SlideShare a Scribd company logo
1 of 7
Download to read offline
1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5- 6
ปีการศึกษา 2561
ชื่อโครงงาน แก้ไขความขี้เกียจแบบคนขี้เกียจ
ชื่อผู้ทาโครงงาน
1.นาย ศุภกิจ พลายเพชร เลขที่ 12 ชั้น 6 ห้อง 15
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2561
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
1.นาย ศุภกิจ พลายเพชร เลขที่ 12
2.นาย ภูมินทร์ อินทรจันทร์ เลขที่ 24
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
วิธีขจัดความขี้เกียจแบบคนขี้เกียจ
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
How to solve lazy
ประเภทโครงงาน ตามความสนใจ
ชื่อผู้ทาโครงงาน นาย ศุภกิจ พลายเพชร
ชื่อที่ปรึกษา นาย ภูมินทร์ อินทรจันทร์
ชื่อที่ปรึกษาร่วม นาย เวสารัช ประอินทร์
ระยะเวลาดาเนินงาน 3เดือน
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
ในปัจจุบันโลกได้มีการพัฒนาไปไกลทาให้เทคโนโลยีมีมากขึ้นซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ทาให้การดาเนิน
ชีวิตประจาวันเรานั้นสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น คนเราก็หันมาเริ่มพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น สมัยก่อนอยากรู้อะไรก็ต้องหา
จากห้องสมุด แต่สมัยนี้สามารถหาความรู้ผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้อย่างสบายๆ คนเราจึงเริ่มมีความขี้เกียจมากขึ้น หรือ
ความขี้เกียจนั้นอาจมีมาได้เพราะสมองสั่งการว่าการทาสิ่งนี้ทาไปแล้วไม่เกิดความคุ้ม ร่างกายก็จะตอบสนองให้เราใช้
แรงน้อยๆและก็จะเกิดความอ่อนเพลียก็จะทาให้เรารู้สึกว่าไม่อยากทาอะไรเพราะว่าไม่มีแรงและก็อ้างว่าขี้เกียจ แต่
การที่จะแก้ไขความขี้เกียจ มันก็ทาได้ยากเพราะตัวคนเรานั้นขี้เกียจที่จะทาอะไรต่างๆ จึงอยากหาวิธีในการแก้ปัญหา
นี้อย่างง่ายๆ
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1.ต้องการให้ผู้อ่านเกิดการพัฒนาตนเองในทางที่ดี
2.ได้รู้จักแนวทางปฏิบัติการขจัดความขี้เกียจ
3.ทาให้รู้จักรับผิดชอบในหน้าที่
4.ทาให้เราเป็นซื่อสัตย์
5.มีความกระตือรือร้นและเพียรพยายาม
3
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
ที่บ้านและโรงเรียน
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
1. โดยทั่วไปมนุษย์ไม่ชอบการทางาน และจะหลีกเลี่ยงงานถ้าสามารถทาได้
2. จากลักษณะของมนุษย์ ที่ไม่ชอบทางาน คนส่วนใหญ่จึงต้องถูกบังคับ ควบคุม สั่งการและใช้วิธีการลงโทษ
เพื่อให้ใช้ความพยายามให้เพียงพอ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์การ
3. มนุษย์โดยเฉลี่ยพอใจการถูกบังคับ ต้องการเลี่ยงความรับผิดชอบ มีความทะเยอทะยานน้อย และต้องการ
ความปลอดภัย ทฤษฎี X เป็นการมองโลกในแง่ร้าย ไม่ยืดหยุ่น การควบคุมจึงเป็นสิ่งสาคัญที่ผู้บังคับบัญชาใช้ควบคุม
ผู้ใต้บังคับบัญชา)
ซึ่งทฤษฎี x นี้พูดกันง่ายๆเลยว่ามนุษย์มีความขี้เกียจ และไม่ชอบทางานโดยไม่มีผมตอบแทน และไม่มีความสนใจที่จะ
ทะเยอทะยาน ซึ่งมันตรงกับตัวผมซะเหลือเกินจะว่าไปผมมีนิสัยแบบทฤษฎีนี้มากที่สุดเลยล่ะครับ เพราะผมมักจะขี้
เกียจมากๆ ถ้าไม่มีเส้นตายงานผมก็คงไม่เสร็จครับ
วิธีเพิ่มความขยัน ขจัดความขี้เกียจ
1.ค่อยๆทาทีละอย่าง หลายๆครั้งที่ตัวผมเองเริ่มมีตัวขี้เกียจคอยกัดกินจิตใจ มันเป็นเพราะว่าผมพยายามจะทาอะไร
หลายๆอย่างมากเกินไป ตอนแรกก็นึกว่าจะเป็นเฉพาะกับผมคนเดียว พอถามๆคนรอบข้างดู ผมก็ได้ค้นพบว่าผมไม่ได้
เป็นอยู่คนเดียว การพยายามจะทาอะไรหลายๆอย่างให้มันเสร็จพร้อมๆกันทาให้ไม่สูญเสียพลังงานและสมาธิอย่าง
รวดเร็ว คุณจาเป็นต้องเลือกว่าตอนนี้ ณ ขณะนี้ คุณจะทาอะไร แล้วก็ทาซะ โดยอย่าแบ่งจิตใจหรือความกังวลใดๆ
ทั้งสิ้นไปให้กับอย่างอื่นเด็ดขาด ผมรู้ดีครับว่ามันยาก แต่อย่างไรก็ตาม ในความคิดของผมแล้ว นีีีคือทางเลือกที่ดีที่สุด
2.หาแรงบันดาลใจ โดยส่วนตัวแล้ว แรงบันดาลใจของผมมาจากการที่มองเห็นผู้อื่นประสบความสาเร็จในสิ่งที่ผม
อยากจะทา ผมจะหมั่นหาเรื่องราวเหล่านี้มาอ่านอยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวจาก blog จากนิตยสาร จาก google
จากทุกที่ที่ผมสามารถหาได้
3.ตื่นเต้นกันหน่อย ผมเชื่อว่าทุกๆคนรู้ดีอยู่แล้วตรงข้อนี้ แต่ผมก็เห็นคนเหล่านั้นจานวนมากละเลยข้อนี้เช่นกัน แต่มัน
ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก (ตัวผมเองก็เป็นอยู่บ่อยๆ) เราจะตื่นเต้นได้ยังไงกันเล่าในเมื่อ ณ เวลานี้ เราีกาลังเต็มไป
ด้วยตัวขี้เกียจทุกรูขุมขน คาตอบที่มัน work กับตัวผมก็คือ ต้องเริ่มจากการได้รับแรงบันดาลใจมาก่อน (กล่าวไปแล้ว
ในข้างต้น) หลังจากที่ได้แรงบันดาลใจแล้ว ผมก็จะพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่ผมได้รับแรงบันดาลใจนี้กับทุกคนที่อยู่รอบข้าง
(ฟังผมโม้กันจนเบื่อ) หลังจากนั้น ผมก็จะนั่งเพ้อฝันนึกจินตนาการถึงภาพตัวผมเองตอนที่ประสบความสาเร็จในสิ่งที่
ต้องการเป็นครึ่งชั่วโมง รู้ตัวอีกที ผมก็แทบอยากจะรีบกระโจนเข้าใส่งานทันที
