ระบบประสาท :  ศูนย์ควบคุมหลัก
รูปที่   1 ระบบประสาท  :   ศูนย์ควบคุมหลักของร่างกายมนุษย์
ระบบประสาทของมนุษย์  มีลักษณะคล้ายๆ  กับระบบโทรศัพท์ที่มีทั้งหน่วยกลางคือสถานี โทรศัพท์ที่เป็นหน่วยควบคุมประสานงานและสับเปลี่ยนสัญญาณ  กับระบบสายโทรศัพท์ที่เป็น สายส่งไปทั่วทุกหนทุกแห่งในชุมชนที่อาจจะมีผู้คนนับเป็นล้านๆ รูปที่   2
ระบบประสาทของมนุษย์ก็มีลักษณะการทำงานคล้ายกันคือ  มีศูนย์ควบคุมกลางที่ทำหน้าที่ ประสานงาน  ได้แก่สมองและไขสันหลัง  ซึ่งรวมเรียกว่าระบบประสาทกลางกับเส้นประสาทที่ งอกเออกมาจากสมองและไขสันหลังแล้วแตกแขนงไปเลี้ยงทุกส่วนของร่างกายซึ่งรวมเรียกว่า ระบบประสาทรอบนอก  ระบบประสาทเป็นศูนย์กลางที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะทุกอย่าง ในร่างกายของเราให้ทำงานประสานกัน  นอกจากนี้มันยังควบคุมพฤติกรรม  ความนึกคิดและ อารมณ์ต่างๆของเราอีกด้วย รูปที่   3
ระบบประสาทมีทั้งส่วนที่รับสัญญาณจากภายนอกเพื่อรับรู้การเปลี่ยนแปลงขอสภาพแวดล้อม หน่วยเหล่านี้เรียกว่าหน่วยรับความรู้สึก  สัญญาณประสาทของหน่วยเหล่านี้เรียกว่าสัญญาณความ รู้สึกซึ่งจะถูกส่งไปยังระบบประสาทกลางเพื่อแปลและปรับให้ถูกต้อง  แล้วส่วนกลางจึงมีสัญญาณ สั่งงานออกมาให้ส่วนต่างๆ  หรืออวัยวะต่างๆของร่างกายทำงานหรือมีพฤติกรรมตอบสนองในทาง ที่เหมาะสมได้ รูปที่   4
ตัวอย่างเช่นเมื่อมีเสียง  หูเรามีส่วนที่รับคลื่นเสียงได้  แล้วก็จะมีการถ่ายทองสัญญาณความ รู้สึกนี้ไปยังสมอง  ซึ่งจะแปลว่าเป็นเสียงอะไร  ทำให้เราตัดสินใจได้ว่าเป็นอันตรายหรือไม่  และร่างกายควรมีพฤติกรรมตอบสนองอย่างไร  รูปที่   5
หรือในการมองเห็น  ตาเป็นหน่วยรับความรู้สึกที่ไวต่อพลังงานแสงและยังมีความ สามารถเปลี่ยนพลังงานแสงให้เป็นพลังงานไฟฟ้าที่สามารถส่งไปตามเส้นประสาทตาเพื่อไป สู่สมอง  สมองจะรับแล้วแปลสัญญาณทำให้เราทราบว่าที่เห็นนั้นเป็นภาพของอะไร  และ ร่างกายควรมีพฤติกรรมตอบสนองอย่างไร รูปที่   6
ระบบประสาทประกอบด้วยหน่วยหลักคือ  เซลล์ประสาท  ( Neurons )  และเซลล์พี่เลี้ยง  ( Neuroglia ) นอกจากนั้นยังมีเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ห่อหุ้มแต่ละส่วนของระบบประสาท  เซลล์ ประสาทของคนที่โตเต็มที่แล้วที่มีจำนวนมากมายมหาศาลเป็นพันๆ  ล้านเซลล์ รูปที่   7
