SlideShare a Scribd company logo
1 of 20
ตอนที่ 2

13. เล่าสิ้วบุนซกเป็นกองบู๊
        ขณะนั้นมีชายคนหนึงชื่อเงียมขี และเงียมขีคนนี้ได้สาบานเป็นน้องเงี
                            ่
ยมจูเหลง แต่ก่อนอยู่บ้านป่าเข้ามาคำานับบอกแก่เงียมจูเหลง ว่าข้าพเจ้าจะ
เข้าไปเป็นทหารครั้งนี้ท่านช่วยพิเคราะห์ดูร้ายดีประการใด เงียมจูเหลง
พิเคราะห์ดูยามตามตำารารู้ว่าร้าย จึงว่าท่านอย่าเพ่อเข้าไปงดอยู่ก่อนให้พ้น
ยามร้ายค่อยไปแต่ครั้งหลัง เงียมขีได้ฟังเงียมจูเหลงห้ามก็โกรธ จึงว่าเราจะ
รีบไปเอาที่จอหงวนทหารเอกก่อนทหารทั้งปวง ท่านจะห้ามให้ช้าเล่า เราจะ
ไปให้ได้ในเวลาวันนี้ เงียมจูเหลงจึงว่า ถ้ามีฟังเราห้ามท่านจะไปตายด้วย
คมอาวุธ เงียมขีได้ฟังยิ่งโกรธนักไม่คำานับ ลุกไปด้วยกำาลังโทโส เล่าสิ้วบุน
ซกเห็นดังนั้นจึงว่า เงียมขีจะไปถึงเมืองหลวงเป็นทางไกลไปตัวเปล่าจะเอา
สิ่งใดเลี้ยงชีวิต เงียมจูเหลงจับคำาที่เล่าสิ้วบุนซกถามนั้นมาเป็นเคล็ด
จับยามดูรู้ว่าได้ยามดีจึงบอกว่า ซึ่งท่านว่าจะไม่มีผู้ใดเข้าไปเป็นเพื่อนนั้น
ในเวลานี้จะมีผู้มาไปเป็นเพื่อน ช่วยแก้ไขท่านเมื่อครั้งอับจนได้อยู่อย่าวิตก
เลย ขณะนันมีชายสองคนชื่ออองป้าหนึ่ง ชื่อปังอี้หนึ่ง เป็นสานุศิษย์เงียมจู
              ้
เหลงแต่ก่อน ทั้งสองเข้าคำานับถามอาจารย์ว่า ชายหนุ่มผู้นี้มาแต่ไหน เงียม
จูเหลงจึงบอกว่าผู้มีบุญ เชื้อพระวงศ์พระเจ้าฮั่นโกโจ ชื่อเล่าสิ้วบุนซกมาหา
เรา จะคิดการกำาจัดศัตรูราชสมบัติ บำารุงแผ่นดินให้อยู่เย็นเป็นสุข คือเจ้า
นายของท่านแล้ว อองป้า ปังอี้ ดีใจนักคุกเข่าลงคำานับ เล่าสิ้วบุนซกรับคำา
นับไถ่ถามสนทนากันเหมือนกับข้ากับเจ้า ครั้นเวลาคำ่าลงท้องฟ้าแผ้ว
ปราศจากเมฆหมอก เงียมจูเหลงจึงพาเล่าสิ้วบุนซก เตงอู อองป้า ปังอี้ ขึน        ้
ไปนั่งบนร้านสูง จึงชี้บอกดาวจีหมุยดาวบริวารทั้งยี่สิบแปดดวงให้เล่าสิ้วบุน
ซกดู เล่าสิ้วบุนซกเห็นดาวรัศมีสว่างงาม จึงถามเงียมจูเหลงว่า ถ้าข้าพเจ้า
จะเข้าไปเมืองหลวงดาวจะเป็นประการใดเล่า เงียมจูเหลงจึงบอกว่าดาวจีห
มุยนี้ ท่านไปอยู่แห่งใดดาวก็จะย้ายราศรีตามไป เล่าสิ้วบุนซกจึงว่าดาวจีหมุ
ยมีรัศมีสว่างนัก จะย้ายตามข้าพเจ้าไปเมืองหลวง กลัวเกลือกมีผู้รู้จะบอก
อองมังทราบ ความทุกข์เหตุการณ์จะบังเกิดแก่ข้าพเจ้า จะคิดแก้ประการใด
เงียมจูเหลงจึงว่าถ้าดังนั้น จะสะกดรัศมีดาวจีหมุยมิให้ท่านมีอันตราย เงียมจู
เหลงจึงเรียกสานุศิษย์ตักนำ้าใส่ถาดล้างหน้า แล้วแต่ตัวถือกระบี่นั่งบริกรรม
มนต์ไสยศาสตร์ประมาณครู่หนึ่ง บันดาลดาวจีหมุยตกลงมาในถาดนำ้ารัศมี
รุ่งเรือง เล่าสิ้วบุนซกกับเตงอู อองป้า ปังอี้เห็นอัศจรรย์ประจักษ์แก่ตาสี่คน
เงียมจูเหลงอ่านมนต์สะกดรัศมีดาวเสื่อมหายแล้ว พาเล่าสิ้วบุนซกกับเตงอู
อองป้า ปังอี้ลงมาเข้าตึกนอนเป็นสุขทั้งสี่คน ครั้นรุ่งเช้าเงียมจูเหลงให้
สานุศิษย์แต่งโต๊ะเลี้ยงแล้ว จึงบอกเล่าสิ้วบุนซกว่าวันนี้เป็นยามปลอด ท่าน
กับเตงอู อองป้า ปังอี้เข้าไปอยู่ในเมืองหลวงทำาราชการเป็นทหารอองมัง
เถิดจะได้รู้คุ้นเคยกับทหารอันเกิดคู่สำาหรับบุญซึ่งตกอยู่ในออมังนั้น เงียมจู
เหลงเปลี่ยนชื่อเล่าสิ้วบุนซกใหม่ ให้เตงอู อองป้า ปังอี้เรียกเล่าสิ้วบุนซก
เป็นกองบู๊โดยตำาหรับ หวังจะให้ชื่อข่มทัพนามอองมัง จะให้กองบู๊เป็นเจ้า
จอมทหารปรากฎเกียรติยศในการสงคราม เงียมจูเหลงจึงสั่งกำาชับเตงอูว่า
ตัวท่านเป็นผู้ใหญ่เอาใจใส่ห้ามปราม กองบู๊ยังหนุ่มแก่ความนักชันษาไม่
ถึงที่จะมีบุญ ถ้าเห็นชอบที่จะฆ่าอย่าฆ่าจะได้ความเดือดร้อน แม้นเห็นที่
ชอบจะยิ่งอย่าเพ่อยิงความทุกข์จะถึงตัว เงียมจูเหลงจึงเขียนหนังสือกำาชับ
ส่งให้เตงอูฉบับหนึ่ง แล้วสั่งให้สานุศิษย์จัดเสบียงให้ไปกินกลางทาง กองบู๊
เตงอู อองป้า ปังอี้ คำานับลาเงียมจูเหลง ขึ้นขี่ม้าไปตามทางหลายวัน ถึง
เมืองหลวงลงจากม้าพากันเข้าไปอาศัยร้านแห่งหนึ่ง เป็นที่สำานักนั่งหยุดพัก
หายเหนื่อยทั้งสี่คน เข้าไปชมบ้านเมืองมั่งคั่งไปด้วยตึกกว้านร้านตลาดเป็น
ที่แสนสนุกนัก กองบู๊เข้าถึงประตูใหญ่ ให้คิดแค้นขึ้นมาด้วยอองมัง จะชิง
สมบัติของพระเจ้าเปงเต้ด้วยกำาลังโกรธไม่ทันยั้งวาจา ยกมือชี้เข้าที่ประตู
ใหญ่ว่า ถ้าสมคิดกูจะแก้แค้นอ้ายศัตรูราชสมบัติคืนเอาเมืองให้จงได้ เตงอู
อองป้า ปังอี้ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจนัก จึงจูงมือกองบีไปที่ไม่มีคนแล้วว่า ท่าน
ว่ากล่าวคำาทั้งนี้มีผู้ไปบอกอองมัง อองมังจะมาจับไปฆ่าพากันตายเสียเปล่า
อองป้ากับปังอี้ว่าแล้วสองคนแยกไปทางอื่น กองบู๊มิได้ว่าประการใด จึงพา
เตงอูเที่ยวไปตามถนนกลางเมือง มีขนนางผู้หนึงแห่มามีทหารหน้าหลังเป็น
                                        ุ         ่
อันมาก จึงถามเตงอู เตงอูไม่รู้จัก ชาวเมืองซึ่งเดินมาเคียงใกล้ได้ยินจึงบอก
ว่า ขุนนางผู้นี้ชื่อโซเหี้ยน กองบู๊ได้ยินบอกออกชื่อโซเหี้ยนมีความแค้นนัก
จึงกระซิบบอกเตงอูว่า อ้ายโซเหี้ยนคนนี้ฆ่าญาติวงศ์เราตายเป็นอันมาก พึ่ง
รู้จักหน้าวันนี้ ควรฆ่ามันให้ตายจึงจะหายแค้น กองบู๊ชักกระบี่จากฝักจะตาม
โซเหี้ยนไป เตงอูตกใจฉวยมือไว้แล้วว่าท่านทำาดังนี้ไม่ชอบ ถ้าเกิดความขึ้น
ตัวข้าพเจ้าผู้เดียวเหลือกำาลังนักจะคิดแก้ไขท่านนั้นขัดสน เมื่อข้าพเจ้าจะ
มากับท่านนี้อาจารย์ได้กำาชับสั่งทุกประการ เตงอูจึงพากองบู๊มายืนให้พ้นคน
แล้ว ส่งหนังสือเงียมจูเหลงให้กองบู๊ กองบู๊อ่านได้ความว่า ถึงที่ฆ่าอย่าฆ่า
ถึงที่ยิงอย่ายิง แม้นฆ่าจะได้รับความเดือดร้อน ถ้ายิงทุกข์จะถึงตัว กองบู๊
อ่านแล้วระงับลงไว้จึงว่า ถ้าท่านไม่ห้ามปรามข้าพเจ้าเห็นการที่คิดมาจะเสีย
เป็นมั่นคง กองบู๊จึงพาเตงอูเดินไปตามถนน ผู้คนเดินเบียดเสียดกันหนา
แน่น กองบู๊พลัดเตงอูไปแต่ผู้เดียวเที่ยวหาเตงอู พอพบเพื่อนรักคนหนึ่งพา
ไปกินสุรา กองบู๊เมาสุราแล้วกลับมานอนอยู่ที่สำานักอาศัย
14. อองป้ากับปังอี้เข้าสอบสวนเพลงอาวุธ
     ฝ่ายเงียมขีครั้นถึงเมืองหลวงจะเข้าไปในเมือง พอทหารแห่โซเหี้ยน
มา เงียมขีมิได้หลบหลีกเดินฝ่าทหารเข้าไป โซเหี้ยนเห็นดังนันก็โกรธว่าเงี
                                                          ้
ยมขีไม่ยำาเกรง จึงสั่งทหารให้จับเอาตัวเงียมขีไปฆ่าเสียนอกประตูเมือง
ขณะนั้นชาวเมืองพากันวิ่งออกไปดูเป็นอันมาก ฝ่ายเตงอูเที่ยวหากองบู๊ไป
พบอองป้ากับปังอี้ จึงพากันเที่ยวหากองบู๊มิได้พบ พอได้ยินคนทั้งปวงเดิน
พูดกันว่า ชายคนหนึ่งรูปร่างเป็นทหาร โซเหี้ยนให้จับตัวออกไปฆ่าเสียที่
นอกประตูใหญ่ เตงอูได้ยินดังนันคิดว่ากองบู๊ โซเหี้ยนจับไปฆ่าเสียตกใจนัก
                               ้
จึงพาอองป้า ปังอี้ไปโดยเร็วถึงประตูใหญ่ แลไปแต่ไกลเห็นคนตายคนหนึ่ง
ใขนึกสำาคัญว่ากองบู๊ ทั้งสามคนตกตะลึงอยู่ ครั้นได้สติขึ้นมาจึงเข้าไปยืน
พิจารณาดูคนตายนั้น จำาได้ว่าเงียมขีมิใช่กองบู๊ค่อยคลายหายความทุกข์ จึง
พากันกลับมาที่อาศัย เห็นกองบู๊ เตงอูจึงถามว่าท่านไปแห่งใดข้าพเจ้าทั้ง
สามเที่ยวตามหาไม่พบ กองบู๊บอกว่าข้าพเจ้าพลัดท่านไปพบเพื่อน พากัน
ไปกินสุราเมาแล้วกลับมานอนคอยท่านอยู่ เตงอูจึงว่าข้าพเจ้าเที่ยวตามหา
ท่านพอดิ้ยนข่าวว่าโซเหี้ยนฆ่าคนสำาคัญตาย ว่าจับท่านได้มีความตกใจวิ่ง
ไปดูจึงรู้ว่ามิใช่ท่าน คนที่ตายนั้นคือเงียมขี กองบู๊แจ้งความดังนั้นจึง
สรรเสริญชมว่า เงียมจูเหลงดูยามแม่นยำานักเหมือนเทพยดาอันมีจักรษุเป็น
ทิพย์ เงียมขีคนนี้ไม่เชื่อคำาเข้ามาหาที่ตายเอง กองบู๊กับเตงอู อองป้า ปังอี้
ทั้งสี่คนเข้ามาอาศัยร้านอยู่ที่นั้นหลายเวลา พอมีผู้มาบอกว่าเวลาพรุ่งนี้ออ
งมังจะออกมาดูทหารใหม่สอบอาวุธ ผู้ใดมีฝีมือจะให้เป็นที่จงหงวนนาย
ทหารเอก กองบู๊ได้ฟังดังนั้นยินดีนัก จึงปรึกษากันทั้งสี่คนว่าจะเข้าไปเป็น
ขุนนางนายทหารในอองมัง ตามคำาเงียมจูเหลงสั่งมา ครั้นเวลารุ่งเช้ากองบู๊
กับเตงอู อองป้า ปังอี้ พากันออกจากที่ร้านอาศัย พากันไปคอยอองมังอยู่
พร้อมกับทหารทั้งปวง ซึ่งจะเข้ามาสอบสวนเพลงอาวุธ ณ นอกประตูสนาม
       ฝ่ายอองมังครั้นเวลาจะออกเลือกจัดฝีมือทหาร จึงขึนรถพร้อมด้วย
                                                            ้
ขุนนางตามออกไปขึ้นบนพลับพลา ขุนนางฝ่ายซ้ายขวาเฝ้าตามตำาแหน่ง
จึงสั่งให้เอาเชือกแดงวงรอบสนามกันคนดูมิให้เข้ามาปนทหาร แล้วสั่ง
พนักงานแต่งโต๊ะเตรียมเลี้ยงผู้ซึ่งจะเข้ามาสอบสวนเพลงอาวุธเสร็จแล้ว ออ
งมังจึงร้องบอกว่า บรรดาผู้มีฝีมือชำานาญในวิชาทางทหารทั้งปวง จงเข้า
มาสอบสวนเพลงอาวุธในสนาม ถ้าฝีมือดีจะแต่งตั้งให้เป็นจงหงวนนาย
ทหารเอก แม้นฝีมืออย่างกลางจะให้เป็นขุนนางตามสมควร
    ฝ่ายอองป้ากับปังอี้ได้ยินอองมังสั่งดังนั้น จึงบอกกองบู๊ว่าข้าพเจ้าสอง
คนจะเข้าไปสอบสวนเพลงอาวุธลองฝีมือดูก่อน อองป้ากับปังอี้ว่าแล้วก็เดิน
เข้าไปถึงประตูสนาม พอพบหลีต๋งหนึ่ง อองเหลียงหนึ่ง ปินซิวหนึ่ง ต่างคน
ถามชื่อแซ่รู้จักกันทั้งห้าคน ตามกันเข้ามาคำานับอองมังแล้วยืนอยู่ในสนาม
อองมังจึงสั่งว่าให้ทหารใหม่ยิงเกาทัณฑ์ก่อน จึงรำาเพลงอาวุธซ้อมสวนฝีมือ
กันต่อภายหลัง ฝ่านทหารทั้งห้าคน จึงยิงเกาทัณฑ์แล้วรำาเพลงเอวุธชำานิ
ชำานาญรับรองป้องปัดว่องไวไม่แพ้ไม่ชนะกัน อองมังได้เห็นดังนันจึงเรียก
                                                                  ้
ทหารทั้งห้าคนเข้ามาให้กินโต๊ะ แล้วตั้งให้เป็นขุนนางนายทหาร
       ฝ่ายกองบู๊ยืนอยู่กับเตงอูนอกสนาม แลเห็นอองมังเลี้ยงโต๊ะนายทหาร
ใหม่มีใจแค้นจึงคิดว่า อองมังมันชิงสมบัติพระเจ้าเปงเต้ฆ่าญาติวงศ์กูเสีย
เป็นอันมาก ครั้งนี้ได้ท่วงทีอยู่แล้ว กูจะยิงเสียให้ตายจึงจะหายแค้น คิดแล้ว
ฉวยชิงเกาทัณฑ์ทหารที่ยืนอยู่ใกล้น้าวหน่วงยิงด้วยกำาลังโทโส คัน
เกาทัณฑ์หักออกไป อองมังเห็นดังนันก็โกรธ จึงสั่งทหารให้จับตัวกองบู๊ให้
                                       ้
ได้
    ฝ่ายเตงอูตกใจกลัว ไม่รู้ที่จะทำาประการใดหลบหลีกหนีเอาตัวรอด ออ
งมังจึงซักถามว่าหนุ่มน้อยนั้นมันชื่อใดเป็นแซ่ไหน จึงองอาจไม่กลัวอาญา
เข้ามาทำาการทั้งนี้เร่งให้การแต่ความจริง กองบู๊จึงตอบว่า ตัวข้าพเจ้าแซ่กิม
ชื่อห่ออยู่บ้านแขวงเมืองนำ่าเอี๋ยง สืบรู้ว่าท่านให้หาผู้ชำานาญวิชาฝ่ายทหาร
ข้าพเจ้าเข้ามาจะยิงเกาทัณฑ์ให้ท่านดู เกาทัณฑ์นั้นคันเก่าเป็นเคราะห์ของ
ข้าพเจ้า น้าวเกาทัณฑ์ลองกำาลังพอคันหักออกไปข้าพเจ้าจะแกล้งเข้ามา
คิดร้ายแก่ท่านหามิได้ อองมังไม่เชื่อจึงสั่งทหารให้เอาตัวไปฆ่าเสีย โอเอี๋ยง
ขุนนางผู้เฒ่าจึงว่ากล่าวทัดทานไว้ ว่าท่านจะเกลี้ยกล่อมทหารมีฝีมือดี มี
กฎหมายแจกไปทุกตำาบลต่างคนเข้ามา กิมห่อเป็นชาวป่าไม่มีอัชฌาสัย
น้าวหน่วงประคองเกาทัณฑ์คันหักออกไป ทำาให้เป็นข้อระแวงสงสัยว่าจะ
ประทุษร้ายต่อท่าน ซึ่งจะลงโทษให้สิ้นชีวิตนั้นข้าพเจ้าเห็นว่ากิตติศัพท์เล่า
ลือไป ผู้ที่มีคุณวิชาเกรงกลัวอาญาคิดท้อใจไม่เข้ามาจะเสียการ เห็นหาได้
ทหารฝีมือดีไม่ ข้าพเจ้าขอชีวิตกิมห่อไว้ครั้งหนึ่ง ถึงมาตรว่ากิมห่อจะมีฝีมือ
ดีประการใด อย่าเอาไว้เป็นทหารเลยจงขับเสีย อองมังได้ฟังดังนั้นเห็นชอบ
จึงสั่งทหารให้ขับกิมห่อเสียนอกสนาม ขณะนั้นพิถองหนึ่ง เกงต้านหนึ่ง ขับ
เอี๋ยงหนึ่ง เกียนถำาหนึ่ง มหารใหม่ทั้งสี่คนพากันเข้าไปในสนามยิงเกาทัณฑ์
แล้วสอบสวนเพลงอาวุธให้อองมังดู อองมังเรียกเอาทหารสี่คนมาไว้ให้กิน
โต๊ะตามพวกทหารใหม่ มีทหารคนหนึ่งสูงห้าศอกคืบสามนิ้ว หน้าขาวเป็น
มันเรื่อเหมือนแก้ว จักษุทั้งสองผ่องใสงามดังดาวเดินเข้ามาในสนาม ออ
งมังเห็นรูปงามสมควรเป็นขุนนางนายทหาร จึงถามว่าตัวชื่อใด อยู่บ้านไหน
ทหารผู้นั้นจึงคำานับว่า ข้าพเจ้าชื่องิมเหง อยู่บ้านเก๊กเอี๋ยง เข้ามายิง
เกาทัณฑ์สอบสวนเพลงอาวุธ จะเป็นทหาทำาราชการอยู่ในท่าน อองมังจึง
ให้ทหารเอาเกาทัณฑ์ขนาดใหญ่ทั้งสามคันมาวางไว้ต่อหน้า แล้วว่าท่านจง
เลือกเกาทัณฑ์พอสมควรแก่กำาลังชอบมือท่าน แล้วจึงยิงเกาทัณฑ์ให้เราดู
ฝีมือก่อน งิมเหงจึงขึนเกาทัณฑ์น้าวหน่วงประคองสายเกาทัณฑ์ต้านทาน
                      ้
กำาลังมิได้หักเสียสองคัน ยังแต่เกาทัณฑ์คันใหญ่ชอบมืองิมเหง งิมเหงถอย
ออกไปไกลเป้าร้อยก้าวแล้วยิงถูกใจดำาทั้งสามครั้ง อองมังเห็นงิมเหงยิง
เกาทัณฑ์แม่นมีความยินดีนัก จึงเรียกงิมเหงเข้ามาแล้วสั่งให้เป็นที่จงหงวน
นายทหารเอก ขุนนางคนสนิทผู้หนึ่งจึงว่าแก่อองมัง ซึ่งที่จงหงวนนี้เป็นเป็น
ที่ชอบใจแก่ผู้มีฝีมือฝ่ายทหาร ถ้าที่จงหงวนเป็นของงิมเหงแล้ว ผู้ที่มีฝีดีทั้ง
ปวงเห็นหาเข้ามาอีกไม่ ขอท่างจงว่างที่จงหงวนไว้เป็นส่วนกลางก่อน ให้
ทหารใหม่ทั้งปวงบรรดามาสอบสวนฝีมืองิมเหงดู ถ้าไม่มีผู้ใดสู้งิมเหงแล้ว
จึงให้ที่จงหงวนแก่งิมเหงต่อภายหลัง อองมังได้ฟังดังนันมิได้ว่าประการใด
                                                           ้
      ฝ่ายเกงต้านจึงออกมายืนกลางสนามร้องว่า ผู้ใดจะชิงเอาที่จงหงวน
ของเราไป ให้เร่งออกมาต่อสู่ฝีมือกับเรา อองมังเห็นดังนั้น จึงสั่งให้งิมเหง
กับเกงต้านขี่ม้ารำาเพลงอาวุธสอนสวนฝีมือกัน ฝ่ายสองนายคำานับรับคำาออ
งมังออกมา งิมเหงแต่งตัวสวมเกราะในใส่เสื้อสีชมพูถือง้าวใหญ่ขี่ม้าสีแสด
ห้อยพู่จามจุรีแดง ทั้งสองหูดูงามสมควรแก่ผู้ขี่
      ฝ่ายเกงต้านสวมเกราะใส่เสื้อเขียวขี่ม้าขาวห้อยชมพู่จามรีเขียว ถือทวน
คันยาวเจ็ดศอกคืบ ชักม้ารำาเพลงอาวุธเข้ารบกันกับงิมเหงหลายเพลง งิม
เหงทำาชักม้าเสียที่เกงต้านแทงด้วยทวนไม่ถูก ม้าเกงต้านซวนถลำาเข้าไป
งิมเหงจะฟันด้วยง้าวเป็นอาวุธยาวไม่ทันฟัน ฉวยชักเอากิมเปียวอาวุธสั้น
ซึ่งซ่อนไว้ในเสื้อแทงถูกเกราะเกงต้านตกลงจากหลังม้า อองมังเห็นมี
ชัยชนะมีความยินดีนัก จึงตั้งงิมเหงให้เป็นที่ไซซิวเจียงกุ๋น ฝ่ายขับเอี๋ยน
เห็นเกงต้านแพ้ก็โกรธ จึงขับม้าออกมาชวนงิมเหงรบ งิมเหงชักม้ารำาง้าวเข้า
รบกับขับเอี๋ยนได้สามเพลง งิมเหงทำาเสียทีขับเอี๋ยนไล่ถลำาเข้าไป งิมเหง
ฉวยชักอาวุธสั้นตีถูกขับเอี๋ยนตกม้าลง
    ฝ่ายเกียนถำาเห็นดังนั้น จึงขึนม้าออกรบกับงิมเหงไม่ทันถึงสามเพลง งิม
                                  ้
เหงยิงด้วยเกาทัณฑ์ถูกเกราะเกียนถำาตกม้าวิ่งหนีไป อองมังเห็นงิมเหงมี
ฝีมือกล้าแข็ง ชนะทหารทั้งสามคนแต่ในเวลาเดียว จึงสรรเสริญว่างิมเหง
ฝีมือดีควรที่จงหงวนทหารเอก โซเหี้ยนจึงว่าทหารที่มีฝีมือเหมือนงิมเหงนี้
จะยังมีอยู่ ให้งิมเหงควบม้าร้องเรียกทั้งปวงให้มาสอบสวนสู้รบงิมเหง ถ้า
ไม่มีผู้ใดเข้ามาต่อสู้แล้วจึงให้งิมเหงเป็นจงหงวน

