More Related Content
Similar to การบริหารเชิงสถานการณ์ ดร.ชาญวิทย์ หาญรินทร์
Similar to การบริหารเชิงสถานการณ์ ดร.ชาญวิทย์ หาญรินทร์ (16)
การบริหารเชิงสถานการณ์ ดร.ชาญวิทย์ หาญรินทร์
- 2. การบริหารเชิงสถานการณ์ สามารถใช้ทุกทฤษฎีมา
ประกอบกับประสบการณ์ เพื่อทำาให้การตัดสินใจดีที่สุด
โดยเฉพาะในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันสูง
เช่นปัจจุบัน นับเป็นความท้าทายและโอกาสในการใช้
การบริหารเชิงสถานการณ์ในมุมของผู้บริหารที่จะพลิก
วิกฤติเป็นโอกาสให้ได้ เป็นการใช้ความรู้ความสามารถ
ทั้งศาสตร์และศิลป์ต่างๆที่มีอยู่ในตัวผู้นำาท่านนั้นให้
ประจักษ์ออกมาใช้ได้อย่างเต็มสมรรถภาพจริงๆที่เขามี
อยู่ เพราะสถานการณ์แต่ละอย่างแตกต่างกัน ทฤษฎีกับ
บางสถานการณ์ก็แตกต่างกัน แล้วแต่ผู้นำาแต่ละท่านจะ
เลือกใช้ ดังนั้นการบริหารเชิงสถานการณ์ น่าจะเป็นการ
ใช้ความรู้ความสามารถทั้งศาสตร์และศิลป์
- 3. ผู้บริหาร หมายถึง บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำารง
ตำาแหน่งในองค์การ มีหน้าที่ในการควบคุม ดูแล รับผิด
ชอบตามภารกิจขององค์การให้บรรลุเป้าหมายที่กำาหนด
ไว้
ผู้นำา คือ บุคคลที่มีความ สามารถในการชักจูงหรือใช้
อิทธิพลให้คนอื่นทำางานในระดับต่าง ๆ ที่ต้องการให้
บรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
”ภาวะผู้นำา คือ กระบวนการของบุคคลผู้ซึ่งมีบุคลิกภาพ
โดดเด่นมีความรู้ความสามารถพิเศษในการใช้อิทธิพล
ความสัมพันธ์การสร้างแรงจูงใจ การใช้ศิลปะของการ
บอกชี้แนะที่มีต่อผู้อื่น หรือผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อให้
ปฏิบัติภาระกิจตามวัตถุประสงค์และบรรลุเป้าหมายที่
กำาหนดไว้ให้ประสบผลสำาเร็จ โดยผู้ปฏิบัติตามกระทำาให้
- 4. ทฤษฎีภาวะผู้นำาสถานการณ์ตั้งอยู่บนพื้นฐาน 3
ประการ คือ
1. จำานวนปริมาณของการออกคำาสั่ง คำาแนะนำา (พฤติกรรม
ด้านงาน) ของผู้นำาที่แสดงออกในแต่ละสถานการณ์
2. จำานวนปริมาณของการสนับสนุนทางอารมณ์สังคม
(พฤติกรรมด้านมนุษย์สัมพันธ์) ของผู้นำาที่แสดงออกใน
แต่ละสถานการณ์
3. ระดับความพร้อม (วุฒิภาวะ) ที่ผู้ตามหรือกลุ่มผู้ตาม
แสดงออกมาในการปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมาย บทบาท
หน้าที่ ความรับผิดชอบ หรือวัตถุประสงค์ซึ่งผู้นำาพยายาม
ให้ผู้ตามกระทำาได้สำาเร็จ
- 5. 1) ทฤษฎีผู้นำาเชิงสถานการณ์ของฟีดเลอร์ Fiedler
