More Related Content
Similar to Electronoc waste (20)
Electronoc waste
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปี การศึกษา 2562
ชื่อโครงงาน ขยะอิเล็กทรอนิกส์
ชื่อผู้ทาโครงงาน
ชื่อ น.ส.แพรวา พฤกษะวัน เลขที่ 1 ชั้น ม.6 ห้อง 6
นายวรชัย ไชยนวล เลขที่ 24 ชั้น ม.6 ห้อง 6
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปี การศึกษา 62
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
1.น.ส.แพรวา พฤกษะวัน เลขที่ 1
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) ขยะอิเล็กทรอนิกส์
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) electronic waste
ประเภทโครงงาน โครงงานประเภทสารวจ
ชื่อผู้ทาโครงงาน น.ส.แพรวา พฤกษะวัน
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2562
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล
ของการทาโครงงาน)
ปัจจุบันมนุษย์เราทิ้งขยะกันเป็นจานวนมาก
หนึ่งในขยะที่เราทิ้งกันทั่วไปโดยที่ไม่รู้ถึงอันตรายของมันได้แก่
ขยะอิเล็กทรอนิกส์นั่นเอง ซึ่งขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-waste
เป็นขยะอีกชนิดหนึ่งที่ไม่สามารถย่อยสลายเองได้ในธรรมชาติ ซึ่งได้แก่
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่ไม่ใช้แล้วในชีวิตประจาวัน เช่น โทรทัศน์
คอมพิวเตอร์ แบตเตอร์รี่ และโทรศัพท์มือถือ
ขยะเหล่านี้เป็นขยะที่อันตรายอาจจะมีสารเคมีรั่วไหลจนก่อให้เกิดมลพิษกับสิ่งแวด
ล้อมได้ หากไม่มีการหาวิธีการกาจัดที่ดี ด้วยปัญหานี้หลายๆ
ประเทศรวมถึงประเทศไทยเองได้มีหน่วยงานที่กาจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยนาไปผ่
านกระบวนการรีไซเคิลเพื่อนากลับมาใช้ใหม่และสามารถกาจัดทาลายสารเคมีที่เป็
นอันตรายออกไปได้แล้ว
แต่วิธีที่ดีที่สุดที่เราจะช่วยกันลดขยะอิเล็กทรอนิกส์หรือขยะชนิดอื่นนั่นคือเราควรจะ
ใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีต่างๆ อย่างรู้คุณค่า เพื่อลดปัญหาขยะล้นโลกในอนาคต
- 3. 3
เนื่องด้วยปัจจุบันประเทศไทยมีปัญหาเกี่ยวกับขยะเป็ นจานวนมากและหนึ่งในปัญห
าที่น่าสนใจคือ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ปัจจุบันมีคนสนใจมากขึ้น
แต่หลายคนอาจสงสัยว่าขยะอิเล็กทรอนิกส์คืออะไรและส่งผลต่อเราอย่างไร
ขยะอิเล็กทรอนิกส์คือเกี่ยวกับพวกอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ทีวี โทรศัพท์
ถ่านต่างๆ
ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆเหล่านี้ประกอบไปด้วยสารพิษเป็นจานวนมากเวลาที่อุปกรณ์เหล่า
นี้ชารุดแล้วผู้คนก็มักจะทิ้งลงแม่น้าบ้างซึ่งเป็ นการทิ้งที่ผิดวิธี
ซึ่งการทิ้งลงแม่น้านี้สารพิษต่างๆที่อยู่ในอุปกรณ์ก็จะถูกปล่อยลงแม่น้าซึ่งสัตว์ใต้น้า
ก็จะได้รับผลกระทบโดยตรงและยังส่งผลต่อเราอีกด้วย
อธิบายง่ายๆก็คือเมื่อเราทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ลงในน้าสัต์น้าก็จะได้รับผลกระทบ
เช่น ปลา เรากินปลาที่อยู่ในน้าเหล่านั้นเราก็จะได้รับสารพิษเหล่านั้นเช่นกัน
