More Related Content
Similar to ใบงานที่ 6 (20)
ใบงานที่ 6
- 1. โครงงาน เรื่อง โรคความอ้วน
ผู้ทำโครงงาน
นางสาว ณัฐธิดา เมฆมณเฑียร
ชั้น ม.6/14 เลขที่ 24
อาจารย์ที่ปรึกษา
ครู เขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดำเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2559
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 34
คำชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน :โรคความอ้วน
ชื่อโครงงาน :obesity
ประเภทโครงงาน : โรคงานนัฒนาเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทำโครงงาน : นางสาว ณัฐธิดา เมฆมณดฑียร
ชื่อที่ปรึกษา : ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดำเนินงาน : ภาคเรียนที่ 1 - 2
ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
โรคความอ้วน
1. ความหมายของโรคความอ้วน
โรคอ้วนเป็นสภาวะทางการแพทย์ที่มีการสะสมไขมันร่างกายมากถึงขนาดที่อาจมีผลเสียต่อสุขภาพ ทำให้มีการ
คาดหมายคงชีพลดลง และมีปัญหาสุขภาพเพิ่มขึ้น หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง การพิจารณาว่าบุคคลใดอ้วนนั้น
พิจารณาจากดัชนีมวลกาย (BMI) ซึ่งเป็นการวัด มีค่าเท่ากับน้ำหนัก (หน่วยเป็นกิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง
(หน่วยเป็นเมตร) ยกกำลังสอง บุคคลที่มีดัชนีมวลกายเกิน 30 กิโลกรัมต่อตารางเมตรถือว่าเป็นโรคอ้วน โดย
ในช่วง 25-30 กิโลกรัมต่อตารางเมตรนิยามเป็นน้ำหนักเกิน
2. สาเหตุของโรคอ้วน
2.1 พันธุกรรม ถ้าพ่อแม่เป็นโรคอ้วน ลูกที่เกิดมาก็มีโอกาสเป็นโรคอ้วนสูง
2.2 รับประทานอาหารมากเกินไป แล้วไม่มีเวลาออกกำลังกาย กล่าวคือ พลังงานที่ได้รับจากการรับ
ประทานมากกว่าพลังงานที่ใช้ไปในการออกกำลังกาย เช่น ชอบรับประทานอาหารที่มีไขมันและแคลอรี่สูง เช่น
หนังไก่ทอด มันหมู หมูสามชั้น ขาหมู ครีม เค้ก ฯลฯ แล้วไม่ยอมหาเวลาว่างออกกำลังกายเพื่อให้มีการใช้
พลังงานที่ได้รับเข้ามา
- 2. 2.3 พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสมทำให้มีการใช้พลังงานต่ำ และทำให้เสียโอกาสใน
การทำกิจกรรม หรือออกกำลังกายที่มีประโยชน์ต่อ สุขภาพ เช่น การจราจรติดขัดในกรุงเทพ ทำให้คนส่วน
ใหญ่ต้องนั่งเฉยบนรถยนต์หลายชั่วโมงต่อวัน ลักษณะงานที่ต้องนั่งทำงานตลอดเวลา
พฤติกรรมชอบรับประทานอาหารจุกจิก เป็นต้น
2.4 โรคบางชนิด เช่น Cushings Syndrome ซึ่งจะทำให้ร่างกายของผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้อ้วน
โดยสาเหตุของโรคนี้เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย จนทำให้อ้วนบริเวณใบหน้า ลำตัว
ต้นคอด้านหลัง แต่แขนขาจะเล็ก และไม่มีแรง ในกรณีนี้จะต้องรักษาที่ต้นเหตุคือ ฮอร์โมนที่มีความ
ผิดปกติจึงจะสามารถหายอ้วนได้
3. พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคความอ้วน
บางคนอาจจะไม่รู้ว่าทำอย่างไร กินอย่างไร และมีพฤติกรรมอย่างไร ถึงมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน
แล้วมัวไปอดอาหาร โดยที่ยังมีพฤติกรรมดังกล่าวอยู่ การลดน้ำหนัก หรือการควบคุมน้ำหนักจึงไม่ได้ผลมาดู
กันดีกว่าข้อต่าง ๆ ต่อไปนี้
ไม่มีเวลากินข้าวเช้า
ชอบกินอาหารบุฟเฟ่ต์
กินข้าวไม่เป็นเวลา
ชอบกินจุบกินจิบ
กินเหล้าเมายาเป็นกิจวัตร
กินข้าวเร็ว จนเคี้ยวไม่ละเอียด
ชอบกินอาหารสำเร็จ
ชอบกินอาหารรสจัด
เวลาเครียด สิ่งแรกที่นึกถึงคือของกิน
ชอบเสียดายของเหลือๆ
ชอบนอนดึกตื่นสาย
