More Related Content
More from Aniwat Suyata (20)
009 byzentine อนิวัตร
- 2. Byzantine Empire
จักรวรรดิไบแซนไทน์หรือไบแซน
ทิอุม (อังกฤษ: Byzantine
Empire หรือ Byzantium, กรีก: Βα
σιλεία των Ρωμαίων) เป็น
จักรววรรดิที่สืบทอดโดยตรงจากจักรวรรดิ
โรมันในปลายสมัยโบราณ และยุคกลาง มี
ศูนย์กลางอยู่ที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล ใน
บริบทสมัยโบราณตอนปลาย จักรวรรดิยัง
ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า จักรวรรดิโรมัน
ตะวันออก ขณะที่ยังมีจักรวรรดิโรมัน
ตะวันตกอยู่ ทัง้คาว่า "จักรวรรดิไบแซนไทน์"
และ "จักรวรรดิโรมันตะวันออก" เป็นคาทาง
ภูมิประวัติศาสตร์ที่สร้างขึน้และใช้กันใน
หลายศตวรรษต่อมา ขณะที่พลเมืองยังเรียก
จักรวรรดิของตนว่า "จักรวรรดิโรมัน" หรือ
"โรมาเนีย" เรื่อยมากระทงั่ล่มสลายไป
ขณะที่จักรวรรดิโรมันตะวันตกล่มสลายไป
ในคริสต์ศตวรรษที่ 5 ส่วนตะวันออกยัง
ดาเนินต่อมาอีกพันปีก่อนจะเสียแก่เติร์ก
ออตโตมันใน ค.ศ. 1453 ในสมัยที่ยังมี
จักรวรรดิไบแซนไทน์ยังคงอยู่นัน้ จักรวรรดิ
เป็นชาติที่มีเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและกาลัง
ทหารแข็งแกร่งที่สุดในยุโรป
- 3. Byzantine Empire
ART
ศิลปะคริสเตียนยุคแรก (พ.ศ. 640 - 1040)
และ ศิลปะไบแซนไทน์ (พ.ศ. 1040 -
1996) ศิลปะคริสเตียนยุคแรก รับอิทธิพลมา
จากศิลปะกรีกโบราณ
ศิลปะไบแซนไทน์ หมายถึงศิลปะของรัฐที่
นับถือนิกายอีสเติร์นออร์โธดอ็กซ์ซงึ่อยู่ใน
ระยะเวลาเดียวกับอาณาจักรไบแซนไทน์แต่
มิได้เป็นอยู่ใต้การปกครองของอาณาจักรไบ
แซนไทน์ เช่น ประเทศ
บัลแกเรีย เซอร์เบีย หรือรุส รวมทัง้ศิลปะของ
รัฐอาณาจักรเวนิส และราชอาณาจักรซิซิ
ลีศิลปะของผู้นับถือนิกายอีสเติร์นออร์โธด็
อกซ์ที่อาศัยอยู่ในจักรวรรดิออตโตมันมักจะ
เรียกว่า ศิลปะหลังไบแซนไทน์ ศิลปะไบ
แซนไทน์บางลักษณะที่เริ่มจากอาณาจักรไบ
แซนไทน์โดยเฉพาะการเขียนภาพแบบที่
เรียกว่า รูปสัญลักษณ์ (icon) และ
สถาปัตยกรรมการสร้างศาสนสถานยังคงทา
กันอยู่จนถึงปัจจุบันนีใ้นประเทศกรีซ ประเทศ
รัสเซียและบางประเทศที่อยู่ในเครืออีสเติร์
นออร์โธด็อกซ์
- 4. Byzantine Empire
ART
จิตรกรรม
ทาบนฝาผนังและแผงไม้ ตลอดจนทาเป็น
ภาพประกอบเรื่องในหนังสือ เขียนด้วยสีฝุ่น สี
ขีผึ้ง้ร้อน และสีปูนเปียกอย่างแห้ง แสดงรูปคน
กาลังสวดมนต์ต์ และภาพปาฏิหาริย์ตอน
สาคัญของพระผู้เป็นเจ้าที่นามาจากพระ
