More Related Content
Similar to พรบ การศึกษาแห่งชาติ 2542 ย่อเสร็จแล้ว 7 ม ค 55
Similar to พรบ การศึกษาแห่งชาติ 2542 ย่อเสร็จแล้ว 7 ม ค 55 (20)
More from โทษฐาน ที่รู้จักกัน
More from โทษฐาน ที่รู้จักกัน (13)
พรบ การศึกษาแห่งชาติ 2542 ย่อเสร็จแล้ว 7 ม ค 55
- 1. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่ง
ชาติ พ.ศ. 2542
ตรา
พ.ร.บ.ขึ้น
ไว้
โดยคำาแนะนำาและยินยอม
ของรัฐสภา
บังคับ
ตั้งแต่
วันถัดจากวันประกาศใน
รกษ.
ความหมาย
คำาศัพท์ หมายความว่า
การศึกษา กระบวนการเรียนรู้เพื่อ
ความเจริญงอกงามของ
บุคคลและสังคมโดยการ
ถ่ายทอดความรู้ การฝึก ก
ารอบรม การสืบสานทาง
วัฒนธรรม การสร้างสรรค์
จรรโลงความก้าวหน้าทาง
วิชาการ การสร้างองค์
ความรู้อันเกิดจากการจัด
สภาพแวดล้อม สังคมการ
เรียนรู้และปัจจัยเกื้อหนุน
ให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อ
เนื่องตลอดชีวิต
การศึกษา
ขั้นพื้น
ฐาน
การศึกษาก่อนระดับ
อุดมศึกษา
การศึกษา
ตลอด
ชีวิต
การศึกษาที่เกิดจากการ
ผสมผสานระหว่าง/ ใน/
นอก/อัธยาศัย เพื่อให้
สามารถพัฒนาคุณภาพ
ชีวิตได้อย่างต่อเนื่อง
ตลอดชีวิต
สถาน
ศึกษา
สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย โ
รงเรียน ศูนย์การเรียน
วิทยาลัย สถาบัน
มหาวิทยาลัย
หน่วยงานการศึกษาหรือ
หน่วยงานอื่นของรัฐหรือ
ของเอกชน ที่มีอำานาจ
หน้าที่หรือมีวัตถุประสงค์
ในการจัดการศึกษา
สถาน
ศึกษาขั้น
พื้นฐาน
สถานศึกษาที่จัดการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน
มาตรฐาน
การศึกษา
ข้อกำาหนดเกี่ยวกับ
1.คุณลักษณะ
2.คุณภาพที่พึงประสงค์
3.มาตรฐาน
ที่ต้องการให้เกิดขึ้นใน
สถานศึกษาทุกแห่ง และ
เพื่อใช้เป็นหลักในการ
เทียบเคียงสำาหรับการส่ง
เสริมและกำากับดูแล การ
ตรวจ-สอบ การประเมินผล
และการประกันคุณภาพ
ทางการศึกษา
การ
ประกัน
คุณภาพ
ภายใน
การประเมินผลและการ
ติดตามตรวจสอบคุณภาพ
และ
มาตรฐานการศึกษาของ
สถานศึกษาจากภายใน โ
ดยบุคลากรของสถาน
ศึกษานั้นเอง หรือโดย
หน่วยงานต้นสังกัดที่
มีหน้าที่กำากับดูแลสถาน
ศึกษานั้น
การ
ประกัน
คุณภาพ
ภายนอก
การประเมินผลและการ
ติดตามตรวจสอบคุณภาพ
และ
มาตรฐานการศึกษาของ
สถานศึกษาจากภายนอก
โดยสำานักงานรับรอง
มาตรฐานและประเมิน
คุณภาพการศึกษาหรือ
บุคคลหรือหน่วยงาน
ภายนอกที่สำานักงานดัง
กล่าวรับรอง เพื่อเป็นการ
ประกันคุณภาพและให้มี
- 2. การพัฒนาคุณภาพและ
มาตรฐานการศึกษาของ
สถานศึกษา
ผู้สอน ครูและคณาจารย์ในสถาน
