SlideShare a Scribd company logo
1 of 116
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวี
คีตกวี เป็นคำศัพท์ทำงดนตรีที่พบได้บ่อยครั้งหมำยถึงผู้ประพันธ์ดนตรี มักจะใช้เรียกผู้ที่แต่งและเรียบเรียงดนตรีบำงประเภท
โดยเฉพำะดนตรีคลำสสิกโดยที่ผู้แต่งเพลงมักจะแต่งทั้งท่วงทำนองหลักและแนวประสำนทั้งหมด
เพื่อให้นักดนตรีเป็นผู้นำบทเพลงนั้นไปบรรเลงอีกทอดหนึ่ง
โดยนักดนตรีจะต้องบรรเลงทุกรำยละเอียดที่คีตกวีได้กำหนดไว้อย่ำงเคร่งครัด
คำว่ำคีตกวีในภำษำไทยนี้นิยมใช้เรียกผู้ประพันธ์ดนตรีในแนวดนตรีคลำสสิกของตะวันตกโดยแปลมำจำกคำว่ำ composer
นั่นเอง อย่ำงไรก็ดีบำงท่ำนอำจใช้คำว่ำ ดุริยกวีแต่ก็มีควำมหมำยอย่ำงเดียวกันสำหรับผู้ที่แต่งเพลงในแนวดนตรีอื่นๆ
มักจะเรียกว่ำนักแต่งเพลงหรือครูเพลงเท่ำนั้น
คีตกวี อำจไม่จำเป็นต้องประพันธ์ดนตรีลงในแผ่นกระดำษเพียงอย่ำงเดียวแต่อำจเป็นผู้บรรเลงบทประพันธ์นั้นเป็นครั้งแรก
และในภำยหลังมีผู้อื่นนำไปใช้บรรเลงตำมก็ได้ชื่อว่ำคีตกวีเช่นกัน
โดยทั่วไปเรำจะรู้จักคีตกวีในฐำนะที่เป็นนักแสดงดนตรี แม้ว่ำหลำยท่ำนจะมีผลงำนกำรประพันธ์ดนตรี
มำกกว่ำผลงำนกำรบรรเลงก็ตำมเช่นเบโทเฟิน, โมซำร์ท, วำกเนอร์ ฯลฯ
ดนตรีคลาสสิก
วงซิมโฟนีออเคสตรำ
ดนตรีคลาสสิก(อังกฤษ:Classicalmusic)เป็นรูปแบบหนึ่งของดนตรี ซึ่งมักจะหมำยถึงดนตรีที่เป็นศิลปะของตะวันตก
กำรแสดงดนตรีคลำสสิกจะใช้เครื่องดนตรี 4กลุ่มกลุ่มแรกคือเครื่องสำย(String)
แบ่งออกเป็น ไวโอลินวิโอลำเชลโลและดับเบิลเบสกลุ่มที่สองคือ เครื่องลมไม้ (Woodwind)
เช่นฟลูต คลำริเน็ตโอโบบำสซูน ปิคโคโลกลุ่มที่สำมคือเครื่องลมทองเหลือง (Brass)
เช่นทรัมเป็ต ทรอมโบน ทูบำ เฟรนช์ฮอร์นกลุ่มที่สี่คือ เครื่องกระทบ(Percussion)เช่นกลองทิมปำนีฉำบกลองใหญ่ (Bass
Drum)กิ๋ง(Triangle)เมื่อเล่นรวมกันเป็นวงเรียกว่ำวงดุริยำงค์หรือออร์เคสตรำ(Orchestra)ซึ่งมีผู้อำนวยเพลง(conductor)
เป็นผู้ควบคุมวง
ประวัติและเวลา
ดนตรีคลำสสิกแบ่งออกเป็นยุคดังนี้
ยุคกลาง(Medieval or MiddleAge) พ.ศ. 1019 -พ.ศ. 1943)
ดนตรีคลำสสิกยุโรปยุคกลำงหรือดนตรียุคกลางถือว่ำเป็นจุดกำเนิดของดนตรีคลำสสิกเริ่มต้นเมื่อประมำณปี พ.ศ.
1019 (ค.ศ.476) ซึ่งเป็นปีล่มสลำยของจักรวรรดิโรมันดนตรีในยุคนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อประกอบพิธีกรรมทำงศำสนำ
คำดกันว่ำมีต้นกำเนิดมำจำกดนตรีในยุคกรีกโบรำณรูปแบบเพลงในยุคนี้เน้นที่กำรร้องโดยเฉพำะเพลงสวด(Chant)
ในตอนปลำยของยุคกลำงเริ่มมีกำรร้องเพลงแบบสอดทำนองประสำนด้วย
ยุคเรเนสซองส์ (Renaissance) พ.ศ.1943 -พ.ศ. 2143)
เริ่มเมื่อประมำณปี พ.ศ. 1943(ค.ศ. 1400)เมื่อเริ่มมีกำรเปลี่ยนแปลงศิลปะและฟื้นฟูศิลปะโบรำณยุคโรมันและกรีก
แต่ดนตรียังคงเน้นหนักไปทำงศำสนำเพียงแต่เริ่มมีกำรใช้เครื่องดนตรีที่หลำกหลำยขึ้น
ลักษณะของดนตรีในสมัยนี้ยังคงมีรูปแบบคล้ำยยุคกลำงในสมัยศิลป์ ใหม่เพลงร้องยังคงนิยมกัน
แต่เพลงบรรเลงเริ่มมีบทบำทมำกขึ้น
ยุคบาโรค(Baroque)พ.ศ. 2143 -พ.ศ. 2293)
ยุคนี้เริ่มขึ้นเมื่อมีกำรกำเนิดอุปรำกรในประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี พ.ศ.2143 (ค.ศ. 1600)และสิ้นสุดลงเมื่อโยฮันน์เซบำสเทียน
บำค เสียชีวิตลงในปี พ.ศ.2293 (ค.ศ. 1750)แต่บำงครั้งก็นับกันว่ำสิ้นสุดลงในปี พ.ศ.2273 (ค.ศ. 1730)
เริ่มมีกำรเล่นดนตรีเพื่อกำรฟังมำกขึ้นในหมู่ชนชั้นสูงนิยมกำรเล่นเครื่องดนตรีประเภทออร์แกนมำกขึ้น
แต่ก็ยังคงเน้นหนักไปทำงศำสนำนักดนตรีที่มีชื่อเสียงในยุคนี้เช่นบำค วีวัลดีเป็นต้น
ยุคคลาสสิก(Classical)พ.ศ. 2293- พ.ศ. 2363)
เป็นยุคที่มีกำรเปลี่ยนแปลงมำกที่สุดมีกฎเกณฑ์แบบแผนรูปแบบและหลักในกำรเล่นดนตรีอย่ำงชัดเจน
ศูนย์กลำงของดนตรียุคนี้คือประเทศออสเตรียโดยเฉพำะที่กรุงเวียนนำและเมืองมำนไฮม์(Mannheim)
เครื่องดนตรีมีวิวัฒนำกำรมำจนสมบูรณ์ที่สุดเริ่มมีกำรผสมวงที่แน่นอน
คือ วงเชมเบอร์มิวสิกและวงออร์เคสตรำซึ่งในยุคนี้มีกำรใช้เครื่องดนตรีครบทุกประเภท
และยังถือเป็นแบบแผนของวงออร์เคสตรำในปัจจุบันนักดนตรีที่มีชื่อเสียงในยุคนี้เช่น โมซำร์ทเป็นต้น
ยุคโรแมนติก(Romantic)พ.ศ.2363 - พ.ศ.2443)
เป็นยุคที่มีเริ่มมีกำรแทรกของอำรมณ์ในเพลงมีกำรเปลี่ยนอำรมณ์ กำรใช้ควำมดังควำมค่อยที่ชัดเจนทำนองจังหวะ
ลีลำที่เน้นไปยังอำรมณ์ควำมรู้สึกซึ่งต่ำงจำกยุคก่อนๆที่ยังไม่มีกำรใส่อำรมณ์ในทำนองนักดนตรีที่มีชื่อเสียงในยุคนี้
เช่นเบทโฮเฟิน ชูเบิร์ต โชแปง วำกเนอร์ บรำห์มส์ไชคอฟสกี้เป็นต้น
ยุคอิมเพรสชันนิสม์ (Impressionism)พ.ศ.2433 - พ.ศ.2453)
พัฒนำรูปแบบโดยนักดนตรีฝรั่งเศสมีเดอบูว์ซีเป็นผู้นำลักษณะดนตรีของยุคนี้เต็มไปด้วยจินตนำกำรอำรมณ์ที่เพ้อฝัน
ประทับใจ ต่ำงไปจำกดนตรีสมัยโรแมนติกที่ก่อให้เกิดควำมสะเทือนอำรมณ์
ยุคศตวรรษที่ 20 ถึงปัจจุบัน (20th CenturyMusic พ.ศ. 2443 - ปัจจุบัน)
นักดนตรีเริ่มแสวงหำดนตรีที่ไม่ขึ้นกับแนวทำงในยุคก่อนจังหวะในแต่ละห้องเริ่มแปลกไปกว่ำเดิมไม่มีโน้ตสำคัญเกิดขึ้น
(Atonal) ระยะห่ำงระหว่ำงเสียงเริ่มลดน้อยลงไร้ท่วงทำนองแต่นักดนตรีบำงกลุ่มก็หันไปยึดดนตรีแนวเดิม
เรียกว่ำนีโอคลาสสิก(Neo-Classic)นักดนตรีที่มีชื่อเสียงในยุคนี้เช่นอิกอร์ สตรำวินสกี้เป็นต้น
แบ่งตำมประเภทวงที่บรรเลงและประเภทของกำรแสดง
เครื่องดนตรีเดี่ยว
เปียโนสี่มือ,เปียโน
เชมเบอร์มิวสิก
วงดูโอกำรผสมวงดนตรีร่วมกัน2คนเช่น เปียโนกับไวโอลินหรือเปียโนกับนักร้อง
วงทริโอกำรผสมวงดนตรีร่วมกัน3คนเช่นไวโอลิน1,วิโอลำ1, เชลโล่1
วงควอร์เต็ตกำรผสมวงดนตรีร่วมกัน4คน
วงควินเต็ตกำรผสมวงดนตรีร่วมกัน5คนเช่น สตริงควินเต็ต(StringsQuintet)วงจะประกอบด้วยเครื่องสำย5ชิ้นไวโอลิน
2, วิโอลำ2,และเชลโล่1
วงเซ็กซ์เต็ตกำรผสมวงดนตรีร่วมกัน6คน
วงซิมโฟนีออร์เคสตรำ
อุปรำกร
ละครบรอดเวย์
บัลเลต์
ขับร้อง
ขับร้องเดี่ยว
วงขับร้องประสำนเสียง
แบ่งตำมโครงสร้ำงบทเพลง(Form)
คอนแชร์โต -Concerto
ซิมโฟนี -[English:Symphony| French:Symphonie|German:Sinfonia]
โซนำต้ำ-Sonata
ฟิวก์ - Fugue เป็นกำรประพันธ์เพลงที่ได้รับกำรพัฒนำอย่ำงมำกแขนงหนึ่งนิยมในยุคบำโรคจะเริ่มต้นด้วยทำนองที่เรียกว่ำ
Subjectจำกนั้นจะเปลี่ยนแปลงทำนองเรียกว่ำ Answer
พรีลูด-Preludeบทเพลงที่เป็นบทนำดนตรี มักใช้คู่กับเพลงแบบฟิวก์ หรือใช้บรรเลงนำเพลงชุด
สำหรับงำนเปียโนจะหมำยถึงบทเพลงสั้นๆและบำงครั้งมีควำมหมำยเหมือนกับบทเพลงโหมโรงอุปรำกรเช่น
พรีลูดของวำกเนอร์
โอเวอร์เจอร์ - Overture เพลงโหมโรงที่บรรเลงก่อนกำรแสดงอุปรำกรหรือละครรวมถึงประพันธ์ขึ้นเดี่ยวๆ
สำหรับบรรเลงคอนเสิร์ตโดยเฉพำะเรียกว่ำ ConcertOverture
บัลลำด- Balladeเป็นบทประพันธ์ที่ไม่มีกฎเกณฑ์ตำยตัวพบมำกในงำนเปียโน
ลักษณะเหมือนกำรเล่ำเรื่องหรือถ่ำยทอดควำมรู้สึกแบบบทกวี
เอทู๊ด - Etudeเป็นบทประพันธ์เพื่อฝึกหัดกำรบรรเลงด้วยเปียโนหรือไวโอลิน
มำร์ช-March เป็นบทเพลงที่ประพันธ์เพื่อกำรเดินแถวต่อมำพัฒนำไปสู่บทเพลงที่ใช้บรรเลงคอนเสิร์ต
วำริเอชั่น- Variations
แฟนตำเซียหรือฟ็องเตซี - [Italian:Fantasia | French:Fantasy]
น็อคเทิร์น - Nocturne/Notturno เป็นเพลงบรรเลงยำมค่ำคืนมีทำนองเยือกเย็นอ่อนหวำนจอห์นฟิลด์
ริเริ่มประพันธ์สำหรับเปียโนซึ่งต่อมำโชแปงได้พัฒนำขึ้น
มินูเอ็ต - [French:Minuet |Italian:Menuet]
เซเรเนด- Serenadeเพลงขับร้องหรือบรรเลงที่มีทำนองเยือกเย็นอ่อนหวำนมักเป็นบทเพลงที่ผู้ชำยใช้เกี้ยวพำรำสีผู้หญิง
โดยยืนร้องใต้หน้ำต่ำงในยำมค่ำคืน
แคนนอน - Canon เป็นคีตลักษณ์ที่มีแบบแผนแน่นอนมีกำรบรรเลงทำนองและกำรขับร้องที่เหมือนกันทุกประกำร
แต่เริ่มบรรเลงไม่พร้อมกันเรียกอีกชื่อว่ำ Round
แคนแคน - Can-Canเป็นเพลงเต้นรำสไตล์ไนท์คลับของฝรั่งเศสเกิดในช่วงศตวรรษที่19
คำปริซ-Capriceบทบรรเลงสำหรับเครื่องดนตรีที่มีลักษณะอิสระไม่อยู่ในกฎเกณฑ์มักมีชีวิตชีวำ
โพลก้ำ-Polkaเพลงเต้นรำแบบหนึ่งมีกำเนิดมำจำกชนชำติโบฮีเมียน
ตำรันเตลลำ-Tarantellaกำรเต้นรำแบบอิตำเลียนมีจังหวะที่เร็ว
จิก -Gigueเป็นเพลงเต้นรำของอิตำลีเกิดในศตวรรษที่18มักอยู่ท้ำยบทของเพลงประเภทสวีต(Suite)
กำวอท- Gavotte เป็นเพลงเต้นรำของฝรั่งเศสในศตวรรษที่17มีรูปแบบแบบสองตอน (Two-parts)
มักเป็นส่วนหนึ่งของเพลงประเภทสวีต(Suite)
โพโลเนส- Polonaiseเป็นเพลงเต้นรำประจำชำติโปแลนด์เกิดในรำชสำนัก
โชแปงเป็นผู้ประพันธ์เพลงลักษณะนี้สำหรับเปียโนไว้มำก
สวีต- Suiteเพลงชุดที่นำบทเพลงที่มีจังหวะเต้นรำมำบรรเลงต่อกันหลำยๆบทพบมำกในอุปรำกรและบัลเลต์
อำรำเบส- Arabesque เป็นดนตรีที่มีลีลำแบบอำหรับ
ฮิวเมอเรสค์-Humoresqueเป็นบทประพันธ์สั้นๆมีลีลำสนุกสนำนร่ำเริงมีชีวิตชีวำ
ทอคคำต้ำ- Toccataบทเพลงสำหรับเครื่องดนตรีประเภทคีย์บอร์ดมีทำนองที่รวดเร็ว อิสระในแบบฉบับของเคำน์เตอร์พอยท์
บำกำเตล- Bagatelleเป็นคีตนิพนธ์ชิ้นเล็กๆสำหรับเปียโนมีจุดเด่นคือทำนองจำได้ง่ำยเช่นFurElise
ดิแวร์ติเมนโต-Divertimento
บทเพลงทำงศำสนำ-SacredMusic
โมเต็ต- Motet เพลงขับร้องในพิธีกรรมของศำสนำคริสต์ใช้วงขับร้องประสำนเสียงในกำรร้องหมู่
ภำยหลังจึงเริ่มมีเครื่องดนตรีประกอบเสียงร้อง
แพสชั่น -Passion เพลงสวดที่มีเนื้อหำเกี่ยวกับควำมทุกข์ยำกของพระเยซู
ออรำทอริโอ- Oratorioเพลงขับร้อง บทร้องเป็นเรื่องขนำดยำวเกี่ยวกับศำสนำคริสต์มีลักษณะคล้ำยอุปรำกร
แต่ไม่มีกำรแต่งกำยไม่มีฉำกและกำรแสดงประกอบ
คันตำตำ- Cantata เพลงศำสนำสั้นๆมีทั้งร้องในโบสถ์และตำมบ้ำน
แมส - Mass เพลงร้องประกอบในศำสนพิธีของศำสนำคริสต์
เรควีเอ็ม- Requiemเพลงสวดเกี่ยวกับควำมตำย
รายชื่อคีตกวีแบ่งตามยุค
ยุคกลำง
เลโอแนง (Léonin,ประมำณค.ศ.1130-1180)
เพโรแตง(Pérotinหรือ PerotinusMagnus, ประมำณค.ศ.1160-1220)
จำคำโปดำ โบโลนญำ(JacapodaBologna)
ฟรำนเชสโกลำนดินี(FrancescoLandini,ประมำณค.ศ.1325-1397)
กิโยมเดอมำโชต์ (GuillaumedeMachaut,ประมำณค.ศ.1300-1377)
ฟิลิปเปเดอวิทรี (PhillippedeVitry)
โซลำช(Solage)
เปำโลดำ ฟิเรนเซ(Paoloda Firenze)
ยุคเรเนสซองส์
จอห์น ดันสเตเบิล(John Dunstable)
กิโยมดูเฟย์(GuillaumeDufay)
โยฮันเนสโอคีกัม(JohannesOckeghem)
โทมัส ทัลลิส(ThomasTallis)
จอสกินเดส์เพรซ์ (JosquindesPrez)
ยำคอบโอเบร็คท์ (JacobObrecht)
โคลดเลอเชิน (ClaudeLe Jeune)
จิโอวันนี ปิแอร์ลุยจิ ดำ ปำเลสตรินำ(GiovanniPierluigidaPalestrina)
วิลเลียมเบิร์ด(WilliamByrd)
คลอดิโอมอนเทแวร์ดี(ClaudioMonteverdi)
ออร์ลันโด้ ดิ ลัสโซ(OrlandodiLasso)
คำร์โลเกซวลโด(CarloGesualdo)
อำดริออง วิลแลร์ต(Adriane Willaert)
ยุคบำโรค
ดิทริชบุกส์เตฮูเด(DietrighBuxtehude,ประมำณค.ศ.1637-1707)
โยฮันน์ พำเคลเบล(JohannPachelbel,ค.ศ.1653-1706)
อเลสซำนโดสกำร์แลตตี(AlessandoScarlatti,ค.ศ.1660-1725)
อันโตนีโอวีวัลดี(Antonio Vivaldi, ค.ศ.1678-1714)
โยฮันน์ เซบำสเตียนบำค(Johann SebastianBach, ค.ศ. 1685-1750)
เกออร์กฟรีดริคฮันเดล (GeorgFriedrichHändel,ค.ศ. 1685-1759)
ฌอง-แบ๊ปติสต์ ลุลลี่(Jean BaptistLully)
ฌอง ฟิลลิปรำโม(Jean PhillippeRameau)
เกออร์กฟิลลิปเทเลมันน์ (GeorgPhillipTelemann)
เฮ็นรี่ เพอร์เซ็ล(HenryPurcell)
ยุคคลำสสิก
คริสตอฟวิลลิบัลด์กลุ๊ค(Christoph WillibaldGluck,ค.ศ.1750-1820)
ฟรำนซ์โยเซฟไฮเดิน (FranzJoseph Haydn, ค.ศ.1732-1809)
โวล์ฟกังอมำเดอุสโมสำร์ท(WolfgangAmadeusMozart, ค.ศ. 1756-1791)
ลุดวิกฟำนเบโทเฟน (Ludwigvan Beethoven, ค.ศ. 1770-1827)
คำร์ลฟิลลิปเอ็มมำนูเอ็ล บำค (Carl PhillipEmanuelBach)
โยฮันคริสเตียนบำค(Johann ChristianBach)
ยุคโรแมนติก
จิโออัคคิโนรอซสินี (GioacchinoRossini)
ฟรำนซ์ปีเตอร์ ชูเบิร์ต (FranzPeter Schubert)
เอกเตอร์ แบร์ลิออส (Hector Berlioz)
เฟลิกซ์เมนเดลโซห์น-บำร์โธลดี(FelixMendelssohn-Batholdy)
เฟรเดริกฟรองซัวส์โชแปง(FrédéricFrançoisChopin)
นิกโคโลปำกำนินี(NiccolòPaganini)
โรเบิร์ตอเล็กซำนเดอร์ ชูมันน์ (Robert Alexander Schumann)
ฟรำนซ์ลิซท์ (Franz Liszt)
ริชำร์ดวำกเนอร์ (RichardWagner)
จูเซปเป แวร์ดี(GiuseppeVerdi)
เบดริชสเมทำนำ(BedrichSmetana)
โยฮันเนสบรำห์มส์(JohannesBrahms)
จอร์จ บิเซต์ (GeorgesBizet)
ปีเตอร์ อิลยิชไชคอฟสกี (Peter Ilyich Tchaikovsky)
แอนโทนินดโวชำค(Antonín Dvořák)
จิอำโคโมปุชชีนี (GiacomoPuccini)
กุสตำฟมำห์เลอร์ (Gustav Mahler)
เซียร์เกย์รัคมำนีนอฟ(SergejRakhmaninov)
ริชำร์ดสเตรำส์(RichardStrauss)
จีน ซิเบลิอุส (Jean Sibelius)
โยฮันน์ ชเตรำสส์ที่หนึ่งบิดำ (Johann Straussfather)
โยฮันน์ ชเตรำสส์ที่สองบุตร (Johann Straussson)
ฌำร์คออฟเฟนบำค (JacquesOffenbach)
ชำร์ลกูโนด์(CharlesGounod)
อันโตนบรูคเนอร์ (Anton Bruckner)
ฮูโก โวล์ฟ(HugoWolf)
ยุคอิมเพรสชั่นนิสม์
โคล้ดเดอบุซซี (ClaudeDebussy)
มอริซ รำเวล(Maurice Ravel)
ยุคศตวรรษที่20-ปัจจุบัน
ชำร์ลส์ไอฟส์ (CharlesIves)
อำร์โนลด์เชินแบร์ก (Arnold Schoenberg)
คำร์ลออร์ฟ (Carl Orff)
เบลำ บำร์ต็อก(Béla Bartók)
โซลตันโคดำย(ZaltánKodály)
อิกอร์ สตรำวินสกี้(IgorStravinsky)
อันโตนเวเบิร์น(Anton Webern)
อัลบัน แบร์ก (Alban Berg)
เซอร์เก โปรโคเฟียฟ(SergeiProkofiev)
พอล ฮินเดมิธ (PaulHindemith)
จอร์จ เกิร์ชวิน(GeorgeGershwin)
อำรอนคอปแลนด์ (Aaron Copland,ค.ศ.1900-1990)
ดมิทรี ดมิทรีวิชชอสตำโควิช(Dmitri DmitrievichShostakovich, ค.ศ. 1906-1975)
โอลิวิเยร์ เมสเซียง(OlivierMessiaen, ค.ศ.1908-1992)
เอลเลียตคำร์เตอร์ (ElliottCarter, ค.ศ. 1908-ปัจจุบัน)
วิโทลด์ลูโทสลำฟสกี้(WitoldLutoslawski)
จอห์น เคจ (John Cage,ค.ศ. 1912-1992)
ปิแอร์ บูแลซ(Pierre Boulez,ค.ศ. 1925-ปัจจุบัน)
ลูชำโนเบริโอ(LucianoBerio, ค.ศ.1925-2003)
คำร์ลไฮน์สต็อกเฮำเซน(KarlheinzStockhausen,ค.ศ. 1928-2006)
ฟิลิปกลำส(PhilipGlass)
ลุยจิ โนโน(LuigiNono)
ยำนนิสเซนำคิส(IannisXenakis,ค.ศ. 1922-2001)
มิลตันแบ็บบิท (Milton Babbitt)
วอล์ฟกังริห์ม (WolfgangRihm)
อำร์โวแพรท (Arvo Pärt)
โซเฟียกุไบดูลินำ(Sofia Gubaidulina)
Giya Kancheli
ยอร์กี ลิเกตี(György Ligeti)
กชึชตอฟ แปนแดแรตสกี (Krzysztof Penderecki)
ยอร์กี เคอร์ทัค (György Kurtag)
เฮลมุต ลำเคนมำนน์(HelmutLachenmann)
สตีฟไรค์ (Steve Reich)
จอห์น อดัมส์ (John Adams)
John Zorn
โตรุ ทำเคมิตสึ(Toru Takemitsu)
Tan Dun
Chen Yi
UnsukChin
คีตกวีชาวไทยที่ประพันธ์ดนตรีคลาสสิกในปัจจุบันที่มีงานดนตรีออกมาอย่างสม่าเสมอ
ณรงค์ฤทธิ์ธรรมบุตรwww.narongrit.com
วีรชำติเปรมำนนท์
จิรเดชเสตะพันธุ
ณรงค์ปรำงเจริญwww.narongmusic.com
เด่นอยู่ประเสริฐ
ภำธรศรีกรำนนท์
บุญรัตน์ ศิริรัตนพันธboonrut.blogspot.com
วำนิชโปตะวนิช
อภิสิทธ์ วงศ์โชติ
อติภพ ภัทรเดชไพศำล
สุรัตน์เขมำลีลำกุล
นบ ประทีปะเสน
สิรเศรษฐปันฑุรอัมพรwww.pantura-umporn.com
วิบูลย์ตระกูลฮุ้น
อโนทัย นิติพล
ยังไม่ได้จัดหมวดหมู่
เอริก ซำที (ErikSatie)
คำร์ลเซอร์นี (Carl Czerny)
โยฮันน์ ฟรีดริคฟรำนซ์เบิร์กมุลเลอร์ (JohannFriedrichFranzBurgmüller)
ฟรำนซิสปูเลงค์ (FrancisPoulenc)
คีตกวีเอกของโลก
โยฮันน์ เซบำสเตียนบำค(Johann Sebastian Bach)
ลุดวิจฟำนเบโทเฟน(Ludwig van Beethoven)
โวล์ฟกังอะมำเดอุสโมซำร์ท(Wolfgang Amadeus Mozart)
