More Related Content
More from Marnburapa รักในหลวง
More from Marnburapa รักในหลวง (15)
เอกภพ111
- 1. คำำอธิบำยรำยวิชำ ว 30104
รำยวิชำ โลก ดำรำศำสตร์ และอวกำศ
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์
ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ ๔ รหัสวิชำ ว 30104
เวลำ 40 ชั่วโมง จำำนวน 1.0 หน่วยกิต
ศึกษำ วิเครำะห์ โครงสร้ำงของโลก แผ่นเปลือกโลก กำรเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกและผลของกำร
เคลื่อนที่ กระบวนกำรเกิดภูเขำ รอยเลื่อน รอยคดโค้ง ปรำกฏกำรณ์ทำงธรณีวิทยำเกี่ยวกับแผ่นดินไหว
ภูเขำไฟระเบิดและผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม กำรหำอำยุหิน กำรลำำดับชั้นหิน ลักษณะและอำยุ
ของซำกดึกดำำบรรพ์ และโครงสร้ำงทำงธรณีวิทยำ เพื่ออธิบำยประวัติควำมเป็นมำของพื้นที่ และกำรใช้
ประโยชน์จำกข้อมูลทำงธรณีวิทยำ กำรเกิดและวิวัฒนำกำรของระบบสุริยะ กำแล็กซีและเอกภพ ธรรมชำติ
และวัฒนำกำรของดำวฤกษ์ กำรส่งและกำรคำำนวณควำมเร็วในกำรโคจรของดำวเทียมรอบโลก กำรใช้
ประโยชน์ด้ำนต่ำงๆ จำกดำวเทียม กำรส่งและกำรสำำรวจอวกำศโดยใช้ยำนอวกำศและสถำนีอวกำศ
โดยใช้กระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ กระบวนกำรสืบเสำะหำควำมรู้ กำรสำำรวจตรวจสอบ กำรสังเกต
กำรสืบค้นข้อมูล กำรอภิปรำย สรุป
เพื่อให้เกิดควำมรู้ ควำมคิด ควำมเข้ำใจ สื่อสำรสิ่งที่เรียนรู้ มีควำมสำมำรถในกำรตัดสินใจ นำำควำมรู้
ไปใช้ในชีวิต มีจิตวิทยำศำสตร์ จริยธรรม คุณธรรมและค่ำนิยมที่เหมำะสม
ตัวชี้วัด
ว 6.1 ม. 4-6/1 ม. 4-6/2 ม. 4-6/3 ม. 4-6/4 ม. 4-6/5 ม. 4-6/6
ว 7.1 ม. 4-6/1 ม. 4-6/2
ว 7.2 ม. 4-6/1 ม. 4-6/2 ม. 4-6/3
ว 8.1 ม. 4-6/1 ม. 4-6/2 ม. 4-6/3 ม. 4-6/4 ม. 4-6/5 ม. 4-6/6 ม. 4-
6/7
ม. 4-6/8 ม. 4-6/9 ม. 4-6/10 ม. 4-6/11 ม. 4-6/12
รวม 23 ตัวชี้วัด
หน่วยกำรเรียนรู้
- 2. กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์
รหัสวิชำ ว 30104 รำยวิชำ โลกและอวกำศ
พื้นฐำน
ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 4 ภำคเรียนที่ 1 เวลำ 2 ชั่วโมง/สัปดำห์ จำำนวน 1.0
หน่วยกิต
อัตรำส่วนคะแนน มฐ. /ตัวชี้วัด : คะแนนกำรทดสอบกลำงภำคและปลำยภำค = ๗๐:๓๐
กรอบกำรวัด-ประเมินผล คะแนนเต็ม
