More Related Content
More from Aniwat Suyata (20)
020 industrial revolution ขวัญพัฒน์
- 2. การปฏิวัติอุตสาหกรรม ( Industrial Revolution)
คือช่วงเวลาตั้งแต่ ค.ศ. 1750 ถึง ค.ศ. 1850 เมอื่การเปลี่ยนแปลงในภาคเกษตรกรรม,
การผลิต, การทำาเหมืองแร่, การคมนาคมขนส่ง และเทคโนโลยี ส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้ง
ต่อสภาพสังคม, เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมในขณะนั้น การปฏิวัติเริ่มต้นในสหราช
อาณาจักร จากนั้นจงึแพร่ขยายไปยังยุโรปตะวันตก, อเมริกาเหนือ, ญี่ปุ่น จนขยายไป
ทั่วทั้งโลกในเวลาต่อมา
การปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำาคัญในประวัติศาสตร์โลก ซงึ่ส่งผลกระทบใน
เกือบทุกแง่มุมของชีวิตประจำาวันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทเี่ห็นเด่นชัดที่สุดคือการทรี่ายได้
และจำานวนประชากรโดยเฉลี่ยเริ่มที่จะขยายตัวอย่างยงั่ยืนในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ทำาให้สองร้อยปีหลังจาก ค.ศ. 1800 ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อหัวของโลกขยายตัวมากกว่าสิบ
เท่า ในขณะทจี่ำานวนประชากรขยายตัวมากกว่าหกเท่า
ตัวแปรหลักที่ก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำานวยนี้ได้แก่
- ช่วงเวลาแห่งความสงบสุขและมั่นคงจากการรวมกันของราชอาณาจักรอังกฤษและราช
อาณาจักรสกอตแลนด์
- ไม่มีข้อกีดกันทางการค้าระหว่างอังกฤษและสกอตแลนด์
- หลักนิติรฐั (เคารพความศักดิ์สิทธิ์ของสัญญาการค้า)
- ความเถรตรงของระบบกฎหมายซึ่งเปิดโอกาสให้มีการจัดตั้งบรรษัทมหาชน
- แนวคิดการค้าเสรี(เศรษฐกิจทุนนิยม)
- 3. งานศิลปะ
เนื่องจากเป็นยุคที่ รุ่งเรอื่งด้านอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจ
งานศิลปะ จึงถูกแสดงออกในรูปแบบของภาพอาคาร
เครื่องจักร และ การก่อสร้างมากกว่าจะเป็นภาพความงาม
ของธรรมชาติ หรือศาสนา และ การเขียนภาพด้วยสี
หรอือุปกรณ์ทใี่ช่มือในการวาดเริ่มน้อยลง มีการผลิตเครื่อง
พิมพ์ สื่อสิ่งพิมพ์จึงเริ่มเข้ามามีบทบาทในการผลิตภาพ
มากขนึ้
- 6. ภูมิปัญญาและเทคโนโลยี
จากการเติบโตและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางอุสาหกรรมทำาให้ เกิดสิ่งประดิษฐ์
เพื่อความนวยความสะดวกขึ้นมากมาย
สิ่งทอ - การปั่นฝ้ายโดยใช้เครื่องปั่นด้ายพลังนำ้า วอเทอร์เฟรม ของริชาร์ด อาร์คไรต์,
เครื่องปั่นด้าย สปินนิงเจนนี ของเจมส์ ฮาร์กรีฟส์ และเครื่องปั่นด้ายสปินนิงมูล ของแซมมู
เอล ครอมป์ตัน (สิ่งประดิษฐ์ผสมผสานระหว่างวอเทอร์เฟรมและสปินนิงเจนนี) สิ่ง
ประดิษฐ์นี้ได้รับสิทธิบัตรในปี ค.ศ. 1769 ก่อนจะหลุดจากสิทธิบัตรในปี ค.ศ. 1783 จากจดุ
นี้เองทตี่ามมาด้วยการสร้างโรงงานปั่นฝ้ายมากมาย เทคโนโลยีนี้ยังถูกนำาไปประยุกต์กับ
การปั่นผ้าเนื้อละเอียดและเส้นด้ายในภายหลังเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการทำาผ้าลินินและสิ่ง
ทอต่างๆ การปฏิวัติฝ้ายครั้งนี้เรมิ่ต้นขนึ้ในเมืองเดอร์บี ซงึ่ต่อมาเป็นทรีู่้จักกันในฉายาว่า
"โรงไฟฟา้แห่งภาคเหนือ“
เครื่องจักรไอนำ้า - ถูกประดิษฐ์โดยเจมส์ วัตต์และได้รับสิทธิบัตรในปี ค.ศ. 1775 ซงึ่จุด
ประสงค์หลักก็เพื่อสร้างพลังงานในการสูบนำ้าออกจากเหมือง แต่เมอื่ถึงยุค ค.ศ. 1780
เป็นต้นไป มันก็ถูกประยุกต์ใช้กับการสร้างพลังงานให้แก่เครื่องจักรชนิดอื่นๆ ก่อให้เกิด
การพัฒนาโรงงานกึ่งอัตโนมัติขึ้นอย่างรวดเร็วในระดับที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้คาดการณ์ไว้
มาก่อน โดยเป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์ทผีู่้คนไม่ต้องพึ่งพาแรงงานมนุษย์,
แรงงานสัตว์, จากลมหรือจากนำ้าอีกต่อไป เครื่องจักรไอนำ้าจึงถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย
เช่น ใช้สูบนำ้าออกจากเหมือง, ใช้ลากล้อเลื่อนบรรทุกถ่านหินขนึ้มายังผิวโลก, ใช้เป่าลม
เข้าสู่เตาหลอมเหล็ก, ใช้บดดินในอุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผา และใช้สร้างพลังงานแก่
โรงงานทกุประเภท กล่าวได้ว่าเป็นเวลามากกว่าหนึ่งร้อยปีที่เครื่องจักรไอนำ้าครอง
ตำาแหน่งราชาแห่งบรรดาอุตสาหกรรม