ศึกษาระดับต่าง ๆ
ครู บุคลากรวิชาชีพซึ่งทำา
หน้าที่หลักทางด้านการ
เรียนการสอนและการส่ง
เสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน
ด้วยวิธีการต่าง ๆ ใน
สถานศึกษาทั้งของรัฐและ
เอกชน
คณาจาร
ย์
บุคลากรซึ่งทำาหน้าที่หลัก
ทางด้านการสอนและการ
วิจัยในสถานศึกษาระดับ
อุดมศึกษาระดับปริญญา
ของรัฐและเอกชน
ผู้บริหาร
สถาน
ศึกษา
บุคลากรวิชาชีพที่รับผิด
ชอบการบริหารสถาน
ศึกษาแต่ละแห่ง ทั้งของรัฐ
และเอกชน
ผู้บริหาร
การศึกษา
บุคลากรวิชาชีพที่รับผิด
ชอบการบริหารการศึกษา
นอกสถานศึกษาตั้งแต่
ระดับเขตพื้นที่การศึกษา
ขึ้นไป
บุคลากร
ทางการ
ศึกษา
ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้
บริหารการศึกษารวมทั้งผู้
สนับสนุนการศึกษาเป็นผู้
ทำาหน้าที่ให้บริการ หรือ
ปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับ
การจัดกระบวนการเรียน
การสอน การนิเทศ และ
การบริหารการศึกษาใน
หน่วยงานการศึกษาต่าง ๆ
กระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ ศาส
นา และวัฒนธรรม
หมวด 1 ความมุ่งหมายและหลัก
การ
การจัดการ
ศึกษาต้อง
เป็นไปเพื่อ
1.พัฒนาคนไทยให้เป็น
มนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้ง
ร่างกาย จิตใจ สติปัญญา
ความรู้
2.คุณธรรม มีจริยธรรม
และวัฒนธรรมในการ
ดำารงชีวิตสามารถอยู่ร่วม
กับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
กระบวนกา
รเรียนรู้
ต้องมุ่งปลูก
ฝังจิต
สำานักที่ถูก
ต้องเกี่ยว
กับ
1.การเมืองฯในระบอบ
ปชต.อันมี KING
2.รู้จักรักษาและส่งเสริม
สิทธิ หน้าที่
เสรีภาพ ความเคารพ
กม./เสมอ/ศักดิ์ศรีความ
เป็นมนุษย์
3.มีความภาคภูมิใจใน
ความเป็นไทย
4.รู้จักรักษาผลประโยชน์
ส่วนรวม/ชาติ
5.รวมทั้งส่งเสริมศาสนา ศิ
ลป์/วัฒน/กีฬา/ ภูมิ และ
ความรู้อันเป็นสากล
6.ตลอดจนอนุรักษ์
ทรัพยากรฯ/สิ่งฯ
7.มีความสามารถในการ
ประกอบอาชีพรู้จักพึ่ง
ตนเอง
8.มีความคิดริเริ่ม
สร้างสรรค์ ใฝ่รู้และเรียนรู้
ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง
การ
จัดการ
ศึกษาให้
ยึดหลัก
ดังนี้
1. เป็นการศึกษาตลอด
ชีวิตสำาหรับ ปชช.
2.ให้สังคมมีส่วนร่วมใน
การจัดกศษ.
3. การพัฒนาสาระและ
- 3. กระบวนการเรียนรู้ให้เป็น
ไปอย่างต่อเนื่อง
การจัด
ระบบ
โครงสร้าง
และ
กระบวนก
ารจัดการ
ศึกษา
ให้ยึดหลัก
ดังนี้
1. มีเอกภาพด้านนโยบาย
/หลากหลายในการปฏิบัติ
2. มีการกระจายอำานาจ
ไปสู่เขตพื้นที่การศึกษา ส
ถานศึกษา และอปท.
