More Related Content
More from leemeanshun minzstar (20)
คีตกวีเอกของโลก
- 2. ดนตรีคลำสสิกแบ่งออกเป็นยุคดังนี้
ยุคกลาง(Medieval or MiddleAge) พ.ศ. 1019 -พ.ศ. 1943)
ดนตรีคลำสสิกยุโรปยุคกลำงหรือดนตรียุคกลางถือว่ำเป็นจุดกำเนิดของดนตรีคลำสสิกเริ่มต้นเมื่อประมำณปี พ.ศ.
1019 (ค.ศ.476) ซึ่งเป็นปีล่มสลำยของจักรวรรดิโรมันดนตรีในยุคนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อประกอบพิธีกรรมทำงศำสนำ
คำดกันว่ำมีต้นกำเนิดมำจำกดนตรีในยุคกรีกโบรำณรูปแบบเพลงในยุคนี้เน้นที่กำรร้องโดยเฉพำะเพลงสวด(Chant)
ในตอนปลำยของยุคกลำงเริ่มมีกำรร้องเพลงแบบสอดทำนองประสำนด้วย
ยุคเรเนสซองส์ (Renaissance) พ.ศ.1943 -พ.ศ. 2143)
เริ่มเมื่อประมำณปี พ.ศ. 1943(ค.ศ. 1400)เมื่อเริ่มมีกำรเปลี่ยนแปลงศิลปะและฟื้นฟูศิลปะโบรำณยุคโรมันและกรีก
แต่ดนตรียังคงเน้นหนักไปทำงศำสนำเพียงแต่เริ่มมีกำรใช้เครื่องดนตรีที่หลำกหลำยขึ้น
ลักษณะของดนตรีในสมัยนี้ยังคงมีรูปแบบคล้ำยยุคกลำงในสมัยศิลป์ ใหม่เพลงร้องยังคงนิยมกัน
แต่เพลงบรรเลงเริ่มมีบทบำทมำกขึ้น
ยุคบาโรค(Baroque)พ.ศ. 2143 -พ.ศ. 2293)
ยุคนี้เริ่มขึ้นเมื่อมีกำรกำเนิดอุปรำกรในประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี พ.ศ.2143 (ค.ศ. 1600)และสิ้นสุดลงเมื่อโยฮันน์เซบำสเทียน
บำค เสียชีวิตลงในปี พ.ศ.2293 (ค.ศ. 1750)แต่บำงครั้งก็นับกันว่ำสิ้นสุดลงในปี พ.ศ.2273 (ค.ศ. 1730)
เริ่มมีกำรเล่นดนตรีเพื่อกำรฟังมำกขึ้นในหมู่ชนชั้นสูงนิยมกำรเล่นเครื่องดนตรีประเภทออร์แกนมำกขึ้น
แต่ก็ยังคงเน้นหนักไปทำงศำสนำนักดนตรีที่มีชื่อเสียงในยุคนี้เช่นบำค วีวัลดีเป็นต้น
ยุคคลาสสิก(Classical)พ.ศ. 2293- พ.ศ. 2363)
เป็นยุคที่มีกำรเปลี่ยนแปลงมำกที่สุดมีกฎเกณฑ์แบบแผนรูปแบบและหลักในกำรเล่นดนตรีอย่ำงชัดเจน
ศูนย์กลำงของดนตรียุคนี้คือประเทศออสเตรียโดยเฉพำะที่กรุงเวียนนำและเมืองมำนไฮม์(Mannheim)
เครื่องดนตรีมีวิวัฒนำกำรมำจนสมบูรณ์ที่สุดเริ่มมีกำรผสมวงที่แน่นอน
คือ วงเชมเบอร์มิวสิกและวงออร์เคสตรำซึ่งในยุคนี้มีกำรใช้เครื่องดนตรีครบทุกประเภท
และยังถือเป็นแบบแผนของวงออร์เคสตรำในปัจจุบันนักดนตรีที่มีชื่อเสียงในยุคนี้เช่น โมซำร์ทเป็นต้น
ยุคโรแมนติก(Romantic)พ.ศ.2363 - พ.ศ.2443)
เป็นยุคที่มีเริ่มมีกำรแทรกของอำรมณ์ในเพลงมีกำรเปลี่ยนอำรมณ์ กำรใช้ควำมดังควำมค่อยที่ชัดเจนทำนองจังหวะ
ลีลำที่เน้นไปยังอำรมณ์ควำมรู้สึกซึ่งต่ำงจำกยุคก่อนๆที่ยังไม่มีกำรใส่อำรมณ์ในทำนองนักดนตรีที่มีชื่อเสียงในยุคนี้
เช่นเบทโฮเฟิน ชูเบิร์ต โชแปง วำกเนอร์ บรำห์มส์ไชคอฟสกี้เป็นต้น
ยุคอิมเพรสชันนิสม์ (Impressionism)พ.ศ.2433 - พ.ศ.2453)
พัฒนำรูปแบบโดยนักดนตรีฝรั่งเศสมีเดอบูว์ซีเป็นผู้นำลักษณะดนตรีของยุคนี้เต็มไปด้วยจินตนำกำรอำรมณ์ที่เพ้อฝัน
ประทับใจ ต่ำงไปจำกดนตรีสมัยโรแมนติกที่ก่อให้เกิดควำมสะเทือนอำรมณ์
ยุคศตวรรษที่ 20 ถึงปัจจุบัน (20th CenturyMusic พ.ศ. 2443 - ปัจจุบัน)
นักดนตรีเริ่มแสวงหำดนตรีที่ไม่ขึ้นกับแนวทำงในยุคก่อนจังหวะในแต่ละห้องเริ่มแปลกไปกว่ำเดิมไม่มีโน้ตสำคัญเกิดขึ้น
(Atonal) ระยะห่ำงระหว่ำงเสียงเริ่มลดน้อยลงไร้ท่วงทำนองแต่นักดนตรีบำงกลุ่มก็หันไปยึดดนตรีแนวเดิม
เรียกว่ำนีโอคลาสสิก(Neo-Classic)นักดนตรีที่มีชื่อเสียงในยุคนี้เช่นอิกอร์ สตรำวินสกี้เป็นต้น
แบ่งตำมประเภทวงที่บรรเลงและประเภทของกำรแสดง
- 3. เครื่องดนตรีเดี่ยว
เปียโนสี่มือ,เปียโน
เชมเบอร์มิวสิก
วงดูโอกำรผสมวงดนตรีร่วมกัน2คนเช่น เปียโนกับไวโอลินหรือเปียโนกับนักร้อง
วงทริโอกำรผสมวงดนตรีร่วมกัน3คนเช่นไวโอลิน1,วิโอลำ1, เชลโล่1
วงควอร์เต็ตกำรผสมวงดนตรีร่วมกัน4คน
วงควินเต็ตกำรผสมวงดนตรีร่วมกัน5คนเช่น สตริงควินเต็ต(StringsQuintet)วงจะประกอบด้วยเครื่องสำย5ชิ้นไวโอลิน
2, วิโอลำ2,และเชลโล่1
วงเซ็กซ์เต็ตกำรผสมวงดนตรีร่วมกัน6คน
วงซิมโฟนีออร์เคสตรำ
อุปรำกร
ละครบรอดเวย์
บัลเลต์
ขับร้อง
ขับร้องเดี่ยว