คะแนน มฐ./ตัวชี้วัด ๗๐
คะแนนกลำงภำค ๑๕
คะแนนปลำยภำค ๑๕
รวมคะแนนทั้งหมด ๑๐๐
ลำำดับที่ ชื่อหน่วยกำรเรียน
เวลำ
(ชั่วโมง)
นำ้ำหนัก
คะแนน
1 โลกและกำรเปลี่ยนแปลง
- กำำเนิดโลก
- โครงสร้ำงของโลก
- กำรเปลี่ยนแปลงทำงธรณีภำคของ
โลก
- กำรเกิดแผ่นดินไหว ภูเขำไฟ
ระเบิด
10 25
2 กำรศึกษำเกี่ยวกับโลก
- โครงสร้ำงทำงธรณีวิทยำ
- กำรวำงตัวของชั้นหินและกำร
ลำำดับชั้นหิน
- ซำกดึกดำำบรรพ์ อำยุของหิน
- ตำรำงธรณีกำล
10 25
3 เอกภพ กำแล็กซี และระบบสุริยะ
- กำรเกิดวิวัฒนำกำรของเอกภพ
แกแลคซี่ และระบบสุริยะ
- องค์ประกอบและชนิดของแกแลคซี่
4 10
4 ดำวฤกษ์
- กำำเนิดดำวฤกษ์ และโครงสร้ำง
ของดำวฤกษ์
- อันดับควำมสว่ำงและสีของ
ดำวฤกษ์
8 20
- 3. - อำยุของดำวฤกษ์
5 เทคโนโลยีสำำรวจอวกำศ
- ดำวเทียม
- ชนิดของดำวเทียม
- กำรเคลื่อนที่ของดำวเทียมและกำร
ส่งดำวเทียมสู่อวกำศ
- ประโยชน์ของดำวเทียม
- กำรสำำรวจอวกำศ
- ภำรกิจในกำรสำำรวจอวกำศ
- ประโยชน์ของกำรสำำรวจอวกำศ
8 20
สำระที่ ๗ ดำรำศำสตร์และอวกำศ
มำตรฐำน ว ๗. ๑ เข้ำใจวิวัฒนำกำรของระบบสุริยะ กำแล็กซีและเอกภพ กำรปฏิสัมพันธ์ภำยใน
ระบบสุริยะและผลต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกมีกระบวนกำรสืบเสำะ หำควำมรู้และจิตวิทยำศำสตร์
กำรสื่อสำรสิ่งที่เรียนรู้และนำำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์
ชั้น ตัวชี้วัด สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง
ม.๔-ม.๖ ๑. สืบค้นและอธิบำยกำร
เกิดและวิวัฒนำกำรของ
ระบบสุริยะ กำแล็กซี และ
เอกภพ
-เอกภพกำำเนิด ณ จุดที่เรียกว่ำบิกแบง เป็น จุดที่
พลังงำน
เริ่มเปลี่ยนเป็นสสำร เกิดเป็นอนุภำค ควำร์ก
อิเล็กตรอน
นิวทริโน พร้อมปฏิอนุภำค เมื่ออุณหภูมิของเอกภพ
ลดตำ่ำลง ควำร์กจะรวมตัวกันเป็นอนุภำคพื้นฐำน คือ
โปรตรอน
และนิวตรอน ต่อมำโปรตรอนและนิวตรอนรวมตัวกัน
เป็น
นิวเคลียสของฮีเลียม และเกิดเป็นอะตอมของไฮโดรเจน
และ
ฮีเลียม อะตอมของไฮโดรเจนและฮีเลียม ซึ่งเป็นองค์
ประกอบ
ส่วนใหญ่ของเนบิวลำดั้งเดิม เนบิวลำดั้งเดิมกระจำยอยู่
เป็น
หย่อมๆกลำยเป็นกำแล็กซี่ ภำยในกำแล็กซี่ เกิดเป็น
ดำวฤกษ์
ระบบดำวฤกษ์
๒. สืบค้นและอธิบำย
ธรรมชำติและวัฒนำกำร
ของดำวฤกษ์์
-ดำวฤกษ์ เป็นก้อนแกสร้อนขนำดใหญ่ กำำเนิดมำ
