More Related Content
Similar to ศิลปะศรีลังกา (20)
ศิลปะศรีลังกา
- 1. ศิล ปะศรีล ัง กา
ประเทศศรีล ง กา เป็น เกาะอยูท างใต้ข อง
ั
่
อิน เดีย อยู่ใ นมหาสมุท รอิน เดีย และมีอ ก ชือ หนึ่ง
ี ่
คือ ไข่ม ุก ตะวัน ออก จากบัน ทึก ประวัต ศ าสตร์ท ี่
ิ
เก่า แก่ท ี่ส ด ที่พ ูด ถึง ศรีล ัง กา คือ คัม ภีร ์ช อ มหาวงศ์
ุ
ื่
(MAHAVAMSA) และมีอ ก คัม ภีร ์ห นึง ซึ่ง เกิด ใน
ี
่
ระยะหลัง ชือ จุล วงศ์ (CULAVAMSA) คัม ภีร ์ท ั้ง
่
สองได้ถ ูก รวบรวมขึ้น เป็น ครั้ง แรกในพุท ธ
ศตวรรษที่ 11 โดยพระในพุท ธศาสนาคัม ภีร ์
กล่า วถึง ประวัต ิศ าสตร์ย ุค แรก แต่ก ็เ ป็น นิท านที่ม ี
มากเกิน ความเป็น จริง หากดูใ ห้ล ึก ลงไปจะพบว่า
คัม ภีร ์ม หาวงศ์พ ูด เกี่ย วกับ การตั้ง รกรากของชาว
- 3. นอกจากชนชาติส ิง หลแล้ว
ยัง มีช นชาติ
ทมิฬ (TAMILS) มีค วามเจริญ ต่อ เนื่อ ง
มากว่า 2000 ปี ได้ร ับ การกล่า วถึง ใน
คัม ภีร ์ม หาวงศ์เ ช่น กัน
ชนชาติท มิฬ มีก ำา เนิด จากพวกดราวิเ ดีย น
(DRAVIDIAN) ชนชาติน ี้อ ยู่ท างใต้ข อง
อิน เดีย และเข้า สูศ รีล ัง กาโดนการค้า ขาย
่
ราวพุท ธศตวรรษที่ 3 ชนชาติท มิฬ เป็น
ชนชาติท ี่ 2 ที่เ ข้า สูศ รีล ัง กา ระบบ
่
ชลประทานเป็น เทคโนโลยีท ี่ช าวศรีล ง กา
ั
ให้ค วามสนใจมาก ทำา การชลประทานไป
- 4. อนุร าชปุร ะ (ANURADHAPURA) เป็น
ศูน ย์ก ลางอารยธรรมในระยะแรกใน
บริเ วณที่ร าบภาคเหนือ
1.
โปโลนนารุว ะ (POLONNARUWA) เป็น
ศูน ย์ก ลางอารยธรรมในระยะต่อ มาใน
ภาคตะวัน ออกเฉีย งเหนือ ใกล้ก ับ แม่น ำ้า
มหาเวลิค งคา
2.