15. ม้าบู๊ ชาวเมืองนำ่าเอี๋ยง
       ขณะนั้นมีทหารคนหนึ่ง รูปร่างโตใหญ่สูงห้าศอกคืบแปดนิ้ว หน้าเขียว
เหมือนสีหนังปูทะเล หนวดแข็งเหมือนลวดทองแดง ได้ยินดังนันจึงเข้ามา    ้
ยืนอยู่กลางสนามร้องว่าผู้ใดจะมาชิงเอาที่จงหงวนของเรานั้นเร่งออกมา
ต่อสู้ดูฝีมือกันกับเราก่อน อองมังเห็นดังนั้นจึงถามว่าท่านชื่อใดมาจาก
ที่ไหน ทหารผู้นั้นจึงคำานับแล้วบอกว่า ข้าพเจ้าชื่อม้าบู๊ ชาวเมืองนำ่าเอี๋ยง
จะเข้สมาสอบสวนเพลงอาวุธเอาที่จงหงวน แต่มาคอยอยู่ช้านานท่านไม่
เรียกข้าพเจ้า ท่านเรียกเอาแต่งิมเหงเข้ามาจะให้ที่จงหงวนนั้น ข้าพเจ้าจะ
ขอสอบสวนต่อสู้ดูฝีมืองิมเหงก่อน ถ้างิมเหงแพ้ข้าพเจ้าจะขอเอาที่จงหงวน
อองมังจึงสั่งให้งิมเหงกับม้าบู๊สอบสวนฝีมือกัน ม้าบู้สวมเกราะใส่เสื้อเขียวขี่
ม้าเขียว ถือง้าวใหญ่ออกยืนกลางสนาม
      ฝ่ายงิมเหงจึงขับม้าเข้ารบกับม้าบู๊ด้วยเพลงง้าวได้ยี่สิบเพลง อองมัง
เห็นงิมเหงกับม้าบู๊ต่างคนต่างว่องไวในเพลงอาวุธมิได้แพ้ชนะกันจึงร้อง
ห้ามออกไปให้หยุด ฝ่ายสองนายได้ยินอองมังห้าม จึงลงจากม้าเข้ามา
คำานับอองมัง อองมังจึงว่าแก่ม้าบู๊ซึ่งที่จงหงวนนันเราได้ยกให้งิมเหงก่อน
                                                     ้
แล้ว ตัวท่านมาภายหลังจงเป็นแต่ปางันทหารโทเถิด ม้าบูไม่ชอบใจจึงตอบ
                                                              ๊
ว่าข้าพเจ้ากับงิมเหงฝีมือทัดกันอยู่ ข้าพเจ้าจะขอสู้ดูฝีมือกับงิมเหงให้ถึงแพ้
ชนะ จะขอเอาที่จงหงวนทหารเอกให้จงได้ ซึ่งท่านจะให้ที่ปางันทหารโท
ข้าพเจ้าไม่ยอม อองมังจึงให้งิมเหงรบกับม้าบู๊ต่อไป ฝ่ายสองนายต่างคน
ขึ้นม้ารำาง้าวเข้าต่อสู้กันถึงห้าสิบเพลง ม้าบู๊ทำาชักม้าเสียที งิมเหงเงื้อง้าวฟัน
ไม่ถูกม้าบู๊ชักเชือกบ่วงบาศออกจากเสื้อซัดไปคล้องงิมเหง งิมเหงฉวยจับ
เชื่อกบ่วงบาศได้ ต่างคนชักฉุดกันอยู่
       ฝ่ายงอฮั่นเห็นดังนั้น จึงยิงเกาทัณฑ์ตัดเชือกบ่วงบาศขาดงิมเหงกับม้า
บู๊ยื้อแย่งเชือกชิงกัน ครั้นเชือกขาดมิทันยั้งตัวต่างคนตกม้าลง แล้วขึนขี่ม้า
                                                                          ้
จะเข้ารบกันสืบไป อองมังร้องห้ามว่าอย่ารบกันเลย ที่จงหงวนเป็นของงิม
เหงแล้ว ม้าบู๊จึงตอบว่าข้าพเจ้ากับงิมเหงมิได้เพลี่ยงพลำ้าแก่กันในการรบ
เหตุใดจึงจะให้เป็นทหารรองงิมเหงเล่า อองมังจึงตอบว่าท่านเสมอกับงิม
เหงแต่ฝีมือ รูปร่างไม่งามพร้อมเหมือนงิมเหง เราให้งิมเหงเป็นที่จงหงวน
ตัวท่านสมควรที่ปางันเป็นนายทหารเหมือนกัน ท่านอย่าเลื่อนตำาแหน่งเลย
ม้าบู๊จึงตอบว่า เดิมท่านแจกกฎหมายไปว่า ให้เข้ามาสอบสวนเพลงอาวุธผู้
ใดฝีมือดีจะให้ที่จงหงวน ถ้าเรารู้ว่าจะเลือกสันเอาทั้งรูปร่างด้วยฉะนี้ ถึง
มาตรว่าจะตายก็จะสู้ตายอยู่ในป่า หาพอที่จะเข้ามาให้ได้ความอัปยศแก่คน
ทั้งปวงไม่ อองมังได้ยินดังนั้นก็โกรธจึงสั่งทหารเลวให้ขับม้าบู๊เสีย ม้าบู๊มี
ความน้อยใจนัก เดินพลางบ่นว่าเกิดมาเป็นชายให้หนีที่มืดไปหาที่สว่างได้
พบผู้มีบุญจึงจะมีชื่อปรากฎในแผ่นดิน ซึ่งจะเอาตัวเข้าเกลือกกลั้วกับอ้าย
ศัตรูแผ่นดินอุปมาเหมือนบ่ายหน้ามาหาที่มืดฉะนีไม่ชอบ ม้าบู๊ไปถึงประตู
                                                     ้
เมือง จึงจารึกอักษรเป็นโคลงสี่บท ว่ากล่าวแก่อองมังเป็นข้อหยาบช้า
เขียนบอกชื่อไว้ว่า กูผู้ม้าบู๊ จารึกโคลงนี้ ผู้ใดอ่านแล้วเร่งไปบอกแก่อองมัง
ให้รู้ด้วย ม้าบู๊เดินไปตามทาง

16. ประกาศจับเล่าสิ้วบุนซกกับม้าบู๊
     ฝ่ายกองบู๊ ครั้นอองมังขับเสีย จึงออกมาเที่ยวหาเตงอู มิได้พบตลบคืน
เข้ามายืนดูทหารสอบสวนอาวุธ แจ้งความว่าอองมังสั่งให้ขับม้าบู๊เสีย มี
ความยืนดีด้วยจะได้ชักชวนไว้เป็นทหาร จึงตามม้าบู๊ออกไปทันม้าบู๊ที่พุ่มไม้
แห่งหนึ่ง แล้วเรียกม้าบู๊ให้หยุดอยู่ กองบู๊จึงบอกความตามที่คิดกันไว้แต่
หลังให้ม้าบู๊ฟงทุกประการ ม้าบู๊รู้ว่ากองบู๊เชื้อพระวงศ์กัตริย์ จะคิดการกำาจัก
               ั
อองมังสมกับความคิดดีใจนัก จึงคุกเข่าลงคำานับตามธรรมเนียมข้ากับเจ้า
แล้วว่าซึ่งจะเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงดังนี้มีผู้รู้ความว่าเป็นเชื้อพระวงศ์พระ
เจ้าเปงเต้ จะไปบอกแก่อองมัง อองมังจะสืบเอาไปประหารชีวิตเสีย การที่
คิดไว้จะไม่สำาเร็จเป็นมั่นคง ขอท่านจงออกไปอยู่ป่าซ่องสุมทแกล้วทหาร
เริ่มคิดการใหญ่ ข้าพเจ้าจึงจะไปเข้าด้วยช่วยทำาการกว่าจะสำาเร็จ อกงบู๊ได้
ฟังดังนันเห็นชอบรับคำาม้าบู๊ ทั้งสองให้สัญญาแก่กันแล้วม้าบู๊คำานับลาออก
         ้
ป่า กองบู๊กลับเข้ามาเที่ยวหาเตงอูไปถึงหอฮั่นหลิมอี๋ รู้จักกับผู้อยู่ที่นั้น ได้
คุ้นเคยกันเมื่อครั้งเรียนหนังสือแต่ก่อน กองบู๊เข้าอาศัยนอนเล่นพอหาย
เหนื่อยอ่อน ลมพัดมาเย็นๆ หลับไป
     ฝ่ายอองอูบุตรอองมังออกไปเรียนหนังสืออยู่ ณ ตังเก๋งเป็นหลายปีมิได้
มาในวัง วันนั้นอองอูพาทารกซึ่งเรียนหนังสือทั้งปวงเข้ามาเที่ยวเล่นหน้าหอ
อาลักษณ์ ทารกสิบคนเข้าไปในหออาลักษณ์ พบคนแปลกหน้ามานอนเห็น
เป็นมังกรเหลืองประคองอยู่ ต่างคนตกใจวิ่งออกไปจากหออาลักษณ์ เล่าสิ้ว
บุนซกตื่นขึ้นได้ยินเสียงพวกทารก พูดกันอื้ออึงจึงอกกจากหออาลักษณ์
หลีกหนีไป
      ฝ่ายอองมังครั้นดูทหารใหม่ซ้อมมือกัน จนเวลาตะวันบ่ายจึงขึนรถพา  ้
ขุนนางกลับเข้าวัง มาถึงหน้าตึกซึ่งจารึกชื่อบิดามารดา พอทารกสิบคนวิ่ง
เข้ามาคำานับบอกว่าในหอฮั่นหลิมอี๋มีหนุ่มน้อยคนหนึ่ง มีรัศมีเหมือนหมอก
มังกรเหลืองประคองอยู่ จะเป็นมนุษย์หรือเทพยดาหาแจ้งไม่ อองมังได้ฟัง
ดังนั้นจึงคิดว่า ชะรอยผู้มีบุญจะเข้ามาอยู่ กูจะเอาไปตั้งเป็นกษัตริย์พอพ้น
ความนินทาแล้วจะคิดฆ่าเสียด้วยอุบายไปภายหน้า จึงจะสิ้นเสี้ยนหนามวาย
วิตก อองมังคิดแล้วถือกระบี่ลงจากรถเดินไปหน้าหออาลักษณ์ เห็นอองอู
ซึ่งให้ไปเรียนอยู่เรียนหนังสือ อองมังแปลกไปสำาคัญว่าผู้มีบุญ อองอูเห็น
อองมังผู้บิดามาจะวิ่งหนี อองมังจับมือไว้แล้วว่า ท่านอย่าตกใจข้าพเจ้าจะ
ให้ท่านป็นเจ้า ว่าแล้วอุ้มพามาขึ้นรถไปถึงที่ออกขุนนาง เชิญอองอูขึ้นนั่งที่
สำาหรับกษัตริย์จะตั้งศักราชใหม่ พอมีผู้เข้ามาบอกว่ามีคนจารึกอักษรเป็นข้อ
หยาบช้าไว้ ณ ประตูเมืองหลวงนั้น เขียนชื่อบ้างมิได้บอกบ้าง อองมังจึง
กลับออกไปอ่านหนังสือที่ผู้เขียนไว้เป็นหลายแห่ง แต่หนังสือแห่งหนึ่งนัน           ้
ชื่อม้าบู๊อยู่บ้านโอเอี๋ยงกุ๋ยแขวงเมืองนำ่าเอี๋ยง เขียนไว้เป็นถ้อยคำาหยาบช้า
อองมังโกรธ จึงสั่งให้โซเหี้ยนเร่งตามจับเอาตัวอ้ายม้าบู๊มาฆ่าเสียให้จงได้
โซเหี้ยนคำานับลาไปจับเจ้าของร้านที่ม้าบู๊เคยสำานักมาให้อองมัง อองมังจึง
ซักถามว่าม้าบู๊อาศัยอยู่ร้านตัวแล้วบัดนี้ม้าบู๊อยู่แห่งใดจงบอกแต่ความจริง
ถ้าอำาพรางไว้จะเอาตัวเป็นโทษถึงชีวิต ชาวร้านตกใจกลัวอาญาจึงบอกว่า
ม้าบู๊มาเช่าร้านข้าพเจ้าอยู่ ครั้นรุ่งเช้าม้าบู๊ไปมิได้กลับมาคุ้มเท่าวันนี้ มิได้รู้
ว่าม้าบู๊จะไปแห่งใด อองมังจึงให้ปล่อยชาวร้านไปเสีย แล้วกลับมาประชุม
ขุนนางปรึกษาจะตั้งอองอูเป็นกษัตริย์ ด้วยคิดว่าเป็นเชื้อพระวงศ์รพะเจ้าฮั่น
โกโจ อองอูเห็นเห็นดังนั้นจึงคำานับอองมังแล้วถามว่า ท่านได้ราชการเมือง
หลวงอยู่แล้ว เหตุใดท่านจะตั้งข้าพเจ้าขึ้นเป็นกษัตริย์อีกเล่า อองมังจึงว่ามี
ผู้มาบอกข้าพเจ้าว่าท่านมีรัศมีมังกรประคองอยู่ ข้าพเจ้ารู้ว่าผู้มีบุญ จึงเชิญ
มาเป็นกษัตริย์บำารุงราษฎรให้อยู่เย็นเป็นสุข เหตุใดท่านจะถอยหลังเสียเล่า
อองอูเห็นบิดาแปลกคำานับแล้วจึงบอกว่า ข้าพเจ้าชื่ออองอูออกไปอยู่ตังเก๋ง
เป็นหลายปี มิได้มาบิดาแปลกข้าพเจ้าหรือ อองมังได้ฟังดังนั้นพิเคราะห์ดู
รูปทรงก็จำาได้ว่าอองอู มีความยินดีนัก จึงบอกแก่ขุนนางทั้งปวงว่า บุตรเรามี
บุญจะได้เป็นกษัตริย์สืบแทนเราไปภายหน้า
      ฝ่ายขุนนางซึ่งรู้เนื้อความแต่ก่อน จึงบอกว่าเมื่อท่านออกไปเลือกฝีมือ
ทหารใหม่ ข้าพเจ้าเห็นว่าเล่าสิ้วบุนซกเชื้อพระวงศ์พระเจ้าเปงเต้ ปลอมเข้า
มาชิงเกาทัณฑ์ทหารใหม่ยิงท่านคันเกาทัณฑ์หักจับตัวไว้ เล่าสิ้วบุนซกบอก
ว่าชื่อกิมห่อท่านปล่อยเสีย เข้ามาอาศัยนอนอยู่ ณ หออาลักษณ์ ซึ่งเด็ก
หนุ่มพวกเรียนหนังสือเข้ามาบอกว่าเห็นมังกรประคองอยู่มิใช้ผู้อื่น คือเล่าสิ้ว
บุนซกเป็นมั่นคง อองมังได้ฟังจึงตอบว่าเหตุใดรู้ความแล้วไม่บอกจะได้ออก
ไปค้นดูให้ทันที อองมังได้ฟังจึงสั่งให้โซเหี้ยนเร่งไปค้นหาเอาตัวเล่าสิ้วบุน
ซกมาให้จงได้ โซเหี้ยนคำานับลาพาทหารออกไปค้นในห้องอาลักษณ์ไม่พบ
จึงให้ปิดประตูเมืองหลวงสั่งทหารทั้งปวงให้เที่ยวค้นตามถนนร้านตลาดเป็น
อลหม่านทั้งเมืองก็ไม่พบ โซเหี้ยนกลับมาแจ้งความแก่อองมัง อองมังจึงให้
เขียนรูปเล่าสิ้วบุนซกมีมังกรประคองกับหนังสือไปปิดไว้ที่ประตูบ้านขุนนาง
และราษฎรทั้งนอกเมืองในเมืองว่า ถ้าผู้ใดจับตัวเล่าสิ้วบุนซกเป็นคนมีวิชา
มังกรเหลืองประคองรักษาอยู่กับม้าบู๊ ซึ่งเขียนหนังสือไว้เป็นข้อหยาบช้านั้น
ถ้าจับตัวมาได้ไพร่จะให้เป็นขุนนาง แม้นเป็นขุนนางแล้วจะเลื่อนที่มียศศักดิ์
ผู้ใดคบเอาตัวเล่าสิ้วบุนซกกับม้าบู๊ไว้ มีผู้มาบอกจะให้เป็นขุนนางโดย
สมควรแก่ความชอบ ผู้ซึ่งอำาพรางจะเอาตัวฆ่าเสียให้สิ้นเสามชั่วโคตร
บรรดาทหารอองมังแจ้งความในหนังสือนั้นต่างคนจะใคร่ได้ความชอบแยก
ย้ายกันเที่ยวด้อมมองตามช่องตรอกถนนหนทาง ค้นหาเล่าสิ้วบุนซกกับม้าบู๊
เสียงเป่าร้องบอกกันอื้ออึงทั้งเมือง