4.สร้างความคาดหวัง มันอาจจะฟังดูยากสักหน่อย และหลายๆคนก็มักจะไม่ทาข้อนี้กัน แต่มันสามารถทาให้ผมเลิก
สูบบุหรี่ได้ หลังจากที่ผมพยายามและล้มเหลวอยู่ตั้งหลายครั้งก่อนหน้านี้ ถ้าคุณพบแรงบันดาลใจของคุณแล้ว คุณจะ
ตื่นเต้น และอยากที่จะเริ่มทาทันที นี่คือความผิดพลาดใหญ่หลวง คุณต้องกาหนดวันที่ในอนาคต อาจจะหนึ่งสัปดาห์
สองสัปดาห์ หรือแม้กระทั่งหนึ่งเดือน กาหนดไว้ทาไมเหรอครับ กาหนดไว้เพื่อที่จะเป็นวันที่คุณจะเริ่มต้นทาในสิ่งที่
คุณอยากจะทา หลังจากกาหนดวันนั้นไว้แล้ว ก็ให้สร้างความคาดหวังกับมันไว้มากๆ ทาให้วันนั้นมีความสาคัญในชีวิต
ยิ่งกว่าวันเกิดของตัวคุณเองได้ยิ่งดี และระหว่างที่จะรอให้วันมาถึง ก็ขอให้ใช้เวลานี้ของคุณวางแผนการขั้นตอนซะ นี่
เป็นเทคนิคสาคัญที่จะช่วยสร้างสมาธิและพลังงานทีคุณต้องใช้ในการที่จะบรรลุเป้าหมายของคุณ
4
5.แปะเป้าหมายของคุณให้อยู่ทุกที่ เขียนตัวใหญ่ๆเลยครับ เอาให้ตัวหนังสือใหญ่กว่าีบัตรประชาชนไปเลย หลังจาก
นั้นก็นาเป้าหมายที่พิมพ์ออกมาไปแปะไว้ทุกที่ที่คุณจะต้องเดินผ่าน ไม่ว่าจะเป็นกระจกในห้องน้า ตู้เย็น โต๊ะที่ทางาน
ทาเป็นภาพ background บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ คุณจาเป็นต้องย้าเตือนตัวเองให้บ่อยที่สุดและสร้างความ
ตื่นเต้นของคุณให้มากที่สุด ถ้าไม่เป็นตัวหนังสือ ใช้ภาพแทนก็ได้นะครับ (บางคนที่อยากลดความอ้วน ก็ให้ติดภาพสาว
เอวบางร่างน้อยเอาไว้ทุกซอกทุกมุมเลยก็ดีครับ)
6.ป่าวประกาศให้ชาวบ้านรับรู้ ไม่มีใครหรอกครับที่อยากจะมีภาพลักษณ์แย่ๆในสายตาชาวบ้าน พวกเราทุกคนจะ
ยอมทุ่มทุกอย่างเพื่อที่จะทาให้อะไรสักอย่างสาเร็จ ถ้าหากว่าเราสัญญากับสาธารณชนไว้ (ยกเว้นนักการเมืองบางคน)
ถ้าจะให้ยกตัวอย่างก็คือ ตอนที่ผมจะวิ่งมาราธอน ผมได้เขียนถึงความมุ่งมั่นของผมข้อนี้ลงในหนังสือพิมพ์ประจา
หมู่บ้านของผม ประชากรเป็นร้อยคนรับรู้ว่าผมจะวิ่งมาราธอน ผมติดอยู่ในสถานะที่ผมจาเป็นต้องวิ่งมาราธอนให้ได้
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม และมันกได้ผลครับ สุดท้าย ผมก็สามารถกัดฟันวิ่งมาราธอนเข้าเส้นชัยจนได้ ไม่ครับ ผม
ไม่ได้บอกว่าคุณต้องทาถึงขนาดนี้ แต่คุณสามารถป่าวประกาศให้ครอบครัวและเพื่อนร่วมงานของคุณทราบได้ หรือไม่
ก็ คุณก็สามารถเขียนมันลงไปใน blog ก็ได้นครับ (ถ้ามี) แล้วไม่ใช่แค่พูดครั้งเดียวแล้วจบกันนะครับ คุณต้องคอย
รายงานความก้าวหน้าเรื่อยๆ เป็นการบังคับตัวคุณเองทางอ้อมที่ได้ผลมากๆเลยทีเดียว
7.คิดถึงเป้าหมายทุกวัน ถ้าคุณคิดถึงเป้าหมายของคุณทุกวัน โอกาสที่มันจะกลายเป็นความจริงจะมีสูงมาก การพิมพ์
เป้าหมายของคุณด้วยตัวหนังสือตัวใหญ่ๆแล้วนาไปแปะให้คุณเห็นอยู่ตลอด (ที่กล่าวไว้ข้างต้น) ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็
ตาม สามารถช่วยได้มาก แบ่งเวลาสักวันละ 5 นาทีก็ได้ครับ เพื่อที่จะปล่อยให้ความคิดของคุณล่องลอยไปกับ
เป้าหมายทีใฝ่ฝันเอาไว้ มันจะมีผลมหาศาลเลยทีเดียวในระยะยาว
8.ต้องมี Support มันเป็นอะไรที่ยากมากๆที่จะบรรลุเป้าหมายได้ หากคุณต้องทาอยู่คนเดียว ตอนที่ผมตัดสินใจจะวิ่ง
แข่งมาราธอน ผมได้รับกาลังใจอย่างมากจากเพื่อนๆและครอบครัว รวมไปถึงสมาชิกในชมรมนักวิ่งทุกคน ตอนที่ผม
ตัดสินใจจะเลิกสูบบุหรี่ ผมได้รับกาลังอย่างมากอีกเช่นเดียวกันจากเพื่อนๆในเว็บบอร์ด และแน่นอน ภรรยาของผมก็
คอยให้กาลังใจทุกเช้าทุกเย็น คุณเองเวลาจะทาอะไรอย่างนึง ก็จาเป็นต้องหา support ของคุณ ไม่ว่าจะเป็น
support ในออนไลน์หรือออฟไลน์ก็ตาม
9.ทุกอย่างมีขึ้นมีลง ความขยันและความมุ่งมั่นใช่ว่าจะมีอยู่ตลอดเวลา ถ้าจะให้เปรียบ มันก็เหมือนน้าขึ้นน้าลงนั่น
แหละครับ เวลาที่เรารู้สึกท้อแท้ ตระหนักไว้เลยครับว่าเดี๋ยวมันก็หาย ระหว่างที่รอให้ตัวคุณเองกลับมารู้สึกฟิตอีกครั้ง
ก็ขอให้คุณลองอ่านเรื่องราวที่ประสบความเร็จของผู้อื่นไปพลางๆ หรือไม่ก็ขอความช่วยเหลือจาก idol ของคุณดูก็ได้
ครับ ขอให้อดทนต่อไปสักหน่อย อีกไม่นาน ตัวขี้เกียจพวกนี้มันก็จะหลุดไปจนหมดเอง
10.อย่าออกนอกเส้นทาง ไีม่ว่าคุณจะทาอะไรอยู่ก็ตาม อย่ายอมแพ้หรือเลิกกลางคันเด็ดขาด ถึงแม้ว่าวันนี้ คุณจะรู้สึก
ขี้เกียจสุดๆ (หรืออาจจะรู้สึกขี้เกียจเป็นสัปดาห์เลยก็ได้) ขอให้รอสักหน่อย เดี๋ยวตัวขี้เกียจมันจะหลุดของมันไปเอง ให้
ลองคิดว่าเป้าหมายของคุณคือการเดินทางไป Mordor เพื่อทาลายแหวนของ Frodo ใน Lord of the Rings ก็ได้
ครับ ส่วนตัวขี้เกียจที่แวะมาเยือนเป็นครั้งคราวก็เปรียบเหมือนอุปสรรคนานัปการที่ Frodo กับ Sam ต้องเจอะเจอ
แล้วคุณจะพบว่า การถอดใจตอนนี้เพียงเพราะว่าปัญหาขี้ปะติ๋วเหล่านี้ มันเป็นเรื่องที่น่าอายมากๆเลยทีเดียว
11.ก้าวสั้นๆ ถ้าคุณกาลังรู้สึกว่ามันยากเหลือเกินที่จะเริ่มต้นทาอะไรสักอย่าง มันอาจจะเป็นสาเหตุมาจากการที่คุณคิด
จะเริ่มทาสิ่งที่ใหญ่เกินไป ถ้าคุณต้องการจะเริ่มออกกาลังกาย คุณอาจจะคิดว่า คุณต้องออกกาลังกายวันหนึ่งชั่วโมง
สัปดาห์ละห้าวัน การคิดแบบนี้มันจะทาให้คุณรู้สึกท้อแท้ ถอดใจ และขี้เกียจเอาง่ายๆ แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ทาไมถึง
5
ไม่ลองคิดจะออกกาลังกายวันละ 2 นาทีดูละครับ ใช่ครับ 2 นาทีเท่านั้น! ใครกันละครับที่จะออกกาลังกายวันละ 2