จำกเนบิวลำ ที่มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นธำตุ
ไฮโดรเจน
ที่แก่นกลำงของ ดำวฤกษ์จะเกิดปฏิกิริยำเทอร์โม
นิวเคลียร์หลอมนิวเคลียสของไฮโดรเจนเป็น นิวเคลียส
ของ
ฮีเลียม ได้พลังงำนออกมำ
-อันดับควำมสว่ำงของดำวฤกษ์ที่สังเกตเห็นได้มำ
- 4. ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
จาก ความสวางปรากฏที่ขึ้นอยูกับความสวางจริงและ
ระยะ
หางจากโลก
-สีของดาวฤกษมีความสัมพันธกับอุณหภูมิผิวของ
ดาวฤกษและอายุของดาวฤกษ
-ดาวฤกษมีอายุยาวหรือสั้น มีจุดจบเปนหลุมดํา หรือ
ดาวนิวตรอน หรือดาวแคระขาว ขึ้นอยูกับมวลของ
ดาว ฤกษ
โครงสร้างแผนการจัดการเรียนรู้
รายวิชา กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก ดาราศาสตร และอวกาศ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 เวลา 40 ชั่วโมง
หนวยการเรียนรู้ แผนการจัด
การเรียนรู้
วิธีสอน / กระบวนการจัด
การเรียนรู้
ทักษะการคิด เวลา
(ชั่วโมง
)
หนวยการเรียนรู้
ที่ 3
เอกภพ กาแล็กซี
และระบบสุริยะ
1. เอกภพ - วิธีสอนโดยการจัดการ
เรียนรู้
แบบรวมมือ : เทคนิค
การจัดทีมแขงขัน
(TGT)
1. ทักษะการคิด
วิเคราะห
2. ทักษะการคิด
สร้างสรรค
1
2. ระบบสุริยะ 1. วิธีสอนโดยการจัดการ
เรียนรู้
แบบรวมมือ : เทคนิค
เลาเรื่อง
รอบวง
2. วิธีสอนโดยการจัดการ
เรียนรู้
แบบรวมมือ : เทคนิค
คูคิด
1. ทักษะการคิด
วิเคราะห
2. ทักษะการคิด
สร้างสรรค
2
จุดประสงคการเรียนรู้ ว 30104
15. บอกลําดับการเกิดเอกภพ ระบบสุริยะ ได้
16. บอกวิวัฒนาการของเอกภพและระบบสุริยะได้
17. อภิปรายเกี่ยวกับระบบสุริยะและพัฒนาการที่เกิดขึ้นของระบบสุริยะได้
หนวยการเรียนรู้ที่ 3 เอกภพ ดาวฤกษ และระบบสุริยะ
ตอนที่ 1 เอกภพ กาแล็กซี
กิจกรรมที่ 15 สืบค้นข้อมูลความสําคัญของการศึกษาดาราศาสตร
จุดประสงคของกิจกรรม
อภิปรายและนําเสนอข้อมูลเกี่ยวกับความสําคัญของการศึกษาดาราศาสตร
ปัญหา สิ่งมีชีวิตและการดํารงชีวิตของสิ่งมีชีวิตบนโลกเกี่ยวข้องกับดาราศาสตรในด้านใดบ้าง
ขั้นตอน
- 5. ทักษะสร้างเสริมความเข้าใจ
ที่คงทน
1. การสืบค้นข้อมูล
2. การลงความคิดเห็นข้อมูล
3. การตีความหมายข้อมูลและลง
ข้อสรุป
4. การจัดกระทําและสื่อความ
หมายข้อมูล
แหลงการเรียนรู้
1. หนังสือเรียน หนังสืออ้างอิง