 17. เล่าสิ้วบุนซกซ่อนตัว
     ฝ่ายเล่าสิ้วบุนซก ครั้นหลบหนีจากหออาลักษณ์มาถึงตำาบลจินเหี้ยนก๋
วน แลไปกลางถนนเห็นทหารม้าเป็นหมู่มา เสียงเท้าม้าดังพายุ ดูทหาร
เที่ยวด้อมมองดังเสือจะจับเนื้อ เล่าสิ้วบุนซกเข้าไปแฝงตัวอยู่ริมสวนดอกไม้
ในบ้านขุนนาง ได้ยินชาวบ้านพูดว่า อองมังป่าวร้องให้ชาวเมืองจับตัวเล่าสิ้ว
บุนซกตกใจนัก พอเวลาพลบคำ่าลงกลัวทหารจะพบตัวจึงโดดด้วยกำาลัง
ข้ามกำาแพงแก้วเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในสวน ด้วยคิดว่าจะยับยั้งอยู่พอผู้คน
เที่ยวหานั้นกลับไปแล้ว จึงจะแก้ไขหนีไปให้พ้นทหารอองมัง มีขนนางคน    ุ
หนึ่งชื่อเล่าถังเป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าเปงเต้ ครั้งอองมังเป็นเจ้า เล่าถังกลัว
โซเหี้ยนจะฆ่าเสีย จึงแปลงแซ่ใหม่มิให้ผู้ใดรู้จักเป็นชื่อว่าตั๋งถัง อองมังให้
เป็นขุนนางอยู่ในโซเหี้ยน ครันเวลาคำ่าลงแสงพระจันทร์สว่าง จึงลงไปสวน
                                ้
ดอกไม้จุดธูปเทียนบูชาพระจันทร์ เล่าสิ้วบุนซกเห็นเป็นผู้เฒ่ามีผมและ
หนวดขาว เข้ามานั่งอยู่ใกล้ตกใจกลัวขยับจะวิ่งหนี ตั๋งถังพอเหลือบเห็นฉวย
คว้าข้อมือไว้ถามว่าหนุ่มน้อยมาแต่ไหน จึงเข้ามาอยู่ที่สวนเราในเวลากลาง
คืน จะขโมยสิ่งใด ว่าแล้วก็พาตัวขึ้นไปบนตึกพิเคราะห์รูปร่างสะอาดมิใช่
ไพร่พลเมือง จึงค่อยกระซิบปลอบถามหาแซ่และชื่อเป็นความลับ เล่าสิ้วบุน
ซกเห็นนำ้าใจผู้เฒ่ากรุณาโดยสุจริต จึงบอกชื่อและแซ่ต่หลังให้ฟังทุก
ประการ ตั๋งถังรู้ว่าเส่าสิ้วบุนซกเป็นหลานก็ร้องไห้รัก พลางว่า อาคิดว่าแซ่
ฮั่นนี้จะสูญสิ้นเสียแล้ว บัดนี้มาพบเจ้าคนหนึ่งเห็นจะสืบเชื้อพระวงศ์ไปภาย
หน้า อามีความยินดียิ่งนัก เล่าสิ้วบุนซกจึงว่าผู้เฒ่าป็นแซ่ใดจึงว่าเป็นอา
ข้าพเจ้ายังสงสัยอยู่
      ฝ่ายตั๋งถังจึงบอกว่า เดิมอาชื่อเล่าถัง กลัวอองมังจะรู้ว่าเป็นเชื้อพระวงศ์
จึงแปลงชื่อเปลี่ยนแซ่เสียใหม่ชื่อตั๋งถัง เป็นน้องเล่าคิมบิดาเจ้า ซึ่งเจ้าจะ
คิดทำาการใหญ่ให้ซ่อนตัวอยู่ได้ท่วงทีจึงค่อยคิดทำาการต่อไป เล่าสิ้วบุนซกรู้
ว่าตั๋งถังเป็นอามีความยินดี จึงคำานับตั๋งถัง ขณะนั้นมีชายคนหนึ่งชื่อซุยเต๋ง
เป็นคนใช้ตั๋งถัง เข้าไปแอบแฝงมองดูรู้ว่าเล่าสิ้วบุนซกเข้ามาอยู่ในเรือนตั๋ง
ถัง ซุยเต๋งจึงค่อยถอยตัวออกไป เลิกเอาหนังสือป่าวร้องของอองมังซึ่งมา
ปิดอยู่ ณ ประตูบ้าน วิงไปโดยด่วนบอกความโซเหี้ยนในเวลากลางคืน
                         ่
หมายจะเอาความชอบ
      ฝ่ายโซเหี้ยนจึงเข้าไปแจ้งความแก่อองมัง ตามคำาซุยเต๋งบอก อองมัง
ได้ฟังมีความยินดีนัก จึงให้ซุยเต๋งเป็นขุนนางช่วยราชการฝ่ายทหาร แล้วสั่ง
ให้โซเหี้ยนไปจับตัวเล่าสิ้วบุนซกมาให้จงได้ โซเหี้ยนคำานับลาพาทหารสอง
ร้อยไปล้อมบ้านตั๋งถัง ฝ่ายตั๋งถังแจ้งว่าโซเหี้ยนมาก็ตกใจนัก จึงให้เล่าสิ้ว
บุนซกไปซ่อนตัวในสวนดอกไม้ แล้วออกมาพบโซเหี้ยนที่ประตูหน้าบ้าน จึง
ถามว่ามาพบข้าพเจ้าด้วยเหตุประการใด โซเหี้ยนจึงว่าซุยเต๋งไปบอกว่าเล่า
สิ้วบุนซกมาอยู่เรือนท่าน อองมังสั่งให้เรามา จงส่งตัวเล่าสิ้วบุนซกให้แก่เรา
โดยดี จะช่วยแก้ไขมิให้ท่านมีโทษ ตั๋งถังจึงว่าถ้าสงสัยว่าเล่าสิ้วบุนซกอยู่
ในเรือนข้าพเจ้า ขอท่านจงไปค้นดูเถิด โซเหี้ยนจึงให้ทหารขึ้นค้นเรือนมิได้
พบแล้วให้เข้าค้นหาเล่าสิ้วบุนซกในสวนดอกไม้
     ฝ่ายเล่าสิ้วบุนซกซ่อนตัวอยู่ในสวนดอกไม้ ได้ยนเสียงทหารอื้ออึงเข้า
                                                     ิ
มาตกใจก็โดดข้ามกำาแพงหลังสวนออกไป พบอองป้า ปังอี้ อองป้า ปังอี้เข้า
อุ้มเล่าสิ้วบุนซกทุ่มเข้าไปข้างทางให้ลับตาทหาร โดยอุบายชื่อว่ากวางเสือ
ข้ามภูเขาแล้วกลับหน้าวิ่งมาต้านหน้าทหารไว้ บอกว่าเราจับเล่าสิ้วบุนซกได้
ดีใจว่าจะเอาความชอบ เล่าสิ้วบุนซกมีวิชาแปลงรูปกลายมังกรไปแล้ว ออง
ป้ากับปังอี้พาทหารกลับมาคำานับแจ้งความแก่โซเหี้ยน โซเหี้ยนไม่เชื่อจึงว่า
ตัวจับเล่าสิ้วบุนซกได้แกล้งปล่อยไปเสียแล้วแสร้งเอาความเท็จมาลวงเรา
รุ่งเช้าจะบอกให้อองมังกระทำาโทษ ว่าแล้วโซเหี้ยนพาทหารกลับไปบ้าน
      ฝ่ายเล่าสิ้วบุนซกหลบเข้าอยู่ริมทาง ครันเห็นอองป้ากับปังอี้พาทหาร
                                                ้
กลับลับตาไปแล้ว จึงออกจากทางด้วยความกลัวรีบเดินมาตามถนนสี่แพร่ง
เห็นผู้เฒ่าคนหนึ่งวิ่งเข้ามากอดเท้าเล่าสิ้วบุนซกแล้วว่า ท่านอย่าตกใจ
ข้าพเจ้าจะช่วยให้ท่านพ้นมือทหารโซเหี้ยน เล่าสิ้วบุนซกพิจารณาดูหน้า
รู้จักว่าโต๊ะเอี๋ยง มีความตกใจค่อยบรรเทาลง โต๊ะเอี๋ยงจึงพาเล่าสิ้วบุนซก
ขึ้นบนตึกให้นั่งที่สมควร เล่าสิ้วบุนวกจึงว่าท่านกรุณาข้าพเจ้าช่วยพามาพ้น
มือทหารโซเหี้ยน ครั้งนี้ขอบคุณยิ่งนัก โต๊ะเอี๋ยงจึงว่า เมื่อข้าพเจ้าเป็น
ขุนนางอยู่ครั้งพระเจ้าเปงเต้นั้น เคยเป็นข้ามันได้ใช้มาแต่ก่อน ซึ่งท่านได้
ทุกข์ยากลงครั้งนี้ ควรที่ข้าพเจ้าจะฉลองคุณกว่าจะสิ้นชีวิต เล่าสิ้วบุนซกจึง
ว่าข้าพเจ้านั่งสนทนาช้าอยู่มิได้ เกลือกว่ามีผู้รู้ความจะบอกโซเหี้ยนตามมา
จับข้าพเจ้าจะขอลาไป โต๊ะเอี๋ยงจึงว่าท่านอยู่ในตึกเป็นที่ลับตาคนไม่มีผู้ใด
จะล่วงเข้ามารู้ จงอยู่ด้วยข้าพเจ้าให้เป็นสุขหลายวันก่อนพอให้อองมังหาย
ความโกรธ แล้วข้าพเจ้าจะพาท่านออกไปให้พ้นด่านเมืองหลวงอย่าวิตก
เลย เล่าสิ้วบุนซกได้ฟังดังนั้นค่อยคลายที่ความวิตกอาศัยอยู่ในตึกเป็นสุข
      ฝ่ายโซเหี้ยนครั้นรุ่งเช้าจึงเข้าเฝ้าอองมัง โต๊ะเอี๋ยงขุนนางพร้อมกัน โซ
เหี้ยนจึงกล่าวโทษตั๋งถังว่า เล่าสิ้วบุนซกเข้าอยู่ในบ้านตั๋งถัง ตั๋งถังไม่จับ
เอาตัวจนเล่าสิ้วบุนซกหนีไป อองมังได้ฟังดังนั้นจึงให้ตั้งกะทะใหญ่เคี่ยว
นำ้ามันเดือดแล้ว หาตัวตั๋งถังมาถามว่า มีผู้มาบอกว่าท่านเอาตัวเล่าสิ้วบุนซก
ซ่อนไว้ จงไปพาตัวมาเราจะให้เสื้ออย่างดีผืนหนึ่ง แล้วตั้งให้เป็นขุนนาง
ตามความชอบ ถ้าท่านไม่รู้เห็นเป็นใจด้วยเล่าสิ้วบุนซก เร่งลงในกะทะนำ้ามัน
พิสูจน์ตัวให้เราเห็นความจริงก่อนจึงจะสิ้นสงสัย ตั๋งถังได้ฟงดังนั้นไม่กลัว
                                                              ั
หัวเราะพลางตอบอองมังเป็นข้อหยาบช้าว่า ท่านเป็นคนอกตัญญูไม่รู้คุณ
พระเจ้าเปงเต้ กลับชิงเอาสมบัติตั้งตัวเป็นใหญ่ไม่กลัวความนินทา ซึ่งจะให้
เรานำาตัวเล่าสิ้วบุนซกเชื้อพระวงศ์มาส่งให้นั้น เรายังคิดถึงคุณพระเจ้าเปงเต้
อยู่ หาปรารถนาที่ยศศักดิ์ของท่านไม่ ตัวท่านเป็นคนโฉดเขลาไม่รู้จักเราผู้
ชื่อเล่าถังเชื้อพระวงศ์ บัดนี้ผู้มีบุญมาถึงจะทำาการแก้แค้นอ้ายศัตรูราชสมบัติ
กำาจัดเสียให้แผ่นดินอยู่เย็นเป็นสุข ว่าแล้วก็วิ่งลงกะทะนำ้ามันขาดใจตาย
      ฝ่ายอองมังครั้นตั๋งถังตายแล้วจึงรู้ว่าเล่าถัง อองมังคิดแค้นด้วยถ้อยคำา
หยาบ จึงให้ทหารจับบุตรภรรยาเล่าถังมาฆ่าเสีย แล้วถามโซเหี้ยนว่า เมื่อ
ท่านล้อมบ้านเล่าถังนั้น เล่าสิ้วบุนซกหนีออกไปข้างผู้ใด โซเหี้ยนคำานับแล้ว
บอกว่าเล่าสิ้วบุนซกไปออกข้างหน้าที่อองป้ากับปังอี้ อองมังโกรธจึงซักถา
มอองป้า ปังอี้ว่า เหตุใดตัวจึงไม่ระวังจับตัวเล่าสิ้วบุนซกแกล้งปล่อยไปเสีย
อองป้ากับปังอี้จึงให้การแก้ว่า เล่าสิ้วบุนซกออกมาทางด้านข้าพเจ้าทั้งสอง
ครั้นเข้าจับตัวกลับกลายเป็นมังกรหนีไป สุดความคิดที่ข้าพเจ้าจะคิดติดตาม
ได้ ร้องบอกแก่ทหารทั้งปวงเป็นพยาน อองมังไม่เชื่อจึงว่าตัวมิได้ซื่อตรง
ต่อเรา จับเล่าสิ้วบุนซกเอาแต่สินบนปล่อยเสีย แล้วมาลวงเราอีกเล่า ทหาร
ทั้งปวงเร่งเอาไปทอดนำ้ามันเสีย
ฝ่ายโต๊ะเอี๋ยงได้ยินดังนั้นทัดทานไว้ว่า เล่าสิ้วบุนซกคนนี้เป็นคนดีมีวิชา
ชาวเมืองคอยจะจับตัวมาให้ท่านจะเอาความชอบ หาผู้ใดจับเล่าสิ้วบุนซก
ได้ไม่ ท่านก็ทราบอยู่แล้ว ซึ่งอองป้ากับปังอี้เป็นทหารมีใจภักดีต่อท่าน
หมายจะเอาความชอบจับเล่าสิ้วบุนซกให้ได้ เล่าสิ้วบุนซกมีวิชาการแก้ไข
แปลงตัวเป็นมังกรหนีไปสุดที่จะติดตามฉะนี้ จะมีโทษแก่อองป้าจะฆ่าปังอี้
เสียนั้น ขอท่านจงตรึกตรองก่อน อองมังได้ฟังโต๊ะเอี๋ยงห้ามเห็นชอบ มิได้
เอาโทษแก่อองป้า ปังอี้ จึงสั่งให้โซเหี้ยนพาทหารไปเที่ยวติดตามสืบจับ
เล่าสิ้วบุนซก โซเหี้ยนคำานับลาพาทหารออกจากเมืองหลวง เที่ยวอายัด
ด่านทางทั้งปวงทุกตำาบล