เฟรเดริกฟรองซัวส์โชแปง(Frédéric François Chopin)
โรเบิร์ตอะเล็กซำนเดอร์ ชูมันน์ (Robert Alexander Schumann)
ฟรำนซ์ปีเตอร์ ชูเบิร์ต (Franz Peter Schubert)
อำนโตนิโอวิวัลดิ(Antonio Vivaldi)
ริชำร์ดวำกเนอร์ (Richard Wagner)
ปีเตอร์ ไชคอฟสกี้(Peter Tchaikovsky)
โยฮันน์ สเตรำส์บิดำ(Johann Strauss father)
โยฮันน์ สเตรำส์บุตร(Johann Strauss son)
โยฮันเนสบรำห์ม (Johannes Brahms)
จอร์จ เฟรดริกฮันเดล(Georg Friedrich Händel)
เอริก ซำที (ErikSatie)
อิกอร์ สตรำวินสกี้(IgorStravinsky)
เอกเตอร์ แบร์ลิออส (Hector Berlioz)
จอร์เจอส์ บิเซท (Georges Bizet)
เบลำ บำร์ต็อก(Béla Bartók)
คำร์ลเซอร์นี (Carl Czerny)
แอนโทนินดโวชำค(Antonín Dvořák)
โคล้ดเดอบุซซี (Claude Debussy)
เบิร์กมุลเลอร์ (Johann Friedrich Franz Burgmüller)
ชำร์ลสกูนอด (Charles Gounod)
ฟรำนซ์โจเซฟ ไฮเดิน (Franz Joseph Haydn)
ฟร้ำนซ์ลิซท์ (Franz Liszt)
คำร์ลออร์ฟ (Carl Orff)
ชำคส์ออฟเฟนบำค (Jacques Offenbach)
จิอำโคโมปุชชินี (Giacomo Puccini)
ฟรำนซิสปูเลงค์ (Francis Poulenc)
จูเซปเป เวอร์ดิ(Giuseppe Verdi)
ดิมิทรี ดิมิทรีวิชชอสตำโกวิช(Dimitri Shostakovich)
กุสตำฟมำห์เลอร์ (GustavMahler)
สก็อต จอปลิน (Scott Joplin)
อำนโตนิโอซำลิเอรี (Antonio Salieri)
เซียร์เกย์รัคมำนีนอฟ(Sergei Rachmaninoff)
โยฮันน์เซบาสเตียนบาค
โยฮันน์ เซบำสเตียนบำค,ปี พ.ศ. 2291 วำดโดยอีเลียสก็อตลอบเฮำส์มันน์ (EliasGottlobHaussmann)
โยฮันน์ เซบาสเตียนบาค (เยอรมัน:JohannSebastianBach)เป็นคีตกวีและนักออร์แกนชำวเยอรมันเกิดเมื่อวันที่21
มีนำคมพ.ศ. 2228(ค.ศ. 1685)ในครอบครัวนักดนตรี
ที่เมืองไอเซนัค บำคแต่งเพลงไว้มำกมำยโดยดั้งเดิมเป็นเพลงสำหรับใช้ในโบสถ์ เช่น"แพชชั่น"บำคถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 28
กรกฎำคมพ.ศ.2293 ที่เมืองไลพ์ซิจ
บำคเป็นนักประพันธ์ดนตรีสมัยบำโรคเขำสร้ำงดนตรีของเขำจนกลำยเป็นเอกลักษณ์ของยุคสมัย
บำคมีอิทธิพลอย่ำงสูงและยืนยำวต่อกำรพัฒนำดนตรีตะวันตกแม้แต่นักประพันธ์เพลงผู้ยิ่งใหญ่เช่นโมซำร์ทและเบโทเฟนยัง
ยอมรับบำคในฐำนะปรมำจำรย์
งำนของบำคโดดเด่นในทุกแง่ทุกมุม
ด้วยควำมพิถีพิถันของบทเพลงที่เต็มไปด้วยท่วงทำนองเสียงประสำนหรือเทคนิคกำรสอดประสำนกันของท่วงทำนองต่ำง
ๆรูปแบบที่สมบูรณ์แบบ เทคนิคที่ฝึกฝนมำเป็นอย่ำงดีกำรศึกษำค้นคว้ำแรงบันดำลใจอันเต็มเปี่ยม
รวมทั้งปริมำณของบทเพลงที่แต่งทำให้งำนของบำคหลุดจำกวงจรทั่วไปของงำนสร้ำงสรรค์ที่ปกติแล้วจะเริ่มต้น
เจริญเติบโตถึงขีดสุดแล้วเสื่อมสลำยนั่นคือไม่ว่ำจะเป็นเพลงที่บำคได้ประพันธ์ไว้ตั้งแต่วัยเยำว์
หรือเพลงที่ประพันธ์ในช่วงหลังของชีวิตนั้นจะมีคุณภำพทัดเทียมกัน
§ประวัติ
§ไอเซอบำค
บำคถือกำเนิดในครอบครัวนักดนตรีที่ยึดอำชีพนักดนตรีประจำรำชสำนัก
ประจำเมืองและโบสถ์ในมณฑลทูรินจ์มำหลำยชั่วอำยุซึ่งก็นับได้ว่ำโยฮันน์เซบำสเตียนบำคเป็นรุ่นที่ห้ำแล้ว
หำกจะนับกันตั้งแต่บรรพบุรุษที่บำครู้จักนั่นคือนำยเวียตบำคผู้มีชีวิตในคริสต์ศตวรรษที่
16ในฐำนะเจ้ำของโรงโม่และนักดนตรีสมัครเล่นในฮังกำรี ตั้งแต่บำคเกิด
สมำชิกครอบครับบำคที่เล่นดนตรีมีจำนวนหลำยสิบคน
ทำให้ตระกูลบำคกลำยเป็นครอบครัวนักดนตรีที่สำคัญและเป็นที่รู้จักมำกที่สุดในประวัติศำสตร์ดนตรีตะวันตก
บำคได้รับกำรศึกษำทำงดนตรีจำกบิดำคือโยฮันน์อัมโบรซิอุส นักไวโอลินเมื่ออำยุได้สิบปี
เขำก็ต้องสูญเสียทั้งมำรดำและบิดำในเวลำที่ห่ำงกันเพียงไม่กี่เดือนทำให้เขำต้องอยู่ในควำมอุปกำระของพี่ชำยคนโต โยฮันน์
คริสตอฟ บาคผู้เป็นศิษย์ของโยฮันน์พำเคลเบล
และมีอำชีพเป็นนักเล่นออร์แกนในเมืองโอร์ดรุฟในขณะที่รับกำรศึกษำด้ำนดนตรีไปด้วยโยฮันน์
เซบำสเตียนได้แสดงให้เห็นควำมเป็นอัจฉริยะทำงดนตรี
รวมทั้งยังช่วยครอบครัวหำเงินโดยกำรเป็นนักร้องในวงขับร้องประสำนเสียงของครอบครัว
และยังชอบคัดลอกงำนประพันธ์และศึกษำผลงำนของนักประพันธ์อื่นๆ
ที่เขำสำมำรถพบหำได้อีกด้วยเช่นกันกับทุกคนที่ชื่นชอบนักดนตรีเอกของโลกอย่ำงโยฮันน์เซบำสเตียนบำค
§ลือเนอบูร์ก
ทรัพย์สินเงินทองของพี่ชำยชองโยฮันน์เซบำสเตียนมีจำกัดอีกทั้งพี่ชำยยังมีครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดูรำวปี พ.ศ.2243(ค.ศ.
1700)โยฮันน์เซบำสเตียนก็ได้รับกำรตอบรับให้เข้ำเรียนที่โรงเรียนในโบสต์(ลำมิคำเอลิสสกูล)
ที่เมืองลูนเบิร์กซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ห่ำงออกไปทำงเหนือรำว200กิโลเมตร
ซึ่งเขำต้องเดินทำงด้วยเท้ำไปเข้ำเรียนที่นั่นพร้อมกับเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งนอกเหนือจำกกำรเรียนดนตรีแล้ว
เขำยังได้ยังได้เรียนวำทศิลป์ ตรรกศำสตร์ ภำษำละตินภำษำกรีกและภำษำฝรั่งเศสเขำยังได้ทำควำมรู้จักกับจอร์จ
เบอห์ม นักดนตรีของโจฮันเนส เคียร์ชและศิษย์ของโยฮันน์ อำดัม
เรนเคนนักเล่นออร์แกนคนดังของนครฮัมบูร์กเรนเคนนี่เองที่เป็นคนสอนเขำเกี่ยวกับรูปแบบดนตรีของเยอรมนีตอนเหนือ
ที่ลือเนบวร์กเขำยังได้รู้จักกับนักดนตรีชำวฝรั่งเศสอพยพโดยเฉพำะอย่ำงยิ่งโธมำส์เดอลำ
เซลล์ศิษย์ของลุลลีและด้วยกำรได้สัมผัสกับวัฒนธรรมทำงดนตรีในอีกรูปแบบ
เขำได้คัดลอกบทเพลงสำหรับออร์แกนของนิโกลำส์เดอกรินยีและเริ่มติดต่อทำงจดหมำยกับฟร็องซัวส์คูเปอแรง
บำคศึกษำและวิเครำะห์โน้ตแผ่นของนักดนตรีที่มีชื่อเสียงด้วยควำมละเอียดรอบคอบ
ควำมสนอกสนใจและควำมอยำกรู้อยำกเห็นของเขำมีมำก
กระทั่งว่ำเขำยอมเดินเท้ำไปหลำยสิบกิโลเมตรเพื่อจะฟังกำรแสดงของนักดนตรีดังเป็นต้นว่ำจอร์จโบห์มโยฮันน์อำดัม
เรนเคนและวินเซนต์ลึบเบ็ค และแม้กระทั่งดีทริชบุกซ์เตฮูเด้ ผู้ซึ่งโด่งดังกว่ำมินิกิปปิ
§อำร์นชตัดท์[แก้]
ในปีพ.ศ. 2246 (ค.ศ.1703)
บำคได้กลำยเป็นนักเล่นออร์แกนประจำเมืองอำร์นสตัดต์เขำเริ่มมีชื่อเสียงอย่ำงรวดเร็วในฐำนะนักดนตรีเอก
และนักดนตรีที่เล่นสดได้โดยไม่ต้องดูโน้ต
§มึลเฮำเซ่น[แก้]
ตั้งแต่ปีพ.ศ.2250(ค.ศ.1707)ถึง พ.ศ.2251(ค.ศ.1708)
เขำได้เป็นนักเล่นออร์แกนประจำเมืองมุห์ลโฮเซนบำคได้ประพันธ์เพลงแคนตำตำบทแรกขึ้น
ซึ่งเป็นบทนำก่อนที่เขำจะเริ่มประพันธ์บทเพลงทำงศำสนำอันยิ่งใหญ่อลังกำร
และเขำยังได้ประพันธ์บทเพลงสำหรับบรรเลงด้วยออร์แกนเพิ่มเติมด้วยอันเป็นผลงำนที่ยืนยันถึงควำมอัจฉริยะควำมลึกซึ้ง
และควำมงำมอันบริสุทธิ์ของเขำทำให้บำคกลำยเป็นนักดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกำลในบรรดำบทเพลงทำงศำสนำแล้ว
ตลอดชั่วชีวิตของบำคเขำได้ใช้เวลำกับกำรประพันธ์เพลงคันตำต้ำร่วมห้ำปี หรือกว่ำสำมร้อยชิ้น
ในบรรดำบทเพลงรำวห้ำสิบชิ้นที่สูญหำยไปนั้นส่วนใหญ่เป็นเพลงที่ถูกประพันธ์ขึ้นในช่วงเวลำดังกล่ำว
§ไวมำร์[แก้]
ในระหว่ำงปี พ.ศ. 2251ถึง พ.ศ. 2260บำคดำรงตำแหน่งนักเล่นออร์แกนและนักไวโอลินเดี่ยวมือหนึ่ง
ประจำวิหำรส่วนตัวของดยุคแห่งไวมำร์ ทำให้เขำมีทั้งออร์แกนเครื่องดนตรีและนักร้องประจำวงในครอบครอง
ช่วงเวลำดังกล่ำวเป็นช่วงเวลำแห่งกำรสร้ำงสรรค์ผลงำนของบำคมำกมำย
ไม่ว่ำจะเป็นเพลงบรรเลงด้วยออร์แกนคันตำต้ำเพลงสำหรับฮำร์ปซิคอร์ดที่ได้แรงบันดำลใจมำจำกปรมำจำรย์ทำงดนตรีชำวอิ
ตำเลียนทั้งหลำย
§เคอเท่น[แก้]
ระหว่ำงปี พ.ศ. 2260(ค.ศ.1717)ถึง พ.ศ. 2266(ค.ศ.1723)
เขำได้ตำรงตำแหน่งผู้ดูแลวิหำรประจำรำชสำนักของเจ้ำชำยอำนฮัลต์-เคอเธ่น
เจ้ำชำยเป็นนักดนตรีและนักเล่นฮำร์ปซิคอร์ดช่วงเวลำอันแสนสุขของกำรเติบโตในหน้ำที่กำรงำน
ได้เป็นแรงผลักดันให้เขำประพันธ์ผลงำนที่ยิ่งใหญ่มำกมำย
สำหรับบรรเลงด้วยลิวต์(Lute)ฟลู้ตไวโอลิน(โซนำตำและบทเพลงสำหรับเดี่ยวไวโอลิน)ฮำร์ปซิคอร์ด(หนังสือเว็ลเท็มเปอร์คล
าเวียร์ เล่มที่สอง)เชลโล(สวีทสำหรับเดี่ยวเชลโล)และบทเพลงบรันเด็นเบอร์กคอนแชร์โต้ หกบท
§ไลป์ ซิก
ระหว่ำงปี พ.ศ. 2268(ค.ศ.1725)ถึง พ.ศ.2293(ค.ศ.1750)หรือเป็นระยะเวลำกว่ำ25ปีที่บำคพำนักอยู่ที่เมืองไลพ์ซิจ
บำคได้สืบทอดตำแหน่งผู้อำนวยกำรดนตรีของโบสถ์เซนต์โธมัสในนิกำยลูเธอรันต่อจำกโยฮันน์
คูห์นำวเขำเป็นครูสอนดนตรีและภำษำละตินแต่ก็ยังต้องประพันธ์เพลงจำนวนมำกให้กับโบสถ์
โดยมีบทเพลงคันตำต้ำ(Cantata)ทุกวันอำทิตย์และวันนักขัตฤกษ์ในขณะดำรงตำแหน่งนี้เขำได้ประพันธ์คันตำต้ำไว้กว่ำ
126 บท แต่บทเพลงดังกล่ำวมักจะไม่ได้รับกำรถ่ำยทอดออกมำอย่ำงที่ควรเนื่องจำกขำดแคลนเครื่องดนตรี
และนักดนตรีที่มีฝีมือ
บำคได้ใช้แนวทำงเดิมในกำรประพันธ์บทเพลงใหม่ๆแต่ควำมเป็นอัจฉริยะควำมคิดสร้ำงสรรค์
และควำมฉลำดของเขำทำให้ผลงำนทุกชิ้นมีเอกลักษณ์
และถูกนับเป็นหนึ่งในผลงำนยอดเยี่ยมแห่งประวัติศำสตร์ดนตรีตะวันตกโดยเฉพำะ"เซนต์แมทธิวแพชชั่น""แมส
ในบันไดเสียงบีไมเนอร์""เว็ลเท็มเปอร์คลาเวียร์""มิวสิกคัล ออฟเฟอริ่ง"ดนตรีของบำคหลุดพ้นจำกรูปแบบทั่วไป
โดยที่เขำได้ใช้ควำมสำมำรถของเขำอย่ำงเต็มพิกัดและถ่ำยทอดออกมำเป็นบทเพลงจนถึงขีดสุดของควำมสมบูรณ์แบบ
§มรดกทำงดนตรี
เมื่อโยฮันน์ เซบำสเตียนบำค ดนตรีบำโรคได้ถึงจุดสุดยอดและถึงกำลสิ้นสุดในเวลำอันรวดเร็วหลังจำกกำรเสียชีวิตของบำค
ดนตรีของเขำได้ถูกลืมไปเนื่องด้วยเพรำะมันล้ำสมัยไปแล้ว
เช่นเดียวกับเทคนิคกำรสอดประสำนกันของท่วงทำนองต่ำงๆที่เขำพัฒนำให้มันสมบูรณ์แบบอย่ำงหำใดเทียมทำน
บุตรชำยที่เขำได้ฝึกสอนดนตรีไว้ ไม่ว่ำจะเป็นวิลเฮ็ล์มฟรีดมำนน์บำคคำร์ลฟิลลิปเอ็มมำนูเอ็ล บำค โยฮันน์คริสตอฟ
ฟรีดริชบำคและ โยฮันน์คริสเตียนบำคได้รับถ่ำยทอดพรสวรรค์บำงส่วนจำกบิดำและได้รับถ่ำยทอดเทคนิคกำรเล่นจำกบำค
ก็ได้ทอดทิ้งแนวทำงดนตรีของบิดำเพื่อไปสนใจกับแนวดนตรีที่ทันสมัยกว่ำในที่สุด
เช่นเดียวกับนักดนตรีร่วมสมัยเดียวกันกับบำค(เป็นต้นว่ำ เกออร์กฟิลลิปเทเลมันน์ผู้มีอำยุแก่กว่ำบำคสี่ปี
ก็ได้รับอิทธิพลจำกดนตรีที่ทันสมัยกว่ำ)
ปรำกฏกำรณ์นิยมแนวดนตรีใหม่นี้ก็เกิดกับ[[]]เช่นกันจนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อบำรอนฟำนสวีเทน
ผู้หลงใหลในดนตรีบำโรคและมีห้องสมุดส่วนตัวสะสมบทเพลงบำโรคไว้เป็นจำนวนมำก
ได้ให้โมซำร์ทชมผลงำนอันยิ่งใหญ่ของบำคบำงส่วนทำให้ควำมมีอคติต่อดนตรีบำโรคของโมซำร์ทนั้นถูกทำลำยไปสิ้น
จนถึงขั้นไม่สำมำรถประพันธ์ดนตรีได้ตลอดช่วงระยะเวลำหนึ่งเมื่อเขำสำมำรถยอมรับมรดกทำงดนตรีของบำคได้แล้ว
วิธีกำรประพันธ์ดนตรีของเขำก็เปลี่ยนไปรำวกับว่ำบำคมำเติมเต็มรูปแบบทำงดนตรีให้แก่เขำ
โดยที่ไม่ต้องละทิ้งรูปแบบส่วนตัวแต่อย่ำงใด
ตัวอย่ำงผลงำนของโมซำร์ทที่ได้รับอิทธิพลของบำคก็เช่น"เพลงสวดศพเรเควียม""ซิมโฟนีจูปิเตอร์"ซึ่งท่อนที่สี่เป็นฟิวก์ห้ำเสียง
ที่ประพันธ์ขึ้นโดยใช้เทคนิคกำรสอดประสำนกันของท่วงทำนองต่ำงๆรวมทั้งบำงส่วนของอุปรำกรเรื่อง"ขลุ่ยวิเศษ"
ลุดวิกฟำนเบโทเฟนรู้จักบทเพลงสำหรับคลำวิคอร์ดของบำคเป็นอย่ำงดีจนสำมำรถบรรเลงบทเพลงส่วนใหญ่ได้ขึ้นใจ
ตั้งแต่วัยเด็ก
สำหรับประชำชนทั่วไปแล้วควำมเป็นอัจฉริยะของบำคไม่ได้เป็นที่รู้จักต่อสำธำรณชนจนกระทั่งในคริสต์ศตวรรษที่
19 อันเนื่องมำจำกควำมพยำยำมของเฟลิกซ์เม็นเดลโซห์นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้อำนวยกำรดนตรีที่โบสถ์เซนต์โธมัส
แห่งเมืองไลพ์ซิจนับแต่นั้นเป็นต้นมำ ผลงำนของบำคที่ยืนยงคงกระพันต่อกำรเปลี่ยนแปลงของรสนิยมทำงดนตรี
ก็ได้กลำยเป็นหลักอ้ำงอิงที่มิอำจหำผู้ใดเทียมทำนได้ในบรรดำผลงำนดนตรีตะวันตก
ในช่วงคริสต์ทศวรรษที่30ที่เมืองไลพ์ซิจคำร์ลสโตรปได้คิดค้นวิธีบรรเลงบทเพลงของบำคในรูปแบบใหม่
โดยกำรใช้เครื่องดนตรีที่มีประสิทธิภำพมำกกว่ำ
และใช้วงขับร้องประสำนเสียงในแบบที่ยืดหยุ่นกว่ำที่บรรเลงและขับร้องกันในคริสต์ศตวรรษที่
19 เขำยังได้บรรเลงบทเพลงทำงทฤษฎีเป็นต้นว่ำ อาร์ต ออฟฟิวก์ (โดยใช้วงดุริยำงค์ประกอบด้วย)
ผลสัมฤทธิ์ของแนวทำงใหม่นี้ได้เห็นเป็นรูปธรรมในคริสต์ทศวรรษที่50โดยมีนักดนตรีอย่ำงกุสตำฟ
เลออนฮำร์ทและบรรดำลูกศิษย์ลูกหำของเขำรวมถึงนิโคเลำส์อำร์นองกูต์โดยที่กุสตำฟเลออนฮำร์ทและนิโคเลำส์
อำร์นองกูต์เป็นนักดนตรีคนแรกๆที่บันทึกเสียงบทเพลงคันตำต้ำของบำคครบทุกบท
แม้ว่ำดนตรีของบำคจะถูกตีควำมในลักษณะอื่นเช่นแจ๊ส (บรรเลงโดยฌำคลูสิเยร์(JaquesLoussier)หรือเวนดี คำร์ลอส)
บรรเลงโดยใช้เครื่องดนตรีประเภทอื่นหรือถูกดัดแปลงเป็นแจ๊สมันก็ยังคงเอกลักษณ์เดิมไว้
รำวกับว่ำโครงสร้ำงของบทเพลงที่โดดเด่นทำให้สิ่งอื่นๆกลำยเป็นแค่ส่วนประกอบเท่ำนั้น
มำร์เซลดูเปรสำมำรถบรรเลงบทเพลงทุกบทของบำคด้วยออร์แกนได้อย่ำงขึ้นใจเช่นเดียวกับเฮลมุท
วำลคำนักเล่นออร์แกนชำวเยอรมันผู้ที่ตำบอดตั้งแต่เกิดแต่ก็ได้หัดเล่นเพลงของบำคโดยอำศัยกำรฟังอย่ำงตั้งอกตั้งใจ
§แนวคิด
«บำคเป็นคนประเภทที่เห็นคนอื่นๆเป็นเพียงเด็กน้อยในสำยตำของเขำ »โรเบิร์ตอเล็กซำนเดอร์ ชูมันน์
«หำกไม่มีบำคเทววิทยำคงขำดเป้ ำหมำยกำรสร้ำงโลกของพระเจ้ำกลำยเป็นเพียงตำนำน
และควำมว่ำงเปล่ำกลำยเป็นสิ่งที่ไม่อำจปฏิเสธได้»,«หำกมีใครสักคนที่เป็นหนี้บุญคุณบำคทุกอย่ำง
นั่นคงเป็นพระเจ้ำ»,ซิโอร็อง, Syllogismesde l'amertume สำนักพิมพ์กัลลิมำร์
«ดนตรีของบำคมีแนวโน้มจะกลำยเป็นสิ่งมีชีวิตมีชีพจรและอำรมณ์ควำมรู้สึก»ปิแอร์ วิดำล
«มีบำคก่อน...แล้วจึงมีคนอื่นๆตำมมำ »พำโบลคำซำลส์
«ถึงแม้ข้ำพเจ้ำจะมีควำมรักในศิลปินคนอื่น–ไม่ได้รักเบโทเฟนและโมซำร์ทน้อยไปกว่ำกัน–
ข้ำพเจ้ำก็ไม่อำจเห็นด้วยกับคำกล่ำวของคำซำลส์ได้ บำคโดดเด่นกว่ำพวกเขำเหล่ำนั้นทั้งหมด »ปอล โทเทลลิเยร์
§บทประพันธ์ที่สาคัญ
คันตาต้า BWV 4, BWV 6, BWV 78, BWV 106, BWV 140, BWV 136, BWV 198, BWV 146, BWV 177,BWV 127,
BWV 35, BWV 51, BWV 56, BWV 82, BWV 201, BWV 205, BWV 208, BWV 211, BWV 212.
BWV 245;
เซนต์แมทธิวแพชชั่น,BWV 244 ;
แมส ในบันไดเสียงบีไมเนอร์,BWV 232 ;
คริสต์มาส โอราทอริโอ,BWV 248 ;
มักนิฟิคัท, BWV 243 ;
โมเต็ต,BWV 225 ถึง BWV 231 ;
ท็อคคาต้า และ ฟิวก์ ในบันไดเสียง ดีไมเนอร์ สาหรับออร์แกน, BWV 565 และบทเพลงพรีลูดแอนด์ฟิวก์อีกหลำยบท
เป็นต้นว่ำBWV 542,543, 544,545,582;
โกลด์แบร์ก วาริเอชั่น,BWV 988 ;
พาร์ติต้าหกบทสาหรับคลาวิคอร์ด,BWV 825 ถึง BWV 830 ;
อินเวนชั่นและซิมโฟนี,BWV 772 ถึง BWV 801 ;
อินเวนชั่น, BWV772 : สื่อ:Bach-invention-01.mid
ซิมโฟนี,BWV 787 : สื่อ:Bwv787.mid
เว็ลเท็มเพปร์คลาเวียร์,BWV 846 ถึง BWV 893 ;
พรีลูดหมายเลข1,BWV 846: สื่อ:Wtk1-prelude1.mid
โซนาต้า และพาร์ติต้าสาหรับเดี่ยวไวโอลิน,BWV 1001 ถึง BWV 1006;
สวีทสาหรับเดี่ยวเชลโล,BWV 1007 ถึง BWV 1012;
สวีทสาหรับเดี่ยวเชลโล,BWV1008,โน้ตแผ่น: http://wikisource.org/wiki/Suite_pour_violoncelle%2C_II#Courante
โซนาต้าสาหรับฟลู้ต,BWV 1013,BWV 1020, BWV 1030 ถึง BWV 1035 ;
บรันเด็นเบอร์ก คอนแชร์โต หกบท, BWV 1046 ถึง BWV 1051 ;
คอนแชร์โตสาหรับไวโอลิน,BWV 1041,BWV 1042,BWV 1043 ;
คอนแชร์โตสาหรับฮาร์ปซิคอร์ด,BWV 1052 ถึง BWV 1065 ;
สวีทสาหรับออร์เคสตร้า,BWV 1066 ถึง BWV 1070 ;
มิวสิกคัล ออฟเฟอริ่ง,BWV 1079;
อาร์ต ออฟ ฟิวก์,BWV 1080;
Violin Sonata No. 1 in G minor(BWV1001)ในลำยมือของบำค
§การจัดเรียงผลงานการประพันธ์
ผลงำนดนตรีของบำคเรียงลำดับตัวเลขตำมหลังคำว่ำBWVซึ่งเป็นตัวย่อของ Bach Werke Verzeichnis
แปลว่ำแคตตาล็อกผลงานของบาคตีพิมพ์ขึ้นในปี ค.ศ.1950 เรียบเรียงโดยโวล์ฟกังชมีเดอร์ (WolfgangSchmieder).
แคตตำล็อกนี้ไม่ได้ถูกเรียงลำดับตำมเวลำที่ประพันธ์แต่เรียงตำมลักษณะของบทประพันธ์.เช่น BWV 1-224