ดังนั้นเราควรศึกษาและตระหนักถึงเรื่องพวกนี้ให้มากขึ้น
เพราะเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่ไกลจากตัวเราอีกต่อไปเพราะเป็นการส่งผลถึงชีวิตเร
าด้วย
การจัดทาโครงงานชิ้นนี้ก็เพื่ออยากให้ทุกคนได้เห็นถึงผลเสียของการกระทาที่เราไ
ด้ทาลงไปและจะได้ช่วยกันแก้ปัญหาเพื่อการเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของทุกคน
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
- เพื่อให้ทุกคนได้รูว่าขยะอิเล็กทรอนิกส์คืออะไรและส่งผลต่อเราอย่างไร
- รู้จักการรับมือกับขยะอิเล็กทรอนิกส์
- เพื่อพัฒนาแนวทางในการเสริมสร้างความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต
เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
เป็นการจัดทาโครงงานเพื่อศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับขยะอิเลิกทรอนิกส์ที่เกิดขึ้นในปัจจุ
บันและส่งผลกระทบต่อเราทุกคนโดยเริ่มจากตัวเราครอบครัวไปจนถึงชุมชน
ซึ้งจะได้รู้เกี่ยวกับการรับมือและการพัฒนาแนวทางต่างๆเกี่ยวกับขยะอิเล็กทรอนิก
ส์ โดยการจัดทาโครงงานครั้งนี้ผู้จัดทาหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้เข้าชมทุกท่าน
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
ขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ electronic waste (e-waste) คือ
เครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลายที่เสียหรือไม่มีคนต้องการ
ขยะเหล่านี้จะย่อยสลายเองไม่ได้ และเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งในบทความนี้
ทางโครงการจะรวมถึงถ่าน แบตเตอรี่ และตลับหมึกพิมพ์ด้วยนะคะ
เพราะขยะเหล่านี้ก็เป็นขยะอันตราย ที่มาพร้อมๆ กับขยะอิเล็กทรอนิกส์เลย
FUN FACTS ... รู้หรือไม่??
- 4. 4
* ปริมาณ E-Waste ทั่วโลกได้พุ่งทะยานสูงขึ้นถึง 20-50 ล้านตัน ต่อปี
ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพคือ ถ้าเอาเจ้า E-Waste ยัดเข้าตู้คอนเทนเนอร์
ในรถไฟ จะมีความยาวประมาณ 1 รอบโลก
* ณ ปัจจุบัน E-Waste คิดเป็น 5% ของขยะมูลฝอย
และมีปริมาณเกือบเท่ากับ พวกบรรจุภัณฑ์พลาสติกแล้ว แต่ความอันตรายจาก E-
Waste มากกว่า พลาสติก หลายเท่าทวีคูณ และที่สาคัญ Asia มีส่วนในการทิ้ง E-
Waste ถึง 12 ล้านตัน / ปี
* E-Waste ตัวฉกาจ ก็แน่นอนครับ เป็นพวกที่อุปกรณ์ที่มีการ Upgrade
ตลอดเวลา และมักจะมายั่วน้าลายให้เราเปลี่ยนกันบ่อยๆ คือ โทรศัพท์มือถือ
คอมพิวเตอร์…ส่วนตัวอื่นๆ เช่น ทีวี เครื่องเล่นต่างๆ
เครื่องถ่ายเอกสารพวกนี้ยังเป็นตัวเลขที่ไม่น่าตกใจเท่าไหร่
* ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ค่าเฉลี่ยของอายุการใช้งานคอมพิวเตอร์
เปลี่ยนไปจาก 6 ปีในช่วง ปี 1997 เหลือเพียง 2 ปี ตั้งแต่ปี 2005
ส่วนโทรศัพท์มือถือ มีค่าเฉลี่ยการใช้งาน น้อยกว่า 2 ปี
และมีแนวโน้มที่จะน้อยลงเรื่อยๆ
* และผู้บริโภค รายใหญ่ในวันนี้ คือ ประเทศจีนประมาณ 178
ล้านผู้ใช้งานใหม่ในปี 2010 และอินเดียประมาณ 80 ล้านคน