1. ทําการสืบค้นและรวบรวมข้อมูลในหัวข้อ “ดาราศาสตรมีความสําคัญและสงผลตอสิ่งมีชีวิตและ
การดํารงชีวิตของมนุษยบนโลกในด้านใดบ้าง”
2. นําข้อมูลที่สืบค้นได้จากข้อ 1 มาเขียนเปนผังมโนทัศน (concept map)
3. รวมกันอภิปรายลงข้อสรุปและนําเสนอผลการอภิปรายและข้อสรุปของกลุมหน้าชั้นเรียนและ/หรือ
จัดทําเปนรายงาน
หมายเหตุ ครูอาจให้นักเรียนแตละคนนําหัวข้อ
ที่ได้จากผังมโนทัศนมาเขียนเรียงความเปนการบ้าน
โดยใช้ความรู้และจินตนาการของตนเองประกอบ
จากนั้นนํามาเสนอและแลกเปลี่ยนกับเพื่อน ๆ ในชั้นเรียน
บันทึกผลการสืบค้นข้อมูล
สรุปผล
พิจารณาจากคําตอบนักเรียน
แนวคําตอบ
จากผังมโนทัศน (concept map) ที่นักเรียนรวมกันเขียนควรสรุปความสําคัญของดาราศาสตร
ตามประเด็นตอไปนี้
1) สามารถใช้กําหนดทิศบนโลกเพื่อประโยชนในการนําทาง
2) สามารถใช้กําหนดเวลาบนโลก และใช้ในการทําปฏิทินทั้งทางจันทรคติและสุริยคติ
3) เพื่อให้มนุษยสามารถปรับสภาวะการดําเนินชีวิตให้เหมาะสมกับฤดูกาล
4) นําความรู้ที่ได้จากการศึกษาด้านนี้มาอธิบายปรากฏการณตาง ๆ บนโลก เชน การเกิด
สเปกตรัมของแสง การเกิดปฏิกิริยาเทอรโมนิวเคลียร
5) ชวยขยายความรู้ของมนุษยเกี่ยวกับกําเนิดของโลกและตัวเรา
คําถามประกอบกิจกรรม
1. มนุษยเริ่มศึกษาเกี่ยวกับดาราศาสตรเมื่อใด เริ่มศึกษาตั้งแตยุคกอนประวัติศาสตร
2. ดาราศาสตรเปนวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับอะไร ศึกษาเกี่ยวกับเอกภพ เทหวัตถุตาง ๆ บนท้องฟ้า โลกที่
เราอาศัยอยู ปรากฏการณตาง ๆ
รายการบันทึกผลการสืบค้นข้อมูล
วันที่.........เดือน....................พ.ศ...........
พิจารณาจากคําตอบนักเรียน
- 6. ที่เกิดขึ้นบนเอกภพ และเทคโนโลยีอวกาศ
3. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรใดที่เปนจุดเริ่มต้นให้มนุษยเริ่มสนใจดวงดาวบนท้องฟ้า ทักษะ
การสังเกต
4. การศึกษาดาราศาสตรในอดีตเกี่ยวข้องกับอะไร ศาสนาและเทพนิยาย
5. ดาราศาสตรมีความสําคัญตอมนุษยด้านใดบ้าง พิจารณาจากคําตอบนักเรียน
แนวคําตอบ มีความสําคัญตอการกําหนดทิศทางบนโลก การกําหนดเวลาและฤดูกาล ชวยให้มนุษยปรับวิถี
การดํารงชีวิตให้สอดคล้องกับฤดูกาลตาง ๆ
กิจกรรมที่ 16 สร้างแบบจําลองเอกภพขยายตัว
จุดประสงคของกิจกรรม
สร้างและอธิบายแบบจําลองการขยายตัวของเอกภพได้
ปัญหา เอกภพขยายตัวในลักษณะใด
ขั้นตอน
1. นําลูกโป่งที่เตรียมไว้มาเป่าจนมีขนาดใหญพอสมควร จากนั้นใช้ยางรัด รัดไมให้ลมออกจากลูกโป่ง
2. ใช้สายวัดทําการวัดขนาดเส้นผานศูนยกลางของลูกโป่ง
3. นําปากกาเคมีสีดําทําจุดขนาดใหญพอประมาณให้ทั่วผิวลูกโป่ง ดังรูป
4. ใช้ปากกาเคมีสีแดงทําวงกลมล้อมรอบจุดจุดหนึ่งไว้ จากนั้นเลือกจุด 6 จุด ที่อยูใกล้และไกลจากจุดที่ทํา
วงกลมไว้ พร้อมทั้งเขียนเลข 1–6 กํากับไว้ ดังรูป
5. วัดระยะทางจากจุดที่เลือกทั้ง 6 จุด ถึงจุดที่ได้ทําวงกลมล้อมรอบไว้ แล้วบันทึกระยะทางที่ได้ลงใน
คอลัมนที่ 2 ของตารางบันทึกผล
6. แกะยางรัดลูกโป่งออก แล้วทําการเป่าจนกระทั่งลูกโป่งมีเส้นผานศูนยกลางประมาณ 2 เทาของลูกโป่งที่
เป่าครั้งแรก จากนั้นใช้ยางรัดลูกโป่งให้แนน
7. วัดระยะทางจากจุดที่เลือกทั้ง 6 จุดถึงจุดที่ได้ทําวงกลมล้อมรอบไว้อีกครั้งหนึ่ง แล้วบันทึกระยะทางที่ได้
ลงในคอลัมนที่ 3 ของตารางบันทึกผล
8. นําคาระยะทางในคอลัมนที่ 3 ตั้ง แล้วลบด้วยระยะทางในคอลัมนที่ 2 จากนั้นบันทึกผลลงในคอลัมนที่ 4
ของตารางบันทึกผล
9. นําคาระยะทางในคอลัมนที่ 3 ตั้ง แล้วหารด้วยระยะทางในคอลัมนที่ 2 จากนั้นบันทึกผลลงในคอลัมนที่
5 ของตารางบันทึกผล
บันทึกผลการสร้างแบบจําลอง
จุด
ที่
ระยะทาง
เริ่มแรก
ระยะทางหลัง
จาก
ลูกโป่งขยายตัว
ระยะทางที่
เปลี่ยนแปลง
ปัจจัยที่เปนผล
เนื่องจากการ
เปลี่ยนแปลงระยะทาง
1 4.2 8.4 4.2 2
2 3.1 6.2 3.1 2
3 4.3 8.6 4.3 2
4 6.2 12.4 6.2 2
5 2.1 4.2 2.1 2
6 7.2 14.4 7.2 2
ทักษะสร้างเสริมความ
เข้าใจที่คงทน
1. การสังเกต
2. การลงความคิดเห็นข้อมูล
3. การตีความหมายข้อมูลและ
ลงข้อสรุป
4. การจัดกระทําและสื่อความ
หมายข้อมูล
อุปกรณ
1. ลูกโป่งสีขาว
1 ใบ
- 7. ทักษะสร้างเสริมความ
เข้าใจที่คงทน
1. การสืบค้นข้อมูล
2. การลงความคิดเห็นข้อมูล
3. การตีความหมายข้อมูล
และลงข้อสรุป
4. การจัดกระทำาและสื่อความ
หมายข้อมูล
แหล่งการเรียนรู้
1. หนังสือเรียน หนังสือ
สรุปผล
ระยะทางที่เปลี่ยนแปลงของกาแล็กซี (ระยะห่างจากจุดอ้างอิงถึงจุดที่เลือกไว้ 6 จุด) ไม่ขึ้นอยู่
กับความใกล้–ไกลของกาแลกซีกับระยะทางเริ่มแรก แสดงว่าไม่มีปัจจัยที่ทำาให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ของระยะห่าง เนื่องจากค่าที่ได้เป็นค่าคงที่ (ระยะทางที่เปลี่ยนแปลงลบด้วยระยะทางเริ่มแรก)