3. มีการกำาหนดมาตรฐาน
การศึกษา
และจัดระบบประกัน
คุณภาพการศึกษาทุก
ระดับและประเภทการ
ศึกษา
4. มีหลักการส่งเสริม
มาตรฐานวิชาชีพครู คณา
จารย์ และบุคลากร
ทางการศึกษาและการ
พัฒนาครู คณาจารย์ และ
บุคลากรทางการศึกษา
อย่างต่อเนื่อง
5. ระดมทรัพยากรจาก
แหล่งต่าง ๆ มาใช้ในการ
จัดการศึกษา
6. การมีส่วนร่วมของ
บุคคล ครอบครัว
ชุมชน องค์กรชุมชน อป
ท. เอกชนฯ
หมวด 2 สิทธิและหน้าที่ทางการ
ศึกษา
การจัดการศึกษา
1.ต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาส
เสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้น
ฐานไม่น้อยกว่า 12 ปีที่รัฐต้องจัดให้
อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่า
ใช้จ่าย
2.บุคคลซึ่งมีความบกพร่องทาง
ร่างกาย จิตใจ สติปัญญาอารมณ์ สังค
ม การสื่อสารและการเรียนรู้ หรือมี
ร่างกายพิการ หรือทุพพลภาพหรือ
บุคคลซึ่งไม่สามารถพึ่งตนเองได้หรือ
ไม่มีผู้ดูแลหรือด้อยโอกาส ต้องจัดให้
บุคคลดังกล่าวมีสิทธิและโอกาสได้รับ
การศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นพิเศษ
3.การศึกษาสำาหรับคนพิการ ให้จัด
ตั้งแต่แรกเกิดหรือพบความพิการโดย
ไม่เสียค่าใช้จ่าย และให้บุคคล
4.บุคคลซึ่งมีความสามารถพิเศษ ต้อง
จัดด้วยรูปแบบที่เหมาะสมโดยคำานึงถึง
ความสามารถของบุคคลนั้น
ใครสนับสนุน
กศษ.
สิทธิประโยชน์
บิดา
มารดา
หรือผู้
ปกครอง
1. การสนับสนุนจาก
รัฐ ให้มีความรู้ความสา
มารถฯ
2. เงินอุดหนุนจากรัฐ
สำาหรับการจัดการ
ศึกษาขั้นพื้นฐานขอ
งบุตรฯ
3. การลดหย่อนหรือ
- 4. ยกเว้นภาษีสำาหรับค่า
ใช้จ่ายการศึกษา
บุคคล
ครอบครัว
ชุมชน
องค์กร ฯ
1.การสนับสนุนจากรัฐ
ให้มีความรู้ความสามา
รถฯ
2. เงินอุดหนุนจากรัฐ
สำาหรับการจัดการ
ศึกษาขั้นพื้นฐาน
3. การลดหย่อนหรือ
ยกเว้นภาษีสำาหรับค่า
ใช้จ่ายการศึกษา
หมวด 3 ระบบการศึกษา
การ
จัดการ
ศึกษา
มี 3 รูป
แบบ
1.ในระบบ
2.นอกระบบ
3.ตามอัธยาศัย
ใน
ระบบ
เป็นการศึกษาที่กำาหนดจุด
มุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลัก
สูตรระยะเวลาของการศึกษา
การวัดและประเมินผล ซึ่ง
เป็นเงื่อนไขของการสำาเร็จ
การศึกษาที่แน่นอน
นอก
ระบบ
เป็นการศึกษาที่มีความ
ยืดหยุ่นในการกำาหนดจุดมุ่ง
หมายรูปแบบ วิธีการจัดการ
ศึกษา ระยะเวลาของการ
ศึกษา การวัดและประเมินผล
ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำาคัญของ
การสำาเร็จการศึกษา โดย
เนื้อหาและ
หลักสูตรจะต้องมีความ
เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพ
ปัญหาและความต้องการ
ของบุคคลแต่ละกลุ่ม
ตาม
อัธยาศั
เป็นการศึกษาที่ให้ผู้เรียนได้
เรียนรู้ด้วยตนเองตามความ
ย สนใจ ศักยภาพ ความพร้อม
และโอกาส โดยศึกษาจาก
บุคคล ประสบการณ์ สังคม
สภาพแวดล้อมสื่อหรือแหล่ง
ความรู้อื่น ๆ
** สถานศึกษาอาจจัดการศึกษาใน
รูปแบบใดรูปแบบหนึ่งหรือทั้ง 3 รูป
แบบก็ได้
** ให้มีการเทียบโอนผลการเรียน
ที่ผู้เรียนสะสมไว้ในระหว่างรูปแบบ
