More Related Content
More from Pannathat Champakul
More from Pannathat Champakul (20)
ความแข็งแรง5 2
- 1. 2. ความเค้นในงานย้าหมุด
แบบของรอยต่อ
รอยต่อของงานย้าหมุดที่นิยมใช้มี 2 แบบ คือ รอยต่อแบบต่อชน (Butt joint) และรอยต่อแบบต่อเกย (Lap
joint)
รอยต่อแบบต่อเกย (Lap joint) แผ่นโลหะ 2 แผ่นวางซ้อนทับกัน ยึดติดกันด้วยหมุดย้าจานวน 1 แถว
2 แถวหรือ 3 แถว
หมุดย้ำ 3 แถว
หมุดย้ำแถวเดียว หมุดย้ำ 2 แถว
รูปรอยต่อแบบต่อเกย (Lap joint)
รอยต่อแบบต่อชน (Butt joint) แผ่นโลหะ 2 แผ่นวางชนกัน (อยู่ในแนวเดียวกัน) มีแผ่นประกบด้าน
เดียวหรือสองด้าน ยึดติดกันด้วยหมุดย้าจานวนข้างละ 1 แถว 2 แถวหรือ 3 แถว
หมุดย้ำ 3 แถว
หมุดย้ำ 2 แถว
หมุดย้ำแถวเดียว
รูปรอยต่อแบบต่อชน (Butt joint)
การคานวณความแข็งแรงของงานย้าหมุด
วิธีการคานวณ
1.1 ในกรณีที่ชิ้นงานแคบ คานวณทั้งแผ่น
1.2 ในกรณีที่ชิ้นงานกว้าง คานวณเพียง 1 ระยะพิตช์
1.3 รอยต่อแบบต่อชน คานวณเพียงด้านเดียว
1.4 สัญลักษณ์ที่ใช้ในการคานวณ
d คือขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของหมุดย้า (mm)
t คือความหนาของชิ้นงาน (แผ่นต่อ) (mm)
p คือระยะพิตช์ (mm)
- 2. การพังทลายของชิ้นงานย้าหมุด (Failure)
1. หมุดย้าโดนเฉือนขาด
F
F
A
A
RS = n1 n2
4
d2
π
เมื่อ RS = แรงต้านการเฉือน (N, MN)
n1 = จานวนหมุดย้าใน 1 ระยะพิตช์
n2 = จานวนพื้นที่ที่โดยเฉือนขาดในหมุด 1 ตัว
= ความเค้นเฉือนของหมุดย้า (N/mm2
, MN/m2
)
2. หมุดย้าโดนแผ่นต่ออัดแตก หรือ แผ่นต่อโดนหมุดย้าอัดแตก
Rc = n1d t cσ
t
Fd
เมื่อ Rc = แรงต้านการอัด (N, MN)
n1 = จานวนหมุดย้าใน 1 ระยะพิตช์
cσ = Compressive stress หรือ Bearing stress (N/mm2
, MN/m2
)
- 3. 3. แผ่นต่อขาดตามแนวขนานกับตะเข็บ
dp
A
F
t
Rt = (p – d)t tσ
เมื่อ Rt = แรงต้านการดึง (N, MN)
tσ = ความเค้นดึงของแผ่นต่อ (N/mm2
, MN/m2
)
การคานวณประสิทธิภาพของรอยต่อ
ประสิทธิภาพของรอยต่อคิดจากแรงต้านการดึง (Rt) แรงต้านการอัด (Rc) และแรงต้านการเฉือน (RS) ของชิ้นงาน
ย้าหมุดเทียบกับแรงต้านของแผ่นต่อที่ไม่มีตะเข็บ (R)
แรงต้านของแผ่นเต็ม R = p.t. tσ
1. ประสิทธิภาพการต้านทานแรงเฉือน S =
R
RS
100%
2. ประสิทธิภาพการต้านทานแรงอัด c = R
Rc 100%
3. การต้านทานแรงดึง t =
R
R t
100%