เป็นผลงำนคันตำต้ำ,BWV225–48เป็นผลงำนสำหรับกลุ่มนักร้องประสำนเสียง,BWV250–524
เป็นผลงำนขับร้องและดนตรีศำสนำ,BWV525–748 เป็นผลงำนสำหรับออร์แกน,BWV772–994
เป็นผลงำนสำหรับเครื่องดนตรีคีย์บอร์ด,BWV995–1000เป็นผลงำนสำหรับลิวท์,BWV1001–40
เป็นผลงำนดนตรีเชมเบอร์(chambermusic),BWV1041–71เป็นผลงำนสำหรับวงดุริยำงค์และBWV1072–1126
เป็นผลงำนแคนนอนและ ฟิวก์ ในขั้นตอนกำรจัดเรียงแคตตำล็อกนี้ชมีเดอร์เรียบเรียงตำมBachGesellschaftAusgabe
ที่เป็นผลงำนของบำคแบบครบถ้วนที่ตีพิมพ์ขึ้นในระหว่ำงปี ค.ศ.1850-1905.
ลุดวิจ ฟาน เบโทเฟน
ลุดวิจฟำนเบทโฮเฟินใน ค.ศ. 1820
ลุดวิจ ฟานเบทโฮเฟิ น (เยอรมัน:Ludwigvan Beethoven, เสียงอ่ำน:[ˈluːtvɪç fan ˈbeːt.hoːfn̩]; 16 ธันวำคมค.ศ.
1770 -26 มีนำคม ค.ศ. 1827)เป็นคีตกวีและนักเปียโนชำวเยอรมันเกิดที่เมืองบอนน์ประเทศเยอรมนี
เบทโฮเฟินเป็นตัวอย่ำงของศิลปินยุคโรแมนติกผู้โดดเดี่ยวและไม่เป็นที่เข้ำใจของบุคคลในยุคเดียวกันกับเขำ
ในวันนี้เขำได้กลำยเป็นคีตกวีที่มีคนชื่นชมยกย่องและฟังเพลงของเขำกันอย่ำงกว้ำงขวำงมำกที่สุดคนหนึ่ง
ตลอดชีวิตของเขำมีอุปสรรคนำนัปกำรที่ต้องฝ่ ำฟันทำให้เกิดควำมเครียดสะสมในใจเขำในรูปภำพต่ำงๆที่เป็นรูปเบทโฮเฟิน
สีหน้ำของเขำหลำยภำพแสดงออกถึงควำมเครียดแต่ด้วยจิตใจที่แข็งแกร่งของเขำก็สำมำรถเอำชนะอุปสรรคต่ำงๆ
ในชีวิตของเขำได้ ตำนำนที่คงอยู่นิรันดร์เนื่องจำกได้รับกำรยกย่องจำกคีตกวีโรแมนติกทั้งหลำย
เบทโฮเฟินได้กลำยเป็นแบบอย่ำงของพวกเขำเหล่ำนั้นด้วยควำมเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียมทำน ซิมโฟนีของเขำ
(โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งซิมโฟนีหมำยเลข5ซิมโฟนีหมำยเลข6ซิมโฟนีหมำยเลข7 และ ซิมโฟนีหมำยเลข9)
และคอนแชร์โตสำหรับเปียโนที่เขำประพันธ์ขึ้น(โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งคอนแชร์โตหมำยเลข4และหมำยเลข5)
เป็นผลงำนที่ได้รับควำมนิยมมำกที่สุดแต่ก็
มิได้รวมเอำควำมเป็นอัจฉริยะทั้งหมดของคีตกวีไว้ในนั้น
§ประวัติ[แก้]
บ้ำนเกิดของเบทโฮเฟินที่เมืองบอนน์ ภำพวำดลุดวิจฟำนเบทโฮเฟินในค.ศ. 1783
ภำพวำดลุดวิจฟำนเบทโฮเฟินในค.ศ. 1803
ภำพวำดลุดวิจฟำนเบทโฮเฟินในค.ศ. 1815
ภำพวำดลุดวิจฟำนเบทโฮเฟินในค.ศ. 1823
ลุดวิจฟำนเบโธเฟนเกิดที่เมืองบอนน์(ประเทศเยอรมนี)เมื่อวันที่ 16 ธันวำคมค.ศ. 1770 และได้เข้ำพิธีศีลจุ่มในวันที่17
ธันวำคมค.ศ. 1770เป็นลูกชำยคนรองของโยฮันน์ฟำนเบโธเฟน(Johannvan Beethoven) กับ มำเรียมักเดเลนำเคเวริค
(Maria MagdelenaKeverich) ขณะที่เกิดบิดำมีอำยุ30ปี และมำรดำมีอำยุ26ปี ชื่อต้นของเขำเป็นชื่อเดียวกับปู่
และพี่ชำยที่ชื่อลุดวิจเหมือนกันแต่เสียชีวิตตั้งแต่อำยุยังน้อยครอบครัวของเขำมีเชื้อสำยเฟลมิช
(จำกเมืองเมเชเลนในประเทศเบลเยียม)ซึ่งก็เป็นเหตุผลว่ำเหตุใด
นำมสกุลของเขำจึงขึ้นต้นด้วยฟานไม่ใช่ฟอน ตำมที่หลำยคนเข้ำใจ
บิดำเป็นนักนักร้องในคณะดนตรีประจำรำชสำนักและเป็นคนที่ขำดควำมรับผิดชอบซ้ำยังติดสุรำ
รำยได้เกินครึ่งหนึ่งของครอบครัวถูกบิดำของเขำใช้เป็นค่ำสุรำทำให้ครอบครัวยำกจนขัดสน
บิดำของเขำหวังจะให้เบโธเฟนได้กลำยเป็นนักดนตรีอัจฉริยะอย่ำง โมสำร์ทนักดนตรีอีกคนที่โด่งดังในช่วงยุคที่เบทโฮเฟินยังเด็
ก จึงเริ่มสอนดนตรีให้ในค.ศ. 1776 ขณะที่เบทโฮเฟินอำยุ5ขวบ
แต่ด้วยควำมหวังที่ตั้งไว้สูงเกินไป(ก่อนหน้ำเบโธเฟนเกิดโมสำร์ทสำมำรถเล่นดนตรีหำเงินให้ครอบครัวได้ตั้งแต่อำยุ6ปี
บิดำของเบโธเฟนตั้งควำมหวังไว้ให้เบโธเฟนเล่นดนตรีหำเงินภำยในอำยุ6ปีให้ได้เหมือนโมสำร์ท)
ประกอบกับเป็นคนขำดควำมรับผิดชอบเป็นทุนเดิมทำให้กำรสอนดนตรีของบิดำนั้นเข้มงวดโหดร้ำยทำรุณเช่น
ขังเบโธเฟนไว้ในห้องกับเปียโน1หลัง , สั่งห้ำมไม่ให้เบโธเฟนเล่นกับน้องๆเป็นต้นทำให้เบทโฮเฟินเคยท้อแท้กับเรื่องดนตรี
แต่เมื่อได้เห็นสุขภำพมำรดำที่เริ่มกระเสำะกระแสะด้วยวัณโรคก็เกิดควำมพยำยำมสู้เรียนดนตรีต่อไป
เพื่อหำเงินมำสร้ำงควำมมั่นคงให้ครอบครัว
ค.ศ. 1777เบทโฮเฟินเข้ำเรียนโรงเรียนสอนภำษำละตินสำหรับประชำชนที่เมืองบอนน์
ค.ศ. 1778กำรฝึกซ้อมมำนำนสองปีเริ่มสัมฤทธิ์ผล
เบโธเฟินสำมำรถเปิดคอนเสิร์ตเปียโนในที่สำธำรณะได้เป็นครั้งแรกในเดือนมีนำคมขณะอำยุ7ปี 3 เดือนที่เมืองโคโลญจน์
(Cologne)แต่บิดำของเบทโฮเฟินโกหกประชำชนว่ำเบทโฮเฟินอำยุ6ปี เพรำะหำกอำยุยิ่งน้อย
ประชำชนจะยิ่งให้ควำมสนใจมำกขึ้นในฐำนะนักดนตรีที่เก่งตั้งแต่เด็ก
หลังจำกนั้นเบทโฮเฟินเรียนไวโอลินและออร์แกนกับอำจำรย์หลำยคนจนในค.ศ. 1781เบทโฮเฟินได้เป็นศิษย์ของคริสเตียน
กอตท์โลบนีเฟ (Christian Gottlob Neefe) ซึ่งเป็นอำจำรย์ที่สร้ำงควำมสำมำรถในชีวิตให้เขำมำกที่สุด
นีเฟสอนเบทโฮเฟินในเรื่องเปียโนและกำรแต่งเพลง
ค.ศ. 1784เบทโฮเฟินได้เล่นออร์แกนในคณะดนตรีประจำรำชสำนักในตำแหน่งนักออร์แกนที่สองมีค่ำตอบแทนให้พอสมควร
แต่เงินส่วนใหญ่ที่หำมำได้ ก็หมดไปกับค่ำสุรำของบิดำเช่นเคย
ค.ศ. 1787เบทโฮเฟินเดินทำงไปยังเมืองเวียนนำ(Vienna)เพื่อศึกษำดนตรีต่อเขำได้พบโมสำร์ท
และมีโอกำสเล่นเปียโนให้โมสำร์ทฟังเมื่อโมสำร์ทได้ฟังฝีมือของเบทโฮเฟินแล้ว
กล่ำวกับเพื่อนว่ำเบทโฮเฟินจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในโลกดนตรีต่อไปแต่อยู่เมืองนี้ได้ไม่ถึง2สัปดำห์
ก็ได้รับข่ำวว่ำอำกำรวัณโรคของมำรดำกำเริบหนักจึงต้องรีบเดินทำงกลับบอนน์
หลังจำกกลับมำถึงบอนน์และดูแลมำรดำได้ไม่นำนมำรดำของเขำก็เสียชีวิตลงในวันที่ 17กรกฎำคมค.ศ.1787ด้วยวัย43ปี
เบทโฮเฟินเศร้ำโศกซึมเซำอย่ำงรุนแรงในขณะที่บิดำของเขำก็เสียใจไม่แพ้กันแต่กำรเสียใจของบิดำนั้น
ทำให้บิดำของเขำดื่มสุรำหนักขึ้นไร้สติจนในที่สุดก็ถูกไล่ออกจำกคณะดนตรีประจำรำชสำนักเบทโฮเฟินในวัย16ปีเศษ
ต้องรับบทเลี้ยงดูบิดำและน้องชำยอีก2คน
ค.ศ. 1788เบทโฮเฟินเริ่มสอนเปียโนให้กับคนในตระกูลบรอยนิงค์เพื่อหำเงินให้ครอบครัว
ค.ศ. 1789เบทโฮเฟินเข้ำเป็นนักศึกษำไม่คิดหน่วยกิตในมหำวิทยำลัยบอนน์
ค.ศ. 1792เบทโฮเฟินตั้งรกรำกที่กรุงเวียนนำประเทศออสเตรียเบทโฮเฟินมีโอกำสศึกษำดนตรีกับโยเซฟ
ไฮเดิน หลังจำกเขำเดินทำงมำเวียนนำได้ 1เดือนก็ได้รับข่ำวว่ำบิดำป่วยหนักใกล้จะเสียชีวิต(มำเวียนนำครั้งก่อน
อยู่ได้ครึ่งเดือนมำรดำป่วยหนักมำเวียนนำครั้งนี้ได้หนึ่งเดือนบิดำป่วยหนัก)แต่ครั้งนี้เขำตัดสินใจไม่กลับบอนน์
แบ่งหน้ำที่ในบอนน์ให้น้องทั้งสองคอยดูแล และในปีนั้นเองบิดำของเบทโฮเฟินก็สิ้นใจลงโดยไม่มีเบทโฮเฟินกลับไปดูใจ
แต่เบทโฮเฟินเองก็ประสบควำมสำเร็จในกำรแสดงคอนเสิร์ตในฐำนะนักเปียโนเอก
และเป็นผู้ที่สำมำรถเล่นได้โดยคิดทำนองขึ้นมำสดๆทำให้เขำเป็นที่รู้จักอย่ำงกว้ำงขวำงในแวดวงและครอบครัวขุนนำง
ค.ศ. 1795เขำเปิดกำรแสดงดนตรีในโรงละครสำธำรณะในเวียนนำและแสดงต่อหน้ำประชำชน
ทำให้เบทโฮเฟินเริ่มเป็นที่รู้จักของประชำชนมำกขึ้น
ค.ศ. 1796ระบบกำรได้ยินของเบทโฮเฟินเริ่มมีปัญหำเขำเริ่มไม่ได้ยินเสียงในสถำนที่กว้ำงๆและเสียงกระซิบของผู้คน
เขำตัดสินใจปิดเรื่องหูตึงนี้เอำไว้ เพรำะในสังคมยุคนั้นผู้ที่ร่ำงกำยมีปัญหำ(พิกำร)จะถูกกลั่นแกล้งเหยียดหยำม
จนในที่สุดผู้พิกำรหลำยคนกลำยเป็นขอทำนดังนั้นเขำต้องประสบควำมสำเร็จให้ได้เสียก่อนจึงจะเปิดเผยเรื่องนี้
จำกนั้นเขำก็เริ่มประพันธ์บทเพลงขึ้นมำแล้วจึงหันเหจำกนักดนตรีมำเป็นผู้ประพันธ์เพลง
เขำสร้ำงสรรค์ผลงำนที่มีแนวแตกต่ำงไปจำกดนตรียุคคลำสสิกคือใช้รูปแบบยุคคลำสสิกแต่ใช้เนื้อหำจำกจิตใจ
ควำมรู้สึกในกำรประพันธ์เพลงจึงทำให้ผลงำนเป็นตัวของตัวเอง
เนื้อหำของเพลงเต็มไปด้วยกำรแสดงออกของอำรมณ์อย่ำงเด่นชัด
ค.ศ. 1801เบทโฮเฟินเปิดเผยเรื่องปัญหำในระบบกำรได้ยินให้ผู้อื่นฟังเป็นครั้งแรกแต่ครั้งนี้สังคมยอมรับ
ทำให้เขำไม่จำเป็นต้องปกปิดเรื่องอำกำรหูตึงอีกหลังจำกนั้นก็เป็นยุคที่เขำประพันธ์เพลงออกมำมำกมำย
แต่เพลงที่เขำประพันธ์นั้นจะมีปัญหำตรงที่ล้ำสมัยเกินไปผู้ฟังเพลงไม่เข้ำใจในเนื้อหำแต่ในภำยหลังเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป
ผู้คนเริ่มเข้ำใจในเนื้อเพลงของเบทโฮเฟินบทเพลงหลำยเพลงเหล่ำนั้นก็เป็นที่นิยมล้นหลำมมำถึงปัจจุบัน
เมื่อเบทโฮเฟินโด่งดังก็ย่อมมีผู้อิจฉำมีกลุ่มที่พยำยำมแกล้งเบทโฮเฟินให้ตกต่ำจนเบทโฮเฟินคิดจะเดินทำงไปยังเมืองคำสเซล
ทำให้มีกลุ่มผู้ชื่นชมในผลงำนของเบทโฮเฟินมำขอร้องไม่ให้เขำไปจำกเวียนนำพร้อมทั้งเสนอตัวให้กำรสนับสนุนกำรเงิน
โดยมีข้อสัญญำว่ำเบทโฮเฟินต้องอยู่ในเวียนนำทำให้เขำสำมำรถอยู่ได้อย่ำงสบำยๆ
และผลิตผลงำนตำมที่ต้องกำรโดยไม่ต้องรับคำสั่งจำกใคร
เบทโฮเฟินโด่งดังมำกในฐำนะคีตกวีอำกำรสูญเสียกำรได้ยินมีมำกขึ้น
แต่เขำพยำยำมสร้ำงสรรค์ผลงำนจำกควำมสำมำรถและสภำพที่ตนเป็นอยู่
มีผลงำนชั้นยอดเยี่ยมให้กับโลกแห่งเสียงเพลงเป็นจำนวนมำกผลงำนอันโด่งดังในช่วงนี้ได้แก่ ซิมโฟนีหมำยเลข
5 ที่เบทโฮเฟินถ่ำยทอดท่วงทำนองออกมำเป็นจังหวะสั้น -สั้น - สั้น - ยาวอำกำรไม่ได้ยินรุนแรงขึ้นเรื่อยๆและ
ซิมโฟนีหมำยเลข9ที่เขำประพันธ์ออกมำเมื่อหูหนวกสนิทตั้งแต่ปี ค.ศ.1819 เป็นต้นมำ
รวมทั้งบทเพลงควอเต็ตเครื่องสำยที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขำก็ประพันธ์ออกมำในช่วงเวลำนี้เช่นกัน
ในช่วงนี้เบทโฮเฟินมีอำรมณ์แปรปรวนเนื่องจำกปัญหำเกี่ยวกับหลำนชำยที่เขำรับมำอุปกำระเขำถูกหำว่ำเป็นคนบ้ำ
และถูกเด็กๆขว้ำงปำด้วยก้อนหินเมื่อเขำออกไปเดินตำมท้องถนนแต่ก็ไม่มีใครสำมำรถปฏิเสธควำมเป็นอัจฉริยะของเขำได้
แต่ภำยหลังเขำก็ได้พูดคุยปรับควำมเข้ำใจกับหลำนชำยเป็นที่เรียบร้อย
ค.ศ. 1826โรคเรื้อรังในลำไส้ที่เบทโฮเฟินเป็นมำนำนก็กำเริบหนักหลังจำกรักษำแล้ว
ได้เดินทำงมำพักฟื้นที่บ้ำนน้องชำยบนที่รำบสูงแต่อำรมณ์แปรปรวนก็ทำให้เขำทะเลำะกับน้องชำยจนได้
เขำตัดสินใจเดินทำงกลับเวียนนำในทันทีแต่รถม้ำที่นั่งมำไม่มีเก้ำอี้และหลังคำเบทโฮเฟินทนหนำวมำตลอดทำง
ทำให้เป็นโรคปอดบวมแต่ไม่นำนก็รักษำหำย
12 ธันวำคมค.ศ. 1826โรคเรื้อรังในลำไส้และตับของเบทโฮเฟินกำเริบหนักอำกำรทรุดลงตำมลำดับ
26 มีนำคม ค.ศ. 1827เบทโฮเฟินเสียชีวิตลงพิธีศพของเขำจัดขึ้นอย่ำงอลังกำรในโบสถ์เซนต์ตรินิตีโดยมีผู้มำร่วมงำนกว่ำ
20,000 คนศพของเขำถูกฝังอยู่ที่สุสำนกลำงในกรุงเวียนนำ
§รูปแบบทางดนตรีและนวัตกรรม[แก้]
ในประวัติศำสตร์ดนตรีแล้วผลงำนของเบทโฮเฟินแสดงถึงช่วงรอยต่อระหว่ำงยุคคลำสสิก(ค.ศ.1750- ค.ศ.1810)
กับยุคโรแมนติก(ค.ศ.1810- ค.ศ. 1900)ในซิมโฟนีหมำยเลข5 ของเขำ
เบทโฮเฟินได้นำเสนอทำนองหลักที่เน้นอำรมณ์รุนแรงในท่อนท่อนเช่นเดียวกับในอีกสำมท่อนที่เหลือ
(เป็นรูปแบบที่พบเห็นได้บ่อยในผลงำนประพันธ์ช่วงวัยเยำว์ของเขำ)ช่วงต่อระหว่ำงท่อนที่สำมกับท่อนสุดท้ำย
เป็นทำนองหลักของอัตทำกำโดยไม่มีกำรหยุดพักและท้ำยสุดซิมโฟนีหมำยเลข9
ได้มีกำรนำกำรขับร้องประสำนเสียงมำใช้ในบทเพลงซิมโฟนีเป็นครั้งแรก(ในท่อนที่สี่)
ผลงำนทั้งหลำยเหล่ำนี้นับเป็นนวัตกรรมทำงดนตรีอย่ำงแท้จริง
เขำได้ประพันธ์อุปรำกรเรื่อง"ฟิเดลิโอ"โดยใช้เสียงร้องในช่วงควำมถี่เสียงเช่นเดียวกับเครื่องดนตรีในวงซิมโฟนีโดยมิได้คำนึงถึ
งขีดจำกัดของนักร้องประสำนเสียงแต่อย่ำงใด
หำกจะนับว่ำผลงำนของเขำประสบควำมสำเร็จต่อสำธำรณชน
นั่นก็เพรำะแรงขับทำงอำรมณ์ที่มีอยู่อย่ำงเปี่ยมล้นในงำนของเขำ
ในแง่ของเทคนิคทำงดนตรีแล้วเบทโฮเฟินได้ใช้ทำนองหลักหล่อเลี้ยงบทเพลงทั้งท่อน
และนับเป็นผลสัมฤทธิ์ทำงดนตรีที่ไม่มีผู้ใดปฏิเสธได้ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งควำมเข้มข้นทำงจังหวะที่มีควำมแปลกใหม่อยู่ในนั้น
เบทโฮเฟินได้ปรับแต่งทำนองหลักและเพิ่มพูนจังหวะต่ำงๆเพื่อพัฒนำกำรของบทเพลงเดียวกันตั้งแต่ต้นจนจบ
เขำใช้เทคนิคนี้ในผลงำนเลื่องชื่อหลำยบทไม่ว่ำจะเป็นท่อนแรกของเปียโนคอนแชร์โตหมำยเลข4(ที่ใช้ตั้งแต่ห้องแรก)
ท่อนแรกของซิมโฟนีหมำยเลข5(ที่ใช้ตั้งแต่ห้องแรกเช่นกัน)ท่อนที่สองของซิมโฟนีหมำยเลข7 (ในจังหวะอนำเปสต์)
กำรนำเสนอควำมสับสนโกลำหลของท่วงทำนองในรูปแบบแปลกใหม่ตลอดเวลำ
ควำมเข้มข้นของท่วงทำนองตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นที่ย้อนกลับมำสู่โสตประสำทของผู้ฟังอยู่เรื่อยๆอย่ำงไม่หยุดยั้ง
ส่งผลให้เกิดควำมประทับใจต่อผู้ฟังอย่ำงถึงขีดสุด
เบทโฮเฟินยังเป็นบุคคลแรกๆที่ศึกษำศำสตร์ของวงออร์เคสตรำอย่ำงพิถีพิถันไม่ว่ำจะเป็นกำรพัฒนำบทเพลง
กำรต่อบทเพลงเข้ำด้วยกันโดยเปลี่ยนรูปแบบและโดยเฉพำะอย่ำงยิ่งในโน้ตแผ่นที่เขำเขียนให้เครื่องดนตรีชิ้นต่ำงๆนั้น
ได้แสดงให้เห็นวิธีกำรนำเอำทำนองหลักกลับมำใช้ในบทเพลงเดียวกันในรูปแบบที่มีเอกลักษณ์
โดยมีกำรปรับเปลี่ยนเสียงประสำนเล็กน้อยในแต่ละครั้งกำรปรับเปลี่ยนโทนเสียงและสีสันทำงดนตรีอย่ำงไม่หยุดยั้ง
เปรียบได้กับกำรเริ่มบทสนทนำใหม่โดยที่ยังรักษำจุดอ้ำงอิงของควำมทรงจำเอำไว้
สำธำรณชนในขณะนี้จะรู้จักผลงำนซิมโฟนีและคอนแชร์โตของเบทโฮเฟินเสียเป็นส่วนใหญ่
มีน้อยคนที่ทรำบว่ำผลงำนกำรคิดค้นแปลกใหม่ที่สุดของเบทโฮเฟินนั้นได้แก่เชมเบอร์มิวสิคโดยเฉพำะอย่ำงยิ่งโซนำตำสำหรับเ
ปียโน 32 บท และบทเพลงสำหรับวงควอเต็ตเครื่องสำย16บทนั้น นับเป็นผลงำนสร้ำงสรรค์ทำงดนตรีอันเจิดจรัส ---
โซนำตำสำหรับเครื่องดนตรีสองหรือสำมชิ้นนับเป็นผลงำนสุดคลำสสิก ---บทเพลงซิมโฟนีเป็นผลงำนคิดค้นรูปแบบใหม่---
ส่วนบทเพลงคอนแชร์โตนั้นก็นับว่ำควรค่ำแก่กำรฟัง
§ผลงำนซิมโฟนี[แก้]
โยเซฟไฮเดินได้ประพันธ์ซิมโฟนีไว้กว่ำ104บทโมสำร์ทประพันธ์ไว้กว่ำ40บทหำกจะนับว่ำมีคีตกวีรุ่นพี่เป็นตัวอย่ำงที่ดีแล้ว
เบทโฮเฟินไม่ได้รับถ่ำยทอดมรดกด้ำนควำมรวดเร็วในกำรประพันธ์มำด้วยเพรำะเขำประพันธ์ซิมโฟนีไว้เพียง9บทเท่ำนั้น
และเพิ่งจะเริ่มประพันธ์ซิมโฟนีหมำยเลข10แต่สำหรับซิมโฟนีทั้งเก้ำบทของเบทโฮเฟินนั้นทุกบทต่ำงมีเอกลักษณ์เฉพำะตัว
ซิมโฟนีสองบทแรกของเบทโฮเฟินได้รับแรงบันดำลใจและอิทธิพลจำกดนตรีในยุคคลำสสิกอย่ำงไรก็ดีซิมโฟนีหมำยเลข3
ที่มีชื่อเรียกว่ำ"อิรอยก้า"จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในกำรเรียบเรียงวงออร์เคสตรำของเบทโฮเฟิน
ซิมโฟนีบทนี้แสดงถึงควำมทะเยอทะยำนทำงดนตรีมำกกว่ำบทก่อนๆโดดเด่นด้วยควำมสุดยอดของเพลงทุกท่อน
และกำรเรียบเรียงเสียงประสำนของวงออร์เคสตรำเพรำะแค่ท่อนแรกเพียงอย่ำงเดียวก็มีควำมยำวกว่ำซิมโฟนีบทอื่นๆ
ที่ประพันธ์กันในสมัยนั้นแล้วผลงำนอันอลังกำรชิ้นนี้ได้ถูกประพันธ์ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นโปเลียน
โบนำปำร์ตและส่งเบทโฮเฟินขึ้นสู่ตำแหน่งสุดยอดสถำปนิกทำงดนตรี และเป็นคีตกวีคนแรกแห่งยุคโรแมนติก
แม้ว่ำจะถูกมองว่ำเป็นซิมโฟนีที่สั้นกว่ำและคลำสสิกกว่ำซิมโฟนีบทก่อนหน้ำ
ท่วงทำนองของโศกนำฏกรรมในท่อนโหมโรงทำให้ซิมโฟนีหมำยเลข4
เป็นส่วนสำคัญของพัฒนำกำรทำงรูปแบบของเบทโฮเฟิน
ต่อจำกนั้นก็ตำมมำด้วยซิมโฟนีสุดอลังกำรสองบทที่ถูกประพันธ์ขึ้นในคืนเดียวกันอันได้แก่ซิมโฟนีหมำยเลข5
และซิมโฟนีหมำยเลข6-หมำยเลข5 นำเสนอทำนองหลักเป็นโน้ตสี่ตัว สั้น - สั้น- สั้น -
ยาวสำมำรถเทียบได้กับซิมโฟนีหมำยเลข3ในแง่ของควำมอลังกำร
และยังนำเสนอรูปแบบทำงดนตรีใหม่ด้วยกำรนำทำนองหลักของโน้ตทั้งสี่ตัวกลับมำใช้ตลอดทั้งเพลงส่วนซิมโฟนีหมำยเลข6
ที่มีชื่อว่ำ พาสโทราลนั้นชวนให้นึกถึงธรรมชำติที่เบทโฮเฟินรักเป็นหนักหนำ
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก
คีตกวีเอกของโลก