คำาถามประกอบกิจกรรม
1. กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อะไร เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจและสาธิตเกี่ยวกับการขยายตัว
ของเอกภพได้
2. นักเรียนเห็นด้วยหรือไม่ที่ใช้ลูกโป่งแทนเอกภพ เพราะเหตุใด พิจารณาจากคำาตอบนักเรียน
3. วัตถุประสงค์ของการกำาหนดจุดอ้างอิง (จุดที่ใช้ปากกาเคมีสีแดงทำาวงกลมล้อมรอบ) และการเลือกจุดต่าง
ๆ บนลูกโป่งอีก 6 จุด คืออะไร
เพื่อใช้จุดเหล่านี้เป็นเป้าหมายของการสังเกตขณะที่เป่าลูกโป่งให้ขยายตัว
4. ถ้ากำาหนดให้ลูกโป่งที่เป่าลมแทนการขยายตัวของเอกภพแล้ว ระยะทางที่เปลี่ยนแปลงของกาแล็กซีต่าง ๆ
ขึ้นอยู่กับความใกล้–ไกลของกาแล็กซีกับระยะทางเริ่มแรกหรือไม่ เพราะเหตุใด (เปรียบเทียบระยะทางใน
คอลัมน์ที่ 2 กับ 4) ระยะทางที่เปลี่ยนแปลงไปเท่ากับระยะทางเริ่มแรกของจุดแต่ละจุด
5. ปัจจัยที่เป็นผลเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงระยะทางขึ้นอยู่กับความใกล้–ไกลของกาแล็กซีกับระยะทางเริ่ม
แรกหรือไม่ เพราะเหตุใด
(เปรียบเทียบระยะทางในคอลัมน์ที่ 2 กับ 5) ปัจจัยของการเปลี่ยนแปลงไม่ขึ้นอยู่กับระยะทางเริ่มแรก แต่
จะมีค่าคงที่
กิจกรรมที่ 17 สืบค้นข้อมูลอิทธิพลของดวงอาทิตย์ที่มีต่อโลก
และระบบสุริยะ
จุดประสงค์ของกิจกรรม
สืบค้นและอธิบายข้อมูลเกี่ยวกับอิทธิพลของดวงอาทิตย์ที่มีต่อโลกและ
ระบบสุริยะได้
ปัญหา ดวงอาทิตย์มีอิทธิพลต่อโลกและระบบสุริยะในลักษณะใด
ขั้นตอน
1. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอิทธิพลของดวงอาทิตย์ที่มีต่อโลกและ
ระบบสุริยะในประเด็นต่อไปนี้
1) ดวงอาทิตย์ที่เรารู้จัก (กำาเนิดและวิวัฒนาการของดวงอาทิตย์
ความเป็นดาวฤกษ์ สิ่งที่ประกอบกันเป็นดวงอาทิตย์)
2) ผลกระทบของพลังงานจากดวงอาทิตย์ที่มีต่อโลก
3) ผลกระทบของพลังงานจากดวงอาทิตย์ที่มีต่อดาวเคราะห์และเทหวัตถุในระบบสุริยะ
2. นำาข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นมาอภิปรายร่วมกัน นำาเสนอในรูปของรายงาน และจัดทำาป้าย
นิเทศแสดงผลงานของกลุ่ม
บันทึกผลการสืบค้นข้อมูล
รายการบันทึกผลการสืบค้นข้อมูล
วันที่.........เดือน....................พ.ศ...........
