More Related Content
Similar to แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 13 เรื่องการคายน้ำของพืช (7)
More from Wann Rattiya (12)
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 13 เรื่องการคายน้ำของพืช
- 1. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 13
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการ
ศึกษา 2552
แผนย่อยหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การคายนำ้าของพืช เวลา 2
คาบ ส.7-1
*****************************************************
*************************
1. จุดประสงค์การเรียนรู้ (เฉพาะหน่วยการเรียนรู้)
1. นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของการคายนำ้าของ
พืชได้
2. นักเรียนสามารถระบุปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการคายนำ้าของ
พืชได้
3. นักเรียนสามารถระบุประโยชน์ของการคายนำ้าที่พืชได้รับ
ได้
2. คุณลักษณะที่ต้องการพัฒนา
1. ซื่อสัตย์สุจริต
2. มีวินัย
3. ใฝ่เรียนรู้
4. มีจิตสาธารณะ
3. แนวคิด
การคายนำ้า เป็นกระบวนการแพร่ของนำ้าในรูปไอนำ้าออกทาง
ปากใบ ซึ่งอยู่ระหว่างเซลล์คุม 2 เซลล์ ปากใบจะพบมากที่สุดทาง
ด้านท้องใบ คือด้านล่างของใบที่ไม่ได้รับแสง
4. สาระการเรียนรู้
การเปิดของปากใบ
ปากใบจะเปิดเมื่อเซลล์คุมซึ่งมีคลอโรพลาสต์อยู่ภายในเซลล์
ได้รับแสงสว่าง จึงเกิดการสังเคราะห์ด้วยแสงขึ้น ได้นำ้าตาล
กลูโคส ทำาให้ความเข้มข้นของสารภายในเซลล์คุมสูงกว่าความ
เข้มข้นของสารในเซลล์ข้างเคียง นำ้าจากเซลล์ข้างเคียงจึงออสโม
ซิสเข้าสู่เซลล์คุม ทำาให้เซลล์คุมเต่ง ปากใบจึงเปิดกว้าง
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการคายนำ้าของพืช
- 2. 1. ชนิดของพืช พืชบางชนิดมีปากใบมาก ก็จะคายนำ้าได้
มาก
2. แสงสว่าง ถ้ามีความเข้มข้นของแสงสว่างมาก ปากใบก็จะ
เปิดได้กว้าง ทำาให้พืชคายนำ้าได้มาก
3. อุณหภูมิของอากาศ ถ้าอุณหภูมิสูงพืชจะคายนำ้าได้มาก
และรวดเร็ว
4. ความชื้นในอากาศ ถ้าในอากาศมีความชื้นสูง พืชจะคาย
นำ้าได้น้อย แต่ถ้าอากาศมีความชื้นน้อย พืชจะคายนำ้าได้
มาก
5. ลม ถ้ามีลมแรง พืชจะคายนำ้าได้มาก แต่ถ้าลมแรงจน
กลายเป็นลมพายุ ปากใบจะปิด ทำาให้พืชคายนำ้าได้น้อย
ลง
6. ความกดดันของอากาศ ถ้าความกดดันของอากาศตำ่า พืช
จะคายนำ้าได้มาก
7. ปริมาณนำ้าในดิน ถ้ามีนำ้าน้อย จะทำาให้พืชคายนำ้าน้อยไป
ด้วย
ประโยชน์ของการคายนำ้าที่พืชได้รับ
1. ช่วยให้การลำาเลียงนำ้าและแร่ธาตุขึ้นไปตามท่อลำาเลียง
นำ้าดีขึ้น
2. ช่วยลดอุณหภูมิภายในลำาต้นและใบ
3. ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่บริเวณผิวใบ
การคายนำ้าของพืชในรูปของหยดนำ้า (กัตเตชัน Guttation)
จะเกิดขึ้นในขณะที่สิ่งแวดล้อมไม่เหมาะกับการคายนำ้าทาง
ปากใบ เช่น อากาศมีความชื้นมาก พืชจะกำาจัดนำ้าออกมาใน
รูปหยดนำ้าทางรูเล็กๆ ที่บริเวณปลายของเส้นใบ เช่น การ
เกิดกัตเตชันที่บริเวณปลายใบของต้นหญ้า ต้นบอน ต้นสตอ
เบอรี่ เป็นต้น
5. กิจกรรมการเรียนการสอน
ขั้นนำา (10 นาที)
1. ครูแจกกระดาษให้นักเรียนคนละ 1 แผ่น เพื่อใช้ตอบ
คำาถาม
2. ครูให้นักเรียนดูภาพการคายนำ้าของพืช จากนั้นถาม
นักเรียนเห็นอะไรจากภาพ และ
คิดว่าคืออะไร โดยให้นักเรียนเขียนลงในกระดาษที่แจกให้
3. ครูเก็บกระดาษคำาตอบจากนักเรียนและเลือกมาอ่าน 4-5
คำาตอบ
4. ครูกล่าวว่า “ในคาบเรียนนี้เราจะมาศึกษากันว่าสิ่งที่
”นักเรียนได้เห็นในภาพนี้คืออะไร
- 3. ขั้นสอน (70 นาที)
1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายว่าการคายนำ้าคืออะไร
2. ครูให้นักเรียนดูลูกโป่ง 2 ใบติดกันที่มีลมอยู่น้อย จากนั้น