เซลล์ประสาทมีรูปร่างคล้ายดาวที่มีแฉก  มันมีตัวเซลล์  และมีนิวเคลียสขนาดใหญ่ที่อยู่ กลางไซโตปลาสซึมเช่นเดียวกับเซลล์ชนิดอื่นๆ รูปที่   8
แฉกหรือกิ่งของเซลล์ประสาทมีความยาวต่างๆกัน  และแบ่งออกเป็น   2   ประเภทคือ กิ่งเดี่ยว ที่ค่อนข้างใหญ่และยาวซึ่งมักนำสัญญาประสาทออกจากเซลล์เรียกว่ากิ่งแอกซอน ( Axon )  ส่วน กิ่งที่เหลือซึ่งมักมีจำนวนมากกว่าหนึ่งแตกเป็นกิ่งย่อยเล็กๆ  เรียกว่ากิ่งเดนไดรท์ ( Dendrite ) รูปที่   9
กิ่งเดนไดรท์ทำหน้าที่รับสัญญาณประสาทเข้าสู่เซลล์  สัญญาณเหล่านี้ถูกแปรและปรับที่ตัว เซลล์แล้วจึงส่งออกมาทางกิ่งแอกซอน  เราเรียกสัญญาณประสาทดังกล่าวว่ากระแสประสาท  ซึ่งเป็นสัญญาณไฟฟ้าเคมีทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดสัญญาณจากพลังงานรูปอื่น ที่มากระตุ้นเซลล์ประสาท รูปที่   10
กิ่งแอกซอนแต่ละกิ่งห่อหุ้มด้วยเยื่อไมอีลินซึ่งเป็นเยื่อคล้าย  เยื่อหุ้มเซลล์พันอยู่รอบกิ่ง ประสาทอยู่หลายชั้น  กิ่งแอกซอนหลายอันรวมกันเข้าเป็นเส้นประสาท รูปที่   11
ปลายกิ่งแอกซอนมีลักษณะเป็นปุ่มซึ่งแตะอยู่บนเยื่อหุ้มกิ่งเดนไดร์ทหรือเยื่อหุ้มเซลล์ ประสาทตัวถัดไป  กระแสประสาทถ่ายทอดจากเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่ง ณ จุดเหล่านี้ ซึ่งเรียกว่า  ซินเนพส์ ( Synapse ) รูปที่   12
ที่ปลายกิ่งแอกซอนมีถุงเล็กๆ  ที่บรรจุฮอร์โมนประสาทลอยอยู่ทั่วไปในไซโตปลาสซึม เมื่อมีกระแสประสาทผ่านมาจากกิ่งแอกซอนถุงฮอร์โมนประสาทเหล่านี้จะลอยออกไปรวม กับเยื่อหุ้มด้านซินแนพส์  แล้วฮอร์โมนประสาทก็จะถูกปล่อยออกมาและข้ามช่องว่างใน ซินแนพส์  แล้วฮอร์โมนประสาทก็ถูกปล่อยออกมาและข้ามช่องว่างในซินแนพส์ไปกระตุ้น เยื่อหุ้มเดนไดร์ทที่อยู่ตรงกันข้ามสัญญาณประสาทจึงถูกส่งข้ามจากเซลล์หนึ่งไปยังอีก เซลล์หนึ่งได้ รูปที่   13
กระแสประสาทอาจจะวิ่งข้ามเซลล์ประสาท  และซินแนพส์หลายอันกว่าจะถึงจุดปลายทาง  ตัวอย่างเช่นกระแสประสาทความรู้สึกร้อนและเจ็บปวดจากผิวหนังหุ้มปลายนิ้วมือ  ที่บังเอิญ ไปแตะเทียนไขเข้า  กระแสประสาทดังกล่าวต้องวิ่งผ่านเซลล์ประสาทและซินแนพส์หลายอันกว่า จะไปถึงสมองเพื่อแปลสัญญาณความรู้สึกที่ได้รับ รูปที่   14
เพื่อความสะดวกในการเรียกและการให้คำจำกัดความ  นักวิทยาศาสตร์จึงแบ่ง ระบบประสาทของมนุษย์ออกเป็นสามระบบย่อยคือระบบประสาทกลาง  ระบบ ประสาทรอบนอก  และระบบประสาทอัตโนมัติ รูปที่   15