กินข้าวเยอะ กินผักน้อย
กินมื้อเย็นดึกๆ
กินมื้อเช้าน้อย แต่มื้อเย็นหรือมื้อดึกเยอะ
ชอบกินขนมหวานหลังอาหาร
มีขนมเก็บในตู้เย็นอยู่มาก
มักจะใช้เครื่องทุ่นแรง
ขี้เกียจขยับตัวทำอะไร
ชอบกินเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ติดมัน
ชอบครีม น้ำตาล และของหวาน
ดื่มเหล้าก่อนนอน
4. โรคที่มาพร้อมกับความอ้วน
4.1 ไขมันในเลือดสูง ซึ่งนำไปสู่ความผิดปกติของระบบอื่นๆ โดยเฉพาะเมื่อเจ้าเม็ดไขมันไปเกาะตาม
ผนังหลอดเลือด ยิ่งหนามากขึ้นๆ ถนนของเจ้าเลือดก็เดินไม่สะดวกตามไป ก็เลือดต้องไปหล่อเลี้ยงเซลล์ทุกส่วน
ของร่างกาย และเราก็ขาดเลือดไม่ได้ แน่นอนจะมีปัญหาต่อสุขภาพตามมาอีกมาก ทั้งโรคหัวใจวาย ความดัน
โลหิตสูง เหนื่อยหอบ มึนงงบ่อยๆ เป็นลม เมื่อเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายไม่ดี เซลล์ก็เสื่อมโทรมลง
อนุมูลอิสระก็เกิดเร็วขึ้น ทีนี้แหละ แก่เร็วอย่างเห็นได้ชัด
- 3. 4.2 ความดันโลหิตสูง เมื่อไขมันเคลือบผนังหลอดเลือด บางจุดอาจตีบมาก หัวใจมีหน้าที่เหมือน
ปั๊มน้ำ ก็ต้องขับดันเลือดวิ่งไปให้ทั่วร่างกายทุกซอกทุกมุม เมื่อบางจุดโดนบีบให้แคบ แต่ร่างกายต้องการเลือด
มันอาจออกแรงผลักดันเลือด อาจทำให้เส้นเลือดในสมองแตก ถึงแก่ชีวิต หรือพิการเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้
4.3 โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของประเทศอุตสาหกรรม รวมทั้ง
ประเทศไทยด้วย เนื่องจากไขมันไปเกาะตามผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดตีบหรืออุดตัน หัวใจ
ทำงานเพิ่มมากขึ้น ถ้าเป็นกับเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงหัวใจก็ทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือด และหัวใจวาย
4.4 โรคเบาหวาน พบว่าคนไทยเป็นเบาหวานกันประมาณ 3 ล้านคน ลองคิดดูว่าไม่น้อย วันหน้า
ถ้ายังใช้ชีวิตเผอเรอ มีหวังได้เป็นเบาหวานด้วยอีกคน โรคนี้เป็นเพื่อนคู่ซี้กับโรคอ้วน ที่มักพบควบคู่กันเสมอ
เบาหวานนั้นเพราะระบบควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกายผิดปกติ เมื่อเป็นเบาหวานแล้ว ถ้าเกิดเป็นแผลก็มัก
รักษาไม่หาย กลายเป็นแผลเรื้อรัง บางทีก็เป็นแผลกดทับ ประกอบกับเสี่ยงต่อการติดเชื้อราง่ายขึ้น เพราะมีการ
อับชื้นของซอกแขน และซอกขามากกว่าปกติ
4.5 โรคข้อกระดูกเสื่อม โดยเฉพาะข้อเข่าและข้อเท้า เนื่องจากต้องรับน้ำหนักตัวมากเกินพิกัด บาง
คนที่อ้วนมากๆ อาจจะยืนหรือเดินไม่ได้เลย เพราะข้อเท้าไม่สามารถรับน้ำหนักได้ คนอ้วนมากๆ จะเดินก็ลำบาก
โยกเยกซ้ายขวา เดินไปเหนื่อยหอบไป
4.6 โรคระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากในคนอ้วนมักมีการเคลื่อนไหวน้อย ชอบนั่งหรือนอน ปอด
จึงขยายตัวไม่เต็มที่ ทำให้เกิดการติดเชื้อของทางเดินหายใจได้มากขึ้น บางครั้งถึงกับมีภาวะการหายใจลดลง
หายใจติดขัด ทำให้มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คั่งในปอด คนอ้วนมากเหนื่อยง่าย ง่วงนอนตลอดเวลา อาจพบ
ภาวะของโรคอารมณ์เศร้าหมองร่วมไปด้วยก็กิน ซึ่งอาจจะช่วยให้อารมณ์ช่วงนั้นดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็
เป็นการทำร้ายตัวเองมากยิ่งขึ้น
4.7 โรคมะเร็งบางชนิด คนอ้วนมีอัตราการเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ รวมทั้งโรคมะเร็งได้
4.8 โรคนิ่วในถุงน้ำดี และไขมันแทรกในตับ เมื่อมีไขมันมาก การทำงานของตับก็ลดลง เพราะไขมัน
เข้าไปแทรกอยู่ จนทำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดี
จากการเสี่ยงต่อสุขภาพของโรคอ้วนที่กล่าวถึงข้างต้นอันมีมากมายหลายประการ จึงมีการศึกษาถึง
อันตรายของโรคอ้วนถึงขนาดว่าคนอ้วนมีอัตราการเสียชีวิตแตกต่างจากคนรูปร่างปกติหรือไม่ ซึ่งจากการ
ศึกษาก็พบว่าอัตราการเสียชีวิตของคนที่อ้วนมากมีสูงขึ้นถึง 2-12 เท่า ขึ้นกับอายุของแต่ละบุคคลแต่ถ้ากลุ่ม
ประชากรที่อ้วนหรือน้ำหนักเกินสามารถลด น้ำหนักได้เพียง 5-10 % ของน้ำหนักตัวเริ่มต้นก็จะสามารถลดอัตรา
การพิการ และอัตราการตาย (morbidity and mortality rate) ได้ระดับหนึ่งทุกสิ่งทุกอย่างย่อมต้องมีความพอดี
การมากหรือน้อยเกินไปอาจเกิดผลเสียได้มากกว่าผลดี "น้ำหนัก" ก็เช่นกัน ถ้ามากเกินไป "อ้วน" ก็เสี่ยงต่อการ
เกิดโรคต่าง ๆ มากมาย แต่ถ้าสามารถลดความมากเกินไปลงมาให้ใกล้พอดีได้ก็จะเกิดการลดอัตราการเสี่ยงที่
- 4. จะเกิดขึ้นได้ แล้วคนที่มี "น้ำหนักเกิน" หรือ "อ้วน"สามารถรู้สาเหตุว่าเพราะอะไรจึงเกิดความมากเกินไปนี้ได้
โดยทั่วไปสาเหตุของ "อ้วน" มีหลายสาเหตุบางคนอาจเกิดจากสาเหตุเดียวหรือหลายสาเหตุประกอบกันก็ได้
5. วิธีการป้องกัน และรักษาการเกิดโรคความอ้วนเพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนเราควรปฏิบัติดังนี้
5.1 กินผัก ผลไม้เยอะๆ เพราะนอกจากจะช่วยควบคุมน้ำหนักแล้ว ผักผลไม้ยังอุดมไปด้วยวิตามินที่มี
ประโยชน์ต่อความสวยของคุณ และช่วยลดระดับไขมันโคเรสเตอรอลอย่างได้ผลอีกด้วย
5.2 ถั่วและธัญพืช พันธมิตรของร่างกาย เช่น ข้าวกล้อง, งา, ถั่วต่างๆ , ลูกเดือย ซึ่งจะมีเส้นใยอาหารให้
คุณอิ่มเร็วขึ้นแถมยังช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือด และรักษาระดับโคเลสเตอรอลอีกด้วย
5.3 กินปลาสิ อันนี้ดีชัวร์ หรือ เนื้อสัตว์ไม่ติดมันเป็นประจำโดยเฉพาะเนื้อปลาซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็น
โปรตีนชั้นดี, และมีกรดไขมัน โอเมก้า 3 ที่ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ เช่น ปลาทูน่ากระป๋อง หรือปลา
แซลมอน ปริมาณไขมันที่คุณ ควรรับประทานต่อวัน ไม่ควรเกิน 5-8 ช้อนชานะคะ และหากจะรับประทานสลัดก็
ไม่ควรใส่น้ำสลัดมากกว่า 5 ช้อนชา
5.4 ลดของหวานๆ ให้หวานน้อยหน่อย เช่น น้ำอัดลม, น้ำหวาน, ขนมหวาน หรือแม้แต่ผลไม้ที่มีรส
หวานมากๆด้วย เพราะของหวานให้แต่พลังงาน ซึ่งหากรับประทานมากก็จะเกินความต้องการไปพอกพูนตาม
ร่างกายของคุณให้อวบอ้วน
5.5 เค็มจัดไป สงสารคุณไตนะ โดยคุณควรรับประทานเกลือให้น้อยกว่า 6 กรัมต่อวัน หรือประมาณ
1 ช้อนชาต่อวัน
5.6 งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ โดยไม่ควรดื่มมากกว่า 1 แก้วต่อวัน เพราะนอกจากจะก่อโทษ
ต่างๆแล้วยังมีแคลอรี่สูงอีกด้วย หากคุณรับประทานอาหารตามแนวทางนี้ จะทำให้คุณรักษารูปร่างให้สมส่วน
ได้อย่างยาวนาน ไร้ไขมันพอกพูนและสุขภาพดีไม่ผอม เหี่ยว ซีดเซียว ไร้เรี่ยวแรง จนดูโทรมมากกว่าสวยเสีย
มากกว่า
วัตถุประสงค์
เพื่อศึกษาและพัฒนาเว็บบล็อก เรื่อง โรคความอ้วน
เพื่อเป็นสื่อทางการศึกษาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
เพื่อเป็นประโยชน์กับบุคคลที่สนใจทั่วไป
เพื่อศึกษาการลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี
ขอบเขตโครงงาน
ศึกษาสาเหตุการเกิดโรคความอ้วน
ศึกษาพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคความอ้วน
เพื่อศึกษาโรคที่มาพร้อมกับโรคความอ้วน
เพื่อศึกษาวิธีการป้องกัน และรักษาการเกิดโรคความอ้วน