เดียวกันหรือต่างรูปแบบได้ไม่ว่าจะ
เป็นผลการเรียนจากสถานศึกษา
เดียวกันหรือไม่ก็ตาม รวมทั้งจากการ
เรียนรู้นอกระบบ ตามอัธยาศัย การฝึก
อาชีพ หรือจากประสบการณ์การ
ทำางาน
ในระบบมี 2
ระดับ
1.การศึกษาขั้นพื้น
ฐาน
2.การศึกษาระดับ
อุดมศึกษา
การศึกษาขั้น
พื้นฐาน
การศึกษาซึ่งจัดไม่น้อย
กว่าสิบสองปีก่อนระดับ
อุดมศึกษา
การศึกษา
ระดับ
อุดมศึกษา
แบ่ง
เป็น 2 ระดับ
1.ระดับตำ่ากว่าปริญญา
2.ระดับปริญญา
การ
ศึกษา
ภาค
บังคับ
มีจำานวน 9 ปี
โดยให้เด็กซึ่งมีอายุย่างเข้าปี
ที่ 7 เข้าเรียนในสถานศึกษา
ขั้นพื้นฐานจนอายุย่างเข้าปีที่
16 เว้นแต่สอบได้ชั้นปีที่เก้า
ของการศึกษาภาคบังคับ
- 5. การจัดการศึกษาปฐมวัยและ
การศึกษาขั้นพื้นฐานให้จัดใน
สถานศึกษาดังต่อไปนี้
1. สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ได้แก่
ศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ศูนย์
พัฒนาเด็กก่อนเกณฑ์ของสถาบัน
ศาสนา ศูนย์บริการช่วยเหลือระยะแรก
เริ่มของเด็กพิการและเด็กซึ่งมีความ
ต้องการพิเศษ หรือสถานพัฒนาเด็ก
ปฐมวัยที่เรียกชื่ออย่างอื่น
2. โรงเรียน ได้แก่
โรงเรียนของรัฐ โรงเรียนเอกชน และ
โรงเรียนที่สังกัดสถาบันพุทธศาสนา
หรือศาสนาอื่น
3. ศูนย์การเรียน ได้แก่
สถานที่เรียนที่หน่วยงานจัดการศึกษา
นอกโรงเรียนบุคคล ครอบครัวชุมชน
องค์กรชุมชน อปท. เอกชน องค์กร
วิชาชีพสถาบันศาสนา สถานระกอบ
การ โรงพยาบาล สถาบันทางการ
แพทย์ สถานสงเคราะห์ และสถาบัน
สังคมอื่นเป็นผู้จัด
หมวด 4 แนวการจัดการศึกษา
การจัดการ
ศึกษา
ต้องยึด
หลักว่า
1.ผู้เรียนทุกคนมีความ
สามารถเรียนรู้และ
พัฒนาตนเองได้
2.ถือว่าผู้เรียนมีความ
สำาคัญที่สุด
3.กระบวนการจัดการ
ศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้
เรียนสามารถพัฒนาตาม
ธรรมชาติและเต็มตาม
ศักยภาพ
ใน/นอก/อัธยาศัย ต้องเน้น
ความสำาคัญทั้ง
1.ความรู้
2.คุณธรรม
3.กระบวนการเรียนรู้
และบูรณาการตามความเหมาะสมของ
แต่ละระดับการศึกษาในเรื่องต่อไปนี้
1. ความรู้เรื่องเกี่ยวกับตนเอง /ตนเอง
กับสังคม ได้แก่
ครอบครัว ชุมชน ชาติ และสังคมโลก
รวมถึงความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์
ความเป็นมาของสังคมไทยและ
ปชต.อันมีฯ
2. ความรู้และทักษะด้านวิทย์ /
เทคโนโลยี รวมทั้งความรู้ความเข้าใจ
และประสบการณ์เรื่องการจัดการ การ
บำารุงรักษาและการใช้ประโยชน์จาก
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
อย่างสมดุลยั่งยืน
3. ความรู้เกี่ยวกับศาสนา ศิลปะ วัฒน
ธรรม การกีฬา ภูมิปัญญาไทย และ
การประยุกต์ใช้ภูมิปัญญา
4. ความรู้ และทักษะด้านคณิต์ /
ภาษา เน้นการใช้ภาษาไทยอย่างถูก
ต้อง
5. ความรู้ และทักษะในการประกอบ
อาชีพและการดำารงชีวิตอย่างมีความ
สุข
การจัดกระบวนการเรียนรู้ ดำา
เนินการ ดังต่อไปนี้
1. จัดเนื้อหาสาระ/กิจกรรมสอดคล้อง
กับความสนใจ/ความถนัดของผู้เรียน
โดยคำานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล
2. ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การ
จัดการ การเผชิญสถานการณ์ และ
การประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกัน
- 6. และแก้ไขปัญหา
3. จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จาก
ประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้
ทำาได้ คิดเป็นทำาเป็น รักการอ่านและ
เกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง
4. จัดการเรียนการสอนโดยผสมผสาน
สาระความรู้ด้านต่าง ๆ อย่างได้
สัดส่วนสมดุลกัน รวมทั้งปลูกฝัง
คุณธรรม ค่านิยมที่ดีงามและ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทุก
วิชา
5. ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถ
จัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการ
เรียนและอำานวยความสะดวกเพื่อให้ผู้
เรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้ ร
วมทั้งสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่ง
ของกระบวนการเรียนรู้ ทั้งนี้ ผู้สอน
และผู้เรียนอาจเรียนรู้ไปพร้อมกันจาก
สื่อการเรียนการสอนและแหล่ง
วิทยาการประเภทต่าง ๆ
6. จัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลา
ทุกสถานที่ มีการประสานความร่วมมือ
กับบิดามารดา ผู้ปกครอง และบุคคล
ในชุมชนทุกฝ่าย เพื่อร่วมกันพัฒนาผู้
เรียนตามศักยภาพ
แหล่งการเรียน
รู้ตลอดชีวิตทุก
รูปแบบได้แก่
ห้องสมุดประชาชน
พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์
สวนสัตว์ สวน
สาธารณะ สวน
พฤกษศาสตร์ อุทยา
นวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี
ศูนย์การกีฬาและ
นันทนาการ
คณะกรรมการ
การศึกษาขั้นพื้น
ฐาน (กพฐ.)
กำาหนดหลักสูตร
แกนกลางการ
ศึกษาขั้นพื้นฐาน
สถาน
ศึกษา
ขั้นพื้น
ฐาน
มีหน้าที่ทำาสาระของ
หลักสูตรตามวัตถุประสงค์
ในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพ
ปัญหาในชุมชนและสังคม ภู
มิปัญญาท้องถิ่น คุณลักษณะ
อันพึงประสงค์เพื่อเป็น
สมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุม
ชน สังคม
และประเทศชาติ
หมวด 5 การบริหารและการ
จัดการศึกษา
มี 3 ส่วน
1.การบริหารและการจัดการ
ศึกษาของ รัฐ
2.การบริหารและการจัดการ
ศึกษาของ อปท.(ท้องถิ่น)
3.การบริหารและการจัดการ
ศึกษาของ เอกชน
ส่วนที่ 1 การบริหารและการ
จัดการศึกษาของรัฐ
กระทรวงมีองค์กรหลักที่เป็นคณะ
บุคคลในรูปสภา หรือในรูปคณะ
กรรมการจำานวน 4 องค์กร
ได้แก่
1.สภาการศึกษา ศาสนาและ
วัฒนธรรมแห่งชาติ
2.คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้น
ฐาน
3.คณะกรรมการการอุดมศึกษา
4.คณะกรรมการการศาสนาและ
วัฒนธรรม
เพื่อพิจารณาให้ความเห็นหรือให้คำา
- 7. แนะนำำแก่รมต./ ครม.
สภำกำรศึกษำ ศำสนำ และ
วัฒนธรรมแห่งชำติ
มีหน้ำที่
1.พิจำรณำเสนอนโยบำย แผน มต
ฐ.กศษ.