ระบบประสาทกลางหรือที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า  Central Nervous System  และใช้ อักษรย่อว่า  C.N.S.  ประกอบด้วยสมองกับไขสันหลัง รูปที่   16
สมองคือศูนย์ควบคุมหลักที่สำคัญที่สุด  มันทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆทั่ว ร่างกาย  การเคลื่อนไหว  ความนึกคิด  อารมณ์  ตลอดจนพฤติกรรมต่างๆกลไกการทำงานของ สมองดังกล่าวเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์และยังลี้ลับมาก  จนถึงปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบกลไก การทำงานของสมองเพียงบางอย่างเท่านั้นเอง รูปที่   17
แต่อย่างไรก็ตามเราพอจะทราบหน้าที่หลักของสมองส่วนต่างๆ  บ้างพอสมควรสมองแบ่งออกเป็นสาม ส่วนคือ  สมองส่วนหน้าหรือซีรีบรัม ( Cerebrum )  สมองส่วนกลาง ( Midbrain )  และสมองส่วนท้ายซึ่ง ประกอบด้วยก้านสมองส่วนเมดดุล่า ( Medulla )  กับสมองน้อยหรือซีรีเบลลัม ( Cerebullum )  ซีรีบรัม และซีรีเบลลัมมี   2   ชั้น  ชั้นนอกสุดประกอบด้วยเซลล์ประสาทที่เรียงเป็นชั้นต่างๆหลายชั้น  ส่วนนี้เรียกว่า เนื้อสีเทา ( Grey  matter )  ชั้นในของสมองทั้งสองส่วนประกอบด้วยกิ่งประสาทที่ไปสู่หรือมาจากเซลล์ ประสาทที่อยู่ในเนื้อสีเทาเนื่องจากกิ่งประสาทส่วนมากห่อหุ้มด้วยเยื่อไมอีลิน  จึงปรากฏเป็นสีขาวเราจึง เรียกส่วนนี้ว่าเนื้อสีขาว ( White matter ) รูปที่   18
ซีรีบรัมเป็นส่วนของสมองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและอยู่หน้าสุดในโพรงของกระโหลกศีรษะ มันมีมวลคิดเป็น  85   เปอร์เซ็นต์ของมวลเนื้อสมองทั้งหมด  ซีรีบรัมทำหน้าที่สั่งให้มีการเคลื่อน ไหวตามความต้องการของจิตใจ  และควบคุมพฤติกรรมและการกระทำต่างๆ  ของร่างกาย ควบ คุมความนึกคิด  การใช้เหตุผล  การรับและแปลสัญญาณความรู้สึกต่างๆจากตา  จากหู  และจาก หน่วยรับความรู้สึกในผิวหนัง รูปที่   19
รูปที่   20
เหน็บอยู่ใต้ซีรีบรัมและอยู่ด้านหลังก้านสมองคือซีรีเบลลัม  ซีรีเบลลัมทำหน้าที่ประสาน การเคลื่อนไหวต่างๆของร่างกาย  มันควบคุมกล้ามเนื้อหลายๆ  มัดให้ทำงานร่วมกันและ สอดคล้องกันซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการเคลื่อนไหวแบบหนึ่งแบบใดของร่างกาย  และทำให้การ เคลื่อนไหวเหล่านี้เป็นไปโดยราบเรียบและไม่กระตุก  โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวชนิดที่ ต้องการความละเอียดอ่อนมากๆ  เช่นงานฝีมือต่างๆ  