- 6. พระพุท ธศาสนา
รากฐานของวัฒ นธรรม
พระพุท ธศาสนาเข้า สูศ รีล ัง กาในพุท ธ
่
ศตวรรษที่ 3 สมัย พระเจ้า เทวานัม ปิย าติส
สะ (DEVANAMPIYATISSA) ร่ว มสมัย กับ
พระเจ้า อโศกมหาราช โดยพระเจ้า อโศก
ได้จ ัด สมณทูต ในพระพุท ธศาสนา เข้า สู่
ลัง กาเป็น ครั้ง แรก ทำา ให้พ ระพุท ธศาสนา
ได้เ ป็น ศาสนาประจำา ราชอาณาจัก รศรี
ลัง กา เป็น รากฐานและวัฒ นธรรมของชาว
ศรีล ัง กา
- 7. ศิลปะศรีลังกา
ศิล ปะสมัย ก่อ นประวัต ศ าสตร์
ิ
(PREHISTORIC ART)
แบ่ง ออกเป็น 4 สมัย คือ
1. สมัย หิน เก่า (PALAEOLITHIC AGE) ประมาณ
500000 – 15000 ปี
2. สมัย หิน กลาง (MESOLITHIC AGE) ประมาณ
15000 – 8000 ปี
3. สมัย หิน ใหม่ (NEOLITHIC AGE) ประมาณ
8000 – 2600 ปีม าแล้ว
4. สมัย โลหะ (METAL AGE) ประมาณ 2600 –
2500 ปีม าแล้ว
วัฒ นธรรมสมัย ก่อ นประวัต ิศ าสตร์ คัม ภีร ์ม หาวงศ์
ได้ก ล่า วไว้อ ย่า งสั้น ๆ เกี่ย วกับ ชนพืน เมือ งดัง เดิม ของ
้
้
ชนกลุ่ม นีใ นศรีล ัง กาก่อ นทีช าวอิน โด -อารยัน จะเข้า มา
้
่
โดยคัม ภีร ์ม หาวงศ์ก ล่า วไว้แ ต่เ พีย งว่า ในเกาะนีเ ป็น
้
- 8. ศิล ปะสมัย ประวัต ิศ าสตร์
(HISTORICAL ART)
ศิล ปะสมัย ประวัต ิศ าสตร์ข องศรีล ัง กาแบ่ง ออก
เป็น 6 แบบ คือ
1. ศิล ปะแบบอนุร าชปุร ะ
(ANURADHAPURA) พ .ศ . 106-1560
2. ศิล ปะแบบโปโลนนารุว ะ
(POLONNARUWA) พ .ศ . 1560-1778
3. ศิล ปะแบบทัม พเทณิษ ะ ยาปวุว ะ และกุร ุ
เนคละ (DAMBADENIYA YAPAVUVA AND
KURUNEGALA) พ .ศ . 1778-1884
4. ศิล ปะแบบคัม ปาละหรือ คัม โปละ
(GAMPALA OR GAMPOLA) พ .ศ . 1884-1958
- 9. ศิล ปะแบบอนุร าธปุร ะ
(ANURADHAPURA)
เป็น ศิล ปะที่ย ืน ยาวที่ส ด ของศรีล ัง กา
ุ
คือ มีอ ายุ
เกือ บ 1500 ปี ศิล ปะแบบอนุร าธปุร ะ เป็น ศิล ปะ
ที่ม ค วามล้า ยคลึง กับ ศิล ปะแบบสาญจี ภารหุต
ี
มถุร า อมราวดี และคุป ตะของอิน เดีย ซึ่ง ศิล ปะ
ของอิน เดีย ได้เ ผยแพร่เ ข้า สูศ รีล ัง กา โดยการ
่
เผยแพร่ศ าสนาพุท ธของสมณทูต ของพระเจ้า
อโศกมหาราช ศิล ปะศรีล ง กาได้ร ับ อิท ธิพ ลของ
ั
อิน เดีย อย่า งมาก โดยแบ่ง ออกได้เ ป็น 2 กลุ่ม
คือ
1. เป็น ศิล ปะเนือ งในพระพุท ธศาสนาโดยรับ
่
- 10. สถาปัต ยกรรม แบบอนุร าธปุร ะ
อิท ธิพ ลทางศิล ปะของอิน เดีย ได้เ ข้า มาเผยแพร่
ในศรีล ัง กา และได้ท ำา ให้เ กิด แนวคามคิด การ
