computer project

1. 1
กิจกรรมโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปีการศึกษา 2562
ชื่อโครงงาน ปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานคร
ชื่อผู้ทาโครงงาน
ชื่อ นาย รวิพล รักชุม เลขที่ 18 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 4
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2562
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34

2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
นาย รวิพล รักชุม ม.6/4 เลขที่ 18
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
ปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานคร
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Traffic problem in Bangkok
ประเภทโครงงาน โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน (Application)
ชื่อผู้ทาโครงงาน นาย รวิพล รักชุม
ชื่อที่ปรึกษา คุณครู เขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1 และ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย เป็นพื้นที่ที่ผู้คนใช้รถใช้ถนนเป็นจานวนมาก ปัญหา
การจราจรติดขัดในกรุงเทพมหานคร นอกจากจะมาจากจานวนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นทุกๆ ปีแล้ว ปัจจัยเร่งให้
กรุงเทพมหานครมีปัญหาการจราจรมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นเมืองที่มีผู้คนจากต่างจังหวัดเข้ามาอาศัยเป็นจานวนมาก
สังเกตได้จากทุกครั้งเมื่อถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือวันหยุดยาว จะพบว่า มีผู้เดินทางกลับภูมิลาเนาเป็นจานวนมาก
ซึ่งปัญหานี้ไม่ได้แตกต่างจากมหานครใหญ่ๆ ของนานาประเทศ ปัญหาการจราจรติดขัด ยังนาไปสู่ปัญหามลพิษทาง
อากาศและมลภาวะทางเสียง ซึ่งจากสถิติในปี พ.ศ. 2554 ถนนที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเกิน 10 ไมโครเมตร (ค่า
มาตรฐาน) จานวน 10 สาย ในเขตกรุงเทพมหานคร และมี 2 สาย ที่มีระดับเสียงเกินมาตรฐานทุกวัน คือเกิน 70 เดซิ
เบล และมีถนนที่มีการจราจรหนาแน่นเกินมาตรฐาน 3 สาย อีกทั้งวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศ ได้เป็นปัจจัยเร่ง
ให้ปัญหาการจราจรเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากตารวจจาเป็นต้องปิดการจราจรทาให้มีการทาผิดกฎจราจรอย่างมากขึ้นตาม
ไปด้วย ด้วยเหตุผลที่กล่าวมานี้ จึงทาให้ผู้คนที่ใช้รถใช้ถนนขับรถโดยไม่คานึงถึงคนอื่น ทาผิดกฎจราจร ขาดวินัย และ
น้าใจจราจร โดยในปัจจุบันได้มีการนาเทคโนโลยี AI มาใช้ในการตรวจการทาความผิดแล้ว แต่เรายังสามารถต่อยอด
การตรวจจับการทาความผิดให้ดีมากขึ้นไปได้อีก หรืออาจเป็นพัฒนาระบบการชาระค่าปรับจราจรได้
อย่างรวดเร็ว และเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยการทาระบบใบสั่งให้ดีขึ้นไปอีกจากระบบที่มีอยู่แล้ว
นอกจากนี้ยังต้องสืบหาปัญหาที่แท้จริงของการจราจรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