2) ทฤษฎีเชิงสถานการณ์ของเฮอร์ซีและแบลน
ชาร์ด Hersey – Blanchard
3) ทฤษฎีเส้นทางสู่เป้าหมาย ( Path Goal
Theory ) ของ Robert House
4) ทฤษฎีภาวะผู้นำาเชิงสถานการณ์ ของวรูม-เยตัน
Vroom –Yetton – Jago
เป็นต้น
- 6. ทฤษฎีผู้นำาเชิงสถานการณ์ของฟีดเลอร์ Fiedler
ในปี 1967 Fred E.Fiedler ได้เสนอแนวความคิด
การบริหารเชิงสถานการณ์ (Situational Management
Theory) หรือทฤษฎีอุบัติการณ์ (Contingency
Theory) ซึ่งถือเป็นทฤษฎีการบริหารที่ขึ้นอยู่กับในเชิงสภาพ
ข้อเท็จจริงด้วยแนวคิดที่ว่าการเลือกทางออกที่จะไปสู่การแก้
ปัญหาทางการบริหารถือว่าไม่มีวิธีใดที่ดีที่สุด หากแต่
สถานการณ์ต่างหากที่จะเป็นตัวกำาหนดว่าควรจะหยิบใช้การ
บริหารแบบใดในสภาวการณ์เช่นนั้น
- 8. รูปแบบผู้นำา (Leadership style) คือรูปแบบผู้นำาที่เน้นคน
หรือเน้นงาน
เปิดเผย _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
ปิดบัง
8 7 6 5 4 3
2 1
มีประสิทธิภาพ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ ไม่มี
ประสิทธิภาพ
8 7 6 5 4 3 2
1
เศร้าซึม _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
ร่าเริง
8 7 6 5 4 3 2
- 9. 1. ความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริหารกับผู้ใต้บังคับบัญชา
หมายถึง บรรยากาศของกลุ่ม ทัศนคติและการยอมรอบ
ของผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีต่อผู้บริหาร หากผู้ใต้บังคับ
บัญชาไม่มีความเชื่อถือ ไม่ยอมรับและเชื่อมั่นในผู้
บริหารความสัมพันธ์จะไม่ดี
2. โครงสร้างของงาน หมายถึง การปฏิบัติงาน ทั้งที่งานที่
มีการกำาหนดระบุผู้ปฏิบัติงาน วิธีการปฏิบัติงานและเป้า
หมายที่ชัดเจน
3. อำานาจตามตำาแหน่งงาน หมายถึง ขอบเขตของอำานาจ
หน้าที่ตามตำาแหน่ง หากอำานาจตามตำาแหน่งงานมีสูง ผู้
บริหารจะมีอำานาจในการสั่งการ แต่หากอำานาจตาม
ตำาแหน่งงานมีน้อยผู้บริหารก็จะใช้อำานาจหน้าที่เป็น
ทางการน้อยตามไปด้วย
- 10. ทฤษฎีภาวะผู้นำาตามสถานการณ์ของ Hersey and
Blanchard ซึ่งได้ทำาการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างแบบ
ภาวะผู้นำาที่มีประสิทธิผลและระดับวุฒิภาวะของผู้ตาม โดยมี
สมมติฐานเบื้องต้นของทฤษฎีว่า “ประสิทธิผลของผู้นำาขึ้น
อยู่กับความสอดคล้องที่เหมาะสมของพฤติกรรมผู้นำาและวุฒิ
ภาวะของกลุ่มหรือบุคคล”
- 15. ทฤษฎีวิถีทำง-เป้ำหมำย (Path – Goal Theory) ทฤษฎีนี้