เคารพบูช าสถูป ในฐานะที่เ ป็น สัญ ลัก ษณ์ส ำา คัญ
และสิง ศัก ดิ์ส ท ธิ์ข องพระพุท ธศาสนา
่
ิ
รูป แบบของสถูป
สถูป ในศรีล ัง กามีว ิว ัฒ นาการมาโดยตลอด
และมีล ัก ษณะที่ส ำา คัญ คือ เป็น ศาสนสถานทาง
พระพุท ธศาสนา ที่ม ีร ูป แบบเป็น ทรงกลม เรีย ก
กัน ในศรีล ง กาว่า วฏะทาเค คือ สถูป ที่ต ั้ง อยู่บ น
ั
ลานประทัก ษิณ มีบ น ไดทอดขึ้น ไป 7-8 ขั้น
ั
รอบสถูป มีเ สาหิน เรีย งรายอยู่ 3 แถว แสดงว่า
- 11. 1. สถูป ถูป าราม (
THUPARAMA)
เป็น สถูป ที่เ ก่า แก่ท ี่ส ด
ุ
สร้า งขึ้น เมื่อ ปลาย
พุท ธศตวรรษที่ 3 เพื่อ ประดิษ ฐานพระบรม
สารีร ิก ธาตุส ว นพระรากขวัญ (ไหปลาร้า )
่
เบือ งขวา สถูป ถูป าราม เป็น ต้น แบบสถูป
้
ทรงศรีล ัง กา สถูป นี้ไ ด้ร ับ การบูร ณะหลาย
ครั้ง เดิม มีห ลัง คาคุม ไว้ ต่อ มาได้พ ัง ลงจน
เหลือ แต่เ สาหิน คำ้า หลัง คาทำา ให้ส ถูป อยู่ใ น
ที่โ ล่ง แจ้ง
- 14. 2. สถูป รุว ัล เวลิ (RUWANWELI)
หรือ มหาสถูป (GREAT PAGODA)
หรือ มหาถูป า (MAHATHUPA)
สร้า งขึน ราวพุท ธศตวรรษที่
้
4 เป็น สถูป ที่ไ ด้ร ับ
การนับ ถือ ว่า เป็น สถูป ที่ย ิ่ง ใหญ่ท ี่ส ด ของอนุร าธ
ุ
ปุร ะ สถูป สร้า งขึ้น เมือ พระเจ้า ทุฏ ฐคามณีท ำา
่
ยุท ธหัต ถีช นะพระเจ้า เอฬาร กษัต ริย ์ท มิฬ ที่
กำา แพงมีร ูป ช้า งโดยรอบ เสมือ นว่า เป็น ผูป กปัก
้
รัก ษาโลกในจัก รวาลของชาวพุท ธ
- 17. 3.
สถูป เชตวนาราม
(JETAVANARAM
เป็น สถูป ที่ส ง
ู
152
เมตร สถูป สร้า ง
โดยพระเจ้า มหา
เสนะ และที่ส ถูป มี
แผ่น ทองที่ม อ ายุ
ี
ประมาณ ราวพุท ธ
ศตวรรษที่ 14
แผ่น ทองจารึก
พระคาถาเป็น
ภาษาสัน สกฤต
- 19. 4.
พระศรีม หาโพธิ์
เป็น หน่อ ของ
ต้น ไม้ศ ัก ดิ์ส ท ธิ์
ิ
พระพุท ธเจ้า
ตรัส รู้ใ ต้ต น ไม้น ี้
้
และนำา หน่อ ของ
มัน มายัง ศรีล ัง กา
รั้ว รอบต้น พระ
ศรีม หาโพธิท ำา
์
จากแผ่น ทอง
- 21. 5. ทวารบาลศิล าที่ร ัต นปราสาท
เป็น ทวารบาลศิล าที่ม ค วามงดงามที่ส ด
ี
ุ
ทวารบาลชิน นี้ส ลัก เป็น รูป มนุษ ย์น าค มี
้
เศีย รนาคแผ่พ ัง พานอยู่ด ้า นหลัง และถือ
หม้อ นำ้า แห่ง ความสมบูร ณ์ เรีย กว่า ปูร ณ
กลศ หรือ ปูร ณฆฏะ (PURNAGHATA)
ความสมบูร ณ์แ สดงด้ว ยสัญ ลัก ษณ์ร ูป
ดอกไม้บ าน ด้า นบนของมนุษ ย์น าค แกะ
เป็น รูป มกรโตรณะ (MAKARA TORANA)
คือ เป็น รูป วงโค้ง ปลายสองข้า งวงโค้ง แกะ
เป็น รูป มกร ด้า นหลัง มนุษ ย์น าคแกะเป็น
