More Related Content
Similar to ธรณีประวัติ (16)
ธรณีประวัติ
- 4. เช่น ธาตุ a มีครึ่งชีวิต 100 ปี เมื่อ a สลายจะกลายเป็น b หากพบ a : b ในอัตราส่วน
50:50 แสดงว่า a สลายตัวได้ 1 ครึ่งชีวิตพอดี คือ 100 ปี
2. การหาอายุสัมบูรณ์ (Absolute time) คือ การหาอายุออกมาเป็นตัวเลข หาจาก
ปริมาณไอโซโทปในหิน กัมมันตรังสีที่นิยมใช้ได้แก่ C-14, K-40, Rb-87 และ U-238
อายุทางธรณีวิทยา
- 5. ซากดึกดาบรรพ์
ซากดึกดาบรรพ์ หรือ ฟอสซิล (Fossil) หมายถึง ซากหรือร่องรอยของ สิ่งมีชีวิตทั้งสัตว์และพืชสมัยโบราณที่เก็บรักษาในชั้นหิน ซากเหล่านี้อาจถูก ฝังโดยถูกแทนที่จากสารละลายเคมี หรือโดยยังคงเป็นซากจริง
คา ฟอสซิล (Fossil) มาจากภาษาละติน fosiller หมายถึง ขุด (dig) และ fossus หมายถึง dig up
- 7. ซากดึกดาบรรพ์ จาแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ
ซากดึกดาบรรพ์
คือซากดึกดาบรรพ์ที่เดิมเป็นตัวสัตว์หรือเป็นพืชที่เปลี่ยนแปลง
มาด้วยขบวนการเกิดซากดึกดาบรรพ์ต่างๆกัน
1. ซากดึกดาบรรพ์ที่เป็นตัว (Body fossils)
- 8. ซากดึกดาบรรพ์
2. ร่องรอยบรรพชีวิน หรือ ร่องรอยสัตว์ดึกดาบรรพ์ (Trace fossils)
คือ ซากดึกดาบรรพ์ที่เป็นร่องรอยหรือลักษณะต่างๆที่พบอยู่ในหิน เกิดจากพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ ได้แก่ การเดิน วิ่ง เลื้อย ไล่ล่าเหยื่อ ตลอดจนถึงสิ่งที่สัตว์ขับถ่ายออกมา
รอยตีนไดโนเสาร์กินเนื้อ ภูหลวง จ. เลย
- 9. ซากดึกดาบรรพ์
การจาแนกซากดึกดาบรรพ์ โดยจัดแบ่งย่อยตามลาดับชั้นอนุกรมวิธาน
ได้แก่ อาณาจักร (kingdom) ไฟลัม (phylum) ดิวิชัน (division) ชั้น
(class) อันดับ (order) วงศ์ (family) สกุล (genus) และชนิด (species)
1. ซากดึกดาบรรพ์สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง (Invertebrate fossils)
2. ซากดึกดาบรรพ์สัตว์มีกระดูกสันหลัง (Vertebrate fossils)
3. ซากดึกดาบรรพ์พืช (Plant fossils) และ
4. ร่องรอยสัตว์ดึกดาบรรพ์ (Trace fossils)
- 10. 1. ซากดึกดาบรรพ์สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง (Invertebrate fossils)
ซากดึกดาบรรพ์
ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในทะเล เริ่มเกิดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนยุคแคม เบรียนจนถึงปัจจุบัน ในยุคแรกยังไม่มีเปลือกหุ้ม ต่อมามีเปลือกแข็งห่อหุ้ม อยู่ภายนอก มีทั้งสัตว์เซลล์เดียว และสัตว์หลายเซลล์
- 11. ซากดึกดาบรรพ์สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
ไฟลัม โปรโตซัว
Phylum Protrozoa
ไฟลัม พอริเฟอรา
Phylum Porifera
ไฟลัม ไนดาเรีย
Phylum Cnidaria
ไฟลัม ไบรโอซัว
Phylum Bryozoa
ไฟลัม แบรคิโอโพดา