วงขับร้องประสำนเสียง
แบ่งตำมโครงสร้ำงบทเพลง(Form)
คอนแชร์โต -Concerto
ซิมโฟนี -[English:Symphony| French:Symphonie|German:Sinfonia]
โซนำต้ำ-Sonata
ฟิวก์ - Fugue เป็นกำรประพันธ์เพลงที่ได้รับกำรพัฒนำอย่ำงมำกแขนงหนึ่งนิยมในยุคบำโรคจะเริ่มต้นด้วยทำนองที่เรียกว่ำ
Subjectจำกนั้นจะเปลี่ยนแปลงทำนองเรียกว่ำ Answer
พรีลูด-Preludeบทเพลงที่เป็นบทนำดนตรี มักใช้คู่กับเพลงแบบฟิวก์ หรือใช้บรรเลงนำเพลงชุด
สำหรับงำนเปียโนจะหมำยถึงบทเพลงสั้นๆและบำงครั้งมีควำมหมำยเหมือนกับบทเพลงโหมโรงอุปรำกรเช่น
พรีลูดของวำกเนอร์
โอเวอร์เจอร์ - Overture เพลงโหมโรงที่บรรเลงก่อนกำรแสดงอุปรำกรหรือละครรวมถึงประพันธ์ขึ้นเดี่ยวๆ
สำหรับบรรเลงคอนเสิร์ตโดยเฉพำะเรียกว่ำ ConcertOverture
บัลลำด- Balladeเป็นบทประพันธ์ที่ไม่มีกฎเกณฑ์ตำยตัวพบมำกในงำนเปียโน
ลักษณะเหมือนกำรเล่ำเรื่องหรือถ่ำยทอดควำมรู้สึกแบบบทกวี
เอทู๊ด - Etudeเป็นบทประพันธ์เพื่อฝึกหัดกำรบรรเลงด้วยเปียโนหรือไวโอลิน
มำร์ช-March เป็นบทเพลงที่ประพันธ์เพื่อกำรเดินแถวต่อมำพัฒนำไปสู่บทเพลงที่ใช้บรรเลงคอนเสิร์ต
วำริเอชั่น- Variations
แฟนตำเซียหรือฟ็องเตซี - [Italian:Fantasia | French:Fantasy]
- 4. น็อคเทิร์น - Nocturne/Notturno เป็นเพลงบรรเลงยำมค่ำคืนมีทำนองเยือกเย็นอ่อนหวำนจอห์นฟิลด์
ริเริ่มประพันธ์สำหรับเปียโนซึ่งต่อมำโชแปงได้พัฒนำขึ้น
มินูเอ็ต - [French:Minuet |Italian:Menuet]
เซเรเนด- Serenadeเพลงขับร้องหรือบรรเลงที่มีทำนองเยือกเย็นอ่อนหวำนมักเป็นบทเพลงที่ผู้ชำยใช้เกี้ยวพำรำสีผู้หญิง
โดยยืนร้องใต้หน้ำต่ำงในยำมค่ำคืน
แคนนอน - Canon เป็นคีตลักษณ์ที่มีแบบแผนแน่นอนมีกำรบรรเลงทำนองและกำรขับร้องที่เหมือนกันทุกประกำร
แต่เริ่มบรรเลงไม่พร้อมกันเรียกอีกชื่อว่ำ Round
แคนแคน - Can-Canเป็นเพลงเต้นรำสไตล์ไนท์คลับของฝรั่งเศสเกิดในช่วงศตวรรษที่19
คำปริซ-Capriceบทบรรเลงสำหรับเครื่องดนตรีที่มีลักษณะอิสระไม่อยู่ในกฎเกณฑ์มักมีชีวิตชีวำ
โพลก้ำ-Polkaเพลงเต้นรำแบบหนึ่งมีกำเนิดมำจำกชนชำติโบฮีเมียน
ตำรันเตลลำ-Tarantellaกำรเต้นรำแบบอิตำเลียนมีจังหวะที่เร็ว
จิก -Gigueเป็นเพลงเต้นรำของอิตำลีเกิดในศตวรรษที่18มักอยู่ท้ำยบทของเพลงประเภทสวีต(Suite)
กำวอท- Gavotte เป็นเพลงเต้นรำของฝรั่งเศสในศตวรรษที่17มีรูปแบบแบบสองตอน (Two-parts)
มักเป็นส่วนหนึ่งของเพลงประเภทสวีต(Suite)
โพโลเนส- Polonaiseเป็นเพลงเต้นรำประจำชำติโปแลนด์เกิดในรำชสำนัก
โชแปงเป็นผู้ประพันธ์เพลงลักษณะนี้สำหรับเปียโนไว้มำก
สวีต- Suiteเพลงชุดที่นำบทเพลงที่มีจังหวะเต้นรำมำบรรเลงต่อกันหลำยๆบทพบมำกในอุปรำกรและบัลเลต์
อำรำเบส- Arabesque เป็นดนตรีที่มีลีลำแบบอำหรับ
ฮิวเมอเรสค์-Humoresqueเป็นบทประพันธ์สั้นๆมีลีลำสนุกสนำนร่ำเริงมีชีวิตชีวำ
ทอคคำต้ำ- Toccataบทเพลงสำหรับเครื่องดนตรีประเภทคีย์บอร์ดมีทำนองที่รวดเร็ว อิสระในแบบฉบับของเคำน์เตอร์พอยท์
บำกำเตล- Bagatelleเป็นคีตนิพนธ์ชิ้นเล็กๆสำหรับเปียโนมีจุดเด่นคือทำนองจำได้ง่ำยเช่นFurElise
ดิแวร์ติเมนโต-Divertimento
บทเพลงทำงศำสนำ-SacredMusic
โมเต็ต- Motet เพลงขับร้องในพิธีกรรมของศำสนำคริสต์ใช้วงขับร้องประสำนเสียงในกำรร้องหมู่
ภำยหลังจึงเริ่มมีเครื่องดนตรีประกอบเสียงร้อง
แพสชั่น -Passion เพลงสวดที่มีเนื้อหำเกี่ยวกับควำมทุกข์ยำกของพระเยซู
ออรำทอริโอ- Oratorioเพลงขับร้อง บทร้องเป็นเรื่องขนำดยำวเกี่ยวกับศำสนำคริสต์มีลักษณะคล้ำยอุปรำกร
แต่ไม่มีกำรแต่งกำยไม่มีฉำกและกำรแสดงประกอบ
คันตำตำ- Cantata เพลงศำสนำสั้นๆมีทั้งร้องในโบสถ์และตำมบ้ำน
แมส - Mass เพลงร้องประกอบในศำสนพิธีของศำสนำคริสต์
เรควีเอ็ม- Requiemเพลงสวดเกี่ยวกับควำมตำย
รายชื่อคีตกวีแบ่งตามยุค
ยุคกลำง
เลโอแนง (Léonin,ประมำณค.ศ.1130-1180)
เพโรแตง(Pérotinหรือ PerotinusMagnus, ประมำณค.ศ.1160-1220)
- 5. จำคำโปดำ โบโลนญำ(JacapodaBologna)
ฟรำนเชสโกลำนดินี(FrancescoLandini,ประมำณค.ศ.1325-1397)