- 23. 6. อัฒ จัน ทร์ศ ิล า ณ วัด อภัย คีร ีี
เป็น แผ่น หิน รูป ครึ่ง
วงกลม มีภ าพสลัก
ตรงกลางเป็น รูป
ดอกบัว ครึ่ง ดอก แถว
นอกสุด แกะเป็น ลาย
ดอกไม้ ถัด มาสลัก
เป็น รูป สัต ว์ 4 ชนิด
เรีย งกัน คือ รูป ช้า ง
ม้า โค และสิง ห์ แถว
ภายในอาจมีร ูป หงส์
หรือ ห่า น และมีล าย
- 25. 7. พระพุท ธเจ้า ศากยมุน ีศ ิล า ณ
อวกนะ
พระพุท ธรูป องค์น ส ลัก อยู่ท ี่ห น้า ผาใน
ี้
บริเ วณวัด อวกนะ หมายถึง การกิน ดวง
อาทิต ย์ หมายความว่า พระพุท ธรูป องค์น ี้
ตัง อยู่ใ นตำา แหน่ง ที่ด ีท ี่ส ด ที่จ ะเห็น ดวง
้
ุ
อาทิต ย์ข ึ้น ได้ส วยที่ส ด
ุ
เป็น พระพุท ธรูป ยืน ขนาดใหญ่ค รองจีว ร
ห่ม เฉีย ง พระหัต ขวาแสดงปางประทาน
อภัย พระหัต ซ้า ยยกขึ้น เพื่อ ยึด ชายจีว ร
จีว รเป็น ริ้ว ทั้ง หมดจะสลัก เป็น ริ้ว นูน ออก
มา และเหนือ พระเศีย รมีพ ระรัศ มีเ ป็น รูป
- 28. พระพุท ธศาสนามหายาน
พระพุท ธศาสนามหายานมีจ ุด มุ่ง หมาย
แตกต่า งจากนิก ายหิน ยาน คือ เน้น การ
ดำา เนิน ตามวิถ ีท างของพระโพธิส ต ว์แ ทน
ั
การบรรลุเ ป็น พระอรหัน ต์ เพราะนิก ายนี้
เชือ ว่า การบรรลุเ ป็น พระอรหัน ต์เ ป็น การ
่
แสวงหาความสุข เฉพาะตนผูเ ดีย ว ส่ว น
้
การดำา เนิน ชีว ิต ของพระโพธิส ต ว์เ ป็น การ
ั
อุท ิศ ตนเพื่อ ผูอ ื่น อย่า งสูง สุด
้
- 29. พระโพธิส ัต ว์ห มายถึง สัต ว์ผ ู้
แสวงหาโพธิว ิญ ญาณ แบ่ง เป็น 2
ประเภท
1. มนุษ ย์โ พธิส ต ว์ – คนทั่ว ไปที่ต ง ความมุ่ง มั่น
ั
ั้
1. มนุษ ย์โ พธิส ต ว์ – คนทั่ว ไปที่ต ง ความมุ่ง มั่น
ั
ั้
ไว้อ ย่า งแนวแน่ว ่า จะดำา เนิน ชีว ิต ตามแนวของ
พระโพธิส ต ว์ 6 ประการ คือ
ั
- ทานบารมี
- ศีล บารมี
- ขัน ติบ ารมี
- วิร ิย บารมี
- ธยานบารมี
- ปัญ ญาบารมี
- 30. เทวโพธิส ต ว์ – ผูท ี่ไ ด้ต ั่ง จุด สูง สุด ในชีว ิต ว่า
ั
้
จะไม่บ รรลุพ ุท ธภูม จ นกว่า จะได้ช ว ยเหลือ
ิ
่
สรรพสัต ว์ท ั้ฃ หลายให้พ ้น วัฏ สงสาร รวมทั้ง
ดำา เนิน ชีว ิต ของมนุษ ย์โ พธิส ต ว์ 6 ประการ
ั
พร้อ มกับ ทำา บำา เพ็ญ บารมีเ พิ่ม อีก 4 ประการ คือ
อุป ายบารมี ปณิธ านบารมี พลบารมี และชญาณ
บารมี เป็น บารมีข องผูท ี่จ ะเป็น เจ้า โลกและมี
้
ความสามารถแสดงปาฏิห ารย์ต ่า ง ๆ ได้
พระโพธิส ต ว์อ วโลกิเ ตศวร มีค วามหมาย
ั
มากมาย เช่น
1. พระผูเ ป็น ใหญ่ ซึ่ง มองลงมาเบือ งล่า ง
้
้
2.