Phylum Brachiopoda
ไฟลัม มอลลัสกา
Phylum Mollusca
ไฟลัม อาร์โทรโพดา
Phylum Arthropoda
ไฟลัม อิไคโนเดอร์มาตา
Phylum Echinodermata
ไฟลัม โคโนดอนตา
Phylum Conodonta
ไฟลัม เฮมิคอร์ดาตา
Phylum Hemichordata
ฟิวซูลินิด
ฟองน้า
ปะการัง
ไบรโอซัว
แบรคิโอพอด
หอยกาบเดี่ยว
แอมโมไนต์
หอยกาบคู่
ไทรโลไบต์
ออสตราคอด
ไครนอยด์
เม่นทะเล
โคโนดอนต์
แกรปโตไลต์
- 12. เป็นสัตว์ทะเลเซลล์เดียว อาศัยอยู่ในเขตอบอุ่นและบริเวณน้าตื้น ส่วนใหญ่มี
รูปร่างยาว หัวท้ายแหลม รูปร่างและขนาดคล้ายเม็ดข้าวสาร ทาให้คนทั่วไปคิดว่าเป็น
ข้าวสารหิน จึงนิยมเรียกว่า คตข้าวสาร
ฟิวซูลินิดทรงรี ชนิด Parafusulina gigantea จากวัดคีรีนาครัตนาราม
ฟิวซูลินิดทรงกลม สกุล Verbeekina
จาก จ. เลย (บน)
และ จ. นครสวรรค์ (ขวา)
ซากดึกดาบรรพ์
พบมากในยุคคาร์บอนิเฟอรัสและเพอร์เมียน สูญพันธุ์ไปตั้งแต่ปลายยุคเพอร์เมียน
จึงนิยมใช้เป็นซากดึกดาบรรพ์ดัชนี
ฟิวซูลินิด (Fusulinid)
- 16. เป็นสัตว์ทะเล มีลักษณะคล้ายหอยสองฝา เช่นหอยแครง แต่ ต่างกันที่เปลือกทั้ง ๒ ฝามีขนาดไม่เท่ากัน พบแพร่หลายมากใน มหายุคพาลีโอโซอิก
แบรคิโอพอด สกุล Apheorthis เกาะ ตะรุเตา ยุคแคมเบรียนตอนปลาย
แบรคิโอพอด สกุล Terebratula. อ. เบตง จ. ยะลายุคเพอร์เมียนตอนปลาย
ซากดึกดาบรรพ์
แบรคิโอพอด (Brachiopod)
- 17. แบรคิโอพอด Stereochia litostyla เกาะมุก จ. ตรัง
ยุคเพอร์เมียน
แบรคิโอพอด Tipispirifer oppitalus เกาะมุก จ. ตรัง
ยุคเพอร์เมียน
แบรคิโอพอด Hustedia ratburiensis เกาะมุก จ. ตรัง
ยุคเพอร์เมียน
แบรคิโอพอด Derbyia scobina เกาะมุก จ. ตรัง
ยุคเพอร์เมียน
- 18. หอยสองฝา (Bivalve หรือ Pelecypod)
ที่วัดเจดีย์หอย ตั้งอยู่ที่ตาบลบ่อหิน อาเภอลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี
ซากหอยที่พบมีหลายชนิด เช่น หอยแครง หอยกาบ หอยสังข์ และ หอยลาย
หอยนางรมยักษ์ หรือหอยตะโกรม (Crassostrea gigas) อายุ ๕,๕๐๐ ปี วัดเจดีย์หอย อ. ลาดหลุมแก้ว จ. ปทุมธานี
ซากดึกดาบรรพ์
- 21. นอติลอยด์ (Nautiloid)
เป็นสัตว์ทะเลจัดอยู่ในไฟลัมมอลัสกา (Mollusca) หรือสัตว์จาพวกหอย กลุ่ม เดียวกับปลาหมึก พบแพร่หลายในมหายุคพาลีโอโซอิก ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงชนิด เดียว ได้แก่ หอยนอติลุส
นอติลอยด์ เกาะตะรุเตา จ.สตูล
ยุค ออร์โดวิเชียนตอนต้น
หอยนอติลุส ยุคปัจจุบันผ่าครึ่ง
เห็นโครงสร้างด้านใน ลาตัวแบ่งเป็นห้องๆ
ซากดึกดาบรรพ์
- 24. ส่วนหาง (pygidium) ของ Dalmanites
จาก จ. สคูล ยุคไซลูเรียน
ส่วนหัว (glabella) ของ Eosaukia buravasiจาก เกาะตะรุเตา จ. สตูล
ยุคแคมเบรียนตอนปลาย
Plagiolaria poothaii
จาก จ. พัทลุง ยุคคีโวเนียน ตอนกลาง
ซากดึกดาบรรพ์