More Related Content

What's hot

แบบทดสอบหลังเรียนเรื่องบทนมัสการมาตาปิตุคุณและอาจาริยคุณ_ม.4
แบบทดสอบหลังเรียนเรื่องบทนมัสการมาตาปิตุคุณและอาจาริยคุณ_ม.4แบบทดสอบหลังเรียนเรื่องบทนมัสการมาตาปิตุคุณและอาจาริยคุณ_ม.4
แบบทดสอบหลังเรียนเรื่องบทนมัสการมาตาปิตุคุณและอาจาริยคุณ_ม.4
Sivagon Soontong
 
๑๐. ฉันทลักษณ์และคำประพันธ์ประเภทกาพย์[1]
๑๐. ฉันทลักษณ์และคำประพันธ์ประเภทกาพย์[1]๑๐. ฉันทลักษณ์และคำประพันธ์ประเภทกาพย์[1]
๑๐. ฉันทลักษณ์และคำประพันธ์ประเภทกาพย์[1]
นิตยา ทองดียิ่ง
 
ศิลาจารึกหลักที่ ๑
ศิลาจารึกหลักที่ ๑ศิลาจารึกหลักที่ ๑
ศิลาจารึกหลักที่ ๑
krunoree.wordpress.com
 
เรียงความชนะเลิศ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ
เรียงความชนะเลิศ เนื่องในวันแม่แห่งชาติเรียงความชนะเลิศ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ
เรียงความชนะเลิศ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ
Duangjai Boonmeeprasert
 
สื่อการสอนวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนสะกดคำ
สื่อการสอนวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนสะกดคำสื่อการสอนวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนสะกดคำ
สื่อการสอนวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนสะกดคำ
Nook Kanokwan
 
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
krupornpana55
 
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง
sombat nirund
 
แบบทดสอบ ภาษาไทย(วรรณคดี) ม.3
แบบทดสอบ ภาษาไทย(วรรณคดี) ม.3แบบทดสอบ ภาษาไทย(วรรณคดี) ม.3
แบบทดสอบ ภาษาไทย(วรรณคดี) ม.3
teerachon
 

What's hot (20)

แบบทดสอบหลังเรียนเรื่องบทนมัสการมาตาปิตุคุณและอาจาริยคุณ_ม.4
แบบทดสอบหลังเรียนเรื่องบทนมัสการมาตาปิตุคุณและอาจาริยคุณ_ม.4แบบทดสอบหลังเรียนเรื่องบทนมัสการมาตาปิตุคุณและอาจาริยคุณ_ม.4
แบบทดสอบหลังเรียนเรื่องบทนมัสการมาตาปิตุคุณและอาจาริยคุณ_ม.4
 
๑๐. ฉันทลักษณ์และคำประพันธ์ประเภทกาพย์[1]
๑๐. ฉันทลักษณ์และคำประพันธ์ประเภทกาพย์[1]๑๐. ฉันทลักษณ์และคำประพันธ์ประเภทกาพย์[1]
๑๐. ฉันทลักษณ์และคำประพันธ์ประเภทกาพย์[1]
 
ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก
ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก
ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก
 
แบบฝึกทักษะเรื่อง การแต่งโคลงสี่สุภาพ ชุดที่ ๑๐ เรื่อง กลวิธีในการแต่งโคลง...
แบบฝึกทักษะเรื่อง  การแต่งโคลงสี่สุภาพ  ชุดที่ ๑๐  เรื่อง กลวิธีในการแต่งโคลง...แบบฝึกทักษะเรื่อง  การแต่งโคลงสี่สุภาพ  ชุดที่ ๑๐  เรื่อง กลวิธีในการแต่งโคลง...
แบบฝึกทักษะเรื่อง การแต่งโคลงสี่สุภาพ ชุดที่ ๑๐ เรื่อง กลวิธีในการแต่งโคลง...
 