เช่นการเย็บผ้า  การร้อยเข็ม  การเขียน หนังสือ ฯลฯ  ซีรีเบลลัมยังทำหน้าที่ควบคุมกล้ามเนื้อที่เกี่ยวกับการทรงตัวอีกด้วย ซีรีเบลลัม ส่งสัญญาณให้กล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการทรงตัวในท่าใดท่าหนึ่งของร่างกายหดตัวเพื่อตรึง ร่างกายอยู่ในท่านั้นได้  นอกจากนี้ซีรีเบลลัมยังบอกให้เราทราบถึงตำแหน่งของร่างกาย  เช่น ตำแหน่งแขนและขาว่าวางอยู่ที่ใดและอยู่ในอิริยาบถใดโดยเราไม่ต้องมองดู
กิ่งประสาทสั่งงานจากสมองส่วนซีรีบรัม  และซีรีเบลลัมจะทอดผ่านลงไปยังก้านสมอง และไขสันหลังเพื่อถ่ายทอดสัญญาณต่อไปยังกล้ามเนื้อมัดต่างๆ  ของร่างกาย รูปที่   21
ส่วนท้ายของสมองคือก้านสมองเมดดุล่า ( Medulla )  สมองส่วนนี้ทำหน้าที่ควบคุมการทำงาน ของอวัยวะต่างๆ  ภายในร่างให้ดำเนินไปโดยอัตโนมัติเช่นการหายใจของปอด  การเต้นและบีบตัว ของหัวใจเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ  ของร่างกาย  การบีบตัวของกระเพาะและลำไส้ให้ เป็นลูกคลื่นเพื่อรีดอาหารไปข้างหน้า  การหลั่งของน้ำย่อยจากต่อมต่างๆ  ฯลฯ รูปที่   22
ต่อจากก้านสมองลงมาข้างล่างก็คือไขสันหลัง  ซึ่งบรรจุอยู่ในโพรงของกระดูกสันหลัง รูปที่   23
กระดูกสันหลังมี  26   ข้อและมีโพรงต่อเนื่องกัน  กระดูกเหล่านี้ช่วยป้องกันไขสันหลังจากการ กระทบกระเทือนและจากอันตรายจากภายนอก  ไขสันหลังยังเป็นทางผ่านของเส้นประสาทความ รู้สึก  จากอวัยวะรับความรู้สึกโดยเฉพาะจากผิวหนังทั่วร่างกายไปยังสมอง  และเป็นทางผ่านของ เส้นประสาทนำคำสั่งจากสมองลงไปสั่งงานกล้ามเนื้อต่างๆ  เกือบทั่วร่างกาย  ยกเว้นกล้ามเนื้อ บริเวณศีรษะ  ถ้าหากไขสันหลังขาดเช่นจากอุบัติเหตุทางรถยนต์  กระแสประสาทจะส่งข้ามรอย ขาดไม่ได้ทำให้ส่วนของร่างกายที่อยู่ต่ำกว่ารอยขาดเป็นอัมพาตและรับความรู้สึกต่างๆ  ไม่ได้ รูปที่   24
ถ้าหากเราลองตรวจดูส่วนตัดขวางของไขสันหลังเราก็จะเห็นว่ามันทำหน้าที่เป็น ศูนย์กลางของปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายที่เรียกว่ารีเฟลก ( Reflex action )  รีเฟลกคือการ ตอบสนองของร่างกายต่อสิ่งเร้าหรือตัวกระตุ้นที่เกิดโดยอัตโนมัติและไม่ต้องผ่านสมอง รูปที่   25