- 31. ประติม ากรรมพระโพธิส ัต ว์
ภาพสลัก หน้า ผา
ณ พุท ุร ุว คละ ประติม ากรรม
องค์ก ลางคือ รูป พระพุท ธองค์ป ระทับ ยืน สูง
15.50 เมตร เป็น พระพุท ธรูป ประทับ ยืน ใหญ่
ที่ส ด ในศรีล ัง กา และมีพ ระโพธิส ต ว์ 2 องค์ย ืน
ุ
ั
ขนาบข้า งซ้า ยขวา แต่ล ะองค์ส ง 12 เมตร ด้า น
ู
ขวาเป็น พระโพธิส ต ว์อ วโลกิเ ตศวร ด้า นซ้า ย
ั
เป็น พระโพธิส ต ว์เ มตไตรยหรือ พระพุท ธเจ้า
ั
องค์ต ่อ ไปหรือ พระอนาคตพุท ธเจ้า
- 33. พระโพธิส ัต ว์อ วโลกิเ ตศวร
พระโพธิส ต ว์พ ระนามว่า
ั
กุษ ฏราชา หรือ
พระเจ้า ขี้เ รื้อ น สลัก หน้า ผา ณ เวลิค ามะ เป็น
เรื่อ งราวของกษัต ริย ์เ ป็น โรคเรื้อ น และได้ร ับ
การรัก ษาโดยหมอแผนโบราณ พระโพธิส ต ว์
ั
อวโลกิเ ตศวรกุษ ฏราชานีค อ เทวดาแห่ง การ
้ ื
บำา บัด รัก ษาพยาบาล
ลัก ษณะของพระโพธิส ต ว์ใ นสมัย นีล ้ว นปรากฏ
ั
้
อยู่ใ นประติม ากรรมรูป มนุษ ย์ท ั้ง สิน พระ
้
โพธิส ต ว์ข องศรีล ัง กามัก สวมชฏามงกุฎ (JATA
ั
MAKUTA) คือ มุ่น ผมที่เ กล้า สูง ดูค ล้า ยมงกุฎ
- 34. พระอมิต าภะ (AMITABHA) (ผูท ี่ม แ สงสว่า ง
้ ี
เป็น นิร ัน ดร์) อยู่ด ้า นหน้า ของชฎามงกุฎ
2. รูป ดอกบัว อยู่ท างด้า นหลัง หรือ ซอกหลืบ
เหนือ พระอัง สาขวา
บริเ วณโบราณสถานเมทิร ิค ร ิย ะ ทางด้า นหน้า
ิ
ของโบราณสถานทั้ง สองด้า น จะมีส ภาพของ
ทวารบาล แกะเป็น รูป มนุษ ย์น าค มีร ูป งูเ ห่า
จำา นวน 7 หัว แผ่พ ัง พานอยู่ มนุษ ย์ย น ในท่า ตริ
ื
ภัง ค์ พระหัต ซ้า ยถือ ปูร ณฆฏะเป็น สัญ ลัก ษณ์
แห่ง ความสมบูร ณ์ ความมั่น คงรำ่า รวย ส่ว นพระ
หัต ขวาถือ ก้า นดอกไม้เ ป็น สัญ ลัก ษณ์ข องความ
อุด มสมบูร ณ์แ ละมีภ าพของคนแคระหมอบอยู่
แทบพระบาท
ถัด จากอัฒ จัน ทร์ข ึ้น ไปเป็น
1.
