More Related Content
Similar to เล่ม 2 ตอนที่ 1 ความรู้เบื้องต้นการทดลองทางวิทยาศาสตร์
Similar to เล่ม 2 ตอนที่ 1 ความรู้เบื้องต้นการทดลองทางวิทยาศาสตร์ (20)
เล่ม 2 ตอนที่ 1 ความรู้เบื้องต้นการทดลองทางวิทยาศาสตร์
- 2. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการทดลองทาง
วิทยาศาสตร์
การทดลองเป็นหัวใจที่สาคัญของการเรียนวิทยาศาสตร์ ผู้ที่ชอบการ
ทดลองมักจะเป็นคนที่มีเหตุผล ผู้ที่มีเหตุผลมักจะเป็นคนที่มีความคิด มักจะ
ประสบผลสาเร็จในชีวิต นอกจากนี้ การทดลองวิทยาศาสตร์ยังเป็นการฝึกให้
คนรู้จักปรึกษาหารือ ช่วยกันทางาน รู้จักค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง และเป็น
การฝึกคนให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
หัวใจสาคัญของการทดลองทางวิทยาศาสตร์คือ ผู้ทาการทดลองจะต้อง
มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ดังนั้นจึงมีความ-จาเป็น อย่างยิ่งที่ผู้สอน
การทดลองทางวิทยาศาสตร์จะต้องมีความรู้ความเข้าใจและมีทักษะทาง
วิทยาศาสตร์
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หมายถึง ความสามารถในการใช้
กระบวนการต่างๆ ได้แก่ การสังเกต การวัด การจาแนกประเภท การหา
ความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับเวลา การใช้ตัวเลข การจัดกระทาและสื่อ
ความหมายข้อมูล การลงความคิดเห็น การพยากรณ์ การตั้งสมมติฐาน การ
กาหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ การกาหนดและควบคุมตัวแปร การทดลอง และ
การตีความหมายข้อมูลและการลงข้อสรุป อย่างคล่องแคล่วถูกต้องและแม่นยา
(วรรณทิพา รอดแรงค้า, 2544 : 165)
นักวิทยาศาสตร์หลายท่านได้เห็นพ้องต้องกันว่า การใช้ทักษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของผู้เรียนเป็นสิ่งจาเป็นในการเรียน
วิทยาศาสตร์ ดังนั้นจุดมุ่งหมายที่สาคัญก็คือ เน้นการสอนผู้เรียน ให้รู้จักและ
- 3. ใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการแสวงหาความรู้ต่างๆ การได้มา
ซึ่งทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ที่นอกเหนือไปจากการได้ข้อเท็จจริง
ทางเนื้อหาวิชานั้น ถือว่า เป็นคุณค่าสูงสุดของการเรียนวิทยาศาสตร์ เพราะไม่
เพียงแต่ผู้เรียน จะใช้ทักษะเหล่านี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้ ความเข้าใจทาง
เนื้อหาวิชา ที่เรียนเท่านั้น ผู้เรียนยังใช้ทักษะดังกล่าวเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ที่
เกิดขึ้นภายนอกห้องเรียนอีกด้วย
สมาคมอเมริกันเพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์(American
Association for the Advancement of Science - AAAS) ได้พัฒนาโครงการ
ปรับปรุงการสอนวิทยาศาสตร์ในระดับอนุบาลจนถึงระดับประถมศึกษา โดย
เน้นการใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ได้กาหนดทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ไว้ 13 ทักษะ ประกอบด้วยทักษะ ขั้นพื้นฐาน (Basic science
process skills) 8 ทักษะ และทักษะขั้นผสมหรือบูรณาการ (Integrated science
process skills) 5 ทักษะ ดังนี้ (พวงทอง มีมั่งคั่ง, 2537 : 23)
1. ทักษะกระบวนการขั้นพื้นฐาน ซึ่งได้แก่
1.1 ทักษะการสังเกต คือ ความสามารถในการใช้ประสาทสัมผัส อย่าง
ใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง เพื่อหาข้อมูลหรือรายละเอียด
ของสิ่งต่าง ๆ โดยไม่เพิ่มความคิดเห็น ส่วนตัวลงไป
1.2 ทักษะการจาแนกประเภท คือ การแบ่งพวก หรือเรียงลาดับวัตถุ