คัมภีร์เก่าและใหม่ หนังสือในสมัยแรกๆ ทามา
จากหนังสัตว์และเป็นหนังสือม้วน
ภาพประกอบเรื่องในหนังสือแสดงให้เห็น
ความเป็นธรรมชาติ โดยแก้ไขให้เป็นเชิง
สัญลักษณ์มากกว่าจะเป็นธรรมชาติแท้ ๆ
ลักษณะของภาพเป็นรูปแบนและเป็นการใช้สี
อย่างประหลาด ๆ
- 5. Byzantine Empire
ART
ประติมากรรม
ในยุคคริสเตียนถูกลดความสาคัญ อันเนื่อง
มากจากบทบัญญัติในพระคัมภีร์ เกี่ยวกับรูป
เคารพบูชาประติมากรรมมักจากัดอยู่กับงาน
ขนาดเล็กๆ ได้แก่งานแกะสลักรูปคนบนโลง
ศพ ถ้วยและจานโลหะ งาแกะ สลักงาช้าง
โกศบรรจุธาตุศักดิ์สิทธิ์
คาว่า "ไบแซนไทน์ " เรียกตามชื่อจักรวรรดิไบ
แซนไทน์ที่มีกรุงคอนสแตนติโนเปิลเป็นเมือง
หลวง (ปัจจุบันคือนครอิสตันบูลในประเทศ
ตุรกี) ลักษณะศิลปะไบแซนไทน์ มีลักษณะ
คาบเกี่ยวกับศลิปะคริสเตียนอยู่มาก และยังมี
สืบเนื่องกันต่อมาเป็นเวลาอีกยาวนาน โดยมี
ลักษณะศิลปะแบบตะวันออกมาผสมผสาน
อยู่ด้วย
- 6. Byzantine Empire
ARCHITECTURE
สถาปัตยกรรมไบแซนไทน์อาคารในสมัย
แรกนัน้จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ถูกฆ่าเรื่อง
ศาสนา วิหาร พิธีเจิมนา้มนต์ ผนังภายนอก
อาคารจะถูกปล่อยไว้เรียบ ๆ ทื่อ ๆ ผนัง
ภายในอาคารจะประดับด้วยเศษหินสีแวว
วาว ส่วนต่างๆของอาคาร เช่น เสารายแบบ
โรมัน เสาก่ออิฐ หลังคาทรงโค้ง แผนผัง
อาคารมี 2 แบบ คือ แบบชนิดตามยาว
และแบบชนิดศูนย์กลาง ซึ่งมีรากฐานมา
จากสถาปัตยกรรมโรมันอาคารที่มีแนวยาว
เหมาะสาหรับขบวนพิธีการที่สง่างาม
อาคารชนิดมีศูนย์กลาง สาหรับเป็นสถูป
สถานของนักบุญคนสาคัญ แต่ต่อมานิยม
สร้างโบสถ์แบบมีศูนย์กลางกันมาก อาคาร
แบบมีศูนย์กลางอาจมี หลายรูปทรง เช่น
ทาเป็นรูปทรงไม้กางเขนกรีก อยู่ภายในรูป
จัตุรัส หรือไม่ก็รูปวงกลม โบสถ์ที่มีผังชนิด
มีศูนย์กลางมักทาหลังคาทรงโค้ง หรือทรง
กลมด้วย อิฐหรือหิน อาคารทรงเรือนโถง
ขนาดใหญ่มักทาเครื่องบนหลังคาด้วยไม้
ท่อน
- 7. สุเหร่าโซเฟีย เป็นสถาปัตยกรรมที่มี
ลักษณะผสมผสานระหว่างศิลปะกรรมกรีกและ
เปอร์เชีย หรือเรียกว่าสถาปัตยกรรมแบบไบเซน
ไทน์ (Byzantine) สุเหร่าโซเฟียมีจุดเด่นอยู่
ที่ยอดโดมกลางวิหาร การประดับประดากระจก
หลายสีที่บริเวณเหนือหน้าต่างประตู และเสา
สลักตามแบบไปเซนไทน์ถึง 108 ต้นภายในตัว
วิหาร สุเหร่าโซเฟียสร้างขึน้มาราว
คริสต์ศตวรรษที่ 13
โดยจักรพรรดิคอนสแตนตินแห่งอาณาจักรโรมัน
ตะวันออก ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 17 ปี
เดิมเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนา ณ กรุงคอนส
แตนติโนเปิล ประเทศตุรกี แต่กลับถูกชนชาติ
เติร์กบุกทาลาย ต่อมาในสมัยจักรพรรดิจัสติ
เนียน ได้สร้างขึน้มาใหม่อย่างวิจิตรงดงามด้วย
เครื่องประดับตกแต่งที่มีค่าต่างๆ โดยใช้เวลาใน
การสร้างนานถึงประมาณ 20 ปี แต่เกิด
แผ่นดินไหวขึน้ทาให้แตกร้าวเสียหาย ซงึ่ได้รับ
การซ่อมแซมจนอยู่ในสภาพเดิมในเวลา
ต่อมา พอหลังจากสมัยของจักรพรรดิจัสติ
เนียน พระเจ้าโมฮัมเหม็ดที่ 2 ซึ่งทรงนับถือ
ศาสนาอิสลามได้เข้ามามีอานาจเหนือตุรกี
ได้ดัดแปลงให้โบสถ์กลายเป็นสุเหร่าที่มีความ
งามทางสถาปัตยกรรมอีกแบบหนึ่ง
Byzantine Empire
ARCHITECTURE
- 8. Byzantine Empire
TECHNOLOGY
โดยประมาณปี 672 กลุมอพยพชาวซี
เรียนและวิศวกรได้ช่วยกันสร้างเครื่อง
พ่นไฟเครื่องแรก ส่วนเชือ้เพลิงนัน้เป็น
สูตรลับของชาวไบแซนไทน์ซึ่งมี
คุณสมบัติสามารถเกิดไฟบนผิวนา้ได้
และเจ้าสิ่งนีเ้รียกว่า "Greek Fire"
ซงึ่เจ้าอาวุธสังหารชิน้นีเ้อาไว้ใช้ในการ
รบทางทะลโดยติดไว้ที่หัวเรือก่อนจะพ่น
เปลวไฟไปยังเรือของศัตรู
- 9. Byzantine Empire
CULTURAL
การออกแบบเครื่องประดับที่เป็นจุดเด่น
ที่สุดคือ การออกแบบเครื่องประดับแบบ
โมเสส โมเสสเป็นแหล่งสาคัญของข้อมูล
ทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะ
เครื่องประดับที่นาไปฝังที่หลุมฝังศพที่
อยู่ตามโบสถ์ นอกจากนีเ้ครื่องประดับ
ชัน้สูงเป็นเครื่องประดับที่งดงามมาก ไม่
ว่าเป็นมงกุฎของพระจักรพรรดิ เป็น
สัญลักษณ์ของความสง่าของ
เครื่องประดับไบแซนไทน์มากที่สุด
เครื่องประดับแหวนทามาจากแซฟไฟน์
และแอมิทิสเจียนะไนรูปทรงเบยี้หลังเต่า
โดยมีทองคาล้อมรอบกับเจียระไนมรกต
แบบธรรมชาติ นอกจากนียั้งมีคริสตัล
และไข่มุก จีห้้อยคอ ประดับลวดลายเส้น
เป็นเทคนิคของชาวโรมันสาหรับการ
ฝึกหัด มีเทคนิคใหม่ๆ เรียกว่า Opus
interrasile เป็นการตัดโลหะเป็น
แผ่นบางๆ ทาให้เครื่องประดับมีแพ
ทเทิร์นแบบปลายเปิดได้
- 10. Byzantine Empire
LANDSCAPE
สวนไบเซนไทน์ส่วนใหญ่มาจาก
ความคิดของโรมันเน้นความประณีตโม
เสคที่ออกแบบคุณลักษณะคลาสสิก
ตามแบบฉบับของต้นไม้อย่างเป็น
ทางการและองค์ประกอบที่สร้างขึน้เช่น
นา้พุและขนาดเล็กศาลาพียง
ตา . เหล่านีค้่อย ๆ เริ่มจะกลายเป็น
ความซับซ้อนมากขึน้เมื่อเวลาผ่าน
ไป สวนไบเซนไทน์ที่มีอิทธิพลต่อศาสนา
อิสลามและสวนสวนมัวร์