกะแลเลียบกะลิงลี้เข้าลับไม้พรรณกานํ้าก็ดําไล่เหล่ามัจฉา
ในวารี สกุณชาติทั้งหลายเหล่านี้ก็ย่อมอาศัยสระเสพภักษาหาร สําราญรังอยู่รุกขรอบติราเรียงร้องระงมไพร กุสเลเหวคนฺถิตา ป่า
นั้นก็รุ่งอร่ามไปด้วยพรรณบุปผาผกาบานประสานสีสลับกลีบดังแกล้งจีบประจงตรงปานประหนึ่งว่าข่ายทองประเทืองทั่วทุก
ถิ่นแถวควรจะทัศนาแนวในตําแหน่งวนาศรมแห่งพระเพศยันดรผู้เจริญพรหมประพฤติพรต พร้อมไปด้วยสองดรุณวโรรสราช
ชายา อันอยู่ในห้องหิมวานั้นแล
อิทญฺจ เม สตฺตุภตฺตํ ฯลฯ โส เต มคฺคํ ปวกฺขตีติ
(5) เบื้องว่าเจตบุตรพรานไพร พรํ่าพรรณนาแนะแนวพนัสลําเนาเขาแลไม้ให้แก่ธชีชูชกชราจารย์อันจะไปสู่
อาศรมสถานที่สถิต แห่งบรมบพิตรเพศยันดรดวงกษัตริย์พราหมณ์ก็โสมนัสเปรมปรีดิ์ จึงกล่าวสุนทรวาทีทางปฏิสันถาร ว่าดูกร
เจตบุตรผู้เป็นหลานสัลเลขดง สตฺตุภตฺตํข้าวสัตตูผงสัตตูก้อนกวนด้วยนํ้าผึ้งพิเศษหวาน อันอมิตตดาเยาวมาลย์ผู้มีพักตร์
ผ่องใส แกล้งประเจียนจัดประจงให้มาเป็นเสบียงเลี้ยงท้องที่เถื่อนทาง ตาจะแบ่งให้เจ้าบ้างบริโภคเล่นหลากหลาก ตามประสา
ยากที่กลางไพร เจตบุตรจึงตอบว่าขอบใจเจียวนะธอาจารย์สมฺพลํอันว่าขนมหวานวรวิเศษเสบียงป่า ที่คุณตาจะให้หลานๆ ก็
ไม่ประสงค์เชิญธอาจารย์จงเอาไปกินในอรัญวิถี ไปเถิดนะตรงนี้ ตรงมือหลานชี้อย่าเลินเล่อ เป็นทางน้อยรอยเร่อพอจุบาทบท
จรเดินได้แต่ผู้เดียวไม่เคี้ยวคด ตรงไปสู่อาศรมบทพระนักบวชบําเพ็ญฌาน ชื่อพระอัจจุตจอมใจอาจารย์อุดมเพศปงฺกทนฺโต ฟัน
ขาวพิเศษดังสีสังข์รชสฺสิโร ผมเผ้านั้นนะรุงรังระคนข้องไปด้วยละอองธุลีผง ทรงพยัคฆจัมมาภรณ์ลายละเลื่อมกับทั้งเล็บถือขอ
เที่ยวเกี่ยวเก็บกินผลไม้กระทําอัคคีวันทนบูชาไฟเป็นเนืองนิตย์โดยพิสัยพระนักสิทธิ์สืบโบราณ ย่อมสถิตในสถานละแวกหว่าง
วนวิถี เมื่อท่านถึงจึงยอกรอัญชลีเคารพกราบกราน กระทําปฏิสันถารถามถึงมรรคา พระผู้เป็นเจ้าก็จะพรรณนาแนะนิทเทสเถื่อน
ทางให้ท่านไปสู่สํานักบรมไทยทานาธิบดีศรีเวสสันดร อันอยู่ในอาศรมสิงขรนั้นแล
ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห
อิทํ สุตฺวา พฺรหฺมพนฺธุ เจตํ กตฺวา ปทกฺขิณํ
อุทคฺคจิตฺโต ปกฺกามิ เยนาสิ อจฺจุโต อิสีติ
(6) ยํอตฺถํอันว่าอรรถอันใดยังมิได้แจ้งปรากฏ จุณฺณิยปเทในจุณณิยบทปัจฉาภาคภายหลัง ตํอตฺถํอันว่าสมเด็จ
พระบรมนาถศาสดาจารย์เมื่อจะโปรดประทานอรรถอันนั้นให้แจ้ง จึงตรัสว่า ภิกฺขเวดูกรสงฆ์ผู้กลัวภัยในวัฏสงสาร
พฺรหฺมพนฺธุ อันว่าเฒ่าผู้เป็นเผ่าภารทวาชโคตรทิชงควิสัย สุตฺวา เมื่อได้สดับสุนทรคดีสิ้นเสร็จสุด อันนายพเนจรเจตบุตรบอกแจ้ง
จําถนัด ในพนัสวิถีเถื่อนทุเรศ อุทคฺคจิตฺโต เฒ่าทลิเชษฐ์ก็ชื่นบานบันเทิงใจยกย่ามละว้าขึ้นใส่ไหล่สะพักแล่งละล้าละลัง
ปทกฺขิณํกตฺวา เฒ่าก็กระทําปทักษิณสิ้นตติยวารเวียนรอบชอบที อจฺจุโต อันว่าพระอัจจุตฤษีผู้สร้างพรต ยตฺถ ปเทเส สําเร็จ
อิริยาบถบําเพ็ญผลเพิ่มผนวชในประเทศที่ใด ปกฺกามิ เฒ่าก็บ่ายพักตรเฉพาะไปตํปเทสํสู่ประเทศที่นั้นแล ฯ
เดิน
ขึ้น
เดิน
ขึ้น
ขึ้น
กัณฑ์จุลพน http://www.mahachat.com/index.php/kan-6?tmpl=component&...
4 of 5 26/5/2559 19:51