ศิลาจารึกหลักที่ ๑
ศิลาจารึกหลักที่ ๑ศิลาจารึกหลักที่ ๑
ศิลาจารึกหลักที่ ๑
 
การสร้างคำ
การสร้างคำการสร้างคำ
การสร้างคำ
 
ใบความรู้โครงงานคุณธรรม
ใบความรู้โครงงานคุณธรรมใบความรู้โครงงานคุณธรรม
ใบความรู้โครงงานคุณธรรม
 
เรียงความชนะเลิศ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ
เรียงความชนะเลิศ เนื่องในวันแม่แห่งชาติเรียงความชนะเลิศ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ
เรียงความชนะเลิศ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ
 
1 ธรรมชาติและพลังของภาษาไทย(5-34)
1 ธรรมชาติและพลังของภาษาไทย(5-34)1 ธรรมชาติและพลังของภาษาไทย(5-34)
1 ธรรมชาติและพลังของภาษาไทย(5-34)
 
ต่อมไร้ท่อ
ต่อมไร้ท่อ ต่อมไร้ท่อ
ต่อมไร้ท่อ
 
งานนำเสนอมัทนะพาธา
งานนำเสนอมัทนะพาธางานนำเสนอมัทนะพาธา
งานนำเสนอมัทนะพาธา
 
สื่อการสอนวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนสะกดคำ
สื่อการสอนวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนสะกดคำสื่อการสอนวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนสะกดคำ
สื่อการสอนวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนสะกดคำ
 
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
 
แผนการจัดการเรียนรู้
แผนการจัดการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้
แผนการจัดการเรียนรู้
 
เศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง
 
คำถามพร้อมตอบ อิเหนา-ตอน-ศึกกะหมังกุหนิง
คำถามพร้อมตอบ อิเหนา-ตอน-ศึกกะหมังกุหนิงคำถามพร้อมตอบ อิเหนา-ตอน-ศึกกะหมังกุหนิง
คำถามพร้อมตอบ อิเหนา-ตอน-ศึกกะหมังกุหนิง
 
แบบทดสอบ ภาษาไทย(วรรณคดี) ม.3
แบบทดสอบ ภาษาไทย(วรรณคดี) ม.3แบบทดสอบ ภาษาไทย(วรรณคดี) ม.3
แบบทดสอบ ภาษาไทย(วรรณคดี) ม.3
 
แบบฝึกทักษะการเขียนเรียงความ
แบบฝึกทักษะการเขียนเรียงความแบบฝึกทักษะการเขียนเรียงความ
แบบฝึกทักษะการเขียนเรียงความ
 
ลิลิตตะเลงพ่าย (สอน Ppt)[1]
ลิลิตตะเลงพ่าย (สอน Ppt)[1]ลิลิตตะเลงพ่าย (สอน Ppt)[1]
ลิลิตตะเลงพ่าย (สอน Ppt)[1]
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย ป.5 ใหม่1
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย  ป.5   ใหม่1ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย  ป.5   ใหม่1
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย ป.5 ใหม่1
 

More from leemeanshun minzstar

ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 10 เรื่อง การอ่านและการบันทึกโน้ตสากล
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 10 เรื่อง การอ่านและการบันทึกโน้ตสากลใบความรู้ที่ 1 บทที่ 10 เรื่อง การอ่านและการบันทึกโน้ตสากล
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 10 เรื่อง การอ่านและการบันทึกโน้ตสากล
leemeanshun minzstar
 
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 9 เรื่อง จังหวะและเครื่องหมายกำหนดจังหวะ
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 9 เรื่อง จังหวะและเครื่องหมายกำหนดจังหวะใบความรู้ที่ 1 บทที่ 9 เรื่อง จังหวะและเครื่องหมายกำหนดจังหวะ
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 9 เรื่อง จังหวะและเครื่องหมายกำหนดจังหวะ
leemeanshun minzstar
 
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 8 เรื่อง กุญแจประจำหลัก
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 8 เรื่อง กุญแจประจำหลักใบความรู้ที่ 1 บทที่ 8 เรื่อง กุญแจประจำหลัก
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 8 เรื่อง กุญแจประจำหลัก
leemeanshun minzstar
 
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 7 เรื่อง โน้ตสากล
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 7 เรื่อง โน้ตสากลใบความรู้ที่ 1 บทที่ 7 เรื่อง โน้ตสากล
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 7 เรื่อง โน้ตสากล
leemeanshun minzstar
 
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 5 เรื่อง ประเภทของเครื่องดนตรีสากล
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 5 เรื่อง ประเภทของเครื่องดนตรีสากลใบความรู้ที่ 1 บทที่ 5 เรื่อง ประเภทของเครื่องดนตรีสากล
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 5 เรื่อง ประเภทของเครื่องดนตรีสากล
leemeanshun minzstar
 

More from leemeanshun minzstar (20)

ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 10 เรื่อง การอ่านและการบันทึกโน้ตสากล
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 10 เรื่อง การอ่านและการบันทึกโน้ตสากลใบความรู้ที่ 1 บทที่ 10 เรื่อง การอ่านและการบันทึกโน้ตสากล
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 10 เรื่อง การอ่านและการบันทึกโน้ตสากล
 
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 9 เรื่อง จังหวะและเครื่องหมายกำหนดจังหวะ
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 9 เรื่อง จังหวะและเครื่องหมายกำหนดจังหวะใบความรู้ที่ 1 บทที่ 9 เรื่อง จังหวะและเครื่องหมายกำหนดจังหวะ
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 9 เรื่อง จังหวะและเครื่องหมายกำหนดจังหวะ
 
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 8 เรื่อง กุญแจประจำหลัก
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 8 เรื่อง กุญแจประจำหลักใบความรู้ที่ 1 บทที่ 8 เรื่อง กุญแจประจำหลัก
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 8 เรื่อง กุญแจประจำหลัก
 
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 7 เรื่อง โน้ตสากล
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 7 เรื่อง โน้ตสากลใบความรู้ที่ 1 บทที่ 7 เรื่อง โน้ตสากล
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 7 เรื่อง โน้ตสากล
 
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 5 เรื่อง ประเภทของเครื่องดนตรีสากล
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 5 เรื่อง ประเภทของเครื่องดนตรีสากลใบความรู้ที่ 1 บทที่ 5 เรื่อง ประเภทของเครื่องดนตรีสากล
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 5 เรื่อง ประเภทของเครื่องดนตรีสากล
 
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 4 เรื่อง ประเภทของวงดนตรีสากล
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 4 เรื่อง ประเภทของวงดนตรีสากลใบความรู้ที่ 1 บทที่ 4 เรื่อง ประเภทของวงดนตรีสากล
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 4 เรื่อง ประเภทของวงดนตรีสากล
 
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 3 เรื่อง ลักษณะของวงดนตรีสากล
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 3 เรื่อง ลักษณะของวงดนตรีสากลใบความรู้ที่ 1 บทที่ 3 เรื่อง ลักษณะของวงดนตรีสากล
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 3 เรื่อง ลักษณะของวงดนตรีสากล
 
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 1 เรื่อง ประวัติดนตรีสากล
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 1 เรื่อง ประวัติดนตรีสากลใบความรู้ที่ 1 บทที่ 1 เรื่อง ประวัติดนตรีสากล
ใบความรู้ที่ 1 บทที่ 1 เรื่อง ประวัติดนตรีสากล
 
โฮมเพจวารสาร
โฮมเพจวารสารโฮมเพจวารสาร
โฮมเพจวารสาร
 
เหนือ ท่องเที่ยว
เหนือ  ท่องเที่ยวเหนือ  ท่องเที่ยว
เหนือ ท่องเที่ยว
 
เหนือ เที่ยว
เหนือ   เที่ยวเหนือ   เที่ยว
เหนือ เที่ยว
 
เหนือ ท่องเที่ยว
เหนือ   ท่องเที่ยวเหนือ   ท่องเที่ยว
เหนือ ท่องเที่ยว
 
โรงเรียนมัธยมสังคีตวิทยา กรุงเทพมหานคร
โรงเรียนมัธยมสังคีตวิทยา กรุงเทพมหานครโรงเรียนมัธยมสังคีตวิทยา กรุงเทพมหานคร
โรงเรียนมัธยมสังคีตวิทยา กรุงเทพมหานคร
 
ภาคเหนือ เที่ยว
ภาคเหนือ เที่ยวภาคเหนือ เที่ยว
ภาคเหนือ เที่ยว
 
ภาคตะวันออก เที่ยว
ภาคตะวันออก เที่ยวภาคตะวันออก เที่ยว
ภาคตะวันออก เที่ยว
 
การท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวการท่องเที่ยว
การท่องเที่ยว
 
ภาคตะวันตก เที่ยว
ภาคตะวันตก เที่ยวภาคตะวันตก เที่ยว
ภาคตะวันตก เที่ยว
 
การจัดการความรู้ของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
การจัดการความรู้ของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชการจัดการความรู้ของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
การจัดการความรู้ของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
 
กลยุทธ์การจัดการความรู้สำหรับการรับประกันคุณภาพ
กลยุทธ์การจัดการความรู้สำหรับการรับประกันคุณภาพกลยุทธ์การจัดการความรู้สำหรับการรับประกันคุณภาพ
กลยุทธ์การจัดการความรู้สำหรับการรับประกันคุณภาพ
 