นาที ทุกๆวันไม่ได้ (ถ้าคุณคือคนๆนั้น ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ) มันน้อยเสียจนคุณอาจจะอยากเพิ่งเวลาให้กับมัน
แต่อย่าเพิ่งครับ เอาแค่ 2 นาทีนี่แหละครับ แล้วทาไปเรื่อยๆติดต่อกันหนึ่งสัปดาห์ พอผ่านไปครบ 1 สัปดาห์แล้ว
อาทิตย์นี้ เรามาลองออกกาลังกายวันละ 5 นาทีกัน แล้วก็ทาแบบนี้เป็นเวลาอีก 7 วัน แล้วก็ทาไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆ
เพียงเวลาแค่ 2-3 เดือน คุณก็จะพบว่าตัวเองกาลังออกกาลังกายวันละ 30 นาที ทุกวัน โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม
เลยแม้แต่นิดเดียว อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือการตื่นนอนตอนเช้า อย่าเพิ่งเริ่มโดยการคิดว่า จากนี้ไป เราจะตื่นตอนตี 5 ทุก
วัน แต่ให้เราเริ่มจากการตื่นนอนเร็วขึ้นกว่าปกติสัก 10 นาทีเป็นเวลาสักหนึ่งอาทิตย์ หลังจากกนั้นก็ค่อยๆเพิ่มไป
เรื่อยๆจนกระทั่งถึง ตี 5 ก้าวทีละสั้นๆ แต่ได้ผลอย่างยั่งยืนจริงๆครับ
12.นาความสาเร็จที่ได้รับมาแปลงเป็นพลังให้ก้าวต่อไป การที่เราเริ่มทาอะไรเล็กๆน้อยๆอย่างที่ยกตัวอย่างไปใน
ข้างต้นนี้ มันจะทาให้เราประสบความสาเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้อย่างแน่นอน และเมื่อเราทาสาเร็จ จงเก็บเอา
ความรู้สึก ณ ช่วงเวลาแห่งความสาเร็จนั้นไว้ และเปลี่ยนมันให้กลายเป็นพลังในการก้าวเดินไปบนถนนสายที่เราเลือก
ต่อไป มันจะทาให้การเดินทางของเราบนถนนสายนี้เป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยความสาเร็จระหว่างจริงๆ พอรู้ตัวอีก
ที ว้าว! นี่ทุกวันนี้ เราออกกาลังกายได้วันละ 50 นาทีเลยหรือนี่!
13.อ่านอะไรก็ได้เกี่ยวกับเป้าหมายของคุณทุกวัน เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมรู้สึกขี้เกียจขึ้นมา ผมก็มักจะบังคับให้ตัวเองอ่าน
เรื่องราวความสาเร็จของคนอื่น มันจะทาให้ผมรู้สึกมีกาลังใจและมีแรงที่จะสู้ต่อไปได้อย่างน่ามหัศจรรย์ นอกจากนี้
มันยังทาให้ผมรู้สึกมีสมาธิในสิ่งที่ผมอ่านถึงมากกว่าเดิมอีกด้วย เพราะฉะนั้น คุณน่าจะอ่านเป้าหมายของคุณทุกวัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่คุณรู้สึกว่าตัวเองกาลังโดนตัวขี้เกียจดูดเอาความขยันออกไป
14.คุยเวลาขี้เกียจ คุณกาลังรู้สึกขี้เกียจอยู่รึเปล่า ถ้าใช่ โทรหาแม่ โทรหาแฟน ตั้งกระทู้ในเว็บนี้ E-Mail หาผม หรือ
จะติดต่อใครก็ได้ จากนั้นก็ขอความช่วยเหลือ ขอคาแนะนา ส่วนมากแล้ว สิ่งที่เราได้ทามักจะเป็นการบ่นตัวเองให้
ชาวบ้านฟังมากกว่าว่า "เอ๊ะ! ทาไมวันนี้ขี้เกียจจังวะ" มันดูเหมือนจะช่วยถ่ายความขี้เกียจออกจากตัวเราไปได้บ้างอยู่
เหมือนกันนะครับ
15.คิดถึงแต่ด้านดี อย่าไปใส่ใจกับความยากลาบาก นี่คือหนึ่งในปัญหายอดฮิตเลยทีเดียว ออกกาลังกายทุกวัน? แค่
พิมพ์ก็ฟังดูยากแล้ว เรียกได้ว่า ยังไม่ทันเหงื่อออก ผมก็รู้สึกเหนื่อยซะแล้ว สุดท้าย ผมก็เลยไม่ได้ออกกาลังกายไปซะ
อย่างนั้น แต่ถ้าผมคิดดูว่า ออกกาลังกายทุกวัน มันจะทาให้ผมไม่ต้องโดนหมอฉีดยา มันจะทาให้ผมรูปร่างดี สมส่วน
ถ้าผมคิดแบบนี้ มันก็จะทาให้ผมมีกาลังใจขึ้นมา และสลัดตัวขี้เกียจออกไปได้
16.ขยี้ความคิดแง่ลบซะ แล้วแทนที่มันด้วยความคิดในแง่บวก มันเป็นเรื่องสาคัญมากนะครับที่คุณจาเป็นต้องเริ่ม
สารวจดูความคิดของตนเอง เมื่อไหร่ที่คุณรู้ตัวว่ากาลังคิดความคิดที่มีประจุลบอยู่ เมื่อนั้นแหละครับที่คุณจะรู้สึกหมด
อาลัยตายอยาก อยากจะขี้เกียจตลอดชาติ ลองใช้เวลาสักสองสามวันสารวจความคิดของตัวคุณเองดูนะครับ ดูสิว่าใน
เวลาที่กาหนดนี้ คุณคิดอะไรลบๆบ้าง หลังจากนั้นก็ใช้เวลาอีกสองสามวัน นั่งสารวจความคิดของคุณเองอีกครั้งครับ
แต่คราวนี้ เมื่อใดก็ตามที่ความคิดอย่างเช่น "ยากว่ะ! ไม่ทงไม่ทามันแล้ว!" ผุดขึ้นในสมอง ขอให้คุณรวบรวมพลังจิตที่
มีอยู่บี้ความคิดนี้ทิ้งซะ แล้วแทนที่มันด้วยความคิดที่ว่า "โอ๊ย! ไม่เห็นจะยาก! ถ้ากุ้งแห้งนั่นทาได้ มีรึที่ฉันจะทาไม่ได้!"
มันอาจจะฟังดูยังไงๆอยู่ แต่ลองทาดูเถอะครับ มัน work จริงๆ และที่สาคัญ ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าคุณกาลังทาอะไร
อยู่ เพราะมันเกิดขึ้นในหัวคุณทั้งนั้น!
6
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
-ปรึกษาเลือกหัวข้อ
-นาเสนอหัวข้อกับครูผู้สอน
-ศึกษารวบรวมข้อมูล
-จัดทารายงาน
-นาเสนอครู
-ปรับปรุงและแก้ไข
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
-อินเตอร์เน็ต
-หนังสือที่เกี่ยวข้อง
-คอมพิวเตอร์
-โทรศัพท์
งบประมาณ
-
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
7
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
ทุกคนเกิดการพัฒนา ไม่ขี้เกียจ แล้วบอกวิธีต่อๆกันไป
สถานที่ดาเนินการ
บ้านและโรงเรียน
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
กลุ่มสาระการเรียนรู้เทคโนโลยีและสารสนเทศ
กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษา
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
https://sirichaiwatt.com/บทความดีๆ/การพัฒนาตนเอง