มีพื้นฐำนมำจำกทฤษฎีควำมคำดหวัง ซึ่งเน้นในเรื่องผลก
ระทบของผู้นำำที่มีต่อเป้ำหมำยของผู้ใต้บังคับบัญชำและ
วิถีทำงเพื่อจะให้บรรลุเป้ำหมำย จะมีส่วนประกอบที่
สำำคัญ 2 ส่วน คือ พฤติกรรมผู้นำำ และสถำนกำรณ์ที่เอื้อ
ต่อผู้นำำ
- 16. 1) คือ ภำวะผู้นำำแบบสนับสนุน (Supportive
Leadership) แสดงถึงควำมห่วงใยต่อชีวิตควำมเป็นอยู่
และควำมต้องกำรส่วนบุคคลของผู้ปฏิบัติงำน
2) ภำวะผู้นำำแบบชี้นำำ (Directive Leadership) )
เป็นรูปแบบผู้นำำที่จะกำำหนดแนวทำงวิธีกำรปฏิบัติงำนให้กับ
ผู้ใต้บังคับบัญชำ
3) ภำวะผู้นำำแบบมีส่วนร่วม (Participation
Leadership) ผู้นำำจะปรึกษำหำรือผู้ใต้บังคับบัญชำในกำร
ตัดสินใจ พฤติกรรมภำวะผู้นำำจะสอบถำมควำมคิดเห็นและ
ข้อเสนอแนะ สนับสนุนให้เกิดกำรมีส่วนร่วม ในกำรตัดสิน
ใจ
4) ภำวะผู้นำำแบบมุ่งควำมสำำเร็จของงำน
(Achievement Oriented Leadership) ผู้นำำจะตั้งเป้ำ
หมำยที่ชัดเจนและท้ำทำย พฤติกรรมผู้นำำเน้นกำรปฏิบัติ
- 18. สถำนกำรณ์ที่ 1 ผู้ใต้บังคับชำขำดควำมเชื่อมั่น รูปแบบ
ผู้นำำแบบสนับสนุนช่วยให้กำำลังใจสร้ำงควำมเชื่อมั่นในกำร
ทำำงำนเพื่อให้ได้รับรำงวัล
สถำนกำรณ์ที่ 2 งำนไม่มีควำมชัดเจน ผู้ใต้บังคับบัญชำ
ไม่สำมำรถปฏิบัติงำนได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ ผู้นำำแบบ
เผด็จกำรจะให้คำำแนะนำำแนวทำงที่ชัดเจนในกำรปฏิบัติงำน
สถำนกำรณ์ที่ 3 งำนไม่สนใจและท้ำทำย ผู้นำำแบบมุ่ง
ควำมสำำเร็จจะช่วยในกำรกำำหนดเป้ำหมำยที่สูงขึ้น
สถำนกำรณ์ที่ 4 มีกำรให้รำงวัลที่ไม่ถูกต้องแก่ผู้ใต้
บังคับบัญชำรูปแบบผู้นำำแบบมีส่วนร่วมช่วยให้รู้ถึงควำม
ต้องกำรแท้จริงของผู้ใต้บังคับบัญชำ
- 19. แบบการตัดสินใจ คำาอธิบาย
อัตตาธิปไ
ตย
สูงสุด
AI ผู้นำาแก้ปัญหาหรือตัดสินใจด้วยตนเองโดยใช้
ข้อมูลที่มีอยู่ในขณะนั้น
AII ผู้นำาได้รับข้อมูลที่จำาเป็นจากผู้ใต้บังคับบัญชา
และตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยตนเอง
CI ผู้นำาให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเข้ามาร่วมรับรู้ปัญหา
เป็นรายบุคคล เพื่อรับฟังความคิดเห็นและคำา
แนะนำาโดยไม่สอบถามเป็นกลุ่ม จากนั้นจึง
ตัดสินใจ
CII ผู้นำาให้ผู้ใต้บังคับบัญชาร่วมรับรู้ปัญหาเป็นก
ลุ่มรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะแล้ว
จึงตัดสินใจ
ประชาธิปไ
ตยสูงสุด