พิจารณาจากคำาตอบนักเรียน
- 8. สรุปผล
ดวงอาทิตย์ที่เรารู้จัก
ดวงอาทิตย์เป็นวัตถุทรงกลมใหญ่ซึ่งร้อนจัด เป็นไอและแก๊ส มีความร้อนและแสงสว่างเกิดขึ้น
ภายในใจกลาง แล้วถ่ายทอดออกมาสู่พื้นผิวและแผ่กระจายออกสู่ที่ว่างโดยรอบ ถ้าเราเดินทางโดย
ยานอวกาศห่างออกไปจากดวงอาทิตย์จะเห็นดวงอาทิตย์ลดขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ จนในที่สุดจะปรากฏ
เพียงจุดสว่างเช่นเดียวกับดาวฤกษ์ที่ปรากฏอยู่เต็มท้องฟ้า
ดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากโลกโดยเฉลี่ย 149.6 ล้านกิโลเมตร แต่มีขนาดใหญ่โตกว่าโลกมาก ข้อมูล
เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ที่สำาคัญ มีดังนี้
ข้อมูล ปริมาณที่วัดได้
มวล 1.99 ×1030
กิโลเมตร
รัศมี 6.96 ×105
กิโลเมตร
ความหนาแน่นเฉลี่ย 1,410 กิโลเมตร/ลูกบาศก์เมตร
อัตราการปลดปล่อยรังสี 3.90 ×1026
จูล/วินาที
อุณหภูมิที่พื้นผิว 5,800 เคลวิน
อุณหภูมิ ณ ใจกลาง 15.5 ×106
เคลวิน
คาบเวลาการหมุนรอบตัวเอง 25 วัน
ดวงอาทิตย์ประกอบด้วยแก๊สไฮโดรเจน เมื่ออะตอมของไฮโดรเจนรวมตัวกันจะกลายเป็นอะตอมของ
ธาตุฮีเลียมในปฏิกิริยาที่เรียกว่า ปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ มวลสารของไฮโดรเจน 1 กรัม จะสูญหายไป
0.007 กรัม โดยการแปรรูปเป็นพลังงานจะได้พลังงานเท่ากับ 0.007 ×(3 ×1010
) 2
เอิร์ก/ทุก ๆ 1 กรัม
ของไฮโดรเจนที่เข้าทำาปฏิกิริยา พลังงานดังกล่าวเป็นพลังงานปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันของแก๊สไฮโดรเจน
ซึ่งจะแผ่พลังงานมายังโลก การที่โลกอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 150 ล้านกิโลเมตร ทำาให้โลกได้รับ
พลังงานจากดวงอาทิตย์น้อยเมื่อเทียบกับพลังงานที่ดวงอาทิตย์ปลดปล่อยออกมา
นักวิทยาศาสตร์พบว่าโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงรี ทำาให้ระยะห่างจากดวงอาทิตย์กับโลก
มีการเปลี่ยนแปลงได้ พลังงานที่โลกได้รับมีค่าสูงสุดประมาณ 1,400 วัตต์/ตารางเมตร ในช่วงเดือน
ธันวาคมและมกราคม และมีค่าตำ่าสุดเท่ากับ 1,305 วัตต์/ตารางเมตร ในช่วงเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม
แต่โดยเฉลี่ยแล้วโลกได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์เท่ากับ 1,353 วัตต์/ตารางเมตร
ซึ่งคิดเป็น 1/2,200,000,000 ของพลังงานทั้งหมดที่ดวงอาทิตย์เปล่งออกมา ทั้งนี้นอกจากระยะทาง
ที่ห่างไกลจากดวงอาทิตย์มากแล้ว บรรยากาศที่ห่อหุ้มโลกไว้ยังดูดกลืนพลังงานบางส่วนที่ส่งมาจาก
ดวงอาทิตย์อีกด้วย
แม้ว่าโลกจะได้รับพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์ในปริมาณที่น้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณของ
พลังงานที่ดวงอาทิตย์ปลดปล่อยออกมา แต่พลังงานทั้งหมดที่โลกได้รับนั้น ก็มีผลทำาให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