กิโยมเดอมำโชต์ (GuillaumedeMachaut,ประมำณค.ศ.1300-1377)
ฟิลิปเปเดอวิทรี (PhillippedeVitry)
โซลำช(Solage)
เปำโลดำ ฟิเรนเซ(Paoloda Firenze)
ยุคเรเนสซองส์
จอห์น ดันสเตเบิล(John Dunstable)
กิโยมดูเฟย์(GuillaumeDufay)
โยฮันเนสโอคีกัม(JohannesOckeghem)
โทมัส ทัลลิส(ThomasTallis)
จอสกินเดส์เพรซ์ (JosquindesPrez)
ยำคอบโอเบร็คท์ (JacobObrecht)
โคลดเลอเชิน (ClaudeLe Jeune)
จิโอวันนี ปิแอร์ลุยจิ ดำ ปำเลสตรินำ(GiovanniPierluigidaPalestrina)
วิลเลียมเบิร์ด(WilliamByrd)
คลอดิโอมอนเทแวร์ดี(ClaudioMonteverdi)
ออร์ลันโด้ ดิ ลัสโซ(OrlandodiLasso)
คำร์โลเกซวลโด(CarloGesualdo)
อำดริออง วิลแลร์ต(Adriane Willaert)
ยุคบำโรค
ดิทริชบุกส์เตฮูเด(DietrighBuxtehude,ประมำณค.ศ.1637-1707)
โยฮันน์ พำเคลเบล(JohannPachelbel,ค.ศ.1653-1706)
อเลสซำนโดสกำร์แลตตี(AlessandoScarlatti,ค.ศ.1660-1725)
อันโตนีโอวีวัลดี(Antonio Vivaldi, ค.ศ.1678-1714)
โยฮันน์ เซบำสเตียนบำค(Johann SebastianBach, ค.ศ. 1685-1750)
เกออร์กฟรีดริคฮันเดล (GeorgFriedrichHändel,ค.ศ. 1685-1759)
ฌอง-แบ๊ปติสต์ ลุลลี่(Jean BaptistLully)
ฌอง ฟิลลิปรำโม(Jean PhillippeRameau)
เกออร์กฟิลลิปเทเลมันน์ (GeorgPhillipTelemann)
เฮ็นรี่ เพอร์เซ็ล(HenryPurcell)
ยุคคลำสสิก
คริสตอฟวิลลิบัลด์กลุ๊ค(Christoph WillibaldGluck,ค.ศ.1750-1820)
ฟรำนซ์โยเซฟไฮเดิน (FranzJoseph Haydn, ค.ศ.1732-1809)
- 6. โวล์ฟกังอมำเดอุสโมสำร์ท(WolfgangAmadeusMozart, ค.ศ. 1756-1791)
ลุดวิกฟำนเบโทเฟน (Ludwigvan Beethoven, ค.ศ. 1770-1827)
คำร์ลฟิลลิปเอ็มมำนูเอ็ล บำค (Carl PhillipEmanuelBach)
โยฮันคริสเตียนบำค(Johann ChristianBach)
ยุคโรแมนติก
จิโออัคคิโนรอซสินี (GioacchinoRossini)
ฟรำนซ์ปีเตอร์ ชูเบิร์ต (FranzPeter Schubert)
เอกเตอร์ แบร์ลิออส (Hector Berlioz)
เฟลิกซ์เมนเดลโซห์น-บำร์โธลดี(FelixMendelssohn-Batholdy)
เฟรเดริกฟรองซัวส์โชแปง(FrédéricFrançoisChopin)
นิกโคโลปำกำนินี(NiccolòPaganini)
โรเบิร์ตอเล็กซำนเดอร์ ชูมันน์ (Robert Alexander Schumann)
ฟรำนซ์ลิซท์ (Franz Liszt)
ริชำร์ดวำกเนอร์ (RichardWagner)
จูเซปเป แวร์ดี(GiuseppeVerdi)
เบดริชสเมทำนำ(BedrichSmetana)
โยฮันเนสบรำห์มส์(JohannesBrahms)
จอร์จ บิเซต์ (GeorgesBizet)
ปีเตอร์ อิลยิชไชคอฟสกี (Peter Ilyich Tchaikovsky)
แอนโทนินดโวชำค(Antonín Dvořák)
จิอำโคโมปุชชีนี (GiacomoPuccini)
กุสตำฟมำห์เลอร์ (Gustav Mahler)
เซียร์เกย์รัคมำนีนอฟ(SergejRakhmaninov)
ริชำร์ดสเตรำส์(RichardStrauss)
จีน ซิเบลิอุส (Jean Sibelius)
โยฮันน์ ชเตรำสส์ที่หนึ่งบิดำ (Johann Straussfather)
โยฮันน์ ชเตรำสส์ที่สองบุตร (Johann Straussson)
ฌำร์คออฟเฟนบำค (JacquesOffenbach)
ชำร์ลกูโนด์(CharlesGounod)
อันโตนบรูคเนอร์ (Anton Bruckner)
ฮูโก โวล์ฟ(HugoWolf)
ยุคอิมเพรสชั่นนิสม์
โคล้ดเดอบุซซี (ClaudeDebussy)
มอริซ รำเวล(Maurice Ravel)
- 7. ยุคศตวรรษที่20-ปัจจุบัน
ชำร์ลส์ไอฟส์ (CharlesIves)
อำร์โนลด์เชินแบร์ก (Arnold Schoenberg)
คำร์ลออร์ฟ (Carl Orff)
เบลำ บำร์ต็อก(Béla Bartók)
โซลตันโคดำย(ZaltánKodály)
อิกอร์ สตรำวินสกี้(IgorStravinsky)
อันโตนเวเบิร์น(Anton Webern)
อัลบัน แบร์ก (Alban Berg)
เซอร์เก โปรโคเฟียฟ(SergeiProkofiev)
พอล ฮินเดมิธ (PaulHindemith)
จอร์จ เกิร์ชวิน(GeorgeGershwin)
อำรอนคอปแลนด์ (Aaron Copland,ค.ศ.1900-1990)
ดมิทรี ดมิทรีวิชชอสตำโควิช(Dmitri DmitrievichShostakovich, ค.ศ. 1906-1975)
โอลิวิเยร์ เมสเซียง(OlivierMessiaen, ค.ศ.1908-1992)
เอลเลียตคำร์เตอร์ (ElliottCarter, ค.ศ. 1908-ปัจจุบัน)
วิโทลด์ลูโทสลำฟสกี้(WitoldLutoslawski)
จอห์น เคจ (John Cage,ค.ศ. 1912-1992)
ปิแอร์ บูแลซ(Pierre Boulez,ค.ศ. 1925-ปัจจุบัน)
ลูชำโนเบริโอ(LucianoBerio, ค.ศ.1925-2003)