- 36. สมัย โปโลนนารุว ะ
อาณาจัก รโจฬะซึ่ง อยู่ท างตอนใต้ข องอิน เดีย
ได้ย กทัพ เข้า บุก รุก ศรีล ัง กา และปกครองศรี
ลัง กามายาวนาน 77 ปี และได้ย ้า ยเมือ งหลรา
จากอนุร าชปุร ะเป็น เมือ งโปโลนนารุว ะ ใน
ช่ว งนีถ ือ ได้ว ่า เป็น ยุค มืด ของศิล ปะศรีล ัง กา
้
เพราะว่า โจฬะได้ท ำา ลายศิล ปกรรมของ
อนุร าชปุร ะ และโจฬะก็ไ ด้ส ร้า งเทวสถานใน
ศาสนาพราหมณ์ ขึ้น ที่โ ปโลนนาวุร ะหลาย
แห่ง ด้ว ย (มีล ก ษณะที่ค ล้า ยคลึง กับ ที่พ บใน
ั
อิน เดีย ใต้) มีเ ทวรูป ของ เทพจัน เทศวระ
เทพติร ุช ญานะสัม พัน ทะสวาม ีี
เทพสุน ทรมูร ติส วามี
- 37. ศิว ะนาฏราช
เกศาถัก เป็น เปีย และจับ กัน เป็น กลุ่ม
โดยที่
พระศิว ะได้ท รงจับ กลุม พระเกศาไว้ท ั้ง 2
่
ด้า น เป็น ประติม ากรรมที่เ ป็น ต้น แบบของ
การเกิด พระหัต ถ์ท ี่ร องรับ พระเกศา
- 39. จิต รกรรม
ภาพภูเ ขาสีค ร ิย ะ
ิ
จิต รกรรมศรีล ัง กาจะ
ปรากฏที่ภ ูเ ขาสีค ร ิย ะประกอบด้ว ยภาพ
ิ
ของบุค คลจำา นวน 21 ภาพ เป็น ภาพของ
สตรีข นาดเท่า คนจริง ประดับ ด้ว ยเครื่อ ง
ประดับ มีเ พชรพลอยประดับ ศีร ษะด้ว ย
เครื่อ งประดับ ทรงสูง นุง ผ้า โจงกระเบน
่
คร่อ มเท้า เราเรีย กว่า โธตี (DNOTI) ตรง
หน้า ผากระหว่า งคิว มีอ ร ณามีค วามหมาย
้
ู
คือ เป็น ชาวสวรรค์
ภาพเหล่า นี้ถ ูก ปิด ส่ว นด้า นล่า งของสะเอว
- 42. สตรีใ นราชสำา นัก ของพระเจ้า กัส สปะไป
ทำา บุญ ที่ว ัด
2. เป็น ภาพของนางอัป สร
3. ภาพที่เ ขีย นด้ว นสีท องเป็น เจ้า หญิง แห่ง
สายฟ้า ภาพที่ว าดด้ว ยสีแ ก่เ ป็น ภาพนางแห่ง
เมฆ
ภาพสตรีเ หล่า นี้แ ยกออกเป็น 2 แบบ
1. ภาพที่ใ ช้ส ท อง และวาดส่ว นบนเป็น ภาพ
ี
เปลือ ย เป็น ภาพของราชิน ห รือ เจ้า หญิง
ี
2. ภาพที่ใ ช้ส แ ก่ และวาดให้ม แ ถบพาดผ่า น
ี
ี
หน้า อก อาจเป็น สนมกำา นัล นางรับ ใช้
1.
- 44. วิธ ก ารที่ใ ช้ใ นการเขีย นภาพ
ี
ใช้ว ิธ ก ารวาดด้ว ยผงสีผ สมด้ว ยยางไม้ห รือ กาว
ี
สารประเภทนมหรือ เนย ไข่เ แดง วัต ถุท ี่ใ ช้ท ำา สี
คือ ดิน เหลือ ง ดิน เทศ หรือ ดิน แดง และดิน สี
เขีย ว ซึง ทั้ง หมดนีล ้ว นเป็น แร่ธ าตุ กรรมวิธ ท ี่
่
้
ี
ใช้ใ นการเขีย นภาพที่ภ ูเ ขาสีค ร ิย ะนีเ ป็น วิธ ก าร
ิ
้
ี
เดีย วกับ ที่ถ ำ้า อชัน ตาที่อ ิน เดีย
ลัก ษณะเด่น ของงานจิต รกรรมเหล่า นี้ องค์