More Related Content

Similar to Lazy bros

โรคอัลไซเมอร์
โรคอัลไซเมอร์โรคอัลไซเมอร์
โรคอัลไซเมอร์chadapatpaenthai
 
ล้างจานสุดคูล
ล้างจานสุดคูลล้างจานสุดคูล
ล้างจานสุดคูลThin Kanshaman
 
ใบงานที่ 6 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ใบงานที่ 6 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ใบงานที่ 6 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ใบงานที่ 6 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์2793233922
 
โครงงาน โรคอ้วน
โครงงาน โรคอ้วนโครงงาน โรคอ้วน
โครงงาน โรคอ้วนpantida44027
 
โครงร่างงานคอม
โครงร่างงานคอมโครงร่างงานคอม
โครงร่างงานคอมauttawut singkeaw
 
อภิสิทธิ์ ดวงแสง
อภิสิทธิ์ ดวงแสงอภิสิทธิ์ ดวงแสง
อภิสิทธิ์ ดวงแสงapisitpai
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์pandinVegas
 
2562 final-project-8
2562 final-project-82562 final-project-8
2562 final-project-8fauunutcha
 
6 จังหวัดน่าเที่ยว
6 จังหวัดน่าเที่ยว6 จังหวัดน่าเที่ยว
6 จังหวัดน่าเที่ยวMongkon Khumpo
 
งานชิ้นที่5
งานชิ้นที่5งานชิ้นที่5
งานชิ้นที่5hazama02
 
กิจกรรมที่5 โครงร่างโครงงานเรื่อง 6 จังหวัดน่าเที่ยว
กิจกรรมที่5 โครงร่างโครงงานเรื่อง 6 จังหวัดน่าเที่ยวกิจกรรมที่5 โครงร่างโครงงานเรื่อง 6 จังหวัดน่าเที่ยว
กิจกรรมที่5 โครงร่างโครงงานเรื่อง 6 จังหวัดน่าเที่ยวMongkon Khumpo
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์sarawut kuenpet
 
2562 final-project-8
2562 final-project-82562 final-project-8
2562 final-project-8Mai Lovelove
 

Similar to Lazy bros (20)

โรคอัลไซเมอร์
โรคอัลไซเมอร์โรคอัลไซเมอร์
โรคอัลไซเมอร์
 
ล้างจานสุดคูล
ล้างจานสุดคูลล้างจานสุดคูล
ล้างจานสุดคูล
 
ล้างจานสุดคูล
ล้างจานสุดคูลล้างจานสุดคูล
ล้างจานสุดคูล
 
ใบงานที่ 6 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ใบงานที่ 6 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ใบงานที่ 6 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ใบงานที่ 6 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงาน โรคอ้วน
โครงงาน โรคอ้วนโครงงาน โรคอ้วน
โครงงาน โรคอ้วน
 