คำร์ลไฮน์สต็อกเฮำเซน(KarlheinzStockhausen,ค.ศ. 1928-2006)
ฟิลิปกลำส(PhilipGlass)
ลุยจิ โนโน(LuigiNono)
ยำนนิสเซนำคิส(IannisXenakis,ค.ศ. 1922-2001)
มิลตันแบ็บบิท (Milton Babbitt)
วอล์ฟกังริห์ม (WolfgangRihm)
อำร์โวแพรท (Arvo Pärt)
โซเฟียกุไบดูลินำ(Sofia Gubaidulina)
Giya Kancheli
ยอร์กี ลิเกตี(György Ligeti)
กชึชตอฟ แปนแดแรตสกี (Krzysztof Penderecki)
ยอร์กี เคอร์ทัค (György Kurtag)
เฮลมุต ลำเคนมำนน์(HelmutLachenmann)
สตีฟไรค์ (Steve Reich)
- 8. จอห์น อดัมส์ (John Adams)
John Zorn
โตรุ ทำเคมิตสึ(Toru Takemitsu)
Tan Dun
Chen Yi
UnsukChin
คีตกวีชาวไทยที่ประพันธ์ดนตรีคลาสสิกในปัจจุบันที่มีงานดนตรีออกมาอย่างสม่าเสมอ
ณรงค์ฤทธิ์ธรรมบุตรwww.narongrit.com
วีรชำติเปรมำนนท์
จิรเดชเสตะพันธุ
ณรงค์ปรำงเจริญwww.narongmusic.com
เด่นอยู่ประเสริฐ
ภำธรศรีกรำนนท์
บุญรัตน์ ศิริรัตนพันธboonrut.blogspot.com
วำนิชโปตะวนิช
อภิสิทธ์ วงศ์โชติ
อติภพ ภัทรเดชไพศำล
สุรัตน์เขมำลีลำกุล
นบ ประทีปะเสน
สิรเศรษฐปันฑุรอัมพรwww.pantura-umporn.com
วิบูลย์ตระกูลฮุ้น
อโนทัย นิติพล
ยังไม่ได้จัดหมวดหมู่
เอริก ซำที (ErikSatie)
คำร์ลเซอร์นี (Carl Czerny)
โยฮันน์ ฟรีดริคฟรำนซ์เบิร์กมุลเลอร์ (JohannFriedrichFranzBurgmüller)
ฟรำนซิสปูเลงค์ (FrancisPoulenc)
คีตกวีเอกของโลก
โยฮันน์ เซบำสเตียนบำค(Johann Sebastian Bach)
ลุดวิจฟำนเบโทเฟน(Ludwig van Beethoven)
โวล์ฟกังอะมำเดอุสโมซำร์ท(Wolfgang Amadeus Mozart)
เฟรเดริกฟรองซัวส์โชแปง(Frédéric François Chopin)
โรเบิร์ตอะเล็กซำนเดอร์ ชูมันน์ (Robert Alexander Schumann)
ฟรำนซ์ปีเตอร์ ชูเบิร์ต (Franz Peter Schubert)
- 9. อำนโตนิโอวิวัลดิ(Antonio Vivaldi)
ริชำร์ดวำกเนอร์ (Richard Wagner)
ปีเตอร์ ไชคอฟสกี้(Peter Tchaikovsky)
โยฮันน์ สเตรำส์บิดำ(Johann Strauss father)
โยฮันน์ สเตรำส์บุตร(Johann Strauss son)
โยฮันเนสบรำห์ม (Johannes Brahms)
จอร์จ เฟรดริกฮันเดล(Georg Friedrich Händel)
เอริก ซำที (ErikSatie)
อิกอร์ สตรำวินสกี้(IgorStravinsky)
เอกเตอร์ แบร์ลิออส (Hector Berlioz)
จอร์เจอส์ บิเซท (Georges Bizet)
เบลำ บำร์ต็อก(Béla Bartók)
คำร์ลเซอร์นี (Carl Czerny)
แอนโทนินดโวชำค(Antonín Dvořák)
โคล้ดเดอบุซซี (Claude Debussy)
เบิร์กมุลเลอร์ (Johann Friedrich Franz Burgmüller)
ชำร์ลสกูนอด (Charles Gounod)
ฟรำนซ์โจเซฟ ไฮเดิน (Franz Joseph Haydn)
ฟร้ำนซ์ลิซท์ (Franz Liszt)
คำร์ลออร์ฟ (Carl Orff)
ชำคส์ออฟเฟนบำค (Jacques Offenbach)
จิอำโคโมปุชชินี (Giacomo Puccini)
ฟรำนซิสปูเลงค์ (Francis Poulenc)
จูเซปเป เวอร์ดิ(Giuseppe Verdi)
ดิมิทรี ดิมิทรีวิชชอสตำโกวิช(Dimitri Shostakovich)
กุสตำฟมำห์เลอร์ (GustavMahler)
สก็อต จอปลิน (Scott Joplin)
อำนโตนิโอซำลิเอรี (Antonio Salieri)
เซียร์เกย์รัคมำนีนอฟ(Sergei Rachmaninoff)
- 10. โยฮันน์เซบาสเตียนบาค
โยฮันน์ เซบำสเตียนบำค,ปี พ.ศ. 2291 วำดโดยอีเลียสก็อตลอบเฮำส์มันน์ (EliasGottlobHaussmann)
โยฮันน์ เซบาสเตียนบาค (เยอรมัน:JohannSebastianBach)เป็นคีตกวีและนักออร์แกนชำวเยอรมันเกิดเมื่อวันที่21
มีนำคมพ.ศ. 2228(ค.ศ. 1685)ในครอบครัวนักดนตรี
ที่เมืองไอเซนัค บำคแต่งเพลงไว้มำกมำยโดยดั้งเดิมเป็นเพลงสำหรับใช้ในโบสถ์ เช่น"แพชชั่น"บำคถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 28
กรกฎำคมพ.ศ.2293 ที่เมืองไลพ์ซิจ
บำคเป็นนักประพันธ์ดนตรีสมัยบำโรคเขำสร้ำงดนตรีของเขำจนกลำยเป็นเอกลักษณ์ของยุคสมัย
บำคมีอิทธิพลอย่ำงสูงและยืนยำวต่อกำรพัฒนำดนตรีตะวันตกแม้แต่นักประพันธ์เพลงผู้ยิ่งใหญ่เช่นโมซำร์ทและเบโทเฟนยัง
ยอมรับบำคในฐำนะปรมำจำรย์
งำนของบำคโดดเด่นในทุกแง่ทุกมุม
ด้วยควำมพิถีพิถันของบทเพลงที่เต็มไปด้วยท่วงทำนองเสียงประสำนหรือเทคนิคกำรสอดประสำนกันของท่วงทำนองต่ำง
ๆรูปแบบที่สมบูรณ์แบบ เทคนิคที่ฝึกฝนมำเป็นอย่ำงดีกำรศึกษำค้นคว้ำแรงบันดำลใจอันเต็มเปี่ยม