 18. โต๊ะเอี๋ยงช่วยเล่าสิ้วบุนซกหนี
     ฝ่ายโต๊ะเอี๋ยงอุตส่าห์บำารุงเล่าสิ้วบุนซกไว้แต่ในตึก มิได้มีผู้ใดล่วงรู้ ครั้น
ณ เดือนเก้าขึ้นเก้าคำ่าเป็นวันคำานับครู โต๊ะอี๋ยงจึงแกล้งทำาอุบายแต่งตัวเล่า
สิ้วบุนซกให้นุ่งห่มเหมือนสตรี โต๊ะเอี๋ยงบอกคนทั้งปวงว่าเป็นภรรยาจะให้
พาออกไปเยี่ยมเยือนพี่น้อง โต๊ะเอี๋ยงเอาเล่าสิ้วบุนซกขึ้นรถออกไปส่งพ้น
ด่านทองก๋วนแล้วกลับมาบ้าน
     ฝ่ายเล่าเหลียง แต่เตงสินพาเล่าสิ้วบุนซกไปเยี่ยมเยือนนางเล่าหงวน
มิได้กลับมามีความวิตกนัก จึงให้เล่าอิ๋นกับเล่าต๋งไปตามตัวเล่าสิ้วบุนซก
เล่าอิ๋น เล่าต๋งคำานับลามาขึ้นม้าไปถึงบ้านเตงสินมิได้พบเล่าสิ้วบุนซกจึง
ถามเตงสิน เตงสินบอกความแต่หลังให้ฟัง แล้วว่าเล่าสิ้วบุนซก เตงอูพากัน
ไปหาเงียมจูเหลง ณ บ้านป่า เล่าอิ๋น เล่าต๋งคำานับลาเตงสินขึ้นม้าไปตามคำา
เตงสินบอก จึงขึนไปคำานับเงียมจูเหลงแล้วถามหาเล่าสิ้วบุนซก เงียมจูเห
                    ้
ลงรู้ว่าเล่าอิ๋น เล่าต๋งเป็นพี่ชายเล่าสิ้วบุนซก จึงบอกว่า เล่าสิ้วบุนซกเข้าไป
เมืองหลวงกับเตงอู บัดนี้เล่าสิ้วบุนซกใจเร็วนัก ทำาการให้เสียทีด้วยชะตายัง
ไม่ถึงที่มีบุญ แต่ทว่าเล่าสิ้วบุนซกหาเป็นอันตรายไม่ ท่านจงไปสืบหาตาม
เอาตัวไปซุ่มซ่อนไว้กว่าชะตาจะถึงที่มีบุญ จึงค่อยคิดการต่อภายหลัง เงียม
จูเหลงจึงจารึกอักษรเป็นคำาปริศนาเข้าผนึกส่งให้เล่าอิ๋นแล้วสั่งว่า ถ้าท่าน
พบเล่าสิ้วบุนซกจงเอาหนังสือให้แก่น้องชายท่าน ทำาตามคำาเรากำาชับจึงจะ
สำาเร็จการใหญ่ เล่าอิ๋นรับหนังสือแล้วคำานับลา พาเล่าต๋งขึ้นม้ากลับไปถึง
บ้านบอกความแก่เล่าเหลียงทุกประการ เล่าเหลียงได้ฟังยิ่งมีความวิตกนัก
จึงใช้เล่าอิ๋น เล่าต๋งให้ไปเที่ยวเสาะตัวหาเล่าสิ้วบุนซกให้จงได้ เล่าอิ๋น เล่า
ต๋งคำานับลาออกจากบ้านเที่ยวสืบหาเล่าสิ้วบุนซกทุกตำาบล
     ฝ่ายเล่าสิ้วบุนซกออกจากด่านทองก๋วน เดินมาพบคนค้าขายผู้หนึ่งนั่ง
อยู่ใต้ร่มไม้ ฝ่ายคนค้าขายไม่รู้จักเล่าสิ้วบุนซก จึงพูดกันว่า เราทั้งปวงเที่ยว
ค้าขายได้ความลำาบากถ้าจับเล่าสิ้วบุนซกได้เอาไปส่งอองมัง อองมังจะให้
ที่ยศศักดิ์ทรัพย์สินเป็นอันมาก ดีกว่าค้าขายสักสิบเที่ยวอีก เล่าสิ้วบุนซก
ได้ยินดังนัน จึงคิดว่าการซึ่งจะจับเราครั้งนี้ เป็นการของอองมังผู้เป็นศัตรู
            ้
แผ่นดิน มิใช่การของคนทั้งปวง คนทั้งปวงพูดกันทั้งนี้ด้วยความโลภ จะใคร่
ได้ทรัพย์สิ่งของยศศักดิ์เป็นคนหาสติปัญญามิได้ คิดแล้วเล่าสิ้วบุนซกก็รีบ
เดินหนีไปทางทิศใต้ พอพบผู้หนึ่งขี่ม้าสวนทางมา ลงจากม้าคำานับเล่าสิ้ว
บุนซกมิได้รู้จัก ทักถามว่าท่านชื่อใดอยู่บ้านไหน ขุนนางผู้นั้นจึงตอบว่า
ข้าพเจ้าชื่อเล่าหลังน้องเล่าถังเป็นเจ้าเมืองซินอั๋นก๋วน สืบรู้ว่าท่านเข้ามาอยู่
เมืองหลวง อองมังจะให้จับตัวข้าพเจ้ารีบมาหมายจะรับไปเมืองซิยอั๋นก๋วน
ซึ่งท่านมาเที่ยวอยู่ฉะนี้เกลือกมีผู้รู้จักจะจับไปให้อองมังท่านจะมีอันตราย
เป็นอันมาก พูดกันมิทันขาดคำา พอเห็นโซเหี้ยนกับทหานออกจากป่าข้าง
ขวามือ เล่าสิ้วบุนซกตกใจนัก เล่าหลังจึงว่าท่านจงหลบเสียก่อน ข้าพเจ้า
จะย้อนไปรับโซเหี้ยน เล่าสิ้วบุนซกจึงวิ่งหนีไปทางน้อยลัดเข้าป่าทางซ้าย
มือ

 19. เล่าสิ้วบุนซกพบโซเสง
     ฝ่ายโซเสงขณะเมื่ออองมังให้ธงเกลี้ยกล่อม แล้วพาทหารทั้งปวงออก
จากเมืองมาเป็นโจรคอยตีชิงทรัพย์สิ่งของคนค้าขายเดินทางอยู่ในป่านั้น
ครั้นเห็นเล่าสิ้วบุนซกโซเสงมิได้รู้จักจึงให้ทหารยี่สิบคนจับตัวมาถาม หนุ่ม
น้อยนี้ชื่อไร ดูกิริยาเห็นผิดประหลาดมาแต่ผู้เดียวจะไปแห่งใด เล่าสิ้วบุนซก
จึงบอกว่าข้าพเจ้าเป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าเปงเต้ ตัวข้าพเจ้าชื่อเล่าสิ้วบุนซก
อองมังให้โซเหี้ยนเที่ยวสืบจับตัวข้าพเจ้าหลบหลีกหนีโซเหี้ยนมา พอทหาร
จับตัวข้าพเจ้าไว้ โซเสงรู้ว่าเล่าสิ้วบุนซกเป็นเชื้อพระวงศ์มีความยินดีนัก
คำานับเชิญเล่าสิ้วบุนซกนั่งที่สมควร จึงเล่าความแต่หลังให้เล่าสิ้วบุนซกฟัง
ทุกประการ แล้วว่าข้าพเจ้าออกมาเป็นโจรสืบหาท่านมาช้านานพึงได้พบ
สมคิดครั้งนี้ จะเชิญขึ้นเป็นเจ้าเกลี้ยกล่อมทหารแลพวกโจรยกเข้าตีเมือง
หลวง จับอองมังฆ่าเสียแล้วท่านจะได้เป็นกษัตริย์ บำารุงราษฎรให้อยู่เย็น
เป็นสุขสืบไป เล่าสิ้วบุนซกได้ฟังจึงว่าท่านคิดชอบขอบคุณยิ่งนัก แต่บัดนี้
โซเหี้ยนพาทหารติดตามข้าพเจ้ามาอยู่ที่ชายป่า ท่านจะคิดป้องกันประการ
ใด โซเสงจึงว่าถ้าดังนั้นท่านจงอยู่ที่นี่ก่อน ข้าพเจ้าจะไปจับตัวโซเหี้ยนฆ่า
เสียแล้วจะกลับมาอย่าคิดทุกข์ใจเลย โซเสงจึงขึ้นม้าพาพวกโจรไปเที่ยวหา
โซเหี้ยน
     ฝ่ายเล่าสิ้วบุนซกครั้นโซเสงไปแล้ว คิดแคลงว่าโซเสงเป็นแซ่เดียวกับ
โซเหี้ยน กลัวเกลือกจะเป็นอุบายมิไว้ใจจึงออกจากที่สำานัก หนีโซเสงไปถึง
ศาลเจ้าแห่งหนึ่งจารึกอักษรไว้ว่าเป็นศาลเจ้าอูอ๋อง กลังโซเหี้ยนจะตามมา
จับนอนไม่หลับ ปิดประตูนั่งคอยดูต้นทางระวังตัวอยู่ ยังมีชายผู้หนึงชื่อเอีย
                                                                      ่
วกี๋อยู่บ้านป่า เอียวกี๋ไปให้ซินแสจับยามดูว่าผู้มีบุญจะอยู่แห่งใด ซินแส
จับยามแล้วบอกว่ายังอีกสามวัน ผู้มีบุญจะมาอาศัยอยู่ ณ ศาลเจ้าอูอ๋อง
ครั้นถึงสามวันเอียวอี๋จึงออกมาศาลเจ้าอูอ๋องเวลาประมาณสามยามเศษ เอีย
วอี๋เห็นหนุ่มน้อยผู้หนึ่งนั่งอยู่ในศาลเจ้าสมคำาซินแสก็เข้าใจว่าผู้มีบุญจึง
เข้าไปคำานับ
     ฝ่ายเล่าสิ้วบุนซกสำาคัญว่าทหารโซเหี้ยนตกใจนัก จึงแข็งใจถามว่าท่าน
ชื่อใดมาแต่ไหน เอียวกี๋บอกชื่อแล้วว่าข้าพเจ้าเป็นบุตรเอียวเหมงชาวเมือง
เองฉวน เข้าไปทำาราชการเป็นขุนนางอยู่ในเมืองหลวง ครั้นอองมังเอาสุรา
ยาพิษให้พระเจ้าเปงเต้เสวยสวรรคตแล้ว อองมังให้ฆ่าบิดาข้าพเจ้าเสียด้วย
ข้าพเจ้าจึงพามารดาหลบหนีออกมาซุ่มซ่อนอยู่บ้านป่า ซิยแสจับยามว่าจะ
พบผู้มีบุญอยู่ในศาลเจ้าวันนี้ ออกมาพบท่านสมคำาซิยแสข้าพเจ้าดีใจนัก
ขอเชิญท่านเข้าไปอยู่ในบ้านข้าพเจ้าสักสองสามวันพอหายเหนื่อยพักก่อน
เล่าสิ้วบุนซกได้ฟังดังนั้นค่อยคลายความสะดุ้งตกใจลง จึงว่าซึ่งท่านมีใจ
สามิภักดิ์ต่อเราครั้งนี้ขอบคุณยิ่งนัก เอียวกี๋จึงเชิญเล่าสิ้วบุนซกขึ้นม้ากลับ
มาบ้านแจ้งความแก่มารดาทุกประการ
    ฝ่ายมารดาเอียวกี๋รู้ว่าเล่าสิ้วบุนซกเป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าเปงเต้เป็นผู้มี
บุญ จึงคำานับรับเข้าเรือน แต่งโต๊ะเลี้ยงบำารุงรักษาให้อยู่ผาสุก ฝ่ายเอียวกี๋
จึงบอกแก่เล่าสิ้วบุนซกว่า ข้าพเจ้าได้ยินข่าวว่าอองมังให้โซเหี้ยนและทหาร
ทั้งปวงเที่ยวสืบหาท่าน วันนี้จะขอลาไปฟังข่าวในเมืองหลวงก่อน ท่านจง
ซ่อนตัวอยู่ในเรือนกว่าข้าพเจ้าจะกลับมา เอียวอี๋คำานับลาเล่าสิ้วบุนซกขึ้นม้า
ออกจากบ้านไปหลายวัน ได้ความกลับมายังมิทันถึงบ้าน ขณะนั้นมีชายชาว
บ้านคนหนึ่งชื่อโกบาน เห็นเล่าสิ้วบุนซกมิได้รู้จัก จึงพูดกับเพื่อนบ้านว่า
หนุ่มน้อยคนนี้รูปร่างคล้ายเหมือนเล่าสิ้วบุนซกซึ่งอองมังให้สืบจับตัว เราจะ
ช่วยกันจับตัวไปให้อองมัง ถ้าเป็นเล่าสิ้วบุนซกแน่แล้วพวกเราจะได้ความ
ชอบ โกบานชวนพวกเพื่อนพร้อมกันมาล้อมเรือนเอียวกี๋ โกบานขึนไปบน         ้
เรือนถามมารดาเอียวกี๋ว่า ท่านพาคนแปลกหน้ามาไว้เป็นญาติพี่น้องหรือผู้
อื่นมาอาศัย ดูรูปร่างเหมือนเล่าสิ้วบุนซก มารดาเอียวกี๋จึงแกล้งบอกคำา
พรางว่าหลานเรามาเยี่ยมเยียน ท่านรูปทรงเหมือนเล่าสิ้วบุนซกจะจับไปไม่
ควร โกบานไม่เชื่อจึงพาพวกไปบนเรือน จับตัวเล่าสิ้วบุนซกมัดมือพากัน
ออกจากบ้าน จะเอาไปส่งหัวเมืองบอกเข้าไปในเมืองหลวง
    ฝ่ายเอียวกี๋มาถึงบ้าน มารดาเอียวกี๋ออกมายืนร้องไห้อยู่ที่ประตูเรือน เห็น
บุตรมาจึงบอกความว่า โกบานจับเอาเล่าสิ้วบุนซกไปเห็นความจะถึงเจ้าแล้ว
จงไปหลบตัวอยู่ที่บ้านพี่สาวสักสองสามวัน ความเงียบสงัดแล้งจึงค่อยกลับ
มา เอียวกี๋ได้ฟังมารดาบอกดังนั้นก็โกรธนัก ฉวยได้เกาทัณฑ์สำาหรับมือขึ้น
ม้าตามโกบานไป ฝ่ายโกบานพาเล่าสิ้วบุนซกไปถึงร้านขายสุราริมทาง จึง
พาพวกเพื่อนเข้าไปเลี้ยงสุราแล้วโกบานพูดกับเพื่อนว่า แต่ก่อนเราให้
หมอดู หมอทำานายว่าจะได้เป็นขุนนางบัดนีจับเล่าสิ้วบุนซกได้มีความชอบ
                                              ้
เห็นอองมังจะชุบเลี้ยงให้เราเป็นขุนนางสมคำาหมอดูเป็นมั่นคง โกบานกิรสุ
ราพลางพูดอวดเพื่อนฝูงอื้ออึง
     ฝ่ายม้าบู๊ตั้งแต่ได้สัญญากับเล่าสิ้วบุนซกไว้ ม้าบู๊ตั้งใจคอยฟังข่าวเล่า
สิ้วบุนซกอยู่มิได้ขาด ขณะนั้นพอม้าบู๊เที่ยวมาตามทางบ้านป่าแต่ผู้เดียว
ได้ยินเสียงคนพูดกันออกชื่อเล่าสิ้วบุนซก จึงแวะเข้าไปถามแจ้งความแล้ว
คิดจะเข้าชิงเล่าสิ้วบุนซก ตัวก็มาแต่เพียงผู้เดียวเกรงเกลือกจะเสียที จึง
ถอยออกไปอยู่ริมห้วยนำ้าแห่งหนึ่งชื่อโกทีกั๋ง เป็นทางช่องแคบคอยจะตีชิง
เอาเล่าสิ้วบุนซกให้จงได้ ฝ่ายโกบานครั้นกินสุราแล้วจึงพาเล่าสิ้วบุนซกกับ
พวกเพื่อนออกจากร้านเดินมาตามทาง
    ฝ่ายเอียวกี๋ขับม้าตามไปทันโกบาน ณ ตำาบลโกทีกั๋งจึงร้องตวาดว่าอ้าย
โกบานมึงจะพาเจ้านายกูไปไหน ฝ่ายโกบานได้ยินก็ตกใจเหลียวหลังมาดู
เอียวกี๋ยิงด้วยเกาทัณฑ์ถูกจักษุเบื้องซ้ายโกบานล้มลง พวกเพื่อนพากันตื่น
ตกใจทิ้งเลิ่ส้วบุนซกไว้ ต่างคนวิ่งหนีเอาตัวรอด ฝ่ายม้าบู้ยืนแฝงต้นไม้คอย
อยู่เห็นดังนั้น วิ่งออกมาช่วยเอียวกี๋เอาง้าวฟันซำ้าโกบานคอขาดตาย เอียวกี๋
แก้มัดเล่าสิ้วบุนซกมานั่งอยู่ริมชายป่า เล่าสิ้วบุนซกมีความยินดีนัก จึงว่า
ข้าพเจ้ารอดชีวิตครั้งนี้เพราะท่านทั้งสองมาช่วย ถ้ามิทันท่วงทีก็จะตายด้วย
ตั้งฮั่น ตอนที่ 2
ตั้งฮั่น ตอนที่ 2
ตั้งฮั่น ตอนที่ 2
ตั้งฮั่น ตอนที่ 2
ตั้งฮั่น ตอนที่ 2
ตั้งฮั่น ตอนที่ 2
ตั้งฮั่น ตอนที่ 2
ตั้งฮั่น ตอนที่ 2

More Related Content

What's hot

แผ่นพับพระอภัยมณี
แผ่นพับพระอภัยมณีแผ่นพับพระอภัยมณี
แผ่นพับพระอภัยมณีChantima Rodsai
 
อภัย
อภัยอภัย
อภัยkutoyseta
 
สามัคคีเภทคำฉันท1
สามัคคีเภทคำฉันท1สามัคคีเภทคำฉันท1
สามัคคีเภทคำฉันท1Sirisak Promtip
 
3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ
3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ
3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบtommy
 
เพชรพระอุมาบทที่๒
เพชรพระอุมาบทที่๒เพชรพระอุมาบทที่๒
เพชรพระอุมาบทที่๒jpamok
 
สามัคคีเภทคำฉันท์Pdf
สามัคคีเภทคำฉันท์Pdfสามัคคีเภทคำฉันท์Pdf
สามัคคีเภทคำฉันท์PdfMind Candle Ka
 
แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผนแผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผนChittraporn Phalao
 
งูจ้าว
งูจ้าวงูจ้าว
งูจ้าวtommy
 
ไพรมหากาฬ1
ไพรมหากาฬ1ไพรมหากาฬ1
ไพรมหากาฬ1krutew Sudarat
 
ไพรมหากาฬ2
ไพรมหากาฬ2ไพรมหากาฬ2
ไพรมหากาฬ2krutew Sudarat
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์A'waken P'Kong
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์Jariya Huangjing
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์Sudarat Makon
 

What's hot (20)

แผ่นพับพระอภัยมณี
แผ่นพับพระอภัยมณีแผ่นพับพระอภัยมณี
แผ่นพับพระอภัยมณี
 
อภัย
อภัยอภัย
อภัย
 
สามัคคีเภทคำฉันท1
สามัคคีเภทคำฉันท1สามัคคีเภทคำฉันท1
สามัคคีเภทคำฉันท1
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์
 
ไทย
ไทยไทย
ไทย
 
3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ
3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ
3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ
 
จิรทีปต์
จิรทีปต์จิรทีปต์
จิรทีปต์
 
สามัคคีเภทคำฉันท์2
สามัคคีเภทคำฉันท์2สามัคคีเภทคำฉันท์2
สามัคคีเภทคำฉันท์2
 
อนุตตรีย์ วัชรภา
อนุตตรีย์  วัชรภาอนุตตรีย์  วัชรภา
อนุตตรีย์ วัชรภา
 
เพชรพระอุมาบทที่๒
เพชรพระอุมาบทที่๒เพชรพระอุมาบทที่๒
เพชรพระอุมาบทที่๒
 
ไทย
ไทยไทย
ไทย
 
สามัคคีเภทคำฉันท์Pdf
สามัคคีเภทคำฉันท์Pdfสามัคคีเภทคำฉันท์Pdf
สามัคคีเภทคำฉันท์Pdf
 
แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผนแผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
 