โครงร่างงานคอม
โครงร่างงานคอมโครงร่างงานคอม
โครงร่างงานคอม
 
อภิสิทธิ์ ดวงแสง
อภิสิทธิ์ ดวงแสงอภิสิทธิ์ ดวงแสง
อภิสิทธิ์ ดวงแสง
 
2558 project (บันทึกอัตโนมัติ)
2558 project  (บันทึกอัตโนมัติ)2558 project  (บันทึกอัตโนมัติ)
2558 project (บันทึกอัตโนมัติ)
 
2558 project (บันทึกอัตโนมัติ)
2558 project  (บันทึกอัตโนมัติ)2558 project  (บันทึกอัตโนมัติ)
2558 project (บันทึกอัตโนมัติ)
 
2558 project (บันทึกอัตโนมัติ)
2558 project  (บันทึกอัตโนมัติ)2558 project  (บันทึกอัตโนมัติ)
2558 project (บันทึกอัตโนมัติ)
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
Aniruj r
Aniruj rAniruj r
Aniruj r
 
2562 final-project-8
2562 final-project-82562 final-project-8
2562 final-project-8
 
6 จังหวัดน่าเที่ยว
6 จังหวัดน่าเที่ยว6 จังหวัดน่าเที่ยว
6 จังหวัดน่าเที่ยว
 
งานชิ้นที่5
งานชิ้นที่5งานชิ้นที่5
งานชิ้นที่5
 
กิจกรรมที่5 โครงร่างโครงงานเรื่อง 6 จังหวัดน่าเที่ยว
กิจกรรมที่5 โครงร่างโครงงานเรื่อง 6 จังหวัดน่าเที่ยวกิจกรรมที่5 โครงร่างโครงงานเรื่อง 6 จังหวัดน่าเที่ยว
กิจกรรมที่5 โครงร่างโครงงานเรื่อง 6 จังหวัดน่าเที่ยว
 
Good life if no fat
Good life if no fatGood life if no fat
Good life if no fat
 
2561 project-chaiyapat
2561 project-chaiyapat2561 project-chaiyapat
2561 project-chaiyapat
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
2562 final-project-8
2562 final-project-82562 final-project-8
2562 final-project-8
 