รวมทั้งปริมำณของบทเพลงที่แต่งทำให้งำนของบำคหลุดจำกวงจรทั่วไปของงำนสร้ำงสรรค์ที่ปกติแล้วจะเริ่มต้น
เจริญเติบโตถึงขีดสุดแล้วเสื่อมสลำยนั่นคือไม่ว่ำจะเป็นเพลงที่บำคได้ประพันธ์ไว้ตั้งแต่วัยเยำว์
หรือเพลงที่ประพันธ์ในช่วงหลังของชีวิตนั้นจะมีคุณภำพทัดเทียมกัน
§ประวัติ
§ไอเซอบำค
บำคถือกำเนิดในครอบครัวนักดนตรีที่ยึดอำชีพนักดนตรีประจำรำชสำนัก
ประจำเมืองและโบสถ์ในมณฑลทูรินจ์มำหลำยชั่วอำยุซึ่งก็นับได้ว่ำโยฮันน์เซบำสเตียนบำคเป็นรุ่นที่ห้ำแล้ว
- 13. ในบันไดเสียงบีไมเนอร์""เว็ลเท็มเปอร์คลาเวียร์""มิวสิกคัล ออฟเฟอริ่ง"ดนตรีของบำคหลุดพ้นจำกรูปแบบทั่วไป
โดยที่เขำได้ใช้ควำมสำมำรถของเขำอย่ำงเต็มพิกัดและถ่ำยทอดออกมำเป็นบทเพลงจนถึงขีดสุดของควำมสมบูรณ์แบบ
§มรดกทำงดนตรี
เมื่อโยฮันน์ เซบำสเตียนบำค ดนตรีบำโรคได้ถึงจุดสุดยอดและถึงกำลสิ้นสุดในเวลำอันรวดเร็วหลังจำกกำรเสียชีวิตของบำค
ดนตรีของเขำได้ถูกลืมไปเนื่องด้วยเพรำะมันล้ำสมัยไปแล้ว
เช่นเดียวกับเทคนิคกำรสอดประสำนกันของท่วงทำนองต่ำงๆที่เขำพัฒนำให้มันสมบูรณ์แบบอย่ำงหำใดเทียมทำน
บุตรชำยที่เขำได้ฝึกสอนดนตรีไว้ ไม่ว่ำจะเป็นวิลเฮ็ล์มฟรีดมำนน์บำคคำร์ลฟิลลิปเอ็มมำนูเอ็ล บำค โยฮันน์คริสตอฟ
ฟรีดริชบำคและ โยฮันน์คริสเตียนบำคได้รับถ่ำยทอดพรสวรรค์บำงส่วนจำกบิดำและได้รับถ่ำยทอดเทคนิคกำรเล่นจำกบำค
ก็ได้ทอดทิ้งแนวทำงดนตรีของบิดำเพื่อไปสนใจกับแนวดนตรีที่ทันสมัยกว่ำในที่สุด
เช่นเดียวกับนักดนตรีร่วมสมัยเดียวกันกับบำค(เป็นต้นว่ำ เกออร์กฟิลลิปเทเลมันน์ผู้มีอำยุแก่กว่ำบำคสี่ปี
ก็ได้รับอิทธิพลจำกดนตรีที่ทันสมัยกว่ำ)
ปรำกฏกำรณ์นิยมแนวดนตรีใหม่นี้ก็เกิดกับ[[]]เช่นกันจนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อบำรอนฟำนสวีเทน
ผู้หลงใหลในดนตรีบำโรคและมีห้องสมุดส่วนตัวสะสมบทเพลงบำโรคไว้เป็นจำนวนมำก
ได้ให้โมซำร์ทชมผลงำนอันยิ่งใหญ่ของบำคบำงส่วนทำให้ควำมมีอคติต่อดนตรีบำโรคของโมซำร์ทนั้นถูกทำลำยไปสิ้น
จนถึงขั้นไม่สำมำรถประพันธ์ดนตรีได้ตลอดช่วงระยะเวลำหนึ่งเมื่อเขำสำมำรถยอมรับมรดกทำงดนตรีของบำคได้แล้ว
วิธีกำรประพันธ์ดนตรีของเขำก็เปลี่ยนไปรำวกับว่ำบำคมำเติมเต็มรูปแบบทำงดนตรีให้แก่เขำ
โดยที่ไม่ต้องละทิ้งรูปแบบส่วนตัวแต่อย่ำงใด
ตัวอย่ำงผลงำนของโมซำร์ทที่ได้รับอิทธิพลของบำคก็เช่น"เพลงสวดศพเรเควียม""ซิมโฟนีจูปิเตอร์"ซึ่งท่อนที่สี่เป็นฟิวก์ห้ำเสียง
ที่ประพันธ์ขึ้นโดยใช้เทคนิคกำรสอดประสำนกันของท่วงทำนองต่ำงๆรวมทั้งบำงส่วนของอุปรำกรเรื่อง"ขลุ่ยวิเศษ"
ลุดวิกฟำนเบโทเฟนรู้จักบทเพลงสำหรับคลำวิคอร์ดของบำคเป็นอย่ำงดีจนสำมำรถบรรเลงบทเพลงส่วนใหญ่ได้ขึ้นใจ
ตั้งแต่วัยเด็ก
สำหรับประชำชนทั่วไปแล้วควำมเป็นอัจฉริยะของบำคไม่ได้เป็นที่รู้จักต่อสำธำรณชนจนกระทั่งในคริสต์ศตวรรษที่
19 อันเนื่องมำจำกควำมพยำยำมของเฟลิกซ์เม็นเดลโซห์นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้อำนวยกำรดนตรีที่โบสถ์เซนต์โธมัส
แห่งเมืองไลพ์ซิจนับแต่นั้นเป็นต้นมำ ผลงำนของบำคที่ยืนยงคงกระพันต่อกำรเปลี่ยนแปลงของรสนิยมทำงดนตรี
ก็ได้กลำยเป็นหลักอ้ำงอิงที่มิอำจหำผู้ใดเทียมทำนได้ในบรรดำผลงำนดนตรีตะวันตก
ในช่วงคริสต์ทศวรรษที่30ที่เมืองไลพ์ซิจคำร์ลสโตรปได้คิดค้นวิธีบรรเลงบทเพลงของบำคในรูปแบบใหม่
โดยกำรใช้เครื่องดนตรีที่มีประสิทธิภำพมำกกว่ำ
และใช้วงขับร้องประสำนเสียงในแบบที่ยืดหยุ่นกว่ำที่บรรเลงและขับร้องกันในคริสต์ศตวรรษที่
19 เขำยังได้บรรเลงบทเพลงทำงทฤษฎีเป็นต้นว่ำ อาร์ต ออฟฟิวก์ (โดยใช้วงดุริยำงค์ประกอบด้วย)
ผลสัมฤทธิ์ของแนวทำงใหม่นี้ได้เห็นเป็นรูปธรรมในคริสต์ทศวรรษที่50โดยมีนักดนตรีอย่ำงกุสตำฟ
เลออนฮำร์ทและบรรดำลูกศิษย์ลูกหำของเขำรวมถึงนิโคเลำส์อำร์นองกูต์โดยที่กุสตำฟเลออนฮำร์ทและนิโคเลำส์
อำร์นองกูต์เป็นนักดนตรีคนแรกๆที่บันทึกเสียงบทเพลงคันตำต้ำของบำคครบทุกบท
- 14. แม้ว่ำดนตรีของบำคจะถูกตีควำมในลักษณะอื่นเช่นแจ๊ส (บรรเลงโดยฌำคลูสิเยร์(JaquesLoussier)หรือเวนดี คำร์ลอส)