GII ผู้นำาให้ผู้ใต้บังคับบัญชาร่วมรับรู้ปัญหาเป็นก
ลุ่มบทบาทของผู้นำาอยู่ในฐานะประธาน ที่จะ
ไม่เข้าไปมีอิทธิพลในการตัดสินใจของกลุ่ม
แต่จะเต็มใจยอมรับและดำาเนินการแก้ไข
- 20. 1. ให้แง่คิดในรูปธรรมที่ว่า “ไม่มีวิธีการแบบใดดีที่สุด”
นั่นคือ แนวคิดที่ว่าการบริหารงานนั้นเหมือนตำารากับข้าว
สามารถให้แนวคิดแนวปฏิบัติแบบหนึ่งต้องทำาอะไรบ้าง สอง…
และสาม…ดังนี้ คำาตอบทางการศึกษาที่ได้ตามมาก็คือคงไม่มีวิธี
ใดที่จะดำาเนินการได้ดีที่สุดเกี่ยวกับการบริหารหลักสูตรหรือการ
ต่อรองค่าจ้างเงินเดือน
2. ให้แนวคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง เพราะว่าการ
เปลี่ยนแปลงใด ๆ ไปเล็กน้อยเกี่ยวกับองค์ประกอบหนึ่งย่อมมี
ผลกระทบต่อระบบโดยทั่วไป เช่นในชุมชนที่เปลี่ยนจาก
เกษตรกรรมเป็นอุตสาหกรรม เป้าหมายการให้บริการของ
โรงเรียนก็ต้องเปลี่ยนตามความรู้ทักษะ แม้แต่ลักษณะผู้สอนผู้ให้
บริการก็ต้องเปลี่ยนตาม ผู้บริหารตามแนวทางนี้จะต้องตื่นตัวต่อ
สภาพความเปลี่ยนแปลงในสังคมอยู่เสมอ
3. ให้การสะท้อนภาพที่แท้จริงต่อผู้บริหารว่า งานของ
การบริหารนั้นมันซับซ้อน การจะหาคำาตอบใด ๆ แบบให้ง่าย ๆ
คงจะเป็นไปไม่ได้ ผู้บริหารจึงต้องเป็นผู้รู้รอบใฝ่รู้มีข้อมูลอยู่
เสมอ และให้คำาตอบในคำาถามที่ว่าทำาไมงานผู้บริหารจึงไม่มีวัน
- 21. 1. การให้ผู้บริหารตื่นตัวต่อสถานการณ์ต่าง ๆ อยู่เสมอ
และตัดสินในปัญหาต่างๆ ตามสถานการณ์อาจทำาให้มีคนคิดว่า
การที่จะตัดสินใจในปัญหาต่าง ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นอย่างดีแล้ว
จะทำาให้การบริหารงานทั้งหมดดีไปเอง ข้อเสนอแนะก็คือ ใน
กรณีที่การตัดสินใจปัญหาปลีกย่อยจำานวนมาก ๆ ให้ถูกต้องนั้น
ก็สำาคัญอยู่ แต่การที่จะต้องตัดสินใจในปัญหาใหญ่ ๆ หลัก ๆ ก็มี
ความสำาคัญเช่นเดียวกัน ผู้บริหารจำาเป็นต้องมีภาพรวมของ
บทบาทตนเอง องค์การและสภาพแวดล้อม ภาพรวมเหล่านี้
จำาเป็นและเป็นแนวทางในการตัดสินในปัญหาปลีกย่อยรอง ๆ ลง
มาทั้งหลาย
2. ทฤษฎีสถานการณ์ทำาให้มองดูเหมือนว่า เป็นเรื่องไม่มี
คุณค่ามาเกี่ยวข้อง องค์ประกอบอันเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม
องค์การและตัวอื่น ๆ นับเป็นเหมือนสิ่งที่เราต้องตระหนักและ
แสดงปฏิกิริยาตอบ ถ้าเป็นเช่นนั้นผู้บริหารก็จะไม่ต่างอะไรไป
จากบาโรมิเตอร์วัดความเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศ ผู้บริหาร