Lazy bros

  • 1. 1 แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5- 6 ปีการศึกษา 2561 ชื่อโครงงาน แก้ไขความขี้เกียจแบบคนขี้เกียจ ชื่อผู้ทาโครงงาน 1.นาย ศุภกิจ พลายเพชร เลขที่ 12 ชั้น 6 ห้อง 15 ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
  • 2. 2 ใบงาน การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ สมาชิกในกลุ่ม 1.นาย ศุภกิจ พลายเพชร เลขที่ 12 2.นาย ภูมินทร์ อินทรจันทร์ เลขที่ 24 คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้ ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) วิธีขจัดความขี้เกียจแบบคนขี้เกียจ ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) How to solve lazy ประเภทโครงงาน ตามความสนใจ ชื่อผู้ทาโครงงาน นาย ศุภกิจ พลายเพชร ชื่อที่ปรึกษา นาย ภูมินทร์ อินทรจันทร์ ชื่อที่ปรึกษาร่วม นาย เวสารัช ประอินทร์ ระยะเวลาดาเนินงาน 3เดือน ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน) ในปัจจุบันโลกได้มีการพัฒนาไปไกลทาให้เทคโนโลยีมีมากขึ้นซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ทาให้การดาเนิน ชีวิตประจาวันเรานั้นสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น คนเราก็หันมาเริ่มพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น สมัยก่อนอยากรู้อะไรก็ต้องหา จากห้องสมุด แต่สมัยนี้สามารถหาความรู้ผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้อย่างสบายๆ คนเราจึงเริ่มมีความขี้เกียจมากขึ้น หรือ ความขี้เกียจนั้นอาจมีมาได้เพราะสมองสั่งการว่าการทาสิ่งนี้ทาไปแล้วไม่เกิดความคุ้ม ร่างกายก็จะตอบสนองให้เราใช้ แรงน้อยๆและก็จะเกิดความอ่อนเพลียก็จะทาให้เรารู้สึกว่าไม่อยากทาอะไรเพราะว่าไม่มีแรงและก็อ้างว่าขี้เกียจ แต่ การที่จะแก้ไขความขี้เกียจ มันก็ทาได้ยากเพราะตัวคนเรานั้นขี้เกียจที่จะทาอะไรต่างๆ จึงอยากหาวิธีในการแก้ปัญหา นี้อย่างง่ายๆ วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ) 1.ต้องการให้ผู้อ่านเกิดการพัฒนาตนเองในทางที่ดี 2.ได้รู้จักแนวทางปฏิบัติการขจัดความขี้เกียจ 3.ทาให้รู้จักรับผิดชอบในหน้าที่ 4.ทาให้เราเป็นซื่อสัตย์ 5.มีความกระตือรือร้นและเพียรพยายาม
  • 3. 3 ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน) ที่บ้านและโรงเรียน หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน) 1. โดยทั่วไปมนุษย์ไม่ชอบการทางาน และจะหลีกเลี่ยงงานถ้าสามารถทาได้ 2. จากลักษณะของมนุษย์ ที่ไม่ชอบทางาน คนส่วนใหญ่จึงต้องถูกบังคับ ควบคุม สั่งการและใช้วิธีการลงโทษ เพื่อให้ใช้ความพยายามให้เพียงพอ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์การ 3. มนุษย์โดยเฉลี่ยพอใจการถูกบังคับ ต้องการเลี่ยงความรับผิดชอบ มีความทะเยอทะยานน้อย และต้องการ ความปลอดภัย ทฤษฎี X เป็นการมองโลกในแง่ร้าย ไม่ยืดหยุ่น การควบคุมจึงเป็นสิ่งสาคัญที่ผู้บังคับบัญชาใช้ควบคุม ผู้ใต้บังคับบัญชา) ซึ่งทฤษฎี x นี้พูดกันง่ายๆเลยว่ามนุษย์มีความขี้เกียจ และไม่ชอบทางานโดยไม่มีผมตอบแทน และไม่มีความสนใจที่จะ ทะเยอทะยาน ซึ่งมันตรงกับตัวผมซะเหลือเกินจะว่าไปผมมีนิสัยแบบทฤษฎีนี้มากที่สุดเลยล่ะครับ เพราะผมมักจะขี้ เกียจมากๆ ถ้าไม่มีเส้นตายงานผมก็คงไม่เสร็จครับ วิธีเพิ่มความขยัน ขจัดความขี้เกียจ 1.ค่อยๆทาทีละอย่าง หลายๆครั้งที่ตัวผมเองเริ่มมีตัวขี้เกียจคอยกัดกินจิตใจ มันเป็นเพราะว่าผมพยายามจะทาอะไร หลายๆอย่างมากเกินไป ตอนแรกก็นึกว่าจะเป็นเฉพาะกับผมคนเดียว พอถามๆคนรอบข้างดู ผมก็ได้ค้นพบว่าผมไม่ได้ เป็นอยู่คนเดียว การพยายามจะทาอะไรหลายๆอย่างให้มันเสร็จพร้อมๆกันทาให้ไม่สูญเสียพลังงานและสมาธิอย่าง รวดเร็ว คุณจาเป็นต้องเลือกว่าตอนนี้ ณ ขณะนี้ คุณจะทาอะไร แล้วก็ทาซะ โดยอย่าแบ่งจิตใจหรือความกังวลใดๆ ทั้งสิ้นไปให้กับอย่างอื่นเด็ดขาด ผมรู้ดีครับว่ามันยาก แต่อย่างไรก็ตาม ในความคิดของผมแล้ว นีีีคือทางเลือกที่ดีที่สุด 2.หาแรงบันดาลใจ โดยส่วนตัวแล้ว แรงบันดาลใจของผมมาจากการที่มองเห็นผู้อื่นประสบความสาเร็จในสิ่งที่ผม อยากจะทา ผมจะหมั่นหาเรื่องราวเหล่านี้มาอ่านอยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวจาก blog จากนิตยสาร จาก google จากทุกที่ที่ผมสามารถหาได้ 3.ตื่นเต้นกันหน่อย ผมเชื่อว่าทุกๆคนรู้ดีอยู่แล้วตรงข้อนี้ แต่ผมก็เห็นคนเหล่านั้นจานวนมากละเลยข้อนี้เช่นกัน แต่มัน ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก (ตัวผมเองก็เป็นอยู่บ่อยๆ) เราจะตื่นเต้นได้ยังไงกันเล่าในเมื่อ ณ เวลานี้ เราีกาลังเต็มไป ด้วยตัวขี้เกียจทุกรูขุมขน คาตอบที่มัน work กับตัวผมก็คือ ต้องเริ่มจากการได้รับแรงบันดาลใจมาก่อน (กล่าวไปแล้ว ในข้างต้น) หลังจากที่ได้แรงบันดาลใจแล้ว ผมก็จะพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่ผมได้รับแรงบันดาลใจนี้กับทุกคนที่อยู่รอบข้าง (ฟังผมโม้กันจนเบื่อ) หลังจากนั้น ผมก็จะนั่งเพ้อฝันนึกจินตนาการถึงภาพตัวผมเองตอนที่ประสบความสาเร็จในสิ่งที่ ต้องการเป็นครึ่งชั่วโมง รู้ตัวอีกที ผมก็แทบอยากจะรีบกระโจนเข้าใส่งานทันที 4.สร้างความคาดหวัง มันอาจจะฟังดูยากสักหน่อย และหลายๆคนก็มักจะไม่ทาข้อนี้กัน แต่มันสามารถทาให้ผมเลิก สูบบุหรี่ได้ หลังจากที่ผมพยายามและล้มเหลวอยู่ตั้งหลายครั้งก่อนหน้านี้ ถ้าคุณพบแรงบันดาลใจของคุณแล้ว คุณจะ ตื่นเต้น และอยากที่จะเริ่มทาทันที นี่คือความผิดพลาดใหญ่หลวง คุณต้องกาหนดวันที่ในอนาคต อาจจะหนึ่งสัปดาห์ สองสัปดาห์ หรือแม้กระทั่งหนึ่งเดือน กาหนดไว้ทาไมเหรอครับ กาหนดไว้เพื่อที่จะเป็นวันที่คุณจะเริ่มต้นทาในสิ่งที่ คุณอยากจะทา หลังจากกาหนดวันนั้นไว้แล้ว ก็ให้สร้างความคาดหวังกับมันไว้มากๆ ทาให้วันนั้นมีความสาคัญในชีวิต ยิ่งกว่าวันเกิดของตัวคุณเองได้ยิ่งดี และระหว่างที่จะรอให้วันมาถึง ก็ขอให้ใช้เวลานี้ของคุณวางแผนการขั้นตอนซะ นี่ เป็นเทคนิคสาคัญที่จะช่วยสร้างสมาธิและพลังงานทีคุณต้องใช้ในการที่จะบรรลุเป้าหมายของคุณ