บรรเลงโดยใช้เครื่องดนตรีประเภทอื่นหรือถูกดัดแปลงเป็นแจ๊สมันก็ยังคงเอกลักษณ์เดิมไว้
รำวกับว่ำโครงสร้ำงของบทเพลงที่โดดเด่นทำให้สิ่งอื่นๆกลำยเป็นแค่ส่วนประกอบเท่ำนั้น
มำร์เซลดูเปรสำมำรถบรรเลงบทเพลงทุกบทของบำคด้วยออร์แกนได้อย่ำงขึ้นใจเช่นเดียวกับเฮลมุท
วำลคำนักเล่นออร์แกนชำวเยอรมันผู้ที่ตำบอดตั้งแต่เกิดแต่ก็ได้หัดเล่นเพลงของบำคโดยอำศัยกำรฟังอย่ำงตั้งอกตั้งใจ
§แนวคิด
«บำคเป็นคนประเภทที่เห็นคนอื่นๆเป็นเพียงเด็กน้อยในสำยตำของเขำ »โรเบิร์ตอเล็กซำนเดอร์ ชูมันน์
«หำกไม่มีบำคเทววิทยำคงขำดเป้ ำหมำยกำรสร้ำงโลกของพระเจ้ำกลำยเป็นเพียงตำนำน
และควำมว่ำงเปล่ำกลำยเป็นสิ่งที่ไม่อำจปฏิเสธได้»,«หำกมีใครสักคนที่เป็นหนี้บุญคุณบำคทุกอย่ำง
นั่นคงเป็นพระเจ้ำ»,ซิโอร็อง, Syllogismesde l'amertume สำนักพิมพ์กัลลิมำร์
«ดนตรีของบำคมีแนวโน้มจะกลำยเป็นสิ่งมีชีวิตมีชีพจรและอำรมณ์ควำมรู้สึก»ปิแอร์ วิดำล
«มีบำคก่อน...แล้วจึงมีคนอื่นๆตำมมำ »พำโบลคำซำลส์
«ถึงแม้ข้ำพเจ้ำจะมีควำมรักในศิลปินคนอื่น–ไม่ได้รักเบโทเฟนและโมซำร์ทน้อยไปกว่ำกัน–
ข้ำพเจ้ำก็ไม่อำจเห็นด้วยกับคำกล่ำวของคำซำลส์ได้ บำคโดดเด่นกว่ำพวกเขำเหล่ำนั้นทั้งหมด »ปอล โทเทลลิเยร์
§บทประพันธ์ที่สาคัญ
คันตาต้า BWV 4, BWV 6, BWV 78, BWV 106, BWV 140, BWV 136, BWV 198, BWV 146, BWV 177,BWV 127,
BWV 35, BWV 51, BWV 56, BWV 82, BWV 201, BWV 205, BWV 208, BWV 211, BWV 212.
BWV 245;
เซนต์แมทธิวแพชชั่น,BWV 244 ;
แมส ในบันไดเสียงบีไมเนอร์,BWV 232 ;
คริสต์มาส โอราทอริโอ,BWV 248 ;
มักนิฟิคัท, BWV 243 ;
โมเต็ต,BWV 225 ถึง BWV 231 ;
ท็อคคาต้า และ ฟิวก์ ในบันไดเสียง ดีไมเนอร์ สาหรับออร์แกน, BWV 565 และบทเพลงพรีลูดแอนด์ฟิวก์อีกหลำยบท
เป็นต้นว่ำBWV 542,543, 544,545,582;
โกลด์แบร์ก วาริเอชั่น,BWV 988 ;
พาร์ติต้าหกบทสาหรับคลาวิคอร์ด,BWV 825 ถึง BWV 830 ;
อินเวนชั่นและซิมโฟนี,BWV 772 ถึง BWV 801 ;
อินเวนชั่น, BWV772 : สื่อ:Bach-invention-01.mid
ซิมโฟนี,BWV 787 : สื่อ:Bwv787.mid
เว็ลเท็มเพปร์คลาเวียร์,BWV 846 ถึง BWV 893 ;
พรีลูดหมายเลข1,BWV 846: สื่อ:Wtk1-prelude1.mid
โซนาต้า และพาร์ติต้าสาหรับเดี่ยวไวโอลิน,BWV 1001 ถึง BWV 1006;
- 15. สวีทสาหรับเดี่ยวเชลโล,BWV 1007 ถึง BWV 1012;
สวีทสาหรับเดี่ยวเชลโล,BWV1008,โน้ตแผ่น: http://wikisource.org/wiki/Suite_pour_violoncelle%2C_II#Courante
โซนาต้าสาหรับฟลู้ต,BWV 1013,BWV 1020, BWV 1030 ถึง BWV 1035 ;
บรันเด็นเบอร์ก คอนแชร์โต หกบท, BWV 1046 ถึง BWV 1051 ;
คอนแชร์โตสาหรับไวโอลิน,BWV 1041,BWV 1042,BWV 1043 ;
คอนแชร์โตสาหรับฮาร์ปซิคอร์ด,BWV 1052 ถึง BWV 1065 ;
สวีทสาหรับออร์เคสตร้า,BWV 1066 ถึง BWV 1070 ;
มิวสิกคัล ออฟเฟอริ่ง,BWV 1079;
อาร์ต ออฟ ฟิวก์,BWV 1080;
Violin Sonata No. 1 in G minor(BWV1001)ในลำยมือของบำค
§การจัดเรียงผลงานการประพันธ์
ผลงำนดนตรีของบำคเรียงลำดับตัวเลขตำมหลังคำว่ำBWVซึ่งเป็นตัวย่อของ Bach Werke Verzeichnis
แปลว่ำแคตตาล็อกผลงานของบาคตีพิมพ์ขึ้นในปี ค.ศ.1950 เรียบเรียงโดยโวล์ฟกังชมีเดอร์ (WolfgangSchmieder).
แคตตำล็อกนี้ไม่ได้ถูกเรียงลำดับตำมเวลำที่ประพันธ์แต่เรียงตำมลักษณะของบทประพันธ์.เช่น BWV 1-224
เป็นผลงำนคันตำต้ำ,BWV225–48เป็นผลงำนสำหรับกลุ่มนักร้องประสำนเสียง,BWV250–524
เป็นผลงำนขับร้องและดนตรีศำสนำ,BWV525–748 เป็นผลงำนสำหรับออร์แกน,BWV772–994
เป็นผลงำนสำหรับเครื่องดนตรีคีย์บอร์ด,BWV995–1000เป็นผลงำนสำหรับลิวท์,BWV1001–40
เป็นผลงำนดนตรีเชมเบอร์(chambermusic),BWV1041–71เป็นผลงำนสำหรับวงดุริยำงค์และBWV1072–1126
- 16. เป็นผลงำนแคนนอนและ ฟิวก์ ในขั้นตอนกำรจัดเรียงแคตตำล็อกนี้ชมีเดอร์เรียบเรียงตำมBachGesellschaftAusgabe
ที่เป็นผลงำนของบำคแบบครบถ้วนที่ตีพิมพ์ขึ้นในระหว่ำงปี ค.ศ.1850-1905.