ประกอบของภาพจิต รกรรมได้ใ ชิธ ห รือ ความ
้ ี
ชำา นาญในการเขีย นอย่า งแท้จ ริง เป็น อิส ระและ
สุด ฝีม ือ มีค วามพอเหมาะพอเจาะ ความสมบูร ณ์
ของการวางตำา แหน่ง มือ ความสมบูร ณ์ ความ
อวบอั๋น ของหน้า อก เอวที่เ ล็ก คอดกิ่ว วงแขนที่
- 46. สถาปัต ยกรร
ม
สถูป กิร ิเ วเหระ
มี
ลัก ษณะรูป โอควำ่า มี
บัล ลัง ก์ร ูป สีเ หลี่ย ม
่
สถูป นีม ล ัก ษณะคล้า ย
้ ี
กับ พระบรมธาตุเ จดีย ์
นครศรีธ รรมราช
- 48. วิห ารลัง กาดิล ก
เป็น วิห ารที่
ประดิษ ฐาน
พระพุท ธรูป เป็น
วิห ารที่ม ีข นาด
ใหญ่ ในอดีต มี
ผนัง ล้อ มรอบทั้ง
4 ด้า น และมี
จิต รกรรมฝาผนัง
ที่ง ดงามมาก
วิห ารนีค ล้า ยกับ
้
วิห ารพระอัฏ ฐา
รถสมัย สุโ ขทัย
- 50. คัล วิห าร
เป็น ประติม ากรรมรูป
พระพุท ธเจ้า หลายองค์ส ลัก ไว้ท ี่ภ ูเ ขา
คัล วิห าร หมายถึง วิห ารหิน หรือ อารามหิน
บริเ วณนี้ม ป ระติม ากรรม พระพุท ธรูป 4
ี
องค์ ประติม ากรรมเหล่า นีเ ป็น งานชิน เอก
้
้
ของศิล ปะศรีล ง กา ประติม ากรรมพระพุท ธ
ั
รูป ประกอบด้ว ย
1. พระพุท ธรูป ประทับ นัง ปางสมาธิ
่
2. พระพุท ธรูป ประทับ นัง ปางสมาธิส ลัก
่
ไว้ใ นถำ้า
3. พระพุท ธรูป ประทับ ยืน ปางพุท ธ
- 55. วัด ทัม พุล ละ ในศรี
ลัง กามีว ัด ที่ต ั้ง อยู่
ในถำ้า มากมาย วัด
ทัม พุล ละก็เ ช่น
เดีย วกัน วัด นีม ีถ ำ้า
้
อยู่ 5 ถำ้า เพดานถำ้า
ประดับ ไปด้ว ย
จิต รกรรมฝาผนัง
และได้ม ีร ูป
พระพุท ธเจ้า 48
.
- 56. ศิล ปะแบบทัม พเทณิษ ะ ยาปวุว ะ
และกุร ุเ นคละ (DAMBADENIYA
YAPAVUVA AND KURUNEGALA)
ศิล ปะทั้ง
3 แบบ เจริญ ขึ้น ในช่ว งปีพ .ศ . 17781884 ช่ว งที่เ มือ งหลวงของศรีล ัง กา แตกออก
เป็น 3 ส่ว น
ศิล ปะแบบทัม พเทณิย ะ จะคงรูป แบบขอโปโลน
นาลุว ะไว้ท ั้ง ในส่ว นของวิห ารและสถูป
ศิล ปะแบบยาปวุว ะ เป็น ศิล ปะที่ม ีค วามสัม พัน ธ์
กับ รูป แบบทางศิล ปะของเอเชีย ตะวัน ออกเฉีย ง
ใต้ โดยเป็น ศิล ปะที่ป รากฏอิท ธิพ ลของศิล ปะ
ขอม
- 57. ภูเ ขายาปวุว ะ
ในภาพเป็น
ภาพของบัน ได
ทางขึ้น ภูเ ขา
ยาปวุว ะ ซึ่ง รูป
แบบทางศิล ปะ
ของบัน ไดหิน
เป็น รูป แบบ
ศิล ปะขอมหรือ
ศิล ปะลพบุร ี
เป็น บัน ไดที่
สวยที่ส ด ในศรี
ุ
ลัง กา ลวดลาย
- 58. ศิล ปะแบบคัม ปาละ
ศาสนสถานในพุท ธศาสนาในศิล ปะนีไ ด้
้
รับ การสร้า งสรรค์ด ้ว ยศิล ปะแบบอิน เดีย