ไทรโลไบต์ (trilobite)
- 28. สัตว์มีกระดูกสันหลัง (Vertebrate fossils)
เป็นกลุ่มสัตว์ที่มีวิวัฒนาการสูง ได้แก่ ปลา สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้า สัตว์เลื้อยคลาน นกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เริ่มเกิดขึ้นมาตั้งแต่ ปลายยุคแคมเบรียน และมีการเปลี่ยนแปลงเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ซากดึกดาบรรพ์
- 29. ซากดึกดาบรรพ์สัตว์มีกระดูกสันหลัง
ชั้นปลากระดูกแข็ง
Class Osteichthyes
ชั้นปลากระดูกอ่อน
Class Chondrichthyes
ชั้นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้า
Class Amphibia
ชั้นสัตว์เลื้อยคลาน
Class Reptilia
ชั้นสัตว์ปีก
Class Aves
ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
Class Mammalia
ปลาตะเพียน
ปลาเลปิโดเทส
ปลาฉลาม
สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้า
จระเข้
ไดโนเสาร์
เต่า
อาร์คีออฟเทอร์ริกซ์
ช้างงาจอบ
เอป
ซากดึกดาบรรพ์
- 31. ซากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
หัวกระโหลกสัตว์กีบ Siamotherium krabiense จากเหมือง ถ่านหินเหนือคลอง จ. กระบี่
ฟันกรามล่างของไพรเมตชั้นสูง (Siamopithecus eocaenus) จากเหมืองถ่านหินเหนือคลอง จ. กระบี่
ฟันกรามด้านบนของไพรเมตชั้นสูง (Siamopithecus eocaenus)
จากเหมืองถ่านหินเหนือคลอง จ. กระบี่
หัวกระโหลกสัตว์กินเนื้อ (Nimravus thailandicus)
จากเหมืองถ่านหินเหนือคลอง จ. กระบี่
- 32. กรามล่างช้างงาจอบ (Deinotherium) จากบ่อทราย
อ. เฉลิมพระเกียรติ จ. นครราชสีมา
กรามแรดโบราณ (Clilotherium) จากบ่อทราย
อ.เฉลิมพระเกียรติ จ. นครราชสีมา
กรามล่างช้างสี่งา (Gomphotherium) จากบ่อทราย
อ. เฉลิมพระเกียรติ จ. นครราชสีมา
กรามเอปโคราช (Khoratpithecus piriyai) จากบ่อทราย
อ. เฉลิมพระเกียรติ จ. นครราชสีมา อายุ ๙-๗ ล้านปี
ซากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
- 33. ซากดึกดาบรรพ์ปลา
พบที่ภูน้าจั้น อาเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์
อายุปลายยุคจูแรสสิกถึงต้นยุคครีเทเชียส ราว ๑๓๐ ล้านปี
ปลาเลปิโดเทส (Lepidotes buddhabutrensis)
ซากดึกดาบรรพ์มีรูปร่างขากรรไกรสั้นต้องดูดอาหาร
ที่อยู่ใกล้ ๆ ปากเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีเกล็ดแข็งเป็น
เงาวาว เพื่อช่วยพยุงลาตัวเนื่องจากยังไม่มีการพัฒนา
กระดูกสันหลังเท่าที่ควร
- 34. ซากปลา (Hypsibarbus antiquus)
บ้านหนองปลา จ. เพชรบูรณ์
ซากปลา (Parambassis paleosiamensis) บ้านหนองปลา จ.เพชรบูรณ์ ยุคนีโอจีน
ซากดึกดาบรรพ์ปลา
- 41. พบทั้งที่เป็นสัตว์และพืชหลายชนิด ตามภูมิภาคต่างๆ เช่น