2. กำรประเมินผลกำรจัดกำรศึกษำ
3.กำรดำำเนินกำรด้ำนศำสนำ ศิลปะ
และวัฒนธรรม
4.พิจำรณำกลั่นกรองกฎหมำยและกฎ
กระทรวง
ประกอ
บด้วย
1.ประธำน = รัฐมนตรี
2.กรรมกำรโดยตำำแหน่ง
- ผู้แทนองค์กรเอกชน
- ผู้แทนองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น
- ผู้แทนองค์กรวิชำชีพ
- กรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิ
3.กรรมกำรและเลขำฯ =
เลขำธิกำรสภำ
*สำำนักงำนเลขำธิกำรสภำ
กำรศึกษำ ฯ
เป็น นิติบุคคล
คณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน มี
หน้ำที่
1.พิจำรณำเสนอนโยบำยแผน
มตฐ.และหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำ
ขั้นพื้นฐำน
2. กำรสนับสนุนทรัพยำกร กำร
ติดตำม ตรวจสอบ และประเมินผลกำร
จัดกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน
คณะกรรมกำรกำรอุดมศึกษำ มีหน้ำที่
1.พิจำรณำเสนอนโยบำย แผน /
มตฐ.กำรอุดมศึกษำ
2. กำรติดตำม ตรวจสอบ และประเมิน
ผลกำรจัดกำรศึกษำระดับอุดมศึกษำ
โดยคำำนึงถึงควำมเป็นอิสระและควำม
เป็นเลิศทำงวิชำกำรของสถำนศึกษำ
ระดับปริญญำ ตำมกฎหมำยว่ำด้วย
กำรจัดตั้งสถำนศึกษำแต่ละแห่ง และ
กฎหมำยที่เกี่ยวข้อง
คณะกรรมกำรกำรศำสนำและ
วัฒนธรรม มีหน้ำที่
1.พิจำรณำเสนอนโยบำย แผนพัฒนำ
ด้ำนศำสนำ ศิลป
และวัฒนธรรม ที่สอดคล้องกับ
แผนกำรศึกษำ ศำสนำ ศิลปะและ
วัฒนธรรมแห่งชำติ
2.กำรสนับสนุนทรัพยำกร กำรติดตำม
ตรวจสอบ และประเมินผลกำรดำำเนิน
กำรด้ำนศำสนำ ศิลปะและวัฒนธรรม
กระทรวงกระจำยอำำนำจกำร
บริหำรและกำรจัดกศษ. ด้ำน
1.วิชำกำร
2.งบประมำณ
3.กำรบริหำรงำนบุคคล
4.กำรบริหำรทั่วไป
ไปยังคณะกรรมกำร และสำำนักงำน
กำรศึกษำ ศำสนำ และวัฒนธรรมเขต
พื้นที่กำรศึกษำ และสถำนศึกษำในเขต
พื้นที่กำรศึกษำโดยตรง
** ไม่บังคับแก่สถำนศึกษำ
- 8. 1.สถำนศึกษำปฐมวัย
2.ศูนย์กำรเรียน
ส่วนที่ 2
กำรบริหำรและกำรจัดกำรศึกษำ
ของ อปท.
หน่วย
งำน
กำรบริหำรและกำร
จัดกำรศึกษำ
อปท. มีสิทธิจัดกำรศึกษำในระดับ
ใดระดับหนึ่งหรือทุกระดับ
ตำมควำมพร้อม ควำมเหมำะ
สมและควำมต้องกำรภำยใน
ท้องถิ่น
เอกช
น
มีควำมเป็นอิสระโดยมีกำร
กำำกับติดตำม
กำรประเมินคุณภำพและ
มำตรฐำนกำรศึกษำของรัฐ แ
ละต้องปฏิบัติตำมหลักเกณฑ์
กำรประเมินคุณภำพและ
มำตรฐำน
หมวด 6 มำตรฐำนและกำร
ประกันคุณภำพกำรศึกษำ
สำำนักงำนรับรองมำตรฐำนและ
ประเมินคุณภำพกำรศึกษำ
มีฐำนะเป็น องค์กำรมหำชน
ทำำหน้ำที่
1.พัฒนำเกณฑ์ วิธีกำรประเมินคุณภำพ
ภำยนอก
2.ทำำกำรประเมินผลกำรจัดกำรศึกษำ
เพื่อให้มีกำรตรวจสอบ
คุณภำพของสถำนศึกษำ
โดยคำำนึงถึง