Wiki
WikiWiki
Wiki
 

คีตกวีเอกของโลก

  • 1. คีตกวีเอกของโลก คีตกวี คีตกวี เป็นคำศัพท์ทำงดนตรีที่พบได้บ่อยครั้งหมำยถึงผู้ประพันธ์ดนตรี มักจะใช้เรียกผู้ที่แต่งและเรียบเรียงดนตรีบำงประเภท โดยเฉพำะดนตรีคลำสสิกโดยที่ผู้แต่งเพลงมักจะแต่งทั้งท่วงทำนองหลักและแนวประสำนทั้งหมด เพื่อให้นักดนตรีเป็นผู้นำบทเพลงนั้นไปบรรเลงอีกทอดหนึ่ง โดยนักดนตรีจะต้องบรรเลงทุกรำยละเอียดที่คีตกวีได้กำหนดไว้อย่ำงเคร่งครัด คำว่ำคีตกวีในภำษำไทยนี้นิยมใช้เรียกผู้ประพันธ์ดนตรีในแนวดนตรีคลำสสิกของตะวันตกโดยแปลมำจำกคำว่ำ composer นั่นเอง อย่ำงไรก็ดีบำงท่ำนอำจใช้คำว่ำ ดุริยกวีแต่ก็มีควำมหมำยอย่ำงเดียวกันสำหรับผู้ที่แต่งเพลงในแนวดนตรีอื่นๆ มักจะเรียกว่ำนักแต่งเพลงหรือครูเพลงเท่ำนั้น คีตกวี อำจไม่จำเป็นต้องประพันธ์ดนตรีลงในแผ่นกระดำษเพียงอย่ำงเดียวแต่อำจเป็นผู้บรรเลงบทประพันธ์นั้นเป็นครั้งแรก และในภำยหลังมีผู้อื่นนำไปใช้บรรเลงตำมก็ได้ชื่อว่ำคีตกวีเช่นกัน โดยทั่วไปเรำจะรู้จักคีตกวีในฐำนะที่เป็นนักแสดงดนตรี แม้ว่ำหลำยท่ำนจะมีผลงำนกำรประพันธ์ดนตรี มำกกว่ำผลงำนกำรบรรเลงก็ตำมเช่นเบโทเฟิน, โมซำร์ท, วำกเนอร์ ฯลฯ ดนตรีคลาสสิก วงซิมโฟนีออเคสตรำ ดนตรีคลาสสิก(อังกฤษ:Classicalmusic)เป็นรูปแบบหนึ่งของดนตรี ซึ่งมักจะหมำยถึงดนตรีที่เป็นศิลปะของตะวันตก กำรแสดงดนตรีคลำสสิกจะใช้เครื่องดนตรี 4กลุ่มกลุ่มแรกคือเครื่องสำย(String) แบ่งออกเป็น ไวโอลินวิโอลำเชลโลและดับเบิลเบสกลุ่มที่สองคือ เครื่องลมไม้ (Woodwind) เช่นฟลูต คลำริเน็ตโอโบบำสซูน ปิคโคโลกลุ่มที่สำมคือเครื่องลมทองเหลือง (Brass) เช่นทรัมเป็ต ทรอมโบน ทูบำ เฟรนช์ฮอร์นกลุ่มที่สี่คือ เครื่องกระทบ(Percussion)เช่นกลองทิมปำนีฉำบกลองใหญ่ (Bass Drum)กิ๋ง(Triangle)เมื่อเล่นรวมกันเป็นวงเรียกว่ำวงดุริยำงค์หรือออร์เคสตรำ(Orchestra)ซึ่งมีผู้อำนวยเพลง(conductor) เป็นผู้ควบคุมวง ประวัติและเวลา
  • 2. ดนตรีคลำสสิกแบ่งออกเป็นยุคดังนี้ ยุคกลาง(Medieval or MiddleAge) พ.ศ. 1019 -พ.ศ. 1943) ดนตรีคลำสสิกยุโรปยุคกลำงหรือดนตรียุคกลางถือว่ำเป็นจุดกำเนิดของดนตรีคลำสสิกเริ่มต้นเมื่อประมำณปี พ.ศ. 1019 (ค.ศ.476) ซึ่งเป็นปีล่มสลำยของจักรวรรดิโรมันดนตรีในยุคนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อประกอบพิธีกรรมทำงศำสนำ คำดกันว่ำมีต้นกำเนิดมำจำกดนตรีในยุคกรีกโบรำณรูปแบบเพลงในยุคนี้เน้นที่กำรร้องโดยเฉพำะเพลงสวด(Chant) ในตอนปลำยของยุคกลำงเริ่มมีกำรร้องเพลงแบบสอดทำนองประสำนด้วย ยุคเรเนสซองส์ (Renaissance) พ.ศ.1943 -พ.ศ. 2143) เริ่มเมื่อประมำณปี พ.ศ. 1943(ค.ศ. 1400)เมื่อเริ่มมีกำรเปลี่ยนแปลงศิลปะและฟื้นฟูศิลปะโบรำณยุคโรมันและกรีก แต่ดนตรียังคงเน้นหนักไปทำงศำสนำเพียงแต่เริ่มมีกำรใช้เครื่องดนตรีที่หลำกหลำยขึ้น ลักษณะของดนตรีในสมัยนี้ยังคงมีรูปแบบคล้ำยยุคกลำงในสมัยศิลป์ ใหม่เพลงร้องยังคงนิยมกัน แต่เพลงบรรเลงเริ่มมีบทบำทมำกขึ้น ยุคบาโรค(Baroque)พ.ศ. 2143 -พ.ศ. 2293) ยุคนี้เริ่มขึ้นเมื่อมีกำรกำเนิดอุปรำกรในประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี พ.ศ.2143 (ค.ศ. 1600)และสิ้นสุดลงเมื่อโยฮันน์เซบำสเทียน บำค เสียชีวิตลงในปี พ.ศ.2293 (ค.ศ. 1750)แต่บำงครั้งก็นับกันว่ำสิ้นสุดลงในปี พ.ศ.2273 (ค.ศ. 1730) เริ่มมีกำรเล่นดนตรีเพื่อกำรฟังมำกขึ้นในหมู่ชนชั้นสูงนิยมกำรเล่นเครื่องดนตรีประเภทออร์แกนมำกขึ้น แต่ก็ยังคงเน้นหนักไปทำงศำสนำนักดนตรีที่มีชื่อเสียงในยุคนี้เช่นบำค วีวัลดีเป็นต้น ยุคคลาสสิก(Classical)พ.ศ. 2293- พ.ศ. 2363) เป็นยุคที่มีกำรเปลี่ยนแปลงมำกที่สุดมีกฎเกณฑ์แบบแผนรูปแบบและหลักในกำรเล่นดนตรีอย่ำงชัดเจน ศูนย์กลำงของดนตรียุคนี้คือประเทศออสเตรียโดยเฉพำะที่กรุงเวียนนำและเมืองมำนไฮม์(Mannheim) เครื่องดนตรีมีวิวัฒนำกำรมำจนสมบูรณ์ที่สุดเริ่มมีกำรผสมวงที่แน่นอน คือ วงเชมเบอร์มิวสิกและวงออร์เคสตรำซึ่งในยุคนี้มีกำรใช้เครื่องดนตรีครบทุกประเภท และยังถือเป็นแบบแผนของวงออร์เคสตรำในปัจจุบันนักดนตรีที่มีชื่อเสียงในยุคนี้เช่น โมซำร์ทเป็นต้น ยุคโรแมนติก(Romantic)พ.ศ.2363 - พ.ศ.2443) เป็นยุคที่มีเริ่มมีกำรแทรกของอำรมณ์ในเพลงมีกำรเปลี่ยนอำรมณ์ กำรใช้ควำมดังควำมค่อยที่ชัดเจนทำนองจังหวะ ลีลำที่เน้นไปยังอำรมณ์ควำมรู้สึกซึ่งต่ำงจำกยุคก่อนๆที่ยังไม่มีกำรใส่อำรมณ์ในทำนองนักดนตรีที่มีชื่อเสียงในยุคนี้ เช่นเบทโฮเฟิน ชูเบิร์ต โชแปง วำกเนอร์ บรำห์มส์ไชคอฟสกี้เป็นต้น ยุคอิมเพรสชันนิสม์ (Impressionism)พ.ศ.2433 - พ.ศ.2453) พัฒนำรูปแบบโดยนักดนตรีฝรั่งเศสมีเดอบูว์ซีเป็นผู้นำลักษณะดนตรีของยุคนี้เต็มไปด้วยจินตนำกำรอำรมณ์ที่เพ้อฝัน ประทับใจ ต่ำงไปจำกดนตรีสมัยโรแมนติกที่ก่อให้เกิดควำมสะเทือนอำรมณ์ ยุคศตวรรษที่ 20 ถึงปัจจุบัน (20th CenturyMusic พ.ศ. 2443 - ปัจจุบัน) นักดนตรีเริ่มแสวงหำดนตรีที่ไม่ขึ้นกับแนวทำงในยุคก่อนจังหวะในแต่ละห้องเริ่มแปลกไปกว่ำเดิมไม่มีโน้ตสำคัญเกิดขึ้น (Atonal) ระยะห่ำงระหว่ำงเสียงเริ่มลดน้อยลงไร้ท่วงทำนองแต่นักดนตรีบำงกลุ่มก็หันไปยึดดนตรีแนวเดิม เรียกว่ำนีโอคลาสสิก(Neo-Classic)นักดนตรีที่มีชื่อเสียงในยุคนี้เช่นอิกอร์ สตรำวินสกี้เป็นต้น แบ่งตำมประเภทวงที่บรรเลงและประเภทของกำรแสดง
  • 3. เครื่องดนตรีเดี่ยว เปียโนสี่มือ,เปียโน เชมเบอร์มิวสิก วงดูโอกำรผสมวงดนตรีร่วมกัน2คนเช่น เปียโนกับไวโอลินหรือเปียโนกับนักร้อง วงทริโอกำรผสมวงดนตรีร่วมกัน3คนเช่นไวโอลิน1,วิโอลำ1, เชลโล่1 วงควอร์เต็ตกำรผสมวงดนตรีร่วมกัน4คน วงควินเต็ตกำรผสมวงดนตรีร่วมกัน5คนเช่น สตริงควินเต็ต(StringsQuintet)วงจะประกอบด้วยเครื่องสำย5ชิ้นไวโอลิน 2, วิโอลำ2,และเชลโล่1 วงเซ็กซ์เต็ตกำรผสมวงดนตรีร่วมกัน6คน วงซิมโฟนีออร์เคสตรำ อุปรำกร ละครบรอดเวย์ บัลเลต์ ขับร้อง ขับร้องเดี่ยว วงขับร้องประสำนเสียง แบ่งตำมโครงสร้ำงบทเพลง(Form) คอนแชร์โต -Concerto ซิมโฟนี -[English:Symphony| French:Symphonie|German:Sinfonia] โซนำต้ำ-Sonata ฟิวก์ - Fugue เป็นกำรประพันธ์เพลงที่ได้รับกำรพัฒนำอย่ำงมำกแขนงหนึ่งนิยมในยุคบำโรคจะเริ่มต้นด้วยทำนองที่เรียกว่ำ Subjectจำกนั้นจะเปลี่ยนแปลงทำนองเรียกว่ำ Answer พรีลูด-Preludeบทเพลงที่เป็นบทนำดนตรี มักใช้คู่กับเพลงแบบฟิวก์ หรือใช้บรรเลงนำเพลงชุด สำหรับงำนเปียโนจะหมำยถึงบทเพลงสั้นๆและบำงครั้งมีควำมหมำยเหมือนกับบทเพลงโหมโรงอุปรำกรเช่น พรีลูดของวำกเนอร์ โอเวอร์เจอร์ - Overture เพลงโหมโรงที่บรรเลงก่อนกำรแสดงอุปรำกรหรือละครรวมถึงประพันธ์ขึ้นเดี่ยวๆ สำหรับบรรเลงคอนเสิร์ตโดยเฉพำะเรียกว่ำ ConcertOverture บัลลำด- Balladeเป็นบทประพันธ์ที่ไม่มีกฎเกณฑ์ตำยตัวพบมำกในงำนเปียโน ลักษณะเหมือนกำรเล่ำเรื่องหรือถ่ำยทอดควำมรู้สึกแบบบทกวี เอทู๊ด - Etudeเป็นบทประพันธ์เพื่อฝึกหัดกำรบรรเลงด้วยเปียโนหรือไวโอลิน มำร์ช-March เป็นบทเพลงที่ประพันธ์เพื่อกำรเดินแถวต่อมำพัฒนำไปสู่บทเพลงที่ใช้บรรเลงคอนเสิร์ต วำริเอชั่น- Variations แฟนตำเซียหรือฟ็องเตซี - [Italian:Fantasia | French:Fantasy]
  • 4. น็อคเทิร์น - Nocturne/Notturno เป็นเพลงบรรเลงยำมค่ำคืนมีทำนองเยือกเย็นอ่อนหวำนจอห์นฟิลด์ ริเริ่มประพันธ์สำหรับเปียโนซึ่งต่อมำโชแปงได้พัฒนำขึ้น มินูเอ็ต - [French:Minuet |Italian:Menuet] เซเรเนด- Serenadeเพลงขับร้องหรือบรรเลงที่มีทำนองเยือกเย็นอ่อนหวำนมักเป็นบทเพลงที่ผู้ชำยใช้เกี้ยวพำรำสีผู้หญิง โดยยืนร้องใต้หน้ำต่ำงในยำมค่ำคืน แคนนอน - Canon เป็นคีตลักษณ์ที่มีแบบแผนแน่นอนมีกำรบรรเลงทำนองและกำรขับร้องที่เหมือนกันทุกประกำร แต่เริ่มบรรเลงไม่พร้อมกันเรียกอีกชื่อว่ำ Round แคนแคน - Can-Canเป็นเพลงเต้นรำสไตล์ไนท์คลับของฝรั่งเศสเกิดในช่วงศตวรรษที่19 คำปริซ-Capriceบทบรรเลงสำหรับเครื่องดนตรีที่มีลักษณะอิสระไม่อยู่ในกฎเกณฑ์มักมีชีวิตชีวำ โพลก้ำ-Polkaเพลงเต้นรำแบบหนึ่งมีกำเนิดมำจำกชนชำติโบฮีเมียน ตำรันเตลลำ-Tarantellaกำรเต้นรำแบบอิตำเลียนมีจังหวะที่เร็ว จิก -Gigueเป็นเพลงเต้นรำของอิตำลีเกิดในศตวรรษที่18มักอยู่ท้ำยบทของเพลงประเภทสวีต(Suite) กำวอท- Gavotte เป็นเพลงเต้นรำของฝรั่งเศสในศตวรรษที่17มีรูปแบบแบบสองตอน (Two-parts) มักเป็นส่วนหนึ่งของเพลงประเภทสวีต(Suite) โพโลเนส- Polonaiseเป็นเพลงเต้นรำประจำชำติโปแลนด์เกิดในรำชสำนัก โชแปงเป็นผู้ประพันธ์เพลงลักษณะนี้สำหรับเปียโนไว้มำก สวีต- Suiteเพลงชุดที่นำบทเพลงที่มีจังหวะเต้นรำมำบรรเลงต่อกันหลำยๆบทพบมำกในอุปรำกรและบัลเลต์ อำรำเบส- Arabesque เป็นดนตรีที่มีลีลำแบบอำหรับ ฮิวเมอเรสค์-Humoresqueเป็นบทประพันธ์สั้นๆมีลีลำสนุกสนำนร่ำเริงมีชีวิตชีวำ ทอคคำต้ำ- Toccataบทเพลงสำหรับเครื่องดนตรีประเภทคีย์บอร์ดมีทำนองที่รวดเร็ว อิสระในแบบฉบับของเคำน์เตอร์พอยท์ บำกำเตล- Bagatelleเป็นคีตนิพนธ์ชิ้นเล็กๆสำหรับเปียโนมีจุดเด่นคือทำนองจำได้ง่ำยเช่นFurElise ดิแวร์ติเมนโต-Divertimento บทเพลงทำงศำสนำ-SacredMusic โมเต็ต- Motet เพลงขับร้องในพิธีกรรมของศำสนำคริสต์ใช้วงขับร้องประสำนเสียงในกำรร้องหมู่ ภำยหลังจึงเริ่มมีเครื่องดนตรีประกอบเสียงร้อง แพสชั่น -Passion เพลงสวดที่มีเนื้อหำเกี่ยวกับควำมทุกข์ยำกของพระเยซู ออรำทอริโอ- Oratorioเพลงขับร้อง บทร้องเป็นเรื่องขนำดยำวเกี่ยวกับศำสนำคริสต์มีลักษณะคล้ำยอุปรำกร แต่ไม่มีกำรแต่งกำยไม่มีฉำกและกำรแสดงประกอบ คันตำตำ- Cantata เพลงศำสนำสั้นๆมีทั้งร้องในโบสถ์และตำมบ้ำน แมส - Mass เพลงร้องประกอบในศำสนพิธีของศำสนำคริสต์ เรควีเอ็ม- Requiemเพลงสวดเกี่ยวกับควำมตำย รายชื่อคีตกวีแบ่งตามยุค ยุคกลำง เลโอแนง (Léonin,ประมำณค.ศ.1130-1180) เพโรแตง(Pérotinหรือ PerotinusMagnus, ประมำณค.ศ.1160-1220)
  • 5. จำคำโปดำ โบโลนญำ(JacapodaBologna) ฟรำนเชสโกลำนดินี(FrancescoLandini,ประมำณค.ศ.1325-1397) กิโยมเดอมำโชต์ (GuillaumedeMachaut,ประมำณค.ศ.1300-1377) ฟิลิปเปเดอวิทรี (PhillippedeVitry) โซลำช(Solage) เปำโลดำ ฟิเรนเซ(Paoloda Firenze) ยุคเรเนสซองส์ จอห์น ดันสเตเบิล(John Dunstable) กิโยมดูเฟย์(GuillaumeDufay) โยฮันเนสโอคีกัม(JohannesOckeghem) โทมัส ทัลลิส(ThomasTallis) จอสกินเดส์เพรซ์ (JosquindesPrez) ยำคอบโอเบร็คท์ (JacobObrecht) โคลดเลอเชิน (ClaudeLe Jeune) จิโอวันนี ปิแอร์ลุยจิ ดำ ปำเลสตรินำ(GiovanniPierluigidaPalestrina) วิลเลียมเบิร์ด(WilliamByrd) คลอดิโอมอนเทแวร์ดี(ClaudioMonteverdi) ออร์ลันโด้ ดิ ลัสโซ(OrlandodiLasso) คำร์โลเกซวลโด(CarloGesualdo) อำดริออง วิลแลร์ต(Adriane Willaert) ยุคบำโรค ดิทริชบุกส์เตฮูเด(DietrighBuxtehude,ประมำณค.ศ.1637-1707) โยฮันน์ พำเคลเบล(JohannPachelbel,ค.ศ.1653-1706) อเลสซำนโดสกำร์แลตตี(AlessandoScarlatti,ค.ศ.1660-1725) อันโตนีโอวีวัลดี(Antonio Vivaldi, ค.ศ.1678-1714) โยฮันน์ เซบำสเตียนบำค(Johann SebastianBach, ค.ศ. 1685-1750) เกออร์กฟรีดริคฮันเดล (GeorgFriedrichHändel,ค.ศ. 1685-1759) ฌอง-แบ๊ปติสต์ ลุลลี่(Jean BaptistLully) ฌอง ฟิลลิปรำโม(Jean PhillippeRameau) เกออร์กฟิลลิปเทเลมันน์ (GeorgPhillipTelemann) เฮ็นรี่ เพอร์เซ็ล(HenryPurcell) ยุคคลำสสิก คริสตอฟวิลลิบัลด์กลุ๊ค(Christoph WillibaldGluck,ค.ศ.1750-1820) ฟรำนซ์โยเซฟไฮเดิน (FranzJoseph Haydn, ค.ศ.1732-1809)
  • 6. โวล์ฟกังอมำเดอุสโมสำร์ท(WolfgangAmadeusMozart, ค.ศ. 1756-1791) ลุดวิกฟำนเบโทเฟน (Ludwigvan Beethoven, ค.ศ. 1770-1827) คำร์ลฟิลลิปเอ็มมำนูเอ็ล บำค (Carl PhillipEmanuelBach) โยฮันคริสเตียนบำค(Johann ChristianBach) ยุคโรแมนติก จิโออัคคิโนรอซสินี (GioacchinoRossini) ฟรำนซ์ปีเตอร์ ชูเบิร์ต (FranzPeter Schubert) เอกเตอร์ แบร์ลิออส (Hector Berlioz) เฟลิกซ์เมนเดลโซห์น-บำร์โธลดี(FelixMendelssohn-Batholdy) เฟรเดริกฟรองซัวส์โชแปง(FrédéricFrançoisChopin) นิกโคโลปำกำนินี(NiccolòPaganini) โรเบิร์ตอเล็กซำนเดอร์ ชูมันน์ (Robert Alexander Schumann) ฟรำนซ์ลิซท์ (Franz Liszt) ริชำร์ดวำกเนอร์ (RichardWagner) จูเซปเป แวร์ดี(GiuseppeVerdi) เบดริชสเมทำนำ(BedrichSmetana) โยฮันเนสบรำห์มส์(JohannesBrahms) จอร์จ บิเซต์ (GeorgesBizet) ปีเตอร์ อิลยิชไชคอฟสกี (Peter Ilyich Tchaikovsky) แอนโทนินดโวชำค(Antonín Dvořák) จิอำโคโมปุชชีนี (GiacomoPuccini) กุสตำฟมำห์เลอร์ (Gustav Mahler) เซียร์เกย์รัคมำนีนอฟ(SergejRakhmaninov) ริชำร์ดสเตรำส์(RichardStrauss) จีน ซิเบลิอุส (Jean Sibelius) โยฮันน์ ชเตรำสส์ที่หนึ่งบิดำ (Johann Straussfather) โยฮันน์ ชเตรำสส์ที่สองบุตร (Johann Straussson) ฌำร์คออฟเฟนบำค (JacquesOffenbach) ชำร์ลกูโนด์(CharlesGounod) อันโตนบรูคเนอร์ (Anton Bruckner) ฮูโก โวล์ฟ(HugoWolf) ยุคอิมเพรสชั่นนิสม์ โคล้ดเดอบุซซี (ClaudeDebussy) มอริซ รำเวล(Maurice Ravel)
  • 7. ยุคศตวรรษที่20-ปัจจุบัน ชำร์ลส์ไอฟส์ (CharlesIves) อำร์โนลด์เชินแบร์ก (Arnold Schoenberg) คำร์ลออร์ฟ (Carl Orff) เบลำ บำร์ต็อก(Béla Bartók) โซลตันโคดำย(ZaltánKodály) อิกอร์ สตรำวินสกี้(IgorStravinsky) อันโตนเวเบิร์น(Anton Webern) อัลบัน แบร์ก (Alban Berg) เซอร์เก โปรโคเฟียฟ(SergeiProkofiev) พอล ฮินเดมิธ (PaulHindemith) จอร์จ เกิร์ชวิน(GeorgeGershwin) อำรอนคอปแลนด์ (Aaron Copland,ค.ศ.1900-1990) ดมิทรี ดมิทรีวิชชอสตำโควิช(Dmitri DmitrievichShostakovich, ค.ศ. 1906-1975) โอลิวิเยร์ เมสเซียง(OlivierMessiaen, ค.ศ.1908-1992) เอลเลียตคำร์เตอร์ (ElliottCarter, ค.ศ. 1908-ปัจจุบัน) วิโทลด์ลูโทสลำฟสกี้(WitoldLutoslawski) จอห์น เคจ (John Cage,ค.ศ. 1912-1992) ปิแอร์ บูแลซ(Pierre Boulez,ค.ศ. 1925-ปัจจุบัน) ลูชำโนเบริโอ(LucianoBerio, ค.ศ.1925-2003) คำร์ลไฮน์สต็อกเฮำเซน(KarlheinzStockhausen,ค.ศ. 1928-2006) ฟิลิปกลำส(PhilipGlass) ลุยจิ โนโน(LuigiNono) ยำนนิสเซนำคิส(IannisXenakis,ค.ศ. 1922-2001) มิลตันแบ็บบิท (Milton Babbitt) วอล์ฟกังริห์ม (WolfgangRihm) อำร์โวแพรท (Arvo Pärt) โซเฟียกุไบดูลินำ(Sofia Gubaidulina) Giya Kancheli ยอร์กี ลิเกตี(György Ligeti) กชึชตอฟ แปนแดแรตสกี (Krzysztof Penderecki) ยอร์กี เคอร์ทัค (György Kurtag) เฮลมุต ลำเคนมำนน์(HelmutLachenmann) สตีฟไรค์ (Steve Reich)
  • 8. จอห์น อดัมส์ (John Adams) John Zorn โตรุ ทำเคมิตสึ(Toru Takemitsu) Tan Dun Chen Yi UnsukChin คีตกวีชาวไทยที่ประพันธ์ดนตรีคลาสสิกในปัจจุบันที่มีงานดนตรีออกมาอย่างสม่าเสมอ ณรงค์ฤทธิ์ธรรมบุตรwww.narongrit.com วีรชำติเปรมำนนท์ จิรเดชเสตะพันธุ ณรงค์ปรำงเจริญwww.narongmusic.com เด่นอยู่ประเสริฐ ภำธรศรีกรำนนท์ บุญรัตน์ ศิริรัตนพันธboonrut.blogspot.com วำนิชโปตะวนิช อภิสิทธ์ วงศ์โชติ อติภพ ภัทรเดชไพศำล สุรัตน์เขมำลีลำกุล นบ ประทีปะเสน สิรเศรษฐปันฑุรอัมพรwww.pantura-umporn.com วิบูลย์ตระกูลฮุ้น อโนทัย นิติพล ยังไม่ได้จัดหมวดหมู่ เอริก ซำที (ErikSatie) คำร์ลเซอร์นี (Carl Czerny) โยฮันน์ ฟรีดริคฟรำนซ์เบิร์กมุลเลอร์ (JohannFriedrichFranzBurgmüller) ฟรำนซิสปูเลงค์ (FrancisPoulenc) คีตกวีเอกของโลก โยฮันน์ เซบำสเตียนบำค(Johann Sebastian Bach) ลุดวิจฟำนเบโทเฟน(Ludwig van Beethoven) โวล์ฟกังอะมำเดอุสโมซำร์ท(Wolfgang Amadeus Mozart) เฟรเดริกฟรองซัวส์โชแปง(Frédéric François Chopin) โรเบิร์ตอะเล็กซำนเดอร์ ชูมันน์ (Robert Alexander Schumann) ฟรำนซ์ปีเตอร์ ชูเบิร์ต (Franz Peter Schubert)