ลุดวิจ ฟาน เบโทเฟน
ลุดวิจฟำนเบทโฮเฟินใน ค.ศ. 1820
ลุดวิจ ฟานเบทโฮเฟิ น (เยอรมัน:Ludwigvan Beethoven, เสียงอ่ำน:[ˈluːtvɪç fan ˈbeːt.hoːfn̩]; 16 ธันวำคมค.ศ.
1770 -26 มีนำคม ค.ศ. 1827)เป็นคีตกวีและนักเปียโนชำวเยอรมันเกิดที่เมืองบอนน์ประเทศเยอรมนี
เบทโฮเฟินเป็นตัวอย่ำงของศิลปินยุคโรแมนติกผู้โดดเดี่ยวและไม่เป็นที่เข้ำใจของบุคคลในยุคเดียวกันกับเขำ
ในวันนี้เขำได้กลำยเป็นคีตกวีที่มีคนชื่นชมยกย่องและฟังเพลงของเขำกันอย่ำงกว้ำงขวำงมำกที่สุดคนหนึ่ง
ตลอดชีวิตของเขำมีอุปสรรคนำนัปกำรที่ต้องฝ่ ำฟันทำให้เกิดควำมเครียดสะสมในใจเขำในรูปภำพต่ำงๆที่เป็นรูปเบทโฮเฟิน
สีหน้ำของเขำหลำยภำพแสดงออกถึงควำมเครียดแต่ด้วยจิตใจที่แข็งแกร่งของเขำก็สำมำรถเอำชนะอุปสรรคต่ำงๆ
ในชีวิตของเขำได้ ตำนำนที่คงอยู่นิรันดร์เนื่องจำกได้รับกำรยกย่องจำกคีตกวีโรแมนติกทั้งหลำย
เบทโฮเฟินได้กลำยเป็นแบบอย่ำงของพวกเขำเหล่ำนั้นด้วยควำมเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียมทำน ซิมโฟนีของเขำ
(โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งซิมโฟนีหมำยเลข5ซิมโฟนีหมำยเลข6ซิมโฟนีหมำยเลข7 และ ซิมโฟนีหมำยเลข9)
และคอนแชร์โตสำหรับเปียโนที่เขำประพันธ์ขึ้น(โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งคอนแชร์โตหมำยเลข4และหมำยเลข5)
เป็นผลงำนที่ได้รับควำมนิยมมำกที่สุดแต่ก็
มิได้รวมเอำควำมเป็นอัจฉริยะทั้งหมดของคีตกวีไว้ในนั้น
§ประวัติ[แก้]
- 18. ภำพวำดลุดวิจฟำนเบทโฮเฟินในค.ศ. 1823
ลุดวิจฟำนเบโธเฟนเกิดที่เมืองบอนน์(ประเทศเยอรมนี)เมื่อวันที่ 16 ธันวำคมค.ศ. 1770 และได้เข้ำพิธีศีลจุ่มในวันที่17
ธันวำคมค.ศ. 1770เป็นลูกชำยคนรองของโยฮันน์ฟำนเบโธเฟน(Johannvan Beethoven) กับ มำเรียมักเดเลนำเคเวริค
(Maria MagdelenaKeverich) ขณะที่เกิดบิดำมีอำยุ30ปี และมำรดำมีอำยุ26ปี ชื่อต้นของเขำเป็นชื่อเดียวกับปู่
และพี่ชำยที่ชื่อลุดวิจเหมือนกันแต่เสียชีวิตตั้งแต่อำยุยังน้อยครอบครัวของเขำมีเชื้อสำยเฟลมิช
(จำกเมืองเมเชเลนในประเทศเบลเยียม)ซึ่งก็เป็นเหตุผลว่ำเหตุใด
นำมสกุลของเขำจึงขึ้นต้นด้วยฟานไม่ใช่ฟอน ตำมที่หลำยคนเข้ำใจ
บิดำเป็นนักนักร้องในคณะดนตรีประจำรำชสำนักและเป็นคนที่ขำดควำมรับผิดชอบซ้ำยังติดสุรำ
รำยได้เกินครึ่งหนึ่งของครอบครัวถูกบิดำของเขำใช้เป็นค่ำสุรำทำให้ครอบครัวยำกจนขัดสน
บิดำของเขำหวังจะให้เบโธเฟนได้กลำยเป็นนักดนตรีอัจฉริยะอย่ำง โมสำร์ทนักดนตรีอีกคนที่โด่งดังในช่วงยุคที่เบทโฮเฟินยังเด็
ก จึงเริ่มสอนดนตรีให้ในค.ศ. 1776 ขณะที่เบทโฮเฟินอำยุ5ขวบ
แต่ด้วยควำมหวังที่ตั้งไว้สูงเกินไป(ก่อนหน้ำเบโธเฟนเกิดโมสำร์ทสำมำรถเล่นดนตรีหำเงินให้ครอบครัวได้ตั้งแต่อำยุ6ปี
บิดำของเบโธเฟนตั้งควำมหวังไว้ให้เบโธเฟนเล่นดนตรีหำเงินภำยในอำยุ6ปีให้ได้เหมือนโมสำร์ท)
ประกอบกับเป็นคนขำดควำมรับผิดชอบเป็นทุนเดิมทำให้กำรสอนดนตรีของบิดำนั้นเข้มงวดโหดร้ำยทำรุณเช่น
ขังเบโธเฟนไว้ในห้องกับเปียโน1หลัง , สั่งห้ำมไม่ให้เบโธเฟนเล่นกับน้องๆเป็นต้นทำให้เบทโฮเฟินเคยท้อแท้กับเรื่องดนตรี
แต่เมื่อได้เห็นสุขภำพมำรดำที่เริ่มกระเสำะกระแสะด้วยวัณโรคก็เกิดควำมพยำยำมสู้เรียนดนตรีต่อไป
เพื่อหำเงินมำสร้ำงควำมมั่นคงให้ครอบครัว
ค.ศ. 1777เบทโฮเฟินเข้ำเรียนโรงเรียนสอนภำษำละตินสำหรับประชำชนที่เมืองบอนน์
ค.ศ. 1778กำรฝึกซ้อมมำนำนสองปีเริ่มสัมฤทธิ์ผล
เบโธเฟินสำมำรถเปิดคอนเสิร์ตเปียโนในที่สำธำรณะได้เป็นครั้งแรกในเดือนมีนำคมขณะอำยุ7ปี 3 เดือนที่เมืองโคโลญจน์
(Cologne)แต่บิดำของเบทโฮเฟินโกหกประชำชนว่ำเบทโฮเฟินอำยุ6ปี เพรำะหำกอำยุยิ่งน้อย
ประชำชนจะยิ่งให้ควำมสนใจมำกขึ้นในฐำนะนักดนตรีที่เก่งตั้งแต่เด็ก