หรือสิ่งที่อยู่ในปรากฏการณ์ โดยใช้เกณฑ์ ความเหมือน ความแตกต่าง หรือ
ความสัมพันธ์อย่างใดอย่างหนึ่ง
1.3 ทักษะการวัด คือ การเลือกและการใช้เครื่องมือทาการวัด
หาปริมาณของสิ่งต่าง ๆ ออกมาเป็นตัวเลขที่แน่นอนได้อย่างเหมาะสม และ
ถูกต้อง โดยมีหน่วยกากับเสมอ
- 4. 1.4 ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างมิติกับมิติ และมิติกับเวลา วัตถุ
ต่างๆ ในโลกนี้ จะทรงตัวอยู่ได้ล้วนแต่ครองที่ว่าง การครองที่ของวัตถุในที่
ว่างนั้น โดยทั่วไปแล้วจะมี 3 มิติ ได้แก่ มิติยาว มิติกว้าง และมิติสูงหรือหนา
1.5 ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล คือ การเพิ่มความคิดเห็นให้กับ
ข้อมูลที่ได้จากการสังเกตอย่างมีเหตุผล โดยอาศัยความรู้หรือประสบการณ์เดิม
มาช่วย
1.6 ทักษะการจัดกระทาและสื่อความหมายข้อมูล เป็นการนาผล
การสังเกต การวัด การทดลองจากแหล่งต่าง ๆ โดยการหาความถี่ เรียงลาดับ
จัดแยกประเภท หรือคานวณหาค่าใหม่ เพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจความหมาย ของ
ข้อมูลดียิ่งขึ้น โดยอาจเสนอในรูปแบบของตาราง แผนภูมิ แผนภาพ วงจร
กราฟ สมการ และการเขียนบรรยาย
1.7 ทักษะการพยากรณ์ คือ การสรุปคาตอบล่วงหน้าก่อนการทดลอง
โดยอาศัยประสบการณ์ ที่เกิดขึ้นซ้าๆ หลักการ กฎ หรือทฤษฎี ที่มีอยู่แล้วใน
เรื่องนั้น มาช่วยในการสรุป การพยากรณ์มีสองทาง คือ การพยากรณ์ภายใน
ขอบเขตของข้อมูลที่มีอยู่และ การพยากรณ์ นอกขอบเขตข้อมูลที่มีอยู่
1.8 ทักษะการคานวณ คือ การนับจานวนของวัตถุและการนาตัวเลข
แสดงจานวนที่นับได้ มาคิดคานวณโดยการบวก ลบ คูณ หาร หรือหาค่าเฉลี่ย
2. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นผสม ได้แก่
2.1 ทักษะการกาหนดและควบคุมตัวแปร การกาหนดตัวแปร
เป็ น ก ารชี้ บ่ งตั ว แ ป รต้ น ตั วแ ป รต าม แ ล ะ ตั วแ ป รค วบ คุ ม
ตัวแปรต้น คือ สิ่งที่เราต้องจัดให้แตกต่างกัน ซึ่งเป็นต้นเหตุ ทาให้เกิดผล ซึ่ง
เราคาดหวังว่าจะแตกต่างกัน ตัวแปรตาม คือ สิ่งที่เรา ต้องติดตามดู ซึ่งเป็นผล
จากการจัดสถานการณ์บางอย่างให้แตกต่างกัน ตัวแปรควบคุม คือ สิ่งที่เรา
- 5. ต้องควบคุมจัดให้เหมือนกันเพื่อให้แน่ใจว่า ผลการทดลอง เกิดจากตัวแปรต้น
เท่านั้น
2.2 ทักษะการตั้งสมมติฐาน คือ การคิดหาคาตอบล่วงหน้า ก่อนจะทา
การทดลองโดยอาศัยการสังเกต ความรู้ ประสบการณ์เดิม เป็นพื้นฐาน
คาตอบที่คิดล่วงหน้าซึ่งยังไม่ทราบ หรือยังไม่เป็นหลักการ กฎ หรือ ทฤษฎีมา
ก่อน สมมติฐาน หรือคาตอบที่คิดไว้ล่วงหน้า มักกล่าวไว้เป็นข้อความ ที่
บอก ความสัมพันธ์ ระหว่างตัวแปรต้น กับตัวแปรตาม สมมติฐานที่ตั้งไว้ อาจ
ถูก หรือผิดก็ได้ ซึ่งจะทราบภายหลัง การทดลอง หาคาตอบเพื่อสนับสนุน
หรือคัดค้านสมมติฐานที่ตั้งไว้
2.3 ทักษะการกาหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ คือการกาหนดความหมาย
และขอบเขตของสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในสมมติฐานที่ต้องทดลองให้เข้าใจตรงกัน
และสามารถสังเกตหรือวัดไว้
2.4 ทักษะการทดลอง มี 3 ประเภท คือ การทดลองแบบแบ่งกลุ่ม
เปรียบเทียบ ไม่มีกลุ่มเปรียบเทียบและลองผิดลองถูก การทดลองเป็น
กระบวนการปฏิบัติการเพื่อหาคาตอบ หรือการทดสอบ สมมติฐานที่ตั้งไว้
ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ การออกแบบการทดลอง การปฏิบัติการทดลอง
และการบันทึกผลการทดลอง
2.5 ทักษะการแปลความหมายข้อมูลและการลงข้อสรุป
การตีความหมายข้อมูล คือ การแปลความหมาย หรือ การบรรยาย ลักษณะและ
สมบัติของข้อมูลที่มีอยู่ การลงข้อสรุป คือ การสรุปความสัมพันธ์ของข้อมูล