  • 4. 4 5.แปะเป้าหมายของคุณให้อยู่ทุกที่ เขียนตัวใหญ่ๆเลยครับ เอาให้ตัวหนังสือใหญ่กว่าีบัตรประชาชนไปเลย หลังจาก นั้นก็นาเป้าหมายที่พิมพ์ออกมาไปแปะไว้ทุกที่ที่คุณจะต้องเดินผ่าน ไม่ว่าจะเป็นกระจกในห้องน้า ตู้เย็น โต๊ะที่ทางาน ทาเป็นภาพ background บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ คุณจาเป็นต้องย้าเตือนตัวเองให้บ่อยที่สุดและสร้างความ ตื่นเต้นของคุณให้มากที่สุด ถ้าไม่เป็นตัวหนังสือ ใช้ภาพแทนก็ได้นะครับ (บางคนที่อยากลดความอ้วน ก็ให้ติดภาพสาว เอวบางร่างน้อยเอาไว้ทุกซอกทุกมุมเลยก็ดีครับ) 6.ป่าวประกาศให้ชาวบ้านรับรู้ ไม่มีใครหรอกครับที่อยากจะมีภาพลักษณ์แย่ๆในสายตาชาวบ้าน พวกเราทุกคนจะ ยอมทุ่มทุกอย่างเพื่อที่จะทาให้อะไรสักอย่างสาเร็จ ถ้าหากว่าเราสัญญากับสาธารณชนไว้ (ยกเว้นนักการเมืองบางคน) ถ้าจะให้ยกตัวอย่างก็คือ ตอนที่ผมจะวิ่งมาราธอน ผมได้เขียนถึงความมุ่งมั่นของผมข้อนี้ลงในหนังสือพิมพ์ประจา หมู่บ้านของผม ประชากรเป็นร้อยคนรับรู้ว่าผมจะวิ่งมาราธอน ผมติดอยู่ในสถานะที่ผมจาเป็นต้องวิ่งมาราธอนให้ได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม และมันกได้ผลครับ สุดท้าย ผมก็สามารถกัดฟันวิ่งมาราธอนเข้าเส้นชัยจนได้ ไม่ครับ ผม ไม่ได้บอกว่าคุณต้องทาถึงขนาดนี้ แต่คุณสามารถป่าวประกาศให้ครอบครัวและเพื่อนร่วมงานของคุณทราบได้ หรือไม่ ก็ คุณก็สามารถเขียนมันลงไปใน blog ก็ได้นครับ (ถ้ามี) แล้วไม่ใช่แค่พูดครั้งเดียวแล้วจบกันนะครับ คุณต้องคอย รายงานความก้าวหน้าเรื่อยๆ เป็นการบังคับตัวคุณเองทางอ้อมที่ได้ผลมากๆเลยทีเดียว 7.คิดถึงเป้าหมายทุกวัน ถ้าคุณคิดถึงเป้าหมายของคุณทุกวัน โอกาสที่มันจะกลายเป็นความจริงจะมีสูงมาก การพิมพ์ เป้าหมายของคุณด้วยตัวหนังสือตัวใหญ่ๆแล้วนาไปแปะให้คุณเห็นอยู่ตลอด (ที่กล่าวไว้ข้างต้น) ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ ตาม สามารถช่วยได้มาก แบ่งเวลาสักวันละ 5 นาทีก็ได้ครับ เพื่อที่จะปล่อยให้ความคิดของคุณล่องลอยไปกับ เป้าหมายทีใฝ่ฝันเอาไว้ มันจะมีผลมหาศาลเลยทีเดียวในระยะยาว 8.ต้องมี Support มันเป็นอะไรที่ยากมากๆที่จะบรรลุเป้าหมายได้ หากคุณต้องทาอยู่คนเดียว ตอนที่ผมตัดสินใจจะวิ่ง แข่งมาราธอน ผมได้รับกาลังใจอย่างมากจากเพื่อนๆและครอบครัว รวมไปถึงสมาชิกในชมรมนักวิ่งทุกคน ตอนที่ผม ตัดสินใจจะเลิกสูบบุหรี่ ผมได้รับกาลังอย่างมากอีกเช่นเดียวกันจากเพื่อนๆในเว็บบอร์ด และแน่นอน ภรรยาของผมก็ คอยให้กาลังใจทุกเช้าทุกเย็น คุณเองเวลาจะทาอะไรอย่างนึง ก็จาเป็นต้องหา support ของคุณ ไม่ว่าจะเป็น support ในออนไลน์หรือออฟไลน์ก็ตาม 9.ทุกอย่างมีขึ้นมีลง ความขยันและความมุ่งมั่นใช่ว่าจะมีอยู่ตลอดเวลา ถ้าจะให้เปรียบ มันก็เหมือนน้าขึ้นน้าลงนั่น แหละครับ เวลาที่เรารู้สึกท้อแท้ ตระหนักไว้เลยครับว่าเดี๋ยวมันก็หาย ระหว่างที่รอให้ตัวคุณเองกลับมารู้สึกฟิตอีกครั้ง ก็ขอให้คุณลองอ่านเรื่องราวที่ประสบความเร็จของผู้อื่นไปพลางๆ หรือไม่ก็ขอความช่วยเหลือจาก idol ของคุณดูก็ได้ ครับ ขอให้อดทนต่อไปสักหน่อย อีกไม่นาน ตัวขี้เกียจพวกนี้มันก็จะหลุดไปจนหมดเอง 10.อย่าออกนอกเส้นทาง ไีม่ว่าคุณจะทาอะไรอยู่ก็ตาม อย่ายอมแพ้หรือเลิกกลางคันเด็ดขาด ถึงแม้ว่าวันนี้ คุณจะรู้สึก ขี้เกียจสุดๆ (หรืออาจจะรู้สึกขี้เกียจเป็นสัปดาห์เลยก็ได้) ขอให้รอสักหน่อย เดี๋ยวตัวขี้เกียจมันจะหลุดของมันไปเอง ให้ ลองคิดว่าเป้าหมายของคุณคือการเดินทางไป Mordor เพื่อทาลายแหวนของ Frodo ใน Lord of the Rings ก็ได้ ครับ ส่วนตัวขี้เกียจที่แวะมาเยือนเป็นครั้งคราวก็เปรียบเหมือนอุปสรรคนานัปการที่ Frodo กับ Sam ต้องเจอะเจอ แล้วคุณจะพบว่า การถอดใจตอนนี้เพียงเพราะว่าปัญหาขี้ปะติ๋วเหล่านี้ มันเป็นเรื่องที่น่าอายมากๆเลยทีเดียว 11.ก้าวสั้นๆ ถ้าคุณกาลังรู้สึกว่ามันยากเหลือเกินที่จะเริ่มต้นทาอะไรสักอย่าง มันอาจจะเป็นสาเหตุมาจากการที่คุณคิด จะเริ่มทาสิ่งที่ใหญ่เกินไป ถ้าคุณต้องการจะเริ่มออกกาลังกาย คุณอาจจะคิดว่า คุณต้องออกกาลังกายวันหนึ่งชั่วโมง สัปดาห์ละห้าวัน การคิดแบบนี้มันจะทาให้คุณรู้สึกท้อแท้ ถอดใจ และขี้เกียจเอาง่ายๆ แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ทาไมถึง