ตัวอย่างเช่น  ถ้าหากเราโดนตะปูตำหรือเข็มจิ้มเอาที่หัวแม่เท้า  กระแสประสาทจากหน่วยรับ ความรู้สึกเจ็บปวดในผิวหนังจะถูกส่งผ่านไปยังไขสันหลังโดยตรงที่ไขสันหลังสัญญาณจะถูก ส่งผ่านไปยังเส้นประสาทนำคำสั่ง  ซึ่งจะสั่งให้กล้ามเนื้อขาที่เกี่ยวข้องหดตัวทันที  ทำให้เรา กระตุกขาจากตะปูหรือเข็มทันทีโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากสมอง รูปที่   26
ระบบย่อยอันที่สองของระบบประสาทคือระบบประสาทรอบนอก  มันประกอบด้วยเส้นประ สารทสมอง  12  คู่  และเส้นประสาทไขสันหลัง  31   คู่ เส้นประสาทเหล่านี้แตกแขนงออกไปเลี้ยง ทุกส่วนของร่างกาย  มันเป็นทางเข้าสู่ระบบประสาทกลางของสัญญาณประสาทความรู้สึกจาก อวัยวะรับความรู้สึกต่างๆ  ทั่วร่างกาย  และเป็นทางออกของสัญญาณคำสั่งจากสมองส่วนกลาง ที่ไปสั่งงานส่วนต่างๆ  ของร่างกาย รูปที่   27
เส้นประสาทที่นำกระแสประสาทความรู้สึกเข้ามาสู่สมองและไขสมองและไขสันหลังเรียกว่า เส้นประสาทนำความรู้สึก  ส่วนเส้นประสาทที่นำคำสั่งจากสมองและไขสันหลังไปยังกล้ามเนื้อ และอวัยวะต่างๆ  เรียกว่าเส้นประสาทนำคำสั่ง รูปที่   28
รูปที่   29
เส้นประสาทสมองที่โผล่ออกมาจากด้านหน้าของสมองส่วนต่างๆ  และจากก้าน สมองมีทั้งที่เป็นเส้นประสาทรับความรู้สึก  และเส้นประสาทนำคำสั่งที่ควบคุมการ ทำงานของอวัยวะในศีรษะและใบหน้า  บางเส้นก็เป็นเส้นประสาทรับความรู้สึกล้วนๆ  บางเส้นก็นำคำสั่งล้วนๆ  และบางเส้นก็มีเส้นประสาททั้งสองชนิดปนกันที่เป็น เส้นประสาทรับความรู้สึกล้วนๆ  ก็มีเช่น  เส้นประสาทตารับแสงและสัญญาณภาพ  เส้นประสาทหูรับเสียงและตำแหน่งของร่างกาย  เส้นประสาทดมกลิ่นจากจมูก เส้นประสาทสมองที่เป็นเส้นประสาทนำคำสั่งล้วนๆ  ก็มีเช่นเส้นประสาทที่นำคำสั่งไป สั่งให้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าให้หดตัวซึ่งมีอยู่หลายเส้น  เช่นเส้นประสาทไปเลี้ยง กล้ามเนื้อลูกตาและกล้ามเนื้อลิ้น  บางเส้นก็มีทั้งสองประเภทปนกัน  เช่นเส้นประสาท รับรสและเส้นประสาทที่ไปควบคุมการเคี้ยวอาหารเป็นต้น
เส้นประสาทขนาดใหญ่ที่โผล่ออกมาจากส่วนเมดดูล่าของก้านสมองคือ  เส้นประสารทเวกัส มันทำหน้าที่ควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อที่อยู่นอกอำนาจจิตใจ  ได้แก่กล้ามเนื้อเรียบและ กล้ามเนื้อหัวใจ  ทำให้อวัยวะต่างๆ  ที่มีกล้ามเนื้อเหล่านี้อยู่ในผนังทำงานไปโดยอัตโนมัติ  เช่นการ หายใจของปอด  การบีบตัวของหัวใจ  การบีบตัวของผนังลำไส้  ฯลฯ เป็นต้น รูปที่   30