1.ควำมมุ่งหมำย
2.หลักกำรและแนวกำรจัดกำรศึกษำ
** ในแต่ละระดับตำมที่กำำหนด **
ประเมินคุณภำพภำยนอกของสถำน
ศึกษำทุกแห่งอย่ำงน้อย 1 ครั้งในทุก
5 ปีนับตั้งแต่กำรประเมินครั้ง
สุดท้ำย และเสนอผลกำรประเมินต่อ
หน่วยงำนที่เกี่ยวข้องและสำธำรณชน
ผลกำรประเมิน
ภำยนอกของ
สถำนศึกษำใดไม่
ได้ตำมมำตรฐำน
กำำหนดให้สมศ. จั
ดทำำข้อเสนอแนะ
กำรปรับปรุงแก้ไข
ต่อหน่วยงำนต้น
สังกัด
หมวด 7 ครู คณำจำรย์ และ
บุคลำกรทำงกำรศึกษำ
ต้องมี
ใบอนุญำต
ประกอบวิชำชีพ
ครู ผู้บริหำรสถำน
ศึกษำ ผู้บริหำร
กำรศึกษำ และ
บุคลำกรทำงกำร
ศึกษำอื่นทั้งของ
รัฐและเอกชน
ไม่ใช้บังคับ
ใบอนุญำต
ประกอบวิชำชีพ
บุคลำกรทำงกำร
ศึกษำที่จัดกำร
ศึกษำตำม
อัธยำศัย
ให้มีองค์กรกลำงบริหำรงำนบุคคล
ของข้ำรำชกำรครู
ให้มีกฎหมำยว่ำด้วยเงินเดือน ค่ำ
ตอบแทนสวัสดิกำร และสิทธิประโยชน
เกื้อกูล
ให้มีกองทุนส่งเสริมครู คณำจำรย์ /บุ
คลำกรกศษ.
** หมวด 7 **
มำตร ทำำให้เกิด
- 9. ำ
53 พรบ.สภำครูและบุคลำกรฯ
2546
54 พรบ.ระเบียบครูและบุคลำกร ฯ
2547
หมวด 8
ทรัพยำกรและกำรลงทุนเพื่อกำร
ศึกษำ
ให้มีกำรระดมทรัพยำกรและกำรลง
ทุนฯ
มำใช้จัดกำรศึกษำดังนี้
1. ให้รัฐและองค์กรปกครองส่วนท้อง
ถิ่นระดมทรัพยำกรเพื่อกำรศึกษำ โดย
อำจจัดเก็บภำษีเพื่อกำรศึกษำได้ตำม
ควำมเหมำะสม
2. ให้บุคคล ครอบครัว ชุมชน ฯเป็นผู้
จัดและมีส่วนร่วมในกำรจัดกำรศึกษำ
ให้รัฐและ อปท. ส่งเสริมและให้แรง
จูงใจในกำรระดมทรัพยำกรดังกล่ำว โ
ดยกำรสนับสนุน กำรอุดหนุนและใช้
มำตรกำรลดหย่อนหรือยกเว้นภำษี
สถำนศึกษำที่เป็น นิติบุคคล
บรรดำ
อสังหำริมทรัพย์ได้
มำโดยมีผู้อุทิศให้
หรือโดยกำรซื้อ
หรือแลกเปลี่ยน
จำกรำยได้ของ
สถำนศึกษำ
ไม่ถือเป็นที่รำช
พัสดุ และให้เป็น
กรรมสิทธิ์ของ
สถำนศึกษำ
เกิดจำกที่รำชพัสดุ
เบี้ยปรับที่เกิดจำก
กำรผิดสัญญำลำ
ศึกษำ และเบี้ยปรับ
ต้องนำำส่ง
กระทรวงกำรคลัง
ตำมกฎหมำยว่ำ
ด้วยเงินคงคลัง
และกฎหมำยว่ำ
ด้วยวิธีกำรงบ
ประมำณ
ไม่เป็นนิติบุคคล
ผลประโยชน์ที่
เกิดจำกที่
รำชพัสดุ เบี้ยปรับ
ที่เกิดจำกกำรผิด
สัญญำลำศึกษำ แ
ละเบี้ยปรับที่เกิด
จำกกำรผิดสัญญำ
กำรซื้อทรัพย์สิน
หรือจ้ำงทำำ
ให้สถำนศึกษำ
สำมำรถจัดสรร
เป็นค่ำใช้จ่ำยใน
กำรจัดกำรศึกษำ
ของสถำนศึกษำ
นั้น ๆ
ได้ตำมระเบียบที่
กระทรวงกำรคลัง
กำำหนด
รัฐจัดสรรงบประมำณแผ่นดินให้กับ
กำรศึกษำในฐำนะที่มีควำมสำำคัญ
สูงสุดต่อกำรพัฒนำที่ยั่งยืนของ
ประเทศโดยจัดสรรเป็นเงินงบประมำณ
เพื่อกำรศึกษำ ดังนี้
1. จัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปเป็นค่ำใช้