งูจ้าว
งูจ้าวงูจ้าว
งูจ้าว
 
ไพรมหากาฬ1
ไพรมหากาฬ1ไพรมหากาฬ1
ไพรมหากาฬ1
 
โตฎก ฉ นท
โตฎก ฉ นท โตฎก ฉ นท
โตฎก ฉ นท
 
ไพรมหากาฬ2
ไพรมหากาฬ2ไพรมหากาฬ2
ไพรมหากาฬ2
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์
 

More from tommy

แก้อาการสะบักจม
แก้อาการสะบักจมแก้อาการสะบักจม
แก้อาการสะบักจมtommy
 
ความรู้เรื่อง เพชร-
ความรู้เรื่อง  เพชร-ความรู้เรื่อง  เพชร-
ความรู้เรื่อง เพชร-tommy
 
อันตรายจากอาหารมื้อเย็น
อันตรายจากอาหารมื้อเย็นอันตรายจากอาหารมื้อเย็น
อันตรายจากอาหารมื้อเย็นtommy
 
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑tommy
 
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์tommy
 
ศักดินาไทย
ศักดินาไทยศักดินาไทย
ศักดินาไทยtommy
 
แบบทดสอบสมาธิ
แบบทดสอบสมาธิแบบทดสอบสมาธิ
แบบทดสอบสมาธิtommy
 
Rongse
RongseRongse
Rongsetommy
 
พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์
พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์
พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์tommy
 
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึก
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึกเศรษศาสตร์กลางทะเลลึก
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึกtommy
 
โลกพระศรีอารย
โลกพระศรีอารยโลกพระศรีอารย
โลกพระศรีอารยtommy
 
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดี
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดีพระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดี
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดีtommy
 
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดี
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดีแนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดี
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดีtommy
 
การเมืองของประชาชน กุหลาบ
การเมืองของประชาชน กุหลาบการเมืองของประชาชน กุหลาบ
การเมืองของประชาชน กุหลาบtommy
 
ประชุมพงศาวดา
ประชุมพงศาวดาประชุมพงศาวดา
ประชุมพงศาวดาtommy
 
สามเกลอ ตอนสู่อนาคต
สามเกลอ ตอนสู่อนาคตสามเกลอ ตอนสู่อนาคต
สามเกลอ ตอนสู่อนาคตtommy
 
นางแมวผี
นางแมวผีนางแมวผี
นางแมวผีtommy
 
ประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยtommy
 
ล่าพรายทะเล
ล่าพรายทะเลล่าพรายทะเล
ล่าพรายทะเลtommy
 
ไทยเตะเขมร
ไทยเตะเขมรไทยเตะเขมร
ไทยเตะเขมรtommy
 

More from tommy (20)

แก้อาการสะบักจม
แก้อาการสะบักจมแก้อาการสะบักจม
แก้อาการสะบักจม
 
ความรู้เรื่อง เพชร-
ความรู้เรื่อง  เพชร-ความรู้เรื่อง  เพชร-
ความรู้เรื่อง เพชร-
 
อันตรายจากอาหารมื้อเย็น
อันตรายจากอาหารมื้อเย็นอันตรายจากอาหารมื้อเย็น
อันตรายจากอาหารมื้อเย็น
 
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑
 
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
 
ศักดินาไทย
ศักดินาไทยศักดินาไทย
ศักดินาไทย
 
แบบทดสอบสมาธิ
แบบทดสอบสมาธิแบบทดสอบสมาธิ
แบบทดสอบสมาธิ
 
Rongse
RongseRongse
Rongse
 
พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์
พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์
พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์
 
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึก
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึกเศรษศาสตร์กลางทะเลลึก
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึก
 
โลกพระศรีอารย
โลกพระศรีอารยโลกพระศรีอารย
โลกพระศรีอารย
 
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดี
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดีพระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดี
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดี
 
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดี
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดีแนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดี
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดี
 
การเมืองของประชาชน กุหลาบ
การเมืองของประชาชน กุหลาบการเมืองของประชาชน กุหลาบ
การเมืองของประชาชน กุหลาบ
 