  • 9. อำนโตนิโอวิวัลดิ(Antonio Vivaldi) ริชำร์ดวำกเนอร์ (Richard Wagner) ปีเตอร์ ไชคอฟสกี้(Peter Tchaikovsky) โยฮันน์ สเตรำส์บิดำ(Johann Strauss father) โยฮันน์ สเตรำส์บุตร(Johann Strauss son) โยฮันเนสบรำห์ม (Johannes Brahms) จอร์จ เฟรดริกฮันเดล(Georg Friedrich Händel) เอริก ซำที (ErikSatie) อิกอร์ สตรำวินสกี้(IgorStravinsky) เอกเตอร์ แบร์ลิออส (Hector Berlioz) จอร์เจอส์ บิเซท (Georges Bizet) เบลำ บำร์ต็อก(Béla Bartók) คำร์ลเซอร์นี (Carl Czerny) แอนโทนินดโวชำค(Antonín Dvořák) โคล้ดเดอบุซซี (Claude Debussy) เบิร์กมุลเลอร์ (Johann Friedrich Franz Burgmüller) ชำร์ลสกูนอด (Charles Gounod) ฟรำนซ์โจเซฟ ไฮเดิน (Franz Joseph Haydn) ฟร้ำนซ์ลิซท์ (Franz Liszt) คำร์ลออร์ฟ (Carl Orff) ชำคส์ออฟเฟนบำค (Jacques Offenbach) จิอำโคโมปุชชินี (Giacomo Puccini) ฟรำนซิสปูเลงค์ (Francis Poulenc) จูเซปเป เวอร์ดิ(Giuseppe Verdi) ดิมิทรี ดิมิทรีวิชชอสตำโกวิช(Dimitri Shostakovich) กุสตำฟมำห์เลอร์ (GustavMahler) สก็อต จอปลิน (Scott Joplin) อำนโตนิโอซำลิเอรี (Antonio Salieri) เซียร์เกย์รัคมำนีนอฟ(Sergei Rachmaninoff)
  • 10. โยฮันน์เซบาสเตียนบาค โยฮันน์ เซบำสเตียนบำค,ปี พ.ศ. 2291 วำดโดยอีเลียสก็อตลอบเฮำส์มันน์ (EliasGottlobHaussmann) โยฮันน์ เซบาสเตียนบาค (เยอรมัน:JohannSebastianBach)เป็นคีตกวีและนักออร์แกนชำวเยอรมันเกิดเมื่อวันที่21 มีนำคมพ.ศ. 2228(ค.ศ. 1685)ในครอบครัวนักดนตรี ที่เมืองไอเซนัค บำคแต่งเพลงไว้มำกมำยโดยดั้งเดิมเป็นเพลงสำหรับใช้ในโบสถ์ เช่น"แพชชั่น"บำคถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 28 กรกฎำคมพ.ศ.2293 ที่เมืองไลพ์ซิจ บำคเป็นนักประพันธ์ดนตรีสมัยบำโรคเขำสร้ำงดนตรีของเขำจนกลำยเป็นเอกลักษณ์ของยุคสมัย บำคมีอิทธิพลอย่ำงสูงและยืนยำวต่อกำรพัฒนำดนตรีตะวันตกแม้แต่นักประพันธ์เพลงผู้ยิ่งใหญ่เช่นโมซำร์ทและเบโทเฟนยัง ยอมรับบำคในฐำนะปรมำจำรย์ งำนของบำคโดดเด่นในทุกแง่ทุกมุม ด้วยควำมพิถีพิถันของบทเพลงที่เต็มไปด้วยท่วงทำนองเสียงประสำนหรือเทคนิคกำรสอดประสำนกันของท่วงทำนองต่ำง ๆรูปแบบที่สมบูรณ์แบบ เทคนิคที่ฝึกฝนมำเป็นอย่ำงดีกำรศึกษำค้นคว้ำแรงบันดำลใจอันเต็มเปี่ยม รวมทั้งปริมำณของบทเพลงที่แต่งทำให้งำนของบำคหลุดจำกวงจรทั่วไปของงำนสร้ำงสรรค์ที่ปกติแล้วจะเริ่มต้น เจริญเติบโตถึงขีดสุดแล้วเสื่อมสลำยนั่นคือไม่ว่ำจะเป็นเพลงที่บำคได้ประพันธ์ไว้ตั้งแต่วัยเยำว์ หรือเพลงที่ประพันธ์ในช่วงหลังของชีวิตนั้นจะมีคุณภำพทัดเทียมกัน §ประวัติ §ไอเซอบำค บำคถือกำเนิดในครอบครัวนักดนตรีที่ยึดอำชีพนักดนตรีประจำรำชสำนัก ประจำเมืองและโบสถ์ในมณฑลทูรินจ์มำหลำยชั่วอำยุซึ่งก็นับได้ว่ำโยฮันน์เซบำสเตียนบำคเป็นรุ่นที่ห้ำแล้ว
  • 11. หำกจะนับกันตั้งแต่บรรพบุรุษที่บำครู้จักนั่นคือนำยเวียตบำคผู้มีชีวิตในคริสต์ศตวรรษที่ 16ในฐำนะเจ้ำของโรงโม่และนักดนตรีสมัครเล่นในฮังกำรี ตั้งแต่บำคเกิด สมำชิกครอบครับบำคที่เล่นดนตรีมีจำนวนหลำยสิบคน ทำให้ตระกูลบำคกลำยเป็นครอบครัวนักดนตรีที่สำคัญและเป็นที่รู้จักมำกที่สุดในประวัติศำสตร์ดนตรีตะวันตก บำคได้รับกำรศึกษำทำงดนตรีจำกบิดำคือโยฮันน์อัมโบรซิอุส นักไวโอลินเมื่ออำยุได้สิบปี เขำก็ต้องสูญเสียทั้งมำรดำและบิดำในเวลำที่ห่ำงกันเพียงไม่กี่เดือนทำให้เขำต้องอยู่ในควำมอุปกำระของพี่ชำยคนโต โยฮันน์ คริสตอฟ บาคผู้เป็นศิษย์ของโยฮันน์พำเคลเบล และมีอำชีพเป็นนักเล่นออร์แกนในเมืองโอร์ดรุฟในขณะที่รับกำรศึกษำด้ำนดนตรีไปด้วยโยฮันน์ เซบำสเตียนได้แสดงให้เห็นควำมเป็นอัจฉริยะทำงดนตรี รวมทั้งยังช่วยครอบครัวหำเงินโดยกำรเป็นนักร้องในวงขับร้องประสำนเสียงของครอบครัว และยังชอบคัดลอกงำนประพันธ์และศึกษำผลงำนของนักประพันธ์อื่นๆ ที่เขำสำมำรถพบหำได้อีกด้วยเช่นกันกับทุกคนที่ชื่นชอบนักดนตรีเอกของโลกอย่ำงโยฮันน์เซบำสเตียนบำค §ลือเนอบูร์ก ทรัพย์สินเงินทองของพี่ชำยชองโยฮันน์เซบำสเตียนมีจำกัดอีกทั้งพี่ชำยยังมีครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดูรำวปี พ.ศ.2243(ค.ศ. 1700)โยฮันน์เซบำสเตียนก็ได้รับกำรตอบรับให้เข้ำเรียนที่โรงเรียนในโบสต์(ลำมิคำเอลิสสกูล) ที่เมืองลูนเบิร์กซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ห่ำงออกไปทำงเหนือรำว200กิโลเมตร ซึ่งเขำต้องเดินทำงด้วยเท้ำไปเข้ำเรียนที่นั่นพร้อมกับเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งนอกเหนือจำกกำรเรียนดนตรีแล้ว เขำยังได้ยังได้เรียนวำทศิลป์ ตรรกศำสตร์ ภำษำละตินภำษำกรีกและภำษำฝรั่งเศสเขำยังได้ทำควำมรู้จักกับจอร์จ เบอห์ม นักดนตรีของโจฮันเนส เคียร์ชและศิษย์ของโยฮันน์ อำดัม เรนเคนนักเล่นออร์แกนคนดังของนครฮัมบูร์กเรนเคนนี่เองที่เป็นคนสอนเขำเกี่ยวกับรูปแบบดนตรีของเยอรมนีตอนเหนือ ที่ลือเนบวร์กเขำยังได้รู้จักกับนักดนตรีชำวฝรั่งเศสอพยพโดยเฉพำะอย่ำงยิ่งโธมำส์เดอลำ เซลล์ศิษย์ของลุลลีและด้วยกำรได้สัมผัสกับวัฒนธรรมทำงดนตรีในอีกรูปแบบ เขำได้คัดลอกบทเพลงสำหรับออร์แกนของนิโกลำส์เดอกรินยีและเริ่มติดต่อทำงจดหมำยกับฟร็องซัวส์คูเปอแรง บำคศึกษำและวิเครำะห์โน้ตแผ่นของนักดนตรีที่มีชื่อเสียงด้วยควำมละเอียดรอบคอบ ควำมสนอกสนใจและควำมอยำกรู้อยำกเห็นของเขำมีมำก กระทั่งว่ำเขำยอมเดินเท้ำไปหลำยสิบกิโลเมตรเพื่อจะฟังกำรแสดงของนักดนตรีดังเป็นต้นว่ำจอร์จโบห์มโยฮันน์อำดัม เรนเคนและวินเซนต์ลึบเบ็ค และแม้กระทั่งดีทริชบุกซ์เตฮูเด้ ผู้ซึ่งโด่งดังกว่ำมินิกิปปิ §อำร์นชตัดท์[แก้] ในปีพ.ศ. 2246 (ค.ศ.1703) บำคได้กลำยเป็นนักเล่นออร์แกนประจำเมืองอำร์นสตัดต์เขำเริ่มมีชื่อเสียงอย่ำงรวดเร็วในฐำนะนักดนตรีเอก และนักดนตรีที่เล่นสดได้โดยไม่ต้องดูโน้ต §มึลเฮำเซ่น[แก้]
  • 12. ตั้งแต่ปีพ.ศ.2250(ค.ศ.1707)ถึง พ.ศ.2251(ค.ศ.1708) เขำได้เป็นนักเล่นออร์แกนประจำเมืองมุห์ลโฮเซนบำคได้ประพันธ์เพลงแคนตำตำบทแรกขึ้น ซึ่งเป็นบทนำก่อนที่เขำจะเริ่มประพันธ์บทเพลงทำงศำสนำอันยิ่งใหญ่อลังกำร และเขำยังได้ประพันธ์บทเพลงสำหรับบรรเลงด้วยออร์แกนเพิ่มเติมด้วยอันเป็นผลงำนที่ยืนยันถึงควำมอัจฉริยะควำมลึกซึ้ง และควำมงำมอันบริสุทธิ์ของเขำทำให้บำคกลำยเป็นนักดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกำลในบรรดำบทเพลงทำงศำสนำแล้ว ตลอดชั่วชีวิตของบำคเขำได้ใช้เวลำกับกำรประพันธ์เพลงคันตำต้ำร่วมห้ำปี หรือกว่ำสำมร้อยชิ้น ในบรรดำบทเพลงรำวห้ำสิบชิ้นที่สูญหำยไปนั้นส่วนใหญ่เป็นเพลงที่ถูกประพันธ์ขึ้นในช่วงเวลำดังกล่ำว §ไวมำร์[แก้] ในระหว่ำงปี พ.ศ. 2251ถึง พ.ศ. 2260บำคดำรงตำแหน่งนักเล่นออร์แกนและนักไวโอลินเดี่ยวมือหนึ่ง ประจำวิหำรส่วนตัวของดยุคแห่งไวมำร์ ทำให้เขำมีทั้งออร์แกนเครื่องดนตรีและนักร้องประจำวงในครอบครอง ช่วงเวลำดังกล่ำวเป็นช่วงเวลำแห่งกำรสร้ำงสรรค์ผลงำนของบำคมำกมำย ไม่ว่ำจะเป็นเพลงบรรเลงด้วยออร์แกนคันตำต้ำเพลงสำหรับฮำร์ปซิคอร์ดที่ได้แรงบันดำลใจมำจำกปรมำจำรย์ทำงดนตรีชำวอิ ตำเลียนทั้งหลำย §เคอเท่น[แก้] ระหว่ำงปี พ.ศ. 2260(ค.ศ.1717)ถึง พ.ศ. 2266(ค.ศ.1723) เขำได้ตำรงตำแหน่งผู้ดูแลวิหำรประจำรำชสำนักของเจ้ำชำยอำนฮัลต์-เคอเธ่น เจ้ำชำยเป็นนักดนตรีและนักเล่นฮำร์ปซิคอร์ดช่วงเวลำอันแสนสุขของกำรเติบโตในหน้ำที่กำรงำน ได้เป็นแรงผลักดันให้เขำประพันธ์ผลงำนที่ยิ่งใหญ่มำกมำย สำหรับบรรเลงด้วยลิวต์(Lute)ฟลู้ตไวโอลิน(โซนำตำและบทเพลงสำหรับเดี่ยวไวโอลิน)ฮำร์ปซิคอร์ด(หนังสือเว็ลเท็มเปอร์คล าเวียร์ เล่มที่สอง)เชลโล(สวีทสำหรับเดี่ยวเชลโล)และบทเพลงบรันเด็นเบอร์กคอนแชร์โต้ หกบท §ไลป์ ซิก ระหว่ำงปี พ.ศ. 2268(ค.ศ.1725)ถึง พ.ศ.2293(ค.ศ.1750)หรือเป็นระยะเวลำกว่ำ25ปีที่บำคพำนักอยู่ที่เมืองไลพ์ซิจ บำคได้สืบทอดตำแหน่งผู้อำนวยกำรดนตรีของโบสถ์เซนต์โธมัสในนิกำยลูเธอรันต่อจำกโยฮันน์ คูห์นำวเขำเป็นครูสอนดนตรีและภำษำละตินแต่ก็ยังต้องประพันธ์เพลงจำนวนมำกให้กับโบสถ์ โดยมีบทเพลงคันตำต้ำ(Cantata)ทุกวันอำทิตย์และวันนักขัตฤกษ์ในขณะดำรงตำแหน่งนี้เขำได้ประพันธ์คันตำต้ำไว้กว่ำ 126 บท แต่บทเพลงดังกล่ำวมักจะไม่ได้รับกำรถ่ำยทอดออกมำอย่ำงที่ควรเนื่องจำกขำดแคลนเครื่องดนตรี และนักดนตรีที่มีฝีมือ บำคได้ใช้แนวทำงเดิมในกำรประพันธ์บทเพลงใหม่ๆแต่ควำมเป็นอัจฉริยะควำมคิดสร้ำงสรรค์ และควำมฉลำดของเขำทำให้ผลงำนทุกชิ้นมีเอกลักษณ์ และถูกนับเป็นหนึ่งในผลงำนยอดเยี่ยมแห่งประวัติศำสตร์ดนตรีตะวันตกโดยเฉพำะ"เซนต์แมทธิวแพชชั่น""แมส
  • 13. ในบันไดเสียงบีไมเนอร์""เว็ลเท็มเปอร์คลาเวียร์""มิวสิกคัล ออฟเฟอริ่ง"ดนตรีของบำคหลุดพ้นจำกรูปแบบทั่วไป โดยที่เขำได้ใช้ควำมสำมำรถของเขำอย่ำงเต็มพิกัดและถ่ำยทอดออกมำเป็นบทเพลงจนถึงขีดสุดของควำมสมบูรณ์แบบ §มรดกทำงดนตรี เมื่อโยฮันน์ เซบำสเตียนบำค ดนตรีบำโรคได้ถึงจุดสุดยอดและถึงกำลสิ้นสุดในเวลำอันรวดเร็วหลังจำกกำรเสียชีวิตของบำค ดนตรีของเขำได้ถูกลืมไปเนื่องด้วยเพรำะมันล้ำสมัยไปแล้ว เช่นเดียวกับเทคนิคกำรสอดประสำนกันของท่วงทำนองต่ำงๆที่เขำพัฒนำให้มันสมบูรณ์แบบอย่ำงหำใดเทียมทำน บุตรชำยที่เขำได้ฝึกสอนดนตรีไว้ ไม่ว่ำจะเป็นวิลเฮ็ล์มฟรีดมำนน์บำคคำร์ลฟิลลิปเอ็มมำนูเอ็ล บำค โยฮันน์คริสตอฟ ฟรีดริชบำคและ โยฮันน์คริสเตียนบำคได้รับถ่ำยทอดพรสวรรค์บำงส่วนจำกบิดำและได้รับถ่ำยทอดเทคนิคกำรเล่นจำกบำค ก็ได้ทอดทิ้งแนวทำงดนตรีของบิดำเพื่อไปสนใจกับแนวดนตรีที่ทันสมัยกว่ำในที่สุด เช่นเดียวกับนักดนตรีร่วมสมัยเดียวกันกับบำค(เป็นต้นว่ำ เกออร์กฟิลลิปเทเลมันน์ผู้มีอำยุแก่กว่ำบำคสี่ปี ก็ได้รับอิทธิพลจำกดนตรีที่ทันสมัยกว่ำ) ปรำกฏกำรณ์นิยมแนวดนตรีใหม่นี้ก็เกิดกับ[[]]เช่นกันจนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อบำรอนฟำนสวีเทน ผู้หลงใหลในดนตรีบำโรคและมีห้องสมุดส่วนตัวสะสมบทเพลงบำโรคไว้เป็นจำนวนมำก ได้ให้โมซำร์ทชมผลงำนอันยิ่งใหญ่ของบำคบำงส่วนทำให้ควำมมีอคติต่อดนตรีบำโรคของโมซำร์ทนั้นถูกทำลำยไปสิ้น จนถึงขั้นไม่สำมำรถประพันธ์ดนตรีได้ตลอดช่วงระยะเวลำหนึ่งเมื่อเขำสำมำรถยอมรับมรดกทำงดนตรีของบำคได้แล้ว วิธีกำรประพันธ์ดนตรีของเขำก็เปลี่ยนไปรำวกับว่ำบำคมำเติมเต็มรูปแบบทำงดนตรีให้แก่เขำ โดยที่ไม่ต้องละทิ้งรูปแบบส่วนตัวแต่อย่ำงใด ตัวอย่ำงผลงำนของโมซำร์ทที่ได้รับอิทธิพลของบำคก็เช่น"เพลงสวดศพเรเควียม""ซิมโฟนีจูปิเตอร์"ซึ่งท่อนที่สี่เป็นฟิวก์ห้ำเสียง ที่ประพันธ์ขึ้นโดยใช้เทคนิคกำรสอดประสำนกันของท่วงทำนองต่ำงๆรวมทั้งบำงส่วนของอุปรำกรเรื่อง"ขลุ่ยวิเศษ" ลุดวิกฟำนเบโทเฟนรู้จักบทเพลงสำหรับคลำวิคอร์ดของบำคเป็นอย่ำงดีจนสำมำรถบรรเลงบทเพลงส่วนใหญ่ได้ขึ้นใจ ตั้งแต่วัยเด็ก สำหรับประชำชนทั่วไปแล้วควำมเป็นอัจฉริยะของบำคไม่ได้เป็นที่รู้จักต่อสำธำรณชนจนกระทั่งในคริสต์ศตวรรษที่ 19 อันเนื่องมำจำกควำมพยำยำมของเฟลิกซ์เม็นเดลโซห์นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้อำนวยกำรดนตรีที่โบสถ์เซนต์โธมัส แห่งเมืองไลพ์ซิจนับแต่นั้นเป็นต้นมำ ผลงำนของบำคที่ยืนยงคงกระพันต่อกำรเปลี่ยนแปลงของรสนิยมทำงดนตรี ก็ได้กลำยเป็นหลักอ้ำงอิงที่มิอำจหำผู้ใดเทียมทำนได้ในบรรดำผลงำนดนตรีตะวันตก ในช่วงคริสต์ทศวรรษที่30ที่เมืองไลพ์ซิจคำร์ลสโตรปได้คิดค้นวิธีบรรเลงบทเพลงของบำคในรูปแบบใหม่ โดยกำรใช้เครื่องดนตรีที่มีประสิทธิภำพมำกกว่ำ และใช้วงขับร้องประสำนเสียงในแบบที่ยืดหยุ่นกว่ำที่บรรเลงและขับร้องกันในคริสต์ศตวรรษที่ 19 เขำยังได้บรรเลงบทเพลงทำงทฤษฎีเป็นต้นว่ำ อาร์ต ออฟฟิวก์ (โดยใช้วงดุริยำงค์ประกอบด้วย) ผลสัมฤทธิ์ของแนวทำงใหม่นี้ได้เห็นเป็นรูปธรรมในคริสต์ทศวรรษที่50โดยมีนักดนตรีอย่ำงกุสตำฟ เลออนฮำร์ทและบรรดำลูกศิษย์ลูกหำของเขำรวมถึงนิโคเลำส์อำร์นองกูต์โดยที่กุสตำฟเลออนฮำร์ทและนิโคเลำส์ อำร์นองกูต์เป็นนักดนตรีคนแรกๆที่บันทึกเสียงบทเพลงคันตำต้ำของบำคครบทุกบท
  • 14. แม้ว่ำดนตรีของบำคจะถูกตีควำมในลักษณะอื่นเช่นแจ๊ส (บรรเลงโดยฌำคลูสิเยร์(JaquesLoussier)หรือเวนดี คำร์ลอส) บรรเลงโดยใช้เครื่องดนตรีประเภทอื่นหรือถูกดัดแปลงเป็นแจ๊สมันก็ยังคงเอกลักษณ์เดิมไว้ รำวกับว่ำโครงสร้ำงของบทเพลงที่โดดเด่นทำให้สิ่งอื่นๆกลำยเป็นแค่ส่วนประกอบเท่ำนั้น มำร์เซลดูเปรสำมำรถบรรเลงบทเพลงทุกบทของบำคด้วยออร์แกนได้อย่ำงขึ้นใจเช่นเดียวกับเฮลมุท วำลคำนักเล่นออร์แกนชำวเยอรมันผู้ที่ตำบอดตั้งแต่เกิดแต่ก็ได้หัดเล่นเพลงของบำคโดยอำศัยกำรฟังอย่ำงตั้งอกตั้งใจ §แนวคิด «บำคเป็นคนประเภทที่เห็นคนอื่นๆเป็นเพียงเด็กน้อยในสำยตำของเขำ »โรเบิร์ตอเล็กซำนเดอร์ ชูมันน์ «หำกไม่มีบำคเทววิทยำคงขำดเป้ ำหมำยกำรสร้ำงโลกของพระเจ้ำกลำยเป็นเพียงตำนำน และควำมว่ำงเปล่ำกลำยเป็นสิ่งที่ไม่อำจปฏิเสธได้»,«หำกมีใครสักคนที่เป็นหนี้บุญคุณบำคทุกอย่ำง นั่นคงเป็นพระเจ้ำ»,ซิโอร็อง, Syllogismesde l'amertume สำนักพิมพ์กัลลิมำร์ «ดนตรีของบำคมีแนวโน้มจะกลำยเป็นสิ่งมีชีวิตมีชีพจรและอำรมณ์ควำมรู้สึก»ปิแอร์ วิดำล «มีบำคก่อน...แล้วจึงมีคนอื่นๆตำมมำ »พำโบลคำซำลส์ «ถึงแม้ข้ำพเจ้ำจะมีควำมรักในศิลปินคนอื่น–ไม่ได้รักเบโทเฟนและโมซำร์ทน้อยไปกว่ำกัน– ข้ำพเจ้ำก็ไม่อำจเห็นด้วยกับคำกล่ำวของคำซำลส์ได้ บำคโดดเด่นกว่ำพวกเขำเหล่ำนั้นทั้งหมด »ปอล โทเทลลิเยร์ §บทประพันธ์ที่สาคัญ คันตาต้า BWV 4, BWV 6, BWV 78, BWV 106, BWV 140, BWV 136, BWV 198, BWV 146, BWV 177,BWV 127, BWV 35, BWV 51, BWV 56, BWV 82, BWV 201, BWV 205, BWV 208, BWV 211, BWV 212. BWV 245; เซนต์แมทธิวแพชชั่น,BWV 244 ; แมส ในบันไดเสียงบีไมเนอร์,BWV 232 ; คริสต์มาส โอราทอริโอ,BWV 248 ; มักนิฟิคัท, BWV 243 ; โมเต็ต,BWV 225 ถึง BWV 231 ; ท็อคคาต้า และ ฟิวก์ ในบันไดเสียง ดีไมเนอร์ สาหรับออร์แกน, BWV 565 และบทเพลงพรีลูดแอนด์ฟิวก์อีกหลำยบท เป็นต้นว่ำBWV 542,543, 544,545,582; โกลด์แบร์ก วาริเอชั่น,BWV 988 ; พาร์ติต้าหกบทสาหรับคลาวิคอร์ด,BWV 825 ถึง BWV 830 ; อินเวนชั่นและซิมโฟนี,BWV 772 ถึง BWV 801 ; อินเวนชั่น, BWV772 : สื่อ:Bach-invention-01.mid ซิมโฟนี,BWV 787 : สื่อ:Bwv787.mid เว็ลเท็มเพปร์คลาเวียร์,BWV 846 ถึง BWV 893 ; พรีลูดหมายเลข1,BWV 846: สื่อ:Wtk1-prelude1.mid โซนาต้า และพาร์ติต้าสาหรับเดี่ยวไวโอลิน,BWV 1001 ถึง BWV 1006;
  • 15. สวีทสาหรับเดี่ยวเชลโล,BWV 1007 ถึง BWV 1012; สวีทสาหรับเดี่ยวเชลโล,BWV1008,โน้ตแผ่น: http://wikisource.org/wiki/Suite_pour_violoncelle%2C_II#Courante โซนาต้าสาหรับฟลู้ต,BWV 1013,BWV 1020, BWV 1030 ถึง BWV 1035 ; บรันเด็นเบอร์ก คอนแชร์โต หกบท, BWV 1046 ถึง BWV 1051 ; คอนแชร์โตสาหรับไวโอลิน,BWV 1041,BWV 1042,BWV 1043 ; คอนแชร์โตสาหรับฮาร์ปซิคอร์ด,BWV 1052 ถึง BWV 1065 ; สวีทสาหรับออร์เคสตร้า,BWV 1066 ถึง BWV 1070 ; มิวสิกคัล ออฟเฟอริ่ง,BWV 1079; อาร์ต ออฟ ฟิวก์,BWV 1080; Violin Sonata No. 1 in G minor(BWV1001)ในลำยมือของบำค §การจัดเรียงผลงานการประพันธ์ ผลงำนดนตรีของบำคเรียงลำดับตัวเลขตำมหลังคำว่ำBWVซึ่งเป็นตัวย่อของ Bach Werke Verzeichnis แปลว่ำแคตตาล็อกผลงานของบาคตีพิมพ์ขึ้นในปี ค.ศ.1950 เรียบเรียงโดยโวล์ฟกังชมีเดอร์ (WolfgangSchmieder). แคตตำล็อกนี้ไม่ได้ถูกเรียงลำดับตำมเวลำที่ประพันธ์แต่เรียงตำมลักษณะของบทประพันธ์.เช่น BWV 1-224 เป็นผลงำนคันตำต้ำ,BWV225–48เป็นผลงำนสำหรับกลุ่มนักร้องประสำนเสียง,BWV250–524 เป็นผลงำนขับร้องและดนตรีศำสนำ,BWV525–748 เป็นผลงำนสำหรับออร์แกน,BWV772–994 เป็นผลงำนสำหรับเครื่องดนตรีคีย์บอร์ด,BWV995–1000เป็นผลงำนสำหรับลิวท์,BWV1001–40 เป็นผลงำนดนตรีเชมเบอร์(chambermusic),BWV1041–71เป็นผลงำนสำหรับวงดุริยำงค์และBWV1072–1126