- 19. หลังจำกนั้นเบทโฮเฟินเรียนไวโอลินและออร์แกนกับอำจำรย์หลำยคนจนในค.ศ. 1781เบทโฮเฟินได้เป็นศิษย์ของคริสเตียน
กอตท์โลบนีเฟ (Christian Gottlob Neefe) ซึ่งเป็นอำจำรย์ที่สร้ำงควำมสำมำรถในชีวิตให้เขำมำกที่สุด
นีเฟสอนเบทโฮเฟินในเรื่องเปียโนและกำรแต่งเพลง
ค.ศ. 1784เบทโฮเฟินได้เล่นออร์แกนในคณะดนตรีประจำรำชสำนักในตำแหน่งนักออร์แกนที่สองมีค่ำตอบแทนให้พอสมควร
แต่เงินส่วนใหญ่ที่หำมำได้ ก็หมดไปกับค่ำสุรำของบิดำเช่นเคย
ค.ศ. 1787เบทโฮเฟินเดินทำงไปยังเมืองเวียนนำ(Vienna)เพื่อศึกษำดนตรีต่อเขำได้พบโมสำร์ท
และมีโอกำสเล่นเปียโนให้โมสำร์ทฟังเมื่อโมสำร์ทได้ฟังฝีมือของเบทโฮเฟินแล้ว
กล่ำวกับเพื่อนว่ำเบทโฮเฟินจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในโลกดนตรีต่อไปแต่อยู่เมืองนี้ได้ไม่ถึง2สัปดำห์
ก็ได้รับข่ำวว่ำอำกำรวัณโรคของมำรดำกำเริบหนักจึงต้องรีบเดินทำงกลับบอนน์
หลังจำกกลับมำถึงบอนน์และดูแลมำรดำได้ไม่นำนมำรดำของเขำก็เสียชีวิตลงในวันที่ 17กรกฎำคมค.ศ.1787ด้วยวัย43ปี
เบทโฮเฟินเศร้ำโศกซึมเซำอย่ำงรุนแรงในขณะที่บิดำของเขำก็เสียใจไม่แพ้กันแต่กำรเสียใจของบิดำนั้น
ทำให้บิดำของเขำดื่มสุรำหนักขึ้นไร้สติจนในที่สุดก็ถูกไล่ออกจำกคณะดนตรีประจำรำชสำนักเบทโฮเฟินในวัย16ปีเศษ
ต้องรับบทเลี้ยงดูบิดำและน้องชำยอีก2คน
ค.ศ. 1788เบทโฮเฟินเริ่มสอนเปียโนให้กับคนในตระกูลบรอยนิงค์เพื่อหำเงินให้ครอบครัว
ค.ศ. 1789เบทโฮเฟินเข้ำเป็นนักศึกษำไม่คิดหน่วยกิตในมหำวิทยำลัยบอนน์
ค.ศ. 1792เบทโฮเฟินตั้งรกรำกที่กรุงเวียนนำประเทศออสเตรียเบทโฮเฟินมีโอกำสศึกษำดนตรีกับโยเซฟ
ไฮเดิน หลังจำกเขำเดินทำงมำเวียนนำได้ 1เดือนก็ได้รับข่ำวว่ำบิดำป่วยหนักใกล้จะเสียชีวิต(มำเวียนนำครั้งก่อน
อยู่ได้ครึ่งเดือนมำรดำป่วยหนักมำเวียนนำครั้งนี้ได้หนึ่งเดือนบิดำป่วยหนัก)แต่ครั้งนี้เขำตัดสินใจไม่กลับบอนน์
แบ่งหน้ำที่ในบอนน์ให้น้องทั้งสองคอยดูแล และในปีนั้นเองบิดำของเบทโฮเฟินก็สิ้นใจลงโดยไม่มีเบทโฮเฟินกลับไปดูใจ
แต่เบทโฮเฟินเองก็ประสบควำมสำเร็จในกำรแสดงคอนเสิร์ตในฐำนะนักเปียโนเอก
และเป็นผู้ที่สำมำรถเล่นได้โดยคิดทำนองขึ้นมำสดๆทำให้เขำเป็นที่รู้จักอย่ำงกว้ำงขวำงในแวดวงและครอบครัวขุนนำง
ค.ศ. 1795เขำเปิดกำรแสดงดนตรีในโรงละครสำธำรณะในเวียนนำและแสดงต่อหน้ำประชำชน
ทำให้เบทโฮเฟินเริ่มเป็นที่รู้จักของประชำชนมำกขึ้น
ค.ศ. 1796ระบบกำรได้ยินของเบทโฮเฟินเริ่มมีปัญหำเขำเริ่มไม่ได้ยินเสียงในสถำนที่กว้ำงๆและเสียงกระซิบของผู้คน
เขำตัดสินใจปิดเรื่องหูตึงนี้เอำไว้ เพรำะในสังคมยุคนั้นผู้ที่ร่ำงกำยมีปัญหำ(พิกำร)จะถูกกลั่นแกล้งเหยียดหยำม
จนในที่สุดผู้พิกำรหลำยคนกลำยเป็นขอทำนดังนั้นเขำต้องประสบควำมสำเร็จให้ได้เสียก่อนจึงจะเปิดเผยเรื่องนี้
จำกนั้นเขำก็เริ่มประพันธ์บทเพลงขึ้นมำแล้วจึงหันเหจำกนักดนตรีมำเป็นผู้ประพันธ์เพลง
เขำสร้ำงสรรค์ผลงำนที่มีแนวแตกต่ำงไปจำกดนตรียุคคลำสสิกคือใช้รูปแบบยุคคลำสสิกแต่ใช้เนื้อหำจำกจิตใจ
ควำมรู้สึกในกำรประพันธ์เพลงจึงทำให้ผลงำนเป็นตัวของตัวเอง
เนื้อหำของเพลงเต็มไปด้วยกำรแสดงออกของอำรมณ์อย่ำงเด่นชัด
ค.ศ. 1801เบทโฮเฟินเปิดเผยเรื่องปัญหำในระบบกำรได้ยินให้ผู้อื่นฟังเป็นครั้งแรกแต่ครั้งนี้สังคมยอมรับ
ทำให้เขำไม่จำเป็นต้องปกปิดเรื่องอำกำรหูตึงอีกหลังจำกนั้นก็เป็นยุคที่เขำประพันธ์เพลงออกมำมำกมำย
แต่เพลงที่เขำประพันธ์นั้นจะมีปัญหำตรงที่ล้ำสมัยเกินไปผู้ฟังเพลงไม่เข้ำใจในเนื้อหำแต่ในภำยหลังเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป
ผู้คนเริ่มเข้ำใจในเนื้อเพลงของเบทโฮเฟินบทเพลงหลำยเพลงเหล่ำนั้นก็เป็นที่นิยมล้นหลำมมำถึงปัจจุบัน