- ซากดึกดาบรรพ์ไดโนเสาร์ของไทย ส่วนมากอยู่ใน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบในชั้น
หินทรายและหินทรายแป้ง ซึ่งอยู่ในยุคไทรแอสสิกตอนปลายถึงยุคครีเตเซียสตอนกลาง( 200 – 100 ล้านปีที่แล้ว)
-ไดโนเสาร์ที่พบครั้งแรกอยู่ที่อาเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ชื่อ “ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน”
เป็นไดโนเสาร์ที่เดินสี่เท้า กินพืชเป็นอาหาร คอและหางยาว
- 44. ประโยชน์ของการศึกษาซากดึกดาบรรพ์
ทราบลักษณะ และวิวัฒนาการของสัตว์
เช่น การค้นพบซากเอปเชียงม่วน ที่อาเภอเชียงม่วน จังหวัด พะเยา และเอปโคราช ที่อาเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัด นครราชสีมา ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับอุรังอุตังปัจจุบันมาก
ทาให้เราสันนิษฐานว่าประเทศไทยอาจเป็นแหล่งกาเนิด และ วิวัฒนาการของอุรังอุตัง
พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณี ในภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ เฉลิมพระเกียรติฯ จังหวัดนครราชสีมา
ซากดึกดาบรรพ์
- 48. เมื่อสัตว์ตายไป
ตะกอนเริ่มทับถมและมีสารละลายแร่แทรกซึม
เข้าไปในโครงร่างของสัตว์และพืชที่ตายไป
ถูกควบคุมโดยอุณหภูมิของพื้นที่
น้ายางของต้นไม้ไหลมาห่อหุ้ม กลายเป็นอาพัน
ซากสิ่งมีชีวิตกลายเป็นหินแข็ง
เนื่องจากส่วนประกอบเดิมถูกแทนที่ด้วย
สารละลายซิลิกา หรือสารละลายแคลเซียมคาร์บอเนต
โดยไม่ทาให้โครงร่างเดิมสูญเสียไป
การกลายเป็นถ่าน
ได้แก่ ซากพืชซากสัตว์กลายเป็นสารคาร์บอน
(carbonization)
การแทนที่
แร่ธาตุแทรกซึมเข้าไปแทนที่บริเวณที่เคยเป็น กระดูก หรือรูพรุนในร่างกายของสิ่งมีชีวิต
รอยพิมพ์หรือรูปพิมพ์
เช่น เปลือกหอยฝังตัวอยู่ในตะกอน ต่อมา
ตะกอนแข็งตัวกลายเป็นหิน เปลือกหอยผุพังไป
บริเวณที่เคยมีเปลือกหอยจะเกิดที่ว่าง ที่มีรูปร่าง
เหมือนเปลือกหอยนั้น เรียกว่า แบบพิมพ์
- 50. ค.ศ. 1762 ยอร์จ ฟุชเซล นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน
เป็นคนแรกที่เสนอมาตราธรณีกาล หรือการลาดับอายุทางธรณีวิทยา
เขาสามารถตรวจสอบอายุของชั้นหินได้ และระบุว่า วิธีนี้สามารถ
นามาใช้ศึกษาความเป็นมาของโลกได้
ตารางเวลาทางธรณีวิทยา (geologic time scale)
- 54. การเย็นและแข็งตัวของแมกมา เช่น แกรนิต
บะซอลต์ พัมมิช หินไรออไรต์ และหินแอนดีไซต์
การทับถมของตะกอน เช่น หินกรวดมน
กรวดเหลี่ยม หินทราย หินทรายแป้ง หินดินดาน หินปูน
การที่หินอัคนีและหินตะกอนเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจาก
อุณหภูมิและความดัน (เกิดการเรียงตัวใหม่ในหินเป็นริ้วขนานหรือแถบลายสลับสี)
เช่น หินไนส์ หินควอร์ตไซต์ หินอ่อน หินชีสต์