ในขณะที่ประเทศไทยมีขยะอิเล็กทรอนิกส์จากชุมชนกว่า 380,000 ตัน/ปี
แต่ขยะเหล่านี้กลับถูกส่งสู่กระบวนการรีไซเคิลที่ถูกวิธีเพียงร้อยละ 7.1
ส่วนที่เหลือนอกจากจะไปกองรวมกับขยะมูลฝอยอื่นๆ รอการฝังกลบแล้ว
ส่วนหนึ่งก็จะกระจายไปสู่พ่อค้ารับซื้อของเก่า
ที่จะรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมูลค่านาส่งแหล่งคัดแยกขยะที่ไม่ได้มาตรฐานแ
ต่กระจายตัวไปทั่วประเทศกว่า 100 แห่ง
ทั้งสารปรอทในหลอดไฟและจอภาพสมัยใหม่ ตะกั่วและดีบุกในลวดบัดกรี
แคทเมียมในแผงวงจรพิมพ์ พวกเขาเผาสายไฟเพื่อที่จะแยกทองแดงและโลหะ
โดยไม่ได้คานึงถึงสารพิษที่อาจทาลายปอดและระบบประสาทในระยะยาว
ทั้งหมดถูกคัดแยกด้วยสองมือมนุษย์ซึ่งมีอุปกรณ์ป้องกันเป็นเพียงถุงมือและหน้ากา
กอนามัย
และหากรั่วไหลลงพื้นดินและแหล่งน้าก็พร้อมจะสะสมและส่งต่อไปในห่วงโซ่อาหาร
สาร CFCs จากการผ่าตู้เย็นและเครื่องปรับอากาศรุ่นเก่า
ที่จะระเหยขึ้นไปทาลายชั้นโอโซนที่ป้องกันความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่แผ่รังสีให้เรา
อยู่ในทุกวันนี้
ขยะร้ายยังมีค่าถ้ารู้จักแยกทิ้ง
- 5. 5
เพราะซากเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้
บางชิ้นส่วนสามารถทาการถอดแยกเพื่อนาไปสกัดแยกโลหะมีค่า
เป็นการเพิ่มรายได้ เช่น มีรายงานว่า ญี่ปุ่นสามารถสกัดแยกทองคา 1
กิโลกรัมได้จากโทรศัพท์มือถือจานวน 2 แสนเครื่อง
ชิ้นส่วนตัวต้านทานในวงจรคอมพิวเตอร์
สามารถสกัดแยกทองคาและพาลาเดียมได้อย่างละประมาณ 50-100
กรัมต่อซากเครื่องใช้ไฟฟ้าหนัก 1 ตัน รวมทั้งยังได้ทองแดงอีก 200 กิโลกรัม
นอกจากนี้ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ยังมีส่วนประกอบของโลหะมีค่า ได้แก่ ทองคา
พาลาเดียม และทองแดง แม้ประเทศไทยเอง
มีผู้ประกอบการเพียงไม่กี่รายที่สามารถรีไซเคิลและสกัดแยกโลหะมีค่าเหล่านี้ออกจ
ากซากอุปกรณ์เหล่านี้ได้ก็ตาม
แต่การเตรียมพร้อมด้วยการแยกขยะอันตายเหล่านี้ออกจากขยะมูลฝอยทั่วไป
ก็เป็นการเตรียมตัวอย่างแรกที่ควรทา
เพื่อรอเทคโนโลยีในการจัดการขยะให้เหมาะสมต่อไป
ประเทศไทย กับการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์แบบไทยๆ
ในขณะที่ต่างชาติกาลังหาทางกาจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างเคร่งครัด
ประเทศไทยก็มีกฎหมายที่ห้ามประชาชนทิ้งขยะอันตรายเหล่านี้ในที่สาธารณะเช่นกั
น แต่แน่นอนว่ากฎหมายหลวมๆ ของไทยนั้นไม่ศักสิทธิ์พอ
ทาให้เราสามารถพบเห็นหลอดฟลูออเรสเซนต์อยู่ในถังขยะหน้าหมู่บ้าน
หรือถ่านไฟฉายที่มีสารเคมีบางอย่างไหลเยิ้มอยู่ก้นก้นถังขยะในหลายๆ ครัวเรือน
ทิ้งเองไม่พอ ยังนาเข้าอีก ในขณะที่ประเทศที่พัฒนาแล้วหลายๆ
ประเทศพยายามส่งออกขยะอิเล็กทรอนิกส์ของตัวเองสู่ประเทศกาลังพัฒนาซึ่งยังไม่
มีกฎหมายคุ้มครองสวัสดิภาพแรงงานที่ดีพอ
เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการรีไซเคิลที่ถูกกว่า
ประเทศไทยก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เปิดรับขยะอิเล็กทรอนิกส์จากนานาชาติตามสน
ธิสัญญาบาเซิล