  • 16. เป็นผลงำนแคนนอนและ ฟิวก์ ในขั้นตอนกำรจัดเรียงแคตตำล็อกนี้ชมีเดอร์เรียบเรียงตำมBachGesellschaftAusgabe ที่เป็นผลงำนของบำคแบบครบถ้วนที่ตีพิมพ์ขึ้นในระหว่ำงปี ค.ศ.1850-1905. ลุดวิจ ฟาน เบโทเฟน ลุดวิจฟำนเบทโฮเฟินใน ค.ศ. 1820 ลุดวิจ ฟานเบทโฮเฟิ น (เยอรมัน:Ludwigvan Beethoven, เสียงอ่ำน:[ˈluːtvɪç fan ˈbeːt.hoːfn̩]; 16 ธันวำคมค.ศ. 1770 -26 มีนำคม ค.ศ. 1827)เป็นคีตกวีและนักเปียโนชำวเยอรมันเกิดที่เมืองบอนน์ประเทศเยอรมนี เบทโฮเฟินเป็นตัวอย่ำงของศิลปินยุคโรแมนติกผู้โดดเดี่ยวและไม่เป็นที่เข้ำใจของบุคคลในยุคเดียวกันกับเขำ ในวันนี้เขำได้กลำยเป็นคีตกวีที่มีคนชื่นชมยกย่องและฟังเพลงของเขำกันอย่ำงกว้ำงขวำงมำกที่สุดคนหนึ่ง ตลอดชีวิตของเขำมีอุปสรรคนำนัปกำรที่ต้องฝ่ ำฟันทำให้เกิดควำมเครียดสะสมในใจเขำในรูปภำพต่ำงๆที่เป็นรูปเบทโฮเฟิน สีหน้ำของเขำหลำยภำพแสดงออกถึงควำมเครียดแต่ด้วยจิตใจที่แข็งแกร่งของเขำก็สำมำรถเอำชนะอุปสรรคต่ำงๆ ในชีวิตของเขำได้ ตำนำนที่คงอยู่นิรันดร์เนื่องจำกได้รับกำรยกย่องจำกคีตกวีโรแมนติกทั้งหลำย เบทโฮเฟินได้กลำยเป็นแบบอย่ำงของพวกเขำเหล่ำนั้นด้วยควำมเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียมทำน ซิมโฟนีของเขำ (โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งซิมโฟนีหมำยเลข5ซิมโฟนีหมำยเลข6ซิมโฟนีหมำยเลข7 และ ซิมโฟนีหมำยเลข9) และคอนแชร์โตสำหรับเปียโนที่เขำประพันธ์ขึ้น(โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งคอนแชร์โตหมำยเลข4และหมำยเลข5) เป็นผลงำนที่ได้รับควำมนิยมมำกที่สุดแต่ก็ มิได้รวมเอำควำมเป็นอัจฉริยะทั้งหมดของคีตกวีไว้ในนั้น §ประวัติ[แก้]
  • 18. ภำพวำดลุดวิจฟำนเบทโฮเฟินในค.ศ. 1823 ลุดวิจฟำนเบโธเฟนเกิดที่เมืองบอนน์(ประเทศเยอรมนี)เมื่อวันที่ 16 ธันวำคมค.ศ. 1770 และได้เข้ำพิธีศีลจุ่มในวันที่17 ธันวำคมค.ศ. 1770เป็นลูกชำยคนรองของโยฮันน์ฟำนเบโธเฟน(Johannvan Beethoven) กับ มำเรียมักเดเลนำเคเวริค (Maria MagdelenaKeverich) ขณะที่เกิดบิดำมีอำยุ30ปี และมำรดำมีอำยุ26ปี ชื่อต้นของเขำเป็นชื่อเดียวกับปู่ และพี่ชำยที่ชื่อลุดวิจเหมือนกันแต่เสียชีวิตตั้งแต่อำยุยังน้อยครอบครัวของเขำมีเชื้อสำยเฟลมิช (จำกเมืองเมเชเลนในประเทศเบลเยียม)ซึ่งก็เป็นเหตุผลว่ำเหตุใด นำมสกุลของเขำจึงขึ้นต้นด้วยฟานไม่ใช่ฟอน ตำมที่หลำยคนเข้ำใจ บิดำเป็นนักนักร้องในคณะดนตรีประจำรำชสำนักและเป็นคนที่ขำดควำมรับผิดชอบซ้ำยังติดสุรำ รำยได้เกินครึ่งหนึ่งของครอบครัวถูกบิดำของเขำใช้เป็นค่ำสุรำทำให้ครอบครัวยำกจนขัดสน บิดำของเขำหวังจะให้เบโธเฟนได้กลำยเป็นนักดนตรีอัจฉริยะอย่ำง โมสำร์ทนักดนตรีอีกคนที่โด่งดังในช่วงยุคที่เบทโฮเฟินยังเด็ ก จึงเริ่มสอนดนตรีให้ในค.ศ. 1776 ขณะที่เบทโฮเฟินอำยุ5ขวบ แต่ด้วยควำมหวังที่ตั้งไว้สูงเกินไป(ก่อนหน้ำเบโธเฟนเกิดโมสำร์ทสำมำรถเล่นดนตรีหำเงินให้ครอบครัวได้ตั้งแต่อำยุ6ปี บิดำของเบโธเฟนตั้งควำมหวังไว้ให้เบโธเฟนเล่นดนตรีหำเงินภำยในอำยุ6ปีให้ได้เหมือนโมสำร์ท) ประกอบกับเป็นคนขำดควำมรับผิดชอบเป็นทุนเดิมทำให้กำรสอนดนตรีของบิดำนั้นเข้มงวดโหดร้ำยทำรุณเช่น ขังเบโธเฟนไว้ในห้องกับเปียโน1หลัง , สั่งห้ำมไม่ให้เบโธเฟนเล่นกับน้องๆเป็นต้นทำให้เบทโฮเฟินเคยท้อแท้กับเรื่องดนตรี แต่เมื่อได้เห็นสุขภำพมำรดำที่เริ่มกระเสำะกระแสะด้วยวัณโรคก็เกิดควำมพยำยำมสู้เรียนดนตรีต่อไป เพื่อหำเงินมำสร้ำงควำมมั่นคงให้ครอบครัว ค.ศ. 1777เบทโฮเฟินเข้ำเรียนโรงเรียนสอนภำษำละตินสำหรับประชำชนที่เมืองบอนน์ ค.ศ. 1778กำรฝึกซ้อมมำนำนสองปีเริ่มสัมฤทธิ์ผล เบโธเฟินสำมำรถเปิดคอนเสิร์ตเปียโนในที่สำธำรณะได้เป็นครั้งแรกในเดือนมีนำคมขณะอำยุ7ปี 3 เดือนที่เมืองโคโลญจน์ (Cologne)แต่บิดำของเบทโฮเฟินโกหกประชำชนว่ำเบทโฮเฟินอำยุ6ปี เพรำะหำกอำยุยิ่งน้อย ประชำชนจะยิ่งให้ควำมสนใจมำกขึ้นในฐำนะนักดนตรีที่เก่งตั้งแต่เด็ก
  • 19. หลังจำกนั้นเบทโฮเฟินเรียนไวโอลินและออร์แกนกับอำจำรย์หลำยคนจนในค.ศ. 1781เบทโฮเฟินได้เป็นศิษย์ของคริสเตียน กอตท์โลบนีเฟ (Christian Gottlob Neefe) ซึ่งเป็นอำจำรย์ที่สร้ำงควำมสำมำรถในชีวิตให้เขำมำกที่สุด นีเฟสอนเบทโฮเฟินในเรื่องเปียโนและกำรแต่งเพลง ค.ศ. 1784เบทโฮเฟินได้เล่นออร์แกนในคณะดนตรีประจำรำชสำนักในตำแหน่งนักออร์แกนที่สองมีค่ำตอบแทนให้พอสมควร แต่เงินส่วนใหญ่ที่หำมำได้ ก็หมดไปกับค่ำสุรำของบิดำเช่นเคย ค.ศ. 1787เบทโฮเฟินเดินทำงไปยังเมืองเวียนนำ(Vienna)เพื่อศึกษำดนตรีต่อเขำได้พบโมสำร์ท และมีโอกำสเล่นเปียโนให้โมสำร์ทฟังเมื่อโมสำร์ทได้ฟังฝีมือของเบทโฮเฟินแล้ว กล่ำวกับเพื่อนว่ำเบทโฮเฟินจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในโลกดนตรีต่อไปแต่อยู่เมืองนี้ได้ไม่ถึง2สัปดำห์ ก็ได้รับข่ำวว่ำอำกำรวัณโรคของมำรดำกำเริบหนักจึงต้องรีบเดินทำงกลับบอนน์ หลังจำกกลับมำถึงบอนน์และดูแลมำรดำได้ไม่นำนมำรดำของเขำก็เสียชีวิตลงในวันที่ 17กรกฎำคมค.ศ.1787ด้วยวัย43ปี เบทโฮเฟินเศร้ำโศกซึมเซำอย่ำงรุนแรงในขณะที่บิดำของเขำก็เสียใจไม่แพ้กันแต่กำรเสียใจของบิดำนั้น ทำให้บิดำของเขำดื่มสุรำหนักขึ้นไร้สติจนในที่สุดก็ถูกไล่ออกจำกคณะดนตรีประจำรำชสำนักเบทโฮเฟินในวัย16ปีเศษ ต้องรับบทเลี้ยงดูบิดำและน้องชำยอีก2คน ค.ศ. 1788เบทโฮเฟินเริ่มสอนเปียโนให้กับคนในตระกูลบรอยนิงค์เพื่อหำเงินให้ครอบครัว ค.ศ. 1789เบทโฮเฟินเข้ำเป็นนักศึกษำไม่คิดหน่วยกิตในมหำวิทยำลัยบอนน์ ค.ศ. 1792เบทโฮเฟินตั้งรกรำกที่กรุงเวียนนำประเทศออสเตรียเบทโฮเฟินมีโอกำสศึกษำดนตรีกับโยเซฟ ไฮเดิน หลังจำกเขำเดินทำงมำเวียนนำได้ 1เดือนก็ได้รับข่ำวว่ำบิดำป่วยหนักใกล้จะเสียชีวิต(มำเวียนนำครั้งก่อน อยู่ได้ครึ่งเดือนมำรดำป่วยหนักมำเวียนนำครั้งนี้ได้หนึ่งเดือนบิดำป่วยหนัก)แต่ครั้งนี้เขำตัดสินใจไม่กลับบอนน์ แบ่งหน้ำที่ในบอนน์ให้น้องทั้งสองคอยดูแล และในปีนั้นเองบิดำของเบทโฮเฟินก็สิ้นใจลงโดยไม่มีเบทโฮเฟินกลับไปดูใจ แต่เบทโฮเฟินเองก็ประสบควำมสำเร็จในกำรแสดงคอนเสิร์ตในฐำนะนักเปียโนเอก และเป็นผู้ที่สำมำรถเล่นได้โดยคิดทำนองขึ้นมำสดๆทำให้เขำเป็นที่รู้จักอย่ำงกว้ำงขวำงในแวดวงและครอบครัวขุนนำง ค.ศ. 1795เขำเปิดกำรแสดงดนตรีในโรงละครสำธำรณะในเวียนนำและแสดงต่อหน้ำประชำชน ทำให้เบทโฮเฟินเริ่มเป็นที่รู้จักของประชำชนมำกขึ้น ค.ศ. 1796ระบบกำรได้ยินของเบทโฮเฟินเริ่มมีปัญหำเขำเริ่มไม่ได้ยินเสียงในสถำนที่กว้ำงๆและเสียงกระซิบของผู้คน เขำตัดสินใจปิดเรื่องหูตึงนี้เอำไว้ เพรำะในสังคมยุคนั้นผู้ที่ร่ำงกำยมีปัญหำ(พิกำร)จะถูกกลั่นแกล้งเหยียดหยำม จนในที่สุดผู้พิกำรหลำยคนกลำยเป็นขอทำนดังนั้นเขำต้องประสบควำมสำเร็จให้ได้เสียก่อนจึงจะเปิดเผยเรื่องนี้ จำกนั้นเขำก็เริ่มประพันธ์บทเพลงขึ้นมำแล้วจึงหันเหจำกนักดนตรีมำเป็นผู้ประพันธ์เพลง เขำสร้ำงสรรค์ผลงำนที่มีแนวแตกต่ำงไปจำกดนตรียุคคลำสสิกคือใช้รูปแบบยุคคลำสสิกแต่ใช้เนื้อหำจำกจิตใจ ควำมรู้สึกในกำรประพันธ์เพลงจึงทำให้ผลงำนเป็นตัวของตัวเอง เนื้อหำของเพลงเต็มไปด้วยกำรแสดงออกของอำรมณ์อย่ำงเด่นชัด ค.ศ. 1801เบทโฮเฟินเปิดเผยเรื่องปัญหำในระบบกำรได้ยินให้ผู้อื่นฟังเป็นครั้งแรกแต่ครั้งนี้สังคมยอมรับ ทำให้เขำไม่จำเป็นต้องปกปิดเรื่องอำกำรหูตึงอีกหลังจำกนั้นก็เป็นยุคที่เขำประพันธ์เพลงออกมำมำกมำย แต่เพลงที่เขำประพันธ์นั้นจะมีปัญหำตรงที่ล้ำสมัยเกินไปผู้ฟังเพลงไม่เข้ำใจในเนื้อหำแต่ในภำยหลังเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ผู้คนเริ่มเข้ำใจในเนื้อเพลงของเบทโฮเฟินบทเพลงหลำยเพลงเหล่ำนั้นก็เป็นที่นิยมล้นหลำมมำถึงปัจจุบัน
  • 20. เมื่อเบทโฮเฟินโด่งดังก็ย่อมมีผู้อิจฉำมีกลุ่มที่พยำยำมแกล้งเบทโฮเฟินให้ตกต่ำจนเบทโฮเฟินคิดจะเดินทำงไปยังเมืองคำสเซล ทำให้มีกลุ่มผู้ชื่นชมในผลงำนของเบทโฮเฟินมำขอร้องไม่ให้เขำไปจำกเวียนนำพร้อมทั้งเสนอตัวให้กำรสนับสนุนกำรเงิน โดยมีข้อสัญญำว่ำเบทโฮเฟินต้องอยู่ในเวียนนำทำให้เขำสำมำรถอยู่ได้อย่ำงสบำยๆ และผลิตผลงำนตำมที่ต้องกำรโดยไม่ต้องรับคำสั่งจำกใคร เบทโฮเฟินโด่งดังมำกในฐำนะคีตกวีอำกำรสูญเสียกำรได้ยินมีมำกขึ้น แต่เขำพยำยำมสร้ำงสรรค์ผลงำนจำกควำมสำมำรถและสภำพที่ตนเป็นอยู่ มีผลงำนชั้นยอดเยี่ยมให้กับโลกแห่งเสียงเพลงเป็นจำนวนมำกผลงำนอันโด่งดังในช่วงนี้ได้แก่ ซิมโฟนีหมำยเลข 5 ที่เบทโฮเฟินถ่ำยทอดท่วงทำนองออกมำเป็นจังหวะสั้น -สั้น - สั้น - ยาวอำกำรไม่ได้ยินรุนแรงขึ้นเรื่อยๆและ ซิมโฟนีหมำยเลข9ที่เขำประพันธ์ออกมำเมื่อหูหนวกสนิทตั้งแต่ปี ค.ศ.1819 เป็นต้นมำ รวมทั้งบทเพลงควอเต็ตเครื่องสำยที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขำก็ประพันธ์ออกมำในช่วงเวลำนี้เช่นกัน ในช่วงนี้เบทโฮเฟินมีอำรมณ์แปรปรวนเนื่องจำกปัญหำเกี่ยวกับหลำนชำยที่เขำรับมำอุปกำระเขำถูกหำว่ำเป็นคนบ้ำ และถูกเด็กๆขว้ำงปำด้วยก้อนหินเมื่อเขำออกไปเดินตำมท้องถนนแต่ก็ไม่มีใครสำมำรถปฏิเสธควำมเป็นอัจฉริยะของเขำได้ แต่ภำยหลังเขำก็ได้พูดคุยปรับควำมเข้ำใจกับหลำนชำยเป็นที่เรียบร้อย ค.ศ. 1826โรคเรื้อรังในลำไส้ที่เบทโฮเฟินเป็นมำนำนก็กำเริบหนักหลังจำกรักษำแล้ว ได้เดินทำงมำพักฟื้นที่บ้ำนน้องชำยบนที่รำบสูงแต่อำรมณ์แปรปรวนก็ทำให้เขำทะเลำะกับน้องชำยจนได้ เขำตัดสินใจเดินทำงกลับเวียนนำในทันทีแต่รถม้ำที่นั่งมำไม่มีเก้ำอี้และหลังคำเบทโฮเฟินทนหนำวมำตลอดทำง ทำให้เป็นโรคปอดบวมแต่ไม่นำนก็รักษำหำย 12 ธันวำคมค.ศ. 1826โรคเรื้อรังในลำไส้และตับของเบทโฮเฟินกำเริบหนักอำกำรทรุดลงตำมลำดับ 26 มีนำคม ค.ศ. 1827เบทโฮเฟินเสียชีวิตลงพิธีศพของเขำจัดขึ้นอย่ำงอลังกำรในโบสถ์เซนต์ตรินิตีโดยมีผู้มำร่วมงำนกว่ำ 20,000 คนศพของเขำถูกฝังอยู่ที่สุสำนกลำงในกรุงเวียนนำ §รูปแบบทางดนตรีและนวัตกรรม[แก้] ในประวัติศำสตร์ดนตรีแล้วผลงำนของเบทโฮเฟินแสดงถึงช่วงรอยต่อระหว่ำงยุคคลำสสิก(ค.ศ.1750- ค.ศ.1810) กับยุคโรแมนติก(ค.ศ.1810- ค.ศ. 1900)ในซิมโฟนีหมำยเลข5 ของเขำ เบทโฮเฟินได้นำเสนอทำนองหลักที่เน้นอำรมณ์รุนแรงในท่อนท่อนเช่นเดียวกับในอีกสำมท่อนที่เหลือ (เป็นรูปแบบที่พบเห็นได้บ่อยในผลงำนประพันธ์ช่วงวัยเยำว์ของเขำ)ช่วงต่อระหว่ำงท่อนที่สำมกับท่อนสุดท้ำย เป็นทำนองหลักของอัตทำกำโดยไม่มีกำรหยุดพักและท้ำยสุดซิมโฟนีหมำยเลข9 ได้มีกำรนำกำรขับร้องประสำนเสียงมำใช้ในบทเพลงซิมโฟนีเป็นครั้งแรก(ในท่อนที่สี่) ผลงำนทั้งหลำยเหล่ำนี้นับเป็นนวัตกรรมทำงดนตรีอย่ำงแท้จริง เขำได้ประพันธ์อุปรำกรเรื่อง"ฟิเดลิโอ"โดยใช้เสียงร้องในช่วงควำมถี่เสียงเช่นเดียวกับเครื่องดนตรีในวงซิมโฟนีโดยมิได้คำนึงถึ งขีดจำกัดของนักร้องประสำนเสียงแต่อย่ำงใด หำกจะนับว่ำผลงำนของเขำประสบควำมสำเร็จต่อสำธำรณชน นั่นก็เพรำะแรงขับทำงอำรมณ์ที่มีอยู่อย่ำงเปี่ยมล้นในงำนของเขำ ในแง่ของเทคนิคทำงดนตรีแล้วเบทโฮเฟินได้ใช้ทำนองหลักหล่อเลี้ยงบทเพลงทั้งท่อน และนับเป็นผลสัมฤทธิ์ทำงดนตรีที่ไม่มีผู้ใดปฏิเสธได้ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งควำมเข้มข้นทำงจังหวะที่มีควำมแปลกใหม่อยู่ในนั้น เบทโฮเฟินได้ปรับแต่งทำนองหลักและเพิ่มพูนจังหวะต่ำงๆเพื่อพัฒนำกำรของบทเพลงเดียวกันตั้งแต่ต้นจนจบ
  • 21. เขำใช้เทคนิคนี้ในผลงำนเลื่องชื่อหลำยบทไม่ว่ำจะเป็นท่อนแรกของเปียโนคอนแชร์โตหมำยเลข4(ที่ใช้ตั้งแต่ห้องแรก) ท่อนแรกของซิมโฟนีหมำยเลข5(ที่ใช้ตั้งแต่ห้องแรกเช่นกัน)ท่อนที่สองของซิมโฟนีหมำยเลข7 (ในจังหวะอนำเปสต์) กำรนำเสนอควำมสับสนโกลำหลของท่วงทำนองในรูปแบบแปลกใหม่ตลอดเวลำ ควำมเข้มข้นของท่วงทำนองตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นที่ย้อนกลับมำสู่โสตประสำทของผู้ฟังอยู่เรื่อยๆอย่ำงไม่หยุดยั้ง ส่งผลให้เกิดควำมประทับใจต่อผู้ฟังอย่ำงถึงขีดสุด เบทโฮเฟินยังเป็นบุคคลแรกๆที่ศึกษำศำสตร์ของวงออร์เคสตรำอย่ำงพิถีพิถันไม่ว่ำจะเป็นกำรพัฒนำบทเพลง กำรต่อบทเพลงเข้ำด้วยกันโดยเปลี่ยนรูปแบบและโดยเฉพำะอย่ำงยิ่งในโน้ตแผ่นที่เขำเขียนให้เครื่องดนตรีชิ้นต่ำงๆนั้น ได้แสดงให้เห็นวิธีกำรนำเอำทำนองหลักกลับมำใช้ในบทเพลงเดียวกันในรูปแบบที่มีเอกลักษณ์ โดยมีกำรปรับเปลี่ยนเสียงประสำนเล็กน้อยในแต่ละครั้งกำรปรับเปลี่ยนโทนเสียงและสีสันทำงดนตรีอย่ำงไม่หยุดยั้ง เปรียบได้กับกำรเริ่มบทสนทนำใหม่โดยที่ยังรักษำจุดอ้ำงอิงของควำมทรงจำเอำไว้ สำธำรณชนในขณะนี้จะรู้จักผลงำนซิมโฟนีและคอนแชร์โตของเบทโฮเฟินเสียเป็นส่วนใหญ่ มีน้อยคนที่ทรำบว่ำผลงำนกำรคิดค้นแปลกใหม่ที่สุดของเบทโฮเฟินนั้นได้แก่เชมเบอร์มิวสิคโดยเฉพำะอย่ำงยิ่งโซนำตำสำหรับเ ปียโน 32 บท และบทเพลงสำหรับวงควอเต็ตเครื่องสำย16บทนั้น นับเป็นผลงำนสร้ำงสรรค์ทำงดนตรีอันเจิดจรัส --- โซนำตำสำหรับเครื่องดนตรีสองหรือสำมชิ้นนับเป็นผลงำนสุดคลำสสิก ---บทเพลงซิมโฟนีเป็นผลงำนคิดค้นรูปแบบใหม่--- ส่วนบทเพลงคอนแชร์โตนั้นก็นับว่ำควรค่ำแก่กำรฟัง §ผลงำนซิมโฟนี[แก้] โยเซฟไฮเดินได้ประพันธ์ซิมโฟนีไว้กว่ำ104บทโมสำร์ทประพันธ์ไว้กว่ำ40บทหำกจะนับว่ำมีคีตกวีรุ่นพี่เป็นตัวอย่ำงที่ดีแล้ว เบทโฮเฟินไม่ได้รับถ่ำยทอดมรดกด้ำนควำมรวดเร็วในกำรประพันธ์มำด้วยเพรำะเขำประพันธ์ซิมโฟนีไว้เพียง9บทเท่ำนั้น และเพิ่งจะเริ่มประพันธ์ซิมโฟนีหมำยเลข10แต่สำหรับซิมโฟนีทั้งเก้ำบทของเบทโฮเฟินนั้นทุกบทต่ำงมีเอกลักษณ์เฉพำะตัว ซิมโฟนีสองบทแรกของเบทโฮเฟินได้รับแรงบันดำลใจและอิทธิพลจำกดนตรีในยุคคลำสสิกอย่ำงไรก็ดีซิมโฟนีหมำยเลข3 ที่มีชื่อเรียกว่ำ"อิรอยก้า"จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในกำรเรียบเรียงวงออร์เคสตรำของเบทโฮเฟิน ซิมโฟนีบทนี้แสดงถึงควำมทะเยอทะยำนทำงดนตรีมำกกว่ำบทก่อนๆโดดเด่นด้วยควำมสุดยอดของเพลงทุกท่อน และกำรเรียบเรียงเสียงประสำนของวงออร์เคสตรำเพรำะแค่ท่อนแรกเพียงอย่ำงเดียวก็มีควำมยำวกว่ำซิมโฟนีบทอื่นๆ ที่ประพันธ์กันในสมัยนั้นแล้วผลงำนอันอลังกำรชิ้นนี้ได้ถูกประพันธ์ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นโปเลียน โบนำปำร์ตและส่งเบทโฮเฟินขึ้นสู่ตำแหน่งสุดยอดสถำปนิกทำงดนตรี และเป็นคีตกวีคนแรกแห่งยุคโรแมนติก แม้ว่ำจะถูกมองว่ำเป็นซิมโฟนีที่สั้นกว่ำและคลำสสิกกว่ำซิมโฟนีบทก่อนหน้ำ ท่วงทำนองของโศกนำฏกรรมในท่อนโหมโรงทำให้ซิมโฟนีหมำยเลข4 เป็นส่วนสำคัญของพัฒนำกำรทำงรูปแบบของเบทโฮเฟิน ต่อจำกนั้นก็ตำมมำด้วยซิมโฟนีสุดอลังกำรสองบทที่ถูกประพันธ์ขึ้นในคืนเดียวกันอันได้แก่ซิมโฟนีหมำยเลข5 และซิมโฟนีหมำยเลข6-หมำยเลข5 นำเสนอทำนองหลักเป็นโน้ตสี่ตัว สั้น - สั้น- สั้น - ยาวสำมำรถเทียบได้กับซิมโฟนีหมำยเลข3ในแง่ของควำมอลังกำร และยังนำเสนอรูปแบบทำงดนตรีใหม่ด้วยกำรนำทำนองหลักของโน้ตทั้งสี่ตัวกลับมำใช้ตลอดทั้งเพลงส่วนซิมโฟนีหมำยเลข6 ที่มีชื่อว่ำ พาสโทราลนั้นชวนให้นึกถึงธรรมชำติที่เบทโฮเฟินรักเป็นหนักหนำ