ประชุมพงศาวดา
ประชุมพงศาวดาประชุมพงศาวดา
ประชุมพงศาวดา
 
สามเกลอ ตอนสู่อนาคต
สามเกลอ ตอนสู่อนาคตสามเกลอ ตอนสู่อนาคต
สามเกลอ ตอนสู่อนาคต
 
นางแมวผี
นางแมวผีนางแมวผี
นางแมวผี
 
ประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยประชาธิปไตย
ประชาธิปไตย
 
ล่าพรายทะเล
ล่าพรายทะเลล่าพรายทะเล
ล่าพรายทะเล
 
ไทยเตะเขมร
ไทยเตะเขมรไทยเตะเขมร
ไทยเตะเขมร
 

ตั้งฮั่น ตอนที่ 2

  • 1. ตอนที่ 2 13. เล่าสิ้วบุนซกเป็นกองบู๊ ขณะนั้นมีชายคนหนึงชื่อเงียมขี และเงียมขีคนนี้ได้สาบานเป็นน้องเงี ่ ยมจูเหลง แต่ก่อนอยู่บ้านป่าเข้ามาคำานับบอกแก่เงียมจูเหลง ว่าข้าพเจ้าจะ เข้าไปเป็นทหารครั้งนี้ท่านช่วยพิเคราะห์ดูร้ายดีประการใด เงียมจูเหลง พิเคราะห์ดูยามตามตำารารู้ว่าร้าย จึงว่าท่านอย่าเพ่อเข้าไปงดอยู่ก่อนให้พ้น ยามร้ายค่อยไปแต่ครั้งหลัง เงียมขีได้ฟังเงียมจูเหลงห้ามก็โกรธ จึงว่าเราจะ รีบไปเอาที่จอหงวนทหารเอกก่อนทหารทั้งปวง ท่านจะห้ามให้ช้าเล่า เราจะ ไปให้ได้ในเวลาวันนี้ เงียมจูเหลงจึงว่า ถ้ามีฟังเราห้ามท่านจะไปตายด้วย คมอาวุธ เงียมขีได้ฟังยิ่งโกรธนักไม่คำานับ ลุกไปด้วยกำาลังโทโส เล่าสิ้วบุน ซกเห็นดังนั้นจึงว่า เงียมขีจะไปถึงเมืองหลวงเป็นทางไกลไปตัวเปล่าจะเอา สิ่งใดเลี้ยงชีวิต เงียมจูเหลงจับคำาที่เล่าสิ้วบุนซกถามนั้นมาเป็นเคล็ด จับยามดูรู้ว่าได้ยามดีจึงบอกว่า ซึ่งท่านว่าจะไม่มีผู้ใดเข้าไปเป็นเพื่อนนั้น ในเวลานี้จะมีผู้มาไปเป็นเพื่อน ช่วยแก้ไขท่านเมื่อครั้งอับจนได้อยู่อย่าวิตก เลย ขณะนันมีชายสองคนชื่ออองป้าหนึ่ง ชื่อปังอี้หนึ่ง เป็นสานุศิษย์เงียมจู ้ เหลงแต่ก่อน ทั้งสองเข้าคำานับถามอาจารย์ว่า ชายหนุ่มผู้นี้มาแต่ไหน เงียม จูเหลงจึงบอกว่าผู้มีบุญ เชื้อพระวงศ์พระเจ้าฮั่นโกโจ ชื่อเล่าสิ้วบุนซกมาหา เรา จะคิดการกำาจัดศัตรูราชสมบัติ บำารุงแผ่นดินให้อยู่เย็นเป็นสุข คือเจ้า นายของท่านแล้ว อองป้า ปังอี้ ดีใจนักคุกเข่าลงคำานับ เล่าสิ้วบุนซกรับคำา นับไถ่ถามสนทนากันเหมือนกับข้ากับเจ้า ครั้นเวลาคำ่าลงท้องฟ้าแผ้ว ปราศจากเมฆหมอก เงียมจูเหลงจึงพาเล่าสิ้วบุนซก เตงอู อองป้า ปังอี้ ขึน ้ ไปนั่งบนร้านสูง จึงชี้บอกดาวจีหมุยดาวบริวารทั้งยี่สิบแปดดวงให้เล่าสิ้วบุน ซกดู เล่าสิ้วบุนซกเห็นดาวรัศมีสว่างงาม จึงถามเงียมจูเหลงว่า ถ้าข้าพเจ้า จะเข้าไปเมืองหลวงดาวจะเป็นประการใดเล่า เงียมจูเหลงจึงบอกว่าดาวจีห มุยนี้ ท่านไปอยู่แห่งใดดาวก็จะย้ายราศรีตามไป เล่าสิ้วบุนซกจึงว่าดาวจีหมุ ยมีรัศมีสว่างนัก จะย้ายตามข้าพเจ้าไปเมืองหลวง กลัวเกลือกมีผู้รู้จะบอก อองมังทราบ ความทุกข์เหตุการณ์จะบังเกิดแก่ข้าพเจ้า จะคิดแก้ประการใด เงียมจูเหลงจึงว่าถ้าดังนั้น จะสะกดรัศมีดาวจีหมุยมิให้ท่านมีอันตราย เงียมจู เหลงจึงเรียกสานุศิษย์ตักนำ้าใส่ถาดล้างหน้า แล้วแต่ตัวถือกระบี่นั่งบริกรรม มนต์ไสยศาสตร์ประมาณครู่หนึ่ง บันดาลดาวจีหมุยตกลงมาในถาดนำ้ารัศมี รุ่งเรือง เล่าสิ้วบุนซกกับเตงอู อองป้า ปังอี้เห็นอัศจรรย์ประจักษ์แก่ตาสี่คน เงียมจูเหลงอ่านมนต์สะกดรัศมีดาวเสื่อมหายแล้ว พาเล่าสิ้วบุนซกกับเตงอู อองป้า ปังอี้ลงมาเข้าตึกนอนเป็นสุขทั้งสี่คน ครั้นรุ่งเช้าเงียมจูเหลงให้
  • 2. สานุศิษย์แต่งโต๊ะเลี้ยงแล้ว จึงบอกเล่าสิ้วบุนซกว่าวันนี้เป็นยามปลอด ท่าน กับเตงอู อองป้า ปังอี้เข้าไปอยู่ในเมืองหลวงทำาราชการเป็นทหารอองมัง เถิดจะได้รู้คุ้นเคยกับทหารอันเกิดคู่สำาหรับบุญซึ่งตกอยู่ในออมังนั้น เงียมจู เหลงเปลี่ยนชื่อเล่าสิ้วบุนซกใหม่ ให้เตงอู อองป้า ปังอี้เรียกเล่าสิ้วบุนซก เป็นกองบู๊โดยตำาหรับ หวังจะให้ชื่อข่มทัพนามอองมัง จะให้กองบู๊เป็นเจ้า จอมทหารปรากฎเกียรติยศในการสงคราม เงียมจูเหลงจึงสั่งกำาชับเตงอูว่า ตัวท่านเป็นผู้ใหญ่เอาใจใส่ห้ามปราม กองบู๊ยังหนุ่มแก่ความนักชันษาไม่ ถึงที่จะมีบุญ ถ้าเห็นชอบที่จะฆ่าอย่าฆ่าจะได้ความเดือดร้อน แม้นเห็นที่ ชอบจะยิ่งอย่าเพ่อยิงความทุกข์จะถึงตัว เงียมจูเหลงจึงเขียนหนังสือกำาชับ ส่งให้เตงอูฉบับหนึ่ง แล้วสั่งให้สานุศิษย์จัดเสบียงให้ไปกินกลางทาง กองบู๊ เตงอู อองป้า ปังอี้ คำานับลาเงียมจูเหลง ขึ้นขี่ม้าไปตามทางหลายวัน ถึง เมืองหลวงลงจากม้าพากันเข้าไปอาศัยร้านแห่งหนึ่ง เป็นที่สำานักนั่งหยุดพัก หายเหนื่อยทั้งสี่คน เข้าไปชมบ้านเมืองมั่งคั่งไปด้วยตึกกว้านร้านตลาดเป็น ที่แสนสนุกนัก กองบู๊เข้าถึงประตูใหญ่ ให้คิดแค้นขึ้นมาด้วยอองมัง จะชิง สมบัติของพระเจ้าเปงเต้ด้วยกำาลังโกรธไม่ทันยั้งวาจา ยกมือชี้เข้าที่ประตู ใหญ่ว่า ถ้าสมคิดกูจะแก้แค้นอ้ายศัตรูราชสมบัติคืนเอาเมืองให้จงได้ เตงอู อองป้า ปังอี้ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจนัก จึงจูงมือกองบีไปที่ไม่มีคนแล้วว่า ท่าน ว่ากล่าวคำาทั้งนี้มีผู้ไปบอกอองมัง อองมังจะมาจับไปฆ่าพากันตายเสียเปล่า อองป้ากับปังอี้ว่าแล้วสองคนแยกไปทางอื่น กองบู๊มิได้ว่าประการใด จึงพา เตงอูเที่ยวไปตามถนนกลางเมือง มีขนนางผู้หนึงแห่มามีทหารหน้าหลังเป็น ุ ่ อันมาก จึงถามเตงอู เตงอูไม่รู้จัก ชาวเมืองซึ่งเดินมาเคียงใกล้ได้ยินจึงบอก ว่า ขุนนางผู้นี้ชื่อโซเหี้ยน กองบู๊ได้ยินบอกออกชื่อโซเหี้ยนมีความแค้นนัก จึงกระซิบบอกเตงอูว่า อ้ายโซเหี้ยนคนนี้ฆ่าญาติวงศ์เราตายเป็นอันมาก พึ่ง รู้จักหน้าวันนี้ ควรฆ่ามันให้ตายจึงจะหายแค้น กองบู๊ชักกระบี่จากฝักจะตาม โซเหี้ยนไป เตงอูตกใจฉวยมือไว้แล้วว่าท่านทำาดังนี้ไม่ชอบ ถ้าเกิดความขึ้น ตัวข้าพเจ้าผู้เดียวเหลือกำาลังนักจะคิดแก้ไขท่านนั้นขัดสน เมื่อข้าพเจ้าจะ มากับท่านนี้อาจารย์ได้กำาชับสั่งทุกประการ เตงอูจึงพากองบู๊มายืนให้พ้นคน แล้ว ส่งหนังสือเงียมจูเหลงให้กองบู๊ กองบู๊อ่านได้ความว่า ถึงที่ฆ่าอย่าฆ่า ถึงที่ยิงอย่ายิง แม้นฆ่าจะได้รับความเดือดร้อน ถ้ายิงทุกข์จะถึงตัว กองบู๊ อ่านแล้วระงับลงไว้จึงว่า ถ้าท่านไม่ห้ามปรามข้าพเจ้าเห็นการที่คิดมาจะเสีย เป็นมั่นคง กองบู๊จึงพาเตงอูเดินไปตามถนน ผู้คนเดินเบียดเสียดกันหนา แน่น กองบู๊พลัดเตงอูไปแต่ผู้เดียวเที่ยวหาเตงอู พอพบเพื่อนรักคนหนึ่งพา ไปกินสุรา กองบู๊เมาสุราแล้วกลับมานอนอยู่ที่สำานักอาศัย 14. อองป้ากับปังอี้เข้าสอบสวนเพลงอาวุธ ฝ่ายเงียมขีครั้นถึงเมืองหลวงจะเข้าไปในเมือง พอทหารแห่โซเหี้ยน มา เงียมขีมิได้หลบหลีกเดินฝ่าทหารเข้าไป โซเหี้ยนเห็นดังนันก็โกรธว่าเงี ้ ยมขีไม่ยำาเกรง จึงสั่งทหารให้จับเอาตัวเงียมขีไปฆ่าเสียนอกประตูเมือง ขณะนั้นชาวเมืองพากันวิ่งออกไปดูเป็นอันมาก ฝ่ายเตงอูเที่ยวหากองบู๊ไป พบอองป้ากับปังอี้ จึงพากันเที่ยวหากองบู๊มิได้พบ พอได้ยินคนทั้งปวงเดิน พูดกันว่า ชายคนหนึ่งรูปร่างเป็นทหาร โซเหี้ยนให้จับตัวออกไปฆ่าเสียที่ นอกประตูใหญ่ เตงอูได้ยินดังนันคิดว่ากองบู๊ โซเหี้ยนจับไปฆ่าเสียตกใจนัก ้
  • 3. จึงพาอองป้า ปังอี้ไปโดยเร็วถึงประตูใหญ่ แลไปแต่ไกลเห็นคนตายคนหนึ่ง ใขนึกสำาคัญว่ากองบู๊ ทั้งสามคนตกตะลึงอยู่ ครั้นได้สติขึ้นมาจึงเข้าไปยืน พิจารณาดูคนตายนั้น จำาได้ว่าเงียมขีมิใช่กองบู๊ค่อยคลายหายความทุกข์ จึง พากันกลับมาที่อาศัย เห็นกองบู๊ เตงอูจึงถามว่าท่านไปแห่งใดข้าพเจ้าทั้ง สามเที่ยวตามหาไม่พบ กองบู๊บอกว่าข้าพเจ้าพลัดท่านไปพบเพื่อน พากัน ไปกินสุราเมาแล้วกลับมานอนคอยท่านอยู่ เตงอูจึงว่าข้าพเจ้าเที่ยวตามหา ท่านพอดิ้ยนข่าวว่าโซเหี้ยนฆ่าคนสำาคัญตาย ว่าจับท่านได้มีความตกใจวิ่ง ไปดูจึงรู้ว่ามิใช่ท่าน คนที่ตายนั้นคือเงียมขี กองบู๊แจ้งความดังนั้นจึง สรรเสริญชมว่า เงียมจูเหลงดูยามแม่นยำานักเหมือนเทพยดาอันมีจักรษุเป็น ทิพย์ เงียมขีคนนี้ไม่เชื่อคำาเข้ามาหาที่ตายเอง กองบู๊กับเตงอู อองป้า ปังอี้ ทั้งสี่คนเข้ามาอาศัยร้านอยู่ที่นั้นหลายเวลา พอมีผู้มาบอกว่าเวลาพรุ่งนี้ออ งมังจะออกมาดูทหารใหม่สอบอาวุธ ผู้ใดมีฝีมือจะให้เป็นที่จงหงวนนาย ทหารเอก กองบู๊ได้ฟังดังนั้นยินดีนัก จึงปรึกษากันทั้งสี่คนว่าจะเข้าไปเป็น ขุนนางนายทหารในอองมัง ตามคำาเงียมจูเหลงสั่งมา ครั้นเวลารุ่งเช้ากองบู๊ กับเตงอู อองป้า ปังอี้ พากันออกจากที่ร้านอาศัย พากันไปคอยอองมังอยู่ พร้อมกับทหารทั้งปวง ซึ่งจะเข้ามาสอบสวนเพลงอาวุธ ณ นอกประตูสนาม ฝ่ายอองมังครั้นเวลาจะออกเลือกจัดฝีมือทหาร จึงขึนรถพร้อมด้วย ้ ขุนนางตามออกไปขึ้นบนพลับพลา ขุนนางฝ่ายซ้ายขวาเฝ้าตามตำาแหน่ง จึงสั่งให้เอาเชือกแดงวงรอบสนามกันคนดูมิให้เข้ามาปนทหาร แล้วสั่ง พนักงานแต่งโต๊ะเตรียมเลี้ยงผู้ซึ่งจะเข้ามาสอบสวนเพลงอาวุธเสร็จแล้ว ออ งมังจึงร้องบอกว่า บรรดาผู้มีฝีมือชำานาญในวิชาทางทหารทั้งปวง จงเข้า มาสอบสวนเพลงอาวุธในสนาม ถ้าฝีมือดีจะแต่งตั้งให้เป็นจงหงวนนาย ทหารเอก แม้นฝีมืออย่างกลางจะให้เป็นขุนนางตามสมควร ฝ่ายอองป้ากับปังอี้ได้ยินอองมังสั่งดังนั้น จึงบอกกองบู๊ว่าข้าพเจ้าสอง คนจะเข้าไปสอบสวนเพลงอาวุธลองฝีมือดูก่อน อองป้ากับปังอี้ว่าแล้วก็เดิน เข้าไปถึงประตูสนาม พอพบหลีต๋งหนึ่ง อองเหลียงหนึ่ง ปินซิวหนึ่ง ต่างคน ถามชื่อแซ่รู้จักกันทั้งห้าคน ตามกันเข้ามาคำานับอองมังแล้วยืนอยู่ในสนาม อองมังจึงสั่งว่าให้ทหารใหม่ยิงเกาทัณฑ์ก่อน จึงรำาเพลงอาวุธซ้อมสวนฝีมือ กันต่อภายหลัง ฝ่านทหารทั้งห้าคน จึงยิงเกาทัณฑ์แล้วรำาเพลงเอวุธชำานิ ชำานาญรับรองป้องปัดว่องไวไม่แพ้ไม่ชนะกัน อองมังได้เห็นดังนันจึงเรียก ้ ทหารทั้งห้าคนเข้ามาให้กินโต๊ะ แล้วตั้งให้เป็นขุนนางนายทหาร ฝ่ายกองบู๊ยืนอยู่กับเตงอูนอกสนาม แลเห็นอองมังเลี้ยงโต๊ะนายทหาร ใหม่มีใจแค้นจึงคิดว่า อองมังมันชิงสมบัติพระเจ้าเปงเต้ฆ่าญาติวงศ์กูเสีย เป็นอันมาก ครั้งนี้ได้ท่วงทีอยู่แล้ว กูจะยิงเสียให้ตายจึงจะหายแค้น คิดแล้ว ฉวยชิงเกาทัณฑ์ทหารที่ยืนอยู่ใกล้น้าวหน่วงยิงด้วยกำาลังโทโส คัน เกาทัณฑ์หักออกไป อองมังเห็นดังนันก็โกรธ จึงสั่งทหารให้จับตัวกองบู๊ให้ ้ ได้ ฝ่ายเตงอูตกใจกลัว ไม่รู้ที่จะทำาประการใดหลบหลีกหนีเอาตัวรอด ออ งมังจึงซักถามว่าหนุ่มน้อยนั้นมันชื่อใดเป็นแซ่ไหน จึงองอาจไม่กลัวอาญา เข้ามาทำาการทั้งนี้เร่งให้การแต่ความจริง กองบู๊จึงตอบว่า ตัวข้าพเจ้าแซ่กิม ชื่อห่ออยู่บ้านแขวงเมืองนำ่าเอี๋ยง สืบรู้ว่าท่านให้หาผู้ชำานาญวิชาฝ่ายทหาร
  • 4. ข้าพเจ้าเข้ามาจะยิงเกาทัณฑ์ให้ท่านดู เกาทัณฑ์นั้นคันเก่าเป็นเคราะห์ของ ข้าพเจ้า น้าวเกาทัณฑ์ลองกำาลังพอคันหักออกไปข้าพเจ้าจะแกล้งเข้ามา คิดร้ายแก่ท่านหามิได้ อองมังไม่เชื่อจึงสั่งทหารให้เอาตัวไปฆ่าเสีย โอเอี๋ยง ขุนนางผู้เฒ่าจึงว่ากล่าวทัดทานไว้ ว่าท่านจะเกลี้ยกล่อมทหารมีฝีมือดี มี กฎหมายแจกไปทุกตำาบลต่างคนเข้ามา กิมห่อเป็นชาวป่าไม่มีอัชฌาสัย น้าวหน่วงประคองเกาทัณฑ์คันหักออกไป ทำาให้เป็นข้อระแวงสงสัยว่าจะ ประทุษร้ายต่อท่าน ซึ่งจะลงโทษให้สิ้นชีวิตนั้นข้าพเจ้าเห็นว่ากิตติศัพท์เล่า ลือไป ผู้ที่มีคุณวิชาเกรงกลัวอาญาคิดท้อใจไม่เข้ามาจะเสียการ เห็นหาได้ ทหารฝีมือดีไม่ ข้าพเจ้าขอชีวิตกิมห่อไว้ครั้งหนึ่ง ถึงมาตรว่ากิมห่อจะมีฝีมือ ดีประการใด อย่าเอาไว้เป็นทหารเลยจงขับเสีย อองมังได้ฟังดังนั้นเห็นชอบ จึงสั่งทหารให้ขับกิมห่อเสียนอกสนาม ขณะนั้นพิถองหนึ่ง เกงต้านหนึ่ง ขับ เอี๋ยงหนึ่ง เกียนถำาหนึ่ง มหารใหม่ทั้งสี่คนพากันเข้าไปในสนามยิงเกาทัณฑ์ แล้วสอบสวนเพลงอาวุธให้อองมังดู อองมังเรียกเอาทหารสี่คนมาไว้ให้กิน โต๊ะตามพวกทหารใหม่ มีทหารคนหนึ่งสูงห้าศอกคืบสามนิ้ว หน้าขาวเป็น มันเรื่อเหมือนแก้ว จักษุทั้งสองผ่องใสงามดังดาวเดินเข้ามาในสนาม ออ งมังเห็นรูปงามสมควรเป็นขุนนางนายทหาร จึงถามว่าตัวชื่อใด อยู่บ้านไหน ทหารผู้นั้นจึงคำานับว่า ข้าพเจ้าชื่องิมเหง อยู่บ้านเก๊กเอี๋ยง เข้ามายิง เกาทัณฑ์สอบสวนเพลงอาวุธ จะเป็นทหาทำาราชการอยู่ในท่าน อองมังจึง ให้ทหารเอาเกาทัณฑ์ขนาดใหญ่ทั้งสามคันมาวางไว้ต่อหน้า แล้วว่าท่านจง เลือกเกาทัณฑ์พอสมควรแก่กำาลังชอบมือท่าน แล้วจึงยิงเกาทัณฑ์ให้เราดู ฝีมือก่อน งิมเหงจึงขึนเกาทัณฑ์น้าวหน่วงประคองสายเกาทัณฑ์ต้านทาน ้ กำาลังมิได้หักเสียสองคัน ยังแต่เกาทัณฑ์คันใหญ่ชอบมืองิมเหง งิมเหงถอย ออกไปไกลเป้าร้อยก้าวแล้วยิงถูกใจดำาทั้งสามครั้ง อองมังเห็นงิมเหงยิง เกาทัณฑ์แม่นมีความยินดีนัก จึงเรียกงิมเหงเข้ามาแล้วสั่งให้เป็นที่จงหงวน นายทหารเอก ขุนนางคนสนิทผู้หนึ่งจึงว่าแก่อองมัง ซึ่งที่จงหงวนนี้เป็นเป็น ที่ชอบใจแก่ผู้มีฝีมือฝ่ายทหาร ถ้าที่จงหงวนเป็นของงิมเหงแล้ว ผู้ที่มีฝีดีทั้ง ปวงเห็นหาเข้ามาอีกไม่ ขอท่างจงว่างที่จงหงวนไว้เป็นส่วนกลางก่อน ให้ ทหารใหม่ทั้งปวงบรรดามาสอบสวนฝีมืองิมเหงดู ถ้าไม่มีผู้ใดสู้งิมเหงแล้ว จึงให้ที่จงหงวนแก่งิมเหงต่อภายหลัง อองมังได้ฟังดังนันมิได้ว่าประการใด ้ ฝ่ายเกงต้านจึงออกมายืนกลางสนามร้องว่า ผู้ใดจะชิงเอาที่จงหงวน ของเราไป ให้เร่งออกมาต่อสู่ฝีมือกับเรา อองมังเห็นดังนั้น จึงสั่งให้งิมเหง กับเกงต้านขี่ม้ารำาเพลงอาวุธสอนสวนฝีมือกัน ฝ่ายสองนายคำานับรับคำาออ งมังออกมา งิมเหงแต่งตัวสวมเกราะในใส่เสื้อสีชมพูถือง้าวใหญ่ขี่ม้าสีแสด ห้อยพู่จามจุรีแดง ทั้งสองหูดูงามสมควรแก่ผู้ขี่ ฝ่ายเกงต้านสวมเกราะใส่เสื้อเขียวขี่ม้าขาวห้อยชมพู่จามรีเขียว ถือทวน คันยาวเจ็ดศอกคืบ ชักม้ารำาเพลงอาวุธเข้ารบกันกับงิมเหงหลายเพลง งิม เหงทำาชักม้าเสียที่เกงต้านแทงด้วยทวนไม่ถูก ม้าเกงต้านซวนถลำาเข้าไป งิมเหงจะฟันด้วยง้าวเป็นอาวุธยาวไม่ทันฟัน ฉวยชักเอากิมเปียวอาวุธสั้น ซึ่งซ่อนไว้ในเสื้อแทงถูกเกราะเกงต้านตกลงจากหลังม้า อองมังเห็นมี ชัยชนะมีความยินดีนัก จึงตั้งงิมเหงให้เป็นที่ไซซิวเจียงกุ๋น ฝ่ายขับเอี๋ยน เห็นเกงต้านแพ้ก็โกรธ จึงขับม้าออกมาชวนงิมเหงรบ งิมเหงชักม้ารำาง้าวเข้า