ภาคใต้ โดยช่า งได้อ พยพมาจากอิน เดีย
ใต้ โดยหนีก ารรุก รานของมุส ลิม
คฑจะเทณิย ะวิห าร วัด นีต ั้ง อยู่บ นเนิน เขา
้
เป็น รูป แบบของสถาปัต ยกรรมดราวิเ ดีย น
ประตูท างเข้า เป็น รูป วงโค้ง มีเ สาหิน ขนาด
ใหญ่ร องรับ หลัง คา ทำา ด้ว ยแผ่น หิน
วิห ารลัง กาดิล ก เป็น โบราณสถานที่ม ร ูป
ี
แบบประเพณีน ย มของชาวสิง หลมาก เป็น
ิ
- 61. ศิล ปะแบบชัย วรรชนปุร ะหรือ
โกฎาฎ
เราจะพบศิล ปะ
แบบนีไ ด้ท ี่
้
พระราชวัง และ
เทวสถานใน
ศาสนาพราหมณ์
และเสือ มลงเมื่อ
่
โปรตุเ กตเข้า
รุก ราน
- 62. ศิล ปะแบบสิร ิว ัฒ นบุร ีห รือ
แคนดี
เจริญ ขึ้น ในเมือ งแคนดี
กษัต ริย ์ข องอาณาจัก ร
ปห่ง นีไ ม่เ กรงกลัว อำา นาจของโปรตุเ กต ดัช
้
อัง กฤษ ในช่ว งของการล่า อาณานิค ม และใน
ที่ส ด อัง กฤษก็ด ำา เนิน การปราบปราม ชาวแคนดี
ุ
ได้ใ นปีพ .ศ . 2358 และศรีล ัง กากลายเป็น เมือ ง
ขึ้น ของอัง กฤษ
คัล มาทุว ะเคทิเ ค วัด นีส ร้า งขึ้น เมือ พุท ธ
้
่
ศตวรรษที่ 2 มีล ัก ษณะหอสูง ตั้ง อยู่บ นฐาน
สีเ หลี่ย ม ซุ้ม ประตูโ ค้ง หลัง คาทำา ด้ว ยอิฐ
่
โปตคุล มาลิค ะวิห าร ซึ่ง แปลว่า ห้อ งสมุด ที่
- 65. จิต รกรรม ในศิล ปะแบบแคนดี
จิต รกรรมฝาผนัง
อายุใ นพุท ธศตวรรษที่ 2324 มีป รากฏอยู่ใ นวิห ารเพีย งไม่ก ี่แ ห่ง
จิต รกรรมจะเขีย นเรื่อ งในชาดกเป็น ส่ว นใหญ่
โดยวาดภาพบรรยาย เรื่อ งในชาดกต่อ เนื่อ ง
กัน ไปโดยแยกออกเป็น ฉากๆ จิต รกรรมแคนดี
นิย มใช้ส ี 2 สี คือ สีเ หลือ งและสีแ ดง จิต รกรรม
แคนดีจ ะแสดงออกอย่า งเรีย บง่า ยตรงไปตรง
มา จิต รกรรมแคนดีม ีล ัก ษณะของศิล ปะพื้น บ้า น
มากกว่า ที่จ ะมีค วามงามในด้า นสุน ทรีย ์ ซึ่ง ผู้
วาดเป็น เพีย งช่า งฝีม อ ชาวบ้า น จิต รกรรมแคน
ื
ดีไ ม่ป รากฏเส้น สายตาและการแรเงา
- 69. พระพุท ธรูป
พระพุท ธรูป
ในสมัย ศิล ปะแบบแคนดี มีค วาม
เจริญ รุ่ง เรือ งในการสร้า งสรรค์พ ระพุท ธรูป มี
ความเคร่ง ครัด ในหลัก วิช า มีก ารประดับ
ตกแต่ง พระพุท ธรูป อย่า งหรูห ราโดยเฉพาะการ
ประดับ ตกแต่ง บริเ วณแผ่น หลัง ของพระพุท ธรูป
ด้ว ยวัส ดุต ่า งๆ
พระพุท ธรูป ปางไสยาสน์ สลัก ด้ว ยไม้ ประดับ
ตกแต่ง ด้ว ยวัส ดุห ลากสี อายุร าวกลางพุท ธ
ศตวรรษที่ 22-24 ศิล ปิน ได้ร ะบายสีอ ย่า งสมจิ
รงในการทำา ภาพพระเนตร (ตา ) พระ
ฉวี(ผิว หนัง ) จีว ร