เส้นประสาทไขสันหลังทั้ง  31   เส้นงอกออกจากไขสันหลังแต่ละข้อ  เส้นประสาทไขสันหลัง แต่ละเส้นประกอบด้วยรากบน ( Dorsal root )  และรากล่าง ( Ventral root )  ที่งอกออกมาจากส่วน หลังและส่วนหน้าของไขสันหลัง รูปที่   31
ที่จริงรากบนเป็นกิ่งประสาทรับความรู้สึกล้วนๆ  ที่มาจากหน่วยรับความรู้สึกเช่นจากผิวหนัง และเส้นเอ็นของกล้ามเนื้อ  ส่วนรากล่างเป็นกิ่งประสาทนำคำสั่งล้วนๆ  ที่ออกมาจากไขสันหลัง  รากบนและรากล่างมาบรรจบกันนอกโพรงกระดูกสันหลังแล้วกลายเป็นเส้นประสาทรวม  หรือ จะเทียบกับถนนก็ได้แก่ถนนที่มีรถวิ่ง  2   ทาง  ทั้งทางเข้าสู่ไขสันหลังและออกจากไขสันหลังซึ่ง แยกกันเฉพาะตอนต้นที่อยู่ใกล้กับไขสันหลังเท่านั้น รูปที่   32
รากบนมีปมประสาทที่งอกออกมา  ปมประสาทคือกลุ่มของเซลล์ประสาทรับความรู้สึก ที่อยู่รวมกัน  เซลล์เหล่านี้มีกิ่งเดนไดรท์อยู่ในเส้นประสาทรวมเพื่อรับสัญญาณความรู้สึกและมี กิ่งแอกซอนออกไปตามรากบนเพื่อนำสัญญาณความรู้สึกเข้าสู่ไขสันหลังและสมอง รูปที่   33
ส่วนรากล่างงอกออกมาจากด้านหน้าของไขสันหลัง  ตัวเซลล์ประสาทนำคำสั่งมีตำแหน่งอยู่ ในตัวไขสันหลังเอง  รากล่างจึงไม่มีปมประสาท  ตัวเซลล์ประสาทนำคำสั่งอาจรับสัญญาณโดย ตรงจากเส้นประสาทนำความรู้สึกในระดับเดียวกันเช่นในกรณีของรีเพลก  หรือรับสัญญาณคำสั่ง จากสมองเบื้องต้น รูปที่   34
เส้นประสาทไขสันหลังจึงเป็นเสมือนหนึ่งท่อสายโทรศัพท์ที่มีสายโทรศัพท์จำนวนมาก บรรจุอยู่ข้างใน  และมีทิศทางของการส่งสัญญาณเข้าสู่และออกจากไขสันหลังสวนกัน  เส้นประสาทไขสันหลังทุกเส้นจึงเป็นเส้นประสาทรวม รูปที่   35
กิ่งประสาทต่างๆ  ที่อยู่ในเส้นประสาทไขสันหลังแตกแขนงแทรกไปทุกส่วนของแขน  ขา และส่วนของร่างกายที่อยู่ใต้ระดับศีรษะ  และทุกเส้นจะแตกเป็นแขนงแทรกไปเลี้ยงกล้าม เนื้อลายในแต่ละระดับ รูปที่   36
ระบบที่สามคือระบบประสาทอัตโนมัติ  ซึ่งเรียกชื่อย่อเป็นภาษาอังกฤษว่า  A.N.S.  แทนคำว่า Autonomic Nervous System  ระบบนี้มีบางส่วนที่แทรกอยู่ในระบบประสาทรอบนอก  และมี บางส่วนที่มีตัวตนเป็นของมันเอง  ระบบประสาทอัตโนมัติทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของ อวัยวะภายในที่ไม่อยู่ใต้บังคับของจิตใจเช่น  การบีบตัวของหัวใจ  การไหลเวียนของเลือด  และ การหายใจ  การบีบตัวของกระเพาะและลำไส้  ฯลฯ เป็นต้น รูปที่   37
เส้นประสาทอัตโนมัติซึ่งแสดงด้วยสีแดงและสีดำ  แบ่งออกเป็นสองส่วนย่อยคือส่วน ซิมพาเตติก ( Sympathetic Division )  กับส่วนพาราซิมพาเทติค ( Parasympathetic Division ) รูปที่   38