  • 5. รบกับขับเอี๋ยนได้สามเพลง งิมเหงทำาเสียทีขับเอี๋ยนไล่ถลำาเข้าไป งิมเหง ฉวยชักอาวุธสั้นตีถูกขับเอี๋ยนตกม้าลง ฝ่ายเกียนถำาเห็นดังนั้น จึงขึนม้าออกรบกับงิมเหงไม่ทันถึงสามเพลง งิม ้ เหงยิงด้วยเกาทัณฑ์ถูกเกราะเกียนถำาตกม้าวิ่งหนีไป อองมังเห็นงิมเหงมี ฝีมือกล้าแข็ง ชนะทหารทั้งสามคนแต่ในเวลาเดียว จึงสรรเสริญว่างิมเหง ฝีมือดีควรที่จงหงวนทหารเอก โซเหี้ยนจึงว่าทหารที่มีฝีมือเหมือนงิมเหงนี้ จะยังมีอยู่ ให้งิมเหงควบม้าร้องเรียกทั้งปวงให้มาสอบสวนสู้รบงิมเหง ถ้า ไม่มีผู้ใดเข้ามาต่อสู้แล้วจึงให้งิมเหงเป็นจงหงวน 15. ม้าบู๊ ชาวเมืองนำ่าเอี๋ยง ขณะนั้นมีทหารคนหนึ่ง รูปร่างโตใหญ่สูงห้าศอกคืบแปดนิ้ว หน้าเขียว เหมือนสีหนังปูทะเล หนวดแข็งเหมือนลวดทองแดง ได้ยินดังนันจึงเข้ามา ้ ยืนอยู่กลางสนามร้องว่าผู้ใดจะมาชิงเอาที่จงหงวนของเรานั้นเร่งออกมา ต่อสู้ดูฝีมือกันกับเราก่อน อองมังเห็นดังนั้นจึงถามว่าท่านชื่อใดมาจาก ที่ไหน ทหารผู้นั้นจึงคำานับแล้วบอกว่า ข้าพเจ้าชื่อม้าบู๊ ชาวเมืองนำ่าเอี๋ยง จะเข้สมาสอบสวนเพลงอาวุธเอาที่จงหงวน แต่มาคอยอยู่ช้านานท่านไม่ เรียกข้าพเจ้า ท่านเรียกเอาแต่งิมเหงเข้ามาจะให้ที่จงหงวนนั้น ข้าพเจ้าจะ ขอสอบสวนต่อสู้ดูฝีมืองิมเหงก่อน ถ้างิมเหงแพ้ข้าพเจ้าจะขอเอาที่จงหงวน อองมังจึงสั่งให้งิมเหงกับม้าบู๊สอบสวนฝีมือกัน ม้าบู้สวมเกราะใส่เสื้อเขียวขี่ ม้าเขียว ถือง้าวใหญ่ออกยืนกลางสนาม ฝ่ายงิมเหงจึงขับม้าเข้ารบกับม้าบู๊ด้วยเพลงง้าวได้ยี่สิบเพลง อองมัง เห็นงิมเหงกับม้าบู๊ต่างคนต่างว่องไวในเพลงอาวุธมิได้แพ้ชนะกันจึงร้อง ห้ามออกไปให้หยุด ฝ่ายสองนายได้ยินอองมังห้าม จึงลงจากม้าเข้ามา คำานับอองมัง อองมังจึงว่าแก่ม้าบู๊ซึ่งที่จงหงวนนันเราได้ยกให้งิมเหงก่อน ้ แล้ว ตัวท่านมาภายหลังจงเป็นแต่ปางันทหารโทเถิด ม้าบูไม่ชอบใจจึงตอบ ๊ ว่าข้าพเจ้ากับงิมเหงฝีมือทัดกันอยู่ ข้าพเจ้าจะขอสู้ดูฝีมือกับงิมเหงให้ถึงแพ้ ชนะ จะขอเอาที่จงหงวนทหารเอกให้จงได้ ซึ่งท่านจะให้ที่ปางันทหารโท ข้าพเจ้าไม่ยอม อองมังจึงให้งิมเหงรบกับม้าบู๊ต่อไป ฝ่ายสองนายต่างคน ขึ้นม้ารำาง้าวเข้าต่อสู้กันถึงห้าสิบเพลง ม้าบู๊ทำาชักม้าเสียที งิมเหงเงื้อง้าวฟัน ไม่ถูกม้าบู๊ชักเชือกบ่วงบาศออกจากเสื้อซัดไปคล้องงิมเหง งิมเหงฉวยจับ เชื่อกบ่วงบาศได้ ต่างคนชักฉุดกันอยู่ ฝ่ายงอฮั่นเห็นดังนั้น จึงยิงเกาทัณฑ์ตัดเชือกบ่วงบาศขาดงิมเหงกับม้า บู๊ยื้อแย่งเชือกชิงกัน ครั้นเชือกขาดมิทันยั้งตัวต่างคนตกม้าลง แล้วขึนขี่ม้า ้ จะเข้ารบกันสืบไป อองมังร้องห้ามว่าอย่ารบกันเลย ที่จงหงวนเป็นของงิม เหงแล้ว ม้าบู๊จึงตอบว่าข้าพเจ้ากับงิมเหงมิได้เพลี่ยงพลำ้าแก่กันในการรบ เหตุใดจึงจะให้เป็นทหารรองงิมเหงเล่า อองมังจึงตอบว่าท่านเสมอกับงิม เหงแต่ฝีมือ รูปร่างไม่งามพร้อมเหมือนงิมเหง เราให้งิมเหงเป็นที่จงหงวน ตัวท่านสมควรที่ปางันเป็นนายทหารเหมือนกัน ท่านอย่าเลื่อนตำาแหน่งเลย ม้าบู๊จึงตอบว่า เดิมท่านแจกกฎหมายไปว่า ให้เข้ามาสอบสวนเพลงอาวุธผู้ ใดฝีมือดีจะให้ที่จงหงวน ถ้าเรารู้ว่าจะเลือกสันเอาทั้งรูปร่างด้วยฉะนี้ ถึง มาตรว่าจะตายก็จะสู้ตายอยู่ในป่า หาพอที่จะเข้ามาให้ได้ความอัปยศแก่คน
  • 6. ทั้งปวงไม่ อองมังได้ยินดังนั้นก็โกรธจึงสั่งทหารเลวให้ขับม้าบู๊เสีย ม้าบู๊มี ความน้อยใจนัก เดินพลางบ่นว่าเกิดมาเป็นชายให้หนีที่มืดไปหาที่สว่างได้ พบผู้มีบุญจึงจะมีชื่อปรากฎในแผ่นดิน ซึ่งจะเอาตัวเข้าเกลือกกลั้วกับอ้าย ศัตรูแผ่นดินอุปมาเหมือนบ่ายหน้ามาหาที่มืดฉะนีไม่ชอบ ม้าบู๊ไปถึงประตู ้ เมือง จึงจารึกอักษรเป็นโคลงสี่บท ว่ากล่าวแก่อองมังเป็นข้อหยาบช้า เขียนบอกชื่อไว้ว่า กูผู้ม้าบู๊ จารึกโคลงนี้ ผู้ใดอ่านแล้วเร่งไปบอกแก่อองมัง ให้รู้ด้วย ม้าบู๊เดินไปตามทาง 16. ประกาศจับเล่าสิ้วบุนซกกับม้าบู๊ ฝ่ายกองบู๊ ครั้นอองมังขับเสีย จึงออกมาเที่ยวหาเตงอู มิได้พบตลบคืน เข้ามายืนดูทหารสอบสวนอาวุธ แจ้งความว่าอองมังสั่งให้ขับม้าบู๊เสีย มี ความยืนดีด้วยจะได้ชักชวนไว้เป็นทหาร จึงตามม้าบู๊ออกไปทันม้าบู๊ที่พุ่มไม้ แห่งหนึ่ง แล้วเรียกม้าบู๊ให้หยุดอยู่ กองบู๊จึงบอกความตามที่คิดกันไว้แต่ หลังให้ม้าบู๊ฟงทุกประการ ม้าบู๊รู้ว่ากองบู๊เชื้อพระวงศ์กัตริย์ จะคิดการกำาจัก ั อองมังสมกับความคิดดีใจนัก จึงคุกเข่าลงคำานับตามธรรมเนียมข้ากับเจ้า แล้วว่าซึ่งจะเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงดังนี้มีผู้รู้ความว่าเป็นเชื้อพระวงศ์พระ เจ้าเปงเต้ จะไปบอกแก่อองมัง อองมังจะสืบเอาไปประหารชีวิตเสีย การที่ คิดไว้จะไม่สำาเร็จเป็นมั่นคง ขอท่านจงออกไปอยู่ป่าซ่องสุมทแกล้วทหาร เริ่มคิดการใหญ่ ข้าพเจ้าจึงจะไปเข้าด้วยช่วยทำาการกว่าจะสำาเร็จ อกงบู๊ได้ ฟังดังนันเห็นชอบรับคำาม้าบู๊ ทั้งสองให้สัญญาแก่กันแล้วม้าบู๊คำานับลาออก ้ ป่า กองบู๊กลับเข้ามาเที่ยวหาเตงอูไปถึงหอฮั่นหลิมอี๋ รู้จักกับผู้อยู่ที่นั้น ได้ คุ้นเคยกันเมื่อครั้งเรียนหนังสือแต่ก่อน กองบู๊เข้าอาศัยนอนเล่นพอหาย เหนื่อยอ่อน ลมพัดมาเย็นๆ หลับไป ฝ่ายอองอูบุตรอองมังออกไปเรียนหนังสืออยู่ ณ ตังเก๋งเป็นหลายปีมิได้ มาในวัง วันนั้นอองอูพาทารกซึ่งเรียนหนังสือทั้งปวงเข้ามาเที่ยวเล่นหน้าหอ อาลักษณ์ ทารกสิบคนเข้าไปในหออาลักษณ์ พบคนแปลกหน้ามานอนเห็น เป็นมังกรเหลืองประคองอยู่ ต่างคนตกใจวิ่งออกไปจากหออาลักษณ์ เล่าสิ้ว บุนซกตื่นขึ้นได้ยินเสียงพวกทารก พูดกันอื้ออึงจึงอกกจากหออาลักษณ์ หลีกหนีไป ฝ่ายอองมังครั้นดูทหารใหม่ซ้อมมือกัน จนเวลาตะวันบ่ายจึงขึนรถพา ้ ขุนนางกลับเข้าวัง มาถึงหน้าตึกซึ่งจารึกชื่อบิดามารดา พอทารกสิบคนวิ่ง เข้ามาคำานับบอกว่าในหอฮั่นหลิมอี๋มีหนุ่มน้อยคนหนึ่ง มีรัศมีเหมือนหมอก มังกรเหลืองประคองอยู่ จะเป็นมนุษย์หรือเทพยดาหาแจ้งไม่ อองมังได้ฟัง ดังนั้นจึงคิดว่า ชะรอยผู้มีบุญจะเข้ามาอยู่ กูจะเอาไปตั้งเป็นกษัตริย์พอพ้น ความนินทาแล้วจะคิดฆ่าเสียด้วยอุบายไปภายหน้า จึงจะสิ้นเสี้ยนหนามวาย วิตก อองมังคิดแล้วถือกระบี่ลงจากรถเดินไปหน้าหออาลักษณ์ เห็นอองอู ซึ่งให้ไปเรียนอยู่เรียนหนังสือ อองมังแปลกไปสำาคัญว่าผู้มีบุญ อองอูเห็น อองมังผู้บิดามาจะวิ่งหนี อองมังจับมือไว้แล้วว่า ท่านอย่าตกใจข้าพเจ้าจะ ให้ท่านป็นเจ้า ว่าแล้วอุ้มพามาขึ้นรถไปถึงที่ออกขุนนาง เชิญอองอูขึ้นนั่งที่ สำาหรับกษัตริย์จะตั้งศักราชใหม่ พอมีผู้เข้ามาบอกว่ามีคนจารึกอักษรเป็นข้อ หยาบช้าไว้ ณ ประตูเมืองหลวงนั้น เขียนชื่อบ้างมิได้บอกบ้าง อองมังจึง
  • 7. กลับออกไปอ่านหนังสือที่ผู้เขียนไว้เป็นหลายแห่ง แต่หนังสือแห่งหนึ่งนัน ้ ชื่อม้าบู๊อยู่บ้านโอเอี๋ยงกุ๋ยแขวงเมืองนำ่าเอี๋ยง เขียนไว้เป็นถ้อยคำาหยาบช้า อองมังโกรธ จึงสั่งให้โซเหี้ยนเร่งตามจับเอาตัวอ้ายม้าบู๊มาฆ่าเสียให้จงได้ โซเหี้ยนคำานับลาไปจับเจ้าของร้านที่ม้าบู๊เคยสำานักมาให้อองมัง อองมังจึง ซักถามว่าม้าบู๊อาศัยอยู่ร้านตัวแล้วบัดนี้ม้าบู๊อยู่แห่งใดจงบอกแต่ความจริง ถ้าอำาพรางไว้จะเอาตัวเป็นโทษถึงชีวิต ชาวร้านตกใจกลัวอาญาจึงบอกว่า ม้าบู๊มาเช่าร้านข้าพเจ้าอยู่ ครั้นรุ่งเช้าม้าบู๊ไปมิได้กลับมาคุ้มเท่าวันนี้ มิได้รู้ ว่าม้าบู๊จะไปแห่งใด อองมังจึงให้ปล่อยชาวร้านไปเสีย แล้วกลับมาประชุม ขุนนางปรึกษาจะตั้งอองอูเป็นกษัตริย์ ด้วยคิดว่าเป็นเชื้อพระวงศ์รพะเจ้าฮั่น โกโจ อองอูเห็นเห็นดังนั้นจึงคำานับอองมังแล้วถามว่า ท่านได้ราชการเมือง หลวงอยู่แล้ว เหตุใดท่านจะตั้งข้าพเจ้าขึ้นเป็นกษัตริย์อีกเล่า อองมังจึงว่ามี ผู้มาบอกข้าพเจ้าว่าท่านมีรัศมีมังกรประคองอยู่ ข้าพเจ้ารู้ว่าผู้มีบุญ จึงเชิญ มาเป็นกษัตริย์บำารุงราษฎรให้อยู่เย็นเป็นสุข เหตุใดท่านจะถอยหลังเสียเล่า อองอูเห็นบิดาแปลกคำานับแล้วจึงบอกว่า ข้าพเจ้าชื่ออองอูออกไปอยู่ตังเก๋ง เป็นหลายปี มิได้มาบิดาแปลกข้าพเจ้าหรือ อองมังได้ฟังดังนั้นพิเคราะห์ดู รูปทรงก็จำาได้ว่าอองอู มีความยินดีนัก จึงบอกแก่ขุนนางทั้งปวงว่า บุตรเรามี บุญจะได้เป็นกษัตริย์สืบแทนเราไปภายหน้า ฝ่ายขุนนางซึ่งรู้เนื้อความแต่ก่อน จึงบอกว่าเมื่อท่านออกไปเลือกฝีมือ ทหารใหม่ ข้าพเจ้าเห็นว่าเล่าสิ้วบุนซกเชื้อพระวงศ์พระเจ้าเปงเต้ ปลอมเข้า มาชิงเกาทัณฑ์ทหารใหม่ยิงท่านคันเกาทัณฑ์หักจับตัวไว้ เล่าสิ้วบุนซกบอก ว่าชื่อกิมห่อท่านปล่อยเสีย เข้ามาอาศัยนอนอยู่ ณ หออาลักษณ์ ซึ่งเด็ก หนุ่มพวกเรียนหนังสือเข้ามาบอกว่าเห็นมังกรประคองอยู่มิใช้ผู้อื่น คือเล่าสิ้ว บุนซกเป็นมั่นคง อองมังได้ฟังจึงตอบว่าเหตุใดรู้ความแล้วไม่บอกจะได้ออก ไปค้นดูให้ทันที อองมังได้ฟังจึงสั่งให้โซเหี้ยนเร่งไปค้นหาเอาตัวเล่าสิ้วบุน ซกมาให้จงได้ โซเหี้ยนคำานับลาพาทหารออกไปค้นในห้องอาลักษณ์ไม่พบ จึงให้ปิดประตูเมืองหลวงสั่งทหารทั้งปวงให้เที่ยวค้นตามถนนร้านตลาดเป็น อลหม่านทั้งเมืองก็ไม่พบ โซเหี้ยนกลับมาแจ้งความแก่อองมัง อองมังจึงให้ เขียนรูปเล่าสิ้วบุนซกมีมังกรประคองกับหนังสือไปปิดไว้ที่ประตูบ้านขุนนาง และราษฎรทั้งนอกเมืองในเมืองว่า ถ้าผู้ใดจับตัวเล่าสิ้วบุนซกเป็นคนมีวิชา มังกรเหลืองประคองรักษาอยู่กับม้าบู๊ ซึ่งเขียนหนังสือไว้เป็นข้อหยาบช้านั้น ถ้าจับตัวมาได้ไพร่จะให้เป็นขุนนาง แม้นเป็นขุนนางแล้วจะเลื่อนที่มียศศักดิ์ ผู้ใดคบเอาตัวเล่าสิ้วบุนซกกับม้าบู๊ไว้ มีผู้มาบอกจะให้เป็นขุนนางโดย สมควรแก่ความชอบ ผู้ซึ่งอำาพรางจะเอาตัวฆ่าเสียให้สิ้นเสามชั่วโคตร บรรดาทหารอองมังแจ้งความในหนังสือนั้นต่างคนจะใคร่ได้ความชอบแยก ย้ายกันเที่ยวด้อมมองตามช่องตรอกถนนหนทาง ค้นหาเล่าสิ้วบุนซกกับม้าบู๊ เสียงเป่าร้องบอกกันอื้ออึงทั้งเมือง 17. เล่าสิ้วบุนซกซ่อนตัว ฝ่ายเล่าสิ้วบุนซก ครั้นหลบหนีจากหออาลักษณ์มาถึงตำาบลจินเหี้ยนก๋ วน แลไปกลางถนนเห็นทหารม้าเป็นหมู่มา เสียงเท้าม้าดังพายุ ดูทหาร เที่ยวด้อมมองดังเสือจะจับเนื้อ เล่าสิ้วบุนซกเข้าไปแฝงตัวอยู่ริมสวนดอกไม้
  • 8. ในบ้านขุนนาง ได้ยินชาวบ้านพูดว่า อองมังป่าวร้องให้ชาวเมืองจับตัวเล่าสิ้ว บุนซกตกใจนัก พอเวลาพลบคำ่าลงกลัวทหารจะพบตัวจึงโดดด้วยกำาลัง ข้ามกำาแพงแก้วเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในสวน ด้วยคิดว่าจะยับยั้งอยู่พอผู้คน เที่ยวหานั้นกลับไปแล้ว จึงจะแก้ไขหนีไปให้พ้นทหารอองมัง มีขนนางคน ุ หนึ่งชื่อเล่าถังเป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าเปงเต้ ครั้งอองมังเป็นเจ้า เล่าถังกลัว โซเหี้ยนจะฆ่าเสีย จึงแปลงแซ่ใหม่มิให้ผู้ใดรู้จักเป็นชื่อว่าตั๋งถัง อองมังให้ เป็นขุนนางอยู่ในโซเหี้ยน ครันเวลาคำ่าลงแสงพระจันทร์สว่าง จึงลงไปสวน ้ ดอกไม้จุดธูปเทียนบูชาพระจันทร์ เล่าสิ้วบุนซกเห็นเป็นผู้เฒ่ามีผมและ หนวดขาว เข้ามานั่งอยู่ใกล้ตกใจกลัวขยับจะวิ่งหนี ตั๋งถังพอเหลือบเห็นฉวย คว้าข้อมือไว้ถามว่าหนุ่มน้อยมาแต่ไหน จึงเข้ามาอยู่ที่สวนเราในเวลากลาง คืน จะขโมยสิ่งใด ว่าแล้วก็พาตัวขึ้นไปบนตึกพิเคราะห์รูปร่างสะอาดมิใช่ ไพร่พลเมือง จึงค่อยกระซิบปลอบถามหาแซ่และชื่อเป็นความลับ เล่าสิ้วบุน ซกเห็นนำ้าใจผู้เฒ่ากรุณาโดยสุจริต จึงบอกชื่อและแซ่ต่หลังให้ฟังทุก ประการ ตั๋งถังรู้ว่าเส่าสิ้วบุนซกเป็นหลานก็ร้องไห้รัก พลางว่า อาคิดว่าแซ่ ฮั่นนี้จะสูญสิ้นเสียแล้ว บัดนี้มาพบเจ้าคนหนึ่งเห็นจะสืบเชื้อพระวงศ์ไปภาย หน้า อามีความยินดียิ่งนัก เล่าสิ้วบุนซกจึงว่าผู้เฒ่าป็นแซ่ใดจึงว่าเป็นอา ข้าพเจ้ายังสงสัยอยู่ ฝ่ายตั๋งถังจึงบอกว่า เดิมอาชื่อเล่าถัง กลัวอองมังจะรู้ว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ จึงแปลงชื่อเปลี่ยนแซ่เสียใหม่ชื่อตั๋งถัง เป็นน้องเล่าคิมบิดาเจ้า ซึ่งเจ้าจะ คิดทำาการใหญ่ให้ซ่อนตัวอยู่ได้ท่วงทีจึงค่อยคิดทำาการต่อไป เล่าสิ้วบุนซกรู้ ว่าตั๋งถังเป็นอามีความยินดี จึงคำานับตั๋งถัง ขณะนั้นมีชายคนหนึ่งชื่อซุยเต๋ง เป็นคนใช้ตั๋งถัง เข้าไปแอบแฝงมองดูรู้ว่าเล่าสิ้วบุนซกเข้ามาอยู่ในเรือนตั๋ง ถัง ซุยเต๋งจึงค่อยถอยตัวออกไป เลิกเอาหนังสือป่าวร้องของอองมังซึ่งมา ปิดอยู่ ณ ประตูบ้าน วิงไปโดยด่วนบอกความโซเหี้ยนในเวลากลางคืน ่ หมายจะเอาความชอบ ฝ่ายโซเหี้ยนจึงเข้าไปแจ้งความแก่อองมัง ตามคำาซุยเต๋งบอก อองมัง ได้ฟังมีความยินดีนัก จึงให้ซุยเต๋งเป็นขุนนางช่วยราชการฝ่ายทหาร แล้วสั่ง ให้โซเหี้ยนไปจับตัวเล่าสิ้วบุนซกมาให้จงได้ โซเหี้ยนคำานับลาพาทหารสอง ร้อยไปล้อมบ้านตั๋งถัง ฝ่ายตั๋งถังแจ้งว่าโซเหี้ยนมาก็ตกใจนัก จึงให้เล่าสิ้ว บุนซกไปซ่อนตัวในสวนดอกไม้ แล้วออกมาพบโซเหี้ยนที่ประตูหน้าบ้าน จึง ถามว่ามาพบข้าพเจ้าด้วยเหตุประการใด โซเหี้ยนจึงว่าซุยเต๋งไปบอกว่าเล่า สิ้วบุนซกมาอยู่เรือนท่าน อองมังสั่งให้เรามา จงส่งตัวเล่าสิ้วบุนซกให้แก่เรา โดยดี จะช่วยแก้ไขมิให้ท่านมีโทษ ตั๋งถังจึงว่าถ้าสงสัยว่าเล่าสิ้วบุนซกอยู่ ในเรือนข้าพเจ้า ขอท่านจงไปค้นดูเถิด โซเหี้ยนจึงให้ทหารขึ้นค้นเรือนมิได้ พบแล้วให้เข้าค้นหาเล่าสิ้วบุนซกในสวนดอกไม้ ฝ่ายเล่าสิ้วบุนซกซ่อนตัวอยู่ในสวนดอกไม้ ได้ยนเสียงทหารอื้ออึงเข้า ิ มาตกใจก็โดดข้ามกำาแพงหลังสวนออกไป พบอองป้า ปังอี้ อองป้า ปังอี้เข้า อุ้มเล่าสิ้วบุนซกทุ่มเข้าไปข้างทางให้ลับตาทหาร โดยอุบายชื่อว่ากวางเสือ ข้ามภูเขาแล้วกลับหน้าวิ่งมาต้านหน้าทหารไว้ บอกว่าเราจับเล่าสิ้วบุนซกได้ ดีใจว่าจะเอาความชอบ เล่าสิ้วบุนซกมีวิชาแปลงรูปกลายมังกรไปแล้ว ออง ป้ากับปังอี้พาทหารกลับมาคำานับแจ้งความแก่โซเหี้ยน โซเหี้ยนไม่เชื่อจึงว่า