ที่ว่าด้วยการนาเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้แต่ต้องได้รับการอนุญาตจากกระทรวงอุตส
าหกรรมและมีการจัดการอย่างถูกต้องไม่ทาลายสิ่งแวดล้อม
แต่แน่นอนว่ายังมีอีกหลายบริษัทที่นาเข้าและมีวิธีการจัดการอย่างไม่ถูกกฎหมาย
เพียงสกัดเอาแร่ที่มีมูลค่าตามต้องการแล้วกาจัดส่วนที่เหลือด้วยการฝังกลบ
ส่งผลให้สารพิษกระจายสู่สิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดมลพิษในพื้นที่ใกล้เคียง
ซากเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
นอกจากจะมีประเด็นปัญหาในเชิงปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแล้ว
ยังมีปัญหาที่เกิดจากส่วนประกอบที่เป็นสารอันตราย เช่น สารตะกั่ว แคดเมียม
ปรอท ฯลฯ ซึ่งหากได้รับการจัดการที่ไม่เหมาะสม
อาจก่อให้เกิดการรั่วไหลสู่สิ่งแวดล้อม
และมีความเสียงที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพและระบบนิเวศน์
ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
- 6. 6
อย่างไรก็ตาม ซากเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้
บางชิ้นส่วนสามารถทาการถอดแยกเพื่อนาไปสกัดแยกโลหะมีค่าเป็นการเพิ่มรายไ
ด้ เช่น มีรายงานว่า ญี่ปุ่นสามารถสกัดแยกทองคา 1
กิโลกรัมได้จากโทรศัพท์มือถือจานวน 2 แสนเครื่อง
ชิ้นส่วนตัวต้านทานในวงจรคอมพิวเตอร์
สามารถสกัดแยกทองคาและพาลาเดียมได้อย่างละประมาณ 50-100
กรัมต่อซากเครื่องใช้ไฟฟ้าหนัก 1 ตัน รวมทั้งยังได้ทองแดงอีก 200 กิโลกรัม
นอกจากนี้ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ยังมีส่วนประกอบของโลหะมีค่า ได้แก่ ทองคา
พาลาเดียม และทองแดง ขณะนี้ประเทศไทยเอง
มีผู้ประกอบการเพียงไม่กี่รายที่สามารถรีไซเคิลและสกัดแยกโลหะมีค่าเหล่านี้ออกจ
ากซากอุปกรณ์เหล่านี้ได้
ซึ่งเมื่อพูดถึงวงจรของผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ว่าขยะที่เกิดขึ้นนี้
มีที่มาที่ไปอย่างไร เมื่อกลายเป็นขยะไปแล้วจะถูกส่งต่อไปที่ไหน
ต้นของเดิมทีวงจรนี้เริ่มจากผู้ผลิต ผู้บริโภค ร้านรับซื้อของเก่า (ผู้คัดแยกขยะ)
สู่เทศบาลหรือกรุงเทพฯ เก็บรวบรวมขยะ จากนั้น ส่งไปยังบริษัทฝังกลบขยะ
และโรงเผาขยะ การกาจัดด้วยวิธีฝั่งกลบ
อาจเกิดการรั่วไหลของสารพิษและตกค้างในแหล่งน้า ผิวดิน และแหล่งน้าใต้ดิน
และนามาเผาทาลายจะเกิดควันพิษ ส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ
และส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
กรมควบคุมมลพิษ
ได้ตระหนักถึงความสาคัญและปัญหาในการจัดการซากผลิตภัณฑ์
จึงได้จัดทาพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปปกรณ์อิ
เล็กทรอนิกส์ขึ้นมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกาหนดหลักเกณฑ์
วิธีการและเงื่อนไขการจัดระบบรับคืน การเก็บรวบรวม การเก็บรักษา
และการขนส่งซากผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องตามหลักวิชาการและปลอดภัยต่อสุขภาพอนา
มัยของประชาชน และสิ่งแวดล้อม ภายใต้กฎหมายฉบับนี้
ซากผลิตภัณฑ์จะต้องส่งไปยังศูนย์รับคืนซากผลิตภัณฑ์ที่จัดตั้งขึ้น