3. 3
วัตถุประสงค์
1.เพื่อทาให้คนใช้รถใช้ถนนได้รับความผิดเท่าเทียมกัน
2.เพื่อทาให้คนใช้รถใช้ถนน มีระเบียบวินัยมากยิ่งขึ้น
3.ทาให้เจ้าพนักงานตารวจจราจร ปฏิบัติงานได้ง่ายขึ้น
4.เพื่อให้ข้อมูลเป็นระบบยิ่งขึ้น
5.ทาให้ระบบตรวจจับหรือระบบที่เกี่ยวข้องทางานได้ดีขึ้น
ขอบเขตโครงงาน
เป็นโครงงานเพื่อคิดค้น ต่อยอดเทคโนโลยีที่ตรวจจับความผิดบนท้องถนนที่มีความหนาแน่นสูง นอกจากนี้
ยังคิดค้น ต่อยอดเทคโนโลยีการชาระค่าปรับให้ดีขึ้น และเคร่งครัดขึ้น เพื่อความสะดวกของเจ้าหน้าที่พนักงานจราจร
และเพิ่มวินัยเท่านั้น โดยใช้ข้อมูลในเขตกรุงเทพมหานครชั้นใน ที่มีการจราจรคับคั่ง
หลักการและทฤษฎี
1.ต้นตอปัญหารถติดในกรุงเทพ
เพราะกรุงเทพฯ เป็นเมืองแห่งซอยตัน ‘ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ’ จึงคาราคาซังเช่นนี้
ความจริงที่ใครหลายคนยังไม่รู้ เกี่ยวกับสาเหตุของ ‘ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ’ นี้ ได้รับการเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กของ
คุณเสาวนิธิ อยู่โพธิ์ นักศึกษาปริญญาโท Department of City and Regional Planning, Cornell University ซึ่ง
กล่าวถึง การวิเคราะห์ถนนในกรุงเทพมหานคร อ้างอิงตามฐานข้อมูลของ OpenStreetMap ตามหลักการที่ใช้เป็น
ฐานการวิเคราะห์ในงานวิจัยของ ศาสตราจารย์เจฟ โบอิ้ง อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางผังเมือง มหาวิทยาลัยนอร์ท
อีสเทิร์น สหรัฐอเมริกา โดยคุณเสาวนิธิ ตั้งใจหาคาตอบเพื่อคลายความสงสัยส่วนตัวที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ จาก
ประสบการณ์ตรงเมื่อเธอต้องขับรถเข้าซอยเล็กๆ ในกรุงเทพฯ เพื่อไปส่งเพื่อนกลับบ้าน และต้องขับเข้าในซอยเล็ก ลึก
และตัน จนกระทั่งเมื่อเวลา 10 ปีผ่านไป ก็หาคาตอบได้ในที่สุด ประเด็นคาตอบอยู่ที่ กรุงเทพฯ มีซอยตันเยอะมาก
เมื่อเทียบกับถนนทั้งหมด โดยมีซอยตันมากถึง 37.19% นั่นหมายความว่า ทุกวันนี้ชาวกรุงต้องขับเข้าขับออกจากซอย
ตันเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง จากนั้นก็พากันมากระจุกเป็นคอขวดเพื่อเข้าถนนเส้นใหญ่ แล้วอย่างนี้รถจะไม่ติดได้อย่างไร
ไม่ใช่แค่นั้น การมีซอยตันกระจายอยู่มากมายขนาดนี้ในกรุงเทพฯ ย่อมส่งผลให้ระบบขนส่งมวลชน เช่น รถเมล์เข้าไม่
ถึงพื้นที่ชุมชน เพราะเหตุนี้เองที่ทาให้ชาวกรุงอย่างเราต้องพึ่งพามอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถตู้ รถสองแถว หรือติดรถคนใน
ครอบครัว เพื่อออกมาจากซอยแล้วจึงใช้บริการระบบขนส่งมวลชนต่อนั่นเอง
ผ่าข้อมูลทางสถิติ ตอกย้า ทาไมกรุงเทพฯ จึงรถติดมากขนาดนี้
ชื่อเสียงเรื่อง รถติดในกรุงเทพฯ ตอนนี้ยังขจรขจายไปไกลทั่วโลก เมื่อผลวิเคราะห์ข้อมูลจราจรที่ชื่อว่า INRIX ได้จัด
อันดับให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่รถติดเป็นอันดับ 1 ของโลก เพราะเวลาที่เสียไปกับรถติดบนท้องถนนของไทย
โดยเฉลี่ยแล้วสูงถึง 61 ชั่วโมงต่อปี ทิ้งห่างเมืองรถติดอันดับ 2 และ 3 อย่าง โคลอมเบียและอินโดนีเซีย ชนิดไม่เห็น
ฝุ่น เพราะทั้ง 2 ประเทศนี้สร้างสถิติกับเวลาที่เสียไปกับรถติดประมาณ 47 ชั่วโมงต่อปี