  • 9. ตัวจับเล่าสิ้วบุนซกได้แกล้งปล่อยไปเสียแล้วแสร้งเอาความเท็จมาลวงเรา รุ่งเช้าจะบอกให้อองมังกระทำาโทษ ว่าแล้วโซเหี้ยนพาทหารกลับไปบ้าน ฝ่ายเล่าสิ้วบุนซกหลบเข้าอยู่ริมทาง ครันเห็นอองป้ากับปังอี้พาทหาร ้ กลับลับตาไปแล้ว จึงออกจากทางด้วยความกลัวรีบเดินมาตามถนนสี่แพร่ง เห็นผู้เฒ่าคนหนึ่งวิ่งเข้ามากอดเท้าเล่าสิ้วบุนซกแล้วว่า ท่านอย่าตกใจ ข้าพเจ้าจะช่วยให้ท่านพ้นมือทหารโซเหี้ยน เล่าสิ้วบุนซกพิจารณาดูหน้า รู้จักว่าโต๊ะเอี๋ยง มีความตกใจค่อยบรรเทาลง โต๊ะเอี๋ยงจึงพาเล่าสิ้วบุนซก ขึ้นบนตึกให้นั่งที่สมควร เล่าสิ้วบุนวกจึงว่าท่านกรุณาข้าพเจ้าช่วยพามาพ้น มือทหารโซเหี้ยน ครั้งนี้ขอบคุณยิ่งนัก โต๊ะเอี๋ยงจึงว่า เมื่อข้าพเจ้าเป็น ขุนนางอยู่ครั้งพระเจ้าเปงเต้นั้น เคยเป็นข้ามันได้ใช้มาแต่ก่อน ซึ่งท่านได้ ทุกข์ยากลงครั้งนี้ ควรที่ข้าพเจ้าจะฉลองคุณกว่าจะสิ้นชีวิต เล่าสิ้วบุนซกจึง ว่าข้าพเจ้านั่งสนทนาช้าอยู่มิได้ เกลือกว่ามีผู้รู้ความจะบอกโซเหี้ยนตามมา จับข้าพเจ้าจะขอลาไป โต๊ะเอี๋ยงจึงว่าท่านอยู่ในตึกเป็นที่ลับตาคนไม่มีผู้ใด จะล่วงเข้ามารู้ จงอยู่ด้วยข้าพเจ้าให้เป็นสุขหลายวันก่อนพอให้อองมังหาย ความโกรธ แล้วข้าพเจ้าจะพาท่านออกไปให้พ้นด่านเมืองหลวงอย่าวิตก เลย เล่าสิ้วบุนซกได้ฟังดังนั้นค่อยคลายที่ความวิตกอาศัยอยู่ในตึกเป็นสุข ฝ่ายโซเหี้ยนครั้นรุ่งเช้าจึงเข้าเฝ้าอองมัง โต๊ะเอี๋ยงขุนนางพร้อมกัน โซ เหี้ยนจึงกล่าวโทษตั๋งถังว่า เล่าสิ้วบุนซกเข้าอยู่ในบ้านตั๋งถัง ตั๋งถังไม่จับ เอาตัวจนเล่าสิ้วบุนซกหนีไป อองมังได้ฟังดังนั้นจึงให้ตั้งกะทะใหญ่เคี่ยว นำ้ามันเดือดแล้ว หาตัวตั๋งถังมาถามว่า มีผู้มาบอกว่าท่านเอาตัวเล่าสิ้วบุนซก ซ่อนไว้ จงไปพาตัวมาเราจะให้เสื้ออย่างดีผืนหนึ่ง แล้วตั้งให้เป็นขุนนาง ตามความชอบ ถ้าท่านไม่รู้เห็นเป็นใจด้วยเล่าสิ้วบุนซก เร่งลงในกะทะนำ้ามัน พิสูจน์ตัวให้เราเห็นความจริงก่อนจึงจะสิ้นสงสัย ตั๋งถังได้ฟงดังนั้นไม่กลัว ั หัวเราะพลางตอบอองมังเป็นข้อหยาบช้าว่า ท่านเป็นคนอกตัญญูไม่รู้คุณ พระเจ้าเปงเต้ กลับชิงเอาสมบัติตั้งตัวเป็นใหญ่ไม่กลัวความนินทา ซึ่งจะให้ เรานำาตัวเล่าสิ้วบุนซกเชื้อพระวงศ์มาส่งให้นั้น เรายังคิดถึงคุณพระเจ้าเปงเต้ อยู่ หาปรารถนาที่ยศศักดิ์ของท่านไม่ ตัวท่านเป็นคนโฉดเขลาไม่รู้จักเราผู้ ชื่อเล่าถังเชื้อพระวงศ์ บัดนี้ผู้มีบุญมาถึงจะทำาการแก้แค้นอ้ายศัตรูราชสมบัติ กำาจัดเสียให้แผ่นดินอยู่เย็นเป็นสุข ว่าแล้วก็วิ่งลงกะทะนำ้ามันขาดใจตาย ฝ่ายอองมังครั้นตั๋งถังตายแล้วจึงรู้ว่าเล่าถัง อองมังคิดแค้นด้วยถ้อยคำา หยาบ จึงให้ทหารจับบุตรภรรยาเล่าถังมาฆ่าเสีย แล้วถามโซเหี้ยนว่า เมื่อ ท่านล้อมบ้านเล่าถังนั้น เล่าสิ้วบุนซกหนีออกไปข้างผู้ใด โซเหี้ยนคำานับแล้ว บอกว่าเล่าสิ้วบุนซกไปออกข้างหน้าที่อองป้ากับปังอี้ อองมังโกรธจึงซักถา มอองป้า ปังอี้ว่า เหตุใดตัวจึงไม่ระวังจับตัวเล่าสิ้วบุนซกแกล้งปล่อยไปเสีย อองป้ากับปังอี้จึงให้การแก้ว่า เล่าสิ้วบุนซกออกมาทางด้านข้าพเจ้าทั้งสอง ครั้นเข้าจับตัวกลับกลายเป็นมังกรหนีไป สุดความคิดที่ข้าพเจ้าจะคิดติดตาม ได้ ร้องบอกแก่ทหารทั้งปวงเป็นพยาน อองมังไม่เชื่อจึงว่าตัวมิได้ซื่อตรง ต่อเรา จับเล่าสิ้วบุนซกเอาแต่สินบนปล่อยเสีย แล้วมาลวงเราอีกเล่า ทหาร ทั้งปวงเร่งเอาไปทอดนำ้ามันเสีย
  • 10. ฝ่ายโต๊ะเอี๋ยงได้ยินดังนั้นทัดทานไว้ว่า เล่าสิ้วบุนซกคนนี้เป็นคนดีมีวิชา ชาวเมืองคอยจะจับตัวมาให้ท่านจะเอาความชอบ หาผู้ใดจับเล่าสิ้วบุนซก ได้ไม่ ท่านก็ทราบอยู่แล้ว ซึ่งอองป้ากับปังอี้เป็นทหารมีใจภักดีต่อท่าน หมายจะเอาความชอบจับเล่าสิ้วบุนซกให้ได้ เล่าสิ้วบุนซกมีวิชาการแก้ไข แปลงตัวเป็นมังกรหนีไปสุดที่จะติดตามฉะนี้ จะมีโทษแก่อองป้าจะฆ่าปังอี้ เสียนั้น ขอท่านจงตรึกตรองก่อน อองมังได้ฟังโต๊ะเอี๋ยงห้ามเห็นชอบ มิได้ เอาโทษแก่อองป้า ปังอี้ จึงสั่งให้โซเหี้ยนพาทหารไปเที่ยวติดตามสืบจับ เล่าสิ้วบุนซก โซเหี้ยนคำานับลาพาทหารออกจากเมืองหลวง เที่ยวอายัด ด่านทางทั้งปวงทุกตำาบล 18. โต๊ะเอี๋ยงช่วยเล่าสิ้วบุนซกหนี ฝ่ายโต๊ะเอี๋ยงอุตส่าห์บำารุงเล่าสิ้วบุนซกไว้แต่ในตึก มิได้มีผู้ใดล่วงรู้ ครั้น ณ เดือนเก้าขึ้นเก้าคำ่าเป็นวันคำานับครู โต๊ะอี๋ยงจึงแกล้งทำาอุบายแต่งตัวเล่า สิ้วบุนซกให้นุ่งห่มเหมือนสตรี โต๊ะเอี๋ยงบอกคนทั้งปวงว่าเป็นภรรยาจะให้ พาออกไปเยี่ยมเยือนพี่น้อง โต๊ะเอี๋ยงเอาเล่าสิ้วบุนซกขึ้นรถออกไปส่งพ้น ด่านทองก๋วนแล้วกลับมาบ้าน ฝ่ายเล่าเหลียง แต่เตงสินพาเล่าสิ้วบุนซกไปเยี่ยมเยือนนางเล่าหงวน มิได้กลับมามีความวิตกนัก จึงให้เล่าอิ๋นกับเล่าต๋งไปตามตัวเล่าสิ้วบุนซก เล่าอิ๋น เล่าต๋งคำานับลามาขึ้นม้าไปถึงบ้านเตงสินมิได้พบเล่าสิ้วบุนซกจึง ถามเตงสิน เตงสินบอกความแต่หลังให้ฟัง แล้วว่าเล่าสิ้วบุนซก เตงอูพากัน ไปหาเงียมจูเหลง ณ บ้านป่า เล่าอิ๋น เล่าต๋งคำานับลาเตงสินขึ้นม้าไปตามคำา เตงสินบอก จึงขึนไปคำานับเงียมจูเหลงแล้วถามหาเล่าสิ้วบุนซก เงียมจูเห ้ ลงรู้ว่าเล่าอิ๋น เล่าต๋งเป็นพี่ชายเล่าสิ้วบุนซก จึงบอกว่า เล่าสิ้วบุนซกเข้าไป เมืองหลวงกับเตงอู บัดนี้เล่าสิ้วบุนซกใจเร็วนัก ทำาการให้เสียทีด้วยชะตายัง ไม่ถึงที่มีบุญ แต่ทว่าเล่าสิ้วบุนซกหาเป็นอันตรายไม่ ท่านจงไปสืบหาตาม เอาตัวไปซุ่มซ่อนไว้กว่าชะตาจะถึงที่มีบุญ จึงค่อยคิดการต่อภายหลัง เงียม จูเหลงจึงจารึกอักษรเป็นคำาปริศนาเข้าผนึกส่งให้เล่าอิ๋นแล้วสั่งว่า ถ้าท่าน พบเล่าสิ้วบุนซกจงเอาหนังสือให้แก่น้องชายท่าน ทำาตามคำาเรากำาชับจึงจะ สำาเร็จการใหญ่ เล่าอิ๋นรับหนังสือแล้วคำานับลา พาเล่าต๋งขึ้นม้ากลับไปถึง บ้านบอกความแก่เล่าเหลียงทุกประการ เล่าเหลียงได้ฟังยิ่งมีความวิตกนัก จึงใช้เล่าอิ๋น เล่าต๋งให้ไปเที่ยวเสาะตัวหาเล่าสิ้วบุนซกให้จงได้ เล่าอิ๋น เล่า ต๋งคำานับลาออกจากบ้านเที่ยวสืบหาเล่าสิ้วบุนซกทุกตำาบล ฝ่ายเล่าสิ้วบุนซกออกจากด่านทองก๋วน เดินมาพบคนค้าขายผู้หนึ่งนั่ง อยู่ใต้ร่มไม้ ฝ่ายคนค้าขายไม่รู้จักเล่าสิ้วบุนซก จึงพูดกันว่า เราทั้งปวงเที่ยว ค้าขายได้ความลำาบากถ้าจับเล่าสิ้วบุนซกได้เอาไปส่งอองมัง อองมังจะให้ ที่ยศศักดิ์ทรัพย์สินเป็นอันมาก ดีกว่าค้าขายสักสิบเที่ยวอีก เล่าสิ้วบุนซก ได้ยินดังนัน จึงคิดว่าการซึ่งจะจับเราครั้งนี้ เป็นการของอองมังผู้เป็นศัตรู ้ แผ่นดิน มิใช่การของคนทั้งปวง คนทั้งปวงพูดกันทั้งนี้ด้วยความโลภ จะใคร่ ได้ทรัพย์สิ่งของยศศักดิ์เป็นคนหาสติปัญญามิได้ คิดแล้วเล่าสิ้วบุนซกก็รีบ เดินหนีไปทางทิศใต้ พอพบผู้หนึ่งขี่ม้าสวนทางมา ลงจากม้าคำานับเล่าสิ้ว บุนซกมิได้รู้จัก ทักถามว่าท่านชื่อใดอยู่บ้านไหน ขุนนางผู้นั้นจึงตอบว่า
  • 11. ข้าพเจ้าชื่อเล่าหลังน้องเล่าถังเป็นเจ้าเมืองซินอั๋นก๋วน สืบรู้ว่าท่านเข้ามาอยู่ เมืองหลวง อองมังจะให้จับตัวข้าพเจ้ารีบมาหมายจะรับไปเมืองซิยอั๋นก๋วน ซึ่งท่านมาเที่ยวอยู่ฉะนี้เกลือกมีผู้รู้จักจะจับไปให้อองมังท่านจะมีอันตราย เป็นอันมาก พูดกันมิทันขาดคำา พอเห็นโซเหี้ยนกับทหานออกจากป่าข้าง ขวามือ เล่าสิ้วบุนซกตกใจนัก เล่าหลังจึงว่าท่านจงหลบเสียก่อน ข้าพเจ้า จะย้อนไปรับโซเหี้ยน เล่าสิ้วบุนซกจึงวิ่งหนีไปทางน้อยลัดเข้าป่าทางซ้าย มือ 19. เล่าสิ้วบุนซกพบโซเสง ฝ่ายโซเสงขณะเมื่ออองมังให้ธงเกลี้ยกล่อม แล้วพาทหารทั้งปวงออก จากเมืองมาเป็นโจรคอยตีชิงทรัพย์สิ่งของคนค้าขายเดินทางอยู่ในป่านั้น ครั้นเห็นเล่าสิ้วบุนซกโซเสงมิได้รู้จักจึงให้ทหารยี่สิบคนจับตัวมาถาม หนุ่ม น้อยนี้ชื่อไร ดูกิริยาเห็นผิดประหลาดมาแต่ผู้เดียวจะไปแห่งใด เล่าสิ้วบุนซก จึงบอกว่าข้าพเจ้าเป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าเปงเต้ ตัวข้าพเจ้าชื่อเล่าสิ้วบุนซก อองมังให้โซเหี้ยนเที่ยวสืบจับตัวข้าพเจ้าหลบหลีกหนีโซเหี้ยนมา พอทหาร จับตัวข้าพเจ้าไว้ โซเสงรู้ว่าเล่าสิ้วบุนซกเป็นเชื้อพระวงศ์มีความยินดีนัก คำานับเชิญเล่าสิ้วบุนซกนั่งที่สมควร จึงเล่าความแต่หลังให้เล่าสิ้วบุนซกฟัง ทุกประการ แล้วว่าข้าพเจ้าออกมาเป็นโจรสืบหาท่านมาช้านานพึงได้พบ สมคิดครั้งนี้ จะเชิญขึ้นเป็นเจ้าเกลี้ยกล่อมทหารแลพวกโจรยกเข้าตีเมือง หลวง จับอองมังฆ่าเสียแล้วท่านจะได้เป็นกษัตริย์ บำารุงราษฎรให้อยู่เย็น เป็นสุขสืบไป เล่าสิ้วบุนซกได้ฟังจึงว่าท่านคิดชอบขอบคุณยิ่งนัก แต่บัดนี้ โซเหี้ยนพาทหารติดตามข้าพเจ้ามาอยู่ที่ชายป่า ท่านจะคิดป้องกันประการ ใด โซเสงจึงว่าถ้าดังนั้นท่านจงอยู่ที่นี่ก่อน ข้าพเจ้าจะไปจับตัวโซเหี้ยนฆ่า เสียแล้วจะกลับมาอย่าคิดทุกข์ใจเลย โซเสงจึงขึ้นม้าพาพวกโจรไปเที่ยวหา โซเหี้ยน ฝ่ายเล่าสิ้วบุนซกครั้นโซเสงไปแล้ว คิดแคลงว่าโซเสงเป็นแซ่เดียวกับ โซเหี้ยน กลัวเกลือกจะเป็นอุบายมิไว้ใจจึงออกจากที่สำานัก หนีโซเสงไปถึง ศาลเจ้าแห่งหนึ่งจารึกอักษรไว้ว่าเป็นศาลเจ้าอูอ๋อง กลังโซเหี้ยนจะตามมา จับนอนไม่หลับ ปิดประตูนั่งคอยดูต้นทางระวังตัวอยู่ ยังมีชายผู้หนึงชื่อเอีย ่ วกี๋อยู่บ้านป่า เอียวกี๋ไปให้ซินแสจับยามดูว่าผู้มีบุญจะอยู่แห่งใด ซินแส จับยามแล้วบอกว่ายังอีกสามวัน ผู้มีบุญจะมาอาศัยอยู่ ณ ศาลเจ้าอูอ๋อง ครั้นถึงสามวันเอียวอี๋จึงออกมาศาลเจ้าอูอ๋องเวลาประมาณสามยามเศษ เอีย วอี๋เห็นหนุ่มน้อยผู้หนึ่งนั่งอยู่ในศาลเจ้าสมคำาซินแสก็เข้าใจว่าผู้มีบุญจึง เข้าไปคำานับ ฝ่ายเล่าสิ้วบุนซกสำาคัญว่าทหารโซเหี้ยนตกใจนัก จึงแข็งใจถามว่าท่าน ชื่อใดมาแต่ไหน เอียวกี๋บอกชื่อแล้วว่าข้าพเจ้าเป็นบุตรเอียวเหมงชาวเมือง เองฉวน เข้าไปทำาราชการเป็นขุนนางอยู่ในเมืองหลวง ครั้นอองมังเอาสุรา ยาพิษให้พระเจ้าเปงเต้เสวยสวรรคตแล้ว อองมังให้ฆ่าบิดาข้าพเจ้าเสียด้วย ข้าพเจ้าจึงพามารดาหลบหนีออกมาซุ่มซ่อนอยู่บ้านป่า ซิยแสจับยามว่าจะ พบผู้มีบุญอยู่ในศาลเจ้าวันนี้ ออกมาพบท่านสมคำาซิยแสข้าพเจ้าดีใจนัก ขอเชิญท่านเข้าไปอยู่ในบ้านข้าพเจ้าสักสองสามวันพอหายเหนื่อยพักก่อน
  • 12. เล่าสิ้วบุนซกได้ฟังดังนั้นค่อยคลายความสะดุ้งตกใจลง จึงว่าซึ่งท่านมีใจ สามิภักดิ์ต่อเราครั้งนี้ขอบคุณยิ่งนัก เอียวกี๋จึงเชิญเล่าสิ้วบุนซกขึ้นม้ากลับ มาบ้านแจ้งความแก่มารดาทุกประการ ฝ่ายมารดาเอียวกี๋รู้ว่าเล่าสิ้วบุนซกเป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าเปงเต้เป็นผู้มี บุญ จึงคำานับรับเข้าเรือน แต่งโต๊ะเลี้ยงบำารุงรักษาให้อยู่ผาสุก ฝ่ายเอียวกี๋ จึงบอกแก่เล่าสิ้วบุนซกว่า ข้าพเจ้าได้ยินข่าวว่าอองมังให้โซเหี้ยนและทหาร ทั้งปวงเที่ยวสืบหาท่าน วันนี้จะขอลาไปฟังข่าวในเมืองหลวงก่อน ท่านจง ซ่อนตัวอยู่ในเรือนกว่าข้าพเจ้าจะกลับมา เอียวอี๋คำานับลาเล่าสิ้วบุนซกขึ้นม้า ออกจากบ้านไปหลายวัน ได้ความกลับมายังมิทันถึงบ้าน ขณะนั้นมีชายชาว บ้านคนหนึ่งชื่อโกบาน เห็นเล่าสิ้วบุนซกมิได้รู้จัก จึงพูดกับเพื่อนบ้านว่า หนุ่มน้อยคนนี้รูปร่างคล้ายเหมือนเล่าสิ้วบุนซกซึ่งอองมังให้สืบจับตัว เราจะ ช่วยกันจับตัวไปให้อองมัง ถ้าเป็นเล่าสิ้วบุนซกแน่แล้วพวกเราจะได้ความ ชอบ โกบานชวนพวกเพื่อนพร้อมกันมาล้อมเรือนเอียวกี๋ โกบานขึนไปบน ้ เรือนถามมารดาเอียวกี๋ว่า ท่านพาคนแปลกหน้ามาไว้เป็นญาติพี่น้องหรือผู้ อื่นมาอาศัย ดูรูปร่างเหมือนเล่าสิ้วบุนซก มารดาเอียวกี๋จึงแกล้งบอกคำา พรางว่าหลานเรามาเยี่ยมเยียน ท่านรูปทรงเหมือนเล่าสิ้วบุนซกจะจับไปไม่ ควร โกบานไม่เชื่อจึงพาพวกไปบนเรือน จับตัวเล่าสิ้วบุนซกมัดมือพากัน ออกจากบ้าน จะเอาไปส่งหัวเมืองบอกเข้าไปในเมืองหลวง ฝ่ายเอียวกี๋มาถึงบ้าน มารดาเอียวกี๋ออกมายืนร้องไห้อยู่ที่ประตูเรือน เห็น บุตรมาจึงบอกความว่า โกบานจับเอาเล่าสิ้วบุนซกไปเห็นความจะถึงเจ้าแล้ว จงไปหลบตัวอยู่ที่บ้านพี่สาวสักสองสามวัน ความเงียบสงัดแล้งจึงค่อยกลับ มา เอียวกี๋ได้ฟังมารดาบอกดังนั้นก็โกรธนัก ฉวยได้เกาทัณฑ์สำาหรับมือขึ้น ม้าตามโกบานไป ฝ่ายโกบานพาเล่าสิ้วบุนซกไปถึงร้านขายสุราริมทาง จึง พาพวกเพื่อนเข้าไปเลี้ยงสุราแล้วโกบานพูดกับเพื่อนว่า แต่ก่อนเราให้ หมอดู หมอทำานายว่าจะได้เป็นขุนนางบัดนีจับเล่าสิ้วบุนซกได้มีความชอบ ้ เห็นอองมังจะชุบเลี้ยงให้เราเป็นขุนนางสมคำาหมอดูเป็นมั่นคง โกบานกิรสุ ราพลางพูดอวดเพื่อนฝูงอื้ออึง ฝ่ายม้าบู๊ตั้งแต่ได้สัญญากับเล่าสิ้วบุนซกไว้ ม้าบู๊ตั้งใจคอยฟังข่าวเล่า สิ้วบุนซกอยู่มิได้ขาด ขณะนั้นพอม้าบู๊เที่ยวมาตามทางบ้านป่าแต่ผู้เดียว ได้ยินเสียงคนพูดกันออกชื่อเล่าสิ้วบุนซก จึงแวะเข้าไปถามแจ้งความแล้ว คิดจะเข้าชิงเล่าสิ้วบุนซก ตัวก็มาแต่เพียงผู้เดียวเกรงเกลือกจะเสียที จึง ถอยออกไปอยู่ริมห้วยนำ้าแห่งหนึ่งชื่อโกทีกั๋ง เป็นทางช่องแคบคอยจะตีชิง เอาเล่าสิ้วบุนซกให้จงได้ ฝ่ายโกบานครั้นกินสุราแล้วจึงพาเล่าสิ้วบุนซกกับ พวกเพื่อนออกจากร้านเดินมาตามทาง ฝ่ายเอียวกี๋ขับม้าตามไปทันโกบาน ณ ตำาบลโกทีกั๋งจึงร้องตวาดว่าอ้าย โกบานมึงจะพาเจ้านายกูไปไหน ฝ่ายโกบานได้ยินก็ตกใจเหลียวหลังมาดู เอียวกี๋ยิงด้วยเกาทัณฑ์ถูกจักษุเบื้องซ้ายโกบานล้มลง พวกเพื่อนพากันตื่น ตกใจทิ้งเลิ่ส้วบุนซกไว้ ต่างคนวิ่งหนีเอาตัวรอด ฝ่ายม้าบู้ยืนแฝงต้นไม้คอย อยู่เห็นดังนั้น วิ่งออกมาช่วยเอียวกี๋เอาง้าวฟันซำ้าโกบานคอขาดตาย เอียวกี๋ แก้มัดเล่าสิ้วบุนซกมานั่งอยู่ริมชายป่า เล่าสิ้วบุนซกมีความยินดีนัก จึงว่า ข้าพเจ้ารอดชีวิตครั้งนี้เพราะท่านทั้งสองมาช่วย ถ้ามิทันท่วงทีก็จะตายด้วย