ทั้งหมด
- 6. ความหมายของการทดลอง
จิรา จันทเปรมจิตต์ (2544 :28) ให้ความหมายของ การทดลองว่า การ
ทดลองเป็นกระบวนการพิสูจน์เพื่อยืนยันความจริงในสิ่งที่สงสัย หรือในสิ่งที่
อยากรู้คาตอบ หรือเพื่อทดสอบสมมติฐานที่ตั้งไว้ว่าจะเป็นจริงหรือไม่
โดยรวมเอากระบวนการต่างๆมาผสมผสานกัน เช่น การสังเกต การวัด การ
คานวณ การตั้งสมมติฐาน การกาหนดตัวแปร การสื่อความหมาย การลงความ
คิดเห็น การตีความหมายข้อมูล และลงข้อสรุป
นัยนา ตรงประเสริฐ (2544 : 19) ให้ความหมายการทดลองว่า เป็น
กระบวนการที่รวมเอากระบวนการต่างๆ เช่น การออกแบบ การทดลอง การ
เลือกวัสดุอุปกรณ์ และการดาเนินการทดลอง เพื่อพิสูจน์สมมติฐานที่ตั้งขึ้นว่า
เป็นจริงหรือไม่ ก่อนการทดลองจะต้องมีปัญหาก่อนแล้วจึงแยกตัวแปรต่างๆที่
เกี่ยวข้องกับปัญหา ว่ามีอะไรบ้าง แล้วจึงเลือกตัวแปรที่เกี่ยวข้องมา
ตั้งสมมติฐาน แล้วจึงออกแบบการทดลองเพื่อควบคุมตัวแปร เลือกวัสดุ
อุปกรณ์ที่เหมาะสมแล้วดาเนินการทดลอง
บุญฤดี แซ่ล้อ (2544 : 39) ให้ความหมายการทดลองว่า การทดลองเป็น
การสร้าง เหตุการณ์หรือสถานการณ์จาลองขึ้นมาอย่างหนึ่ง เพื่อจะได้สังเกต
ผลที่เกิดขึ้นภายใต้การควบคุมเงื่อนไขต่างๆไว้แล้ว และเพื่อจะทดสอบซ้าได้
อีก การทดลองมีวัตถุประสงค์ที่จะทดสอบสมมติฐาน รูปแบบหรือโมเดลที่ยัง
สงสัยอยู่ โดยการกระทาให้วัตถุหรือเหตุการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว นาผล
ที่ได้มาเปรียบเทียบกัน การทดลองจะต้องประกอบด้วยกิจกรรม 2 ตอน คือ
กิจกรรมการออกแบบการทดลอง กับกิจกรรมภาคปฏิบัติการทดลอง
ดังนั้นสรุปได้ว่า การทดลองเป็นการสร้างสถานการณ์หรือสถานการณ์
จาลองขึ้นมาอย่างหนึ่ง เพื่อจะได้สังเกตผลที่เกิดขึ้นภายใต้การควบคุมเงื่อนไข
- 8. อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ โดยต้องอาศัยขั้นตอนการแก้ปัญหาตาม
วิธีการทางวิทยาศาสตร์
3. นาความรู้ที่ได้ไปใช้กับสถานการณ์ใหม่ การนาความรู้ ไปใช้เป็น
เทคนิคประเมินความเข้าใจของนักเรียนว่ามีความเข้าใจในเรื่องที่เรียนเพียงใด
ถ้านักเรียนเข้าใจ ย่อมสามารถนาไปใช้หรืออธิบายเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกันได้
4. ช่วยกระตุ้นความสนใจนักเรียนที่เรียนช้า และท้าทายความสามารถ
นักเรียนที่เรียนเร็วการทดลองจะเปิดโอกาสให้นักเรียนที่เรียนช้าได้พัฒนา
ทักษะการสังเกต รวบรวมข้อมูล ตลอดจนการรายงานผลการทดลอง ซึ่งจะ
เป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนที่เรียนช้าได้แสดงความสามารถให้เพื่อนเห็น
และมีความภาคภูมิใจในตนเอง ซึ่งจะทาให้นักเรียนสนใจการเรียน
วิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้น สาหรับนักเรียนที่เรียนเร็ว การทดลองถือว่าเป็นการท้า
ทายความสามารถ(นัยนา ตรงประเสริฐ,2544 : 25)
ข้อดีของการสอนแบบทดลอง
1. นักเรียนได้เรียนรู้ประสบการณ์จากการทดลองโดยตรง ผ่านการ
ฝึกฝนกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และสามารถใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ใน
การแก้ปัญหา
2. กิจกรรมการเรียนการสอนที่นักเรียนเป็นศูนย์กลาง นักเรียนมีส่วน
ร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอนตลอด ทาให้สามารถใช้ประสาทสัมผัสต่าง
ๆ หลายอย่างในการดาเนินกิจกรรม
3. ทาให้นักเรียนได้ค้นพบหลักวิทยาศาสตร์ด้วยตนเอง มีผลทาให้เกิด
ความคงทนถาวรในการเรียนรู้ของนักเรียน
4. นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ เพราะ
สามารถหาความจริง จากการทดลองได้โดยตรงด้วยตนเอง