จ่ำยรำยบุคคล 2. จัดสรรทุนกำรศึกษำ
ในรูปของกองทุนกู้ยืม
3. จัดสรรงบประมำณและทรัพยำกร
ทำงกำรศึกษำ
4. จัดสรรงบประมำณเป็นค่ำใช้จ่ำย
ดำำเนินกำร /งบลงทุน
5. จัดสรรงบประมำณในลักษณะเงิน
อุดหนุนทั่วไป 6. จัดสรรกองทุนกู้ยืม
ดอกเบี้ยตำ่ำให้เอกชน เพื่อให้พึ่งตนเอง
ได้
7. จัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนำกำรศึกษำ
ของรัฐและเอกชน
หมวด 9
เทคโนโลยีเพื่อกำรศึกษำ
1.รัฐต้องจัดสรรคลื่นควำมถี่ สื่อตัวนำำ
และโครงสร้ำงพื้นฐำนอื่นที่จำำเป็นต่อ
กำรส่งวิทยุกระจำยเสียง วิทยุโทรทัศน์
วิทยุโทรคมนำคม
- 10. 2.รัฐต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้มี
การผลิต และพัฒนาแบบเรียน ตำารา
หนังสือทางวิชาการ สื่อโดยเปิดให้มี
การแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม
3.ให้มีการพัฒนาบุคลากรทั้งด้านผู้
ผลิต และผู้ใช้เทคโนโลยีเพื่อการ
ศึกษา
4.รัฐต้องส่งเสริมให้มีการวิจัยและ
พัฒนา การผลิตและการพัฒนา
เทคโนโลยี
5.ให้มีการระดมทุน เพื่อจัดตั้งกองทุน
พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาจาก
เงินอุดหนุนของรัฐ
6.รัฐต้องจัดให้มีหน่วยงานกลางทำา
หน้าที่พิจารณาเสนอนโยบาย แผนส่ง
เสริมและประสานการวิจัย การพัฒนา
และการใช้ รวมทั้งการประเมิน
คุณภาพ และประสิทธิภาพของการ
ผลิตและการใช้เทคโนโลยีเพื่อการ
ศึกษา
พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ มี 9
หมวด 1 บทเฉพาะกาล
9
หมวด
1. บททั่วไป ความมุ่งหมาย
และหลักการ
2. สิทธิและหน้าที่ทางการ
ศึกษา
3. ระบบการศึกษา
4. แนวการจัดการศึกษา
5. การบริหารและการ
จัดการศึกษา
6. มตฐ.และการประกัน
คุณภาพการศึกษา
7. ครู คณาจารย์ และ
บุคลากรทางกศษ.
8.ทรัพยากรและการลงทุน
เพื่อการศึกษา
9.เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
1 บทเฉพาะกาล
เหตุผล คือ
โดยที่ รธน.กำาหนดให้รัฐ/เอกชน
จัดการศึกษาอบรมให้เกิดความรู้คู่
คุณธรรม จัดให้มี กม.เกี่ยวกับการ
ศึกษาแห่งชาติ
ปรับปรุงการศึกษาให้สอดคล้องกับ
ความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและ
สังคม สร้างเสริมความรู้และปลูกฝัง
จิตสำานึกที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเมืองฯ
อันมี King ฯ เพื่อเป็นกฎหมาย
แม่บทในการบริหารและจัดการการ
ศึกษาอบรมให้สอดคล้องกับบทบัญญัติ
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร
ไทยดังกล่าว จึงจำาเป็นต้องตราพระ
ราชบัญญัตินี้ ** ย่อๆเด้อ **
ผู้รับ
สนองพระบรมราชโองการ
นายชวน หลีกภัย