  • 5. 5 ไม่ลองคิดจะออกกาลังกายวันละ 2 นาทีดูละครับ ใช่ครับ 2 นาทีเท่านั้น! ใครกันละครับที่จะออกกาลังกายวันละ 2 นาที ทุกๆวันไม่ได้ (ถ้าคุณคือคนๆนั้น ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ) มันน้อยเสียจนคุณอาจจะอยากเพิ่งเวลาให้กับมัน แต่อย่าเพิ่งครับ เอาแค่ 2 นาทีนี่แหละครับ แล้วทาไปเรื่อยๆติดต่อกันหนึ่งสัปดาห์ พอผ่านไปครบ 1 สัปดาห์แล้ว อาทิตย์นี้ เรามาลองออกกาลังกายวันละ 5 นาทีกัน แล้วก็ทาแบบนี้เป็นเวลาอีก 7 วัน แล้วก็ทาไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆ เพียงเวลาแค่ 2-3 เดือน คุณก็จะพบว่าตัวเองกาลังออกกาลังกายวันละ 30 นาที ทุกวัน โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม เลยแม้แต่นิดเดียว อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือการตื่นนอนตอนเช้า อย่าเพิ่งเริ่มโดยการคิดว่า จากนี้ไป เราจะตื่นตอนตี 5 ทุก วัน แต่ให้เราเริ่มจากการตื่นนอนเร็วขึ้นกว่าปกติสัก 10 นาทีเป็นเวลาสักหนึ่งอาทิตย์ หลังจากกนั้นก็ค่อยๆเพิ่มไป เรื่อยๆจนกระทั่งถึง ตี 5 ก้าวทีละสั้นๆ แต่ได้ผลอย่างยั่งยืนจริงๆครับ 12.นาความสาเร็จที่ได้รับมาแปลงเป็นพลังให้ก้าวต่อไป การที่เราเริ่มทาอะไรเล็กๆน้อยๆอย่างที่ยกตัวอย่างไปใน ข้างต้นนี้ มันจะทาให้เราประสบความสาเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้อย่างแน่นอน และเมื่อเราทาสาเร็จ จงเก็บเอา ความรู้สึก ณ ช่วงเวลาแห่งความสาเร็จนั้นไว้ และเปลี่ยนมันให้กลายเป็นพลังในการก้าวเดินไปบนถนนสายที่เราเลือก ต่อไป มันจะทาให้การเดินทางของเราบนถนนสายนี้เป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยความสาเร็จระหว่างจริงๆ พอรู้ตัวอีก ที ว้าว! นี่ทุกวันนี้ เราออกกาลังกายได้วันละ 50 นาทีเลยหรือนี่! 13.อ่านอะไรก็ได้เกี่ยวกับเป้าหมายของคุณทุกวัน เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมรู้สึกขี้เกียจขึ้นมา ผมก็มักจะบังคับให้ตัวเองอ่าน เรื่องราวความสาเร็จของคนอื่น มันจะทาให้ผมรู้สึกมีกาลังใจและมีแรงที่จะสู้ต่อไปได้อย่างน่ามหัศจรรย์ นอกจากนี้ มันยังทาให้ผมรู้สึกมีสมาธิในสิ่งที่ผมอ่านถึงมากกว่าเดิมอีกด้วย เพราะฉะนั้น คุณน่าจะอ่านเป้าหมายของคุณทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่คุณรู้สึกว่าตัวเองกาลังโดนตัวขี้เกียจดูดเอาความขยันออกไป 14.คุยเวลาขี้เกียจ คุณกาลังรู้สึกขี้เกียจอยู่รึเปล่า ถ้าใช่ โทรหาแม่ โทรหาแฟน ตั้งกระทู้ในเว็บนี้ E-Mail หาผม หรือ จะติดต่อใครก็ได้ จากนั้นก็ขอความช่วยเหลือ ขอคาแนะนา ส่วนมากแล้ว สิ่งที่เราได้ทามักจะเป็นการบ่นตัวเองให้ ชาวบ้านฟังมากกว่าว่า "เอ๊ะ! ทาไมวันนี้ขี้เกียจจังวะ" มันดูเหมือนจะช่วยถ่ายความขี้เกียจออกจากตัวเราไปได้บ้างอยู่ เหมือนกันนะครับ 15.คิดถึงแต่ด้านดี อย่าไปใส่ใจกับความยากลาบาก นี่คือหนึ่งในปัญหายอดฮิตเลยทีเดียว ออกกาลังกายทุกวัน? แค่ พิมพ์ก็ฟังดูยากแล้ว เรียกได้ว่า ยังไม่ทันเหงื่อออก ผมก็รู้สึกเหนื่อยซะแล้ว สุดท้าย ผมก็เลยไม่ได้ออกกาลังกายไปซะ อย่างนั้น แต่ถ้าผมคิดดูว่า ออกกาลังกายทุกวัน มันจะทาให้ผมไม่ต้องโดนหมอฉีดยา มันจะทาให้ผมรูปร่างดี สมส่วน ถ้าผมคิดแบบนี้ มันก็จะทาให้ผมมีกาลังใจขึ้นมา และสลัดตัวขี้เกียจออกไปได้ 16.ขยี้ความคิดแง่ลบซะ แล้วแทนที่มันด้วยความคิดในแง่บวก มันเป็นเรื่องสาคัญมากนะครับที่คุณจาเป็นต้องเริ่ม สารวจดูความคิดของตนเอง เมื่อไหร่ที่คุณรู้ตัวว่ากาลังคิดความคิดที่มีประจุลบอยู่ เมื่อนั้นแหละครับที่คุณจะรู้สึกหมด อาลัยตายอยาก อยากจะขี้เกียจตลอดชาติ ลองใช้เวลาสักสองสามวันสารวจความคิดของตัวคุณเองดูนะครับ ดูสิว่าใน เวลาที่กาหนดนี้ คุณคิดอะไรลบๆบ้าง หลังจากนั้นก็ใช้เวลาอีกสองสามวัน นั่งสารวจความคิดของคุณเองอีกครั้งครับ แต่คราวนี้ เมื่อใดก็ตามที่ความคิดอย่างเช่น "ยากว่ะ! ไม่ทงไม่ทามันแล้ว!" ผุดขึ้นในสมอง ขอให้คุณรวบรวมพลังจิตที่ มีอยู่บี้ความคิดนี้ทิ้งซะ แล้วแทนที่มันด้วยความคิดที่ว่า "โอ๊ย! ไม่เห็นจะยาก! ถ้ากุ้งแห้งนั่นทาได้ มีรึที่ฉันจะทาไม่ได้!" มันอาจจะฟังดูยังไงๆอยู่ แต่ลองทาดูเถอะครับ มัน work จริงๆ และที่สาคัญ ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าคุณกาลังทาอะไร อยู่ เพราะมันเกิดขึ้นในหัวคุณทั้งนั้น!
  • 6. 6 วิธีดาเนินงาน แนวทางการดาเนินงาน -ปรึกษาเลือกหัวข้อ -นาเสนอหัวข้อกับครูผู้สอน -ศึกษารวบรวมข้อมูล -จัดทารายงาน -นาเสนอครู -ปรับปรุงและแก้ไข เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ -อินเตอร์เน็ต -หนังสือที่เกี่ยวข้อง -คอมพิวเตอร์ -โทรศัพท์ งบประมาณ - ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน ลาดับ ที่ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 1 0 1 1 12 1 3 1 4 1 5 16 17 1 คิดหัวข้อโครงงาน 2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล 3 จัดทาโครงร่างงาน 4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน 5 ปรับปรุงทดสอบ 6 การทาเอกสารรายงาน 7 ประเมินผลงาน 8 นาเสนอโครงงาน
  • 7. 7 ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน) ทุกคนเกิดการพัฒนา ไม่ขี้เกียจ แล้วบอกวิธีต่อๆกันไป สถานที่ดาเนินการ บ้านและโรงเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง กลุ่มสาระการเรียนรู้เทคโนโลยีและสารสนเทศ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน) https://sirichaiwatt.com/บทความดีๆ/การพัฒนาตนเอง