เมื่อนักเรียนรู้สึกตื่นกลัว  สัญญาณจากสมองจะถูกส่งผ่านลงไปตามเส้นประสาทซิมพาเตติก ซึ่งกระตุ้นให้หัวใจของเราเต้นเร็วขึ้นและหายใจถี่ขึ้น  หลังจากหายตื่นกลัวแล้ว  สัญญาณประสาท จากส่วนพาราซิมพาเตติกจะห้ามการบีบตัวของหัวใจ  ทำให้มันเต้นช้าลงสู่ระดับปกติ  และการหาย ใจก็เป็นปกติ  ปฏิกิริยาเหล่านี้เราควบคุมด้วยอำนาจจิตไม่ได้เลย รูปที่   39
ตัวเซลล์ประสาทระดับแรกของส่วนซิมพาเทติกอยู่ในด้านข้างของเนื้อสีเทาของไขสันหลัง ช่วงอกและเอว  ส่วนตัวเซลล์ประสาทระดับที่สองอยู่ในปมประสาทที่อยู่ติดกับรากล่างของเส้น ประสาทไขสันหลัง  ปมประสาทอัตโนมัติแต่ละระดับมีเส้นประสาทโยงต่อเนื่องกัน  และมีเส้น ประสาทที่แตกแขนงออกไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ  ที่อยู่ภายในร่างกาย รูปที่   40
รูปที่   41
ส่วนพาราซิมพาเตติคมีเซลล์ระดับแรกอยู่ในก้านสมองและไขสันหลังข้อ ท้ายๆ  ระดับกระเบนเหน็บ  และมีเซลล์ประสาทระดับสองอยู่ใกล้กับอวัยวะ หรืออยู่ในผนังของอวัยวะที่มันไปเลี้ยงเส้นประสาทพาราซิมพาเตติคจากก้าน สมองที่สำคัญที่สุดคือเส้นประสาทเวกัส  ซึ่งส่งกิ่งก้านไปเลี้ยงและควบคุมการ ทำงานของอวัยวะต่างๆ  ในช่องงอกและช่องท้อง  ส่วนในระดับกระเบนเหน็บ เส้นประสาทพาราซิมพาเตติดอาศัยออกมากับเส้นประสาทไขสันหลังเส้นล่างๆ  และแยกออกไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆในท้องน้อย เช่นอวัยวะของระบบขับถ่ายและ ระบบสืบพันธุ์
เราลองมาสรุปเรื่องของระบบประสาทกันอีกที  ระบบประสาทของมนุษย์ประกอบ ด้วยสามระบบย่อยซึ่งทำหน้าที่ประสานกันคือระบบประสานกลางได้แก่  สมองและ ไขสันหลัง  ทำหน้าที่เป็นศูนย์ควบคุมหลักของร่างกาย รูปที่   42
ระบบประสาทรอบนอก  ได้แก่เส้นประสาทอัตโนมัติซึ่ง ทำหน้าที่ควบคุมการทำงาน ของอวัยวะต่างๆ  ภายในร่างกายให้ดำเนินไปโดยตัวมันเองและไม่อยู่ภายใต้อำนาจจิตใจ รูปที่   43
ท้ายที่สุดคือระบบประสาทอัตโนมัติ  ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของ อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายให้ดำเนินไปโดยตัวมันเองและไม่อยู่ภายใต้อำนาจจิตใจ รูปที่   44
ระบบประสาทของมนุษย์จึงมีความซับซ้อนและมหัศจรรย์ยิ่งกว่าระบบสื่อสารใดๆ  ที่มีใช้อยู่ในนครใหญ่ๆ  บนพื้นโลกหลายพันเท่า รูปที่   45
จบบริบูรณ์

1