สภาพแวดล้อมต่าง ๆ บนโลกได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ปรากฏการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของพลังงาน
จากดวงอาทิตย์ต่อสิ่งแวดล้อมที่เห็นได้ชัดเจน เช่น วัฏจักรของนำ้า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การ
เปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก และการไหลเวียนของกระแสนำ้าในมหาสมุทร
คำาถามประกอบกิจกรรม
1. การที่กล่าวว่า “ดวงอาทิตย์มีความสำาคัญต่อสิ่งมีชีวิตทั้งมวลบนโลก” นักเรียนคิดว่าเนื่องมาจากเหตุผลใด
เนื่องจากดวงอาทิตย์เป็นแหล่งกำาเนิดพลังงานที่สำาคัญของโลก สิ่งมีชีวิตทั้งมวลบนโลกจะต้องอาศัย
ดวงอาทิตย์เพื่อการดำารงชีวิต ดวงอาทิตย์จะให้แสงสว่าง ความร้อน และพลังงานอื่น ๆ แก่โลก ช่วยทำาให้สิ่ง
มีชีวิตเกิดความอบอุ่น ช่วยในการปรุงอาหารของพืช และทำาให้เกิดปรากฏการณ์ต่าง ๆ ทางธรรมชาติที่มี
อิทธิพลต่อสิ่งมีชีวิต
2. ถ้าโลกสามารถควบคุมอุณหภูมิบนโลกไม่ให้สูงกว่าปกติได้ จะเกิดผลอะไรต่อโลกบ้าง
ทำาให้โลกเกิดความอบอุ่นพอเหมาะต่อการดำารงชีวิต เกิดความสมดุลทางธรรมชาติ ทำาให้
สิ่งมีชีวิตดำารงชีวิตอยู่ได้เป็นเวลานาน
3. อะไรคือสาเหตุที่ทำาให้โลกไม่สามารถส่งพลังงานจากดวงอาทิตย์กลับคืนออกไปนอกโลกได้
- 9. การเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศที่ห่อหุ้มโลก อันเนื่องมาจากมีแก๊สบางชนิด เช่น
คาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากกระบวนการเผาไหม้ หรือกระบวนการผลิตทางเคมีจะถูกปลดปล่อยออกสู่
บรรยากาศผิวโลกและเกิดการสะสมอยู่ในบรรยากาศที่ทำาหน้าที่ถ่ายเทพลังงาน ซึ่งแก๊สดังกล่าวมีสมบัติใน
การเก็บกักความร้อน จึงทำาให้กระบวนการถ่ายเทพลังงานโดยเฉพาะการสะท้อนกลับของพลังงานสู่
บรรยากาศภายนอกลดลง
4. สิ่งที่ทำาให้ดาวเคราะห์และเทหวัตถุในระบบสุริยะอยู่ในระบบสุริยะได้คืออะไร อธิบายเหตุผล
ประกอบ
พิจารณาจากคำาตอบนักเรียน
5. นักเรียนคิดว่าพลังงานจากดวงอาทิตย์ส่งผลกระทบต่อดาวเคราะห์ที่อยู่ในระบบสุริยะในลักษณะใด
อธิบายเหตุผลประกอบ
พิจารณาจากคำาตอบนักเรียน
- 10. การเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศที่ห่อหุ้มโลก อันเนื่องมาจากมีแก๊สบางชนิด เช่น
คาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากกระบวนการเผาไหม้ หรือกระบวนการผลิตทางเคมีจะถูกปลดปล่อยออกสู่
บรรยากาศผิวโลกและเกิดการสะสมอยู่ในบรรยากาศที่ทำาหน้าที่ถ่ายเทพลังงาน ซึ่งแก๊สดังกล่าวมีสมบัติใน
การเก็บกักความร้อน จึงทำาให้กระบวนการถ่ายเทพลังงานโดยเฉพาะการสะท้อนกลับของพลังงานสู่
บรรยากาศภายนอกลดลง
4. สิ่งที่ทำาให้ดาวเคราะห์และเทหวัตถุในระบบสุริยะอยู่ในระบบสุริยะได้คืออะไร อธิบายเหตุผล
ประกอบ
พิจารณาจากคำาตอบนักเรียน
5. นักเรียนคิดว่าพลังงานจากดวงอาทิตย์ส่งผลกระทบต่อดาวเคราะห์ที่อยู่ในระบบสุริยะในลักษณะใด
อธิบายเหตุผลประกอบ
พิจารณาจากคำาตอบนักเรียน