More Related Content Similar to Astronomy V (7) Astronomy V3. 1 ปีแสง กิโลเมตร
1 ปีแสง คือ ระยะทางที่แสงเดินทางได้ในเวลา 1 ปี
ใน 1 วินาทีแสงเดินทางได้ 299,792.458 กิโลเมตร
หรือประมาณ 9 ล้าน 5 แสนล้านกิโลเมตร
5. ทฤษฎีการออสซิลเวลของเอกภพ
(The Oscillating Universe Theory)
การขยายตัวของเอกภพนั้น กาแล็กซีเคลื่อนที่ห่างจากกันด้วย
ความเร็วสูงมาก ต่อมาก็จะมีความเร็วช้าลง และหยุดการเคลื่อนที่ในที่สุด
หลังจากนั้นกาแล็กซีก็จะกลับมายังจุดเริ่มต้น ทาให้เกิดการระเบิดใหม่อีก
ครั้งหนึ่ง ดังนั้นเอกภพจึงมีวัฏจักรของการเกิดเอกภพ
ที่มา : http://ebook.nfe.go.th/nfe_ebook/data_o_ebook/html/020/330.htm
6. ทฤษฎีสภาวะคงที่
(The Steady State Theory)
ผู้เริ่มแนวคิดทฤษฎี
เฟรด ฮอยล์
(Fred Hoyle)
ผู้เริ่มแนวคิดทฤษฎี
โธมัส โกลด์
(Thomas Gold)
ผู้เริ่มแนวคิดทฤษฎี
เฮอร์แมน บอนได
(Herman Bondi)
7. ทฤษฎีสภาวะคงที่
(The Steady State Theory)
เอกภพมิได้เกิดขึ้นมาในขณะใดขณะหนึ่งและเอกภพก็ไม่มีวันถึง
จุดอวสาน ตามทฤษฎีนี้เมื่อเอกภพขยายตัวออกไปก็จะมีสสารใหม่ถูกสร้าง
ขึ้นมาแทนที่ในอวกาศ ในบริเวณที่กาแล็กซีเคลื่อนตัวออกไป ดังนั้น
ปรากฎการณ์ของเอกภพจึงมีอยู่อย่างคงที่ แม้กาลเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด
ก็ตาม เป็นเอกภพที่คงทนต่อการเวลาตลอดไป
8. ทฤษฎีการระเบิดครั้งใหญ่
(The Big Bang Theory)
ผู้เริ่มแนวคิดทฤษฎี
เลอแมทร์ (Lemaitre)
เอกภพของเรามีจุดเริ่มต้นจากการ
ระเบิดครั้งใหญ่ เมื่อประมาณ 15,000 ล้านปี
มาแล้ว กลุ่มมวลสารที่เกิดจากการระเบิดครั้ง
รุนแรงมหาศาลครั้งนี้ถูกเหวี่ยงตัวออกไป แล้ว
รวมเป็ นกลุ่มดาว เรียกว่า กาแล็กซี จากการ
ระเบิดครั้งนั้น ทาให้กาแล็กซี ยังคงเคลื่อนที่
ออกไปตลอดเวลา เมื่อเอกภพมีอายุมากขึ้น
สสารในกาแล็กซีก็จะมีน้อยลงไป การขยายตัว
ของเอกภพคงดาเนินเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
12. ควาร์ก (Quark)
โปรตอน ประกอบด้วยควาร์กบน 2 ตัว
และควาร์กล่าง 1 ตัว ทาให้โปรตอนมี
ประจุไฟฟ้ า +1
นิวตรอน ประกอบด้วยควาร์กบน 1 ตัว
และควาร์กล่าง 2 ตัว ทาให้นิวตรอนมี
ประจุไฟฟ้ า 0 หรือเป็นกลางทางไฟฟ้ า
21. การขยายตัวของเอกภพ
ข้อมูลที่แสดงอยู่ในตารางด้านล่างคือข้อมูลจากรายงานทางวิชาการของ เอ็ดวิน ฮับเบิ้ลที่เผยแพร่ในปี