4. 4
และเมื่อจัดลาดับในระดับเมือง กรุงเทพฯ ก็เป็นเมืองที่รถติดเป็นอันดับ 12 ของโลก และครองแชมป์อันดับ 1 ของ
เอเชีย ที่รถติดที่สุด โดยประชาชนเสียเวลาไปกับรถติดเฉลี่ย 64.1 ชั่วโมงต่อปี (อันดับ 1 คือเมืองลอสแอนเจลิส
เสียเวลากับรถติดไป 104 ชั่วโมงต่อปี)
ชื่อเสียงในทางลบนี้ ดูจะไม่โสภาเท่าไรนัก เพราะเมื่อเทียบกับเมืองหลวงของประเทศอื่นๆ แล้ว จะยิ่งพบข้อเท็จจริงที่
น่าตกใจไม่น้อย เมื่อลอนดอนที่เป็นเมืองเก่าซึ่งมีอายุไม่ต่างกับกรุงเทพฯ เท่าใดนัก ก็ยังมีสัดส่วนถนนที่นาไปสู่ทางตัน
แค่ 18.67% ของถนนทั้งหมด ขณะที่ สิงคโปร์ โตเกียว มีซอยตันหรือทางตันแค่ราวๆ 7% ส่วน มาดริด และนิวยอร์ก
มีแค่ 4.6% และ 3.6% เท่านั้น
2.พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
3.ตัวอย่างโปรแกรมตรวจจับการเปลี่ยนช่องทางจราจรในช่องทางเส้นทึบ
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1.ศึกษาเส้นทาง รูปแบบช่องจราจร ปริมาณรถ และที่หมายปลายทางของรถ
2.ดาเนินการจัดหาเทคโนโลยี AI ที่ช่วยในการตรวจจับ
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
1.รถยนต์เพื่อตรวจสอบปัญหาโดยการขับจริง
2.กล้องตรวจจับความเร็ว
3.กล้องตรวจจับการเปลี่ยนช่องการจราจร (lane change)
4.เซิร์ฟเวอร์ระบบออกใบสั่ง
งบประมาณ
1.ส่วนการลงพื้นที่เก็บข้อมูลปัญหา 10000 บาท
2.การซื้อกล้องตรวจจับความเร็ว 9 จุด ตัวละ 2350 บาท
3.การซื้อกล้องตรวจจับการเปลี่ยนช่องทางจราจร ตัวละ 2500 บาท
4.เซิร์ฟเวอร์ 50000 บาท
5.ค่าพัฒนาระบบการออกใบสั่งและชาระค่าปรับ 50000 บาท

5. 5
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1.ผู้ใช้รถใช้ถนนจะหันมาปฏิบัติตามกฎจราจรมากขึ้น
2.เจ้าพนักงานจราจรสามารถปฏิบัติงานได้สะดวกสบายขึ้น
3.สามารถตรวจจับการกระทาความผิดได้อย่างรวดเร็ว
4.สามารถตรวจการกระทาความผิดได้อย่างเท่าเทียม ไม่มีการช่วยเหลือทางอื่น
5.ถนนของเขตกรุงเทพมหานครจะเป็นถนนที่มีความปลอดภัย
สถานที่ดาเนินการ
ถนนตัวอย่าง 3 สายที่มีการจราจรคับคั่งในเขต กทม.
1.ถนนกรุงธนบุรี (ช่วงถนนกรุงธนบุรี-สุรศักดิ์)
2.ถนนสุขุมวิท (ช่วงถนนนานา-อโศก)
3.ถนนอโศก-ดินแดง (ช่วงถนนพระราม 9-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ)
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
1.สังคมศึกษา วิชาการวางผังเมือง
2.วิชาออกแบบและเทคโนโลยี
3.วิชา สังคมศึกษา วิชากฎหมายการจราจร
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
1.จากเว็บไซต์ :
https://www.ttsmartvision.com/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%96%
E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8
%AA%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B6%E0%B8%9A/
2.จากเว็บไซต์ : ttps://www.salika.co/2018/12/10/truth-about-traffic-problemin-bangkok/