ให้นักเรียนดูลูกโป่ง 2 ใบที่มีลมเยอะมาก จากนั้นถาม
นักเรียนว่านักเรียนสังเกตเห็นอะไร (ลูกโป่งที่มีลมน้อยจะ
อยู่ชิดกัน แต่ถ้าลูกโป่งที่มีลมมากจะอยู่ห่างกัน ไม่แนบชิด
กัน)
3. ครูอธิบายเรื่องของการคายนำ้า และการเปิดของปากใบว่า
มีความสัมพันธ์กันอย่างไร
4. ครูถามนักเรียนว่าปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการคายนำ้าของพืช
คืออะไร (ชนิดของพืช แสงสว่าง อุณหภูมิ ความชื้น ลม
ความกดดันอากาศ ปริมาณนำ้าในดิน)
5. ครูถามนักเรียนว่า นักเรียนคิดว่าการคายนำ้าของพืชมี
ประโยชน์อย่างไร (ช่วยลำาเลียงนำ้า และแร่ธาตุ ช่วยลด
อุณหภูมิภายในลำาต้น ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวใบ)
6. ครูแจกใบงานเรื่อง การคายนำ้าของพืช ให้นักเรียนทำา
ขั้นสรุป (10 นาที)
1. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยใบงาน เรื่องการคายนำ้าของ
พืช
2. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเรื่องการคายนำ้าของพืช ให้
เป็นที่เข้าใจตรงกันอีกครั้งหนึ่ง
6. สื่อและอุปกรณ์การเรียนรู้
- หนังสือเสริมพัฒนาผู้เรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์ ว๒๑๑๐๑
- รูปภาพการคายนำ้าของพืช
- ลูกโป่ง
- ใบงาน เรื่องการคายนำ้าของพืช
7. การวัดและประเมินผล
- สังเกตพฤติกรรมนักเรียนจากการทำากิจกรรมในชั้นเรียน
เช่น การร่วมกิจกรรมในชั้นเรียน การซักถามและตอบคำาถามของ
นักเรียน
- 4. 8. บันทึกหลังการสอน (วิจัยชั้นเรียน)
1. ปัญหาหรือสิ่งที่ต้องการพัฒนา
..........................................................................
..................................................................................
..................................................................................
..................................................................................
..................................................................................
....................................................... ..........................
..................................................................................
..................................................................................
..................................................................................
.......................................... .......................................
..................................................................................
..................................................................................
..................................................................................
............................. ....................................................
..................................................................................
..................................................................................
..................................................................................
................
2. แนวทาง / วิธีการสอน / รูปแบบการสอน /
เทคนิคที่ใช้พัฒนาหรือแก้ปัญหา
..........................................................................
..................................................................................
..................................................................................