ค.ศ. 1929 ข้อมูลนี้ได้แสดงความสัมพันธ์แบบเส้นตรงซึ่งทาาให้ฮับเบิ้ลได้สรุปว่าเอกภพกาาลังขยายตัวออกอยู่ในปัจจุบัน
(Hubble, Edwin, "A Relation between Distance and Radial Velocity among Extra-Galactic Nebulae " , Proceedings
of the National Academy of Sciences of the United States of America, Volume 15, Issue 3, pp. 168-173, 1929)
ตาราง แสดงข้อมูลของเทห์ฟ้ าที่ เอ็ดวิน ฮับเบิ้ล ใช้ในการวิเคราะห์หากฏฮับเบิ้ล NGC ในตารางเป็นอักษรย่อ
ของแคตตาล๊อกของเทห์ฟ้ าซึ่งมีชื่อว่า The New General Catalogue ส่วนตัวเลขที่แสดงอยู่ด้านหลังคือ ตัวเลขลาดับของ
เทห์ในแคตตาล๊อกนั้น
28. จอร์จ กามอฟ ทานายว่า …
ถ้าเอกภพมีจุดกาเนิดมาจากบิกแบงแล้ว
จะต้องพบการแผ่รังสีที่เหลือในอวกาศ โดยที่
เอกภพจะแผ่พลังงานออกมาในรูปของคลื่น
แม่เหล็กไฟฟ้ าที่มีความถี่สูงมาก จากนั้นเมื่อเวลา
ผ่านไปการแผ่รังสีของเอกภพก็จะมีความถี่ลดลง
เหลือเป็นคลื่นไมโครเวฟที่มีความถี่ 160 กิโลเฮิรตซ์
30. เพื่อยืนยันการค้นพบของ อาร์โน เพนเซียส และ
โรเบิร์ต วิลสัน นักวิทยาศาสตร์ส่งดาวเทียมโคบี ไป
สารวจอวกาศอีกครั้ง
การค้นพบอุณหภูมิหรือพลังงานพื้นหลังของเอกภพ
พบว่าคลื่นไมโครเวฟนี้ มีการกระจายตัวสม่าเสมอ
ในทุกทิศทางจากอวกาศ และสอดคล้องกับการแผ่รังสี
ของวัตถุดาที่อุณหภูมิ 2.73 เคลวิน หรือพบคลื่นในช่วง
ความถี่ 160 กิโลเฮิรตซ์
35. แผนภาพส้อมเสียง (tuning-fork diagram) ซึ่งเสนอโดย เอ็ดวิน ฮับเบิล ในปี ค.ศ.1926
ที่มา: http://hubble.nasa.gov/art/overview/hubble_bio/tuning_fork_diagram.jpg
กาแล็กซีปกติ เป็นกาแล็กซีที่มีรูปแบบ
37. 1. กาแล็กซีรี(eliptical galaxy) เป็นกาแล็กซีที่มี
รูปร่างค่อนข้างเรียบ มีการกระจายของแสงจากดาวฤกษ์
อย่างสม่าเสมอทั่วทั้งกาแล็กซี มีรูปร่างเป็ นทรงรี ใช้
สัญลักษณ์ E0 - E7
กาแล็กซีปกติ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม
39. 2. กาแล็กซีชนิดกังหัน (spiral galaxy) มีลักษณะ
แบนคล้ายจานสองใบประกบเข้าหากัน จะมีจุดกลาง
สว่างและมีแขนหมุนวนรอบแกนกลาง ใช้สัญลักษณ์ Sa
Sb และSc บางกาแล็กซีจะมีคาน เรียกว่า กาแล็กซี
กังหันแบบมีคาน(barred Spiral galaxy) คล้ายชนิด
กังหัน แต่มีแขนออกมาจากแกนกลางก่อน ใช้สัญลักษณ์
SBa SBb และ SBc
กาแล็กซีปกติ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม